More Related Content Similar to 5.6 5.7 ยุคภูมิธรรม-ศิลปะสมัยใหม่
Similar to 5.6 5.7 ยุคภูมิธรรม-ศิลปะสมัยใหม่ (20) More from Jitjaree Lertwilaiwittaya
More from Jitjaree Lertwilaiwittaya (20) 5.6 5.7 ยุคภูมิธรรม-ศิลปะสมัยใหม่2. ยุคภูมธรรมและแนวคิดประชาธิปไตย
ิ
การปฏิวติทางวิทยาศาสตร์ ในสั งคมตะวันตกในคริสต์ ศตวรรษที่
ั
17 นําไปสู่ การปฏิวติทางภูมิปัญญาในคริสต์ ศตวรรษ 18 วิธีการทาง
ั
วิทยาศาสตร์ และการหลุดพ้ นอํานาจของคริสตจักร ทําให้ ชาวตะวันกล้ าใช้
เหตุผลแสดงความคิดเห็นทางสั งคมและการเมือง และการเรียกร้ องสิ ทธิ
เสรีภาพ พัฒนาการด้ านต่ างๆส่ งผลให้ สังคมตะวันตกเป็ นสั งคมทีร่ ุงโรจน์
่
คริสต์ ศตวรรษที่ 18 จึงได้ รับสมญาว่ าเป็ น ยุคภูมิธรรม
4. ทอมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes)
• ฮอบส์ กล่าวว่ า ก่อนรวมเป็ นสั งคมเมือง
มนุษย์ มีอสระ เสรีภาพในการกระทําการใดๆ
ิ
ก่ อให้ เกิดความวุ่นวาย จึงตกลงกันทีจะหา
่
คนกลางมาทําหน้ าทีปกครอง ประชาชนมี
่
สิ ทธิเลือกการปกครองทีสอดคล้ องกับความ
่
ต้ องการของคนส่ วนใหญ่
• โจมตีความเชื่อทางศาสนาว่ าเป็ นเรื่องไร้
เหตุผล มนุษย์ ควรอยู่ด้วยเหตุผลและวิธีการ
ทางวิทยาศาสตร์
6. จอห์ น ล็อก (John Locke)
• เขียนหนังสื อเรื่อง Two Treatises of
Government
• เสนอทฤษฎีว่า รัฐบาลจัดตั้งขึนโดยความยินยอม
้
ของประชาชน และต้ องรับผิดชอบต่ อชีวตความ
ิ
เป็ นอยู่ของประชาชน
• สรุปได้ ว่า ประชาชนเป็ นทีมาของอํานาจทาง
่
การเมืองและมีอานาจในการจัดตั้งรัฐบาลขึนได้
ํ
้
รัฐและรัฐบาลจึงมีหน้ าทีปกครองโดยคํานึงถึง
่
ประโยชน์ และสิ ทธิธรรมชาติของประชาชน
• เป็ นรากฐานความคิดของระบอบประชาธิปไตย
สมัยใหม่
7. จอห์ น ล็อก (John Locke)
• เขียนหนังสื อ วิญญาณแห่ งกฎหมาย
• กฎหมายทีรัฐบาลแต่ ละสั งคมบัญญัติขึนต้ องสอดคล้ องกับ
่
้
ลักษณะภูมิประเทศและเงื่อนไขทางขนบธรรมเนียม ประเพณี
วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ของแต่ ละสั งคม แต่ การปกครองแบบ
กษัตริย์ภายใต้ รัฐธรรมนูญเป็ นรูปแบบทีดีทสุด
่ ี่
อํานาจการปกครองควรแยกออกเป็ น 3 ฝ่ าย
คือ ฝ่ ายนิติบัญญัติ ฝ่ ายบริหาร และฝ่ ายตุลาการ
เป็ นการสร้ างระบบตรวจสอบและถ่ วงดุลอํานาจ
• เป็ นแม่ แบบของการปกครองระบอบประชาธิปไตย
8. วอลแตร์ (Voltaire)
• เขียนหนังสื อเรื่อง จดหมายปรัชญา หรือ
จดหมายเรื่องเมืองอังกฤษ
• คัดค้ านการปกครองแบบเผด็จการ และ
ต่ อต้ านความงมงายไร้ เหตุผล
• เรียกร้ องให้ มีการปฏิรูปฝรั่งเศสให้
ทันสมัยเหมือนอังกฤษ
• วอลแตร์ คดว่ า การใช้ เหตุผลและ
ิ
สติปัญญาสามารถแก้ ไขปัญหาสั งคมและ
การเมืองได้
9. ชอง-ชาคส์ รู โซ (Jean-Jacques Rousseau)
• งานเขียนชิ้นเอก คือ สั ญญาประชมคม ทําให้ เขาได้ ชื่อ
ว่ า เป็ นผู้วางรากฐานอํานาจอธิปไตยของประชาชน
