More Related Content
Similar to สถานการณ์ปัญหาพุทธิปัญญานิยม
Similar to สถานการณ์ปัญหาพุทธิปัญญานิยม (20)
More from Uraiwan Chankan
More from Uraiwan Chankan (7)
สถานการณ์ปัญหาพุทธิปัญญานิยม
- 3. ครูสุขสวรรค์ สอนวิชาวิทยาศาสตร์ ม.ต้น ได้กาหนดงานเพื่อให้
นักเรียนชั้น ม.1 และ ม.3 ประมวลความรู้วิชาวิทยาศาสตร์ในเรื่องที่สนใจ
โดยประดิษฐ์ เป็นผลงานขึ้นมาหนึ่งอย่าง ให้แบ่งกลุ่มเป็น 3 คน นาเสนอ
หัวข้อที่จะทา กาหนดสมมติฐาน ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม และออกแบบการ
ดาเนินงาน ให้เป็นขั้นตอน รวมทั้งงบประมาณที่ใช้ ระยะเวลา ระบุวิธีการ
ดาเนินการ และสรุปผลการทดลอง โดยให้นาเสนอผลงานและข้อค้นพบใน
ท้ายเทอม และจัดเป็นนิทรรศการแสดงผลงานในโรงเรียนด้วย และจะต้อง
มีการรายงานความคืบหน้ากับครูเป็นระยะ ซึ่งผิดกับครูอภิชัยที่ให้เฉพาะ
ม.3 ทาโครงงานโดยคิดว่า ม.1 ยังไม่พร้อมที่จะทาโครงงานดังกล่าว
- 4. การจัดการเรียนรู้ของครูสุขสวรรค์ สอดคล้องกับทฤษฎีการเรียนรู้โดย
การค้นพบของบรูเนอร์ นั้นคือการเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้เรียนได้มีปฏิสัมพันธ์กับ
สิ่งแวดล้อม ซึ่งนาไปสู่การค้นพบการแก้ปัญหา ผู้เรียนจะประมวลข้อมูลข่าวสาร จาก
การมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม และจะรับรู้สิ่งที่ตนเองเลือก หรือสิ่งที่ใส่ใจ การเรียนรู้
แบบนี้จะช่วยให้เกิดการค้นพบ เนื่องจากผู้เรียนมีความอยากรู้อยากเห็น ซึ่งจะเป็น
แรงผลักดันที่ทาให้สารวจสิ่งแวดล้อม และทาให้เกิดการเรียนรู้โดยการค้นพบ ดังจะเห็น
ได้จากการที่ครูสุขสวรรค์ ให้นักเรียนกาหนดสมมติฐาน ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม และ
ออกแบบการดาเนินงาน ให้เป็นขั้นตอน รวมทั้งงบประมาณที่ใช้ ระยะเวลา ระบุวิธีการ
ดาเนินการ และสรุปผลการทดลอง โดยให้นาเสนอผลงานและข้อค้นพบในท้ายเทอม
และจัดเป็นนิทรรศการแสดงผลงานในโรงเรียน
- 5. การจัดการเรียนรู้ของครูอภิชัย สอดคล้องกับทฤษฎีเชา
ปัญญาแบบเพียเจต์ เน้นการจัดรวบรวมข้อมูลภายในผู้เรียนให้เป็นระเบียบ
มีแบบแผน ขั้นตอน รวมไปถึงมีการปรับตัว การปรับตัวนี้อาจจะเกิดจาก
การที่เด็กมีการซึมซับดูดซึมจากสิ่งแวดล้อม รอบตัว เกิดการเรียนรู้จดจา
แล้วจึงเกิดประสบการณ์นาไปสู่การสร้างปัญญา ดังจะเห็นได้จากการสอน
ของครูอภิชัย ที่ไม่ให้เด็กม.1 ทาโครงงาน เพราะเห็นว่า เด็กในวัยนี้ยังไม่
เหมาะที่จะทาการเรียนรู้แบบโครงสร้าง ควรมีการเรียนการสอน แบบตาม
ขั้นตอนตามวัยของผู้เรียน
- 6. ความแตกต่างระหว่างการจัดการเรียนรู้ของครูสุขสวรรค์
และครูอภิชัยคือ ครูสุขสวรรค์เชื่อว่าการเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้เรียน
ได้มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม ซึ่งนาไปสู่การค้นพบการแก้ปัญหา ผู้เรียน
จะประมวลข้อมูลข่าวสาร จากการมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม และจะรับรู้
สิ่งที่ตนเองเลือก หรือสิ่งที่ใส่ใจ การเรียนรู้แบบนี้จะช่วยให้เกิดการค้นพบ
