ROOT CAUSE
ANALYSIS
นพ.ปรัชญา ศรีสว่าง
15-Aug-14
1
จุดเน้นในการพัฒนาทางคลินิก
 อะไรคือโรคที่สาคัญ (เสี่ยงสูง, พบบ่อย, ผลลัพธ์ไม่ดี, ต้องประสานกัน, ยืดเยื้อ)
 อะไรคือประเด็นสาคัญในโรคดังกล่าว
 จะปรับปรุงการดูแลโรคดังกล่าวได้อย่างไร
 ใช้การทบทวนหาสาเหตุ/ นาเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์มาวิเคราะห์
(Adverse Event / Root Cause Analysis)
ใช้แนวคิดองค์รวม/มุมมองของทีมสหสาขาวิชาชีพเข้ามามอง
ใช้ความรู้วิชาการเข้ามาเทียบ (Gap Analysis)
ใช้เครื่องชี้วัดเข้ามาวัด (Indicator Monitoring)
15-Aug-14
2
 80% ของ Medical error
 ไม่ใช่ความผิดพลาดที่เกิดเฉพาะตัว ( Human error )
 แต่เป็นจากสภาพแวดล้อม หรือ ระบบ
 ที่ทาให้คนทางานผิดพลาด ( System failure )
ความผิดพลัง้เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ไม่อาจ
หลีกเลี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสิ่งแวดล้อมที่มีความ
ซับซ้อน เช่น บริการสุขภาพ
ผู้ป่ วยจานวนมากต้องเสียชีวิตในแต่ละปี
และมีอีกจานวนมากที่ได้รับอันตราย
จากความผิดพลัง้ที่สามารถป้ องกันได้
15-Aug-14
3
15-Aug-14
4
ROOT CAUSE ANALYSIS
 เป็นการค้นหาปัจจัยที่เป็นรากของปัญหาหรือสาเหตุ
พื้นฐานของความแปรปรวนในการปฏิบัติงาน รวมถึง
สาเหตุของการเกิดอุบัติการณ์หรือเหตุการณ์ไม่พึง
ประสงค์ที่รุนแรง
โดยมุ่งเน้นที่ระบบ/กระบวนการเพื่อหาโอกาสที่จะปรับปรุง
ระบบ/ กระบวนการอันจะนาไปสู่การลดโอกาสที่จะเกิด
เหตุการณ์ดังกล่าวซ้า
15-Aug-14
5
แนวคิดพื้นฐานของ RCA
 สาเหตุของความผิดพลั้งที่รุนแรง มี 2 ประการ คือ
activeerror และ latent error
Active error ได้แก่ การละเว้นไม่ทาตามข้อตกลง
หรือทาในสิ่งที่ไม่ได้เป็นข้อตกลง
Latent error ได้แก่ ความบกพร่องของระบบที่เอื้อให้
เกิดความผิดพลั้งขึ้น
 การทา RCA ต้องการวิเคราะห์หา latent
errors ที่เป็นสาเหตุของ sentinel event
15-Aug-14
6
เทคนิคในการทา RCA
 ตั้งโจทย์/ ระบุปัญหาหรือ AE ให้ชัดเจน
 ศึกษาปัญหา/ สถานการณ์ให้เร็ว
 หาสาเหตุเบื้องต้น/ ใกล้ชิดกับเหตุการณ์ (proximal
cause)
 วิเคราะห์หาสาเหตุเบื้องหลัง
 คัดเลือก root cause
 ออกแบบและแก้ไขปัญหาเชิงระบบ
15-Aug-14
7
ROOT CAUSE ANALYSIS
15-Aug-14
8
เมื่อไรจะต้องทา RCA
15-Aug-14
9
RCA: 4 วิธี
15-Aug-14
10
1. Turning Point : เป็นการมองย้อนหลังตามขั้นตอนต่างๆ ของการ
ทางานก่อนที่จะเกิดปัญหาหรืออุบัติการณ์ โดยเฉพาะการดูแลผู้ป่ วย จะทาให้เห็น
ว่าตรงจุดใดที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่ วยหากมีการเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจ
หรือการกระทาของผู้ให้บริการ
> ใช้การเปลี่ยนแปลงที่ต้องการนี้เป็นจุดที่นาไปสู่จัด ENV , ทา ไม่ต้องตั้ง
คาถามเพื่อค้นหา root cause ที่อาจนาไปสู่ความขัดแย้ง
การเลือกใช้ > สถานการณ์ที่ไม่ซับซ้อน หรือเป็นจุดเริ่มต้น
วิเคราะห์สถานการณ์ที่ซับซ้อน
RCA: 4 วิธี
15-Aug-14
11
2. Cognitive Walkthrough : ย้อนรอยอดีตโดยผู้ที่เกี่ยวข้อง
โดยตรงกับเหตุการณ์ ประยุกต์มาจากเครื่องมือ Human Factors
Engineering คือ เรียนรู้ปัจจัยที่เป็นข้อจากัดของคนเพื่อนามาสู่การ
ออกแบบระบบ ที่จะทาให้ข้อจากัดเหล่านั้นไม่เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติงาน
การเลือกใช้
> ต้องมีวัฒนธรรมคุณภาพ เปิดใจ ไว้วางใจ
> ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงทาซ้าในสถานการณ์จาลอง และคิดออกมาดังๆ ว่าคิดอะไร ต้องการ
อะไร รู้สึกอะไร ติดขัดอะไร
> ทาให้รู้ข้อจากัดที่ตรงประเด็น เกิดนวตกรรมง่ายกว่าการนั่งอภิปราย
> เชื่อมกับเทคนิค Turning Point คือ การย้อนรอยอดีตตรงจุดหรือขั้นตอนที่เห็นว่ามี
โอกาสปรับเปลี่ยนการตัดสินใจหรือการกระทาได้
