More Related Content
Similar to M6 125 60_2 (20)
More from Wichai Likitponrak (20)
M6 125 60_2
- 2. ก
คานา
รายงานฉบับนี้จัดทาขึ้นเพื่อประกอบการเรียนรายวิชา ว30245 ชีววิทยา5 โดยมีจุดประสงค์ตาม
โครงการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนตามพระราชดาริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
อีกทั้งเพื่อให้คณะผู้จัดทาได้ทาการศึกษา ค้นคว้า ทดลองผลของฮอร์โมนจิบเบอเรลลินที่มีผลต่อความสูง
ของลาต้นพุดพิชญาและนามาสร้างเป็นตารางและกราฟ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการเปรียบเทียบความสูงที่
เพิ่มขึ้นตามความเข้มข้นของฮอร์โมนที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถนาไปใช้ประกอบการเรียนการสอนของ
คณาจารย์และผู้ศึกษาได้
ทั้งนี้ขอขอบพระคุณอาจารย์วิชัย ลิขิตพรรักษ์ อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ตลอดจนผู้ที่ให้การ
สนับสนุนเสมอมาเป็นอย่างสูง ที่กรุณาให้คาแนะนาข้อเสนอแนะต่างๆ คณะผู้จัดทาหวังว่ารายงาน
โครงงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีความสนใจไม่มากก็น้อย
คณะผู้จัดทา
- 3. ข
บทคัดย่อ
โครงงานทดลองฮอร์โมนพืช เรื่อง การศึกษาผลของฮอร์โมนจิบเบอเรลลินที่มีผลต่อความสูงลาต้น
ของต้นพุดพิชญา มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อสนองพระราชดาริในการดาเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
เตรียมอุดมศึกษา ในพระราชดาริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 2) เพื่อศึกษาว่าฮอร์โมน
จิบเบอเรลลินมีผลต่อความสูงลาต้นของต้นพุดพิชญา 3) เพื่อศึกษาฮอร์โมนจิบเบอเรลลินที่ความเข้มข้น
เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของต้นพุดพิชญา
การทดลองฉีดฮอร์โมนจิบเบอเรลลินที่ความเข้มข้นต่างๆในปริมาณเท่ากันให้ต้นพุดพิชญาในแต่ละ
ชุดการทดลอง โดยแบ่งเป็น ชุด high dose ชุด low dose และชุดควบคุม ซึ่งมีความเข้มข้นของฮอร์โมนจิบ
เบอเรลลิน 0.001% 0.0005% และ 0 % มวล/ปริมาตร ตามลาดับ โดยเก็บข้อมูลด้วยวิธีการวัดความสูงลาต้น
จากโคนถึงยอด และนาข้อมูลดิบไปผ่านกระบวนการวิเคราะห์ต่อไป
ผลการทดลองพบว่าการทดลองชุด low dose มีการเจริญเติบโตมากที่สุด รองลงมาคือการทดลอง
ชุด high dose และชุดควบคุม ตามลาดับ จากผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าฮอร์โมนจิบเบอเรลลินมีผลต่อ
ความสูงของลาต้นพุดพิชญา โดยฮอร์โมนจิบเบอเรลลินที่ความเข้มข้น 0.0005% มวล/ปริมาตร เหมาะสมต่อ
การเจริญเติบโตของต้นพุดพิชญามากที่สุด
- 5. สารบัญ
เรื่อง หน้า
คานา ก
บทคัดย่อ ข
กิตติกรรมประกาศ ค
บทที่1 บทนา 1
บทที่2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง 4
บทที่3 การดาเนินงาน 10
บทที่4 ผลการทดลอง 13
บทที่5 สรุปและข้อเสนอแนะ 16