• ควรมีการจัดทําข้ อตกลง หรือ สั ญญาประชาคม โดย
ให้ ประชาชนเข้ ามาตัดสิ นปัญหาต่ างๆร่ วมกัน เห็นถึง
ประโยชน์ ส่วนรวมมากกว่ าส่ วนตัว รัฐบาลควรเกิด
จากความเห็นชอบร่ วมกันของประชาชน และมีพนธะ
ั
ทางสั งคมทีจะปกครองประชาชนให้ ได้ รับความ
่
ยุติธรรมและอยู่ร่วมกันอย่ างมีความสุ ข ประชาชนมี
สิ ทธิล้มล้างรัฐบาลได้
• มุ่งปฏิรูปการเมืองและสั งคมทีเ่ ต็มไปด้ วยความเหลือม
่
ลําระหว่ างชนชั้นปกครองกับประชาชน
้
10. 6.2 การปฏิวัตการเมืองการปกครองของอังกฤษ
ิ
หลังจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบทที่ 1 สิ้นพระชนม์ กษัตริย์
องค์ ต่อๆไป ใช้ พระราชเกินขอบเขตทําให้ เกิดความขัดแย้ งกับรัฐบาล ความ
ขัดแย้ งรุนแรงมากขึนเรื่อยๆ จึงเกิดเป็ นสงครามกลางเมืองใน ค.ศ. 1642้
1649 รัฐสภาประหารชีวตพระเจ้ าชาลส์ ที่ 1
ิ
พระเจ้ าชาลส์ ที่ 2 พระราช
โอรสของพระจ้ าชาลส์ ที่ 1
เข้ ารีตนับถือนิกายโรมันคาทอลิก
ก่อนสวรรคต
ภาพจําลองสงครามกลางเมืองอังกฤษ
11. 6.2 การปฏิวัตการเมืองการปกครองของอังกฤษ
ิ
พระเจ้ าเจมส์ ที่ 2 ซึ่งเป็ นคาทอลิกเช่ นเดียวกัน ทรงชักชวนให้
ประชาชนหันมานับถือนิกายคาทอลิกและทรงพยายามใช้ อานาจอย่ างสู งสุ ด
ํ
ก่ อให้ เกิดการปฏิวติขนใน ค.ศ.1688 พระเจ้ าเจมส์ ที่ 2 ลีภัยไปฝรั่งเศส
ั ึ้
้
รัฐบาลได้ เชิญพระเจ้ าวิลเลียมที่ 3 ขึนครองราชย์ โดยพระองค์ ทรง
้
สั ญญาว่ าจะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้ วยสิ ทธิข้ันพืนฐานของพลเมือง
้
เหตุการณ์ ครั้งนีเ้ รียกว่ า การปฏิวติ
ั
อันรุ่งโรจน์ เป็ นการปฏิวติทไม่ มี
ั ี่
การเสี ยเลือดเนือ
้
ระบอบราชาธิปไตยแบบ
เทวสิ ทธิ์ของอังกฤษสิ้นสุ ดลง
13. 6.3 การปฏิวัตของชาวอเมริกัน ค.ศ.1776
ิ
อเมริกาเคยอยู่ภายใต้ การครอบครองของอังกฤษ ชาวอังกฤษที่
อพยพไปตั้งรกรากทีสหรัฐอเมริกา ในระยะแรกมีความผูกพันกับเมืองแม่
่
ของตนเองด้ วยการยอมรับนับถือกษัตริย์องกฤษขึนเป็ นกษัตริย์ของตน และ
ั
้
ปกครองตนเองในรู ปแบบอาณานิคมขึนตรงต่ ออังกฤษ
้
ต่ อมาเมื่ออังกฤษทําสงครามกับฝรั่งเศส จึงต้ องใช้ เงินจํานวนมาก
รัฐบาลอังกฤษจึงหันมาเก็บภาษีชาวอาณานิคมอย่ างรุนแรง และเอาเปรียบ
ทางการค้ า คุกคามสิ ทธิและเสรีภาพทางการเมืองของชาวอาณานิคม โดย
รัฐสภาอังกฤษออกพระราชบัญญัติควิเบก อังกฤษมีสิทธิทจะยับยั้งสิ ทธิ
ี่
และเสรีภาพของชาวอาณานิคมได้ อีกทั้งให้ เสรีภาพทางการเมืองแก่ พวก
คาทอลิก สร้ างความไม่ พอใจแก่ ชาวอาณานิคมเป็ นอย่ างมาก
14. 6.3 การปฏิวัตของชาวอเมริกัน ค.ศ.1776
ิ
ในวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ.1776 ชาวอาณานิคมจึงพร้ อมใจกัน
ประกาศอิสรภาพจากอังกฤษ ทางอังกฤษส่ งทหารมาปราบกลายเป็ นสงคราม
เรียกว่ า สงครามประกาศอิสรภาพอเมริกน ชาวอาณานิคมได้ รับความ
ั
ช่ วยเหลือจากฝรั่งเศสและเป็ นฝ่ ายมีชัยใน ค.ศ. 1783 ได้ ต้ังเป็ น
