SlideShare a Scribd company logo
ฉันทลักษณ์ (กวีนิพนธ์ ไทย)
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไปที:่ ป้ ายบอกทาง, ค้นหา

ฉันทลักษณ์ หมายถึง ลักษณะบังคับของคาประพันธ์ไทย ซึ่ ง กาชัย ทองหล่อให้ความหมายไว้ว่า ฉันทลักษณ์ คือตาราที่ว่า
ด้วยวิธีร้อยกรองถ้อยคาหรื อเรี ยบเรี ยงถ้อยคาให้เป็ นระเบียบตาม ลักษณะบังคับและบัญญัติที่นกปราชญ์ได้ว่างเป็ นแบบไว้
                                                                                            ั
ถ้อยคาที่ร้อยกรองขึ้นตามลักษณะบัญญัติแห่งฉันทลักษณ์ เรี ยกว่า คาประพันธ์ [1] และได้ให้ความหมายของ คาประพันธ์ คือ
ถ้อยคาที่ได้ร้อยกรองหรื อเรี ยบเรี ยงขึ้น โดยมีขอบังคับ จากัดคาและวรรคตอนให้รับสัมผัสกัน ไพเราะ ตามกฎเกณฑ์ที่ได้
                                                ้
วางไว้ในฉันทลักษณ์ โดยแบ่งเป็ น 7 ชนิด คือ โคลง ร่ าย ลิลิต กลอน กาพย์ ฉันท์ กล ซึ่ งก็คือ ร้อยกรองไทย นันเอง
                                                                                                         ่

ร้อยกรองไทยมีความหมาย 2 นัย นัยหนึ่งหมายถึงการแต่งหนังสื อดีให้มีความไพเราะ อีกนัยหนึ่งหมายถึงถ้อยคาที่เรี ยบเรี ยง
ให้เป็ นระเบียบตามบทบัญญัติแห่ง ฉันทลักษณ์ ทั้งนี้ ยังมีอีกหลายคาที่มีความหมายทานองเดียวกัน เช่น กวีนิพนธ์ บทกวี
บทประพันธ์ กวีวจนะ ลานา บทกลอน กาพย์กลอน กลอนกานต์ กานต์ รวมทั้งคาว่าฉันท์ กาพย์และกลอนด้วย[2] บทความนี้
                      ั
มุ่งให้ความรู ้เรื่ องลักษณะบังคับของร้อยกรองไทยเป็ นสาคัญ เพื่อเป็ นพื้นฐานในการทาความเข้าใจคาประพันธ์ไทยต่อไป

เนื้อหา
         1 ตาราฉันทลักษณ์ไทย
         2 การแบ่งฉันทลักษณ์
         3 ลักษณะบังคับ
               o 3.1 ครุ ลหุ
               o 3.2 เอก โท
               o 3.3 คณะ
               o 3.4 พยางค์
               o 3.5 สัมผัส
               o 3.6 คาเป็ นคาตาย
               o 3.7 คานา
               o 3.8 คาสร้อย
         4 อ้างอิง
         5 แหล่งข้อมูลอื่น


ตาราฉันทลักษณ์ ไทย
ตาราแต่งร้อยกรองไทยที่ถือเป็ นตาราหลักเท่าที่ปรากฏต้นฉบับในปัจจุบน มีอยู่ 7 เล่ม ส่ วนใหญ่เป็ นตาราแต่งกวีนิพนธ์แบบ
                                                                 ั
ฉบับ ได้แก่
1.    จินดามณี
    2.    ประชุมจารึ กวัดพระเชตุพน
    3.    ชุมนุมตารากลอน ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ
    4.    ประชุมลานา ของ หลวงธรรมาภิมณฑ์
    5.    ฉันทศาสตร์ ของ นายฉันท์ ขาวิไล
    6.    ฉันทลักษณ์ ของ พระยาอุปกิตศิลปสาร
    7.    คัมภีร์สุโพธาลังการ แปลโดย น.อ.แย้ม ประพัฒน์ทอง

การแบ่ งฉันทลักษณ์
สุ ภาพร มากแจ้ ง[3] ได้วิเคราะห์ฉันทลักษณ์ร้อยกรองไทยไว้อย่างละเอียดใน กวี นิพนธ์ ไทย

ซึ่ งกล่าวว่าการแบ่งฉันทลักษณ์อย่างแคบและนิยมใช้อยูทวไปจะได้ 5 ชนิดใหญ่ ๆ แต่หากรวมคาประพันธ์ทองถินเข้าไป
                                                   ่ ั่                                       ้ ่
ด้วยจะได้ 10 ชนิดใหญ่ ๆ ได้แก่

    1.    โคลง
    2.    ฉันท์
    3.    กาพย์
    4.    กลอน
    5.    ร่ าย
    6.    กานต์
    7.    ค่าว
    8.    กาพย์ (เหนือ)
    9.    กาบ (อีสาน)
    10.   กอน (อีสาน)

คาประพันธ์ท้ ง 10 ชนิดนี้ ถ้านามาแบ่งตามลักษณะบังคับร่ วมจะได้ 2 กลุ่มคือ
             ั

กลุ่มที่ 1 ไม่ บังคับวรรณยุกต์ ได้แก่ ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่ าย และกานต์

กลุ่มที่ 2 บังคับวรรณยุกต์ ได้แก่ โคลง กอน (อีสาน) กาบ (อีสาน) กาพย์ (เหนือ) และค่าว

ลักษณะบังคับ
หมายถึง ลักษณะบังคับที่มีในคาประพันธ์ไทย ได้แก่

    1. ครุ ลหุ
    2. เอก โท
3.   คณะ
      4.   พยางค์
      5.   สัมผัส
      6.   คาเป็ น คาตาย
      7.   คานา
      8.   คาสร้อย