บรรณานุกรม 17
ภาคผนวก 18
- 6. 1
บทที่ 1 บทนา
ชื่อโครงงานการทดลองฮอร์โมนพืช
เรื่อง การศึกษาผลของฮอร์โมนจิบเบอเรลลินที่มีต่อความสูงลาต้นของต้นพุดพิชญา
สมาชิกโครงงานการทดลองฮอร์โมนพืช
1. นางสาวเกวลิน ลอรัชวี
2. นางสาวทรรศิดา แก่นแก้ว
3. นางสาวนภสร ซุ่นห้อง
4. นางสาวสิริยากร วัฒนเพ็ญไพบูลย์
5. นายภูเบศ สุรธนะสกุล
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 125
สายการเรียนวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
อาจารย์ผู้สอน
นายวิชัย ลิขิตพรรักษ์ครู คศ.1 สาขาวิชาชีววิทยา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ที่มาและความสาคัญ
เนื่องจาก ต้นพุดพิชญาเป็นพืชในสกุลโมกซึ่งนาเข้าจากศรีลังกา มีดอกสีขาวบริสุทธิ์ เป็นความ
สวยงามของสิ่งแวดล้อม สามารถนาไปเป็นไม้ประดับใส่แจกันตกแต่งได้อีกทั้งยังทาหน้าที่เป็นผู้ผลิตซึ่งมี
ความสาคัญต่อระบบนิเวศเป็นอย่างมาก มีส่วนในการเพิ่มแก๊สออกซิเจนให้กับโลกของเราอีกด้วย
นอกจากนี้ ฮอร์โมนจิบเบอเรลลินซึ่งเป็นฮอร์โมนพืชโมเลกุลขนาดใหญ่ เป็นตัวควบคุมการเจริญเติบโต มี
อิทธิพลกับพืชในหลายด้าน เช่น การยืดของข้อการงอก การพักตัว การออกดอก ออกผล เป็นต้น
โดยเป้าหมายในการศึกษาของโครงงานชิ้นนี้คือฮอร์โมนจิบเบอเรลลินที่ความเข้มข้นต่างๆ มีผลต่อการ
เจริญเติบโตของต้นพุดพิชญาหรือไม่
คณะผู้รับผิดชอบโครงงานการทดลองฮอร์โมนพืช จึงมีความสนใจที่จะศึกษาผลของฮอร์โมนจิบ
เบอเรลลินที่มีต่อความสูงลาต้นของต้นพุดพิชญา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาว่าฮอร์โมนจิบเบอเรลลินมีผล
ต่อความสูงของต้นพุดพิชญาหรือไม่ และ ฮอร์โมนจิบเบอเรลลินที่ความเข้มข้นเท่าใด มีผลต่อการเจริญของ
ลาต้นดีที่สุด คณะผู้รับผิดชอบโครงงานการทดลองฮอร์โมนพืชมีความมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลที่ได้จะมี
ประโยชน์ต่อเกษตรกร นักเรียน นักศึกษา นักวิจัย ที่มีความสนใจได้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมในอนาคตต่อไป
คาถามการทาโครงงาน
สารละลายฮอร์โมนจิบเบอเรลลินที่ความเข้มข้นใดจะส่งผลให้ต้นพุดพิชญามีความสูงลาต้นมากที่สุด
สมมติฐานการทดลอง
ถ้าฮอร์โมนจิบเบอเรลลินที่ความเข้มข้น 0.001% m/v มีผลต่อการเจริญของลาต้นดีที่สุด ดังนั้น
สารละลายฮอร์โมนจิบเบอเรลลินที่ความเข้มข้น 0.001% m/v จะทาให้ลาต้นมีความสูงมากที่สุด
- 7. 2
1
วัตถุประสงค์ของโครงงาน
1. เพื่อศึกษาว่าฮอร์โมนจิบเบอเรลลินมีผลต่อความสูงลาต้นของต้นพุดพิชญาหรือไม่
2. เพื่อเปรียบเทียบฮอร์โมนจิบเบอเรลลินที่ความเข้มข้นต่างๆว่าจิบเบอเรลลินที่ความเข้มข้นใด มีผล
ต่อการเจริญของลาต้นดีที่สุด
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. ได้รับความรู้ความเข้าใจเรื่องฮอร์โมนจิบเบอเรลลินและการเจริญเติบโตของต้นพุดพิชญา