HUMAN FACTORS ENGINEERING
การออกแบบที่ไม่ดี เสียงที่ไม่เพียงพอ การรบกวนสมาธิ การสื่อสารที่ไม่
เข้าใจ และปัจจัยอื่นๆ อีกเป็นจานวนมาก ที่ทาให้เกิดความไร้ประสิทธิภาพ
ขึ้นในชีวิตของเรา “human factors”
ส่วนใหญ่มักจะไม่มีผลกระทบในระยะยาวทาให้ไม่ได้รับความสนใจ แต่ก็มี
อีกจานวนหนึ่งที่ก่อให้เกิดผลตามมาอย่างใหญ่หลวง และอาจจะเกิดซ้าขึ้นอีก
ได้หากปัจจัยที่เห็นสาเหตุไม่ได้รับการแก้ไข
ดังนั้น human factors จึงไม่ใช่สิ่งที่ดีหรือไม่ดี มันเป็น
องค์ประกอบอย่างหนึ่งในชีวิตของเรา Human Factors
Engineering
15-Aug-14
12
RCA: 4 วิธี
15-Aug-14
13
3. Conventional WHY: วิธีดั้งเดิม > แผนภูมิต้นไม้ ถาม “ทาไม”ซ้า
หลายๆ ครั้ง จนเห็นคาตอบที่พอใจและนาไปแก้ปัญหาได้
3. Conventional WHY: วิธีดั้งเดิม > แผนภูมิต้นไม้ ถาม “ทาไม”ซ้า
หลายๆ ครั้ง จนเห็นคาตอบที่พอใจและนาไปแก้ปัญหาได้
การเลือกใช้ > เชื่อมกับเทคนิค Cognitive Walkthrough คือ การ
นาข้อมูลจากการย้อนรอยอดีตมาวิเคราะห์ต่อว่าทาไมจึงเกิดเหตุการณ์ เช่นนั้น
RCA: 4 วิธี
15-Aug-14
14
4. Comprehensive Scan : การใช้หัวข้อที่ครอบคลุมกว้างๆ
ได้แก่ ผู้ป่ วยผู้ให้บริการ ระบบงาน สิ่งแวดล้อม องค์กร รอบด้านมาตรวจสอบว่า
เหตุการณ์นั้นไปเกี่ยวพันกับปัจจัยในหัวข้อดังกล่าวหรือไม่ เป็นวิธีที่ซับซ้อนที่สุด
เป็นตาข่ายที่มีช่องถี่ที่สุด ใช้เวลามากที่สุด > case ที่ซับซ้อน
สรุป
1. ไม่ว่าจะเลือกใช้วิธีใด จุดเริ่มต้น คือการเข้าไปในสถานการณ์และเก็บข้อมูลต่างๆ มาให้ได้มากที่สุด
2. จุดตัดสินใจเลือกปัจจัยที่เป็น root cause คือ การถามว่าเมื่อนา root cause
ดังกล่าวไปปฏิบัติแล้ว ปัญหาจะลดลงหรือหมด
ไปหรือไม่ ถ้าเรายังไม่มั่นใจว่าปัญหาจะลดลง ก็แสดงว่านั่นยังไม่ใช่ root cause ที่น่าจะนาไป
ปฏิบัติ
15-Aug-14
15
1. เกิดอะไรขึ้น WHAT HAPPENED?
อุบัติการณ์
ร้ายแรง
• รายละเอียดของเหตุการณ์
ย่อยๆ
• เกิดเมื่อไร (วัน/เวลา)
• มีผลกระทบต่อบริการ/
หน่วยงานใดบ้าง
15-Aug-14
16
2. WHY DID IT HAPPEN?
(อะไรเป็นปัจจัยใกล้ชิดที่สุด)
กระบวนการหรือ
กิจกรรมที่เกิด
• ขั้นตอนการปฏิบัติงานที่
ออกแบบไว้เป็นอย่างไร
• ขั้นตอนใดที่เกี่ยวข้องหรือมี
ผลต่อการเกิดเหตุ
a. คน • มีปัจจัยเกี่ยวกับคนอะไรบ้าง
ที่เกี่ยวข้อง
b. เครื่องมือ • การทางานของเครื่องมือมีผล
ต่อผลลัพธ์อย่างไร?
15-Aug-14
17
2. WHY DID IT HAPPEN?
c. สิ่งแวดล้อม • มีปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่อ
ผลลัพธ์
d. ปัจจัยภายนอกที่
ควบคุมไม่ได้
• ปัจจัยอะไรอยู่นอกเหนือการ
ควบคุมของ
• องค์กรจริงหรือไม่?
e. อื่นๆ • ปัจจัยอื่นใดอีกที่มีผล
•บริการ/หน่วยงานอื่นที่ได้รับ
ผลกระทบ
15-Aug-14
18
3. ทาไมจึงเกิดมีระบบ/ กระบวนการใดที่อยู่เบื้องหลัง
a. ทรัพยากรมนุษย์ • เจ้าหน้าที่มีคุณสมบัติและความสามารถ
เหมาะสมกับความรับผิดชอบเพียงใด
• ระดับอัตรากาลังเป็นอย่างไร เทียบกับ
อัตรากาลังที่ควรจะเป็น
• มีแผนอย่างไรในการจัดการกับ
สถานการณ์ซึ่งระดับอัตรากาลังต่ากว่าที่ควร
• ผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าใน
กระบวนการที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างไร?
•ปรับปรุงการปฐมนิเทศ/ การฝึกอบรม
ระหว่างประจาการได้อย่างไร?
15-Aug-14
19
3. ทาไมจึงเกิดมีระบบ/ กระบวนการใดที่อยู่เบื้องหลัง
b.การบริหารสารสนเทศ • มีข้อมูลข่าวสารที่พร้อมใช้ในระดับใด
ถูกต้องสมบูรณ์ชัดเจน หรือไม่
• การสื่อสารระหว่างผู้เกี่ยวข้องอยู่ใน
ระดับใด
c. การบริหาร
สิ่งแวดล้อม
• สิ่งแวดล้อมทางกายภาพเหมาะสม
สาหรับกระบวนการที่กระทาเพียงใด
• มีการวางแผนและทดสอบเพื่อ
ตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉินและความ
ล้มเหลวต่อระบบอย่างไร?
