More Related Content
Similar to บทที่ 3 นำเสนอ
Similar to บทที่ 3 นำเสนอ (20)
บทที่ 3 นำเสนอ
- 1. Chapter
3
มุมมองทางจิตวิทยาทีเ่ กียวกับเทคโนโลยี
่
และสื่ อการศึกษา
ผู้นำเสนอ
1. นายทิวากร ชารีมุ้ย
รหัสนักศึกษา 565050270-7
2. นายนรเทพ พันธ์ โพธิ์คา
รหัสนักศึกษา 565050274-9
3. นายทรงสิทธิ์ คุณสวัสดิ์
รหัสนักศึกษา 565050295-1
4. นางสาวเมธียา มาตย์ จันทร์
รหัสนักศึกษา 565050303-8
5. นางสาวพัชรี จันหาญ
รหัสนักศึกษา 565050320-8
6. นางสาววรากร บุญทศ
รหัสนักศึกษา 565050338-9
7. นายสันติสุข คอยซิ รหัสนักศึกษา 565050341-0
สาขาวิชา การศึกษาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
- 2. แผนที่ประเทศไทย
สถานการณ์ ปัญหา (Problem-based learning)
• หลักจากที่ใช้วธีการสอนที่เน้นให้นกเรี ยนให้นกเรี ยนจดจาความรู ้ของครู เป็ น
ิ
ั
ั
หลัก ครู สมศรี จึงเปลี่ยนวิธีการสอนใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลง
ของเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบน โดยนาสื่ อเข้ามาใช้ในการเรี ยนการสอน
ั
• ครู สมศรี ได้สร้างสื่ อขึ้นมาตามแนวคิดและประสบการณ์
ของตนเอง เช่น ในสื่ ออยากให้ความรู ้ก็นาเนื้อหามาบรรจุ
อยากให้มีรูปภาพประกอบก็นารู ปภาพมาบรรจุในสื่ อ
แทนการบอกจากครู และเพิ่มเทคนิคทางกราฟิ กต่าง ๆ เข้า
ไป เพื่อให้เกิดความสวยงามตรงตามแนวคิดของตน และ
ส่งเสริ มการสอนของตนเองให้มีประสิ ทธิภาพมากขึ้น
- 3. แผนที่ประเทศไทย
สถานการณ์ ปัญหา (Problem-based learning) (ต่ อ)
สิ่งทีเ่ กิดขึนหลังการใช้ สื่อการสอนของครู สมศรี
้
• ในช่วงแรก ๆ ผูเ้ รี ยนให้ความสนใจเป็ นอย่างมาก เพราะมีกราฟิ กที่ดึงดูด
ความสนใจ แต่พอหลังจากนั้นไปสักระยะผูเ้ รี ยนก็ไม่ให้ความสนใจกับสื่ อ
ที่ครู สมศรี สร้างขึ้น
• ผลการเรี ยนรู ้และกระบวนการเรี ยนรู ้ของผูเ้ รี ยนเมื่อ
เปรี ยบเทียบกับวิธีการสอนแบบเดิมก็ไม่แตกต่างกัน
• ในฐานะที่นกศึกษาเป็ นครู นกเทคโนโลยีทางการศึกษา
ั
ั
จะมีวธีการช่วยเหลือครู สมศรี อย่างไร
ิ
- 4. ภารกิจ
1
วิเคราะห์ หาสาเหตุททาให้ การเรียนรู้ จากสื่อของครู สมศรีไม่ ตรง
ี่
ตามเป้ าประสงค์ ทต้องการให้ เกิดขึน พร้ อมอธิบายเหตุผล
ี่
้
2
วิเคราะห์ ว่าแนวคิดเกียวกับแนวคิดในการออกแบบการสอนและ
่
สื่อการสอนว่ ามาจากพืนฐานใดบ้ างและพืนฐานดังกล่ าว มี
้
้
ความสัมพันธ์ อย่ างไร
3