2. ได้ศึกษาเปรียบเทียบฮอร์โมนจิบเบอเรลลินที่ความเข้มข้นต่างๆ
3. เป็นการส่งเสริมทักษะการทางานของสมาชิกในกลุ่ม รวมไปถึงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและ
ความสามัคคีภายในกลุ่ม
ขอบเขตของโครงงาน
การทาโครงงานครั้งนี้คณะผู้รับผิดชอบมุ่งเน้นที่จะศึกษาเฉพาะฮอร์โมนจิบเบอเรลลินที่มีผลต่อ
ความสูงลาต้นของต้นพุดพิชญาโดยแบ่งชุดการทดลองเป็น 3 ชุด คือชุด high dose ชุด low dose และชุด
ควบคุม ซึ่งมีความเข้มข้น 0.001% 0.0005% และ 0 % มวล/ปริมาตร ตามลาดับ โดยจัดทาการทดลองขึ้นที่
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง
ตัวแปรต้น คือ ความเข้มข้นของจิบเบอเรลลิน
ตัวแปรตาม คือ ความสูงลาต้นของต้นพุดพิชญา
ตัวแปรควบคุม คือ อายุพืช ปริมาณดิน ขนาดกระถางต้นไม้อุณหภูมิ
ปริมาณน้าและความชื้น ปริมาณแสงแดด
ช่วงระยะเวลาในการทาโครงงาน
14 มิถุนายน พ.ศ. 2560– 3 สิงหาคม พ.ศ. 2560
วิธีการเก็บข้อมูล
การใช้เชือกทาบวัดความสูงของต้นไม้โดยวัดจากโคนต้นจนถึงยอด ซึ่งคณะผู้รับผิดชอบโครงงาน
การทดลองฮอร์โมนพืชได้ทาสัญลักษณ์ไว้ที่โคนต้นเพื่อลดความคลาดเคลื่อน วัดความยาวเชือกที่ได้โดยใช้
ไม้บรรทัดที่มีมาตรฐาน พร้อมจดบันทึกผลการวัดความสูงลงในตารางแบบบันทึกที่ได้ออกแบบไว้
- 9. 4
1
บทที่2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ต้นพุดพิชญา
1. ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Wrightia antidysenterica R.Br.
2. วงศ์ : APOCYNACEAE
ชื่อท้องถิ่น : Inda ,พุดพิชญา
4. ชื่อสามัญ : Coral Swirl
5. นาเข้าจากประเทศ : ศรีลังกา
6. ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
1.) ชนิด/ขนาด : ไม้พุ่มขนาดกลาง เรือนยอดทรงพุ่มรูปไข่ สูง1-2เมตร
2.) ลาต้น : ลาต้นตั้งตรงกิ่งก้านสีน้าตาลแดง ผิวเรียบ มียางสีขาว
3.) ใบ : ใบเดี่ยว ออกลักษณะตรงข้าม รูปใบหอกแกมรูป
ขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบ
ผิวใบด้านบนสีเขียวเข้ม ด้านล่างสีเขียวอ่อน มีขนาด
แผ่นใบกว้าง3.5เซนติเมตร ยาวเซนติเมตร
4.) ดอก : ออกเป็นช่อกระจุกออกตามซอกใบที่ปลายกิ่ง ช่อหนึ่ง
มี 5-6 ดอก กลีบเลี้ยงสีเขียวอ่อนปนเหลือง ดอกสีขาว
โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดแคบ ปลายแยกเป็น
5 กลีบ ดอกบานเต็มที่ขนาด 1.5-2.5 ซม. กลางดอกมี
รยางค์เป็นแผ่น รูปแถบคล้ายขี้ผึ้ง ปลายแยกเป็นริ้ว 2-5 ริ้ว
เกสรเพศผู้สีเหลือง ก้านดอกยาวประมาณ 2 ซม.
ออกดอกตลอดปี ไม่มีกลิ่น
5.) ที่อยู่ : บริเวณที่มีดินร่วนปนทราย ระบายน้าดี ไม่ทนดินเค็ม
มีแสงแดดตลอดวัน มีความชื้นและปริมาณน้าปานกลาง
6.) ขยายพันธุ์ : ปักชา ตอนกิ่ง
- 10. 5
1
ฮอร์โมนจิบเบอเรลลิน(Gibberellin)
1. ความหมาย
จิบเบอเรลลิน (Gibberellin) เป็นฮอร์โมนพืชที่มีโครงสร้างโมเลกุลขนาดใหญ่ บทบาททาง