ครุ ลหุ

          ครุ คือพยางค์ที่มีเสี ยงหนัก ได้แก่ พยางค์ที่ประกอบด้วย สระเสี ยงยาว (ทีฆสระ) และ สระเกินทั้ง 4 คือ สระ อา ใอ
           ไอ เอา และพยางค์ที่มีตวสะกดทั้งสิ้ น เช่น ตา ดา หัด เรี ยน ฯลฯ
                                      ั
          ลหุ คือพยางค์ที่มเี สี ยงเบา ได้แก่พยางค์ที่ประกอบด้วย สระสั้น (รัสสระ) ที่ไม่มีตวสะกด เช่น พระ จะ มิ ดุ แกะ
                                                                                            ั
           ฯลฯ

เอก โท

          เอก คือพยางค์หรื อคาที่มีรูปวรรณยุกต์เอก และบรรดาคาตายทั้งสิ้ น ซึ่ งในโคลง และร่ าย ใช้เอกแทนได้ เช่น พ่อ
           แม่ พี่ ปู่ ชิ ชะ มัก มาก ฯลฯ
          โท คือพยางค์หรื อคาที่มีรูปวรรณยุกต์โท เช่น น้า ป้ า ช้าง นี้นอง ต้อง เลี้ยว ฯลฯ
                                                                         ้

คณะ

          คณะ กล่าวโดยทัวไปคือแบบบังคับที่วางเป็ นกาหนดกฎเกณฑ์ไว้ว่า คาประพันธ์ชนิดนั้น จะต้องมีเท่านั้นวรรค
                            ่
           เท่านั้นคา และต้องมีเอกโท ครุ ลหุตรงนั้นตรงนี้
          แต่สาหรับใน ฉันท์ คาว่า คณะ มีความหมายแคบ คือหมายถึง ลักษณะที่วางคาเสี ยงหนัก เสี ยงเบา ที่เรี ยกว่า ครุ
           ลหุ และแบ่งออกเป็ น 8 คณะ คณะหนึ่งมีคาอยู่ 3 คา เรี ยง ครุ ลหุ ไว้ต่างๆ กัน

คณะทั้ง 8 นั้น คือ ย ร ต ภ ช ส ม น ชื่อคณะทั้ง 8 นี้ เป็ นอักษรที่ยอมาจากคาเต็ม คือ
                                                                   ่

           ย มาจาก ยชมาน แปลว่า พราหมณ์บูชายัญ
           ร มาจาก รวิ แปลว่า พระอาทิตย์
           ต มาจาก โตย แปลว่า น้ า
           ภ มาจาก ภูมิ แปลว่า ดิน
           ช มาจาก ชลน แปลว่า ไฟ
           ส มาจาก โสม แปลว่า พระจันทร์
           ม มาจาก มารุ ต แปลว่า ลม
           น มาจาก นภ แปลว่า ฟ้ า

กาชัย[1] ได้แต่งคาคล้องจองไว้สาหรับจา คณะ ไว้ดงนี้
                                              ั
ย ยะยิมยวน
                   ้
             ร รวนฤดี
             ส สุ รภี
             ภ ภัสสระ
             ช ชะโลมและ
             น แนะเกะกะ
             ต ตาไปละ
             ม มาดีดี

เมื่อแยกพยางค์แล้ว จะได้ ครุ -ลหุ เต็มตามคณะทั้ง 8 (ชื่อคณะนี้ ไม่สู้จาเป็ นในการเรี ยนฉันทลักษณ์ไทยนัก เพราะมุ่งจาครุ -
ลหุกนมากกว่าจาชื่อคณะ เท่าที่จดมาให้ดูเพื่อประดับความรู ้เท่านั้น)
      ั                         ั

พยางค์

พยางค์ คือจังหวะเสี ยง ที่เปล่งออกมาครั้งหนึ่งๆ หรื อหน่วยเสี ยง ที่ประกอบด้วยสระตัวเดียว จะมีความหมาย หรื อไม่กตาม  ็
คาที่ใช้บรรจุในบทร้อยกรองต่างๆ นั้น ล้วนหมายถึง คาพยางค์ ทั้งสิ้ น คาพยางค์น้ ี ถ้ามีเสี ยงเป็ น ลหุ จะรวม 2 พยางค์ เป็ น
คาหนึ่ง หรื อหน่วยหนึ่ง ในการแต่งร้อยกรองก็ได้ แต่ถามี เสี ยงเป็ น ครุ จะรวมกันไม่ได้ ต้องใช้พยางค์ละคา
                                                      ้

สั มผัส

สั มผัส คือลักษณะที่บงคับให้ใช้คาคล้องจองกัน คาที่คล้องจองกันนั้น หมายถึง คาที่ใช้สระ และมาตราสะกดอย่างเดียวกัน
                     ั
แต่ตองไม่ซ้ าอักษร หรื อซ้ าเสี ยงกัน (สระใอ, ไอ อนุญาตให้ใช้สัมผัสกับ อัย ได้) มี 2 ชนิด คือ สัมผัสนอกและสัมผัสใน
     ้