วิเคราะห์ ว่าในยุคปัจจุบันทีสังคมโลกมีการเปลียนแปลง
่
่
ตลอดจนกระบวนทัศน์ ใหม่ ของการจัดการศึกษา ในการออกแบบ
การสอนและสื่อการสอนนั้นควรอยู่บนพืนฐานของสิ่งใดบ้ าง
้
อธิบายพร้ อมให้ เหตุผลและยกตัวอย่ างประกอบ
- 5. 1
วิเคราะห์ หาสาเหตุททาให้ การเรียนรู้ จากสื่อของครู สมศรีไม่ ตรง
ี่
ตามเป้ าประสงค์ ทต้องการให้ เกิดขึน พร้ อมอธิบายเหตุผล
ี่
้
ครู สมศรี จึงเปลี่ยนวิธีการสอนใหม่ นาสื่ อเข้ามาใช้ในการเรี ยนการสอนเพื่อให้
สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบน
ั
วิเคราะห์สื่อของครู สมศรี
- สื่ ออยากให้ความรู้ก็นาเนื้อหามาบรรจุ
- อยากให้มีรูปภาพประกอบก็นารู ปภาพมาบรรจุในสื่ อ แทนการบอกจากครู
- เพิ่มเทคนิคทางกราฟิ กต่าง ๆ เข้าไป เพื่อให้เกิดความสวยงามตรงและส่ งเสริ ม
การสอนของตนเองให้มีประสิ ทธิภาพมากขึ้น
ผลการเรี ยนรู้และกระบวนการเรี ยนรู้ของผูเ้ รี ยนเมื่อเปรี ยบเทียบกับวิธีการสอน
แบบเดิมก็ไม่แตกต่างกัน
ในช่วงแรก ๆ ผูเ้ รี ยนให้ความสนใจเป็ นอย่างมาก เพราะมีกราฟิ กที่ดึงดูดความ
สนใจ แต่พอหลังจากนั้นไปสักระยะผูเ้ รี ยนก็ไม่ให้ความสนใจกับสื่ อที่ครู สมศรี
สร้างขึ้น
- 6. 1
วิเคราะห์ หาสาเหตุททาให้ การเรียนรู้ จากสื่อของครู สมศรีไม่ ตรง
ี่
ตามเป้ าประสงค์ ทต้องการให้ เกิดขึน พร้ อมอธิบายเหตุผล (ต่ อ)
ี่
้
สื่ อของครู สมศรี
- สื่ ออยากให้ความรู้ก็นาเนื้อหามาบรรจุ
- อยากให้มีรูปภาพประกอบก็นารู ปภาพมาบรรจุในสื่ อ แทนการบอกจากครู
- เพิมเทคนิคทางกราฟิ กต่าง ๆ เข้าไป เพื่อให้เกิดความสวยงามตรงและส่ งเสริ ม
่
การสอนของตนเองให้มีประสิ ทธิภาพมากขึ้น
เลือกสื่ อให้ เหมาะสมกับเนื้อหา
สื่ อส่ งเสริมการเรียนให้ ผู้เรียนสร้ างความรู้ เอง ไม่ เน้ นการท่ องจา
เชื่อมโยงกับประสบการณ์ เดิมของผู้เรียน
ผู้เรียนลงมือปฏิบัติ และเรียนรู้ แบบร่ วมมือ
- 8. ทฤษฎีการเรี ยนรู้ กลุ่มพฤติกรรมนิยม
Behaviorism
แนวคิดเชื่อว่ า “การเรียนรู้ จะเกิดขึนเมือผู้เรียนสร้ างความเชื่อมโยงระหว่ างสิ่ง
้ ่
เร้ าและการตอบสนอง ถ้ าหากได้รับการเสริมแรงจะทาให้ มการแสดงพฤติกรรม
ี
นั้นถีมากขึน”
่
้
มุ่งเน้ นเพียงเฉพาะพฤติกรรมทีสามารถวัดและสังเกตได้ เท่ านั้น โดยไม่ ศึกษาถึง
่
กระบวนการภายในของมนุษย์ (Mental process)
การออกแบบสื่อตามพืนฐาน
้
ทฤษฎีพฤติกรรมนิยมจะเรียกว่ า
การออกแบบการสอน ในช่ วง
เริ่มแรก (ID1)
- 9. ทฤษฎีการเรี ยนรู้ กลุ่มพฤติกรรมนิยม
Behaviorism
