SlideShare a Scribd company logo
1
ขรปุตตชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๒. ขรปุตตวรรค
หมวดว่าด้วยม้าเกิดแต่ลา
๑. ขรปุตตชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๓๘๖)
ว่าด้วยม้าสินธพลูกลา
(ม้าสินธพกล่าวกับแพะท้าวสักกะจาแลงว่า)
[๗๖] ได้ยินว่า เป็ นความจริงที่บัณฑิตทั้งหลาย
กล่าวถึงแพะว่าเป็นสัตว์โง่ ดูเอาเถิด
สัตว์โง่ไม่รู้จักกรรมที่ควรทาในที่ลับหรือที่แจ้ง
(แพะท้าวสักกะจาแลงกล่าวว่า)
[๗๗] เจ้าม้าเพื่อนยาก เจ้าจงรู้เถิดว่า เจ้าช่างเป็นสัตว์โง่จริงๆ
เพราะเจ้าถูกสนตะพายจนปากคดหน้าคว่า
[๗๘] เพื่อน ความโง่ของเจ้าอีกอย่างหนึ่ง คือถูกเขาปล่อยแล้วไม่หนีไป
เพื่อนเอ๋ย แต่พระเจ้าเสนกะที่เพื่อนลากไปโง่กว่าเจ้าเสียอีก
(ม้าสินธพฟังคาของแพะจาแลงแล้วจึงกล่าวว่า)
[๗๙] พญาแพะเพื่อนยาก ท่านรู้เหตุที่เราโง่
แต่พระเจ้าเสนกะโง่เพราะเหตุอะไร เราถามแล้ว เจ้าจงบอกเหตุนั้น
(แพะท้าวสักกะจาแลงบอกว่า)
[๘๐] ผู้ใดได้ประโยชน์สูงสุด (ประโยชน์สูงสุด
ในที่นี้หมายถึงมนต์วิเศษชื่อสัพพรุตชานนมนต์
คือมนต์รู้เสียงร้องของสรรพสัตว์) แล้วจะยกให้ภรรยา ด้วยการยกให้นั้น
เขาจักต้องสละตน ส่วนภรรยานั้นจักไม่เป็นภรรยาของเขาอีก
(แพะท้าวสักกะจาแลงกล่าวอีกว่า)
[๘๑] พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งชน บุคคลผู้เช่นกับพระองค์
มาทอดทิ้งตัวเองด้วยคิดว่า เรามีสิ่งอันเป็ นที่รัก
ย่อมไม่ประสบสิ่งอันเป็นที่รักทั้งหลาย เพราะตนแลประเสริฐกว่า
และยังประเสริฐกว่าสิ่งอันเป็ นที่รักชั้นเยี่ยม
บุรุษสั่งสมประโยชน์แล้วก็จะพึงได้ภรรยาอันเป็นที่รักในภายหลัง
ขรปุตตชาดกที่ ๑ จบ
--------------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
ขุรปุตตชาดก
ว่าด้วย ทาตนให้ไร้ประโยชน์
2
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
ทรงปรารภภิกษุผู้ถูกภรรยาเก่าโลมเล้า จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้.
ความย่อว่า พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า จริงหรือภิกษุ ได้ทราบว่า
เธอกระสันอยากสึก. เมื่อเธอทูลว่า จริงพระเจ้าข้า เมื่อถูกตรัสถามอีกว่า
เธอกระสันอยากสึก เพราะเหตุอะไร? เมื่อเธอทูลว่า เพราะภรรยาเก่า พระเจ้าข้า.
จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
หญิงนี้ทาสิ่งที่ไม่เป็ นประโยชน์แก่เธอไม่เฉพาะในบัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน
เธอกาลังจะกระโดดเข้าไฟตายเพราะอาศัยหญิงนี้
แต่อาศัยบัณฑิตจึงได้ชีวิตไว้ดังนี้แล้ว จึงทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก
ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล
เมื่อพระราชาทรงพระนามว่าเสนกะ ครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี
พระโพธิสัตว์ให้พระองค์ทรงทาความเคารพ. ครั้งนั้น
พระเจ้าเสนกะทรงมีความรักใคร่กับด้วยนาคราชตัวหนึ่ง. ได้ทราบว่า
นาคราชนั้นออกจากนาคพิภพเที่ยวหาจับเหยื่อบนบกกิน.
ครั้งนั้น เด็กชาวบ้านเห็นมันแล้ว บอกกันว่านี้งู
แล้วพากันเอาก้อนดินและท่อนไม้เป็นต้นตี.
พระราชาเสด็จสาราญที่พระราชอุทยานทรงเห็นแล้ว ตรัสถามว่า
เด็กเหล่านั้นทาอะไรกัน? ทรงทราบว่า พากันฆ่างูตัวหนึ่ง. จึงตรัสสั่งว่า
พวกเอ็งอย่าฆ่า จงให้มันหนีไป แล้วทรงให้นาคราชนั้นหนีไปแล้ว.
นาคราชได้ชีวิตแล้ว ได้ไปยังนาคพิภพ ถือเอารัตนะมากมาย ครั้นเวลาเที่ยงคืน
จึงเข้าไปยังพระที่นั่งสาหรับพระราชาบรรทม ทูลเกล้าถวายรัตนะเหล่านั้น
แล้วทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าอาศัยพระองค์แล้วได้ชีวิตมา
แล้วได้ทามิตรภาพกับพระราชา จึงไปเฝ้ าพระราชาบ่อยๆ.
นาคราชนั้นได้ตั้งนาคมาณวิกานางหนึ่งผู้ไม่อิ่มในกามคุณ
ในบรรดานางนาคมาณวิกาทั้งหลายของตนไว้ประจาราชสานัก
เพื่อประโยชน์แก่การรักษา. เขาทูลว่า
เมื่อใดพระองค์ไม่ทรงเห็นนาคมาณวิกาคนนั้น
เมื่อนั้นพระองค์พึงทรงร่ายมนต์บทนี้ แล้วได้ถวายมนต์บทหนึ่งแด่พระองค์.
อยู่มาวันหนึ่ง พระองค์เสด็จพระราชอุทยาน
ทรงเล่นน้าในสระโบกขรณีกับนางนาคมาณวิกา
นางนาคมาณวิกาเห็นงูน้าตัวหนึ่ง จึงเปลี่ยนแปลงอัตภาพเป็ นงู
เสพอสัทธรรมกับงูตัวนั้น. พระราชา เมื่อไม่ทรงเห็นนาคมาณวิกานั้น
ทรงสงสัยว่า เธอไปไหนหนอ? จึงทรงร่ายมนต์แล้วทรงเห็นนางกาลังทาอนาจาร
จึงทรงตีด้วยซีกไม้ไผ่.