สรีรวิทยาที่สาคัญของจิบเบอเรลลินคือช่วยเพิ่มความสูงของพืชที่เกิด จากการยืดตัวของข้อ
2. การค้นพบ
การค้นพบจิบเบอเรลลินเริ่มจากการศึกษาต้นข้าวที่เป็นโรค Bakanae ซึ่งมีลักษณะสูง ผอม เกิดจาก
เชื้อรา Gibberella fujikuroiในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ พ.ศ. 2471 เมื่อสกัดสารที่เชื้อรานี้สร้างขึ้นไปทดสอบกับ
พืชชนิดอื่นพบว่าทาให้พืชนั้นๆมีอาการอย่างเดียวกันคือต้นผอม สูง จึงตั้งชื่อสารที่พบนี้ว่าจิบเบอเรลลิน
สารที่พบชนิดแรกตั้งชื่อว่าจิบเบอเรลลินเอ ต่อมามีการพบอนุพันธ์ของกรดจิบเบอเรลลิกจากราอีกหลาย
ชนิด การสกัดสารจิบเบอเรลลินจากพืชทาได้สาเร็จครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2511 โดยแยกได้จากเมล็ดถั่วใน
ปริมาณที่ต่ามาก
3.ลักษณะทางเคมี
จิบเบอเรลลินเป็นสารกลุ่มไดเทอร์พีนอยด์มีโครงสร้างหลักเป็นent-gibberellane ที่สังเคราะห์มา
จาก ent-kaurene โดยจิบเบอเรลลินเป็นอนุพันธ์ของกรดจิบเบอเรลลิก(Gibberellic acid) ปัจจุบันพบแล้ว
มากกว่า80ชนิด
- 11. 6
1
4.การสังเคราะห์
การสังเคราะห์จิบเบอเรลลินในพืชชั้นสูงเริ่มจากสร้าง Geranylgeranyl diphosphate (GGDP) ซึ่ง
เป็นสารตั้งต้นของสารกลุ่มดีเทอร์พีนอยด์โดยทั่วไป จากนั้นจึงเปลี่ยน GGDP ไปเป็น ent-kaurene แล้วจึง
เปลี่ยนเป็น GA12แล้วจึงเปลี่ยนต่อไปเป็นจิบเบอเรลลินตัวอื่นๆ
จากการศึกษาโดยวิธี Diffusion Technique แสดงให้เห็นว่าใบอ่อน ผลอ่อน และต้นอ่อนเป็นส่วน
ที่สร้าง จิบเบอเรลลินของพืช โดยรากพืชอาจจะสามารถสร้างจิบเบอเรลลิน ได้บ้าง แต่จิบเบอเรลลินมีผล
ต่อการเจริญของรากน้อยมาก และอาจจะระงับการสร้างรากแขนงพวก Adventitious Root ด้วย ในปัจจุบัน
ยังไม่มีการสังเคราะห์ จิบเบอเรลลิน เนื่องจากกระบวนการสร้างซับซ้อนและต้องใช้เอนไซม์หลายชนิด
ดังนั้นจิบเบอเรลลินที่พบในปัจจุบันจึงเป็นสารธรรมชาติทั้งสิ้น
มีจุลินทรีย์หลายชนิดที่สร้างจิบเบอเรลลินได้เช่น แบคทีเรีย ไซยาโนแบคทีเรีย ยีสต์ สาหร่ายสีเขียว
สาหร่ายสีน้าตาล สาหร่ายสีแดง รวมทั้งราไมคอไรซาในรากกล้วยไม้โดยในรามีวิธีการผลิตจิบเบอเรลลินค
ล้ายกับพืชชั้นสูงแม้ว่าเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องจะต่างออกไป
- 12. 7
1
5. การระงับการสังเคราะห์จิบเบอเรลลิน
ในปัจจุบันมีสารชะงักการเจริญเติบโต เช่น CCC หรือ Cycocel AM0-1618 Phosfon-Dและ
SADH หรือ Alar ซึ่งใช้กันมากในการเกษตร สารเหล่านี้บางชนิดสามารถระงับ กระบวนการสังเคราะห์
จิบเบอเรลลินได้เช่น AMO-1618สามารถระงับการสังเคราะห์จิบเบอเรลลินในอาหารสารอง (Endosperm)
ของแตงกวาป่า โดยระงับในช่วงการเปลี่ยน Geranylgeranyl pyrophosphate ไปเป็น Kaurene ในทานอง
เดียวกัน CCC สามารถระงับกระบวนการนี้ได้ด้วย
6. การสลายตัวของจิบเบอเรลลิน
ความรู้ทางด้านนี้ยังมีไม่มากนัก แต่มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าจิบเบอเรลลินมีกิจกรรมทาง
