More Related Content
Similar to คำบาลี สันสกฤตในภาษาไทย
Similar to คำบาลี สันสกฤตในภาษาไทย (20)
คำบาลี สันสกฤตในภาษาไทย
- 3. 2. ภาษาสมัยกลาง ได้แก่ ภาษาปรากฤตซึ่งเป็นภาษาถิ่นของชาว
อารยันที่ใช้กันท้องถิ่นต่างๆของประเทศอินเดีย เช่น ภาษามาคธี มหาราษฏรี
เศารเสนี เป็นต้น ภาษาในสมัยนี้มีลักษณะโครงสร้างทางเสียง และนอกจาก
จะเรียกว่าภาษาปรากฤตแล้วยังมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ภาษาการละคร”
เพราะเหตุที่นาไปใช้เป็นภาษาพูดของตัวละครบางตัวในบทละครสันสกฤต
ด้วย
3. ภาษาสมัยใหม่ ได้แก่ ภาษาต่างๆในปัจจุบัน เช่น ภาษาฮินดี
เบงกาลี ปัญจาบี มราฐี เนปาลี เป็นต้น ภาษาเหล่านี้แม้จะเข้าใจกันว่าสืบมา
จากภาษาปรากฤต แต่มีลักษณะของภาษาผิดกันมาก เพราะมีภาษาตระกูลอื่น
ที่ไม่ได้สืบมาจากภาษาของชาวอารยันเข้าไปปะปนกันมากบ้างน้อยบ้าง
แล้วแต่เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์
- 4. ภาษาสันสกฤต
ภาษาสันสกฤต เป็นภาษาที่มีวิวัฒนาการมาจากภาษาในคัมภีร์พระเวท
ของชาวอารยัน ถือเป็นภาษาที่ศักดิ์สิทธิ์ของคนชั้นสูง แต่เดิมนั้นไม่ได้มีการวาง
หลักเกณฑ์เคร่งครัดนัก ต่อมาเมื่อระยะเวลาล่วงไปนานๆ ประกอบกับภาษาใน
คัมภีร์พระเวทนี้มีภาษาพื้นเมืองปะปนอยู่มาก เป็นเหตุให้หลักเกณฑ์ต่างๆ ของ
ภาษานี้คลาดเคลื่อนไปมาก จนกระทั่งได้มีนักปราชญ์ของอินเดียคนหนึ่งชื่อ
“ปาณินิ” ได้ศึกษาคัมภีร์พระเวททั้งหลาย แล้วนามาแจกแจงวางหลักเกณฑ์ให้เป็น
ระเบียบและรัดกุม แต่งเป็นตาราไวยากรณ์ขึ้นเรียกชื่อว่า “อัษฎาธยายี” ซึ่งได้ชื่อ
ว่าเป็นตาราไวยากรณ์เล่มแรกที่แต่งได้ดีที่สุดและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก และต่อมา
ได้มีผู้เรียกภาษาที่ปาณินิได้จัดระเบียบของภาษาไว้เป็นอย่างดีและสมบูรณ์ที่สุดนี้
ว่า “สันสกฤต” ซึ่งแปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ได้จัดระเบียบและขัดเกลาเรียบร้อยดี
แล้ว ”
- 6. ภาษาบาลี
ภาษาบาลี เป็นภาษาปรากฤตภาษาหนึ่งที่มีวิวัฒนาการมาจากภาษาพระเวท
ภาษาบาลี คือ ภาษาที่ชาวมคธใช้พูดกันในแคว้นมคธ เรียกว่า “ภาษามาคธี”
พระพุทธเจ้าทรงใช้ภาษานี้ประกาศพระศาสนาของพระองค์ ภาษามาคธีนี้
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ( เจิม ชุมเกตุ, 2525:3 )
1. สุทธมาคธี เป็นภาษาของชนชั้นสูง คือภาษาของกษัตริย์หรือภาษาทาง
ราชการ