             1. สั มผัสนอก ได้แก่คาที่บงคับให้คล้องจองกัน ในระหว่างวรรคหนึ่ง กับอีกวรรคหนึ่ง ซึ่ งมีตาแหน่งที่ต่างๆ กัน
                                       ั
             ตามชนิดของคาประพันธ์น้ นๆ สัมผัสนอกนี้ เป็ นสัมผัสบังคับ ซึ่ งจาเป็ นต้องมี จะขาดไม่ได้ ดังตัวอย่าง ที่โยงเส้น
                                         ั
             ไว้ให้ดู เช่น
             โคลง
          แท้ไทยใช่เผ่าผู ้                          แผ่มหิทธิ์
รักสงบระงับจิต                                       ประจักษ์แจ้ ง
ไป่ รานไป่ รุ กคิด                                   คดประทุษ ใครเลย
เว้นแต่ชาติใดแกล้ ง                                  กลันร้ายรานไทย
                                                        ่
             กลอน
          มิใช่ชายดอกนะจะดีเลิศ                      หญิงประเสริฐเลิศดีกมีถม
                                                                        ็
ชายเป็ นปราชญ์หญิงฉลาดหลักแหลมคม                     มีให้ชมทัวไปในธาตรี
                                                              ่
             2. สั มผัสใน ได้แก่ คาที่คล้องจองกัน และอยูในวรรคเดียวกัน จะเป็ นสัมผัสคู่ เรี ยงคาไว้ติดต่อกัน หรื อจะเป็ น
                                                        ่
             สัมผัสสลับ คือเรี ยงคาอื่น แทรกคันไว้ ระหว่างคาที่สัมผัสก็ได้สุดแต่จะเหมาะ ทั้งไม่มีกฎเกณฑ์จากัดว่า จะต้องมี
                                               ่
             อยูตรงนั้น ตรงนี้ เหมือนอย่างสัมผัสนอก และไม่จาเป็ น จะต้องใช้สระอย่างเดียวกันด้วย เพียงแต่ให้อกษร
                ่                                                                                                 ั
เหมือนกัน หรื อเป็ นอักษรประเภทเดียวกัน หรื ออักษรที่มีเสี ยงคู่กน ก็ใช้ได้ สัมผัสใน แบ่งออกเป็ น 2 ชนิด คือ
                                                                            ั
           สัมผัสสระและสัมผัสอักษร
           2.1 สั มผัสสระ ได้แก่คาคล้องจองที่มีสระและมาตราสะกดอย่างเดียวกัน เช่น
       บางน้ าจืดชื่อบางเป็ นทางคิด                      ใครมีจิตจืดนักมักหมองหมาง
คนใจจืดชืดชื้อเหมือนชื่อบาง                              ควรตีห่างเหินกันจนวันตาย
อันน้ าจืดรสสนิทกว่าจิตมืด                               ถึงเย็นชืดลิมรสหมดกระหาย
                                                                     ้
แต่ใจจืดรสระทมขมมิวาย                                    มักทาลายมิตรภาพให้ราบเตียน
                                                                                       — จาก นิราศวัดสิ งห์
         2.2 สั มผัสอักษร ได้แก่ คาคล้องจองที่ใช้ตวอักษรชนิดเดียวกัน หรื อตัวอักษร ประเภทเดียวกัน หรื อใช้ตวอักษร ที่
                                                        ั                                                  ั
         มีเสี ยงคู่กน ที่เรี ยกว่า "อักษรคู่" เช่น ข ค ฆ หรื อ ถ ท ธ เป็ นต้น เช่น
                     ั
         ใช้ ตัวอักษรชนิดเดียวกัน คือใช้อกษรตัวเดียวกันตลอดทั้งวรรค ดังนี้
                                                ั
       แลลิงลิงเล่นล้อ                                  ลางลิง
พาเพื่อนเพ่นพ่านพิง                                      พวกพ้อง
ตื่นเต้นไต่ต่อติง                                        เตี้ยต่า
ก่นกู่กนกึกก้อง
       ั                                                 เกาะเกี้ยวกวนกัน
          ใช้ ตัวอักษรประเภทเดียวกัน คือใช้อกษรที่มีเสี ยงเหมือนกัน แต่รูปไม่เหมือนกัน เช่น ค ฆ ท ธ ร ล ศ ษ ส เป็ นต้น
                                            ั
          ดังนี้
       ศึกษาสาเร็ จรู ้                         ลีลา กลอนแฮ
ระลึกพระคุณครู บา                                        บ่มไว้
อุโฆษคุณาภา                                              เพ็ญพิพฒน์
                                                                ั
นิเทศธรณิ นให้                                           หื่นซ้องสาธุการ
           ใช้ อักษรที่มีเสี ยงคู่กัน คือใช้อกษรต่า ชนิดอักษรคู่ 14 ตัว กับอักษรสู ง 11 ตัว ซึ่ งมีเสี ยงผันเข้ากันได้ เป็ นคู่ๆ ดังนี้
                                             ั
อักษรต่า 14 ตัว อักษรสู ง 11 ตัว
คฆ                  ข
ชฌ                  ฉ
ซ (ทร-ซ)            ศษส
ฑฒทธ                ฐถ
พภ                  ผ
ฟ                   ฝ
ฮ                   ห
           ตัวอย่างดังนี้
       คูนแคขิงข่าขึ้น                                   เคียงคาง
แฟงฟักไฟฝ่ อฝาง                                  ฝิ่ นฝ้ าย
ซางไทรโศกสนสาง                                   ซ่ อนซุ่ม
ทิ้งถ่อนทุยท่อมท้าย                              เถื่อนท้องแถวถิน

สัมผัสในดังที่กล่าวมาแล้วนี้ เป็ นสัมผัสที่ไม่บงคับ จึงมิได้มีแบบกาหนดมาแต่โบราณ แต่ถาไม่มี ก็ขาดรสไพเราะ ซึ่ งเป็ น
                                               ั                                     ้
ยอดของรส ในเชิงฉันทลักษณ์ เพราะฉะนั้น คาประพันธ์ที่ดี จะขาดสัมผัสในเสี ยมิได้ เหมือนเกสร เป็ นเครื่ องเชิดชู ความ
สวยงามของบุปผชาติฉะนั้น

More Related Content

What's hot

เล่มที่ 5 สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)
เล่มที่ 5  สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)เล่มที่ 5  สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)
เล่มที่ 5 สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)
Choengchai Rattanachai
 
เรียงความ ชนะเลิศ วันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2552
เรียงความ ชนะเลิศ วันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2552เรียงความ ชนะเลิศ วันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2552
เรียงความ ชนะเลิศ วันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2552Duangjai Boonmeeprasert
 
สถาบันทางการเมือง
สถาบันทางการเมืองสถาบันทางการเมือง
สถาบันทางการเมืองkroobannakakok
 
