1. คัมภีร์ฉันทศาสตร์
เสนอ
คุณครู นิตยา ทองดียง
ิ่
จัดทาโดย
นางสาว ทิพย์สุดา บุญมาก
ชั้น ม. ๕/๑ เลขที่ ๒๒

2. เรื่อง.. การวิเคราะห์คาประพันธ์
อาไว้จนแก่กล้า แพทย์อื่นมาก็ขัดขวาง
ต่อโรคเข้าระวาง ตรีโทษแล้วจึ่งออกตัว
คาศัพท์
๑. อาไว้ หมายถึง ปิดบัง
๒. เข้าระวาง หมายถึง เข้าไปถึง
๓. ตรีโทษ หมายถึง อาการไข้หนักมาก อยู่ในระยะที่ เลือด ลม เสมหะ
บังเกิดเป็นพิษ ขึ้นพร้อมกันในร่างกาย
ถอดคาประพันธ์
ปิดบังเอาไว้จนไข้หนักมาก แพทย์คนอื่น จะมารักษาก็ไม่ให้รักษา และเมื่อโรคนั้นเข้าขั้นที่
เสมหะ เลือด ลม เป็นพิษใกล้ตาย จึงไม่รักษาคนไข้นั้น

3. บทวิเคราะห์
- คุณค่าด้านเนือหา
้
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ เป็นตาราหนึ่งที่รวบรวมความรู้หลากหลาย จากตาราเรื่องอื่น ๆ ในชุดแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์
เอาไว้ เนื้อหาแบ่งเป็นตอนๆ ๑๙ ตอน ผู้แต่งเลือกใช้คาประพันธ์ในการนาเสนอเนื้อหาได้เหมาะสม โดยเฉพาะ
ในบทนา หรือตอนเปิดเรื่อง ผู้แต่งใช้คาประพันธ์ประเภทกาพย์ยานี ๑๑ เริ่มต้นด้วยบทไหว้ครู และต่อด้วย
เนื้อหา ที่สอนจรรยาแพทย์ กับข้อควรปฏิบัติสาหรับแพทย์ ส่วนเนื้อบทตอนที่ว่าด้วยลักษณะทับ ๘ประการ ผู้
แต่งใช้คาประพันธ์ ประเภทร่าย อธิบายให้ความรู้ เกี่ยวกับโรคและการรักษาโรคของแพทย์แผนไทย
-คุณค่าด้านวรรณศิลป์
ผู้แต่งได้เลือกใช้คาที่สื่อความคิด ความเข้าใจ โดยการใช้ถ้อยคาที่เหมาะสมกับเนื้อเรื่อง และ
บุคคลในเรื่อง โดยเลือกใช้คาที่สามารถถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ ได้อย่างตรงไปตรงมา

4. เรื่อง.. การวิเคราะห์คาประพันธ์
หินชาติแพทย์เหล่านี้ เวรามีมิได้กลัว
ทากรรมนาใส่ตัว จะตกไปในอบาย
คาศัพท์
๑. หินชาติ หมายถึง เลวไม่มีจรรยาแพทย์
๒. เวรา หมายถึง เวลา
ถอดคาประพันธ์
แพทย์เลวทรามพวกนี้ ไม่กลัวผลการกระทาความชั่ว ทาให้ตัวเองได้รับผลกรรม จากการ
กระทาเหล่านั้น ตายไปก็จะต้องตกนรกหมกไหม้ ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด

5. บทวิเคราะห์
- คุณค่าด้านเนื้อหา
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ เป็นตาราหนึ่งที่รวบรวมความรูหลากหลาย จากตาราเรื่องอื่น ๆ ในชุดแพทย์ศาสตร์
้
สงเคราะห์เอาไว้ เนื้อหาแบ่งเป็นตอนๆ ๑๙ ตอน ผู้แต่งเลือกใช้คาประพันธ์ในการนาเสนอเนื้อหาได้
เหมาะสม โดยเฉพาะในบทนา หรือตอนเปิดเรื่อง ผู้แต่งใช้คาประพันธ์ประเภทกาพย์ยานี ๑๑
เริ่มต้นด้วยบทไหว้ครู และต่อด้วยเนื้อหา ที่สอนจรรยาแพทย์ กับข้อควรปฏิบัติสาหรับแพทย์ ส่วน
เนื้อบทตอนที่ว่าด้วยลักษณะทับ ๘ประการ ผู้แต่งใช้คาประพันธ์ ประเภทร่าย อธิบายให้ความรู้
เกี่ยวกับโรคและการรักษาโรคของแพทย์แผนไทย
-คุณค่าด้านวรรณศิลป์
มีการใช้ถ้อยคาที่เหมาะสมกับเนื้อเรื่อง โดยการใช้คาที่สามารถถ่ายทอดความรู้ ความรู้
ความเข้าใจ ได้อย่างตรงไปตรงมา และสามารถเข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

