More Related Content
Similar to ๑๗. เปสการิยวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]).docx (20)
More from maruay songtanin (20)
๑๗. เปสการิยวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]).docx
- 1. 1
เปสการิยวิมาน
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา
๑๗. เปสการิยวิมาน
ว่าด้วยวิมานที่เกิดขึ้นแก่ธิดาช่างหูก
(ท้าวสักกะตรัสถามเทพธิดาว่า)
[๑๕๐] วิมานนี้น่ารื่นรมย์ เสาทาด้วยแก้วไพฑูรย์
เปล่งแสงเรืองรองอยู่เป็นนิตย์ จัดไว้เป็ นสัดส่วนอย่างดี มีต้นไม้ทองขึ้นรอบด้าน
เป็นสถานที่เกิดมีเพราะผลกรรมของเรา
[๑๕๑] เทพอัปสรซึ่งมีอยู่ก่อนตั้งแสนเหล่านี้
เกิดในวิมานนั้นด้วยกรรมของตน เธอก็เกิดเองด้วยกรรมของตน มีบริวารยศ
เปล่งรัศมีข่มเหล่าเทพอัปสรผู้เกิดก่อนอยู่
[๑๕๒] เธอผู้ทรงบริวารยศ เปล่งรัศมีรุ่งเรืองข่มหมู่เทพอัปสรนี้อยู่
ประหนึ่งพระจันทร์ ผู้เป็ นราชาแห่งดาวนักษัตร
ส่องแสงสกาวข่มหมู่ดาวอยู่ฉะนั้นเทียว
[๑๕๓] แม่เทพธิดาผู้น่าชม มองแล้วไม่เบื่อ
เธอมาจากไหนหนอจึงอุบัติยังภพของเรานี้ เราทั้งมวลมองดูเธอไม่รู้จักอิ่ม
เหมือนทวยเทพชั้นไตรทศ (ดาวดึงส์)
รวมทั้งพระอินทร์มองดูพระพรหมไม่รู้จักอิ่ม
(เทพธิดาผู้อันท้าวสักกเทวราชตรัสถามอย่างนั้นแล้ว
เมื่อจะประกาศเนื้อความนั้นจึงกล่าวตอบเป็น ๒ คาถาว่า)
[๑๕๔] ข้าแต่ท้าวสักกะ ข้อที่พระองค์รับสั่งถามหม่อมฉันว่า
เธอจุติจากภพไหนจึงได้มาเกิดที่ภพของเรานี้ หม่อมฉันขอเฉลยว่า
เมื่อชาติก่อนหม่อมฉันเกิดเป็นธิดาของช่างหูก
อยู่ในกรุงพาราณสีซึ่งเป็ นราชธานีแคว้นกาสี
[๑๕๕] หม่อมฉันมีใจเลื่อมใสในพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์
เชื่อมั่นไม่หวั่นไหว หมดความสงสัย ได้รักษาสิกขาบท (ศีล) มิให้ขาด
บรรลุอริยผลมีความแน่นอนที่จะสาเร็จสัมโพธิในวันข้างหน้า (สัมโพธิ
ในที่นี้หมายถึง มรรค ๓ เบื้องสูง (สกทาคามิมรรค อนาคามิมรรค
และอรหัตตมรรค)) ไม่มีทุกข์
(เมื่อจะทรงชื่นชมบุญสมบัติและทิพยสมบัติของเทพธิดานั้น
ท้าวสักกเทวราชจึงตรัสคาถาครึ่ง ความว่า)
[๑๕๖] แม่เทพธิดาผู้มีใจเลื่อมใสในพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์
เชื่อมั่นไม่หวั่นไหว หมดความสงสัย รักษาสิกขาบทมิให้ขาด บรรลุอริยผล
มีความแน่นอนที่จะสาเร็จสัมโพธิในวันข้างหน้า ไม่มีทุกข์
- 2. 2
เราขอแสดงความชื่นชมต่อบุญสมบัติและทิพยสมบัติของเธอนั้น
และขอแสดงความยินดีต่อการมาดีของเธอ เธอก็รุ่งเรืองด้วยธรรมและบริวารยศ
เปสการิยวิมานที่ ๑๗ จบ
----------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนี้ นามาจากบางส่วนของ
อรรถกถา ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ ปิฐวรรคที่ ๑
๑๗. เปสการิยวิมาน
อรรถกถาเปสการิยวิมาน
เปสการิยวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ ป่าอิสิปตนมิคทายวัน กรุงพาราณสี.
