More Related Content Similar to แนวคิดสำคัญของนักปรัชญาอัตถิภาวนิยม Soren kierkegaard
Similar to แนวคิดสำคัญของนักปรัชญาอัตถิภาวนิยม Soren kierkegaard (20) More from Padvee Academy (20) แนวคิดสำคัญของนักปรัชญาอัตถิภาวนิยม Soren kierkegaard6. ซอเร็น เกียกเกอการ์ด คือ ใคร?
เกียกเกอการ์ดเป็น นักปรัชญาอัตถิภาวนิยม ที่เป็น “เทวนิยม”
(Theism) คือ ศรัทธาในความมีอยู่ของพระเจ้า
ได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาของปรัชญาอัตถิภาวนิยม
เขาปฏิเสธระบบปรัชญาของเฮเกล และเห็นว่า >> ความเป็น
จริง คือ สถานการณ์ในแต่ละขณะที่บุคคลแต่ละคนได้
เผชิญหน้า
บุคคลมีหน้าที่ที่จะตัดสินใจกระทาในสถานการณ์นั้นๆ ของตน
มนุษย์ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการตัดสินใจได้
เป็นแนวคิดที่เน้นให้ความสาคัญแก่ความเป็นปัจเจกชน
7. ประวัติและชีวิตของ ซอเร็น เกียกเกอการ์ด
เกียกเกอการ์ด เกิดที่เมืองโคเป็นฮา
เก็น ประเทศเดนมาร์ก ในปี ค.ศ. 1813
เป็นคนหนุ่มที่ช่างคิด ช่างสงสัย และ
คิดถึงชีวิตอย่างลึกซึ้ง
ตกหลุมรัก และหมั้นหมายกับสาวสวย
เรจิน่า ออลเซน แต่หลังจากนั้นชีวิต
รักของทั้งสองเต็มไปด้วยคาถามและ
ความทุกข์ทรมาน...
เขาพยายามหาเหตุผลในการถอนหมั้น
ทั้งๆที่ยังรัก....
12. หลังจากถอนหมั้น ได้เดินทางไปเรียนที่เบอร์ลิน และเริ่มมีความคิด
เป็นปฏิปักษ์กับปรัชญาของเฮเกล (Hegel) และโจมตีปรัชญาที่เน้น
ในระบบมากกว่าที่จะเน้นในความสัมพันธ์กับชีวิตมนุษย์
เขาได้เขียนบทความโต้แย้งและแสดงความไม่เห็นด้วยกับทัศนะ
ทางการเมืองของหนังสือพิมพ์คอร์แซร์ ทาให้เกิดการตอบโต้ทาง
ความคิดกันอย่างรุนแรง >> เกียกเกอการ์ดได้กลายเป็นคนที่
โดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น และมีความคิดว่า....
“ฝูงชนเป็นอันตรายต่อชีวิตที่แท้จริงของคนที่เป็นตัวของเขา
เอง โดยไม่เกรงอิทธิพลของฝูงชนภายนอก และการอยู่ตัว
คนเดียวได้นั้นเป็นคุณธรรมที่สาคัญยิ่งของการมีชีวิตที่ดี”
14. งำนเขียนสำคัญของเกียกเกอกำร์ด
The Concept of Trony (1840)
Either-or (1842)
Edifying Discourse (1843)
Fear and Trembliny (1843)
The Concept of Dread (1844)
Concluding Unscientific Postscript (1846)
The Point of Views for my Work as an
Author (1848)
The Sickness Unto Death (1849)
Attack upon Christendom (1854)
16. พระผู้เป็นเจ้าเป็นสิ่งเดียวกับความเป็นนิรันดร ความเป็นอนันต์
และความเป็นสิ่งสมบูรณ์ >> มนุษย์ถูกสร้างขึ้นตามพระฉายา
ลักษณ์ของพระเจ้า
ด้วยเสรีภาพที่มนุษย์มีอยู่ในตัว มนุษย์ได้ทาตัวเองให้แปลกแยก
ออกจากพระเจ้า ไม่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า
