More Related Content
Similar to การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์
Similar to การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ (20)
More from Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand
More from Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand (20)
การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์
- 2. ความหมายของการ “การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์”
การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ คือ การพัฒนาความเจริญก้าวหน้าใน
วิทยาการของโลกตะวันตก ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 มีการค้นคว้าแสวงหา
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับธรรมชาติ โลก และจักรวาล ทาให้ความรู้ทาง
วิทยาศาสตร์เจริญรุ่งเรือง เป็นผลให้ชาติตะวันตกพัฒนาความ
เจริญก้าวหน้าในด้านต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว
- 3. ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์
- การฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ทาให้มนุษย์เชื่อมั่นในความสามารถของ
ตน มีอิสระทางความคิด หลุดพ้นจากอิทธิพลการครอบงาของคริสต์จักร และ
มุ่งมั่นที่จะเอาชนะธรรมชาติเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของ
ตนให้ดีขึ้น
- การพัฒนาเทคโนโลยีในดินแดนเยอรมันตอนใต้ โดยเฉพาะการ
ประดิษฐ์เครื่องพิมพ์แบบใช้วิธีเรียงตัวอักษรของกูเตนเบิร์ก ในปี ค.ศ.1448
ทาให้สามารถพิมพ์หนังสือเผยแพร่ความรู้ต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวาง
- การสารวจทางทะเลและการติดต่อกับโลกตะวันออก ตั้งแต่
คริสต์ศตวรรษที่ 16 เป็นต้นมา ทาให้อารยธรรมความรู้ต่าง ๆ จาก
จีน อินเดีย อาหรับ และเปอร์เชีย เผยแพร่เข้ามาในสังคมตะวันตกมากขึ้น
- 4. ความสาคัญของการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์
ทาให้มนุษย์เชื่อมั่นในสติปัญญาและความสามารถของตน เชื่อมั่นใน
ความมีเหตุผล และนาไปสู่การแสวงหาความรู้โดยไม่มีสิ้นสุด
ก่อให้เกิดความรู้และความเจริญก้าวหน้าในวิทยาการด้านต่าง ๆ และ
ทาให้วิทยาศาสตร์กลายเป็นศาสตร์ที่มีความสาคัญ โดยเน้นศึกษา
เรื่องราวของธรรมชาติ
ทาให้เกิดการค้นคว้าทดลองและแสวงหาความรู้ด้านต่าง ๆ ซึ่งนาไปสู่
การประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง และเป็นพืนฐานของการ
้
ปฏิวัติอุตสาหกรรมในสมัยต่อมา
- 5. ทาให้ชาวตะวันตกมีทัศนคติเป็นนักคิด ชอบสังเกต ชอบซักถาม ชอบ
ค้นคว้าทดลอง เพื่อหาคาตอบ และนาความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ให้เกิด
ประโยชน์ต่อการดาเนินชีวต
ิ
ทาให้มนุษย์เชื่อมั่นในความคิดของความก้าวหน้า กล้าที่จะตั้งคาถามและ
แสวงหาคาตอบในด้านต่างๆ เพื่อนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
- 7. การปฏิวัตทางวิทยาศาสตร์ในระยะแรก
ิ
การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ในระยะแรก เป็นการค้นพบ
ความรู้ทางดาราศาสตร์ ทาให้เกิดคาอธิบายเกี่ยวกับปรากฏการณ์
ทางธรรมชาติต่าง ๆ ซึ่งเป็นการท้าทายความเชื่อดั้งเดิมของคริสต์
ศาสนา สรุปได้ดังนี้
- 8. นิโคลัส โคเปอร์นิคัส ( NICHOLAUS COPERNICUS )
การค้นพบทฤษฏีระบบสุรยจักรวาลของนิโคลัส โคเปอร์นิคัส
ิ
( nicholaus Copernicus ) ชาวโปแลนด์ ในต้นคริสต์ศตวรรษ
ที่ 17 สาระสาคัญ คือ ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาล โดยมี
โลกและดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ โคจรโดยรอบ ทฤษฏีของโคเปอร์นิคัส
ขัดแย้งกับหลักความเชื่อของคริสตจักรอยากมาที่เชื่อว่าโลกเป็น
ศูนย์กลางของจักรวาล แม้จะถูกประณามอย่างรุนแรง แต่ถือว่าเป็น
ความคิดของโคเปอร์นิคัสเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติทาง
วิทยาศาสตร์ ทาให้ชาวตะวันตกให้ความสนใจเรื่องราวลี้ลับของ
ธรรมชาติ
- 9. กาลิเลโอ กาลิเลอิ (GALILEO GALILEI)
การประดิษฐ์กล้องจุลทรรศน์ ( Telescope ) ของกาลิเลโอ ชาวอิตาลีในปี