15-Aug-14
20
3. ทาไมจึงเกิดมีระบบ/ กระบวนการใดที่อยู่เบื้องหลัง
d. การนา/วัฒนธรรม
องค์กร
• วัฒนธรรมองค์กรเอื้อต่อการค้นหาและ
ลดความเสี่ยงเพียงใด
e. การส่งเสริมการ
สื่อสาร
• อุปสรรคต่อการสื่อสารปัจจัยเสี่ยงคือ
อะไร?
f. การสื่อสารสิ่งสาคัญ • มีการให้ความสาคัญกับการสื่อสารเพื่อ
ป้ องกันเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เพียงใด
อย่างไร
g. ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ จะทาอะไรเพื่อป้ องกันผลของปัจจัยที่
ควบคุมไม่ได้
15-Aug-14
21
คัดเลือกหา ROOT CAUSE
 ทีมต้องพิจารณาตัดทอนให้เหลือสาเหตุที่เป็น root
cause จริงๆ โดยการตั้งคาถามดังนี้
– ถ้าเราแก้ไขสาเหตุนี้แล้ว จะเกิดปัญหาซ้าขึ้นอีกได้
หรือไม่
– ถ้าปัจจัยนี้เป็น root cause จริง จะอธิบายสิ่ง
ที่เกิดขึ้นได้อย่างไร
15-Aug-14
22
สาเหตุในที่นี้หมายถึง
 การแสดงความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆ ซึ่งมีโอกาสส่งผล
ให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ได้
 ไม่ได้จบที่คาตอบว่า “ปัจจัย ก.ทาให้เกิดปัจจัย ข.”
 แต่จะต้องชี้ให้เห็นด้วยว่า “การเปลี่ยนปัจจัย ก. จะลดโอกาสที่
จะเกิดเหตุการณ์ ข. หรือป้ องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ ข. ขึ้น
ตั้งแต่แรกการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆซึ่งมี
โอกาสส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ได้ไม่ได้จบที่
คาตอบว่า “ปัจจัย ก.ทาให้เกิดปัจจัย ข.”
15-Aug-14
23
อะไร คือ ปัญหา-ปัจจัย ก.-ปัจจัย ข.
“ผู้ป่ วยเสียชีวิตระหว่างผ่าตัด เนื่องจาก
กระแสไฟฟ้ าดับทั้งโรงพยาบาลระหว่างเกิดพายุ
ผู้ป่ วยเสียชีวิต?ระหว่างผ่าตัด
กระแสไฟฟ้ าดับ
การเตรียมการและการ
ตอบสนอง
เมื่อเกิดปัญหาฉุกเฉิน
ของโรงพยาบาล”
15-Aug-14
24
ประเภทของสาเหตุ
มี 2 สาเหตุหลัก
สาเหตุพิเศษ (special cause)
“กระแสไฟฟ้ าดับ”
สาเหตุร่วมของระบบ (common cause)
“การเตรียมการและการตอบสนอง เมื่อเกิดปัญหาฉุกเฉินของ
โรงพยาบาล”
“ผู้ป่ วยเสียชีวิตระหว่างผ่าตัด เนื่องจากกระแสไฟฟ้ าดับทั้งโรงพยาบาล
ระหว่างเกิดพายุ”
15-Aug-14
25
เมื่อพิจารณาห่วงโซ่ของสาเหตุ
 สาเหตุเบื้องต้นจะเป็นสาเหตุที่อยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุที่สุด
แต่สาเหตุรากจะเป็นสาเหตุเชิงระบบที่อยู่ไกลจากจากจุดเกิด
เหตุ
- ยาเสื่อมสภาพ -การติดฉลากผิด -การระบุตัวผู้ป่ วยผิดคน
- ปัญหาการสื่อสาร -การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ -การประเมิน
ความสามารถ
15-Aug-14
26
จะทา RCA เมื่อไร
 ทาได้ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ
 เชิงรับ คือ การวิเคราะห์หารากเหง้าของปัญหา (Root
cause analysis, RCA) เพื่อการพัฒนา
ปรับปรุงระบบที่เกี่ยวข้อง
 เชิงรุก คือ การวิเคราะห์เพื่อตรวจสอบระบบ (Failure
mode and effect analysis,
FMEA)
15-Aug-14
27
15-Aug-14
28
ประโยชน์ของการทา RCA
 ช่วยให้มองเห็น
- จุดเสี่ยงหรือจุดอ่อนในการกระบวนการ
- สาเหตุที่อยู่เบื้องหลัง
- แนวทางแก้ไขปรับปรุง (Action Plan)
 ช่วยลดโอกาสเกิดความเสี่ยงลงอย่างชัดเจน
15-Aug-14
29
ลักษณะที่ดีของ RCA & ACTION PLAN
 มุ่งเน้นที่ระบบและกระบวนการ ไม่ใช่การทางานของแต่ละบุคคล
คุณสมบัติ
• คุณวุฒิ
• รู้พันธกิจ
• รู้หน้าที่
• รู้กระบวนการ
• รู้วิธีทางาน
• รู้นโยบาย
จานวน/ คุณลักษณะผู้รับบริการ
• จานวนผู้ปฏิบัติงาน
• การปฐมนิเทศและการฝึกอบรม
• การประเมินความรู้ความสามารถ
• การกากับดูแล
• การสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่
• การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่จาเป็น
• การสนับสนุนทางเทคโนโลยีที่เพียงพอ
• การบารุงรักษาและการบริหารเครื่องมือ
• สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ
• ระบบและกระบวนการรักษาความปลอดภัย
• การควบคุมการเก็บยาและการเข้าถึง
• การบริหารจัดการการใช้ยา
15-Aug-14
30
ลักษณะที่ดีของ RCA & ACTION PLAN
 เริ่มจากสาเหตุพิเศษในกระบวนการ(ทางคลินิก) ไปสู่สาเหตุร่วมของระบบใน
องค์กร
 เจาะลึกด้วยคาถามทาไม ซ้าแล้ว ซ้าอีก
 ค้นหาการเปลี่ยนแปลงระบบและกระบวนการที่เป็นไปได้ โดยปรับระบบงานหรือ
ออกแบบใหม่
Why ?
กบร้อง ท้องปวด ข้าวดิบ ไฟดับ ฟื นเปียก ฝนตก
How ?