มนุษย์เป็นเพียงสิ่งจากัด (finite) เป็นเพียงสิ่งเฉพาะ (particular)
ขณะที่พระเจ้าเป็นสิ่งไม่จากัด (infinite) เป็นสากล (universal)
ดังนั้นมนุษย์กับพระเจ้าจึงมีช่องว่างที่มาสามารถบรรจบ รวมกัน
ได้
แนวคิดของเฮเกล >> ระบบวิภาษวิธี สามารถอธิบายทุก
เหตุการณ์อย่างมีเหตุผลด้วยกฎเกณฑ์เดียวกัน (รวมทั้ง พระเจ้า
มนุษย์ และศาสนาก็อยู่ในระบบวิภาษวิธีด้วย)
18. แนวคิดปรัชญาวิภาษวิธีของเฮเกล
ปรัชญาของเฮเกล คือ ลัทธิจิตนิยม (idealist) >>สิ่งที่เป็นความจริงจะต้องมี
ลักษณะสมบูรณ์ทั่วด้าน ที่เรียกว่า จิตสัมบูรณ์ เป็นตัวตนสมบูรณ์ ครอบงาสรรพสิ่ง
และเป็นสิ่งตรงข้ามกับโลกความเป็นจริงที่มนุษย์เห็นอยู่โดยทั่วไป หรือสัมผัสได้
จุดเด่นในปรัชญาเฮเกล คือ ทัศนะแบบวิภาษวิธี (dialectic) ที่อธิบายว่า จิต หรือ
ตัวตนสมบูรณ์นี้แสดงออกในรูปของความขัดแย้ง 2 ด้าน คือ ด้านสนับสนุน และ
ด้านปฏิเสธ ด้านหนึ่งเป็นบทเสนอ (thesis) ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นบทแย้ง
(antithesis) และวิวัฒนาการการต่อสู้ระหว่าง 2 ด้านที่ขัดแย้งนี้เอง จะนามาสู่การ
พัฒนาของสิ่งใหม่ ที่จะเรียกว่า บทสังเคราะห์ (synthesis) และบทสังเคราะห์นี้ก็จะ
กลายเป็นบทเสนอ (thesis) ใหม่ ก่อให้เกิดบทแย้ง (antithesis) ใหม่ และนามาสู่
บทสรุป (synthesis) ใหม่ ไปจนสิ้นสุดกระบวนการพัฒนา (ปฏิพัฒนา) ที่จะนาไปสู่
ความเป็น จิตสมบูรณ์อันแท้จริง
20. ประสบการณ์ชีวิต หรือ ปรัชญาชีวิต ๓ ขั้นตอน
๑. ขั้นสุนทรียะ หรือ ขั้นผัสสะ
๒. ขั้นจริยธรรม
๓. ขั้นศาสนา
ชีวิตทั้ง ๓ ขั้น สะท้อนให้เห็นความ
พยายามของมนุษย์ที่จะเข้าถึง
หนทางรอดพ้นสูงสุด / ที่จะพบกับ
ความสมหวัง หรือสิ่งดีที่สุดของชีวิต
21. ๑. ชีวิตขั้นสุนทรียะ หรือ ผัสสะ (aesthetic stage)
ปัจเจกชน อาจเป็นพวกสุขนิยมที่แสวงหาความพึงพอใจ
หรือพวกปัญญาชนที่สนใจขบคิดปรัชญา
คนเหล่านี้จะไม่ตัดสินใจเลือกกระทาสิ่งต่างๆในชีวิตด้วย
ตนเอง
พวกปัญญาชน เช่น พวกเหตุผลนิยม ขบคิดแต่ทฤษฎี
ปรัชญา แต่ห่างไกลจากประสบการณ์อันแท้จริงในชีวิต
พวกสุขนิยม เพลิดเพลินกับความสุขทางกาย พึงพอใจใน
ด้านกิเลสตัณหากับเพศตรงข้ามแบบไม่มีข้อจากัด และไม่มี
ข้อผูกมัด
23. ชีวิตแบบสุนทรียะ/ผัสสะ เป็นสิ่งที่ไร้
ประโยชน์ เพราะปัจเจกชนจะตกอยู่ใน
ความเบื่อ >> เบื่อชีวิต / เบื่อสภาพ
รอบตัว
การเบื่อตัวเอง/เบื่อชีวิต เป็นความว่าง
เปล่า (Nothingness) ที่ทาให้ชีวิตหมด
ความหมาย เกิดความทุกข์ทรมานทาง
ใจ >> มนุษย์จะรู้สึกไม่พอใจกับชีวิต
การดารงอยู่อย่างรุนแรงมาก
คุณคิดว่า การวิ่งเข้าหาความสนุก
ตื่นเต้นของชีวิตแบบสุขนิยมจะจบลงที่
ความเบื่อจริงหรือไม่...จากสุขจะ
กลายเป็นทุกข์ได้จริงหรือ??