สรีรวิทยาอยู่ได้เป็นระยะเวลานานในเนื้อเยื่อพืช และในเนื้อเยื่อพืชที่มีจิบเบอเรลลินอยู่สูงจะไม่แสดงผลเสีย
อย่างไรก็ตามจิบเบอเรลลินสามารถเปลี่ยนจากชนิดหนึ่งไปเป็นจิบเบอเรลลินอีกชนิดหนึ่งได้ใน
เนื้อเยื่อพืช ยิ่งไปกว่านั้นในเนื้อเยื่อพืชยังมีจิบเบอเรลลินในรูปของไกลโคไซด์(Glycosides) ซึ่งอาจจะเป็น
วิธีการทาให้จิบเบอเรลลินไม่สามารถแสดงคุณสมบัติออกมา กรดจิบเบอเรลลิคซึ่งอยู่ในสภาพสารละลายถูก
ทาให้สลายตัวได้โดยใช้ Acid Hydrolysis ที่อุณหภูมิสูงและได้ผลิตภัณฑ์คือกรดจิบเบอเรลลีนิค
(Gibberellenic Acid) และกรดจิบเบอริค (Gibberic Acid)
7. บทบาทของจิบเบอเรลลินต่อพืช
- กระตุ้นการขยายตัวของเซลล์โดยการเพิ่มความยืดหยุ่นของผนังเซลล์ ทาให้เซลล์มีรูปร่างยืดยาว
ขึ้น
- กระตุ้นการเจริญของรากโดยเฉพาะการเจริญของรากแรกเกิด (Radicle) รากต้องการจิบเบอเรลลิน
ในปริมาณที่น้อยกว่าลาต้น เช่นรากต้องการ GA3 ในระดับนาโนโมลาร์ แต่ยอดต้องการในระดับ
ไมโครโมลาร์
- จิบเบอเรลลินมีผลต่อพัฒนาการของดอกโดยเฉพาะพัฒนาการของก้านชูเกสรตัวผู้และกลีบดอก
- กระตุ้นการติดผลในพืชหลายชนิด เช่น ส้ม มะเขือเทศ องุ่น การได้รับจิบเบอเรลลินช่วยให้เกิด
การติดผลโดยไม่ต้องผสมเกสรได้
- 13. 8
1
- กระตุ้นการงอกของเมล็ด แสงสีแดงกระตุ้นการงอกของเมล็ดได้โดยกระตุ้นให้มีการสร้าง
จิบเบอเรลลินมากขึ้น
- การเปลี่ยนเพศดอก จิบเบอเรลลินช่วยทาให้พืชตระกูลแตงหรือพืชที่แยกดอกตัวผู้และดอกตัวเมีย
เกิดดอกตัวผู้มากขึ้นได้ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงพันธุ์พืช
- จิบเบอเรลลินช่วยทาลายระยะพักตัวของพืชทั้งการพักตัวของตาและเมล็ด โดยข่มฤทธิ์ของABA
ซึ่งทาให้เกิดระยะพักตัว
- หลังการงอก จิบเบอเรลลินสนับสนุนการยืดตัวของข้อและการแผ่ขยายของใบ
- ควบคุมให้พืชอยู่ในสภาวะอ่อนวัย เช่นการทาให้ใบของ Hedera helix คงอยู่ในสภาพของใบใน
ระยะอ่อนวัยซึ่งมีความสวยงามกว่าใบในระยะเต็มวัยพร้อมสืบพันธุ์ได้
- กระตุ้นการออกดอก การได้รับจิบเบอเรลลินสามารถทดแทนความต้องการช่วงแสงยาวในช่วง
กลางวันของพืช วันยาว และความต้องการความหนาวเย็นก่อนออกดอกของพืชได้
8.บทบาทของจิบเบอเรลลินต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
จิบเบอเรลลินสามารถกระตุ้นการเจริญของแบคทีเรีย (เช่น Azotobactor Pseudomonas) ยีสต์ และรา
ได้เช่นกัน จิบเบอเรลลินยังสามารถกระตุ้นการตรึงไนโตรเจนและการเจริญเติบโตของ Anabaena ได้ด้วย
9.การเคลื่อนที่ของจิบเบอเรลลิน
จิบเบอเรลลินสามารถเคลื่อนย้ายหรือเคลื่อนที่ในพืชได้ทั้งทางเบสิพีตัล และอะโครพีตัล และการ
เคลื่อนที่ไม่มีโพลาริตี้ การเคลื่อนย้ายเกิดขึ้นทั้งในส่วนของท่ออาหารและท่อน้าแต่การเคลื่อนที่ของจิบเบอ
เรลลินจากยอดอ่อนลงมาสู่ส่วนล่างของลาต้นนั้นไม่ได้เกิดในท่อน้า ท่ออาหารเพราะส่วนของยอดอ่อนเป็น