2. เทสิยาหรือปรากฤต ได้แก่ ภาษาประจาถิ่น
พระพทุธเจ้าทรงใช้สุทธมาคธีเป็นหลักในการประกาศคาสั่งสอนของ
พระองค์ และในสมัยนั้นทรงเผยแผ่พระธรรมด้วยวิธีมุขปาฐะ โดยมิได้มี
บันทึกหรือเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร ภาษาบาลีนี้นามาใช้บันทึกพุทธวจนะ
เป็นลายลักษณ์อักษรเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 3
- 15. แถวที่ 1 2 3 4 5
วรรค กะ ก ข ค ฆ ง
วรรค จะ จ ฉ ช ฌ ญ
วรรค ฏะ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ
วรรค ตะ ต ถ ท ธ น
วรรค ปะ ป ผ พ ภ ม
เศษวรรค ย ร ล ว ส ห ฬ อัง
- 16. มีหลักสังเกต ดังนี้
- พยัญชนะตัวที่ 1 , 3 , 5 เป็นตัวสะกดได้เท่านั้น (ต้องอยู่ในวรรค
เดียวกัน)
- ถ้าพยัญชนะตัวที่ 1 สะกด ตัวที่ 1 หรือตัวที่ 2 เป็นตัวตามได้ เช่น สักกะ
ทุกข สัจจปัจฉิม สัตต หัตถ บุปผา เป็นต้น
- ถ้าพยัญชนะตัวที่ 3 สะกด ตัวที่ 3 หรือ 4 เป็นตัวตามได้ในวรรคเดียวกัน
เช่น อัคคี พยัคฆ์ วิชชา อัชฌา พุทธ คพภ (ครรภ์)
- ถ้าพยัญชนะตัวที่ 5 สะกด ทุกตัวในวรรคเดียวกันตามได้ เช่น องค์
สังข์ องค์ สงฆ์สัมปทาน สัมผัส สัมพันธ์ สมภาร เป็นต้น
- พยัญชนะบาลี ตัวสะกดตัวตามจะอยู่ในวรรคเดียวกันเท่านั้นจะข้ามไป
วรรคอื่นไม่ได้
- 17. 2. สังเกตจากพยัญชนะ “ฬ” จะมีใช้ในภาษาบาลีในไทยเท่านั้น เช่น
จุฬา ครุฬ อาสาฬห์ วิฬาร์ โอฬาร์ พาฬ เป็นต้น
3. สังเกตจากตัวตามในภาษาบาลี จะมาเป็นตัวสะกดในภาษาไทย
โดยเฉพาะวรรค ฎ และวรรคอื่น ๆ บางตัว จะตัดตัวสะกดออกเหลือแต่ตัวตามเมื่อ
นามาใช้ในภาษาไทย เช่น
บาลี ไทย บาลี ไทย
รัฎฐ รัฐ อัฎฐิ อัฐิ
ทิฎฐิ ทิฐิ วัฑฒนะ วัฒนะ
ปุญญ บุญ วิชชา วิชา
สัตต สัต เวชช เวช
กิจจ กิจ เขตต เขต
นิสสิต นิสิต นิสสัย นิสัย
ยกเว้นคาโบราณที่นามาใช้แล้วไม่ตัดรูปคาซ้าออก เช่น ศัพท์ทางศาสนา
ได้แก่ วิปัสสนา จิตตวิสุทธิ์ กิจจะลักษณะ เป็นต้น
- 18. วิธีสังเกตคาสันสกฤต
1.พยัญชนะสันกฤต มี 35 ตัว คือ พยัญชนะบาลี 33 ตัว + 2 ตัว คือ ศ, ษ
ฉะนั้นจึงสังเกตจากตัว ศ, ษ มักจะเป็นภาษาสันสกฤต เช่น กษัตริย์ ศึกษา
เกษียร พฤกษ์ ศีรษะ เป็นต้น ยกเว้นคาไทยบางคาที่ใช้เขียนด้วยพยัญชนะ
ทั้ง 2 ตัวนี้ เช่น ศอก ศึก ศอ เศร้า ศก ดาษ กระดาษ ฝรั่งเศส ฝีดาษ ฯลฯ
2. ไม่มีหลักการสะกดแน่นอน ภาษาสันสกฤต ตัวสะกดตัวตามจะอยู่ข้าม
วรรคกันได้ไม่กาหนดตายตัว เช่น อัปสร เกษตร ปรัชญา อักษร เป็นต้น