สมรรถภาพทางกลไก
สมรรถภาพทางกลไกสมรรถภาพทางกลไก
สมรรถภาพทางกลไก
593non
 
โครงงานน้ำยาปรับผ้านุ่ม
โครงงานน้ำยาปรับผ้านุ่มโครงงานน้ำยาปรับผ้านุ่ม
โครงงานน้ำยาปรับผ้านุ่มeeii
 
การศึกษาโครงสร้างดอกเข็ม มะลิ ชวนชม
การศึกษาโครงสร้างดอกเข็ม มะลิ ชวนชมการศึกษาโครงสร้างดอกเข็ม มะลิ ชวนชม
การศึกษาโครงสร้างดอกเข็ม มะลิ ชวนชม
NarubordinPremsri
 
บทอาขยาน ภาษาไทย ม.๓
บทอาขยาน ภาษาไทย ม.๓บทอาขยาน ภาษาไทย ม.๓
บทอาขยาน ภาษาไทย ม.๓
kruthai40
 
โครงงาน เรื่อง การศึกษาปัญหาการอ่านหนังสือของคนไทย
โครงงาน เรื่อง การศึกษาปัญหาการอ่านหนังสือของคนไทย โครงงาน เรื่อง การศึกษาปัญหาการอ่านหนังสือของคนไทย
โครงงาน เรื่อง การศึกษาปัญหาการอ่านหนังสือของคนไทย
Nawakhun Saensen
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์  โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอนชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์  โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน
ssuser66968f
 
จิตรปทา ฉันท์ 8 จิรประภา
จิตรปทา ฉันท์ 8 จิรประภาจิตรปทา ฉันท์ 8 จิรประภา
จิตรปทา ฉันท์ 8 จิรประภาJiraprapa Noinoo
 
Key of 4 การสถาปนาอยุธยา-57
Key of 4 การสถาปนาอยุธยา-57Key of 4 การสถาปนาอยุธยา-57
Key of 4 การสถาปนาอยุธยา-57Pracha Wongsrida
 
ประวัติลูกเสือ
ประวัติลูกเสือประวัติลูกเสือ
ประวัติลูกเสือguest64f3d9
 
หลักการทรงงาน 23 ข้อกับการประยุกต์ใช้
หลักการทรงงาน 23 ข้อกับการประยุกต์ใช้หลักการทรงงาน 23 ข้อกับการประยุกต์ใช้
หลักการทรงงาน 23 ข้อกับการประยุกต์ใช้
Sutthiluck Kaewboonrurn
 
มรรคมีองค์ ๘ เส้นทางครูแท้
มรรคมีองค์ ๘ เส้นทางครูแท้มรรคมีองค์ ๘ เส้นทางครูแท้
มรรคมีองค์ ๘ เส้นทางครูแท้
Teacher Sophonnawit
 
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
Taraya Srivilas
 
ใบงาน วิชา เศรษฐศาสตร์ ม.1
ใบงาน วิชา เศรษฐศาสตร์ ม.1ใบงาน วิชา เศรษฐศาสตร์ ม.1
ใบงาน วิชา เศรษฐศาสตร์ ม.1
prayut2516
 
ประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ ประถมศึกษาปีที่6
ประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ ประถมศึกษาปีที่6ประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ ประถมศึกษาปีที่6
ประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ ประถมศึกษาปีที่6
ARM ARM
 
ผลงานนักเรียนชั้นม.6/1 เรื่องการสถาปนา สมัยสุโขทัย อยุธยาและธนบุรี
ผลงานนักเรียนชั้นม.6/1 เรื่องการสถาปนา สมัยสุโขทัย อยุธยาและธนบุรีผลงานนักเรียนชั้นม.6/1 เรื่องการสถาปนา สมัยสุโขทัย อยุธยาและธนบุรี
ผลงานนักเรียนชั้นม.6/1 เรื่องการสถาปนา สมัยสุโขทัย อยุธยาและธนบุรี
Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand
 
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ของดาว
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ของดาวคัมภีร์ฉันทศาสตร์ของดาว
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ของดาวdawnythipsuda
 

What's hot (20)

เล่มที่ 5 สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)
เล่มที่ 5  สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)เล่มที่ 5  สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)
เล่มที่ 5 สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)
 
เรียงความ ชนะเลิศ วันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2552
เรียงความ ชนะเลิศ วันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2552เรียงความ ชนะเลิศ วันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2552
เรียงความ ชนะเลิศ วันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2552
 
สถาบันทางการเมือง
สถาบันทางการเมืองสถาบันทางการเมือง
สถาบันทางการเมือง
 
สมรรถภาพทางกลไก
สมรรถภาพทางกลไกสมรรถภาพทางกลไก
สมรรถภาพทางกลไก
 
โครงงานน้ำยาปรับผ้านุ่ม
โครงงานน้ำยาปรับผ้านุ่มโครงงานน้ำยาปรับผ้านุ่ม
โครงงานน้ำยาปรับผ้านุ่ม
 
การศึกษาโครงสร้างดอกเข็ม มะลิ ชวนชม
การศึกษาโครงสร้างดอกเข็ม มะลิ ชวนชมการศึกษาโครงสร้างดอกเข็ม มะลิ ชวนชม
การศึกษาโครงสร้างดอกเข็ม มะลิ ชวนชม
 
บทอาขยาน ภาษาไทย ม.๓
บทอาขยาน ภาษาไทย ม.๓บทอาขยาน ภาษาไทย ม.๓
บทอาขยาน ภาษาไทย ม.๓
 
โครงงาน เรื่อง การศึกษาปัญหาการอ่านหนังสือของคนไทย
โครงงาน เรื่อง การศึกษาปัญหาการอ่านหนังสือของคนไทย โครงงาน เรื่อง การศึกษาปัญหาการอ่านหนังสือของคนไทย
โครงงาน เรื่อง การศึกษาปัญหาการอ่านหนังสือของคนไทย
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์  โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอนชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์  โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน
 