15-Aug-14
31
ลักษณะที่ดีของ RCA & ACTION PLAN
 วิเคราะห์อย่างถ้วนทั่ว
- พิจารณาปัจจัยด้านคน (human factor) และปัจจัยอื่นๆ รวมทั้ง
กระบวนการและระบบที่เกี่ยวข้อง
- วิเคราะห์ระบบและกระบวนการด้วยการถาม “ทาไม” เป็นชุดๆ เพื่อดูว่าจะปรับ
แบบ ระบบงานที่จุดใด
- ใช้ minimum scope of RCA เป็นแนวทางสาหรับการ
วิเคราะห์เหตุการณ์ที่ระบุไว้
- ระบุจุดเสี่ยงและผลที่อาจเกิดขึ้น
- พิจารณาโอกาสที่จะปรับปรุงกระบวนการหรือระบบเพื่อลดความเสี่ยงในอนาคต
15-Aug-14
32
ลักษณะที่ดีของ RCA & ACTION PLAN
 เป็นที่น่าเชื่อถือ
- ให้ผู้นาองค์กรและผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการ/ระบบมีส่วนร่วมในการ
ทบทวน
- ไม่มีความขัดแย้งในผลการวิเคราะห์และไม่ทิ้งคาถามค้างไว้โดยไม่มีคาตอบ
- ให้เหตุผล หากมีข้อสรุปว่าไม่มีโอกาสลดความเสี่ยงลงได้สาหรับ
กระบวนการ/ ระบบ ที่เห็นว่าเกี่ยวข้อง
- อ้างอิงวารสารวิชาการที่เกี่ยวข้อง
ผลการวิเคราะห์จะต้องชัดเจนถูกต้อง จาเพาะ สอดคล้องสมบูรณ์ เป็นระบบ
ลึก กว้าง (มีผลต่อการออกแบบ/ปรับระบบ)
15-Aug-14
33
ROOT CAUSE ANALYSIS STEPS
15-Aug-14
34
จัดตั้งทีมที่ดี
ผู้ที่เกี่ยวข้องใกล้ชิด และมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นเป็นอย่างดี
ผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลง (ผู้มีส่วนได้ส่วน
เสีย)
ผู้ที่มีส่วนสาคัญต่อความสาเร็จในการเปลี่ยนแปลง
ผู้ที่มีทักษะในการวิเคราะห์
15-Aug-14
35
ศึกษาปัญหา
ข้อมูลที่ทีมควรเก็บรวบรวมซึ่งควรกระทาโดยเร็วเพื่อป้ องกัน
การหลงลืม ได้แก่
สัมภาษณ์ผู้ใกล้ชิดเหตุการณ์ และผู้เกี่ยวข้อง
(Cognitive interview)
หลักฐานทางกายภาพ
หลักฐานทางเอกสาร
15-Aug-14
36
หาสาเหตุเบื้องต้น
(ACTIVE FAILURE OR UNSAFE ACT)
15-Aug-14
37
15-Aug-14
38
แนวทางการทา RCA
ใครบ้างควรเข้าร่วมอยู่ในทีม RCA
ควรกาหนดโจทย์ให้มีใจความสั้นแต่สมบูรณ์ว่าอย่างไร
จะมีแนวทางอย่างไรในการหาคาตอบว่าเหตุการณ์จริงๆ
เกิดขึ้นอย่างไร (What happened?)
สาเหตุเบื้องต้น มีอะไรบ้าง ถามคาถาม Why
จากสาเหตุเบื้องต้นดังกล่าว อะไร คือ สาเหตุที่อยู่เบื้องหลัง
อะไร คือ Root cause ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
15-Aug-14
39
15-Aug-14
40
กรณีศึกษาที่ 1
ตู้ทาน้าเย็นร.พ.ช็อต ด.ช. 5 ขวบดับสยอง พ่อพาแม่มารักษาที่ ร.พ.
โดยนาลูกชาย 2 คนมาด้วย จากนั้นปล่อยวิ่งเล่นตามประสาเด็ก ต่อมา
เด็กเคราะห์ร้าย เหนื่อย เลยไปกดน้าเย็นมาดื่มแล้วก็ถูกไฟดูดจนหมด
สติล้มลง ต่อหน้าต่อตาพี่ชาย ซึ่งพี่ชายก็ร้องเรียกขอความช่วยเหลือ
แม้เจ้าหน้าที่ร.พ. จะรีบนาส่งแพทย์ เพื่อช่วยชีวิตแต่ไม่สาเร็จ
ภายหลังเกิดเหตุ ร.พ. ระบุว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่แสดงความรับผิดชอบ
ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยแสดงความเสียใจต่อครอบครัวเด็กที่
เสียชีวิตและพร้อมรับผิดชอบตามที่พ่อแม่เด็กจะเห็นสมควร
15-Aug-14
41
กรณีศึกษาที่ 2
 วันที่ ... เวลา 14.00 น. พยาบาลได้นายา (ที่ได้รับจากห้องยา)
Ceftriaxone 2 mg in NSS 50 ml iv
drip in 1 hr ไปให้ตามคาสั่งการรักษาของแพทย์ ให้ไป
ประมาณ 25 cc พยาบาลผู้รับยาจากห้องยา ซึ่งตรวจใบเสร็จยาอีกใบ
หนึ่งของผู้ป่ วย พบว่ามีใบเตือนประวัติแพ้ยา Ceftriaxone
จึงได้รีบหยุดยา และรายงานแพทย์ อ.เจ้าของไข้รับทราบ พร้อมตรวจ
เยี่ยมอาการผู้ป่ วย ซึ่งยังไม่พบอาการผิดปกติหรือผื่นแดงตามตัว
ตรวจพบเบื้องต้น พบว่าผู้ป่ วยมี Wrist Band ที่ข้อมูลซึ่งเป็น
สัญลักษณ์ว่า “แพ้ยา”
15-Aug-14
42
กรณีศึกษาที่ 3
 ผู้ป่ วยชายไทยอายุ 66 ปี โรค LGIB and colitis and
bipolar disorder ผู้ป่ วยของอาจารย์ ...A....รับไว้ในหอผู้ป่ วย
ตั้งแต่ 29 กันยายน 2550 เตรียมจะตรวจส่องกล้องลาไส้
 วันที่ 3 ตุลาคม 2550 ขณะผู้ป่ วยอยู่โรงพยาบาลไม่มีอาการผิดปกติใดๆ วันนี้เวลา
06.05 น. ผู้ป่ วยลุกพรวดพราดผลักหน้าต่าง และปีนออกไปที่ระเบียงหน้าตึก
พยาบาล ลูกน้องเวรดึกเข้าไปพยายามช่วยเพื่อนาตัวคนไข้เข้ามาโดยจับเสื้อผู้ป่ วย
ได้ แต่ผู้ป่ วยปัดมือขัดขืนและพยาบาลหัวหน้าเวรพยายามเรียกผู้ป่ วยเข้ามา แต่
ผู้ป่ วยไม่รับรู้และเดินไปขอบระเบียงทรุดตัวลงนั่งและปล่อยตัวลงจากระเบียง
 รีบโทรศัพท์รายงาน Code J และผู้อานวยการโรงพยาบาลนอกเวลานาผู้ป่ วย
ไปตึกอุบัติเหตุเวลา 06.40 น.