ส่วนที่ดึงอาหารและธาตุอาหารให้เคลื่อนที่ขึ้นไปแบบอะโครพีตัลดังนั้นจิบเบอเรลลินจึงไม่ได้เคลื่อนที่ทาง
ท่ออาหาร และยังไม่ทราบวิถีการเคลื่อนที่แน่ชัด
10.ประโยชน์ของจิบเบอเรลลิน
- เพิ่มผลผลิต : เพิ่มขนาดของใบผัก
- เพิ่มการติดผล : เป็นการติดผลโดยไม่ต้องผสมเกสร มักใช้กับมะเขือเทศ องุ่น ส้ม
- เพิ่มขนาดผล : ใช้กับองุ่นจากดอกคาร์ดินัลและลูซเพอร์เบทท์ในไทย
- เพิ่มความยาวของช่อดอกและผล: ตอบสนองได้ดีในองุ่น
- เปลี่ยนเพศดอก: ตอบสนองได้ดีในพืชตระกูลแตง เช่น แตงกวา ฟักทอง
- ชะลอการออกดอก : ชะลอการออกดอกในช่วงที่ไม่ต้องการ เพื่อให้มีการสะสมอาหารและพร้อม
สาหรับการออกดอกในเวลาต่อมา มักใช้กับ ส้ม มะม่วง แอปเปิล
- 14. 9
1
- กระตุ้นการแทงช่อดอก : ใช้กับพืชที่มีการห่อปลีแน่นจนไม่สามารถแทงช่อดอกได้เช่น
กะหล่าปลี ผักกาดขาว ผักกาดหอมห่อ ผักกาดเขียวปลี
- ชะลอการแก่และการสุก: ช่วยในการเก็บรักษาผลผลิต
- ทาลายการพักตัวของตาและเมล็ด
- 15. 10
1
บทที่ 3 การดาเนินงาน
วัสดุอุปกรณ์และสารเคมี
1. กระถางต้นไม้ จานวน 9 กระถาง
2. ฟ็อกกี้ จานวน 3 อัน
3. ขวดน้า(ใส่น้า) 1 ลิตร จานวน 3 ขวด
4. เส้นเชือกในการวัดความสูง จานวน 1 เส้น
5. ไม้บรรทัด จานวน 1 อัน
6. ฮอร์โมนจิบเบอเรลลิน จานวน 15 มิลลิกรัม
7. ป้ายชื่อปักต้นไม้ จานวน 7 ป้าย
ขั้นตอนการทาโครงงาน
1. ประชุมวางแผนคัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ ซึ่งคือ การศึกษาผลของฮอร์โมนจิบเบอเรลลินที่มีต่อ
ความสูงลาต้นของต้นพุดพิชญา
2. ศึกษาและค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับโครงงานดังนี้
2.1. ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นพุดพิชญา
2.2. ฮอร์โมนจิบเบอเรลลิน(ชนิดเม็ด)
3. จัดซื้อต้นพุดพิชญาฮอร์โมนจิบเบอเรลลิน และวัสดุอุปกรณ์อื่นๆที่จาเป็น
4. วางแผนรายละเอียดการทดลอง โดยแบ่งเป็น 3 ชุด ชุดละ 3 ต้น ดังนี้
4.1. ชุดที่ 1 (high dose) ฉีดสารละลายฮอร์โมนที่มีความเข้มข้น 0.001 % m/v
4.2. ชุดที่ 2 (low dose) ฉีดสารละลายฮอร์โมนที่มีความเข้มข้น 0.0005 % m/v
4.3. ชุดที่ 3 (control) ฉีดสารละลายฮอร์โมนที่มีความเข้มข้น 0 % m/v (น้า)
5. จัดหาสถานที่ที่ใช้ในการทาการทดลอง โดยจัดว่างเว้นระยะห่างพอสมควรเป็นลาดับดังนี้
คือเรียงจาก ชุด high dose ชุด low dose และชุดควบคุม เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาในการฉีดฮอร์โมน
ที่มีความเข้มข้นต่างกัน และจัดทาป้ายชื่อต้นไม้
6. ปรึกษา อาจารย์ที่ปรึกษา ในเรื่องของการจัดเตรียมสารละลาย
7. เตรียมวัสดุอุปกรณ์และสารเคมี เพื่อนามาเตรียมสารละลายซึ่งมีดังนี้
7.1. ฟ็อกกี้ จานวน 3 อัน
7.2. ขวดน้า(ใส่น้า) 1 ลิตร จานวน 3 ขวด
7.3.ฮอร์โมนจิบเบอเรลลิน(ชนิดเม็ด) จานวน 15 มิลลิกรัม
- 16. 11
