Submit Search
Upload
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ
•
1 like
•
1,330 views
Somporn Amornwech
Follow
การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ
Read less
Read more
Education
Report
Share
Report
Share
1 of 22
Recommended
ช่วงและการแก้อสมการ
ช่วงและการแก้อสมการ
Aon Narinchoti
แบบทดสอบ เรื่องพหุนาม
แบบทดสอบ เรื่องพหุนาม
ทับทิม เจริญตา
ระบบสมการกำลังสอง
ระบบสมการกำลังสอง
Ritthinarongron School
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ปริมาตรของพีระมิด
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ปริมาตรของพีระมิด
คุณครูพี่อั๋น
ข้อสอบคณิตศาสตร์ (PISA)
ข้อสอบคณิตศาสตร์ (PISA)
Napadon Yingyongsakul
เศษส่วนพหุนาม
เศษส่วนพหุนาม
Ritthinarongron School
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เรื่องการบวกและการลบพหุนาม
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เรื่องการบวกและการลบพหุนาม
วชิรญาณ์ พูลศรี
โจทย์ปัญหาค่าเฉลี่ยเลขคณิต
โจทย์ปัญหาค่าเฉลี่ยเลขคณิต
Kuntoonbut Wissanu
Recommended
ช่วงและการแก้อสมการ
ช่วงและการแก้อสมการ
Aon Narinchoti
แบบทดสอบ เรื่องพหุนาม
แบบทดสอบ เรื่องพหุนาม
ทับทิม เจริญตา
ระบบสมการกำลังสอง
ระบบสมการกำลังสอง
Ritthinarongron School
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ปริมาตรของพีระมิด
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ปริมาตรของพีระมิด
คุณครูพี่อั๋น
ข้อสอบคณิตศาสตร์ (PISA)
ข้อสอบคณิตศาสตร์ (PISA)
Napadon Yingyongsakul
เศษส่วนพหุนาม
เศษส่วนพหุนาม
Ritthinarongron School
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เรื่องการบวกและการลบพหุนาม
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เรื่องการบวกและการลบพหุนาม
วชิรญาณ์ พูลศรี
โจทย์ปัญหาค่าเฉลี่ยเลขคณิต
โจทย์ปัญหาค่าเฉลี่ยเลขคณิต
Kuntoonbut Wissanu
การแยกตัวประกอบพหุนาม
การแยกตัวประกอบพหุนาม
Aon Narinchoti
การแก้อสมการ
การแก้อสมการ
Aon Narinchoti
แบบฝีกเรื่อง สมการกำลังสอง
แบบฝีกเรื่อง สมการกำลังสอง
Tum Anucha
กรณฑ์ที่สอง
กรณฑ์ที่สอง
Ritthinarongron School
แบบฝึกหัด เรื่อง สมการและอสมการพหุนาม ชุดที่ 2
แบบฝึกหัด เรื่อง สมการและอสมการพหุนาม ชุดที่ 2
คุณครูพี่อั๋น
เนื้อหาเมทริกซ์
เนื้อหาเมทริกซ์
Beer Aksornsart
16 จำนวนจริง ตอนที่3_ทฤษฎีบทตัวประกอบ
16 จำนวนจริง ตอนที่3_ทฤษฎีบทตัวประกอบ
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนอุตรดิตถ์
แบบฝึกหัดแยกตัวประกอบ
แบบฝึกหัดแยกตัวประกอบ
Mike Polsit
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
phaephae
การแยกตัวประกอบของพหุนาม
การแยกตัวประกอบของพหุนาม
Piyanouch Suwong
อสมการ ม3
อสมการ ม3
Prang Donal
เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2
เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2
นายเค ครูกาย
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์อัตราส่วนและร้อยละ
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์อัตราส่วนและร้อยละ
kroojaja
แนวข้อสอบภาค ก. เล่มที่ 1 ความรู้ความสามารถทั่วไป
แนวข้อสอบภาค ก. เล่มที่ 1 ความรู้ความสามารถทั่วไป
ประพันธ์ เวารัมย์
แบบทดสอบ เรื่อง การวัด
แบบทดสอบ เรื่อง การวัด
Piriya Sisod
เลขยกกำลัง
เลขยกกำลัง
สุรภา เสนาบูรณ์
กราฟของสมการเชิงเส้นสองตัวอปร
กราฟของสมการเชิงเส้นสองตัวอปร
Jiraprapa Suwannajak
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
kroojaja
ใบงานเรื่องปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก
ใบงานเรื่องปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก
วรรณิภา ไกรสุข
ฮิสโทแกรม
ฮิสโทแกรม
krookay2012
การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ
การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ
Somporn Amornwech
ทฤษฎีเศษเหลือ
ทฤษฎีเศษเหลือ
Teraporn Thongsiri
More Related Content
What's hot
การแยกตัวประกอบพหุนาม
การแยกตัวประกอบพหุนาม
Aon Narinchoti
การแก้อสมการ
การแก้อสมการ
Aon Narinchoti
แบบฝีกเรื่อง สมการกำลังสอง
แบบฝีกเรื่อง สมการกำลังสอง
Tum Anucha
กรณฑ์ที่สอง
กรณฑ์ที่สอง
Ritthinarongron School
แบบฝึกหัด เรื่อง สมการและอสมการพหุนาม ชุดที่ 2
แบบฝึกหัด เรื่อง สมการและอสมการพหุนาม ชุดที่ 2