ประเทศใหม่ คอ สหรัฐอเมริกา มีประธานาธิบดีเป็ นประมุข
ื
ต้นฉบับลายมือคําประกาศอิสระภาพอเมริ กา
15. 6.3 การปฏิวัตของชาวอเมริกัน ค.ศ.1776
ิ
ชาวอเมริกนประกอบด้ วยชาวอังกฤษเป็ นส่ วนใหญ่ จึงยึดมั่นใน
ั
ระบอบประชาธิปไตย สามารถวางรากฐานการปกครองระบอบ
ประชาธิปไตยได้ อย่ างมั่นคง
ประธานาธิบดีทมีชื่อเสี ยงในการส่ งเสริมระบอบประชาธิปไตยและ
ี่
ความเสมอภาคในหมู่ประชาชนคือ อับราฮัม ลินคอล์น
อับราฮัม ลินคอล์น
16. 6.4 การปฏิวัตฝรั่ งเศส ค.ศ. 1789
ิ
เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจ สั งคม และการเมือง เนื่องจากฝรั่งเศสต้ อง
ทําสงครามหลายครั้งตั้งแต่ สมัยพระเจ้ าหลุยส์ ที่ 14 ถึงสมัยพระเจ้ าหลุยส์ ที่
16 และการเข้ าช่ วยอาณานิคมในสมครามประกาศอิสรภาพอเมริกนทําให้
ั
รัฐบาลฝรั่งเศสมีหนีสินมาก
้
ด้ านสั งคม ฝรั่งเศสแบ่ งออกเป็ น 3 ฐานันดร ฐานันดรที่ 1 ได้ แก่
นักบวชนิกายคาทอลิก , ฐานันดรที่ 2 ได้ แก่ ขุนนางและผู้ดี , ฐานันดรที่ 3
ได้ แก่ ชนชั้นกลาง ชาวนา กรรมกร ฐานันดรที่ 3 ต้ องเสี ยภาษีให้ รัฐบาล
เมื่อฝรั่งเศสจะล้มละลาย เสนาบดีคลังเสนอให้ เก็บภาษีทดินจาก
ี่
ประชาชนทุกคน แต่ ถูกต่ อต้ านจากฐานันดรที่ 1 และ 2
17. 6.4 การปฏิวัตฝรั่ งเศส ค.ศ. 1789
ิ
อังกฤษกําลังเจริญรุ่งเรืองจึงกลายเป็ นแม่ แบบและแรงบันดาลใจให้
ชาวฝรั่งเศส การปฏิวติของชาวอเมริกน ค.ศ. 1776 ทําให้ ความมุ่งหวัง
ั
ั
ต่ างๆของกลุ่มนักคิดของยุคภูมธรรมบรรลุความเป็ นจริง ดังนั้นอีก 13 ปี
ิ
ต่ อมา ในวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1789 ชาวฝรั่งเศสจึงได้ ก่อการปฏิวติครั้ง
ั
ใหญ่ เพือล้ มล้างอํานาจการปกครองแบบราชาธิปไตย และต่ อมาได้ มีการ
่
จัดตั้งการปกครองแบบสาธารณรัฐ
ในคําประกาศสิ ทธิมนุษยชนและพลเมืองของฝรั่งเศสประกาศเมื่อ
วันที่ 27 สิ งหาคม ค.ศ. 1789 ก็เป็ นการทําเอาความคิดหลักของล็อก มองเตส
กิเออร์ วอลแตร์ และรู โซมาใช้ ให้ เห็นอย่ างชัดเจน
18. 6.4 การปฏิวัตฝรั่ งเศส ค.ศ. 1789
ิ
การปฏิวติฝรั่งเศสเป็ นปรากฏการณ์ ครั้งแรกทีประชาชนได้
ั
่
เรียกร้ องเสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ ตามแนวทางของนักปราชญ์
การเมืองของคริสต์ ศตวรรษที่ 18 ส่ งผลให้ แนวคิดเรื่องเสรีภาพ ความเสมอ
ภาค และภราดรภาพ แพร่ กระจายไปทัวทวีปยุโรป นําไปสู่ การต่ อต้ าน
่
ผู้ปกครองตลอดคริสต์ ศตวรรษที่ 19 และ 20
20. 7.1 ศิลปะบารอก (Baroque)
ศิลปะบารอค มีแหล่งกําเนิดทีประเทศอิตาลีแล้วขยายวงกว้ างออกไปทั่ว
่
ประเทศยุโรป เกิดขึนเมือประมาณคริสต์ ศตวรรษที่ 16 สื บต่ อจากศิลปะสมัย
้ ่
ฟื้ นฟูศิลปวิทยาการ(Renaissance)และเสื่ อมความนิยมเมือประมาณกลาง
่
คริสต์ ศตวรรษที่ 18 มีความเจริญสู งสุ ดอยู่ระหว่ างค.ศ. 1680 - 1730 ซึ่งมีชื่อ
เรียกเฉพาะในช่ วงเวลานีว่า High – Baroque