15-Aug-14
43
คาถาม
ท่านจะใช้ประโยชน์จากบทเรียนครั้งนี้อย่างไร ถ้าเกิดเหตุการณ์ขึ้นใน
โรงพยาบาล
ท่านมีวิธีจัดการกับเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างไร ทั้งการจัดการหน้างาน การ
วิเคราะห์หาสาเหตุอย่างเป็นระบบและการป้ องกันการเกิดซ้า
1. เกิดอะไร
2. ทาไมจึงเกิด
3. ทาอย่างไรจึงป้ องกันการเกิดซ้า
15-Aug-14
44
15-Aug-14
45
15-Aug-14
46

Ppt. root cause analysis (1)

  • 1.
  • 2.
    จุดเน้นในการพัฒนาทางคลินิก  อะไรคือโรคที่สาคัญ (เสี่ยงสูง,พบบ่อย, ผลลัพธ์ไม่ดี, ต้องประสานกัน, ยืดเยื้อ)  อะไรคือประเด็นสาคัญในโรคดังกล่าว  จะปรับปรุงการดูแลโรคดังกล่าวได้อย่างไร  ใช้การทบทวนหาสาเหตุ/ นาเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์มาวิเคราะห์ (Adverse Event / Root Cause Analysis) ใช้แนวคิดองค์รวม/มุมมองของทีมสหสาขาวิชาชีพเข้ามามอง ใช้ความรู้วิชาการเข้ามาเทียบ (Gap Analysis) ใช้เครื่องชี้วัดเข้ามาวัด (Indicator Monitoring) 15-Aug-14 2
  • 3.
     80% ของMedical error  ไม่ใช่ความผิดพลาดที่เกิดเฉพาะตัว ( Human error )  แต่เป็นจากสภาพแวดล้อม หรือ ระบบ  ที่ทาให้คนทางานผิดพลาด ( System failure ) ความผิดพลัง้เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ไม่อาจ หลีกเลี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสิ่งแวดล้อมที่มีความ ซับซ้อน เช่น บริการสุขภาพ ผู้ป่ วยจานวนมากต้องเสียชีวิตในแต่ละปี และมีอีกจานวนมากที่ได้รับอันตราย จากความผิดพลัง้ที่สามารถป้ องกันได้ 15-Aug-14 3
  • 4.
  • 5.
    ROOT CAUSE ANALYSIS เป็นการค้นหาปัจจัยที่เป็นรากของปัญหาหรือสาเหตุ พื้นฐานของความแปรปรวนในการปฏิบัติงาน รวมถึง สาเหตุของการเกิดอุบัติการณ์หรือเหตุการณ์ไม่พึง ประสงค์ที่รุนแรง โดยมุ่งเน้นที่ระบบ/กระบวนการเพื่อหาโอกาสที่จะปรับปรุง ระบบ/ กระบวนการอันจะนาไปสู่การลดโอกาสที่จะเกิด เหตุการณ์ดังกล่าวซ้า 15-Aug-14 5
  • 6.
    แนวคิดพื้นฐานของ RCA  สาเหตุของความผิดพลั้งที่รุนแรงมี 2 ประการ คือ activeerror และ latent error Active error ได้แก่ การละเว้นไม่ทาตามข้อตกลง หรือทาในสิ่งที่ไม่ได้เป็นข้อตกลง Latent error ได้แก่ ความบกพร่องของระบบที่เอื้อให้ เกิดความผิดพลั้งขึ้น  การทา RCA ต้องการวิเคราะห์หา latent errors ที่เป็นสาเหตุของ sentinel event 15-Aug-14 6
  • 7.
    เทคนิคในการทา RCA  ตั้งโจทย์/ระบุปัญหาหรือ AE ให้ชัดเจน  ศึกษาปัญหา/ สถานการณ์ให้เร็ว  หาสาเหตุเบื้องต้น/ ใกล้ชิดกับเหตุการณ์ (proximal cause)  วิเคราะห์หาสาเหตุเบื้องหลัง  คัดเลือก root cause  ออกแบบและแก้ไขปัญหาเชิงระบบ 15-Aug-14 7
  • 8.
  • 9.
  • 10.
    RCA: 4 วิธี 15-Aug-14 10 1.Turning Point : เป็นการมองย้อนหลังตามขั้นตอนต่างๆ ของการ ทางานก่อนที่จะเกิดปัญหาหรืออุบัติการณ์ โดยเฉพาะการดูแลผู้ป่ วย จะทาให้เห็น ว่าตรงจุดใดที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่ วยหากมีการเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจ หรือการกระทาของผู้ให้บริการ > ใช้การเปลี่ยนแปลงที่ต้องการนี้เป็นจุดที่นาไปสู่จัด ENV , ทา ไม่ต้องตั้ง คาถามเพื่อค้นหา root cause ที่อาจนาไปสู่ความขัดแย้ง การเลือกใช้ > สถานการณ์ที่ไม่ซับซ้อน หรือเป็นจุดเริ่มต้น วิเคราะห์สถานการณ์ที่ซับซ้อน
  • 11.
    RCA: 4 วิธี 15-Aug-14 11 2.Cognitive Walkthrough : ย้อนรอยอดีตโดยผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยตรงกับเหตุการณ์ ประยุกต์มาจากเครื่องมือ Human Factors Engineering คือ เรียนรู้ปัจจัยที่เป็นข้อจากัดของคนเพื่อนามาสู่การ ออกแบบระบบ ที่จะทาให้ข้อจากัดเหล่านั้นไม่เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติงาน การเลือกใช้ > ต้องมีวัฒนธรรมคุณภาพ เปิดใจ ไว้วางใจ > ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงทาซ้าในสถานการณ์จาลอง และคิดออกมาดังๆ ว่าคิดอะไร ต้องการ อะไร รู้สึกอะไร ติดขัดอะไร > ทาให้รู้ข้อจากัดที่ตรงประเด็น เกิดนวตกรรมง่ายกว่าการนั่งอภิปราย > เชื่อมกับเทคนิค Turning Point คือ การย้อนรอยอดีตตรงจุดหรือขั้นตอนที่เห็นว่ามี โอกาสปรับเปลี่ยนการตัดสินใจหรือการกระทาได้
  • 12.