6. เรื่อง.. การวิเคราะห์คาประพันธ์
เรียนรู้คัมภีร์ไสย สุขุมไว้อย่าแพร่งพราย
ควรกล่าวจึ่งขยาย อย่ายื่นแก้วแก่วานร
คาศัพท์
๑. คัมภีร์ไสย หมายถึง คัมภีร์อถรรพเวทของพราหมณ์
๒. อย่ายื่นแก้วแก่วานร หมายถึง ไม่ควรมอบของมีค่าให้แก่ผู้ที่ไม่รู้คุณค่าของ
สิ่งนั้น
ถอดคาประพันธ์
การให้ของแก่คนที่ไม่รู้คุณค่าของสิงนั้น เปรียบเทียบกับการเรียนรู้คัมภีร์ไสยที่ควร
่
นาไปบอกต่อเมื่อเหมาะสมเท่านั้น

7. บทวิเคราะห์
- คุณค่าด้านเนือหา
้
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ เป็นตาราหนึ่งที่รวบรวมความรู้หลากหลาย จากตาราเรื่องอื่น ๆ ในชุด
แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์เอาไว้ เนื้อหาแบ่งเป็นตอนๆ ๑๙ ตอน ผู้แต่งเลือกใช้คาประพันธ์
ในการนาเสนอเนื้อหาได้เหมาะสม โดยเฉพาะในบทนา หรือตอนเปิดเรื่อง ผู้แต่งใช้คา
ประพันธ์ประเภทกาพย์ยานี ๑๑ เริ่มต้นด้วยบทไหว้ครู และต่อด้วยเนื้อหา ที่สอนจรรยา
แพทย์ กับข้อควรปฏิบัติสาหรับแพทย์ ส่วนเนื้อบทตอนที่ว่าด้วยลักษณะทับ ๘ประการ ผู้
แต่งใช้คาประพันธ์ ประเภทร่าย อธิบายให้ความรู้ เกี่ยวกับโรคและการรักษาโรคของแพทย์
แผนไทย
-คุณค่าด้านวรรณศิลป์
มีการใช้สานวนไทยประกอบการอธิบาย ช่วยให้เข้าใจเนื้อความได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

8. เรื่อง.. การวิเคราะห์คาประพันธ์
ไม่รักจะทายับ พาตารับเที่ยวขจร
เสียแรงเป็นครูสอน ทั้งบุญคุณก็เสื่อมสูญ
คาศัพท์
๑. ตารับ หมายถึง ตารา
๒. ขจร หมายถึง ร่อนเร่พเนจร
ถอดคาประพันธ์
ไม่รักก็จะทาให้เสียหาย ทาให้ความรู้เผยแพร่ไป ลงแรงสอนให้ก็ไม่ได้ผลตามที่
ต้องการ อีกทั้งบุญคุณก็ไม่มี

9. บทวิเคราะห์
- คุณค่าด้านเนื้อหา
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ เป็นตาราหนึ่งที่รวบรวมความรูหลากหลาย จากตาราเรื่องอื่น ๆ ในชุดแพทย์ศาสตร์
้
สงเคราะห์เอาไว้ เนื้อหาแบ่งเป็นตอนๆ ๑๙ ตอน ผู้แต่งเลือกใช้คาประพันธ์ในการนาเสนอเนื้อหาได้
เหมาะสม โดยเฉพาะในบทนา หรือตอนเปิดเรื่อง ผู้แต่งใช้คาประพันธ์ประเภทกาพย์ยานี ๑๑
เริ่มต้นด้วยบทไหว้ครู และต่อด้วยเนื้อหา ที่สอนจรรยาแพทย์ กับข้อควรปฏิบัติสาหรับแพทย์ ส่วน
เนื้อบทตอนที่ว่าด้วยลักษณะทับ ๘ประการ ผู้แต่งใช้คาประพันธ์ ประเภทร่าย อธิบายให้ความรู้
เกี่ยวกับโรคและการรักษาโรคของแพทย์แผนไทย
-คุณค่าด้านวรรณศิลป์
มีการใช้ถ้อยคาที่สามารถถ่ายทอดความรู้ให้เข้าใจได้ง่าย และเหมาะสมกับเนื้อเรื่องและ
บุคคลในเรื่องได้เป็นอย่างดี

10. เรื่อง.. การวิเคราะห์คาประพันธ์
รู้แล้วเที่ยวโจทย์ทาย แกล้งภิปรายถามเค้ามูล
ความรู้นั้นจะสูญ เพราะสามหาวเป็นใจพาล
คาศัพท์
๑. ภิปราย หมายถึง อภิปราย
๒. เค้ามูล หมายถึง ข้อมูล
๓. สามหาว หมายถึง หยาบคาย โอหังก้าวร้าวผู้หลักผู้ใหญ่
ถอดคาประพันธ์
ได้รับความรู้แล้ว ตั้งคาถามทายคนอื่น ตั้งใจถามเพื่อที่จะทดสอบความรู้ ความรู้ที่ได้รับมาก็
จะหมดไป เพราะเป็นคนพาลพูดจาไม่ดี

11. จบการนาเสนอแล้วค่ะ
ขอบคุณค่ะ 