More Related Content
Similar to Plant hor 4_77_60
Similar to Plant hor 4_77_60 (20)
More from Wichai Likitponrak
More from Wichai Likitponrak (20)
Plant hor 4_77_60
- 2. บทคัดย่อ
ในปัจจุบัน เกษตรกรนิยมใช้ฮอร์โมนในการเร่งการเจริญเติบโตของต้นไม้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ
ฮอร์โมนจิบเบอเรลลิน(Gibberellin) โดยฮอร์โมนจิบเบอเรลลินเป็นฮอร์โมนพืชที่สามารถควบคุมการ
เจริญเติบโต และมีอิทธิพลต่อกระบวนการพัฒนาการของพืช ทั้งด้านการยืดข้อ การงอ การพักตัว การออก
ดอก การแสดงเพศ และการชราของดอกและผล โดยการตอบสนองจะปรากฏเด่นชัดเมื่อให้ฮอร์โมนจิบเบอ
เรลลินกับพืชในปริมาณที่เหมาะสม จากข้อมูลดังกล่าวทาให้คณะผู้รับผิดชอบโครงงานการทดลองฮอร์โมน
พืชเกิดข้อสงสัยว่า ปริมาณความเข้มข้นของฮอร์โมนจิบเบอเรลลินเท่าไรที่เหมาะสมต่อความสูงของต้นโมก
มากที่สุดจึงเกิดเป็นโครงงานการทดลองฮอร์โมนพืชครั้งนี้
จากการศึกษาความสูงของต้นโมกโดยมีตัวแปรคือระดับความเข้มข้นของฮอร์โมนจิบเบอเรลลินที่
แตกต่างกันโดยมีชุดควบคุม และชุดทดลอง 2 ชุด คือ ชุดที่ฮอร์โมนมีความเข้มข้นต่า และชุดที่ฮอร์โมนมี
ความเข้มข้นสูง พบว่าชุดที่ฮอร์โมนมีความเข้มข้นสูงมีระดับความสูงที่มากที่สุด
ก
- 4. สารบัญ
หน้า
บทคัดย่อ ก
กิตติกรรมประกาศ ข
สารบัญ ค
บทที่ 1 บทนา
- ที่มาและความสาคัญ 1
- ปัญหา 1
- สมมติฐานการทดลอง 1
- วัตถุประสงค์ของโครงงาน 1
- ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1
- ระยะเวลาการทดลอง 1
- ขอบเขตการวิจัย 1
- ตัวแปร 1
- วิธีการเก็บข้อมูล 2
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
- ฮอร์โมนจิบเบอเรลลิน 3
- ข้อมูลพรรณไม้โมก 3
บทที่ 3 การดาเนินงาน
- วัสดุอุปกรณ์และสารเคมี 7
- ขั้นตอนการทาโครงงาน 7
บทที่ 4 ผลการทดลอง
- ตารางบันทึกผลการทดลอง 9
- กราฟเส้นแสดงผลการทดลอง 10
บทที่ 5 สรุป อภิปราย และ เสนอแนะ
- สรุปผลการทดลอง 11
- ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม 11
บรรณานุกรม 12
ภาคผนวก
ค
- 5. บทที่ 1
บทนา
ที่มาและความสาคัญ
เนื่องจาก ในหลายๆส่วนของต้นโมกนั้นสามารถนามารักษาโรคหรือใช้เป็นสมุนไพรเพื่อบารุง
สุขภาพได้อย่างดี นอกจากนี้ ฮอร์โมนจิบเบอเรลลินนั้นก็เป็นฮอร์โมนที่เป็นที่นิยมกันในหมู่เกษตรกรซึ่งมี
อิทธิผลต่อพืชในหลายๆอย่างซึ่งหนึ่งในนั้นคือความสูงของพืชนั่นเอง
คณะผู้รับผิดชอบโครงงานการทดลองฮอร์โมนพืช จึงมีความสนใจที่จะศึกษาผลของฮอร์โมนจิบ
เบอเรลลินที่มีต่อความสูงของต้นโมก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาว่าฮอร์โมนจิบเบอเรลลินมีผลต่อความสูง
ของต้นโมกในลักษณะอย่างไรคณะผู้รับผิดชอบโครงงานการทดลองฮอร์โมนพืชมีความมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่ง
ว่าผลที่ได้จะมีประโยชน์ต่อผู้ทาการเกษตรและผู้ที่สนใจในการศึกษาในอนาคตต่อไป
ปัญหา
สารละลายฮอร์โมนจิบเบอเรลลินที่ความเข้มข้นใดจะส่งผลให้ต้นโมกมีความสูงมากที่สุด
สมมติฐานการทดลอง
ถ้าฮอร์โมนจิบเบอเรลลินที่มีผลต่อความสูงเจริญดีที่สุด ดังนั้น สารละลายฮอร์โมน จิบเบอเรลลินที่ค