    HUMAN FACTORS ENGINEERING การออกแบบที่ไม่ดีเสียงที่ไม่เพียงพอ การรบกวนสมาธิ การสื่อสารที่ไม่ เข้าใจ และปัจจัยอื่นๆ อีกเป็นจานวนมาก ที่ทาให้เกิดความไร้ประสิทธิภาพ ขึ้นในชีวิตของเรา “human factors” ส่วนใหญ่มักจะไม่มีผลกระทบในระยะยาวทาให้ไม่ได้รับความสนใจ แต่ก็มี อีกจานวนหนึ่งที่ก่อให้เกิดผลตามมาอย่างใหญ่หลวง และอาจจะเกิดซ้าขึ้นอีก ได้หากปัจจัยที่เห็นสาเหตุไม่ได้รับการแก้ไข ดังนั้น human factors จึงไม่ใช่สิ่งที่ดีหรือไม่ดี มันเป็น องค์ประกอบอย่างหนึ่งในชีวิตของเรา Human Factors Engineering 15-Aug-14 12
  • 13.
    RCA: 4 วิธี 15-Aug-14 13 3.Conventional WHY: วิธีดั้งเดิม > แผนภูมิต้นไม้ ถาม “ทาไม”ซ้า หลายๆ ครั้ง จนเห็นคาตอบที่พอใจและนาไปแก้ปัญหาได้ 3. Conventional WHY: วิธีดั้งเดิม > แผนภูมิต้นไม้ ถาม “ทาไม”ซ้า หลายๆ ครั้ง จนเห็นคาตอบที่พอใจและนาไปแก้ปัญหาได้ การเลือกใช้ > เชื่อมกับเทคนิค Cognitive Walkthrough คือ การ นาข้อมูลจากการย้อนรอยอดีตมาวิเคราะห์ต่อว่าทาไมจึงเกิดเหตุการณ์ เช่นนั้น
  • 14.
    RCA: 4 วิธี 15-Aug-14 14 4.Comprehensive Scan : การใช้หัวข้อที่ครอบคลุมกว้างๆ ได้แก่ ผู้ป่ วยผู้ให้บริการ ระบบงาน สิ่งแวดล้อม องค์กร รอบด้านมาตรวจสอบว่า เหตุการณ์นั้นไปเกี่ยวพันกับปัจจัยในหัวข้อดังกล่าวหรือไม่ เป็นวิธีที่ซับซ้อนที่สุด เป็นตาข่ายที่มีช่องถี่ที่สุด ใช้เวลามากที่สุด > case ที่ซับซ้อน สรุป 1. ไม่ว่าจะเลือกใช้วิธีใด จุดเริ่มต้น คือการเข้าไปในสถานการณ์และเก็บข้อมูลต่างๆ มาให้ได้มากที่สุด 2. จุดตัดสินใจเลือกปัจจัยที่เป็น root cause คือ การถามว่าเมื่อนา root cause ดังกล่าวไปปฏิบัติแล้ว ปัญหาจะลดลงหรือหมด ไปหรือไม่ ถ้าเรายังไม่มั่นใจว่าปัญหาจะลดลง ก็แสดงว่านั่นยังไม่ใช่ root cause ที่น่าจะนาไป ปฏิบัติ
  • 15.
  • 16.
    1. เกิดอะไรขึ้น WHATHAPPENED? อุบัติการณ์ ร้ายแรง • รายละเอียดของเหตุการณ์ ย่อยๆ • เกิดเมื่อไร (วัน/เวลา) • มีผลกระทบต่อบริการ/ หน่วยงานใดบ้าง 15-Aug-14 16
  • 17.
    2. WHY DIDIT HAPPEN? (อะไรเป็นปัจจัยใกล้ชิดที่สุด) กระบวนการหรือ กิจกรรมที่เกิด • ขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ ออกแบบไว้เป็นอย่างไร • ขั้นตอนใดที่เกี่ยวข้องหรือมี ผลต่อการเกิดเหตุ a. คน • มีปัจจัยเกี่ยวกับคนอะไรบ้าง ที่เกี่ยวข้อง b. เครื่องมือ • การทางานของเครื่องมือมีผล ต่อผลลัพธ์อย่างไร? 15-Aug-14 17
  • 18.
    2. WHY DIDIT HAPPEN? c. สิ่งแวดล้อม • มีปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่อ ผลลัพธ์ d. ปัจจัยภายนอกที่ ควบคุมไม่ได้ • ปัจจัยอะไรอยู่นอกเหนือการ ควบคุมของ • องค์กรจริงหรือไม่? e. อื่นๆ • ปัจจัยอื่นใดอีกที่มีผล •บริการ/หน่วยงานอื่นที่ได้รับ ผลกระทบ 15-Aug-14 18
  • 19.
    3. ทาไมจึงเกิดมีระบบ/ กระบวนการใดที่อยู่เบื้องหลัง a.ทรัพยากรมนุษย์ • เจ้าหน้าที่มีคุณสมบัติและความสามารถ เหมาะสมกับความรับผิดชอบเพียงใด • ระดับอัตรากาลังเป็นอย่างไร เทียบกับ อัตรากาลังที่ควรจะเป็น • มีแผนอย่างไรในการจัดการกับ สถานการณ์ซึ่งระดับอัตรากาลังต่ากว่าที่ควร • ผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าใน กระบวนการที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างไร? •ปรับปรุงการปฐมนิเทศ/ การฝึกอบรม ระหว่างประจาการได้อย่างไร? 15-Aug-14 19
  • 20.
    3. ทาไมจึงเกิดมีระบบ/ กระบวนการใดที่อยู่เบื้องหลัง b.การบริหารสารสนเทศ• มีข้อมูลข่าวสารที่พร้อมใช้ในระดับใด ถูกต้องสมบูรณ์ชัดเจน หรือไม่ • การสื่อสารระหว่างผู้เกี่ยวข้องอยู่ใน ระดับใด c. การบริหาร สิ่งแวดล้อม • สิ่งแวดล้อมทางกายภาพเหมาะสม สาหรับกระบวนการที่กระทาเพียงใด • มีการวางแผนและทดสอบเพื่อ ตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉินและความ ล้มเหลวต่อระบบอย่างไร? 15-Aug-14 20
  • 21.