คุณครูพี่อั๋น
เนื้อหาเมทริกซ์
เนื้อหาเมทริกซ์
Beer Aksornsart
16 จำนวนจริง ตอนที่3_ทฤษฎีบทตัวประกอบ
16 จำนวนจริง ตอนที่3_ทฤษฎีบทตัวประกอบ
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนอุตรดิตถ์
แบบฝึกหัดแยกตัวประกอบ
แบบฝึกหัดแยกตัวประกอบ
Mike Polsit
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
phaephae
การแยกตัวประกอบของพหุนาม
การแยกตัวประกอบของพหุนาม
Piyanouch Suwong
อสมการ ม3
อสมการ ม3
Prang Donal
เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2
เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2
นายเค ครูกาย
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์อัตราส่วนและร้อยละ
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์อัตราส่วนและร้อยละ
kroojaja
แนวข้อสอบภาค ก. เล่มที่ 1 ความรู้ความสามารถทั่วไป
แนวข้อสอบภาค ก. เล่มที่ 1 ความรู้ความสามารถทั่วไป
ประพันธ์ เวารัมย์
แบบทดสอบ เรื่อง การวัด
แบบทดสอบ เรื่อง การวัด
Piriya Sisod
เลขยกกำลัง
เลขยกกำลัง
สุรภา เสนาบูรณ์
กราฟของสมการเชิงเส้นสองตัวอปร
กราฟของสมการเชิงเส้นสองตัวอปร
Jiraprapa Suwannajak
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
kroojaja
ใบงานเรื่องปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก
ใบงานเรื่องปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก
วรรณิภา ไกรสุข
ฮิสโทแกรม
ฮิสโทแกรม
krookay2012
What's hot
(20)
การแยกตัวประกอบพหุนาม
การแยกตัวประกอบพหุนาม
การแก้อสมการ
การแก้อสมการ
แบบฝีกเรื่อง สมการกำลังสอง
แบบฝีกเรื่อง สมการกำลังสอง
กรณฑ์ที่สอง
กรณฑ์ที่สอง
แบบฝึกหัด เรื่อง สมการและอสมการพหุนาม ชุดที่ 2
แบบฝึกหัด เรื่อง สมการและอสมการพหุนาม ชุดที่ 2
เนื้อหาเมทริกซ์
เนื้อหาเมทริกซ์
16 จำนวนจริง ตอนที่3_ทฤษฎีบทตัวประกอบ
16 จำนวนจริง ตอนที่3_ทฤษฎีบทตัวประกอบ
แบบฝึกหัดแยกตัวประกอบ
แบบฝึกหัดแยกตัวประกอบ
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
การแยกตัวประกอบของพหุนาม
การแยกตัวประกอบของพหุนาม
อสมการ ม3
อสมการ ม3
เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2
เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์อัตราส่วนและร้อยละ
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์อัตราส่วนและร้อยละ
แนวข้อสอบภาค ก. เล่มที่ 1 ความรู้ความสามารถทั่วไป
แนวข้อสอบภาค ก. เล่มที่ 1 ความรู้ความสามารถทั่วไป
แบบทดสอบ เรื่อง การวัด
แบบทดสอบ เรื่อง การวัด
เลขยกกำลัง
เลขยกกำลัง
กราฟของสมการเชิงเส้นสองตัวอปร
กราฟของสมการเชิงเส้นสองตัวอปร
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
ใบงานเรื่องปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก
ใบงานเรื่องปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก
ฮิสโทแกรม
ฮิสโทแกรม
Similar to 2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ
การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ
การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ
Somporn Amornwech
ทฤษฎีเศษเหลือ
ทฤษฎีเศษเหลือ
Teraporn Thongsiri
Math9
Math9
krusangduan54
Real
Real
ksupha
3.2 การแก้สมการกำลังสองตัวแปรเดียว
3.2 การแก้สมการกำลังสองตัวแปรเดียว
Somporn Amornwech
การแก้สมการ
การแก้สมการ
Aon Narinchoti
สรุปสูตร ม.3
สรุปสูตร ม.3
krutew Sudarat
แบบฝึกทักษะเมทริกซ์ เล่ม 1 ระบบสมการเชิงเส้น เผยแพร่
แบบฝึกทักษะเมทริกซ์ เล่ม 1 ระบบสมการเชิงเส้น เผยแพร่
Chon Chom
Add m3-1-chapter2
Add m3-1-chapter2
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนอุตรดิตถ์
ระบบสมการเชิงเส้น
ระบบสมการเชิงเส้น
kruthanapornkodnara
Real (1)
Real (1)
guest0cb30c2
เอกสารความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชัน
เอกสารความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชัน
krurutsamee
เอกสารแคลคูลัส
เอกสารแคลคูลัส
krurutsamee
บทที่ 13 ระบบสมการ
บทที่ 13 ระบบสมการ
krulerdboon
ลิมิต
ลิมิต
krurutsamee
คณิตศาสตร์ม.33
คณิตศาสตร์ม.33
krookay2012
คณิตศาสตร์ม.34
คณิตศาสตร์ม.34
krookay2012
บทที่ 2 อนุกรม
บทที่ 2 อนุกรม
pimxo19
การแก้ระบบสมการเชิงเส้นฯ 4
การแก้ระบบสมการเชิงเส้นฯ 4
ทับทิม เจริญตา
2.1 การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสูงกว่าสองที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็ม