วามเข้มข้น 0.04%v/v จะทาให้ต้นโมกมีความสูงมากที่สุด
วัตถุประสงค์ของโครงงาน
1. เพื่อศึกษาผลของฮอร์โมนจิบเบอเรลลินว่ามีผลต่อความสูงของต้นโมกอย่างไร
2. เพื่อเปรียบเทียบฮอร์โมนจิบเบอเรลลินระหว่างความเข้มข้นต่าและสูงว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. ได้รับความรู้ความเข้าใจเรื่องฮอร์โมนที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต
2. ได้ศึกษาเปรียบเทียบความเข้มข้นระหว่างต่ากับสูงว่ามีผลต่างกันมากน้อยเพียงใด
3. เป็นการส่งเสริมการนาฮอร์โมนไปใช้ในการเกษตร
ขอบเขตการวิจัย
การทาโครงงานครั้งนี้คณะผู้รับผิดชอบมุ่งเน้นที่จะศึกษาเฉพาะความสูงของต้นโมก
ระยะเวลาในการทดลอง
25 พฤษภาคม 2560 – 3 สิงหาคม 2560
ตัวแปร
ตัวแปรต้น คือ ความเข้มข้นของฮอร์โมนจิบเบอเรลลิน
ตัวแปรตาม คือ ความสูงของต้นโมก
ตัวแปรควบคุม คือ ปริมาณดิน อุณหภูมิ สภาพอากาศ ปริมาณการให้ฮอร์โมนและการรดน้า
1
- 7. บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
1. จิบเบอเรลลิน (Gibberellin)
เป็นฮอร์โมนพืชที่มีโครงสร้างโมเลกุลขนาดใหญ่ ควบคุมการเจริญเติบโตและมีอิทธิพลต่อกระบวนการ
ทางพัฒนาการรวมทั้งการยืดของข้อ การงอก การพักตัว การออกดอก การแสดงเพศ การชักนาการสร้างเอนไซม์
รวมทั้งการชราของดอกและผล จิบเบอเรลลินถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2469 โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น
Eiichi Kurosawa ผู้ศึกษาโรคบากาเนะในข้าว เริ่มจากการศึกษาต้นข้าวที่เป็นโรค Bakanae ซึ่งมีลักษณะสูง ผอม
เกิดจากเชื้อรา Gibberella fujikuroi และถูกสกัดออกมาเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2478 โดยTeijiro Yabuta จากเชื้อ
รา G. fujikuroi เมื่อสกัดสารที่เชื้อรานี้สร้างขึ้นไปทดสอบกับพืชชนิดอื่น พบว่าทาให้พืชนั้นๆมีอาการอย่าง
เดียวกันคือต้นผอม สูง จึงตั้งชื่อสารที่พบนี้ว่าจิบเบอเรลลิน สารที่พบชนิดแรกตั้งชื่อว่าจิบเบอเรลลินต่อมามีการ
พบอนุพันธ์ของกรดจิบเบอเรลลินจากราอีกหลายชนิด รวมทั้งในพืช ใน พ.ศ. 2546 พบจิบเบอเรลลินแล้ว 126
ชนิดทั้งที่แยกได้จากพืช รา และแบคทีเรีย
2. ข้อมูลพรรณไม้โมก
โมกเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลาต้นมีความสูงประมาณ 5-12 เมตร ผิวเปลือกสีนาตาลดา ลาต้น
กลมเรียบมีจุดเล็ก ๆสีขาวประทั่วต้น แตกกิ่งก้านสาขาออกรอบลาต้นไม่เป็นระเบียบใบเป็นใบเดียวออกเรียงกัน
เป็นคู่ตามก้านใบลักษณะใบ เป็นรูปไข่ รี ปลายใบมนแหลม โคนใบแหลม ขอบใบเรียบ เนื้อใบบางสีเขียว ขนาด
ใบกว้างประมาณ 2 เซนติเมตร ยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อสั้น ๆ อยู่ตามปลายกิ่ง ช่อหนึ่งมีดอก
4-8 ดอก ลักษณะดอกจะคว่าหน้าลงสู่พื้นดินมีกลีบดอก 5 กลีบ มีสีขาวกลิ่นหอม ดอกบานเต็มที่มีขนาด ประมาณ
2 เซนติเมตร ผลเป็นฝักรูปทรงกระบอกจะออกมาเป็นคู่ ลักษณะโค้งงอเข้าหากัน ภายในมีขี้เรียงอยู่จานวนมาก
ขนาดความยาวของฝักประมาณ 10-15 เซนติเมตร
3
- 8. ดอก ออกดอกเป็นช่อสั้น ๆ อยู่ตามปลายกิ่ง ช่อหนึ่งมีดอก 4-8 ดอก ดอกจะคว่าหน้าลงสู่พื้นดินมีกลีบดอก 5
กลีบ มีสีขาวกลิ่นหอม ดอกบานเต็มที่มีขนาด ประมาณ 2 เซนติเมตร