    3. ทาไมจึงเกิดมีระบบ/ กระบวนการใดที่อยู่เบื้องหลัง d.การนา/วัฒนธรรม องค์กร • วัฒนธรรมองค์กรเอื้อต่อการค้นหาและ ลดความเสี่ยงเพียงใด e. การส่งเสริมการ สื่อสาร • อุปสรรคต่อการสื่อสารปัจจัยเสี่ยงคือ อะไร? f. การสื่อสารสิ่งสาคัญ • มีการให้ความสาคัญกับการสื่อสารเพื่อ ป้ องกันเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เพียงใด อย่างไร g. ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ จะทาอะไรเพื่อป้ องกันผลของปัจจัยที่ ควบคุมไม่ได้ 15-Aug-14 21
  • 22.
    คัดเลือกหา ROOT CAUSE ทีมต้องพิจารณาตัดทอนให้เหลือสาเหตุที่เป็น root cause จริงๆ โดยการตั้งคาถามดังนี้ – ถ้าเราแก้ไขสาเหตุนี้แล้ว จะเกิดปัญหาซ้าขึ้นอีกได้ หรือไม่ – ถ้าปัจจัยนี้เป็น root cause จริง จะอธิบายสิ่ง ที่เกิดขึ้นได้อย่างไร 15-Aug-14 22
  • 23.
    สาเหตุในที่นี้หมายถึง  การแสดงความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆ ซึ่งมีโอกาสส่งผล ให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ได้ ไม่ได้จบที่คาตอบว่า “ปัจจัย ก.ทาให้เกิดปัจจัย ข.”  แต่จะต้องชี้ให้เห็นด้วยว่า “การเปลี่ยนปัจจัย ก. จะลดโอกาสที่ จะเกิดเหตุการณ์ ข. หรือป้ องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ ข. ขึ้น ตั้งแต่แรกการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆซึ่งมี โอกาสส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ได้ไม่ได้จบที่ คาตอบว่า “ปัจจัย ก.ทาให้เกิดปัจจัย ข.” 15-Aug-14 23
  • 24.
    อะไร คือ ปัญหา-ปัจจัยก.-ปัจจัย ข. “ผู้ป่ วยเสียชีวิตระหว่างผ่าตัด เนื่องจาก กระแสไฟฟ้ าดับทั้งโรงพยาบาลระหว่างเกิดพายุ ผู้ป่ วยเสียชีวิต?ระหว่างผ่าตัด กระแสไฟฟ้ าดับ การเตรียมการและการ ตอบสนอง เมื่อเกิดปัญหาฉุกเฉิน ของโรงพยาบาล” 15-Aug-14 24
  • 25.
    ประเภทของสาเหตุ มี 2 สาเหตุหลัก สาเหตุพิเศษ(special cause) “กระแสไฟฟ้ าดับ” สาเหตุร่วมของระบบ (common cause) “การเตรียมการและการตอบสนอง เมื่อเกิดปัญหาฉุกเฉินของ โรงพยาบาล” “ผู้ป่ วยเสียชีวิตระหว่างผ่าตัด เนื่องจากกระแสไฟฟ้ าดับทั้งโรงพยาบาล ระหว่างเกิดพายุ” 15-Aug-14 25
  • 26.
  • 27.
    จะทา RCA เมื่อไร ทาได้ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ  เชิงรับ คือ การวิเคราะห์หารากเหง้าของปัญหา (Root cause analysis, RCA) เพื่อการพัฒนา ปรับปรุงระบบที่เกี่ยวข้อง  เชิงรุก คือ การวิเคราะห์เพื่อตรวจสอบระบบ (Failure mode and effect analysis, FMEA) 15-Aug-14 27
  • 28.
  • 29.
    ประโยชน์ของการทา RCA  ช่วยให้มองเห็น -จุดเสี่ยงหรือจุดอ่อนในการกระบวนการ - สาเหตุที่อยู่เบื้องหลัง - แนวทางแก้ไขปรับปรุง (Action Plan)  ช่วยลดโอกาสเกิดความเสี่ยงลงอย่างชัดเจน 15-Aug-14 29
  • 30.
    ลักษณะที่ดีของ RCA &ACTION PLAN  มุ่งเน้นที่ระบบและกระบวนการ ไม่ใช่การทางานของแต่ละบุคคล คุณสมบัติ • คุณวุฒิ • รู้พันธกิจ • รู้หน้าที่ • รู้กระบวนการ • รู้วิธีทางาน • รู้นโยบาย จานวน/ คุณลักษณะผู้รับบริการ • จานวนผู้ปฏิบัติงาน • การปฐมนิเทศและการฝึกอบรม • การประเมินความรู้ความสามารถ • การกากับดูแล • การสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่ • การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่จาเป็น • การสนับสนุนทางเทคโนโลยีที่เพียงพอ • การบารุงรักษาและการบริหารเครื่องมือ • สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ • ระบบและกระบวนการรักษาความปลอดภัย • การควบคุมการเก็บยาและการเข้าถึง • การบริหารจัดการการใช้ยา 15-Aug-14 30
  • 31.
    ลักษณะที่ดีของ RCA &ACTION PLAN  เริ่มจากสาเหตุพิเศษในกระบวนการ(ทางคลินิก) ไปสู่สาเหตุร่วมของระบบใน องค์กร  เจาะลึกด้วยคาถามทาไม ซ้าแล้ว ซ้าอีก  ค้นหาการเปลี่ยนแปลงระบบและกระบวนการที่เป็นไปได้ โดยปรับระบบงานหรือ ออกแบบใหม่ Why ? กบร้อง ท้องปวด ข้าวดิบ ไฟดับ ฟื นเปียก ฝนตก How ? 15-Aug-14 31
  • 32.
    ลักษณะที่ดีของ RCA &ACTION PLAN  วิเคราะห์อย่างถ้วนทั่ว - พิจารณาปัจจัยด้านคน (human factor) และปัจจัยอื่นๆ รวมทั้ง กระบวนการและระบบที่เกี่ยวข้อง - วิเคราะห์ระบบและกระบวนการด้วยการถาม “ทาไม” เป็นชุดๆ เพื่อดูว่าจะปรับ แบบ ระบบงานที่จุดใด - ใช้ minimum scope of RCA เป็นแนวทางสาหรับการ วิเคราะห์เหตุการณ์ที่ระบุไว้ - ระบุจุดเสี่ยงและผลที่อาจเกิดขึ้น - พิจารณาโอกาสที่จะปรับปรุงกระบวนการหรือระบบเพื่อลดความเสี่ยงในอนาคต 15-Aug-14 32
  • 33.