ลักษณะสาคัญของการออกแบบสื่อตามแนวพฤติกรรมนิยม
1). ระบุวตถุประสงค์ การสอนทีชัดเจน โดยกาหนดพฤติกรรมเฉพาะที่ตองการให้
ั
่
้
เกิดขึ้น หลังจากการเรี ยนรู ้น้ นประสบความสาเร็ จ ซึ่งวัตถุประสงค์จะเป็ นตัวชี้วดที่
ั
ั
สาคัญว่าผูเ้ รี ยนเกิดการเรี ยนรู ้
2) การสอนในแต่ ละขั้นตอนนาไปสู่ การเรียนแบบรอบรู้ (Mastery learning) ใน
หน่วยการสอนรวม
3) ให้ ผู้เรียนได้ เรียนไปตามอัตราการเรียนรู้ ของตนเอง
4) ดาเนินการสอนไปตามโปรแกรม หรือลาดับขั้นทีกาหนดไว้ จากง่ายไปยาก โดย
่
เป็ นการแบ่งเนื้อหาออกเป็ นส่วนย่อย ๆ เพื่อให้ผเู ้ รี ยนสามารถจดจาได้ง่าย
5) การออกแบบการเรียนเป็ นลักษณะเชิงเส้ นทีเ่ ป็ นลาดับขั้นตอน
6) การให้ ผลตอบกลับทันทีทนใด เมื่อผูเ้ รี ยนกระทาพฤติกรรมนั้นเสร็ จจะได้รับผล
ั
กลับ พร้อมทั้งแรงเสริ มทันทีทนใดในขณะที่เรี ยนรู ้
ั
- 10. ทฤษฎีการเรี ยนรู้กลุ่มพุทธิปัญญานิยม
Cognitivism
เชื่ อ ว่ า “การเรี ย นรู้ เป็ นสิ่ ง ที่ ม ากกว่ า ผลของการเชื่ อ มโยงระหว่ า งสิ่ ง เร้ า การ
ตอบสนอง โดยให้ ความสนใจในกระบวนการภายในที่เรียกว่ า ความรู้ ความเข้ าใจ
หรือการรู้ คดของมนุษย์”
ิ
การเรียนรู้ ตามแนวพุทธิปัญญา คือ การเปลียนแปลงความรู้ ของผู้เรียนทั้งทางด้ าน
่
ปริมาณและด้ านคุณภาพ
นอกจากผู้เรี ยนจะมีสิ่งที่เรี ยนรู้ เพิ่มขึ้นแล้ ว ยังสามารถจัด
รวบรวม เรี ย บเรี ย งสิ่ ง ที่ เ รี ย นรู้ เหล่ า นั้ น ให้ เ ป็ นระเบี ย บ
เพื่ อ ให้ สามารถเรี ย กกลั บ มาใช้ ได้ ต ามที่ ต้ อ งการ และ
สามารถถ่ า ยโยงความรู้ และทั ก ษะเดิม หรื อ สิ่ ง ที่ เ รี ย นรู้
มาแล้ว ไปสู่ บริบทและปัญหาใหม่
การออกแบบสื่ อ ตามพื้น ฐานทฤษฎี พุ ท ธิ ปั ญ ญานิ ย มจะ
เรียกว่ า การออกแบบการสอน ในช่ วงที่สอง (ID2)
- 12. ทฤษฎีการเรี ยนรู้กลุ่มพุทธิปัญญานิยม
Cognitivism
3) ใช้ เทคนิ ค เพื่ อ แนะน าและสนั บ สนุ น ให้ ผู้ เ รี ย นใส่ ใจ เข้ า รหั ส และเรี ย ก
สารสนเทศกลับมาใช้ ใหม่ ได้ ซึ่ งมีเทคนิคที่ผู้สอนควรนาไปประยุกต์ ใช้ ในการ
จัดการเรียนการสอนดังนี้
การมุ่งเน้ นคาถาม (Focusing question)
การเน้ นคาหรือข้ อความ (Highlighting)
การใช้ Mnemonic เป็ นวิธีการที่ช่วยให้
ผู้เรียนสามารถบันทึกสารสนเทศ และเรียก
กลับมาใช้ ได้ง่าย
การสร้ างภาพ (Imagery) เป็ นการสร้ าง
ภาพที่เป็ นตัวแทนสารสนเทศใหม่ ที่ได้รับ
ซึ่งจะมีความถูกต้ องและสอดคล้ องกับ