ส่วนครูอภิชัยเชื่อการจัดการเรียนการสอนไม่สอดคล้องกับระดับของการ
รับรู้และเข้าใจของนักเรียนทาให้นักเรียนในระดับนี้ไม่สามารถทาได้
- 11. 1. Sensorimotor (แรกเกิด -2 ขวบ) ใช้ประสาทสัมผัสและการ
เคลื่อนไหวของอวัยวะต่างๆของร่างกาย เช่น การจับต้องสิ่งต้องๆ และ
การคลาน การเดินของเด็ก
2. Preoperational (อายุ18 เดือน -7 ปี) เด็กก่อนเข้าโรงเรียนและวัย
อนุบาล มีระดับเชาวน์ปัญญามีพัฒนาการทางด้านภาษา เด็กวัยนี้จะเริ่ม
ด้วยการพูดเป็นประโยคและเรียนรู้คาต่างๆเพิ่มขึ้น เด็กจะได้รู้จักคิด เช่น
เรียกพ่อเรียกแม่
ความแตกต่างของพัฒนาการของเด็กแต่ละช่วงวัย
- 12. 3. Concrete Operations (อายุ 7 - 11 ปี) สามารถสร้างกฎเกณฑ์
และตั้งกฎเกณฑ์ในการแบ่งสิ่งแวดล้อมออกเป็นหมวดหมู่ได้ คือ เด็กจะ
สามารถที่จะอ้างอิงด้วยเหตุผลและไม่ขึ้นกับการรับรู้จากรูปร่างเท่านั้น
4. Formal Operations (อายุ 12 ปีขึ้นไป) เด็กวัยนี้เป็นผู้ที่คิดเหนือไป
กว่าสิ่งปัจจุบัน สนใจที่จะสร้างทฤษฎีเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่าง และมีความ
พอใจที่จะคิดพิจารณาเกี่ยวกับกับสิ่งที่ไม่มีตัวตน หรือสิ่งที่เป็นนามธรรม
เช่น เป็นคนที่มีเหตุมีผล มากขึ้น รู้จักแก้ปัญหาเป็น
- 13. การจัดการเรียนรู้ในระดับตั้งแต่เตรียมอนุบาล – ม.ปลาย
จะต้องจัดแบ่งตามระดับพัฒนาการของนักเรียนให้ชัดเจน เพราะนักเรียนแต่
ละช่วงวัยจะมีพัฒนาการที่แตกต่างกัน เพื่อสะดวกต่อการจัดการเรียนการ
สอนครูผู้สอนควรเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญและมีพื้นฐานทางทางด้านทฤษฎี
พัฒนาการของเด็กในวัยต่างๆ ด้วย จึงจะสามารถจัดการเรียนรู้ได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ และควรสร้างโอกาสให้ครูได้ปฏิสัมพันธ์กับเด็กอย่างเต็มที่
สนับสนุนสื่อการเรียนรู้ เปิดโอกาสให้ครูผู้สอนได้ใช้ศักยภาพของตนอย่าง
เต็มที่และทั้งนี้และทั้งนั้นก็ต้องให้นักเรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้วย
- 14. ท่านได้รับมอบหมายจากผู้บริหาร ให้นิเทศติดตามการสอนของครู
หมวดวิทยาศาสตร์ โดยใน ชั่วโมงการสอนเรื่องพืชของครูสรยุทธ์ พบว่า
จะสอนโดยวิธีการบรรยาย เขียนกระดานดา และให้นักเรียนดู
หนังสือตาม โดยจะ พูดแต่เนื้อหาไม่บอกสาระสาคัญ ไม่มีการแจ้ง
จุดประสงค์และโครงเรื่องก่อน ทาให้ยากต่อการทาความเข้าใจ ชั่วโมง
ต่อมาครูสรยุทธ์ก็ได้สอนเนื้อหาที่ซับซ้อนขึ้น และลองถามให้นักเรียน
อธิบายเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนมา นักเรียนไม่สามารถที่จะอธิบายได้ ขาด
กรอบในการนาเสนอ และนักเรียนไม่สามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ใน
เนื้อหาที่เรียนผ่านมาแล้วได้กับเนื้อหาใหม่ๆ ที่สอน
- 16. การแก้ปัญหาจากสถานการณ์ปัญหานี้ อาศัยหลักการและ
ทฤษฎีการเรียนรู้อย่างมีความหมายของออซูเบล โดยอาศัยหลักการที่เชื่อว่า
การเรียนรู้อย่างมีความหมายของผู้เรียนเกิดจากผู้สอนอธิบายสิ่งที่จะต้อง
เรียนรู้ให้ผู้เรียนทราบ และ เข้าใจเห็นความสัมพันธ์ของความรู้เดิมที่ตนมีใน
ความทรงจาและนามาใช้ในอนาคต เช่น การแจ้งวัตถุประสงค์หรือกรอบ
