More Related Content
Similar to ๕๘. ปฐมสูจิวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]).docx (20)
More from maruay songtanin (20)
๕๘. ปฐมสูจิวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]).docx
- 1. 1
ปฐมสูจิวิมาน
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา
๘. ปฐมสูจิวิมาน
ว่าด้วยวิมานที่เกิดขึ้นแก่บุรุษผู้ถวายเข็ม เรื่องที่ ๑
(พระมหาโมคคัลลานเถระถามเทพบุตรองค์หนึ่งว่า)
[๙๔๔] วิมานมีเสาทาด้วยแก้วมณีนี้สูงมาก วัดโดยรอบได้ ๑๒ โยชน์
เป็นปราสาท ๗๐๐ ยอด ดูโอฬาร มีเสาประดิษฐ์ด้วยแก้วไพฑูรย์
มีพื้นปูลาดด้วยแผ่นทองคาสวยงาม
[๙๔๕] ท่านสถิต ดื่ม กิน อยู่ในวิมานนั้น
มีทวยเทพพากันบรรเลงพิณทิพย์ดังไพเราะ
ในวิมานของท่านนี้มีเบญจกามคุณอันเป็ นทิพรส
และเหล่าเทพนารีประดับด้วยอาภรณ์ทองคาฟ้ อนราอยู่
[๙๔๖] เพราะบุญอะไรท่านจึงมีผิวพรรณงามเช่นนี้
ผลอันพึงปรารถนาจึงสาเร็จแก่ท่านในวิมานนี้
และโภคะทั้งมวลล้วนน่าพอใจจึงเกิดขึ้นแก่ท่าน
[๙๔๗] เทวดาผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามว่า
เมื่อท่านเกิดเป็นมนุษย์ได้ทาบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไรท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรือง
และมีรัศมีกายสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้
[๙๔๘] เทพบุตรนั้นดีใจที่พระมหาโมคคัลลานเถระถาม
จึงตอบปัญหาผลกรรมไปตามที่พระเถระถามว่า
[๙๔๙] ทานที่ข้าพเจ้าถวายมา(ก่อน)นั้นไม่มีผล
ทานที่จะถวายควรเป็นของดี เข็มที่ข้าพเจ้าถวายไปแล้วนั้นแหละเป็นของดี
[๙๕๐] เพราะบุญนั้นข้าพเจ้าจึงมีผิวพรรณงามเช่นนี้
ผลอันพึงปรารถนาจึงสาเร็จแก่ข้าพเจ้าในวิมานนี้
และโภคะทั้งมวลล้วนน่าพอใจจึงเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้า
[๙๕๑] ข้าแต่ภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ข้าพเจ้าขอกราบเรียนว่า
เพราะบุญที่ได้ทาไว้สมัยเมื่อเกิดเป็นมนุษย์ ข้าพเจ้าจึงมีอานุภาพรุ่งเรือง
และมีรัศมีกายสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้
ปฐมสูจิวิมานที่ ๘ จบ
-----------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนี้ นามาจากบางส่วนของ
อรรถกถา ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ มหารถวรรคที่ ๕
๘. สูจิวิมานที่ ๑
อรรถกถาปฐมสูจิวิมาน
- 2. 2
ปฐมสูจิวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กรุงราชคฤห์.
สมัยนั้น ท่านพระสารีบุตรจะต้องทาจีวรและมีความต้องการเข็ม
ท่านจึงเที่ยวบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ ได้ยืนอยู่ที่ประตูเรือนของช่างทอง.
ช่างทองเห็นดังนั้น จึงกล่าวว่า ต้องการอะไร เจ้าข้า.
พระสารีบุตรตอบว่า มีจีวรกรรมที่ต้องทา ต้องการเข็ม.
ช่างทองมีใจเลื่อมใส ถวายเข็มสองเล่มที่ทาไว้เรียบร้อย กล่าวว่า
ท่านเจ้าข้า เมื่อต้องการเข็มอีก โปรดบอกกระผมเถิด
แล้วไหว้ด้วยเบญจางคประดิษฐ์.
พระเถระอนุโมทนาแก่เขาแล้วหลีกไป.
กาลต่อมา ช่างทองนั้นตายไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ครั้งนั้น ท่านพระมหาโมคคัลลานะเที่ยวเทวจาริกถามเทพบุตรนั้น
ด้วยคาถาเหล่านี้ว่า
วิมานเสาแก้วมณีนี้สูง ๑๒ โยชน์ โดยรอบมีห้องรโหฐาน ๗๐๐ ห้อง
โอฬารมีเสาแก้วไพฑูรย์ ลาดด้วยเครื่องลาดที่ชอบใจ สวยงาม
ท่านนั่งดื่มกินในวิมานนั้น มีพิณทิพย์บรรเลงไพเราะ มีเบญจกามคุณ
มีรสเป็นทิพย์ และเทพนารีแต่งองค์ด้วยอาภรณ์ทอง ฟ้ อนราอยู่ เพราะบุญอะไร
วรรณะของท่านจึงเป็ นเช่นนี้ เพราะบุญอะไร ผลอันนี้จึงสาเร็จแก่ท่าน
และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ท่าน.
ดูก่อนเทวะผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์
ท่านได้ทาบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้
และวรรณะ ของท่านจึงสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ.
เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว
จึงพยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า
ให้สิ่งใด สิ่งนั้นไม่มีผล พึงให้สิ่งใด สิ่งนั้นประเสริฐกว่า
[บุคคลให้สิ่งใด ผลสิ่งนั้นย่อมไม่มี แต่ย่อมมีผลดีกว่าสิ่งที่ตนให้]
ข้าพเจ้าถวายเข็ม เข็มนั่นแลประเสริฐกว่า เพราะบุญนั้น
วรรณะของข้าพเจ้าจึงเป็นเช่นนี้ และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ข้าพเจ้า.
ข้าแต่ภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ข้าพเจ้าขอบอกแก่ท่าน
ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ข้าพเจ้าได้ทาบุญใดไว้ เพราะบุญนั้น
ข้าพเจ้าจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของข้าพเจ้าจึงสว่างไปทั่วทุกทิศ.
จบอรรถกถาปฐมสูจิวิมาน
-----------------------------------------------------