3
นางโกรธจึงออกจากพระราชอุทยานนั้นไปยังนาคพิภพ
ถูกนาคราชถามว่า เหตุไฉนเจ้าจึงมา? ทูลว่า สหายของพระองค์ตีหลัง
คือเฆี่ยนหม่อมฉันผู้ไม่เชื่อถือถ้อยคาของตน แล้วแสดงการตีให้ดู.
นาคราชไม่ทราบตามความจริงเลย จึงเรียกนาคมาณพ ๔ ตนมา
ส่งไปโดยดารัสว่า สูเจ้าทั้งหลายจงไป
จงพากันเข้าไปยังพระที่นั่งบรรทมของพระเจ้าเสนกะ
แล้วทาลายพระที่นั่งนั้นให้เป็ นเหมือนแกลบ ด้วยลมจมูกการพ่นพิษนั่นเอง.
นาคมาณพเหล่านั้นพากันไปแล้ว
ได้เข้าไปยังห้องในเวลาที่พระราชาทรงบรรทมบนพระยี่ภู่ที่สง่างาม.
ในเวลาที่นาคมาณพเหล่านั้นเข้าไปนั่นเอง พระราชาได้ตรัสถามพระราชเทวีว่า
ดูก่อนน้องนางผู้เจริญ เธอรู้ไหมที่ที่นางนาคมาณวิกาไป? พระราชเทวีทูลว่า
หม่อมฉันไม่รู้เพคะ. พระราชาตรัสว่า วันนี้
นาคมาณวิกานั้นได้ละอัตภาพของตน แล้วทาอนาจารกับงูน้าตัวหนึ่ง
ในเวลาเล่นน้าในสระโบกขรณีของเรา เมื่อเป็นเช่นนั้นฉันจึงได้เอาซีกไม้ไผ่ตีเขา
เพื่อต้องการให้สาเหนียกว่า เจ้าอย่าทาอย่างนี้.
เขาไปยังนาคพิภพคงบอกอะไรอย่างอื่นแก่สหายของเรา แล้วทาลายมิตรภาพเสีย
ภัยจักเกิดขึ้นแก่เรา.
นาคมาณพทั้งหลายได้ฟังดังนั้นแล้ว
จึงพากันกลับออกไปจากพระที่นั่งบรรทมนั้น
แล้วไปยังนาคพิภพทูลเนื้อความนั้นแก่นาคราช.
ท้าวเธอถึงความสังเวชแล้วได้เสด็จมายังพระที่นั่งบรรทมของพระราช
า ทูลให้ทราบเนื้อความนั้น
ขอขมาพระองค์แล้วได้ถวายมนต์ชื่อว่าสรรพรุตชนนะ คือมนต์รู้เสียงร้องของสัต
ว์ทุกชนิด โดยมุ่งหมายว่า นี้เป็ นทัณฑกรรมของเรา แล้วทูลว่า ข้าแต่มหาราช
มนต์นี้หาค่าบ่มิได้ ถ้าหากพระองค์จะได้ประทานมนต์นี้แก่ผู้อื่นไซร้
ครั้นทรงประทานแล้วต้องทรงกระโดดเข้ากองไฟสวรรคต.
พระราชาทรงรับคาว่าดีแล้ว ต่อแต่นั้นมา แม้เสียงมดแดงพระองค์ก็ทรงทราบ.
วันหนึ่งเมื่อพระองค์ประทับนั่งที่ท้องพระโรง
เสวยของเคี้ยวจิ้มน้าผึ้งน้าอ้อย
น้าผึ้งน้าอ้อยหยดหนึ่งและขนมชิ้นหนึ่งตกลงที่พื้น.
มดแดงตัวหนึ่งเห็นหยดน้าผึ้งเป็ นต้นนั้น เที่ยวร้องบอกกันว่า
ถาดน้าผึ้งของหลวงแตกที่ท้องพระโรง หม้อน้าอ้อย หม้อขนมคว่า
ท่านทั้งหลายจงกินน้าผึ้งน้าอ้อยและขนม.
พระราชาทรงสดับเสียงร้องบอกของมดแดงแล้วทรงพระสรวล.
พระราชเทวีประทับที่ใกล้เคียงพระราชา ทรงดาริว่า พระราชาทรงเห็นอะไรหนอ
4
จึงทรงพระสรวล?
เมื่อพระราชานั้นเสวยของเคี้ยวทรงสรงสนานแล้ว
ประทับนั่งบนพระราชบัลลังก์ แมลงวันตัวผู้พูดกับแมลงวันตัวเมียตัวหนึ่งว่า
มาเถิดน้องเอ๋ย พวกเรามาอภิรมย์กันด้วยความยินดีด้วยกิเลส. ลาดับนั้น
แมลงวันตัวเมียพูดกับแมลงวันตัวผู้นั้นว่า คอยก่อนเถอะพี่นาย บัดนี้
ราชบุตรจะนาของหอมมาถวายพระราชา
เมื่อพระองค์ทรงลูบไล้ผงของหอมจักตกลงแทบบาทมูล ฉันจักร่อนถลาไป ณ
ที่นั้นแล้วจะมีกลิ่นหอม ต่อจากนั้น
เราก็จักนอนอภิรมย์กันเบื้องพระปฤษฎางค์ของพระราชา.
พระราชาทรงสดับเสียงแม้นั้นแล้ว ก็ทรงพระสรวล. ฝ่ายพระเทวีก็ทรงดาริอีกว่า
พระราชาทรงเห็นอะไรหนอ จึงทรงพระสรวล?
เมื่อพระราชาทรงเสวยพระกระยาหารเย็นอีก
ภัตพิเศษก้อนหนึ่งหล่นที่พื้น มดแดงทั้งหลายก็ร้องบอกกันว่า
หม้อพระกระยาหารในราชตระกูลแตกแล้ว
ขอท่านทั้งหลายจงพากันไปรับประทานภัตตาหารเถิด.
พระราชาครั้นได้ทรงสดับคานั้นแล้ว ก็ทรงพระสรวลอีก.
ฝ่ายพระราชเทวีทรงถือเอาช้อนทองอังคาสพระราชาอยู่ จึงทรงพระวิตกว่า
พระราชาทรงเห็นอะไรหนอ จึงทรงพระสรวล?
ในเวลาเสด็จขึ้นแท่นพระบรรทมกับพระราชา พระนางทูลถามว่า
ข้าแต่สมมติเทพ พระองค์ทรงพระสรวล เพราะเหตุอะไร?