4
- 9. ใบ ใบเดียวออกเรียงกันเป็นคู่ตามก้านใบลักษณะใบ เป็นรูปไข่ รี ปลายใบมนแหลม โคนใบแหลม ขอบใบเรียบ
เนื้อใบบางสีเขียว ขนาดใบกว้างประมาณ 2 เซนติเมตร ยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร
ต้น เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลาต้นมีความสูงประมาณ 5-12 เมตร ผิวเปลือกสีนาตาลดา ลาต้นกลมเรียบมี
จุดเล็ก ๆ สีขาวประทั่วต้น แตกกิ่งก้านสาขาออกรอบลาต้นไม่เป็นระเบียบ
ฝักหรือผล รูปทรงกระบอกจะออกมาเป็นคู่ ลักษณะโค้งงอเข้าหากัน ภายในมีเมล็ดเรียงอยู่เป็นจานวนมาก ขนาด
ความยาวของฝักประมาณ 10-15 เซนติเมตร
5
- 11. บทที่ 3
การดาเนินงาน
วัสดุอุปกรณ์และสารเคมี
1. กระถางต้นไม้
2. แผ่นรองกระถาง
3. ขวดน้า(ใช้ในการรดน้า)
4. สเปรย์พลาสติกบรรจุจิบฮอร์โมนจิบเบอเรลลินhigh dose , low dose และน้าเปล่า
ขั้นตอนการทาโครงงาน
1. ประชุมวางแผนคัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ ซึ่งคือ การศึกษาผลของฮอร์โมนจิบเบอเรลลินที่มีต่อ
ความสูงของต้นโมก
2. ศึกษาและค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับโครงงานดังนี้
2.1. การเพาะเลี้ยงต้นโมก
2.2. ฮอร์โมนจิบเบอเรลลิน
2.3. ลักษณะทางพฤกศาสตร์ของโมก
2.4. โรคติดต่อของพืช
3. วางแผนรายละเอียดการทดลอง
3.1. การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของจิบเบอเรลลินของแต่ละความเข้มข้นที่มีผลต่อความสูงของต้น
โมก
4. ปรึกษากันในการใช้พื้นที่บริเวณหน้าตึกศิลปะในการทาการศึกษา
5. จัดหาวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทาการทดลองเปรียบเทียบประสิทธิภาพของจิบเบอเรลลินของแต่ละความ
เข้มข้นในที่มีผลต่อความสูงของต้นโมก
5.1.1. ฮอร์โมนจิบเบอเรลลินความเข้มข้น 0.02%v/v และความเข้มข้น 0.04%v/v
5.1.2. ต้นโมก 9 ต้น
5.1.3. ที่ฉีดสเปรย์ 3 อัน
5.1.4. สมุดบันทึก
7
- 12. 6. ขั้นตอนกระบวนการทาการทดลอง
6.1. การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของจิบเบอเรลลินของแต่ละความเข้มข้นที่มีผลต่อความสูงของต้น
โมก
6.1.1. เตรียมต้นโมกไว้9 ต้น วางไว้บริเวณเดียวกัน แบ่งการทดลองเป็น 3 ชุด ชุดละ 3 ต้น เป็นชุด
control low dose และ high dose
6.1.2. ชุด control ฉีดน้ากลั่น ต้นละ 10 ครั้ง ชุด low dose ฉีดฮอร์โมนจิบเบอเรลลินความเข้มข้น
0.02%v/v ต้นละ 10 ครั้ง ชุด high dose ฉีดฮอร์โมนจิบเบอเรลลินความเข้มข้น 0.04%v/v ต้น
ละ 10 ครั้ง
6.1.3. รดน้าทุกต้นใบปริมาณที่เท่ากัน
6.1.4. สารวจและบันทึกความสูงทุกๆสัปดาห์
7. สรุปผล อภิปราย และเสนอต่อ อาจารย์ที่ปรึกษา เป็นระยะ
8. จัดทาเอกสารเป็นรูปเล่มโครงงานให้สมบูรณ์
9. จัดทาสื่ออภิปรายแสดงผลการทดลอง
10. จัดทาการส่งโครงงานแก่อาจารย์ที่ปรึกษา
8
- 13. บทที่ 4 ผลการทดลอง
จากผลการทดลองพบว่า
กลุ่ม Control สูงขึ้นเฉลี่ย 19.66 เซนติเมตร คิดเป็น15.40%
กลุ่ม Low Dose สูงขึ้นเฉลี่ย 24.33เซนติเมตร คิดเป็น19.46%
กลุ่ม High Dose สูงขึ้นเฉลี่ย 32 เซนติเมตร คิดเป็น24.87%
ตารางแสดงความสูงของต้นไม้ที่ได้รับฮอร์โมนความเข้มข้นต่างๆ
วัน/เดือน/ปี ชุดควบคุม ชุด Low Dose ชุด High Dose