3. สังเกตจากสระ สระในภาษาบาลี มี 8 ตัว คือ อะ อา อิ อี อุ อู เอ
โอ ส่วนสันสกฤต คือ สระภาษาบาลี 8 ตัว + เพิ่มอีก 6 ตัว คือ สระ ฤ ฤา
ภ ภา ไอ เอา ถ้ามีสระเหล่านี้อยู่และสะกดไม่ตรงตามมาตราจะเป็นภาษา
สันสกฤต เช่น ตฤณมัย ไอศวรรย์ เสาร์ ไปรษณีย์ ฤาษี คฤหาสน์ เป็นต้น
- 19. 4.สังเกตจากพยัญชนะควบกล้า ภาษาสันสกฤตมักจะมีคาควบกล้าข้าง
ท้าย เช่น จักร อัคร บุตร สตรี ศาสตร์ อาทิตย์ จันทร์ เป็นต้น
5.สังเกตจากคาที่มีคาว่า “เคราะห์” มักจะเป็นภาษาสันสกฤต เช่น
เคราะห์ พิเคราะห์ สังเคราะห์ อนุเคราะห์ เป็นต้น
6. สังเกตจากคาที่มี “ฑ” อยู่ เช่น จุฑา กรีฑา ครุฑ มณเทียร จัณฑาล
เป็นต้น
7 .สังเกตจากคาที่มี “รร” อยู่ เช่น สรรค์ ธรรม์ วรรณ บรรพต ภรรยา
บรรณารักษ์ มรรยาท กรรม ทรรศนะ สรรพ เป็นต้น
- 25. 2. คนไทยถือว่าคาบาลีและสันสกฤตเป็นคาสูง เพราะเป็นคาที่ใช้เผย
แผ่คาสอนของพระพุทธเจ้า และผู้ที่ใช้คาภาษาบาลีและสันสกฤตส่วนใหญ่อยู่ใน
ฐานะควรแก่การเคารพบูชาทั่วไป เช่น พระสงฆ์ พราหมณ์ เป็นต้น ดังนั้นการ
แต่งฉันท์ที่ถือกันว่าเป็นของสูง จึงนิยมใช้คาบาลีและสันสกฤต
3. วรรณคดีไทยโดยมากมักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับจักรๆวงศ์ๆ ซึงจะต้อง
ใช้คาราชาศัพท์ การใช้คาภาษาบาลีและสันสกฤตที่เป็นคาราชาศัพท์จึงมีความ
จาเป็นอย่างยิ่งเช่น พระเนตร พระพักตร์ พระกรรณ เป็นต้น
4. การใช้คาภาษาบาลีและสันสกฤตแต่งฉันท์ เป็นเครื่องแสดงภูมิรู้
ของผู้แต่งว่ามีความรู้ภาษาบาลีและสันสกฤตเป็นอย่างดี มีคนเคารพนับถือและ
ยกย่องว่าเป็น “ปราชญ์”
- 27. คา ความหมาย
9. กภุมพี คนมั่งมี,คนเลว
10. เขต แดน
11. จริต ความประพฤติของผู้หญิง
12. ตัณหา ความยาก
13. นิมนต์ เชิญพระภิกษุ
14. ภาค ส่วน
15. สุขุม ละเอียดอ่อนทางความคิด
16. โอชา อร่อย
17. เคารพ ความเคารพ
18. ทักษิณ ทิศใต้
19. เนตร ตา
20. ประมาท เลินเล่อ,ดูหมิ่น
21. ประสิทธิ์ ความสาเร็จ
22. ปราจีน ทิศตะวันออก
- 28. คา ความหมาย
23. ทัณฑ์ ลงโทษ
24. พายุ ลมที่พัดรุนแรง
25. พืช พืช,พันธุ์ไม้
26. มุข หน้า,ด้านหน้า
27. วิบาก ผลไม่ดี
28. สังหาร การทาลาย
29. อุทัย การขึ้นแห่งแสงอาทิตย์
30. นาฏ การฟ้อนรา,นางงาม,สิ่งที่ให้ความบันเทิงใจ
31. สมร สนามรบ,หญิงงาม,หญิงทั่วไป
32. อัสดร ม้าทั่วไป
33. ประณาม การน้อมไหว้,การติเตียน
34. คติ ข้อสอนใจ
35. ทิฐิ ความดื้อในความเห็น,ความถือดี