สมัยนั้น เวลาเช้า ภิกษุเป็นอันมากนุ่งแล้ว
ถือบาตรจีวรเข้าไปบิณฑบาตยังกรุงพาราณสี.
ภิกษุเหล่านั้นเดินเข้าไปใกล้ประตูเรือนของพราหมณ์ผู้หนึ่ง.
ในเรือนหลังนั้น ธิดาของพราหมณ์
ชื่อเปสการี กาลังเก็บเหาจากศีรษะของมารดา ใกล้กับประตูเรือน
เห็นภิกษุเหล่านั้นกาลังเดินไป จึงพูดกะมารดาว่า แม่จ๋า
นักบวชเหล่านี้ยังหนุ่มแน่นอยู่ในปฐมวัย สะสวย น่าดูน่าชม ละเอียดอ่อน
ชะรอยจะสูญเสียอะไรบางอย่างไปกระมัง
เหตุไรหนอจึงพากันบวชในวัยนี้นะแม่นะ.
มารดาพูดกะธิดาว่า ลูกเอ๋ย
มีโอรสเจ้าศากยะออกผนวชจากราชตระกูลศากยะเกิดเป็ นพระพุทธเจ้าขึ้นในโลก
. พระองค์ทรงแสดงธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
ทรงประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ
บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง นักบวชเหล่านี้ฟังธรรมของพระองค์แล้วก็พากันออกบวช
จ้ะลูก.
สมัยนั้น อุบาสกผู้หนึ่งบรรลุผลรู้แจ่มแจ้งคาสั่งสอน
เดินไปตามถนนนั้น ได้ยินคากล่าวนั้นแล้วก็เข้าไปหาสตรีทั้งสองนั้น. ขณะนั้น
พราหมณ์จึงกล่าวกะอุบาสกผู้นั้นว่า ท่านอุบาสก
เดี๋ยวนี้กุลบุตรจานวนมากสละโภคสมบัติเป็นอันมาก สละเครือญาติใหญ่ๆ
พากันบวชในลัทธิสมัยของพระศากยเจ้า
กุลบุตรเหล่านั้นเห็นอานาจประโยชน์อะไรหนอจึงพากันบวช.
อุบาสกฟังคานั้นแล้วกล่าวว่า เห็นโทษในกามทั้งหลาย
เห็นอานิสงส์ในการออกบวช
แล้วจึงขยายความนั้นตามสมควรแก่กาลังความรู้ของตนโดยพิสดาร
พรรณนาคุณของพระรัตนตรัย ประกาศคุณานิสงส์ของศีล ๕ ทั้งปัจจุบัน
- 3. 3
ทั้งภายหน้า.
ลาดับนั้น ธิดาของพราหมณ์จึงถามอุบาสกนั้นว่า
แม้เราก็สามารถตั้งอยู่ในสรณะและศีล แล้วบรรลุคุณานิสงส์ที่ท่านกล่าวได้หรือ.
อุบาสกนั้นกล่าวว่า ธรรมเหล่านี้
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสทั่วไปแก่คนทุกคน เหตุไรจะไม่สามารถเล่า
แล้วได้ให้สรณะและศีลแก่นาง.
ธิดาพราหมณ์นั้นรับสรณะ สมาทานศีลแล้ว ถามอีกว่า
กิจที่ควรทายิ่งกว่านี้มีอีกไหม.
อุบาสกนั้นกาหนดว่านางเข้าใจ รู้ว่านางคงจักพรักพร้อมด้วยอุปนิสัย
เมื่อจะประกาศสภาวะของร่างกาย จึงบอกกรรมฐานคืออาการ ๓๒
ให้นางเกิดคลายความรักในกายสูงขึ้นไป
ก็ให้สลดใจด้วยธรรมกถาที่ประกอบด้วยไตรลักษณ์มีความไม่เที่ยงเป็นต้น
บอกทางวิปัสสนาให้แล้วก็ไป.
ธิดาของพราหมณ์นั้นสนใจทุกคาที่อุบาสกนั้นกล่าวนัยไว้แล้ว
มีจิตมั่นคงในการใส่ใจปฏิกูลสัญญา เริ่มตั้งวิปัสสนา
เพราะความพรักพร้อมแห่งอุปนิสัย ไม่นานนักก็ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล.