2.1 การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสูงกว่าสองที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็ม
Somporn Amornwech
Similar to 2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ
(20)
การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ
การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ
ทฤษฎีเศษเหลือ
ทฤษฎีเศษเหลือ
Math9
Math9
Real
Real
3.2 การแก้สมการกำลังสองตัวแปรเดียว
3.2 การแก้สมการกำลังสองตัวแปรเดียว
การแก้สมการ
การแก้สมการ
สรุปสูตร ม.3
สรุปสูตร ม.3
แบบฝึกทักษะเมทริกซ์ เล่ม 1 ระบบสมการเชิงเส้น เผยแพร่
แบบฝึกทักษะเมทริกซ์ เล่ม 1 ระบบสมการเชิงเส้น เผยแพร่
Add m3-1-chapter2
Add m3-1-chapter2
ระบบสมการเชิงเส้น
ระบบสมการเชิงเส้น
Real (1)
Real (1)
เอกสารความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชัน
เอกสารความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชัน
เอกสารแคลคูลัส
เอกสารแคลคูลัส
บทที่ 13 ระบบสมการ
บทที่ 13 ระบบสมการ
ลิมิต
ลิมิต
คณิตศาสตร์ม.33
คณิตศาสตร์ม.33
คณิตศาสตร์ม.34
คณิตศาสตร์ม.34
บทที่ 2 อนุกรม
บทที่ 2 อนุกรม
การแก้ระบบสมการเชิงเส้นฯ 4
การแก้ระบบสมการเชิงเส้นฯ 4
2.1 การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสูงกว่าสองที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็ม
2.1 การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสูงกว่าสองที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็ม
More from Somporn Amornwech
การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสูงกว่าสองที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็ม
การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสูงกว่าสองที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็ม
Somporn Amornwech
5.การประเมินและประโยชน์โครงงานคณิตศาสตร์
5.การประเมินและประโยชน์โครงงานคณิตศาสตร์
Somporn Amornwech
4.ความสำคัญและขั้นตอนการทำของโครงงานคณิตศาสตร์
4.ความสำคัญและขั้นตอนการทำของโครงงานคณิตศาสตร์
Somporn Amornwech
3.ประเภทของโครงงานคณิตศาสตร์
3.ประเภทของโครงงานคณิตศาสตร์
Somporn Amornwech
2.หลักการและจุดมุ่งหมายของโครงงานคณิตศาสตร์
2.หลักการและจุดมุ่งหมายของโครงงานคณิตศาสตร์
Somporn Amornwech
1.ความหมายของโครงงาน
1.ความหมายของโครงงาน
Somporn Amornwech
2.2 การวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยแผนภาพ
2.2 การวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยแผนภาพ
Somporn Amornwech
2.1การวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยตารางความถี่
2.1การวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยตารางความถี่
Somporn Amornwech
1.4 สถิติเชิงอนุมาน
1.4 สถิติเชิงอนุมาน
Somporn Amornwech
1.3 ประเภทข้อมูล
1.3 ประเภทข้อมูล
Somporn Amornwech
1.2 คำสำคัญ
1.2 คำสำคัญ
Somporn Amornwech
1.1 สถิติศาสตร์
1.1 สถิติศาสตร์
Somporn Amornwech
3.1 แนะนำสมการกำลังสองตัวแปรเดียว
3.1 แนะนำสมการกำลังสองตัวแปรเดียว
Somporn Amornwech
3.3 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสมการกำลังสองตัวแปรเดียว
3.3 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสมการกำลังสองตัวแปรเดียว
Somporn Amornwech
2.1 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่อยู่ในรูปผลบวกและผลต่างของกำลังสาม
2.1 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่อยู่ในรูปผลบวกและผลต่างของกำลังสาม
Somporn Amornwech
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีดีกรีสูงกว่าสาม
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีดีกรีสูงกว่าสาม
Somporn Amornwech
1.2 คำตอบของอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
1.2 คำตอบของอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
Somporn Amornwech
1.3 การแก้อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
1.3 การแก้อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
Somporn Amornwech
1.4 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
1.4 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
Somporn Amornwech