้
ลักษณะของศิลปะบารอกเปลียนแปลงจากศิลปะสมัยฟื้ นฟูศิลปวิทยา
่
(Renaissance) ซึ่งแสดงอารมณ์ สงบนิ่งแฝงปรัชญามาเป็ นอารมณ์ พลุ่งพล่าน
แสดงความดินรน เคลือนไหว หรือสร้ างให้ มรูปทรงบิดผันจนเกินงาม หรือประณีต
้
่
ี
บรรจงเกินไป และเน้ นบรรยากาศโอ่อ่าหรูหราเป็ นพิเศษ ศิลปะแนวนีรุ่งเรืองมากใน
้
ประเทศอิตาลี และกลุ่มประเทศคาทอลิก
21. 7.1 ศิลปะบารอก (Baroque)
1. งานจิตรกรรม
ส่ วนใหญ่ ยงคงรับรูปแบบ และเทคนิคจากสมัยเรเนสซองส์ แต่ ได้ พฒนาฝี มือและ
ั
ั
เทคนิคการผสมสี ทวจิตงดงามยิงขึน มีการลวงตาด้ วยเส้ น สี แสง และเงา และใช้ หลัก
ี่ ิ
่ ้
ทัศนียวิสัย ทําให้ ภาพมีลกษณะกินตา เป็ นภาพสามมิติ ผลงานทีเ่ ป็ นภาพคนมักจะแสดง
ั
อารมณ์ ความรู้สึกโลดแล่นราวคนจริง เน้ นแสดงความโลดโผนของลีลาท่ าทางมากกว่ าการ
สื่ อเพียงความงดงามของรู ปร่ างรูปทรง
ลักษณะเด่ นอีกประการคือภาพคนนั้น
จะแสดงเสื้อผ้าเครื่องแต่ งกายอย่ างหรูหรา มี
รอยพับอ่ อนช้ อยและปกคลุมร่ วงกายส่ วนใหญ่
ไว้ ด้วยรอยยับดังกล่าว ส่ วนฉากหลังจะแสดง
ถึงทัศนียภาพอันกว้ างไกล
รู เบนส์ , A Garden of Love, สีนํามันบนผ้าใบ,
้
ค.ศ. ๑๖๓๒–๑๖๓๔
22. 7.1 ศิลปะบารอก (Baroque)
จิตรกรทีสําคัญได้ แก่ มีเกลันเจโลดา การาวัจโจ ชาวอิตาลี
่
(Michelangelo da Caravaggio ค.ศ. 1573-1610) , เรมบรันต์ ชาว
ดัตช์ (Rembrandt ค.ศ. 1606-1669) และพีเตอร์ พอล รู เบนส์ ชาวเฟลมิช
(Peter Paul Rubens ค.ศ. 1577-1644)
Rembrandt
Michelangelo da Caravaggio
Peter Paul Rubens
23. 7.1 ศิลปะบารอก (Baroque)
2. งานสถาปัตยกรรม
แสดงออกถึงความใหญ่ โตหรูหราและการประดับประดาทีฟุ่มเฟื อย โอ่อ่าโอฬาร
่
เกินจําเป็ น โดยนําความรู้ทางคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ มาใช้ งานก่ อสร้ างมากขึน
้
ผลงานชิ้นสํ าคัญของศิลปะแบบบารอค คือ พระราชวังแวร์ ซายส์ Versaillesของ
พระเจ้ าหลุยส์ ที่ 14 แห่ งฝรั่งเศส
พระราชวังแวร์ซายส์
24. 7.1 ศิลปะบารอก (Baroque)
3. ศิลปะด้ านดนตรี
มีท้งเพลงศาสนาและไม่ ใช่ ศาสนา มีท้งการร้ องเดียวและการร้ องแบบอุปรากร
ั
ั
่
ขนาดของวงดนตรีขยายใหญ่ จากเดิมแบบ Chamber Music ทีใช้ ผู้เล่นไม่ กคน มาเป็ น
่
ี่
แบบ Orchestra ทีใช้ ผู้เล่นและเครื่องดนตรีจํานวนมาก นักดนตรีทสําคัญ คือ โยฮันน์ เซ
่
ี่
บาสเตียน บาค ชาวเยอรมัน (Johann Sebastian Bach) ซึ่งแต่ งเพลงทางด้ าน
ศาสนาเป็ นส่ วนใหญ่ ) ส่ วนนักแต่ งเพลงทีมชื่อเสี ยง ได้ แก่ คลอดิโอ มอนเตเวอร์ ดี ชาวอิตาลี
่ ี
(Claudio Monteverdi ค.ศ. 1567-1643)
4. งานด้ านวรรณกรรม
ในสมัยคริสต์ ศตวรรษ ที่ 17 ได้ ชื่อว่ าเป็ นยุคทองแห่ งวรรณกรรมยุโรป มีผลงาน
ชิ้นเอกของนักประพันธ์ ชาวอังกฤษและฝรั่งเศสเกิดขึนมากมาย ทีเ่ ด่ นคือ งานเขียนทาง
้