จิตรปทา ฉันท์ 8 จิรประภา
จิตรปทา ฉันท์ 8 จิรประภาจิตรปทา ฉันท์ 8 จิรประภา
จิตรปทา ฉันท์ 8 จิรประภา
 
Key of 4 การสถาปนาอยุธยา-57
Key of 4 การสถาปนาอยุธยา-57Key of 4 การสถาปนาอยุธยา-57
Key of 4 การสถาปนาอยุธยา-57
 
ประวัติลูกเสือ
ประวัติลูกเสือประวัติลูกเสือ
ประวัติลูกเสือ
 
หลักการทรงงาน 23 ข้อกับการประยุกต์ใช้
หลักการทรงงาน 23 ข้อกับการประยุกต์ใช้หลักการทรงงาน 23 ข้อกับการประยุกต์ใช้
หลักการทรงงาน 23 ข้อกับการประยุกต์ใช้
 
มรรคมีองค์ ๘ เส้นทางครูแท้
มรรคมีองค์ ๘ เส้นทางครูแท้มรรคมีองค์ ๘ เส้นทางครูแท้
มรรคมีองค์ ๘ เส้นทางครูแท้
 
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
 
ใบงาน วิชา เศรษฐศาสตร์ ม.1
ใบงาน วิชา เศรษฐศาสตร์ ม.1ใบงาน วิชา เศรษฐศาสตร์ ม.1
ใบงาน วิชา เศรษฐศาสตร์ ม.1
 
ประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ ประถมศึกษาปีที่6
ประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ ประถมศึกษาปีที่6ประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ ประถมศึกษาปีที่6
ประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ ประถมศึกษาปีที่6
 
ผลงานนักเรียนชั้นม.6/1 เรื่องการสถาปนา สมัยสุโขทัย อยุธยาและธนบุรี
ผลงานนักเรียนชั้นม.6/1 เรื่องการสถาปนา สมัยสุโขทัย อยุธยาและธนบุรีผลงานนักเรียนชั้นม.6/1 เรื่องการสถาปนา สมัยสุโขทัย อยุธยาและธนบุรี
ผลงานนักเรียนชั้นม.6/1 เรื่องการสถาปนา สมัยสุโขทัย อยุธยาและธนบุรี
 
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ Ppt[1]
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ Ppt[1]คัมภีร์ฉันทศาสตร์ Ppt[1]
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ Ppt[1]
 
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ของดาว
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ของดาวคัมภีร์ฉันทศาสตร์ของดาว
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ของดาว
 

Viewers also liked

Chitrapathachan
ChitrapathachanChitrapathachan
Chitrapathachan
Piyarerk Bunkoson
 
Salinichan11
Salinichan11Salinichan11
Salinichan11
Piyarerk Bunkoson
 
Phuchongkhaprayatachan
PhuchongkhaprayatachanPhuchongkhaprayatachan
Phuchongkhaprayatachan
Piyarerk Bunkoson
 
Manawakachan
ManawakachanManawakachan
Manawakachan
Piyarerk Bunkoson
 

Viewers also liked (6)

Chitrapathachan
ChitrapathachanChitrapathachan
Chitrapathachan
 
Satthatharachan
SatthatharachanSatthatharachan
Satthatharachan
 
Salinichan11
Salinichan11Salinichan11
Salinichan11
 
Phuchongkhaprayatachan
PhuchongkhaprayatachanPhuchongkhaprayatachan
Phuchongkhaprayatachan
 
Upenthrawichianchan
UpenthrawichianchanUpenthrawichianchan
Upenthrawichianchan
 
Manawakachan
ManawakachanManawakachan
Manawakachan
 

Similar to ฉันทลักษณ์

อุปกรณ์การประพันธ์
อุปกรณ์การประพันธ์อุปกรณ์การประพันธ์
อุปกรณ์การประพันธ์Kalasom Mad-adam
 
อุปกรณ์การประพันธ์
อุปกรณ์การประพันธ์อุปกรณ์การประพันธ์
อุปกรณ์การประพันธ์Kalasom Mad-adam
 
รวบรวมลักษณนามหมวด ก แก้ใหม่2
รวบรวมลักษณนามหมวด ก แก้ใหม่2รวบรวมลักษณนามหมวด ก แก้ใหม่2
รวบรวมลักษณนามหมวด ก แก้ใหม่2Sitthisak Thapsri
 
๑. ลักษณะคำประพันธ์[1]
๑. ลักษณะคำประพันธ์[1]๑. ลักษณะคำประพันธ์[1]
๑. ลักษณะคำประพันธ์[1]
จุฑารัตน์ ใจบุญ
 
ร้อยกรอง
ร้อยกรองร้อยกรอง
ร้อยกรองNimnoi Kamkiew
 
ร้อยกรอง
ร้อยกรองร้อยกรอง
ร้อยกรองPairor Singwong
 
ร้อยกรอง
ร้อยกรองร้อยกรอง
ร้อยกรองMong Chawdon
 
ประวัติของวรรณคดี
ประวัติของวรรณคดีประวัติของวรรณคดี
ประวัติของวรรณคดี
Ruangrat Watthanasaowalak
 

Similar to ฉันทลักษณ์ (20)

อุปกรณ์การประพันธ์
อุปกรณ์การประพันธ์อุปกรณ์การประพันธ์
อุปกรณ์การประพันธ์
 
อุปกรณ์การประพันธ์
อุปกรณ์การประพันธ์อุปกรณ์การประพันธ์
อุปกรณ์การประพันธ์
 
รวบรวมลักษณนามหมวด ก แก้ใหม่2
รวบรวมลักษณนามหมวด ก แก้ใหม่2รวบรวมลักษณนามหมวด ก แก้ใหม่2
รวบรวมลักษณนามหมวด ก แก้ใหม่2
 
๑. ลักษณะคำประพันธ์[1]
๑. ลักษณะคำประพันธ์[1]๑. ลักษณะคำประพันธ์[1]
๑. ลักษณะคำประพันธ์[1]
 