โดยมีขั้นตอนการเตรียมสารละลายดังนี้
1. เตรียมสารละลายฮอร์โมนที่มีความเข้มข้น 0.001 % m/v โดยการใส่เม็ดฮอร์โมน
จานวน 10 มิลลิกรัมในขวดน้า1 ลิตร เขย่าให้เป็นเนื้อเดียวกัน
2. เตรียมสารละลายฮอร์โมนที่มีความเข้มข้น 0.0005 % m/v โดยการใส่เม็ดฮอร์โมน
จานวน 5 มิลลิกรัมในขวดน้า1 ลิตร เขย่าให้เป็นเนื้อเดียวกัน
3. นา ขวดทั้ง3 ขวดซึ่งมีความเข้มข้น 0.001 % m/v 0.0005 % m/v และ 0% m/v
แยกใส่ลงในฟ็อกกี้แต่ละอัน
8. ขั้นตอนกระบวนการทาการทดลอง
8.1. ตอนที่ 1 การฉีดสารละลายฮอร์โมนความเข้มข้นต่างๆ
โดยจะฉีดฮอร์โมนความเข้มข้นต่างกันในปริมาณที่เท่ากันในแต่ละชุดทดลองในทุกๆวัน
เริ่มฉีดเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2560 โดยมีเวรในการรับผิดชอบดังนี้
ตารางผู้รับผิดชอบฉีดฮอร์โมนพืชในแต่ละวัน
วันจันทร์ ภูเบศ
วันอังคาร เกวลิน
วันพุธ ทรรศิดา
วันพฤหัสบดี สิริยากร
วันศุกร์ นภสร
8.2. ตอนที่ 2 การเปรียบเทียบความสูงลาต้นของชุดทดลองต่างๆโดยการวัด
8.2.1. นาปากกาลบคาผิดไปทาเครื่องหมายบริเวณโคนต้นของทุกต้น
8.2.2. วัดความสูงครั้งแรกของแต่ละต้นโดยนาเชือกยาวมาวัดจากโคนสู่ยอด
8.2.3. นาความยาวของเชือกที่วัดได้ไปเปรียบเทียบกับความยาวไม้บรรทัดแล้วบันทึกผล
8.2.4. ทาการวัดซ้าในวันอังคารของทุกๆสัปดาห์
8.2.5. นาข้อมูลที่เฉลี่ยของแต่ละต้น เฉลี่ยของแต่ละชุดทดลอง พร้อมทั้ง ค่าเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นมาใส่
ในตาราง
หมายเหตุ ทาการวัดทุกๆกิ่งในแต่ละต้นแล้วนามาหาค่าเฉลี่ยเพื่อความแม่นยา
- 18. 13
1
บทที่4 ผลการทดลอง
ตารางบันทึกผลการทดลอง
วัน/เดือน/ปี
ความสูงเฉลี่ยจากโคนต้นถึงปลายแต่ละกิ่งของต้นพุดพิชญา(Cm)
ชุดควบคุม ชุด Low Dose ชุด High Dose
1 2 3 เฉลี่ย 1 2 3 เฉลี่ย 1 2 3 เฉลี่ย
วันที่ 14 มิ.ย. 2560 31.3 31.1 29.9 30.8 31.8 33.8 32.1 32.6 31.6 29.4 32.9 31.3
วันที่ 20 มิ.ย. 2560 31.4 31.4 31.0 31.3 32.3 34.5 32.8 33.2 31.9 29.7 33.3 31.6
วันที่ 27 มิ.ย. 2560 31.6 31.5 31.1 31.4 32.6 35.4 33.7 33.7 32.3 30.1 33.6 32.0
วันที่ 4 ก.ค. 2560 31.7 31.7 31.3 31.6 32.9 36.0 34.3 34.4 32.8 30.3 34.1 32.4
วันที่ 11 ก.ค. 2560 31.9 32.0 31.5 31.8 33.2 36.7 34.6 34.8 33.1 30.8 34.4 32.8
วันที่ 18 ก.ค. 2560 32.1 32.3 31.7 32.0 33.6 37.2 35.3 35.4 33.5 31.1 34.8 33.1
วันที่ 1 ส.ค. 2560 32.2 32.5 31.9 32.2 34.1 37.9 36.1 36.0 33.9 31.6 35.1 33.5
ค่าความสูงเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นต่อ
ครั้งที่ตรวจ (Cm)
ชุดควบคุม ชุด Low Dose ชุด High Dose
0.2 0.5 0.3
- 19. 30.8
31.3 31.4 31.6 31.8 32 32.2
32.6
33.2
33.7
34.4
34.8
35.4
36
31.3
31.6
32
32.4
32.8 33.1
33.5
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
วันที่ 14 มิ. ย.