ปรัชญาการเมืองของ จอห์ น ลอค ( John Lock) และผลงานของนักเขียนบทละคร
เสี ยดสี สังคมชั้นสู ง ชื่อ โมลิแอร์ ( Moliere)เป็ นต้ น
25. 7.2 ลัทธิคลาสสิคใหม่ (Neoclassicism)
ได้ รับความนิยมในยุโรปประมาณคริสต์ ศตวรรษที่ 18 อันเป็ นช่ วงการ ปฏิวตใน
ั ิ
ฝรั่งเศสถึงกลางคริสต์ ศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็ นยุคทีมนุษย์เปลียนความรู้สึก ความเชื่อ และ
่
่
ทัศนคติอย่ างสิ้นเชิง เพราะจากความสํ าเร็จในการปฏิวัตและการค้ นพบทางวิทยาศาสตร์
ิ
ทําให้ มนุษย์ มความเชื่อมันในเหตุผล มีความสามารถ เฉลียวฉลาด รู้คุณค่ าของความเป็ น
ี
่
มนุษย์ เรียกว่ าเป็ นสมัยแห่ งภูมปัญญา
ิ
26. 7.2 ลัทธิคลาสสิคใหม่ (Neoclassicism)
1. สถาปัตยกรรม
มีการฟื้ นฟูศิลปะคลาสสิ กมาปรับปรุ งใหม่ ให้ เหมาะสมกับสภาพเหตุการณ์ ใน
สมัยนั้น มีการสะท้ อนเรื่องราวของอารยธรรมโบราณ แสดงความสง่ าของทรวดทรง
เน้ นในความสมดุลได้ สัดส่ วน
27. 7.2 ลัทธิคลาสสิคใหม่ (Neoclassicism)
2. ประติมากรรมและจิตรกรรม
ประติมากรรมคลาสสิ กใหม่ นิยมลอกเลียนแบบประติมากรรมของ
กรีก-โรมัน ส่ วนจิตรกรรรมเน้ นในเรื่องเส้ นมากกว่ าการให้ สี แสดงออกให้ เห็นถึง
ความสง่ างาม และยิงใหญ่ ในความเรียบง่ าย คล้ายกับผลงานของกรีกโบราณ
่
28. 7.2 ลัทธิคลาสสิคใหม่ (Neoclassicism)
3. นาฏกรรม
ในสมัยนีได้ รับอิทธิพลจากการละครของกรีก ซึ่งต้ องการแสดงความ
้
สมเหตุสมผลของเรื่อง และมุ่งมันทีจะสั่ งสอนนอกเหนือจากการให้ ความเพลิดเพลิน
่ ่
ฝรั่งเศสเป็ นชาติแรกทีเ่ ขียนบทละครคลาสสิ กเมือประมาณกลางคริสตศตวรรษที่ 17
่
29. 7.2 ลัทธิคลาสสิคใหม่ (Neoclassicism)
4.ดนตรี
Wolfgang Amadeus Mozart
สมัยนีนิยมเนือเรื่องทีแสดงออกด้ าน
้
้
่
ความคิดเห็น และในเรื่องของความเสมอภาคตาม
ทัศนะของนักเขียนสมัยภูมปัญญา นอกจากนี้
ิ
ความคิดทีเ่ ชื่อมันในเหตุผล สติปัญญา และ
่
ความสามารถของมนุษย์ ก็มบทบาททีทาให้ การ
ี
่ ํ
แต่ งเพลงมีอสระมากขึน นักประพันธ์ ทมชื่อเสี ยง
ิ
้
ี่ ี
สมัยคลาสสิ กได้ แก่ วอล์ฟกัง อะมาเดอุส โมสาร์ ต
(Wolfgang Amadeus Mozart
ค.ศ.1756-1791)
30. 7.3 ลัทธิจนตนิยม (Romanticism)
ิ
อยู่ระหว่ างปลายคริสต์ ศตวรรษที่ 18 ถึงกลางคริสต์ ศตวรรษที่ 19 เน้ น
อารมณ์ และความรู้สึกภายใน เนื่องจากผู้คนเริ่มเบื่อหน่ ายการใช้ เหตุผล และต้ องการ
กลับไปชื่นชมความงามของธรรมชาติ พอใจในเรื่องราวแปลก แตกต่ างออกไปจาก
ดินแดนต่ างๆ โดยไม่ คานึงถึงประเพณีนิยม พวกศิลปิ นจะสร้ างงานโดยยึดถืออารมณ์
ํ
ฝัน และจินตนาการของตนเป็ นสํ าคัญ และไม่ เห็นด้ วยกับการสร้ างงานทียดถือหลัก
่ึ
วิชาการ และเหตุผล
31. 7.3 ลัทธิจนตนิยม (Romanticism)
ิ
1. สถาปัตยกรรม
มีการนํารูปแบบสถาปัตยกรรมในอดีตมาดัดแปลงตามจินตนาการ เพือให้ เกิดผล
่
ทางด้ านอารมณ์ ส่ วนใหญ่ จะได้ รับอิทธิพลจากสถาปัตกรรมแบบกอทิก