1.1 แนะนำอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
1.1 แนะนำอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
Somporn Amornwech
More from Somporn Amornwech
(20)
การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสูงกว่าสองที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็ม
การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสูงกว่าสองที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็ม
5.การประเมินและประโยชน์โครงงานคณิตศาสตร์
5.การประเมินและประโยชน์โครงงานคณิตศาสตร์
4.ความสำคัญและขั้นตอนการทำของโครงงานคณิตศาสตร์
4.ความสำคัญและขั้นตอนการทำของโครงงานคณิตศาสตร์
3.ประเภทของโครงงานคณิตศาสตร์
3.ประเภทของโครงงานคณิตศาสตร์
2.หลักการและจุดมุ่งหมายของโครงงานคณิตศาสตร์
2.หลักการและจุดมุ่งหมายของโครงงานคณิตศาสตร์
1.ความหมายของโครงงาน
1.ความหมายของโครงงาน
2.2 การวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยแผนภาพ
2.2 การวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยแผนภาพ
2.1การวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยตารางความถี่
2.1การวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยตารางความถี่
1.4 สถิติเชิงอนุมาน
1.4 สถิติเชิงอนุมาน
1.3 ประเภทข้อมูล
1.3 ประเภทข้อมูล
1.2 คำสำคัญ
1.2 คำสำคัญ
1.1 สถิติศาสตร์
1.1 สถิติศาสตร์
3.1 แนะนำสมการกำลังสองตัวแปรเดียว
3.1 แนะนำสมการกำลังสองตัวแปรเดียว
3.3 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสมการกำลังสองตัวแปรเดียว
3.3 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสมการกำลังสองตัวแปรเดียว
2.1 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่อยู่ในรูปผลบวกและผลต่างของกำลังสาม
2.1 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่อยู่ในรูปผลบวกและผลต่างของกำลังสาม
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีดีกรีสูงกว่าสาม
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีดีกรีสูงกว่าสาม
1.2 คำตอบของอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
1.2 คำตอบของอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
1.3 การแก้อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
1.3 การแก้อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
1.4 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
1.4 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
1.1 แนะนำอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
1.1 แนะนำอสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ
1.
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ พิจารณาการหารพหุนาม x2
+ 3x – 4 ด้วยพหุนาม x – 2 ดังนี้ จากการหารข้างต้น จะเห็นว่าเมื่อหารพหุนาม x2 + 3x – 4 ด้วยพหุนาม x – 2 จะได้เศษเป็น 6 ให้ P(x) แทนพหุนาม x2 + 3x – 4 นั่นคือ P(x) = x2 + 3x – 4 เมื่อแทน x ด้วย 2 ใน P(x) = x2 + 3x – 4 จะได้ P(2) = 22 + 3(2) – 4 = 4 + 6 – 4 = 6 P(2) เป็นค่าที่ได้จากการแทน x ด้วย 2 ในพหุนาม P(x) จากที่แสดงข้างต้น จะเห็นว่า P(2) เท่ากับเศษที่ได้จากการหารพหุนาม P(x) ด้วยพหุนาม x – 2
2.
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ ในกรณีทั่วไป เมื่อหารพหุนาม
P(x) ใด ๆ ด้วยพหุนาม x – a ที่ a เป็นค่าคงตัวจะได้เศษซึ่ง ต่อไปนี้จะเรียกว่า เศษเหลือ ดังทฤษฎีบทต่อไปนี้ ทฤษฎีบท (ทฤษฎีบทเศษเหลือ) ถ้า หารพหุนาม P(x) ด้วยพหุนาม x – a ที่ a เป็นค่าคงตัวแล้วจะได้เศษเหลือเป็น P(a) ตัวอย่างที่ 1 จงใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือหาเศษที่เหลือจากการหาร 2x2 – 5x + 6 ด้วย x – 3 วิธีทา ให้ P(x) = 2x2 – 5x + 6 จากทฤษฎีบทเศษเหลือ จะได้ P(3) เป็นเศษเหลือที่ได้จากการหาร P(x) ด้วย x – 3 P(3) = 2(3)2 – 5(3) + 6 = 18 – 15 + 6 = 9 ดังนั้น เศษเหลือเท่ากับ 9 ตอบ 9
3.
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ ตัวอย่างที่ 2
จงใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือหาเศษที่เหลือจากการหาร 8x2 – 4x + 11 ด้วย x + 5 วิธีทา ให้ P(x) = 8x2 – 4x + 11 เนื่องจาก x + 5 = x – (–5) จากทฤษฎีบทเศษเหลือ จะได้ P(–5) เป็นเศษเหลือที่ได้จากการหาร P(x) ด้วย x – (–5) P(–5) = 8(–5)2 – 4(–5) + 11 = 200 + 20 + 11 = 231 ดังนั้น เศษเหลือเท่ากับ 231 ตอบ 231
4.
