More Related Content
Similar to ๕๖. ปฐมกรณียวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]).docx (20)
More from maruay songtanin (20)
๕๖. ปฐมกรณียวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]).docx
- 1. 1
ปฐมกรณียวิมาน
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา
๖. ปฐมกรณียวิมาน
ว่าด้วยวิมานที่เกิดขึ้นแก่อุบาสกผู้รู้กิจที่ควรทา เรื่องที่ ๑
(พระมหาโมคคัลลานเถระถามเทพบุตรองค์หนึ่งว่า)
[๙๒๖] วิมานมีเสาทาด้วยแก้วมณีนี้สูงมาก วัดโดยรอบได้ ๑๒ โยชน์
เป็นปราสาท ๗๐๐ ยอด ดูโอฬาร มีเสาประดิษฐ์ด้วยแก้วไพฑูรย์
มีพื้นปูลาดด้วยแผ่นทองคาสวยงาม
[๙๒๗] ท่านสถิต ดื่ม กิน อยู่ในวิมานนั้น
มีทวยเทพพากันบรรเลงพิณทิพย์ดังไพเราะ
ในวิมานของท่านนี้มีเบญจกามคุณอันเป็ นทิพรส
และเหล่าเทพนารีประดับด้วยอาภรณ์ทองคาฟ้ อนราอยู่
[๙๒๘] เพราะบุญอะไรท่านจึงมีผิวพรรณงามเช่นนี้
ผลอันพึงปรารถนาจึงสาเร็จแก่ท่านในวิมานนี้
และโภคะทั้งมวลล้วนน่าพอใจจึงเกิดขึ้นแก่ท่าน
[๙๒๙] เทวดาผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามว่า
เมื่อท่านเกิดเป็นมนุษย์ได้ทาบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไรท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรือง
และมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้
[๙๓๐] เทพบุตรนั้นดีใจที่พระมหาโมคคัลลานเถระถาม
จึงตอบปัญหาผลกรรมไปตามที่พระเถระถามว่า
[๙๓๑] บัณฑิตผู้รู้แจ้งพึงบาเพ็ญบุญต่างๆ
ในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายผู้เสด็จไปโดยชอบแล้ว ซึ่งเป็ นบุญเขตที่ใครๆ
ถวายทานแล้วมีผลมาก
[๙๓๒] ข้าพเจ้าทาจิตให้เลื่อมใสในพระพุทธองค์ว่า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จจากป่ามายังหมู่บ้าน เพื่อประโยชน์แก่เราหนอ
ดังนี้แล้ว จึงได้มาอุบัติในหมู่เทพชั้นดาวดึงส์
[๙๓๓] เพราะบุญนั้นข้าพเจ้าจึงมีผิวพรรณงามเช่นนี้
ผลอันพึงปรารถนาจึงสาเร็จแก่ข้าพเจ้าในวิมานนี้
และโภคะทั้งมวลล้วนน่าพอใจจึงเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้า
[๙๓๔] ข้าแต่ภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ข้าพเจ้าขอกราบเรียนว่า
เพราะบุญที่ได้ทาไว้สมัยเมื่อเกิดเป็นมนุษย์ ข้าพเจ้าจึงมีอานุภาพรุ่งเรือง
และมีรัศมีกายสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้
ปฐมกรณียวิมานที่ ๖ จบ
------------------------
- 2. 2
คาอธิบายเพิ่มเติมนี้ นามาจากบางส่วนของ
อรรถกถา ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ มหารถวรรคที่ ๕
๖. กรณียวิมานที่ ๑
อรรถกถาปฐมกรณียวิมาน
ปฐมกรณียวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน กรุงสาวัตถี.
สมัยนั้น
อุบาสกชาวสาวัตถีคนหนึ่งถือเครื่องอุปกรณ์อาบน้าไปแม่น้าอจิรวดี กาลังเดินมา
เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเข้าบิณฑบาตยังกรุงสาวัตถี
เข้าไปถวายบังคมแล้วกราบทูลอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ใครนิมนต์แล้วหรือยัง.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงดุษณี.
อุบาสกนั้นทราบว่ายังไม่มีใครนิมนต์ กราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ขอนิมนต์พระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดอนุเคราะห์รับภัตตาหารของข้าพระองค์เถิด.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับนิมนต์ด้วยดุษณีภาพ.
อุบาสกนั้นดีใจ นาพระผู้มีพระภาคเจ้าไปเรือน
ปูลาดอาสนะที่สมควรแก่พระพุทธเจ้า
แล้วนิมนต์พระผู้มีพระภาคเจ้าให้ประทับนั่งบนอาสนะนั้น
เลี้ยงดูจนอิ่มหนาด้วยข้าวน้าอันประณีต.
พระผู้มีพระภาคเจ้าเสวยเสร็จแล้ว ทรงทาอนุโมทนาแก่อุบาสกนั้น
เสด็จหลีกไป.
เรื่องที่เหลือเช่นกับวิมานกล่าวมาติดๆ กัน เพราะเหตุนั้น
ท่านจึงกล่าวว่า
วิมานเสาแก้วมณีนี้สูง ๑๒ โยชน์ โดยรอบมีห้องรโหฐาน ๗๐๐
ห้องโอฬาร มีเสาแก้วไพฑูรย์ ลาดด้วยเครื่องลาดที่ชอบใจ สวยงาม
ท่านนั่งดื่มกินในวิมานนั้น มีพิณทิพย์บรรเลงไพเราะ มีเบญจกามคุณ
มีรสเป็นทิพย์ และเทพนารีแต่งองค์ด้วยอาภรณ์ทองฟ้ อนราอยู่ เพราะบุญอะไร
วรรณะของท่านจึงเป็ นเช่นนี้ เพราะบุญอะไร ผลอันนี้จึงสาเร็จแก่ท่าน
และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ท่าน.
ดูก่อนเทวะผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน
ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ท่านได้ทาบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร
ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
เทวบุตรนั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว
ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า