พระองค์ตรัสว่า จะมีประโยชน์อะไรสาหรับเธอ
เพราะเหตุที่ฉันหัวเราะ แล้วถูกพระนางรบเร้าให้ตรัสบอกบ่อยๆ
ภายหลังจึงทูลพระองค์ว่า
ขอพระองค์จงประทานมนต์ที่ทาให้รู้เสียงสัตว์ของพระองค์แก่หม่อมฉัน
แม้ถูกพระราชาทรงห้ามว่าไม่อาจให้ได้ ก็ทรงรบเร้าบ่อยๆ.
พระราชาจึงตรัสว่า ถ้าหากฉันจักให้มนต์นี้แก่เธอไซร้ ฉันก็จักตาย.
พระนางทูลว่า ข้าแต่สมมติเทพ
ถึงพระองค์จะสิ้นพระชนม์ก็จงประทานแก่หม่อมฉัน
เพราะพระราชาเป็ นผู้ชื่อว่าตกอยู่ในอานาจมาตุคาม จึงทรงรับคาว่า ดีละ
แล้วทรงตัดสินพระทัยว่า เราจักให้มนต์แก่พระราชเทวี แล้วจึงจะเข้ากองไฟ
ดังนี้แล้วได้เสด็จเข้าไปยังพระราชอุทยานด้วยราชรถ.
ขณะนั้น ท้าวสักกะทรงตรวจดูสัตวโลกอยู่
ทรงเห็นเหตุการณ์นี้แล้วทรงดาริว่า พระราชาเขลาองค์นี้อาศัยมาตุคาม
เสด็จไปด้วยหมายพระทัยว่า จักเข้ากองไฟ เราจักให้ชีวิตแก่เขา
แล้วทรงพาเอาอสุรกัญญาทรงพระนามว่า สุชา มายังกรุงพาราณสี
5
ทรงทาให้นางสุชาเป็นแพะตัวเมีย พระองค์เองเป็นแพะตัวผู้ แล้วทรงอธิษฐานว่า
ขออย่าให้มหาชนเห็น แล้วได้อยู่ข้างหน้าราชรถ.
พระราชาได้ทอดพระเนตรเห็นแพะนั้น และม้าที่เทียมรถก็เห็นด้วย
แต่ใครคนอื่นไม่เห็น แพะตัวผู้ทาท่าจะเสพเมถุนกับแพะตัวเมีย
เพื่อจะสร้างเรื่องราวขึ้น. ม้าเทียมรถตัวหนึ่งเห็นแพะนั้น จึงพูดว่า
เจ้าเพื่อนแพะเอ๋ย เมื่อก่อนพวกเราได้ยินเขาเล่ากันว่า พวกแพะโง่
ไม่มีความละอาย และไม่เห็นเรื่องนั้น แต่แกทาอนาจารที่จะต้องทาในที่ลับ
ซึ่งเป็ นสถานที่ปกปิดต่อหน้าพวกเรามีจานวนเท่านี้ที่กาลังดูอยู่นั่นเอง
แกไม่ละอาย คาที่พวกข้าพเจ้าได้ยินมาแต่ก่อนนั้น สมกับเหตุการณ์ที่ได้เห็นอยู่นี้
แล้วได้กล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :-
ได้ทราบว่า เป็นความจริงที่บัณฑิตทั้งหลายพูดถึงแพะโง่ว่าอย่างนี้
ดูเถิดสัตว์ที่โง่ ไม่รู้จักกรรมที่ควรทาในที่ลับและกรรมที่ควรทาในที่แจ้ง.
แพะได้ฟังดังนั้นแล้ว ได้กล่าวคาถา ๒ คาถาว่า :-
สหายเอ๋ย แกนั่นแหละโง่ ดูก่อนเจ้าลูกลา แกจงรู้ตัวเถิด
แกถูกเชือกรัดคอไว้มีริมฝีปากเบี้ยว มีเชือกมัดปากไว้
สหายเอ๋ย ความโง่แม้อย่างอื่นของแก คือที่แกถูกปลดจากแอกแล้ว
แต่ไม่หนีไป สหายเอ๋ย พระเจ้าเสนกะที่แกลากไปนั่นแหละโง่กว่าแก.
พระราชาทรงเข้าพระทัยถ้อยคาของสัตว์ทั้ง ๒ ตัวนั้น เพราะฉะนั้น
เมื่อทรงสดับคานั้น จึงทรงให้ขับรถไปค่อยๆ.
ฝ่ายม้าสินธพได้ฟังคาของแพะแล้ว จึงกล่าวคาถาที่ ๔ ว่า :-
สหายอชราชเอ๋ย ข้าโง่ด้วยเหตุใดหนอ เหตุนั้นแกก็รู้
แต่พระเจ้าเสนกะโง่ เพราะเหตุใด แกถูกข้าถามแล้ว จงบอกเหตุนั้นแก่ข้า.
มีคาอธิบายไว้ว่า ดูก่อนสหายอชราช ก่อนอื่นฉันโง่ เพราะเหตุ
คือความเป็นสัตว์เดียรัจฉานอันใด แกรู้เหตุอันนั้น ข้อนี้แกอาจรู้ได้
เพราะว่าฉันเป็ นผู้โง่เขลา เพราะเป็ นสัตว์เดียรัจฉานนั่นเอง เพราะฉะนั้น
แกเมื่อกล่าวว่า ลูกลาเป็นต้นกะฉัน ก็ชื่อว่ากล่าวดีถูกต้อง แต่พระเจ้าเสนกะนี้โง่
เพราะเหตุอะไร? แกถูกข้าถามแล้ว จงบอกข้อนั้นแก่ข้า ดังนี้.
แพะเมื่อจะบอกเหตุนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๕ ว่า :-
ผู้ใดได้มนต์ชั้นยอดแล้วจักให้แก่ภรรยา เพราะการให้นั้น
ผู้นั้นจะสละตนทิ้งเสีย และเขาก็จักไม่มีภรรยานั้น.
กล่าวคือการให้มนต์แก่ภรรยานั้น เขาครั้นให้มนต์นั้นแล้ว
ก็จักสละตนทิ้งกระโดดเข้ากองไฟ เขาก็จักไม่มีภรรยาคนนั้นเลย เพราะฉะนั้น
ผู้นั้นคือพระเจ้าเสนกะผู้ไม่สามารถรักษายศที่ได้แล้วไว้ได้ จึงเป็นผู้โง่กว่าแก
ดังนี้.