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ ตัวอย่างที่ 3
จงใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือหาเศษที่เหลือจากการหาร –5x3 + x – 7 ด้วย x – 4 วิธีทา ให้ P(x) = –5x3 + x – 7 จากทฤษฎีบทเศษเหลือ จะได้ P(4) เป็นเศษเหลือที่ได้จากการหาร P(x) ด้วย x – 4 P(4) = –5(4)2 + 4 – 7 = –320 + 4 – 7 = –323 ดังนั้น เศษเหลือเท่ากับ –323 ตอบ –323
5.
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ ตัวอย่างที่ 4
จงใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือหาเศษที่เหลือจากการหาร 3x5 – x4 – 5x3 + 2x2 – 9x + 7 ด้วย x + 2 วิธีทา ให้ P(x) = 8x2 – 4x + 11 เนื่องจาก x + 2 = x – (–2) จากทฤษฎีบทเศษเหลือ จะได้ P(–2) เป็นเศษเหลือที่ได้จากการหาร P(x) ด้วย x – (–2) P(–2) = 3(–2)5 – (–2)4 – 5(–2)3 + 2(–2)2 – 9(–2) + 7 = –96 – 16 + 40 + 8 + 18 + 7 = –39 ดังนั้น เศษเหลือเท่ากับ –39 ตอบ –39
6.
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ ตัวอย่างที่ 5
จงใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือหาเศษที่เหลือจากการหาร x3 + 4x2 – 11x – 30 ด้วย x – 3 วิธีทา ให้ P(x) = x3 + 4x2 – 11x – 30 จากทฤษฎีบทเศษเหลือ จะได้ P(3) เป็นเศษเหลือที่ได้จากการหาร P(x) ด้วย x – 3 P(3) = (3)3 + 4(3)2 – 11(3) – 30 = 27 + 36 – 33 – 30 = 0 ดังนั้น เศษเหลือเท่ากับ 0 ตอบ 0
7.
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ จากตัวอย่างที่ 5
จะเห็นว่าเมื่อหาร x3 + 4x2 – 11x – 30 ด้วย x – 3 จะได้เศษเหลือเป็น 0 แสดงว่า x – 3 หาร x3 + 4x2 – 11x – 30 ได้ลงตัว ดังนั้น จะได้ว่า x – 3 เป็นตัวประกอบของ x3 + 4x2 – 11x – 30 นา x – 3 ไปหาร x3 + 4x2 – 11x – 30 โดยการตั้งหารจะได้ดังนี้
8.
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ จะเห็นว่าเมื่อนา x
– 3 ไปหาร x3 + 4x2 – 11x – 30 จะได้ผลหารเป็น x2 + 7x + 10 และ เศษเหลือเป็น 0 จากความสัมพันธ์ของตัวตั้ง ตัวหาร ผลหาร และเศษเหลือ ซึ่งเป็นดังนี้ ตัวตั้ง = (ตัวหาร ผลหาร) + เศษเหลือ จะได้ว่า x3 + 4x2 – 11x – 30 = (x – 3)( x2 + 7x + 10) + 0 หรือ x3 + 4x2 – 11x – 30 = (x – 3)( x2 + 7x + 10) แต่สามารถแยกตัวประกอบของ x2 + 7x + 10 ได้เป็น x2 + 7x + 10 = (x + 2)(x + 5) ดังนั้น x3 + 4x2 – 11x – 30 = (x – 3)(x + 2)(x + 5) นั่นคือ แยกตัวประกอบของ x3 + 4x2 – 11x – 30 ได้ดังนี้ x3 + 4x2 – 11x – 30 = (x – 3)(x + 2)(x + 5)
9.
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ จะเห็นว่า การแยกตัวประกอบของ
P(x) = x3 + 4x2 – 11x – 30 ข้างต้นนี้ใช้ ทฤษฎีบทเศษ เหลือในการแยกตัวประกอบก่อน โดยพิจารณาจาก P(3) = 0 ทาให้ได้ว่า x – 3 เป็นตัวประกอบ หนึ่งของ P(x) จากนั้นจึงหาตัวประกอบอื่นต่อไป กล่าวได้ว่า ในการแยกตัวประกอบของพหุนาม P(x) โดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ ต้องหา จานวน 2 ที่ทาให้ P(a) = 0 ก่อน ให้สังเกตว่าพหุนาม x3 + 4x2 – 11x – 30 นี้มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มและ สัมประสิทธิ์ ของตัวแปรที่มีกาลังสูงสุดเป็น 1 และเมื่อพิจารณาตัวประกอบของ x3 + 4x2 – 11x – 30 คือ x – 3, x + 2 และ x + 5 จะเห็นว่าจานวนเต็ม 3, –2 และ –5 หารจานวนเต็ม –30 ได้ลงตัว ซึ่ง –30 คือพจน์ที่เป็นค่าคงตัวของพหุนาม x3 + 4x2 – 11x – 30 นอกจากนี้เมื่อหา P(–2) และ P(–5) จะได้ P(–2) = 0 และ P(–5) = 0 ด้วยเช่นกัน
10.