สารสนเทศที่เรียนรู้ เช่ น การสร้ างความคิด
รวบยอด
การใช้ Mnemonic
ผูใหญ่หาผ้าใหม่
้
คอ
ใฝ่ ใจเอาใส่ห่อ
จักใคร่ ลงเรื อใบ
่
สิ่ งใดอยูในตู้
บ้าใบ้ถือใยบัว
เล่าท่องอย่าละเลี่ยง
ให้สะใภ้ใช้คล้อง
มิหลงใหลใครขอดู
ดูน้ าใสและปลาปู
่ ั่
มิใช่อยูใต้ตงเตียง
หู ตามัวมาใกล้เคียง
ยีสิบม้วนจาจงดี
่
- 13. ทฤษฎีการเรี ยนรู้กลุ่มคอนสตรัคติวสต์
ิ
Constructivist
การเรียนรู้ เกิดขึนเมื่อผู้เรียนสร้ างความรู้ อย่ างตื่นตัวด้วยตนเองโดยพยายามสร้ าง
้
ความเข้ าใจ (Understanding) นอกเหนือเนื้อหาความรู้ ที่ได้รับโดยการสร้ างสิ่ ง
แทนความรู้ (Representation) ขึนมาซึ่งต้ องอาศัยการเชื่อมโยงกับประสบการณ์
้
เดิมของตนเอง
บทบาทของผู้เรียนคือลงมือกระทาการเรียนรู้
บทบาทของนักออกแบบสื่ อคือ ผู้สร้ างสิ่ งแวดล้ อมทางการเรียนรู้ ที่ให้ ผู้เรียนมี
ปฏิสัมพันธ์ อย่ างมีความหมายกับเนื้อหา สื่ อ ตลอดจนแหล่งเรียนรู้ ท้ังหลายที่อยู่
รอบตัวผู้เรียน
ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ที่สาคัญ 2 กลุ่ม แนวคิดมาใช้ เป็ นพืนฐาน คือ ทฤษฎีคอน
้
สตรั คติวิสต์ เชิงปัญญา (Cognitive Constructivism) และ ทฤษฎีคอนสตรั คติวิสต์
เชิงสังคม
- 14. ทฤษฎีการเรี ยนรู้กลุ่มคอนสตรัคติวสต์
ิ
Constructivist
ทฤษฎีคอนสตรัคติวสต์ เชิงปัญญา (Cognitive Constructivism)
ิ
แนวคิดของเพียเจต์
มนุษย์เราต้อง "สร้าง" (Construct) ความรู้ดวยตนเองผ่านทางประสบการณ์ ซึ่ง
้
ประสบการณ์เหล่านี้ จะกระตุนให้สร้าง โครงสร้างทางปัญญา หรื อเรี ยกว่า สกี
้
มา (Schemas)
รู ปแบบการท าความเข้ า ใจ (Mental
Model) ในสมอง โครงสร้างทางปั ญญา
เ ห ล่ า นี้ ส า ม า ร ถ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ไ ด้
(Change) ขยาย (Enlarge) และซับซ้อน
ขึ้นได้ โดยผ่านทาง กระบวนการการดูด
ซึ ม (Assimilation) และการปรับเปลี่ยน
( Accommodation) แ ล ะ เ ชื่ อ ว่ า ก า ร
เรี ยนรู้เกิดจากการปรับเข้าสู่ สภาวะสมดุล
(Equilibrium)
- 15. ทฤษฎีการเรี ยนรู้กลุ่มคอนสตรัคติวสต์
ิ
Constructivist
ทฤษฎีคอนสตรัคติวสต์ เชิงสังคม (Social Constructivism)
ิ
แนวคิดของ Vygotsky
่
การสร้างความรู้ของมนุษย์ ที่วา บริ บทการเรี ยนรู้ทางสังคม (Social Context
Learning)
เชื่อว่า มนุษย์เรามีระดับพัฒนาการทางเชาว์ปัญญาที่เรี ยกว่า Zone of Proximal
Development คือคนที่เหนือโซนนี้สามารถที่ จะเรี ยนรู้และสร้างความรู้เองได้