32. 7.3 ลัทธิจนตนิยม (Romanticism)
ิ
2. ประติมากรรม
ประติมากรรมจินตนิยมเน้ นการแสดงอารมณ์ ความรู้สึก และแนวความคิดประติมากร
จินตนิยมทีมชื่อเสี ยงของฝรั่งเศส ได้ แก่ ฟรองซัว รูเด(Francois Rude
่ ี
ค.ศ.1784-1855) ผู้ป้ันประติมากรรมนูนสู งมาร์ ซายแยส(Marseillaise) ประดับ
ฐานอนุสาวรีย์ประตูชัย(Arch of Triumph)ในกรุ งปารีส
33. 7.3 ลัทธิจนตนิยม (Romanticism)
ิ
3. จิตรกรรม
มีการจัดองค์ ประกอบด้ วยสี เส้ น แสงเงา และปริมาตรค่ อนข้ างรุนแรง มุ่งให้ เกิดความ
สะเทือนอารมณ์ คล้อยตามไปกับจินตนาการทีเ่ ต็มไปด้ วยความเพ้ อฝัน แปลกประหลาด
ตืนเต้ นเร้ าใจ ความรุ นแรง และความน่ าหวาดเสี ยวสยดสยอง จิตรกรคนสํ าคัญของฝรั่งเศส
่
ได้ แก่ เออชอน เดอลา-กรัวซ์ (Eugene Delacroix ค.ศ.1798-1863) ผู้เขียนภาพ
อิสรภาพนําประชาชน(Liberty leading the people) เขียนจากเหตุการณ์ นอง
เลือดเมือประชาชนลุกฮือขึนโค่ นบัลลังก์ราชวงศ์ บูร์บง ทีเ่ กิดเมือ ค.ศ.1830
่
้
่
ภาพ 3 พฤษภาคม 1808
โดย โกยา Francisco Goya ( ค.ศ.1814 )
เป็ นภาพแสดงเหตุการณ์ปฏิวติในฝรั่งเศส
ั
35. 7.3 ลัทธิจนตนิยม (Romanticism)
ิ
ภาพ การอับปางของแพเมดูซา โดย เจริโคท์ Theodore Gericault ( ค.ศ.1819)
เรื่องราวที่เขียนเกิดจากการได้ รับทราบเหตุการณ์ การประสบอุบัตเิ หตุเรือแตกของเรือลําหนึ่ง โดยมีผ้รอดชีวตจํานวน
ิ
ู
หนึ่งต้ องเผชิญกับภัยอย่ างอ้างว้ างบนแพอันจํากัด กลางท้ องทะเลแห่ งคลืนลมและความหิว
่
36. 7.3 ลัทธิจนตนิยม (Romanticism)
ิ
4. ดนตรี
ดนตรีแนวจินตนิยมไม่ ได้ แต่ งเพือฟังเพลิดเพลินอย่าง
่
เดียว แต่ มจุดมุ่งหมายทีจะเร้ าความรู้ สึกทางจิตใจด้ วย
ี
่
เช่ น ความรู้ สึกชาตินิยม โน้ มน้ าวจิตใจผู้ฟังให้ คล้ อยตาม
นักแต่ งเพลงจินตนิยมทีมชื่อเสี ยงได้ แก่ ลุดวิก ฟาน บี
่ ี
โทเฟน(Ludwig van Beethoven ค.ศ.17701827) , ฟรานซ์ ชู เบิร์ต(Franz Schubert
ค.ศ.1797-1828) เป็ นต้ น
Ludwig van Beethoven
Franz Schubert
37. 7.3 ลัทธิจนตนิยม (Romanticism)
ิ
5. การละคร
นิยมแสดงเรื่องทีตวเอกประสบปัญหาอุปสรรค หรือ
่ ั
มีข้อขัดแย้ งในชีวตอย่างสาหัส ซึ่งจะดึงอารมณ์ ของ
ิ
ผู้ชมให้ เอาใจช่ วยตัวเอก การเขียนบทไม่ เคร่ งครัดใน
ระเบียบแบบแผนอย่างละครคลาสสิ ก ละครแนว
จินตนิยมกําเนิดในเยอรมนี บทละครทียงใหญ่ ทสุด
่ ิ่
ี่
คือ เรื่องเฟาสต์ (Faust)ของโยฮันน์ วอล์ฟกัง
ฟอน เกอเทอ(Johanne Wolfgang von
Goethe ค.ศ.1749-1832)
Johanne Wolfgang von Goethe
38. 7.3 ลัทธิจนตนิยม (Romanticism)
ิ
6. วรรณกรรม
เน้ นจินตนาการ และอารมณ์ และถือว่ าควมต้ องการของผู้ประพันธ์ สําคัญกว่ าความ
ต้ องการของคนในสั งคม บทร้ อยกรองประเภทคีตกานต์ (lyric) ซึ่งเป็ นโคลงสั้ นๆ
แสดงอารมณ์ ของกวีได้ รับความนิยมสู งสุ ดในสมัยนี้ กวีคนสํ าคัญของอังกฤษ คือ