พระราชา ครั้นทรงสดับคานั้นแล้ว จึงตรัสว่า อชราชเอ๋ย
6
ก็เจ้าแม้เมื่อจะทาความสวัสดีแก่เรา จักทาสิ่งนั้น
ก่อนอื่นขอเจ้าจงบอกสิ่งที่ควรแก่สิ่งที่จะต้องทาแก่เรา.
ครั้งนั้น อชราชจึงทูลกะพระราชานั้นว่า ข้าแต่มหาราช
ไม่มีผู้อื่นที่ชื่อว่าเป็นที่รักของสัตว์ทั้งหลายเหล่านี้ยิ่งกว่าตน
คนไม่ควรให้ตนพินาศ ไม่ควรละทิ้งยศที่ได้แล้ว
เพราะอาศัยของรักอย่างเดียวดังนี้แล้ว
ได้กล่าวคาถาที่ ๖ ว่า :-
ข้าแต่จอมนรชน ผู้เช่นกับด้วยพระองค์ทรงทอดอาลัยตน
ไม่คบหาของรักทั้งหลายว่า สิ่งนี้เป็ นที่รักของเรา
ตนเท่านั้นประเสริฐกว่าสิ่งที่ประเสริฐอย่างยิ่งทีเดียว ผู้มีตนสั่งสมบุญไว้แล้ว
จะพึงได้หญิงที่รักในภายหลัง.
เพราะว่า ธรรมดาว่าบุรุษผู้มีตนสั่งสมบุญไว้แล้ว
คือมีตนเจริญแล้วอาจได้หญิงที่รักในภายหลัง บุคคลไม่ควรให้ตนฉิบหายไป
เพราะเหตุแห่งหญิงที่รักนั้นดังนี้.
พระมหาสัตว์ได้ถวายโอวาทแด่พระราชาด้วยประการอย่างนี้.
พระราชาทรงพอพระทัย แล้วตรัสถามว่า ดูก่อนอชราช
ท่านมาจากที่ไหน?
ท้าวสักกะตรัสตอบว่า ข้าแต่มหาราช
เราคือท้าวสักกะมาด้วยความอนุเคราะห์ท่าน
เพื่อจะปลดเปลื้องท่านจากความตาย.
รา. ข้าแต่เทวราช ข้าพระองค์ได้ลั่นวาจาออกไปแล้วว่า
ข้าพระองค์จักให้มนต์แก่พระเทวี บัดนี้ ข้าพระองค์จะกระทาอย่างไร?
สัก. ดูก่อนมหาราช ภารกิจด้วยความพินาศจะไม่มีแก่ท่านทั้ง ๒
ถ้าท่านกล่าวว่า อุปจารแห่งศิลปะมีอยู่ แล้วให้คนคนหนึ่งเฆี่ยนพระราชเทวี ๒-๓
ครั้งด้วยอุบายนี้ นางจักไม่เรียน.
พระราชาทรงรับเทพดารัสว่า ดีแล้ว.
พระมหาสัตว์ถวายโอวาทพระราชาแล้ว
ได้เสด็จไปยังสถานที่ของพระองค์นั่นเอง.
พระราชาเสด็จไปถึงพระราชอุทยานแล้ว ตรัสสั่งให้หาพระราชเทวีมา
แล้วตรัสถามว่า น้องนางเอ๋ย เธอจักเรียนมนต์หรือ.
พระนางทูลว่า เพคะ ข้าแต่สมมติเทพ.
รา. ถ้ากระนั้น เราจะทาอุปจาระแห่งศิลปะ.
เท. อุปจาระเป็นอย่างไร?
รา. เมื่อเฆี่ยนที่หลัง ๑๐๐ ครั้ง เธอไม่ควรส่งเสียงร้อง.
พระนางทรงรับพระราชดารัสว่า สาธุ เพราะอยากได้มนต์.
7
พระราชาตรัสสั่งให้เรียกเจ้าหน้าที่ฆ่าโจร
คือเพชฌฆาตมาแล้วให้รับเอาหวายไปเฆี่ยนทั้ง ๒ ข้าง
พระนางทรงทนทานการเฆี่ยน ๒-๓ ครั้งได้ ต่อจากนั้นไป ทรงร้องว่า
หม่อมฉันไม่ต้องการมนต์.
ครั้งนั้น พระราชาจึงตรัสกะพระนางว่า
เธอประสงค์จะเรียนมนต์โดยให้ฉันตายไป
แล้วทรงให้ถลกหนังที่พระขนองทิ้งออกไป. จาเดิมแต่นั้นมา
พระนางไม่อาจกราบทูลอีก.
พระศาสดา
ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มา ทรงประกาศสัจธรรมทั้งหลาย แล้วทรงประมวล
ชาดกลงไว้ ในที่สุดแห่งสัจธรรม
ภิกษุผู้กระสันอยากสึกได้ดารงอยู่ในโสดาปัตติผล.
พระราชาในครั้งนั้น ได้เป็ นภิกษุผู้กระสันอยากสึกในบัดนี้
พระราชเทวีเป็น ภรรยาเก่าของภิกษุนั้น
ม้าเป็น พระสารีบุตร
ส่วนท้าวสักกเทวราชเป็น เราตถาคต นั่นเอง ดังนี้แล.