สมัยต่อมา นางก็ตายไปบังเกิดเป็นบริจาริกาของท้าวสักกเทวราช
มีบริวารถึงแสนหนึ่ง.
ท้าวสักกเทวราชเห็นนางแล้ว เกิดอัศจรรย์จิตมีหฤทัยบันเทิง
จึงตรัสถามถึงกรรมที่นางทาด้วย ๔ คาถาว่า
วิมานนี้น่ารัก มีรัศมีสว่างเป็นประจา มีเสาแก้วไพฑูรย์
เนรมิตไว้ดีแล้ว ต้นไม้ทองทั้งหลายปกคลุมโดยรอบ
เป็นสถานที่เกิดด้วยวิบากกรรมของเรา อัปสรที่มีอยู่ก่อนเหล่านี้
เกิดอยู่แล้วในที่นั้นจานวนแสนหนึ่ง ด้วยกรรมของตนเอง
ตัวเจ้าผู้มียศ ก็เกิดในที่นั้น ส่องรัศมีข่มเหล่าเทวดาเก่าๆ ดวงจันทร์
ราชาแห่งดวงดาว รุ่งโรจน์ข่มหมู่ดาวฉันใด
ตัวเจ้ารุ่งเรืองอยู่ด้วยยศก็รุ่งโรจน์ข่มอัปสรหมู่นี่ ฉันนั้นเหมือนกัน.
ดูก่อนเทพธิดาผู้มีพักตร์ชวนพิศ ตัวเจ้ามาจากไหน
จึงมาถึงภพนี้ของเรา พวกเราทุกองค์ไม่อิ่มด้วยการเห็นเจ้าเลย
เหมือนทรงเทพชั้นไตรทศพร้อมด้วยองค์อินทร์
ไม่อิ่มด้วยการเห็นองค์พระพรหมฉะนั้น.
ก็เทวดาองค์นั้นถูกท้าวสักกะจอมทวยเทพตรัสถามอย่างนี้แล้ว
เมื่อจะประกาศความนั้นจึงกล่าว ๒ คาถาว่า
ข้าแต่ท่านท้าวสักกะ
พระองค์ทรงพระกรุณาตรัสถามข้าพระบาทถึงปัญหาข้อนี้ได้ว่า
- 4. 4
เจ้าจุติจากที่ไหนจึงมา ณ ที่นี้ ข้าพระบาทขอทูลตอบปัญหาข้อนั้นว่า
ราชธานีของแคว้นกาสีมีอยู่ชื่อว่า พาราณสี ข้าพระบาทเกิดในราชธานีนั้น
มีชื่อว่า เปสการี เพคะ.
ข้าพระบาทมีใจเลื่อมใส มีความเชื่อมั่นส่วนเดียว
ไม่สงสัยในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ รักษาสิกขาบทไม่ขาดวิ่น
บรรลุผลแล้ว เป็นผู้แน่นอนในธรรม คือการตรัสรู้ ไม่มีโรคภัย.
ท้าวสักกะ เมื่อจะทรงอนุโมทนาบุญสมบัติและทิพย์สมบัตินั้นของนาง
จึงตรัสว่า
ดูก่อนนวลนาง ผู้มีใจเลื่อมใส มีความเชื่อมั่นส่วนเดียว
ไม่สงสัยในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ รักษาสิกขาบทไม่ขาดวิ่น
บรรลุผลแล้ว เป็นผู้แน่นอนในธรรมคือการตรัสรู้
ไม่มีโรคภัย เราขอแสดงความยินดีสมบัติของเจ้า และการมาดีของเจ้า
เจ้ารุ่งโรจน์ด้วยธรรมและยศ.
ท้าวสักกเทวราชตรัสบอกเรื่องนั้นถวายท่านพระมหาโมคคัลลานเถระ.
พระเถระจึงกราบทูลถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทาความข้อนั้นให้เป็ นอัตถุปปัตติเหตุเกิดเรื่อง
จึงทรงแสดงธรรมแก่บริษัทที่ประชุมกัน.
เทศนานั้นเกิดประโยชน์แก่โลกพร้อมทั้งเทวโลกแล.
จบอรรถกถาเปสการิยวิมาน
-----------------------------------------------------