คนที่ใต้โซนนี้จะเป็ นผูที่ไม่สามารถ
้
เรี ยนรู้หรื อ แก้ปัญหาได้ดวยตนเอง
้
จึงจาเป็ นที่จะต้องมีฐานความ
ช่วยเหลือ (Scaffolding)
- 17. 3
วิเคราะห์ ว่าในยุคปัจจุบันทีสังคมโลกมีการเปลียนแปลง ตลอดจน
่
่
กระบวนทัศน์ ใหม่ของการจัดการศึกษา ในการออกแบบการสอนและ
สื่อการสอนนั้นควรอยู่บนพืนฐานของสิ่งใดบ้ าง อธิบายพร้ อมให้
้
เหตุผลและยกตัวอย่ างประกอบ
การนาทฤษฎีคอนสตรัคติวสต์ มาเป็ นพืนฐานในการออกแบบการสอนและ
ิ
้
สื่อการเรียนรู้
โดยมีองค์ ประกอบ และหลักการสาคัญทีใช้ ในการออกแบบดังนี้
่
(2) แหล่ งการเรียนรู้
สร้ างสถานการณ์ปัญหาขึนมา เป็ นสถานการณ์ที่
้
ใกล้เคียงกับเนือหาที่จะเรียน
้
-
(1) สถานการณ์ ปัญหา
-
แหล่งรวบรวมความรู้ ที่เป็ นประโยชน์ ที่นักเรียน
สามารถเข้ าไปศึกษาเพื่อหาความรู้ ได้
เช่ น ห้ องสมุด เว็บไซด์
-
- 18. (ต่ อ)
(3) ฐานการช่ วยเหลือ
(Scaffolding) เป็ นเหมือนที่ปรึกษาที่ให้ คาแนะนา
นักเรียนให้ แก้ปัญหาต่ าง ๆ จากภารกิจที่กาหนดให้
ซึ่งประกอบด้วย 4 ฐาน คือ
1. ฐานความช่ วยเหลือด้ านความคิดรวบยอด (Conceptual Scaffolding)
ช่ วยให้ นักเรียนได้ความคิดรวบยอดต่ าง ๆ
2. ฐานความช่ วยเหลือด้ านความคิด (Metacognition Scaffolding)
ช่ วยในการตรวจสอบกระบวนการคิดในการแก้ปัญหา
3. ฐานความช่ วยเหลือด้ านกระบวนการเรียนรู้ (Procedural Scaffolding)
ช่ วยแนะนาเกียวกับการใช้ เมนูต่าง ๆ ที่มีอยู่ในสิ่งแวดล้ อมทางการเรียนรู้บนเครือข่ าย
่
เพือใช้ ในการแก้ปัญหา
่
4. ฐานความช่ วยเหลือด้ านกลยุทธ์ (Strategic Scaffolding)
เป็ นกลยุทธ์ ที่ใช้ ในการแก้ ปัญหาหรือวิธีการที่จะช่ วยให้ ปฏิบัติภารกิจสาเร็จ
- 19. (ต่ อ)
(4) การร่ วมมือกัน
แก้ ปัญหา
- ครูผู้สอนหาวิธีแก้ ไขปัญหาที่พบเจอกับผู้เรียน และผู้เรียนจะต้ อง
ให้ ความร่ วมมือในการแก้ไขปัญหา
- เพือจะทาให้ ผู้เรียนได้ มีความเข้ าใจในเนือหาที่ถูกต้ อง
่
้
(5) การโค้ ช
- จะต้ องมีการปรับปรุงด้วยการฝึ กสอน หรือการโค้ช(coach)
- บทบาทของโค้ชที่ดี คือ จะกระตุ้นจูงใจผู้เรียน ให้ วิเคราะห์
กระบวนการของผู้เรียน จัดเตรียมการสะท้ อนผล และแนะนาให้
ปฏิบัติและวิธีการเรียนเกียวกับวิธีปฏิบัติและก่อให้ เกิดการ
่
ไตร่ ตรอง
บทบาทโค้ช มีดงนี้
ั
1.ให้ แรงจูงใจในทันที
2.การสั งเกตและการควบคุมปฏิบัติการผู้เรียน
3.กระตุ้ นให้ เกิดการไตร่ ตรอง
4.กระตุ้ นรูปแบบการทาความเข้ าใจของผู้เรียน