ร้อยกรอง
ร้อยกรองร้อยกรอง
ร้อยกรอง
 
ร้อยกรอง
ร้อยกรองร้อยกรอง
ร้อยกรอง
 
ร้อยกรอง
ร้อยกรองร้อยกรอง
ร้อยกรอง
 
ร้อยกรอง
ร้อยกรองร้อยกรอง
ร้อยกรอง
 
ร้อยกรอง
ร้อยกรองร้อยกรอง
ร้อยกรอง
 
ร้อยกรอง
ร้อยกรองร้อยกรอง
ร้อยกรอง
 
ร้อยกรอง
ร้อยกรองร้อยกรอง
ร้อยกรอง
 
ร้อยกรอง
ร้อยกรองร้อยกรอง
ร้อยกรอง
 
ร้อยกรอง
ร้อยกรองร้อยกรอง
ร้อยกรอง
 
ร้อยกรอง
ร้อยกรองร้อยกรอง
ร้อยกรอง
 
ร้อยกรอง
ร้อยกรองร้อยกรอง
ร้อยกรอง
 
ร้อยกรอง
ร้อยกรองร้อยกรอง
ร้อยกรอง
 
ประวัติของวรรณคดี
ประวัติของวรรณคดีประวัติของวรรณคดี
ประวัติของวรรณคดี
 
ใบความรู้ ฉันท์
ใบความรู้ ฉันท์ใบความรู้ ฉันท์
ใบความรู้ ฉันท์
 
การสร้างคำ
การสร้างคำการสร้างคำ
การสร้างคำ
 
การสร้างคำ
การสร้างคำการสร้างคำ
การสร้างคำ
 

ฉันทลักษณ์

  • 1. ฉันทลักษณ์ (กวีนิพนธ์ ไทย) จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ไปที:่ ป้ ายบอกทาง, ค้นหา ฉันทลักษณ์ หมายถึง ลักษณะบังคับของคาประพันธ์ไทย ซึ่ ง กาชัย ทองหล่อให้ความหมายไว้ว่า ฉันทลักษณ์ คือตาราที่ว่า ด้วยวิธีร้อยกรองถ้อยคาหรื อเรี ยบเรี ยงถ้อยคาให้เป็ นระเบียบตาม ลักษณะบังคับและบัญญัติที่นกปราชญ์ได้ว่างเป็ นแบบไว้ ั ถ้อยคาที่ร้อยกรองขึ้นตามลักษณะบัญญัติแห่งฉันทลักษณ์ เรี ยกว่า คาประพันธ์ [1] และได้ให้ความหมายของ คาประพันธ์ คือ ถ้อยคาที่ได้ร้อยกรองหรื อเรี ยบเรี ยงขึ้น โดยมีขอบังคับ จากัดคาและวรรคตอนให้รับสัมผัสกัน ไพเราะ ตามกฎเกณฑ์ที่ได้ ้ วางไว้ในฉันทลักษณ์ โดยแบ่งเป็ น 7 ชนิด คือ โคลง ร่ าย ลิลิต กลอน กาพย์ ฉันท์ กล ซึ่ งก็คือ ร้อยกรองไทย นันเอง ่ ร้อยกรองไทยมีความหมาย 2 นัย นัยหนึ่งหมายถึงการแต่งหนังสื อดีให้มีความไพเราะ อีกนัยหนึ่งหมายถึงถ้อยคาที่เรี ยบเรี ยง ให้เป็ นระเบียบตามบทบัญญัติแห่ง ฉันทลักษณ์ ทั้งนี้ ยังมีอีกหลายคาที่มีความหมายทานองเดียวกัน เช่น กวีนิพนธ์ บทกวี บทประพันธ์ กวีวจนะ ลานา บทกลอน กาพย์กลอน กลอนกานต์ กานต์ รวมทั้งคาว่าฉันท์ กาพย์และกลอนด้วย[2] บทความนี้ ั มุ่งให้ความรู ้เรื่ องลักษณะบังคับของร้อยกรองไทยเป็ นสาคัญ เพื่อเป็ นพื้นฐานในการทาความเข้าใจคาประพันธ์ไทยต่อไป เนื้อหา  1 ตาราฉันทลักษณ์ไทย  2 การแบ่งฉันทลักษณ์  3 ลักษณะบังคับ o 3.1 ครุ ลหุ o 3.2 เอก โท o 3.3 คณะ o 3.4 พยางค์ o 3.5 สัมผัส o 3.6 คาเป็ นคาตาย o 3.7 คานา o 3.8 คาสร้อย  4 อ้างอิง  5 แหล่งข้อมูลอื่น ตาราฉันทลักษณ์ ไทย ตาราแต่งร้อยกรองไทยที่ถือเป็ นตาราหลักเท่าที่ปรากฏต้นฉบับในปัจจุบน มีอยู่ 7 เล่ม ส่ วนใหญ่เป็ นตาราแต่งกวีนิพนธ์แบบ ั ฉบับ ได้แก่
  • 2. 1. จินดามณี 2. ประชุมจารึ กวัดพระเชตุพน 3. ชุมนุมตารากลอน ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ 4. ประชุมลานา ของ หลวงธรรมาภิมณฑ์ 5. ฉันทศาสตร์ ของ นายฉันท์ ขาวิไล 6. ฉันทลักษณ์ ของ พระยาอุปกิตศิลปสาร 7. คัมภีร์สุโพธาลังการ แปลโดย น.อ.