วิลเลียม เวิดส์ เวิร์ท(William wordsworth ค.ศ.1770-1850) และ แซมวล เทย์
เลอร์ โคลริดจ์ (Samuel Taylor Colridge ค.ศ.1772-1834) กวีทยงใหญ่ ทสุด
ี่ ิ่
ี่
ของฝรั่งเศส คือ วิกเตอร์ -มารี อูโก(Victor Marie Hugo ค.ศ.1802-1885) นอก
จาแต่ งโคลงแล้ ว ยังแต่ งบทละครและนวนิยาย นวนิยายทีมชื่เสี ยงมาก คือ เหยืออธรรม
่ ี
่
(Les Miserables)
39. 7.4 ลัทธิสัจนิยม(Realisticism)
ตั้งแต่ ปลายคริสต์ ศตวรรษที่ 19 เป็ นต้ นมา เป็ นสมัยแห่ งความเจริญทาง
เทคโนโลยีและความก้ าวหน้ าทางวิทยาศาสตร์ สั งคมของยุโรปเปลียนแปลงไปอย่าง
่
รวดเร็ว การใช้ ระบบเศรษฐกิจทีเ่ ป็ นแบบทุนนิยม ทําให้ เกิดความขัดแย้งระหว่ างกรรมกร
กับนายทุน ขณะเดียวกันก็เกิดแนวความคิดแบบสั งคมนิยม ซึ่งต่ อต้ านระบบนายทุน
ต้ องการให้ ชนชั้นแรงงานเป็ นเจ้ าของปัจจัยการผลิตและมีอานาจทางสั งคมและการเมือง
ํ
อย่างไรก็ตามชนชั้นกลางหรือนายทุนก็ยงสามารถรักษาสถานภาพและอํานาจในสั งคม
ั
ของตนไว้ ได้ ความเปลียนแปลงเหล่านีทาให้ แนวความคิดทางศิลปะหันเหจากแนว
่
้ ํ
จินตนิยมมาเป็ นแนวสั จนิยม ซึ่งเป็ นแนวความคิดทีต้ังอยู่บนพืนฐานความเป็ นจริงของ
่
้
ชีวต โดยต้ องการให้ เห็นว่ าโลกทีแท้ จริงไม่ ได้ งดงามตามแบบที่พวกจินตนิยมเชื่อถือกัน
ิ
่
ชีวตต้ องดินรนต่ อสู้ มีการเอารัดเอาเปรียบและการขัดแย้ งกันระหว่ างชนชั้นในสั งคม
ิ
้
40. 7.4 ลัทธิสัจนิยม(Realisticism)
ลักษณะเด่ นของสัจนิยม คือ การแสดงให้ เห็นสภาพทีเ่ ป็ นจริงของสั งคม เปิ ดโปงความ
ชั่วร้ ายของพวกนายทุน และความไม่ ยุตธรรมทีกลุ่มผู้ใช้ แรงงานได้ รับ มักจะเน้ นชีวต
ิ
่
ิ
ของพวกกรรมกรทีทุกข์ ยาก ชุมชนแออัด ความสั บสนวุ่นวายในเมือง สภาพของคนที่
่
ยากไร้ การเอารัดเอาเปรียบของกลุ่มคนทีมฐานะดีกว่ า ส่ วนมากจะเป็ นรายละเอียดของ
่ ี
ชีวตประจําวันทุกด้ านตามความเป็ นจริง พวกสั จนิยมไม่ นิยมเรื่องประวัตศาสตร์ เรื่อง
ิ
ิ
จินตนาการเพ้อฝัน และไม่ มองโลกในแง่ ดเี หมือนพวกจินตนิยม นอกจากนียงเสนอ
้ั
ผลงานอย่ างตรงไปตรงมาและเป็ นกลาง
41. 7.4 ลัทธิสัจนิยม(Realisticism)
1. ด้ านสถาปัตยกรรม
เนื่องจากอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจขยายตัวอย่ างรวดเร็ว จึงมีการสร้ างโรงงานขนาด
ใหญ่ อาคารสํ านักงานทีสูงหลายๆชั้นกันมาก การก่อสร้ างอาคารจะนําวัสดุทเี่ กิดจาก
่
เทคโนโลยีใหม่ ๆมาใช้ เช่ น เหล็กกล้า เหล็กหล่อ แทนอิฐ ไม้ เหมือนแต่ ก่อน อาคารส่ วน
ใหญ่ เป็ นลักษณะเรียบง่ าย ให้ ใช้ ประโยชน์ ได้ มากทีสุดในเนือทีจํากัด การออกแบบจึง
่
้ ่
ต้ องสอดคล้ องกับประโยชน์ ใช้ สอย แต่ ในขณะเดียวกันก็ต้องมีความงามทางศิลปะด้ วย
42. 7.4 ลัทธิสัจนิยม(Realisticism)
2. ประติมากรรม
นิยมปั้นและหล่อรู ปคนมีรูปร่ างสั ดส่ วนเหมือนคนจริง ผิวรูปปั้นหยาบ ไม่ เรียบ เมือมีแสง
่
ส่ องกระทบจะเห็นกล้ามเนือชัดเจน ศิลปิ นคนสํ าคัญ คือ โอกูสต์ โรแดง (August