จบ อรรถกถาขุรปุตตชาดกที่ ๑
-----------------------------------------------------

More Related Content

Similar to 386 ขรปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
038 พกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
038 พกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx038 พกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
038 พกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
206 กุรุงคมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
206 กุรุงคมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...206 กุรุงคมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
206 กุรุงคมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
117 ติตติรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
117 ติตติรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx117 ติตติรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
117 ติตติรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
172 ทัททรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
172 ทัททรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx172 ทัททรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
172 ทัททรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
 
404 กปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
404 กปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx404 กปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
404 กปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
274 โลลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
274 โลลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx274 โลลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
274 โลลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
198 ราธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
198 ราธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx198 ราธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
198 ราธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
137 พัพพุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
137 พัพพุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx137 พัพพุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
137 พัพพุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
189 สีหจัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
189 สีหจัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....189 สีหจัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
189 สีหจัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
173 มักกฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
173 มักกฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx173 มักกฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
173 มักกฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
279 สตปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
279 สตปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx279 สตปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
279 สตปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
321 กุฏิทูสกชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
321 กุฏิทูสกชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....321 กุฏิทูสกชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
321 กุฏิทูสกชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
027 อภิณหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
027 อภิณหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx027 อภิณหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
027 อภิณหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
257 คามณิจันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
257 คามณิจันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...257 คามณิจันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
257 คามณิจันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
486 มหาอุกกุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
486 มหาอุกกุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...486 มหาอุกกุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
486 มหาอุกกุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
271 อุทปานทูสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
271 อุทปานทูสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...271 อุทปานทูสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
271 อุทปานทูสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 

Similar to 386 ขรปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)

329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
038 พกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
038 พกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx038 พกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
038 พกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
206 กุรุงคมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
206 กุรุงคมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...206 กุรุงคมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
206 กุรุงคมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
117 ติตติรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
117 ติตติรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx117 ติตติรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
117 ติตติรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
172 ทัททรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
172 ทัททรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx172 ทัททรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
172 ทัททรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
404 กปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
404 กปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx404 กปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
404 กปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
274 โลลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
274 โลลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx274 โลลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
274 โลลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
198 ราธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
198 ราธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx198 ราธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
198 ราธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
137 พัพพุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
137 พัพพุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx137 พัพพุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
137 พัพพุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
189 สีหจัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
189 สีหจัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....189 สีหจัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
189 สีหจัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
173 มักกฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
173 มักกฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx173 มักกฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
173 มักกฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
279 สตปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
279 สตปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx279 สตปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
279 สตปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
321 กุฏิทูสกชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
321 กุฏิทูสกชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....321 กุฏิทูสกชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
321 กุฏิทูสกชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
027 อภิณหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
027 อภิณหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx027 อภิณหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
027 อภิณหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
257 คามณิจันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
257 คามณิจันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...257 คามณิจันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
257 คามณิจันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
486 มหาอุกกุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
486 มหาอุกกุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...486 มหาอุกกุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
486 มหาอุกกุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
271 อุทปานทูสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
271 อุทปานทูสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...271 อุทปานทูสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
271 อุทปานทูสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 

More from maruay songtanin

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
maruay songtanin
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 

386 ขรปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

  • 1. 1 ขรปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ ๒. ขรปุตตวรรค หมวดว่าด้วยม้าเกิดแต่ลา ๑. ขรปุตตชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๓๘๖) ว่าด้วยม้าสินธพลูกลา (ม้าสินธพกล่าวกับแพะท้าวสักกะจาแลงว่า) [๗๖] ได้ยินว่า เป็ นความจริงที่บัณฑิตทั้งหลาย กล่าวถึงแพะว่าเป็นสัตว์โง่ ดูเอาเถิด สัตว์โง่ไม่รู้จักกรรมที่ควรทาในที่ลับหรือที่แจ้ง (แพะท้าวสักกะจาแลงกล่าวว่า) [๗๗] เจ้าม้าเพื่อนยาก เจ้าจงรู้เถิดว่า เจ้าช่างเป็นสัตว์โง่จริงๆ เพราะเจ้าถูกสนตะพายจนปากคดหน้าคว่า [๗๘] เพื่อน ความโง่ของเจ้าอีกอย่างหนึ่ง คือถูกเขาปล่อยแล้วไม่หนีไป เพื่อนเอ๋ย แต่พระเจ้าเสนกะที่เพื่อนลากไปโง่กว่าเจ้าเสียอีก (ม้าสินธพฟังคาของแพะจาแลงแล้วจึงกล่าวว่า) [๗๙] พญาแพะเพื่อนยาก ท่านรู้เหตุที่เราโง่ แต่พระเจ้าเสนกะโง่เพราะเหตุอะไร เราถามแล้ว เจ้าจงบอกเหตุนั้น (แพะท้าวสักกะจาแลงบอกว่า) [๘๐] ผู้ใดได้ประโยชน์สูงสุด (ประโยชน์สูงสุด ในที่นี้หมายถึงมนต์วิเศษชื่อสัพพรุตชานนมนต์ คือมนต์รู้เสียงร้องของสรรพสัตว์) แล้วจะยกให้ภรรยา ด้วยการยกให้นั้น เขาจักต้องสละตน ส่วนภรรยานั้นจักไม่เป็นภรรยาของเขาอีก (แพะท้าวสักกะจาแลงกล่าวอีกว่า) [๘๑] พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งชน บุคคลผู้เช่นกับพระองค์ มาทอดทิ้งตัวเองด้วยคิดว่า เรามีสิ่งอันเป็ นที่รัก ย่อมไม่ประสบสิ่งอันเป็นที่รักทั้งหลาย เพราะตนแลประเสริฐกว่า และยังประเสริฐกว่าสิ่งอันเป็ นที่รักชั้นเยี่ยม บุรุษสั่งสมประโยชน์แล้วก็จะพึงได้ภรรยาอันเป็นที่รักในภายหลัง ขรปุตตชาดกที่ ๑ จบ -------------------------------- คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา ขุรปุตตชาดก ว่าด้วย ทาตนให้ไร้ประโยชน์
  • 2. 2 พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุผู้ถูกภรรยาเก่าโลมเล้า จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้. ความย่อว่า พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า จริงหรือภิกษุ ได้ทราบว่า เธอกระสันอยากสึก. เมื่อเธอทูลว่า จริงพระเจ้าข้า เมื่อถูกตรัสถามอีกว่า เธอกระสันอยากสึก เพราะเหตุอะไร? เมื่อเธอทูลว่า เพราะภรรยาเก่า พระเจ้าข้า. จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ หญิงนี้ทาสิ่งที่ไม่เป็ นประโยชน์แก่เธอไม่เฉพาะในบัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน เธอกาลังจะกระโดดเข้าไฟตายเพราะอาศัยหญิงนี้ แต่อาศัยบัณฑิตจึงได้ชีวิตไว้ดังนี้แล้ว จึงทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :- ในอดีตกาล เมื่อพระราชาทรงพระนามว่าเสนกะ ครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ให้พระองค์ทรงทาความเคารพ. ครั้งนั้น พระเจ้าเสนกะทรงมีความรักใคร่กับด้วยนาคราชตัวหนึ่ง. ได้ทราบว่า นาคราชนั้นออกจากนาคพิภพเที่ยวหาจับเหยื่อบนบกกิน. ครั้งนั้น เด็กชาวบ้านเห็นมันแล้ว บอกกันว่านี้งู แล้วพากันเอาก้อนดินและท่อนไม้เป็นต้นตี. พระราชาเสด็จสาราญที่พระราชอุทยานทรงเห็นแล้ว ตรัสถามว่า เด็กเหล่านั้นทาอะไรกัน? ทรงทราบว่า พากันฆ่างูตัวหนึ่ง. จึงตรัสสั่งว่า พวกเอ็งอย่าฆ่า จงให้มันหนีไป แล้วทรงให้นาคราชนั้นหนีไปแล้ว. นาคราชได้ชีวิตแล้ว ได้ไปยังนาคพิภพ ถือเอารัตนะมากมาย ครั้นเวลาเที่ยงคืน จึงเข้าไปยังพระที่นั่งสาหรับพระราชาบรรทม ทูลเกล้าถวายรัตนะเหล่านั้น แล้วทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าอาศัยพระองค์แล้วได้ชีวิตมา แล้วได้ทามิตรภาพกับพระราชา จึงไปเฝ้ าพระราชาบ่อยๆ. นาคราชนั้นได้ตั้งนาคมาณวิกานางหนึ่งผู้ไม่อิ่มในกามคุณ ในบรรดานางนาคมาณวิกาทั้งหลายของตนไว้ประจาราชสานัก เพื่อประโยชน์แก่การรักษา. เขาทูลว่า เมื่อใดพระองค์ไม่ทรงเห็นนาคมาณวิกาคนนั้น เมื่อนั้นพระองค์พึงทรงร่ายมนต์บทนี้ แล้วได้ถวายมนต์บทหนึ่งแด่พระองค์. อยู่มาวันหนึ่ง พระองค์เสด็จพระราชอุทยาน ทรงเล่นน้าในสระโบกขรณีกับนางนาคมาณวิกา นางนาคมาณวิกาเห็นงูน้าตัวหนึ่ง จึงเปลี่ยนแปลงอัตภาพเป็ นงู เสพอสัทธรรมกับงูตัวนั้น. พระราชา เมื่อไม่ทรงเห็นนาคมาณวิกานั้น ทรงสงสัยว่า เธอไปไหนหนอ? จึงทรงร่ายมนต์แล้วทรงเห็นนางกาลังทาอนาจาร จึงทรงตีด้วยซีกไม้ไผ่.
  • 3. 3 นางโกรธจึงออกจากพระราชอุทยานนั้นไปยังนาคพิภพ ถูกนาคราชถามว่า เหตุไฉนเจ้าจึงมา? ทูลว่า สหายของพระองค์ตีหลัง คือเฆี่ยนหม่อมฉันผู้ไม่เชื่อถือถ้อยคาของตน แล้วแสดงการตีให้ดู. นาคราชไม่ทราบตามความจริงเลย จึงเรียกนาคมาณพ ๔ ตนมา ส่งไปโดยดารัสว่า สูเจ้าทั้งหลายจงไป จงพากันเข้าไปยังพระที่นั่งบรรทมของพระเจ้าเสนกะ แล้วทาลายพระที่นั่งนั้นให้เป็ นเหมือนแกลบ ด้วยลมจมูกการพ่นพิษนั่นเอง. นาคมาณพเหล่านั้นพากันไปแล้ว ได้เข้าไปยังห้องในเวลาที่พระราชาทรงบรรทมบนพระยี่ภู่ที่สง่างาม. ในเวลาที่นาคมาณพเหล่านั้นเข้าไปนั่นเอง พระราชาได้ตรัสถามพระราชเทวีว่า ดูก่อนน้องนางผู้เจริญ เธอรู้ไหมที่ที่นางนาคมาณวิกาไป? พระราชเทวีทูลว่า หม่อมฉันไม่รู้เพคะ. พระราชาตรัสว่า วันนี้ นาคมาณวิกานั้นได้ละอัตภาพของตน แล้วทาอนาจารกับงูน้าตัวหนึ่ง ในเวลาเล่นน้าในสระโบกขรณีของเรา เมื่อเป็นเช่นนั้นฉันจึงได้เอาซีกไม้ไผ่ตีเขา เพื่อต้องการให้สาเหนียกว่า เจ้าอย่าทาอย่างนี้. เขาไปยังนาคพิภพคงบอกอะไรอย่างอื่นแก่สหายของเรา แล้วทาลายมิตรภาพเสีย ภัยจักเกิดขึ้นแก่เรา. นาคมาณพทั้งหลายได้ฟังดังนั้นแล้ว จึงพากันกลับออกไปจากพระที่นั่งบรรทมนั้น แล้วไปยังนาคพิภพทูลเนื้อความนั้นแก่นาคราช. ท้าวเธอถึงความสังเวชแล้วได้เสด็จมายังพระที่นั่งบรรทมของพระราช า ทูลให้ทราบเนื้อความนั้น ขอขมาพระองค์แล้วได้ถวายมนต์ชื่อว่าสรรพรุตชนนะ คือมนต์รู้เสียงร้องของสัต ว์ทุกชนิด โดยมุ่งหมายว่า นี้เป็ นทัณฑกรรมของเรา แล้วทูลว่า ข้าแต่มหาราช มนต์นี้หาค่าบ่มิได้ ถ้าหากพระองค์จะได้ประทานมนต์นี้แก่ผู้อื่นไซร้ ครั้นทรงประทานแล้วต้องทรงกระโดดเข้ากองไฟสวรรคต. พระราชาทรงรับคาว่าดีแล้ว ต่อแต่นั้นมา แม้เสียงมดแดงพระองค์ก็ทรงทราบ. วันหนึ่งเมื่อพระองค์ประทับนั่งที่ท้องพระโรง เสวยของเคี้ยวจิ้มน้าผึ้งน้าอ้อย น้าผึ้งน้าอ้อยหยดหนึ่งและขนมชิ้นหนึ่งตกลงที่พื้น. มดแดงตัวหนึ่งเห็นหยดน้าผึ้งเป็ นต้นนั้น เที่ยวร้องบอกกันว่า ถาดน้าผึ้งของหลวงแตกที่ท้องพระโรง หม้อน้าอ้อย หม้อขนมคว่า ท่านทั้งหลายจงกินน้าผึ้งน้าอ้อยและขนม. พระราชาทรงสดับเสียงร้องบอกของมดแดงแล้วทรงพระสรวล. พระราชเทวีประทับที่ใกล้เคียงพระราชา ทรงดาริว่า พระราชาทรงเห็นอะไรหนอ
  • 4. 4 จึงทรงพระสรวล? เมื่อพระราชานั้นเสวยของเคี้ยวทรงสรงสนานแล้ว ประทับนั่งบนพระราชบัลลังก์ แมลงวันตัวผู้พูดกับแมลงวันตัวเมียตัวหนึ่งว่า มาเถิดน้องเอ๋ย พวกเรามาอภิรมย์กันด้วยความยินดีด้วยกิเลส. ลาดับนั้น แมลงวันตัวเมียพูดกับแมลงวันตัวผู้นั้นว่า คอยก่อนเถอะพี่นาย บัดนี้ ราชบุตรจะนาของหอมมาถวายพระราชา เมื่อพระองค์ทรงลูบไล้ผงของหอมจักตกลงแทบบาทมูล ฉันจักร่อนถลาไป ณ ที่นั้นแล้วจะมีกลิ่นหอม ต่อจากนั้น เราก็จักนอนอภิรมย์กันเบื้องพระปฤษฎางค์ของพระราชา. พระราชาทรงสดับเสียงแม้นั้นแล้ว ก็ทรงพระสรวล. ฝ่ายพระเทวีก็ทรงดาริอีกว่า พระราชาทรงเห็นอะไรหนอ จึงทรงพระสรวล? เมื่อพระราชาทรงเสวยพระกระยาหารเย็นอีก ภัตพิเศษก้อนหนึ่งหล่นที่พื้น มดแดงทั้งหลายก็ร้องบอกกันว่า หม้อพระกระยาหารในราชตระกูลแตกแล้ว ขอท่านทั้งหลายจงพากันไปรับประทานภัตตาหารเถิด. พระราชาครั้นได้ทรงสดับคานั้นแล้ว ก็ทรงพระสรวลอีก. ฝ่ายพระราชเทวีทรงถือเอาช้อนทองอังคาสพระราชาอยู่ จึงทรงพระวิตกว่า