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ ในกรณีทั่วไป เมื่อ
P(x) เป็นพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มและสัมประสิทธิ์ ของตัวแปรที่มี กาลังสูงสุดเป็น 1 และ a เป็นจานวนเต็มที่ทาให้ P(a) = 0 จะได้ว่า a หารพจน์ ที่เป็นค่าคงตัวของพหุนาม P(x) ได้ลงตัว ดังนั้นการหาจานวนเต็ม a ที่ทาให้ P(a) = 0 จะพิจารณาจากจานวนเต็มที่หารพจน์ที่เป็นค่าคง ตัวของพหุนาม P(x) ได้ลงตัว จากที่กล่าวมานี้ จะเห็นว่าอาจแยกตัวประกอบของ P(x) ซึ่งเป็นพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์ เป็นจานวนเต็มและ สัมประสิทธิ์ของตัวแปรที่มีกาลังสูงสุดเป็น 1 ได้โดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ ซึ่งสรุปเป็นขั้นตอนได้ดังนี้ 1. หาจานวนเต็มทั้งหมดที่หารพจน์ที่เป็นค่าคงตัวของพหุนาม P(x) ได้ลงตัว 2. จากจานวนเต็มที่หาได้ในข้อ 1 เลือกจานวนเต็ม a ที่ทาให้ P(a) = 0 จะได้ว่า x – a เป็นตัวประกอบของ P(x)
11.
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ 3. นา
x – a ที่ได้ในข้อ 2 ไปหารพหุนาม P(x) ได้ผลหารเป็นพหุนามใหม่ที่ไม่ซ้ากับพหุนาม P(x) จะให้ ผลหารนี้เป็นพหุนาม Q(x) ซึ่งดีกรีของพหุนาม Q(x) จะน้อยกว่าดีกรีของพหุนาม P(x) อยู่ 1 และ P(x) = (x – a)Q(x) 4. ถ้าพหุนาม Q(x) ที่ได้ในข้อ 3 เป็นพหุนามที่มีดีกรีสูงกว่าสองและสามารถแยกตัวประกอบต่อไปได้อีกก็ แยกตัวประกอบของพหุนาม Q(x) โดยใช้วิธีตามขั้นตอน ในข้อ 1 ข้อ 2 และข้อ 3 แต่ถ้าพหุนาม Q(x) ที่ได้ในข้อ 3 เป็นพหุนามดีกรีสอง และสามารถแยกตัวประกอบต่อไปได้อีก ก็ให้แยกตัว ประกอบของพหุนาม O(x) โดยใช้วิธีแยกตัวประกอบที่เคยเรียนมาแล้วหรือจะใช้วิธีตามขั้นตอนใน ข้อ 1 ข้อ 2 และข้อ 3 ก็ได้
12.
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ ตัวอย่างที่ 6
จงแยกตัวประกอบของ x3 – x3 – 8x + 12 วิธีทา ให้ P(x) = x3 – x3 – 8x + 12 พจน์ที่เป็นค่าคงตัวของ P(x) คือ 12 จานวนเต็มที่หาร 12 ได้ลงตัว คือ 1, –1, 2, –2, 3, –3, 4, –4, 6, –6, 12 และ –12 พิจารณา P(1) P(1) = 13 – 12 – 8(1) + 12 = 4 จะเห็นว่า P(1) 0 พิจารณา P(–1) P(–1) = (–1)3 – (–1)2 – 8(–1) + 12 = –1 – 1 + 8 + 12 = 18 จะเห็นว่า P(-1) 0 พิจารณา P(2) P(2) = 23 – 22 – 8(2) + 12 = 8 – 4 – 16 +12 = 0 ดังนั้น x – 2 เป็นตัวประกอบของ x3 – x3 – 8x + 12 นา x – 2 ไปหาร x3 – x3 – 8x + 12 ได้ผลหารเป็น x2 + x – 6 จะได้ P(x) = (x – 2)(x2 + x – 6) = (x – 2)(x + 3)(x – 2) ดังนั้น x3 – x2 – 8x + 12 = (x – 2)(x + 3)(x – 2) หรือ x3 – x2 – 8x + 12 = (x – 2)2(x +
13.
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ ตัวอย่างที่ 7
จงแยกตัวประกอบของ x3 + 3x2 – 2 วิธีทา ให้ P(x) = x3 + 3x2 – 2 พจน์ที่เป็นค่าคงตัวของ P(x) คือ –2 จานวนเต็มที่หาร –2 ได้ลงตัว คือ 1, –1, 2 และ –2 พิจารณา P(1) จะได้ P(1) 0 พิจารณา P(–1) P(–1) = (–1)3 + 3(–1)2 – 2 = –1 + 3 – 2 = 0 ดังนั้น x – (–1) หรือ x + 1 เป็นตัวประกอบของ x3 + 3x2 – 2 นา x+1 ไปหาร x3 + 3x2 – 2 ได้ผลหารเป็น x2 + 2x – 2 จะได้ P(x) = (x + 1)(x2 + 2x – 2) ดังนั้น x3 + 3x2 – 2= (x + 1)(x + 2x – 2)
14.