้
Rodinค.ศ.1840-1917) ซึ่งเป็ นประติมากรทีสําคัญทีสุดคนหนึ่งของฝรั่งเศสและของ
่
่
โลก ผลงานชิ้นเอก เช่ น นักคิด (The Thinker) หล่อด้ วยสํ าริด
โอกูสต์ โรแดง (August Rodinค.ศ.1840-1917)
44. 7.4 ลัทธิสัจนิยม(Realisticism)
3.จิตรกรรม
มักสะท้ อนสภาพชีวตจริงของมนุษย์ ในด้ านลบ เช่ น ชีวตคนชั้นตําตามเมืองใหญ่ ๆ ชีวต
ิ
ิ
่
ิ
ชาวไร่ ชาวนาทียากไร้ ในชยบท ศิลปะสั จนิยมมีกาเนิดในประเทศฝรั่งเศส จากการริเริ่มของ
่
ํ
กูสตาฟ กูร์เบ (Gustave Courbet ค.ศ. 1819-1877) ซึ่งยึดหลักการสร้ างงานให้
เหมือนจริงและเป็ นจริงตามทีตาแลเห็น
่
ภาพผลงานจิตรกรรมชื่อ ภาพร่ อนข้ าวโพด
The Corn Sifters
วาดโดย กุสตาฟ คูร์เบท์ Gustave Courbet
ค.ศ.1855
46. 7.4 ลัทธิสัจนิยม(Realisticism)
4.ดนตรี
สมัยปลายคริสต์ ศตวรรษที่ 19 และต้ นคริสต์ ศตวรรษที่ 20 มีการแต่ งเพลงรูปแบบใหม่ ไม่
ยึดถือแบบเก่ าทีเ่ คยมีมา ตามความคิดทีว่าดนตรีต้องประกอบด้ วยสี สันและจังหวะ ไม่ มี
่
รูปแบบตายตัวหรือหล่ออกมาเป็ นแบบประเพณี นักแต่ งเพลงทีมชื่อเสี ยงในยุคนี้ ได้ แก่ โค
่ ี
ลด เดอบูชี นักแต่ งเพลงชาวฝรั่งเศส(Claude Debussy ค.ศ.1862-1918 ) , อี
กอร์ สตราวีนสกี นักแต่ งเพลงชาวรัสเซีย(Igor Stravinsky ค.ศ. 1882-1971)
Igor Stravinsky
Claude Debussy
47. 7.4 ลัทธิสัจนิยม(Realisticism)
5.การละคร
มักสะท้ อนภาพสั งคมหรือภาพชีวตในแง่ มุมต่ างๆ การแสดงสมจริงเป็ นธรรมชาติ บท
ิ
เจรจาใช้ ภาษาเหมาะแก่สภาพและฐานะตัวละคร บทละครเขียนเป็ นร้ อยแก้ว ผู้บุกเบิก
ละครแนวใหม่ นี้ คือ เฮนริก อิบเซน นักแต่ งบทละครชาวนอร์ เวย์ ผู้แต่ งเรื่อง บ้ านตุ๊กตา
(A Doll’s House)(Henrik Ibsen ค.ศ 1828-1906) , จอร์ จ เบอร์ นาร์ ด
ชอว์ นักแต่ งบทละครชาวอังกฤษ เรื่องเอกของชอว์ ได้ แก่ Arms and the Man
George Bernard Show
Henrik Ibsen
48. 7.4 ลัทธิสัจนิยม(Realisticism)
6.วรรณกรรม
เน้ นข้ อเท็จจริงมากกว่ าอารมณ์ ความรู้สึก โดยพยายามสะท้ อนภาพการต่ อสู้ ดนรนของ
ิ้
มนุษย์ ในสั งคม ความเห็นแก่ตว การแข่ งขันเอารัดเอาเปรียบ ความยากจน และชีวตทีไร้
ั
ิ ่
ความหวัง มักจะบรรยายสภาพความเป็ นอยู่ทแร้ นแค้ นของชุมชนแออัด ความชั่วร้ าย
ี่
จอมปลอมของชนชั้นกลาง มนุษย์ทตกเป็ นเหยือของโชคชะตา วรรณคดีแนวนีเ้ กิดขึนครั้ง
ี่
่
้
แรกในฝรั่งเศส นักเขียนทีมอทธิพลได้ แก่ โอโรเน เดอ บัลชัก (Honore de ่ ีิ
Balzac ค.ศ. 1799-1850) และ กูสตาฟว์ โฟลแบร์ (Gustav Flaubert ค.ศ
1821-1880) ส่ วนในอังกฤษ ทีรู้ จักกันดีคอ ชาลส์ ดิกเกนส์ (Charles Dickens
่
ื
ค.ศ. 1812-1870) ผู้เขียนนวนิยายเรื่อง Oliver Twist ซึ่งชี้ให้ เห็นสภาพทีน่าสงสาร
่
ของคนจนและชนชั้นตําในสั งคม และงานชิ้นนีเ้ องทีมส่วนให้ เกิดการปฏิรูปสั งคมใน
่
่ ี
อังกฤษในเวลาต่ อมา