พระราชาทรงเห็นอะไรหนอ จึงทรงพระสรวล? ในเวลาเสด็จขึ้นแท่นพระบรรทมกับพระราชา พระนางทูลถามว่า ข้าแต่สมมติเทพ พระองค์ทรงพระสรวล เพราะเหตุอะไร? พระองค์ตรัสว่า จะมีประโยชน์อะไรสาหรับเธอ เพราะเหตุที่ฉันหัวเราะ แล้วถูกพระนางรบเร้าให้ตรัสบอกบ่อยๆ ภายหลังจึงทูลพระองค์ว่า ขอพระองค์จงประทานมนต์ที่ทาให้รู้เสียงสัตว์ของพระองค์แก่หม่อมฉัน แม้ถูกพระราชาทรงห้ามว่าไม่อาจให้ได้ ก็ทรงรบเร้าบ่อยๆ. พระราชาจึงตรัสว่า ถ้าหากฉันจักให้มนต์นี้แก่เธอไซร้ ฉันก็จักตาย. พระนางทูลว่า ข้าแต่สมมติเทพ ถึงพระองค์จะสิ้นพระชนม์ก็จงประทานแก่หม่อมฉัน เพราะพระราชาเป็ นผู้ชื่อว่าตกอยู่ในอานาจมาตุคาม จึงทรงรับคาว่า ดีละ แล้วทรงตัดสินพระทัยว่า เราจักให้มนต์แก่พระราชเทวี แล้วจึงจะเข้ากองไฟ ดังนี้แล้วได้เสด็จเข้าไปยังพระราชอุทยานด้วยราชรถ. ขณะนั้น ท้าวสักกะทรงตรวจดูสัตวโลกอยู่ ทรงเห็นเหตุการณ์นี้แล้วทรงดาริว่า พระราชาเขลาองค์นี้อาศัยมาตุคาม เสด็จไปด้วยหมายพระทัยว่า จักเข้ากองไฟ เราจักให้ชีวิตแก่เขา แล้วทรงพาเอาอสุรกัญญาทรงพระนามว่า สุชา มายังกรุงพาราณสี
  • 5. 5 ทรงทาให้นางสุชาเป็นแพะตัวเมีย พระองค์เองเป็นแพะตัวผู้ แล้วทรงอธิษฐานว่า ขออย่าให้มหาชนเห็น แล้วได้อยู่ข้างหน้าราชรถ. พระราชาได้ทอดพระเนตรเห็นแพะนั้น และม้าที่เทียมรถก็เห็นด้วย แต่ใครคนอื่นไม่เห็น แพะตัวผู้ทาท่าจะเสพเมถุนกับแพะตัวเมีย เพื่อจะสร้างเรื่องราวขึ้น. ม้าเทียมรถตัวหนึ่งเห็นแพะนั้น จึงพูดว่า เจ้าเพื่อนแพะเอ๋ย เมื่อก่อนพวกเราได้ยินเขาเล่ากันว่า พวกแพะโง่ ไม่มีความละอาย และไม่เห็นเรื่องนั้น แต่แกทาอนาจารที่จะต้องทาในที่ลับ ซึ่งเป็ นสถานที่ปกปิดต่อหน้าพวกเรามีจานวนเท่านี้ที่กาลังดูอยู่นั่นเอง แกไม่ละอาย คาที่พวกข้าพเจ้าได้ยินมาแต่ก่อนนั้น สมกับเหตุการณ์ที่ได้เห็นอยู่นี้ แล้วได้กล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :- ได้ทราบว่า เป็นความจริงที่บัณฑิตทั้งหลายพูดถึงแพะโง่ว่าอย่างนี้ ดูเถิดสัตว์ที่โง่ ไม่รู้จักกรรมที่ควรทาในที่ลับและกรรมที่ควรทาในที่แจ้ง. แพะได้ฟังดังนั้นแล้ว ได้กล่าวคาถา ๒ คาถาว่า :- สหายเอ๋ย แกนั่นแหละโง่ ดูก่อนเจ้าลูกลา แกจงรู้ตัวเถิด แกถูกเชือกรัดคอไว้มีริมฝีปากเบี้ยว มีเชือกมัดปากไว้ สหายเอ๋ย ความโง่แม้อย่างอื่นของแก คือที่แกถูกปลดจากแอกแล้ว แต่ไม่หนีไป สหายเอ๋ย พระเจ้าเสนกะที่แกลากไปนั่นแหละโง่กว่าแก. พระราชาทรงเข้าพระทัยถ้อยคาของสัตว์ทั้ง ๒ ตัวนั้น เพราะฉะนั้น เมื่อทรงสดับคานั้น จึงทรงให้ขับรถไปค่อยๆ. ฝ่ายม้าสินธพได้ฟังคาของแพะแล้ว จึงกล่าวคาถาที่ ๔ ว่า :- สหายอชราชเอ๋ย ข้าโง่ด้วยเหตุใดหนอ เหตุนั้นแกก็รู้ แต่พระเจ้าเสนกะโง่ เพราะเหตุใด แกถูกข้าถามแล้ว จงบอกเหตุนั้นแก่ข้า. มีคาอธิบายไว้ว่า ดูก่อนสหายอชราช ก่อนอื่นฉันโง่ เพราะเหตุ คือความเป็นสัตว์เดียรัจฉานอันใด แกรู้เหตุอันนั้น ข้อนี้แกอาจรู้ได้ เพราะว่าฉันเป็ นผู้โง่เขลา เพราะเป็ นสัตว์เดียรัจฉานนั่นเอง เพราะฉะนั้น แกเมื่อกล่าวว่า ลูกลาเป็นต้นกะฉัน ก็ชื่อว่ากล่าวดีถูกต้อง แต่พระเจ้าเสนกะนี้โง่ เพราะเหตุอะไร? แกถูกข้าถามแล้ว จงบอกข้อนั้นแก่ข้า ดังนี้. แพะเมื่อจะบอกเหตุนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๕ ว่า :- ผู้ใดได้มนต์ชั้นยอดแล้วจักให้แก่ภรรยา เพราะการให้นั้น ผู้นั้นจะสละตนทิ้งเสีย และเขาก็จักไม่มีภรรยานั้น. กล่าวคือการให้มนต์แก่ภรรยานั้น เขาครั้นให้มนต์นั้นแล้ว ก็จักสละตนทิ้งกระโดดเข้ากองไฟ เขาก็จักไม่มีภรรยาคนนั้นเลย เพราะฉะนั้น ผู้นั้นคือพระเจ้าเสนกะผู้ไม่สามารถรักษายศที่ได้แล้วไว้ได้ จึงเป็นผู้โง่กว่าแก ดังนี้. พระราชา ครั้นทรงสดับคานั้นแล้ว จึงตรัสว่า อชราชเอ๋ย