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ ตัวอย่างที่ 8
จงแยกตัวประกอบของ x4 – 15x2 – 10x + 24 วิธีทา ให้ P(x) = x4 – 15x2 – 10x + 24 พจน์ที่เป็นค่าคงตัวของ P(x) คือ 24 จานวนเต็มที่หาร 24 ได้ลงตัว คือ 1, –1, 2, –2, 3, –3, 4, –4, 6, –6, 8, –8, 12, –12, 24 และ –24 พิจารณา P(1) P(1) = 14 – 15(1)2 – 10(1) + 24 = 1 – 15 – 10 +24 = 0 ดังนั้น x – 1 เป็นตัวประกอบของ x4 – 15x2 – 10x + 24 นา x – 1 ไปหาร x4 – 15x2 – 10x + 24 ได้ผลหารเป็น x3 + x2 – 14x – 24 จะได้ P(x) = (x – 1)( x3 + x2 – 14x – 24)
15.
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ ให้ Q(x)
= x3 + x2 – 14x – 24 พจน์ที่เป็นค่าคงตัวของ Q(x) คือ –24 จานวนเต็มที่หาร –24 ได้ลงตัว คือ 1, –1, 2, –2, 3, –3, 4, –4, 6, –6, 8, –8, 12, –12, 24 และ –24 พิจารณา Q(1), Q(–1) และ Q(2) จะได้ Q(1) 0, Q(–1) 0 และ Q(2) () พิจารณา (–2) Q(–2) = (–2) + (–2) – 14(–2) – 24 = –8 + 4 + 28 – 24 = 0 ดังนั้น x + 2 เป็นตัวประกอบของ x3 + x2 – 14x – 24 นา x + 2 ไปหาร x3 + x2 – 14x – 24 ได้ผลหารเป็น x2 – x – 12 จะได้ Q(x) = (x + 2)(x2 – x – 12) ดังนั้น P(x) = (x – 1)(x + 2)( x2 – x – 12) = (x – 1)(x + 2)(x – 4)(x + 3) นั่นคือ x4 – 15x2 – 10x + 24 = (x – 1)(x + 2)(x – 4)(x + 3)
16.
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ ตัวอย่างที่ 9
จงแยกตัวประกอบของ x4 + 3x3 – 27x – 81 วิธีทา วิธีที่ 1 ใช้การเข้าวงเล็บดังนี้ x4 + 3x3 – 27x – 81 = (x4 + 3x3) – (27x + 81) = x3(x + 3) – 27(x + 3) = (x + 3)(x3 – 27) = (x + 3)(x3 – 33) = (x + 3)(x – 3)(x2 + 3x + 9) ดังนั้น x4 + 3x3 – 27x – 81 = (x + 3)(x – 3)(x2 + 3x + 9)
17.
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ วิธีที่ 2
ใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือดังนี้ ให้ P(x) = x4 + 3x3 – 27x – 81 พจน์ที่เป็นค่าคงตัวของ P(x) คือ – 81 จานวนเต็มที่หาร –81 ได้ลงตัว คือ 1, –1, 3, –3, 9, –9, 27, –27, 81 และ –81 พิจารณา P(1) และ P(–1) จะได้ P(1) 0 และ P(–1) 0 พิจารณา P(3) P(3) = 34 + 3(3)3 – 27(3) – 81 = 81 + 81 – 81 – 81 = 0 ดังนั้น x – 3 เป็นตัวประกอบของ x4 + 3x3 – 27x – 81 นา x – 3 ไปหาร x4 + 3x3 – 27x – 81 ได้ผลหารเป็น x3 + 6x2 + 18x + 27 จะได้ P(x) = (x – 3)( x3 + 6x2 + 18x + 27)
18.
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ ให้ Q(x)
= x3 + 6x2 + 18x + 27 พจน์ที่เป็นค่าคงตัวของ Q(x) คือ 27 จานวนเต็มที่หาร 27 ได้ลงตัว คือ 1, –1, 3, –3, 9, –9, 27 และ –27 พิจารณา Q(1), Q(–1) และ Q(3) จะได้ Q(1) 0, Q(–1) 0 และ Q(3) 0 พิจารณา Q(–3) Q(–3) = (–3)3 +6(–3)2 + 18(–3) + 27 = –27 + 54 – 54 + 27 = 0 ดังนั้น x – 3 เป็นตัวประกอบของ x3 + 6x2 + 18x + 27 นา x + 3 ไปหาร x3 + 6x2 + 18x + 27 ได้ผลหารเป็น x2 + 3x + 9 จะได้ Q(x) = (x + 3)( x2 + 3x + 9) ดังนั้น P(x) = (x – 3)(x + 3)( x2 + 3x + 9) นั่นคือ x4 + 3x3 – 27x – 81 = (x – 3)(x +3)( x2 + 3x + 9
19.