ความ
สูง
กระถาง
ที่1
(cm)
ความ
สูง
กระถาง
ที่2
(cm)
ความ
สูง
กระถาง
ที่3
(cm)
ความ
สูง
เฉลี่ย
ความ
สูง
กระถาง
ที่1
(cm)
ความ
สูง
กระถาง
ที่2
(cm)
ความ
สูง
กระถาง
ที่3
(cm)
ความสูง
เฉลี่ย
ความ
สูง
กระถ
างที่1
(cm)
ความ
สูง
กระถ
างที่2
(cm)
ความ
สูง
กระถา
งที่3
(cm)
ความ
สูง
เฉลี่ย
25/5/60 125 128 130 127.67 121 129 125 125 128 129 129 128.67
2/6/60 128 131 133 131 126 134 130 130 135 134 136 135
8/6/60 132 134 138 134.67 136 138 135 136.33 141 140 147 142.67
16/6/60 136 139 146 140.33 144 144 142 143.33 158 147 155 153.33
23/6/60 138 141 149 142.67 145 146 145 145.33 161 155 158 158
30/6/60 140 142 150 144 148 147 147 147.33 162 157 160 159.67
7/7/60 143 147 152 147.33 149 149 150 149.33 163 158 161 160.67
9
- 15. บทที่ 5
สรุป อภิปราย และ เสนอแนะ
สรุปและอภิปรายผลการทดลอง
จากการทดลองพบว่า ชุดการทดลอง ฮอร์โมนจิบเบอเรลลินมีผลต่อความสูงของต้นโมกในทางที่
เพิ่มมากขึ้นโดยที่ถ้าความเข้มข้นของฮอร์โมนจิบเบอเรลลินมาก ความสูงของต้นโมกจะเพิ่มมาก และ ถ้า
ความเข้มข้นของฮอร์โมนจิบเบอเรลลินน้อย ความสูงของต้นโมกจะเพิ่มน้อย
ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
มีปัญหาเรื่องสภาพภูมิอากาศและในเรื่องของเวลาในการดูแลโดยในขณะทาการทดลองนั้นเป็นช่วง
ที่สภาพอากาศค่อนข้างแปรป่วนจึงมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชอีกทั้งยังทาให้เกิดการติดต่อของโรคบาง
ชนิดและมีแมลงมาทาร้ายต้นพืชดังนั้นจึงต้องนาไปปรับในเรื่องของระยะเวลาที่เหมาะสมในการทา
โครงงานหน้าๆไป
11
- 16. บรรณานุกรม
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=grizzlybear&month=11- 2 0 1 3 & d a t e = 1 8 & g r o u p =
16&gblog=42[ออนไลน์]. เข้าถึงเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2560
http://www.siamfishing.com/content/view.php?nid=32990&cat=handmade [ออนไลน์]. เข้าถึงเมื่อวันที่ 25
กรกฎาคม 2560
http://www.nanagarden.com/topic/3637[ออนไลน์]. เข้าถึงเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2560
https://outlook.live.com/owa/?path=/attachmentlightbox[ออนไลน์]. เข้าถึงเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2560
https://medthai.com/%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%
B2%E0%B8%99/[ออนไลน์]. เข้าถึงเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2560
https://en.wikipedia.org/wiki/Gibberellin[ออนไลน์]. เข้าถึงเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2560
http://www.biology-pages.info/G/Gibberellins.html[ออนไลน์]. เข้าถึงเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2560
http://www.rakbankerd.com/agriculture/page.php?id=8183&s=tblplant[ออนไลน์]. เข้าถึงเมื่อวันที่ 25
กรกฎาคม 2560
http://www.plantmediashop.com/store/article/view[ออนไลน์]. เข้าถึงเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2560
12