    ลักษณะที่ดีของ RCA &ACTION PLAN  เป็นที่น่าเชื่อถือ - ให้ผู้นาองค์กรและผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการ/ระบบมีส่วนร่วมในการ ทบทวน - ไม่มีความขัดแย้งในผลการวิเคราะห์และไม่ทิ้งคาถามค้างไว้โดยไม่มีคาตอบ - ให้เหตุผล หากมีข้อสรุปว่าไม่มีโอกาสลดความเสี่ยงลงได้สาหรับ กระบวนการ/ ระบบ ที่เห็นว่าเกี่ยวข้อง - อ้างอิงวารสารวิชาการที่เกี่ยวข้อง ผลการวิเคราะห์จะต้องชัดเจนถูกต้อง จาเพาะ สอดคล้องสมบูรณ์ เป็นระบบ ลึก กว้าง (มีผลต่อการออกแบบ/ปรับระบบ) 15-Aug-14 33
  • 34.
    ROOT CAUSE ANALYSISSTEPS 15-Aug-14 34
  • 35.
  • 36.
  • 37.
  • 38.
  • 39.
    แนวทางการทา RCA ใครบ้างควรเข้าร่วมอยู่ในทีม RCA ควรกาหนดโจทย์ให้มีใจความสั้นแต่สมบูรณ์ว่าอย่างไร จะมีแนวทางอย่างไรในการหาคาตอบว่าเหตุการณ์จริงๆ เกิดขึ้นอย่างไร(What happened?) สาเหตุเบื้องต้น มีอะไรบ้าง ถามคาถาม Why จากสาเหตุเบื้องต้นดังกล่าว อะไร คือ สาเหตุที่อยู่เบื้องหลัง อะไร คือ Root cause ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 15-Aug-14 39
  • 40.
  • 41.
    กรณีศึกษาที่ 1 ตู้ทาน้าเย็นร.พ.ช็อต ด.ช.5 ขวบดับสยอง พ่อพาแม่มารักษาที่ ร.พ. โดยนาลูกชาย 2 คนมาด้วย จากนั้นปล่อยวิ่งเล่นตามประสาเด็ก ต่อมา เด็กเคราะห์ร้าย เหนื่อย เลยไปกดน้าเย็นมาดื่มแล้วก็ถูกไฟดูดจนหมด สติล้มลง ต่อหน้าต่อตาพี่ชาย ซึ่งพี่ชายก็ร้องเรียกขอความช่วยเหลือ แม้เจ้าหน้าที่ร.พ. จะรีบนาส่งแพทย์ เพื่อช่วยชีวิตแต่ไม่สาเร็จ ภายหลังเกิดเหตุ ร.พ. ระบุว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่แสดงความรับผิดชอบ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยแสดงความเสียใจต่อครอบครัวเด็กที่ เสียชีวิตและพร้อมรับผิดชอบตามที่พ่อแม่เด็กจะเห็นสมควร 15-Aug-14 41
  • 42.
    กรณีศึกษาที่ 2  วันที่... เวลา 14.00 น. พยาบาลได้นายา (ที่ได้รับจากห้องยา) Ceftriaxone 2 mg in NSS 50 ml iv drip in 1 hr ไปให้ตามคาสั่งการรักษาของแพทย์ ให้ไป ประมาณ 25 cc พยาบาลผู้รับยาจากห้องยา ซึ่งตรวจใบเสร็จยาอีกใบ หนึ่งของผู้ป่ วย พบว่ามีใบเตือนประวัติแพ้ยา Ceftriaxone จึงได้รีบหยุดยา และรายงานแพทย์ อ.เจ้าของไข้รับทราบ พร้อมตรวจ เยี่ยมอาการผู้ป่ วย ซึ่งยังไม่พบอาการผิดปกติหรือผื่นแดงตามตัว ตรวจพบเบื้องต้น พบว่าผู้ป่ วยมี Wrist Band ที่ข้อมูลซึ่งเป็น สัญลักษณ์ว่า “แพ้ยา” 15-Aug-14 42
  • 43.
    กรณีศึกษาที่ 3  ผู้ป่วยชายไทยอายุ 66 ปี โรค LGIB and colitis and bipolar disorder ผู้ป่ วยของอาจารย์ ...A....รับไว้ในหอผู้ป่ วย ตั้งแต่ 29 กันยายน 2550 เตรียมจะตรวจส่องกล้องลาไส้  วันที่ 3 ตุลาคม 2550 ขณะผู้ป่ วยอยู่โรงพยาบาลไม่มีอาการผิดปกติใดๆ วันนี้เวลา 06.05 น. ผู้ป่ วยลุกพรวดพราดผลักหน้าต่าง และปีนออกไปที่ระเบียงหน้าตึก พยาบาล ลูกน้องเวรดึกเข้าไปพยายามช่วยเพื่อนาตัวคนไข้เข้ามาโดยจับเสื้อผู้ป่ วย ได้ แต่ผู้ป่ วยปัดมือขัดขืนและพยาบาลหัวหน้าเวรพยายามเรียกผู้ป่ วยเข้ามา แต่ ผู้ป่ วยไม่รับรู้และเดินไปขอบระเบียงทรุดตัวลงนั่งและปล่อยตัวลงจากระเบียง  รีบโทรศัพท์รายงาน Code J และผู้อานวยการโรงพยาบาลนอกเวลานาผู้ป่ วย ไปตึกอุบัติเหตุเวลา 06.40 น. 15-Aug-14 43
  • 44.
    คาถาม ท่านจะใช้ประโยชน์จากบทเรียนครั้งนี้อย่างไร ถ้าเกิดเหตุการณ์ขึ้นใน โรงพยาบาล ท่านมีวิธีจัดการกับเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างไร ทั้งการจัดการหน้างานการ วิเคราะห์หาสาเหตุอย่างเป็นระบบและการป้ องกันการเกิดซ้า 1. เกิดอะไร 2. ทาไมจึงเกิด 3. ทาอย่างไรจึงป้ องกันการเกิดซ้า 15-Aug-14 44
  • 45.
  • 46.