ค.ศ.1609 ทาให้ความรู้เรื่องระบบสุรยจักรวาลชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น ได้เห็น
ิ
จุดดับในดวงอาทิตย์ได้สังเกตการณ์เคลือนไหวของดวงดาว และได้เห็น
่
พื้นขรุขระของดวงจันทร์ เป็นต้น
- 10. โจฮันเนส เนส เคปเลอร์ (JOHANNES KEPLER)
โจฮัน เคปเลอร์ (JOHANNES KEPLER)
การค้นพบทฤษฎีการโคจรของดาวเคราะห์ ของโจฮันเนส เคปเลอร์
(Johannes Kepler) ชาวเยอรมัน ในช่างต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 สรุปได้
ว่า เส้นทางโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์เป็นรูปเข่หรือรูปวงรี มิใช่
เป็นวงกลมตามทฤษฎีขอโคเปอร์นิคัส
- 12. เรอเนส์ เดส์การ์ตส์ ( RENE DESCARTES )
เซอร์ ฟรานซิส เบคอน ( SIR FRANCIS BACON )
เรอเนส์ เดส์การ์ตส์ ( Rene Descartes ) ชาวฝรั่งเศส และ
เซอร์ ฟรานซิส เบคอน ( Sir Francis Bacon ) ชาวอังกฤษ ได้ร่วมกัน
เสนอหลักการการใช้เหตุผล วิธีการทางคณิตศาสตร์ และการค้นคว้าวิจัย
มาใช้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและการแสวงหาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์
(Rene Descartes)
- 13. ความคิดของเดส์การ์ตส์ เสนอว่าเรขาคณิตเป็นหลักความจริง สามารถ
นาไปใช้สืบค้นข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ได้ ซึ่งได้รับความเชื่อถือจาก
นักวิทยาศาสตร์ในสมัยต่อมาเป็นอย่างมาก
ความคิดของเบคอน เสนอแนวทางการค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์ โดย
ใช้ “วิธีการทางวิทยาศาสตร์” เป็นเครื่องมือศึกษา ทาให้วิทยาศาสตร์ได้รับ
ความสนใจอย่างกว้างขวาง
- 14. การจัดตั้งสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
การเสนอทฤษฏีการศึกษาค้นคว้าด้วย “ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ” ทาให้
เกิดความตื่นตัวในหมู่ปัญญาชนของยุโรป มีการจัดตั้งสถาบันวิทยาศาสตร์
แห่งชาติขึ้นในประเทศต่าง ๆ หลายแห่ง ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17
เพื่อสนับสนุนงานวิจัย การประดิษฐ์อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ และ
แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ทาให้วิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้าโดย
ลาดับ
- 15. ความร่วมมือระหว่างนักวิทยาศาสตร์กับนักประดิษฐ์นาไปสู่การพัฒนา
สิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ มากมาย ความรู้ทางวิทยาศาสตร์จึงเป็นรากฐานของ
ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ จึงมีผู้กล่าวว่ากรปฏิวัติ
วิทยาศาสตร์ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 เป็นยุคแห่งอัจฉริยะ (The Age of
Genius) เพราะมีการค้นพบความรู้ทางวิทยาศาสตร์ใหม่ ๆ เกิดขึ้น
มากมาย
- 16. การค้นพบ “กฎแห่งความโน้มถ่วง” ของนิวตัน
การค้นพบความรู้หรือทฤษฎีใหม่ของ เซอร์ ไอแซค นิวตัน
(Sir Isaac Newton) นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ในตอนปลายคริสต์
ศตวรรษที่ 17 มี 2 ทฤษฏี คือ กฎแรงดึงดูดของจักรวาลและกฎแห่งความ
โน้มถ่วง
ผลจากการค้นพบทฤษฏีทงสองดังกล่าว ทาให้นักวิทยาศาสตร์สามารถ
ั้
อธิบายได้ว่าเพราะเหตุใดโลกและดาวเคราะห์จึงหมุนรอบดวงอาทิตย์ และ
ดวงจันทร์จึงหมุนรอบโลกได้โดยไม่หลุดจากวงโคจร และสาเหตุที่ทาให้
วัตถุต่าง ๆ ตกจากที่สูงลงสู่พื้นดินโดยไม่หลุดลอยไปในอวกาศ
- 17. ความรู้ที่พบกลายเป็นหลักของวิชากลศาสตร์ ทาให้นักวิทยาศาสตร์เข้า
ในเรื่องราวของเอกภพสะสาร พลังงาน เวลา และการเคลื่อนตัวของวัตถุ
ในท้องฟ้า โดยใช้ความรู้และวิธีการทางคณิตศาสตร์ช่วยค้นหาคาตอบ
- 18. ผลจากการปฏิวัติวทยาศาสตร์
ิ
ทาให้เกิดความรู้ใหม่แตกแยกออกไปหลายสาขา
มีอิทธิพลต่อความคิดและความเชื่อของชาวยุโรป
นาไปสู่การปฏิวัติทางภูมิปัญญาไทย
- 19. รายชื่อสมาชิก
นายทวิน ใจมาคา เลขที่3
นายสวิสต์ จันต๊ะคาด เลขที10
่
นางสาวจริยา กันทาสุวรรณ์ เลขที่14
นางสาวแพรวพิลาศ ไชยชะนะ เลขที่25
นางสาวลลิตา ปัญวิยะ เลขที28 ่
นางสาวหฤหัยรัตน์ จันต๊ะคาด เลขที่32
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/4