แย้ม ประพัฒน์ทอง การแบ่ งฉันทลักษณ์ สุ ภาพร มากแจ้ ง[3] ได้วิเคราะห์ฉันทลักษณ์ร้อยกรองไทยไว้อย่างละเอียดใน กวี นิพนธ์ ไทย ซึ่ งกล่าวว่าการแบ่งฉันทลักษณ์อย่างแคบและนิยมใช้อยูทวไปจะได้ 5 ชนิดใหญ่ ๆ แต่หากรวมคาประพันธ์ทองถินเข้าไป ่ ั่ ้ ่ ด้วยจะได้ 10 ชนิดใหญ่ ๆ ได้แก่ 1. โคลง 2. ฉันท์ 3. กาพย์ 4. กลอน 5. ร่ าย 6. กานต์ 7. ค่าว 8. กาพย์ (เหนือ) 9. กาบ (อีสาน) 10. กอน (อีสาน) คาประพันธ์ท้ ง 10 ชนิดนี้ ถ้านามาแบ่งตามลักษณะบังคับร่ วมจะได้ 2 กลุ่มคือ ั กลุ่มที่ 1 ไม่ บังคับวรรณยุกต์ ได้แก่ ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่ าย และกานต์ กลุ่มที่ 2 บังคับวรรณยุกต์ ได้แก่ โคลง กอน (อีสาน) กาบ (อีสาน) กาพย์ (เหนือ) และค่าว ลักษณะบังคับ หมายถึง ลักษณะบังคับที่มีในคาประพันธ์ไทย ได้แก่ 1. ครุ ลหุ 2. เอก โท
  • 3. 3. คณะ 4. พยางค์ 5. สัมผัส 6. คาเป็ น คาตาย 7. คานา 8. คาสร้อย ครุ ลหุ  ครุ คือพยางค์ที่มีเสี ยงหนัก ได้แก่ พยางค์ที่ประกอบด้วย สระเสี ยงยาว (ทีฆสระ) และ สระเกินทั้ง 4 คือ สระ อา ใอ ไอ เอา และพยางค์ที่มีตวสะกดทั้งสิ้ น เช่น ตา ดา หัด เรี ยน ฯลฯ ั  ลหุ คือพยางค์ที่มเี สี ยงเบา ได้แก่พยางค์ที่ประกอบด้วย สระสั้น (รัสสระ) ที่ไม่มีตวสะกด เช่น พระ จะ มิ ดุ แกะ ั ฯลฯ เอก โท  เอก คือพยางค์หรื อคาที่มีรูปวรรณยุกต์เอก และบรรดาคาตายทั้งสิ้ น ซึ่ งในโคลง และร่ าย ใช้เอกแทนได้ เช่น พ่อ แม่ พี่ ปู่ ชิ ชะ มัก มาก ฯลฯ  โท คือพยางค์หรื อคาที่มีรูปวรรณยุกต์โท เช่น น้า ป้ า ช้าง นี้นอง ต้อง เลี้ยว ฯลฯ ้ คณะ  คณะ กล่าวโดยทัวไปคือแบบบังคับที่วางเป็ นกาหนดกฎเกณฑ์ไว้ว่า คาประพันธ์ชนิดนั้น จะต้องมีเท่านั้นวรรค ่ เท่านั้นคา และต้องมีเอกโท ครุ ลหุตรงนั้นตรงนี้  แต่สาหรับใน ฉันท์ คาว่า คณะ มีความหมายแคบ คือหมายถึง ลักษณะที่วางคาเสี ยงหนัก เสี ยงเบา ที่เรี ยกว่า ครุ ลหุ และแบ่งออกเป็ น 8 คณะ คณะหนึ่งมีคาอยู่ 3 คา เรี ยง ครุ ลหุ ไว้ต่างๆ กัน คณะทั้ง 8 นั้น คือ ย ร ต ภ ช ส ม น ชื่อคณะทั้ง 8 นี้ เป็ นอักษรที่ยอมาจากคาเต็ม คือ ่ ย มาจาก ยชมาน แปลว่า พราหมณ์บูชายัญ ร มาจาก รวิ แปลว่า พระอาทิตย์ ต มาจาก โตย แปลว่า น้ า ภ มาจาก ภูมิ แปลว่า ดิน ช มาจาก ชลน แปลว่า ไฟ ส มาจาก โสม แปลว่า พระจันทร์ ม มาจาก มารุ ต แปลว่า ลม น มาจาก นภ แปลว่า ฟ้ า กาชัย[1] ได้แต่งคาคล้องจองไว้สาหรับจา คณะ ไว้ดงนี้ ั
  • 4. ย ยะยิมยวน ้ ร รวนฤดี ส สุ รภี ภ ภัสสระ ช ชะโลมและ น แนะเกะกะ ต ตาไปละ ม มาดีดี เมื่อแยกพยางค์แล้ว จะได้ ครุ -ลหุ เต็มตามคณะทั้ง 8 (ชื่อคณะนี้ ไม่สู้จาเป็ นในการเรี ยนฉันทลักษณ์ไทยนัก เพราะมุ่งจาครุ - ลหุกนมากกว่าจาชื่อคณะ เท่าที่จดมาให้ดูเพื่อประดับความรู ้เท่านั้น) ั ั พยางค์ พยางค์ คือจังหวะเสี ยง ที่เปล่งออกมาครั้งหนึ่งๆ หรื อหน่วยเสี ยง ที่ประกอบด้วยสระตัวเดียว จะมีความหมาย หรื อไม่กตาม ็ คาที่ใช้บรรจุในบทร้อยกรองต่างๆ นั้น ล้วนหมายถึง คาพยางค์ ทั้งสิ้ น คาพยางค์น้ ี ถ้ามีเสี ยงเป็ น ลหุ จะรวม 2 พยางค์ เป็ น คาหนึ่ง หรื อหน่วยหนึ่ง ในการแต่งร้อยกรองก็ได้ แต่ถามี เสี ยงเป็ น ครุ จะรวมกันไม่ได้ ต้องใช้พยางค์ละคา ้ สั มผัส สั มผัส คือลักษณะที่บงคับให้ใช้คาคล้องจองกัน คาที่คล้องจองกันนั้น หมายถึง คาที่ใช้สระ และมาตราสะกดอย่างเดียวกัน ั แต่ตองไม่ซ้ าอักษร หรื อซ้ าเสี ยงกัน (สระใอ, ไอ อนุญาตให้ใช้สัมผัสกับ อัย ได้) มี 2 ชนิด คือ สัมผัสนอกและสัมผัสใน ้ 1. สั มผัสนอก ได้แก่คาที่บงคับให้คล้องจองกัน ในระหว่างวรรคหนึ่ง กับอีกวรรคหนึ่ง ซึ่ งมีตาแหน่งที่ต่างๆ กัน ั ตามชนิดของคาประพันธ์น้ นๆ สัมผัสนอกนี้ เป็ นสัมผัสบังคับ ซึ่ งจาเป็ นต้องมี จะขาดไม่ได้ ดังตัวอย่าง ที่โยงเส้น ั ไว้ให้ดู เช่น โคลง แท้ไทยใช่เผ่าผู ้ แผ่มหิทธิ์ รักสงบระงับจิต ประจักษ์แจ้ ง ไป่ รานไป่ รุ กคิด คดประทุษ ใครเลย เว้นแต่ชาติใดแกล้ ง กลันร้ายรานไทย ่ กลอน มิใช่ชายดอกนะจะดีเลิศ หญิงประเสริฐเลิศดีกมีถม ็ ชายเป็ นปราชญ์หญิงฉลาดหลักแหลมคม มีให้ชมทัวไปในธาตรี ่ 2. สั มผัสใน ได้แก่ คาที่คล้องจองกัน และอยูในวรรคเดียวกัน จะเป็ นสัมผัสคู่ เรี ยงคาไว้ติดต่อกัน หรื อจะเป็ น ่ สัมผัสสลับ คือเรี ยงคาอื่น แทรกคันไว้ ระหว่างคาที่สัมผัสก็ได้สุดแต่จะเหมาะ ทั้งไม่มีกฎเกณฑ์จากัดว่า จะต้องมี ่ อยูตรงนั้น ตรงนี้ เหมือนอย่างสัมผัสนอก และไม่จาเป็ น จะต้องใช้สระอย่างเดียวกันด้วย เพียงแต่ให้อกษร ่ ั
  • 5. เหมือนกัน หรื อเป็ นอักษรประเภทเดียวกัน หรื ออักษรที่มีเสี ยงคู่กน ก็ใช้ได้ สัมผัสใน แบ่งออกเป็ น 2 ชนิด คือ ั สัมผัสสระและสัมผัสอักษร 2.1 สั มผัสสระ ได้แก่คาคล้องจองที่มีสระและมาตราสะกดอย่างเดียวกัน เช่น บางน้ าจืดชื่อบางเป็ นทางคิด ใครมีจิตจืดนักมักหมองหมาง คนใจจืดชืดชื้อเหมือนชื่อบาง ควรตีห่างเหินกันจนวันตาย อันน้ าจืดรสสนิทกว่าจิตมืด ถึงเย็นชืดลิมรสหมดกระหาย ้ แต่ใจจืดรสระทมขมมิวาย มักทาลายมิตรภาพให้ราบเตียน — จาก นิราศวัดสิ งห์ 2.2 สั มผัสอักษร ได้แก่ คาคล้องจองที่ใช้ตวอักษรชนิดเดียวกัน หรื อตัวอักษร ประเภทเดียวกัน หรื อใช้ตวอักษร ที่ ั ั มีเสี ยงคู่กน ที่เรี ยกว่า "อักษรคู่" เช่น ข ค ฆ หรื อ ถ ท ธ เป็ นต้น เช่น ั ใช้ ตัวอักษรชนิดเดียวกัน คือใช้อกษรตัวเดียวกันตลอดทั้งวรรค ดังนี้ ั แลลิงลิงเล่นล้อ ลางลิง พาเพื่อนเพ่นพ่านพิง พวกพ้อง ตื่นเต้นไต่ต่อติง เตี้ยต่า ก่นกู่กนกึกก้อง ั เกาะเกี้ยวกวนกัน ใช้ ตัวอักษรประเภทเดียวกัน คือใช้อกษรที่มีเสี ยงเหมือนกัน แต่รูปไม่เหมือนกัน เช่น ค ฆ ท ธ ร ล ศ ษ ส เป็ นต้น ั ดังนี้ ศึกษาสาเร็ จรู ้ ลีลา กลอนแฮ ระลึกพระคุณครู บา บ่มไว้ อุโฆษคุณาภา เพ็ญพิพฒน์ ั นิเทศธรณิ นให้ หื่นซ้องสาธุการ ใช้ อักษรที่มีเสี ยงคู่กัน คือใช้อกษรต่า ชนิดอักษรคู่ 14 ตัว กับอักษรสู ง 11 ตัว ซึ่ งมีเสี ยงผันเข้ากันได้ เป็ นคู่ๆ ดังนี้ ั อักษรต่า 14 ตัว อักษรสู ง 11 ตัว คฆ ข ชฌ ฉ ซ (ทร-ซ) ศษส ฑฒทธ ฐถ พภ ผ ฟ ฝ ฮ ห ตัวอย่างดังนี้ คูนแคขิงข่าขึ้น เคียงคาง
  • 6. แฟงฟักไฟฝ่ อฝาง ฝิ่ นฝ้ าย ซางไทรโศกสนสาง ซ่ อนซุ่ม ทิ้งถ่อนทุยท่อมท้าย เถื่อนท้องแถวถิน สัมผัสในดังที่กล่าวมาแล้วนี้ เป็ นสัมผัสที่ไม่บงคับ จึงมิได้มีแบบกาหนดมาแต่โบราณ แต่ถาไม่มี ก็ขาดรสไพเราะ ซึ่ งเป็ น ั ้ ยอดของรส ในเชิงฉันทลักษณ์ เพราะฉะนั้น คาประพันธ์ที่ดี จะขาดสัมผัสในเสี ยมิได้ เหมือนเกสร เป็ นเครื่ องเชิดชู ความ สวยงามของบุปผชาติฉะนั้น