2560
วันที่ 20 มิ. ย.
2560
วันที่ 27 มิ. ย.
2560
วันที่ 4 ก.ค.
2560
วันที่ 11 ก.ค.
2560
วันที่ 18 ก.ค.
2560
วันที่ 1 ส.ค.
2560
ความสูง(ซ.ม.)
เวลา
กราฟเส้นความสูงเฉลี่ยของต้นพุดพิชญา(ซ.ม.)
ชุดควบคุม ชุด Low Dose
14
1
กราฟแท่งแสดงผลการทดลอง
กราฟเส้นแสดงผลการทดลอง
30.8
31.3 31.4 31.6 31.8 32 32.2
32.6
33.2
33.7
34.4
34.8
35.4
36
31.3 31.6
32
32.4
32.8 33.1
33.5
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
วันที่ 14 มิ.ย.
2560
วันที่ 20 มิ.ย.
2560
วันที่ 27 มิ.ย.
2560
วันที่ 4 ก.ค.
2560
วันที่ 11 ก.ค.
2560
วันที่ 18 ก.ค.
2560
วันที่ 1 ส.ค.
2560
ความสูง(ซ.ม.)
เวลา
กราฟแผนภูมิแท่งของความสูงเฉลี่ยต้นพุดพิชญา (ซ.ม.)
ชุดควบคุม ชุด Low Dose ชุด High Dose
- 21. 16
1
บทที่5 สรุปและข้อเสนอแนะ
สรุปผลการทดลอง
จากการศึกษาและติดตามผลการเพิ่มความสูงของต้นพุดพิชญา เมื่อใช้ฮอร์โมนจิบเบอเรลลิน พบว่าชุด
Low dose มีการเพิ่มความสูงของลาต้นมากที่สุด ชุด Highdose มีการเพิ่มความสูงลาต้นรองลงมา และกลุ่มที่
มีการเพิ่มของความสูงลาต้นน้อยที่สุดคือชุดควบคุม ซึ่งสามารถสรุปได้ว่าฮอร์โมนจิบเบอเรลลินมีผลต่อ
ความสูงของต้นพุดพิชญา โดยจะทาให้ต้นพุดพิชญามีความสูงเพิ่มมากขึ้น แต่ต้องใช้ความเข้มข้นของ
ฮอร์โมนที่เหมาะสม
ข้อเสนอแนะ
เนื่องจากข้อจากัดและลักษณะของสถานที่ ทาให้ต้นพุดพิชญาแต่ละชุดอาจได้รับแสงในปริมาณที่ไม่
เท่ากัน อาจทาให้เกิดความลาดเคลื่อน จึงควรหาสถานที่เหมาะสมและสามารถจัดต้นไม้ทุกชุดให้ได้รับแสง
ในปริมาณที่ใกล้เคียงกันได้มากที่สุด
- 22. 17
1
บรรณานุกรม
1. http://book.baanlaesuan.com/plant-library/indrajao_winter/
2. https://th.wikipedia.org/wiki/พุดพิชญา
3. https://sites.google.com/a/takongwit.ac.th/botanic/khxmul-phrrn-mi/057-phud-phichya
4. http://www.tankonyvtar.hu/en/tartalom/tamop412A/2011_0009_Levai_Laszlo_Veres_Szilvia-
Applied_Plant_Physiology/ch13.html
5. http://www.biologydiscussion.com/plants/gibberellins-discovery-chemical-nature-and-biosynthesis-
plants/23404
6. https://th.wikipedia.org/wiki/จิบเบอเรลลิน
7. http://www.student.chula.ac.th/~56370053/gibberellins.html
8. http://www.plantmediashop.com/store/article/view/อิทธิพลและประโยชน์ของฮอร์โมนจิบเบอเรลลิน
ในการผลิตพืช-51977-th.html
9. http://www.kasetkawna.com/article/188/ฮอร์โมนพืช-จิบเบอเรลลิน