  • 6. 6 ก็เจ้าแม้เมื่อจะทาความสวัสดีแก่เรา จักทาสิ่งนั้น ก่อนอื่นขอเจ้าจงบอกสิ่งที่ควรแก่สิ่งที่จะต้องทาแก่เรา. ครั้งนั้น อชราชจึงทูลกะพระราชานั้นว่า ข้าแต่มหาราช ไม่มีผู้อื่นที่ชื่อว่าเป็นที่รักของสัตว์ทั้งหลายเหล่านี้ยิ่งกว่าตน คนไม่ควรให้ตนพินาศ ไม่ควรละทิ้งยศที่ได้แล้ว เพราะอาศัยของรักอย่างเดียวดังนี้แล้ว ได้กล่าวคาถาที่ ๖ ว่า :- ข้าแต่จอมนรชน ผู้เช่นกับด้วยพระองค์ทรงทอดอาลัยตน ไม่คบหาของรักทั้งหลายว่า สิ่งนี้เป็ นที่รักของเรา ตนเท่านั้นประเสริฐกว่าสิ่งที่ประเสริฐอย่างยิ่งทีเดียว ผู้มีตนสั่งสมบุญไว้แล้ว จะพึงได้หญิงที่รักในภายหลัง. เพราะว่า ธรรมดาว่าบุรุษผู้มีตนสั่งสมบุญไว้แล้ว คือมีตนเจริญแล้วอาจได้หญิงที่รักในภายหลัง บุคคลไม่ควรให้ตนฉิบหายไป เพราะเหตุแห่งหญิงที่รักนั้นดังนี้. พระมหาสัตว์ได้ถวายโอวาทแด่พระราชาด้วยประการอย่างนี้. พระราชาทรงพอพระทัย แล้วตรัสถามว่า ดูก่อนอชราช ท่านมาจากที่ไหน? ท้าวสักกะตรัสตอบว่า ข้าแต่มหาราช เราคือท้าวสักกะมาด้วยความอนุเคราะห์ท่าน เพื่อจะปลดเปลื้องท่านจากความตาย. รา. ข้าแต่เทวราช ข้าพระองค์ได้ลั่นวาจาออกไปแล้วว่า ข้าพระองค์จักให้มนต์แก่พระเทวี บัดนี้ ข้าพระองค์จะกระทาอย่างไร? สัก. ดูก่อนมหาราช ภารกิจด้วยความพินาศจะไม่มีแก่ท่านทั้ง ๒ ถ้าท่านกล่าวว่า อุปจารแห่งศิลปะมีอยู่ แล้วให้คนคนหนึ่งเฆี่ยนพระราชเทวี ๒-๓ ครั้งด้วยอุบายนี้ นางจักไม่เรียน. พระราชาทรงรับเทพดารัสว่า ดีแล้ว. พระมหาสัตว์ถวายโอวาทพระราชาแล้ว ได้เสด็จไปยังสถานที่ของพระองค์นั่นเอง. พระราชาเสด็จไปถึงพระราชอุทยานแล้ว ตรัสสั่งให้หาพระราชเทวีมา แล้วตรัสถามว่า น้องนางเอ๋ย เธอจักเรียนมนต์หรือ. พระนางทูลว่า เพคะ ข้าแต่สมมติเทพ. รา. ถ้ากระนั้น เราจะทาอุปจาระแห่งศิลปะ. เท. อุปจาระเป็นอย่างไร? รา. เมื่อเฆี่ยนที่หลัง ๑๐๐ ครั้ง เธอไม่ควรส่งเสียงร้อง. พระนางทรงรับพระราชดารัสว่า สาธุ เพราะอยากได้มนต์.
  • 7. 7 พระราชาตรัสสั่งให้เรียกเจ้าหน้าที่ฆ่าโจร คือเพชฌฆาตมาแล้วให้รับเอาหวายไปเฆี่ยนทั้ง ๒ ข้าง พระนางทรงทนทานการเฆี่ยน ๒-๓ ครั้งได้ ต่อจากนั้นไป ทรงร้องว่า หม่อมฉันไม่ต้องการมนต์. ครั้งนั้น พระราชาจึงตรัสกะพระนางว่า เธอประสงค์จะเรียนมนต์โดยให้ฉันตายไป แล้วทรงให้ถลกหนังที่พระขนองทิ้งออกไป. จาเดิมแต่นั้นมา พระนางไม่อาจกราบทูลอีก. พระศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มา ทรงประกาศสัจธรรมทั้งหลาย แล้วทรงประมวล ชาดกลงไว้ ในที่สุดแห่งสัจธรรม ภิกษุผู้กระสันอยากสึกได้ดารงอยู่ในโสดาปัตติผล. พระราชาในครั้งนั้น ได้เป็ นภิกษุผู้กระสันอยากสึกในบัดนี้ พระราชเทวีเป็น ภรรยาเก่าของภิกษุนั้น ม้าเป็น พระสารีบุตร ส่วนท้าวสักกเทวราชเป็น เราตถาคต นั่นเอง ดังนี้แล. จบ อรรถกถาขุรปุตตชาดกที่ ๑ -----------------------------------------------------