เนื้อหาที่นักเรียนจะเรียนให้ทราบ ความรู้หรือสาระที่นักเรียนต้องเรียนรู้ในแต่
ละคาบเมื่อถึงคาบถัดไปก็มีการเชื่อโยงความรู้ที่ได้มาจากคาบที่แล้วมาอธิบาย
เชื่อมโยงกับความรู้ที่จะเรียนใหม่ในแต่ละคาบ จะทาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
อย่างมีความหมาย
- 18. จากสถานการณ์ปัญหาของครูทักษิณ ควรนาทฤษฎีประมวลสารสนเทศ
ในกลุ่มพุทธิปัญญา ที่มีแนวคิดว่าการเรียนรู้เป็นการเปลี่ยนแปลงปริมาณความรู้ของผู้เรียน
ทั้งในด้านปริมาณและวิธีประมวลสารสนเทศ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถจัดหมวดหมู่ จัดระเบียบ
รวบรวมและสามารถเรียกความรู้มาใช้ในเวลาที่ต้องการได้ เพราะ จากสถานการณ์ เด็กเกิด
ความจาระยะสั้น สามารถเรียนแล้วตอบคาถามได้เพียงในขณะที่สอน เพราะเกิดการใส่ใจ
จากการบันทึกผัสสะ จากที่ครูสอนในขณะหนึ่งเท่านั้น แต่ยังไม่เกิดเป็น ความจาระยะยาว
เพราะฉะนั้นนอกจากครูควรมีการสร้างสิ่งเร้าที่นักเรียนเกิดการใส่ใจเป็นความจาระยะสั้น
แล้ว ควรมีการฝึกหัดทาซ้า ทบทวนความรู้ เช่น ตารางธาตุอาจพาท่องบ่อยๆก่อนขึ้น
บทเรียน ฝึกการแก้ปัญหาซ้าๆ มีการจัดหมวดหมู่ความรู้ให้เด็กเพื่อให้เด็กเกิดการเชื่อมโยง
ในความรู้และสะสมความรู้นามาเรียกใช้ในการแก้ปัญหาได้ทุกขณะ
- 20. ณ โรงเรียน บ้านหนองขี้กวงประชานุเคราะห์ ในการเรียนการสอนของครูปา
รวีมีเหตุการณ์เป็นดังนี้ชั่วโมงการสอนของครูปารวี ซึ่งสอนเรื่องสถิติ ครูปารวีสอนวิธี
หาค่าเฉลี่ยแล้วให้นักเรียนกลับไปทาเป็นการบ้าน เด็กชายสุวัฒน์ เป็นเด็กที่ขยัน ถ้า
หากมีเวลาว่างเขาจะหยิบสมุดการบ้านขึ้นมาทา พออ่านโจทย์แล้ว สุวัฒน์ก็รู้ทันทีว่า
เขาจะแก้โจทย์ข้อนี้ได้อย่างไร เพราะพอจะเข้าใจจากที่อาจารย์สอน แต่พอลองแทน
ค่าในสมการแล้วสุวัฒน์ก็ยังไม่ได้คาตอบ สุวัฒน์จึงทบทวนอ่านโจทย์ใหม่อีกครั้ง เขา
ถึงรู้ว่าโจทย์ข้อนี้ซับซ้อนกว่าที่เขาเรียนมา เขาจึงต้องศึกษาเพิ่มเติมและหาวิธีการแก้
โจทย์จากหนังสือคู่มือหลายๆ เล่ม แล้วเลือกวิธีที่เขาคิดว่าเหมาะสมที่เขาเข้าใจมาก
ที่สุด มาใช้แก้โจทย์ข้อนี้ จนได้คาตอบ แล้วทาการตรวจทานคาตอบอีกครั้ง เพื่อความ
แน่ใจ
- 22. สามารถนาหลักการทฤษฎีประมวลสารสนเทศ ไปออกแบบ
การจัดการเรียนรู้ในสภาพจริงได้ดังนี้
ใช้หลักการประมวลสารสนเทศของมนุษย์มาออกแบบสื่อหรือกิจกรรมใน
การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการบันทึกผัสสะเป็นเบื้องต้น และเป็น
สิ่งเร้าที่ผู้เรียนสนใจและเกิดการใส่ใจเพื่อเก็บเป็นความจาระยะสั้น ระยะ
ยาวไว้ใช้ต่อไป
นากระบวนการรู้จักมาใช้ในการจัดกิจกรรมให้เข้ากับระดับชั้นของเด็ก
เพื่อให้เข้ากับข้อมูลที่สะสมไว้ในความจาระยะยาวของเด็กและ
ความสามารถในการเชื่อมโยงความรู้
- 23. ฝึกการทบทวน ทาซ้า จัดหมวดหมู่ ขยายความคิด เพื่อให้เกิดความจา
ระยะยาวสาหรับเรียกใช้ในเวลาที่สมควร
ในการนาหลักการดังกล่าวมาใช้จะส่งผลทาให้ผู้เรียนสามารถนาความรู้
ความจา เรียกใช้เพื่อแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดีเพราะมีการเชื่อมโยงจัด
หมวดหมู่ความรู้ไว้พร้อมใช้แล้ว