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ ให้ Q(x)
= x3 + 6x2 + 18x + 27 พจน์ที่เป็นค่าคงตัวของ Q(x) คือ 27 จานวนเต็มที่หาร 27 ได้ลงตัว คือ 1, –1, 3, –3, 9, –9, 27 และ –27 พิจารณา Q(1), Q(–1) และ Q(3) จะได้ Q(1) 0, Q(–1) 0 และ Q(3) 0 พิจารณา Q(–3) Q(–3) = (–3)3 +6(–3)2 + 18(–3) + 27 = –27 + 54 – 54 + 27 = 0 ดังนั้น x – 3 เป็นตัวประกอบของ x3 + 6x2 + 18x + 27 นา x + 3 ไปหาร x3 + 6x2 + 18x + 27 ได้ผลหารเป็น x2 + 3x + 9 จะได้ Q(x) = (x + 3)( x2 + 3x + 9) ดังนั้น P(x) = (x – 3)(x + 3)( x2 + 3x + 9) นั่นคือ x4 + 3x3 – 27x – 81 = (x – 3)(x +3)( x2 + 3x + 9 ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด 2.2 ก
20.
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ การหารสังเคราะห์ การหารสังเคราะห์ เป็นเรื่องที่ว่าด้วยการหารพหุนาม
ที่มีดีกรีมากกว่าหรือเท่ากับ 1 ด้วยพหุนามที่อยู่ในรูป x – a เมื่อ a 0 วิธีการหาคาตอบ เราอาจใช้การหารยาว ซึ่งจะเสียเวลาและใช้เนื้อที่ในการเขียนมาก ดังนั้นการหารสังเคราะห์ เป็นวิธีลัดในการหาผลหาร และเศษจากการหาร เราจะใช้วิธีการหารโดยการไม่เขียนตัวแปร และจัดรูปแบบการหารใหม่ ดังนี้
21.
2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ ซึ่งพอจะสรุปวิธีการหารสังเคราะห์คร่าวๆ ได้ดังนี้สมมติให้
P(x) แทนพหุนามที่มีดีกรีมากกว่าหรือเท่ากับ 1 ถ้าต้องการหาร P(x) ด้วย x – a เมื่อ a ≠ 0 ด้วยวิธีการหารสังเคราะห์ จะมีวิธีการดังต่อไปนี้ 1. เขียนสัมประสิทธิ์ของพจน์ต่าง ๆ ของ P(x) โดยเขียนเรียงลาดับกาลังของ x จากมากไปหาน้อย และ พจน์ใดไม่มีถือว่าสัมประสิทธิ์ของพจน์นั้นเท่ากับ 0 2. เขียน a เป็นตัวหาร 3. จานวนแรกในแถวที่ 1 ให้ดึงลงมาในแถวที่ 3 4. นา a คูณกับจานวนแรกของแถวที่ 3 นาผลคูณที่ได้มาใส่ในตาแหน่งที่สองของแถวที่ 2 5. บวกจานวนในแถวที่ 1 และแถวที่ 2 ในตาแหน่งที่สอง นาผลบวกใส่ในตาแหน่งเดียวกันกับแถวที่ 3 6. นา a มาคูณกับจานวนในตาแหน่งที่สองของแถวที่ 3 นาผลคูณใส่ในตาแหน่งที่สามของแถวที่ 2 7. บวกจานวนในแถวที่ 1 และแถวที่ 2 ในตาแหน่งที่สาม นาผลบวกใส่ในตาแหน่งเดียวกันกับแถวที่ 3 ทาเช่นนี้เรื่อย ๆ ไป จนหมดทุกตาแหน่ง แล้วจะได้ว่า จานวนแต่ละจานวนที่ได้ในแถวที่ 3 (ยกเว้นจานวนสุดท้าย) เป็นสัมประสิทธิ์ของของผลหาร ซึ่งจะเป็น พหุนามที่มีดีกรีน้อยกว่าดีกรีของ P(x) อยู่ 1 จานวนสุดท้ายของแถวที่ 3 เป็นเศษของการหาร
22.
ตัวอย่าง จงแยกตัวประกอบของ x5
– 4x4 – 12x3 + 34x2 + 11x – 30 โดยวิธีการหารสังเคราะห์ สรุปว่า ถ้าต้องการหาเศษจากการหารพหุนาม P(x) ด้วย x – a ให้ใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ หา P(a) ได้เท่าไรนั่น คือเศษเหลือ แต่หากต้องการแยกตัวประกอบของพหุนาม P(x) เพื่อนาไปใช้แก้สมการ ให้ใช้การหารสังเคราะห์จะ สะดวกว่าเพราะนอกจากจะได้ x – a แล้ว ยังได้ผลหาร Q(x) ที่ทาให้ P(x) = (x – a)Q(x)ด้วย ซึ่งจะทาให้เรา สามารถแยกตัวประกอบต่อ(กรณีดีกรีเท่ากับ 2)หรือหารสังเคราะห์อีกครั้ง (กรณีดีกรีสูงกว่า2)ได้เลย 2.2 การแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มโดยใช้ทฤษฎีบทเศษเหลือ ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด 2.2 ข