25. ๒. ชีวิตขั้นจริยธรรม (The Ethical Stage)
เป็นประสบการณ์ชีวิตของการตัดสินใจ และมีพันธกิจอย่างแน่ว
แน่ในการลงมือกระทาสิ่งต่างๆ ที่ได้ตัดสินใจแล้ว >> เป็นอิสระ
จากสิ่งต่างๆในชีวิตขั้นสุนทรียะ
การตัดสินใจ หรือ การรับรู้อย่างมีสติ ** เป็นปัจจัยที่จาเป็นที่สุด
ในการที่ตัวตนค้นพบความมั่นคงและความเป็นเอกภาพ
การเลือกอย่างแท้จริงจะเป็นการเลือกจากภายในที่ประกอบด้วย
อารมณ์และความรู้สึกต่างๆ >> คนที่กาลังเผชิญกับความตายนั้น
จะเลือกได้อย่างแท้จริง
คุณคิดอย่างไรกับ “ความตาย”....สาคัญกับการดารงอยู่ของคุณ
หรือไม่?
29. ๓. ชีวิตขั้นศาสนา (Religion Stage)
คนเราจะต้องมีอยู่ก่อนที่เขาจะบรรลุถึง หรือได้มาซึ่งตัวตนที่
แท้จริงของเขา (existence is prior to humanity)
เป็นชีวิตที่ยึดมั่นในพันธกิจ (Commitment) และความเชื่อฟัง
ต่อพระผู้เป็นเจ้า
ในขั้นศาสนา ความเป็นจริงภายในตัวเองจะเข้มข้นที่สุด อยู่ภายใน
ความทุกข์ทรมาน
“บาป” คือ การหมดสิ้นหวังที่ไม่ปรารถนาจะเป็นตัวของตัวเอง
หรือ การไม่ปรารถนาจะเป็นตัวของตัวเองอย่างอิสระต่อหน้า
พระเจ้า
30. ศรัทธา หมายถึง การกระทาของตัวตนที่สัมพันธ์กับตัวตนที่
แท้จริง โดยการปรารถนาที่จะเป็นตัวเอง (มีชีวิตอยู่อย่าง
แท้จริง – authenticity) และแสดงความเคารพ ภักดี ซื่อตรงต่อ
พระผู้เป็นเจ้า
ความหมดสิ้นหวัง คือ เจตจานงที่ไม่ประสงค์จะเป็นตัวของ
ตัวเอง
บาปและความหมดสิ้นหวังนั้น จะถูกเอาชนะได้ด้วยศรัทธา
เท่านั้น >> นั่นก็คือ การกลับมาเป็นตัวของตัวเอง และการ
เต็มใจที่จะเป็นตัวของตัวเอง >> ตัวตนจะเข้าไปมีพื้นฐานอยู่
ในพลังสูงสุดที่สร้างตัวตนขึ้นมา (GOD)
www.padvee.com
33. ปรัชญา EXISTENTIALISM ของเกียกเกอการ์ด
ปรัชญาของเกียกเกอการ์ด จะมีแนวคิดที่โจมตีปรัชญาของเฮเกล >>
เฮเกลจะเห็นความจริงในระบบการคิดด้วยเหตุผล / เกียกเกอการ์ด จะ
เน้นความสาคัญของชีวิตการดารงอยู่จริงๆ ของมนุษย์
ปรัชญาของเฮเกลจะแสวงหาสิ่งสากล / เกียกเกอการ์ดจะแสวงหา
ความหมายของปัจเจกชน หรือสิ่งเฉพาะ
เฮเกล เน้นในความจาเป็นที่ต้องเป็นเช่นนั้น / เกียกเกอการ์ดจะเน้นใน
เสรีภาพ
เฮเกลเน้นความสาคัญในการคิด / คนที่มีชีวิตของปรัชญา
Existentialism จะเน้นอย่างแข็งขันในการดาเนินชีวิต
34. สาหรับเกียกเกอร์การ์ด >> ความจริง ก็คือ ความจริงของ
ปัจเจกชน ซึ่งเป็นความจริงที่อยู่ในตัวเอง (Subjectivity)
เป็นความจริงแท้ (truth) ซึ่งขึ้นอยู่กับจิตภายใน หรือ
อารมณ์ ความรู้สึก (Passion)
การคิดแบบอัตถิภาวะ (existentially) หรือ “การคิดแบบยึด
ชีวิตการดารงอยู่เป็นสาคัญ” หมายถึง การคิดด้วยอารมณ์
ความรู้สึกภายใน
การตัดสินใจทุกครั้งนั้น เป็นการตัดสินใจที่ต้องขึ้นอยู่กับ
ความจริงภายในของจิต (subjectivity)
35. ความไม่แน่นอนของอารมณ์
ความรู้สึกภายในจิตใจ จะสร้างความ
กระวนกระวาย หรือ ความทุกข์ใจขึ้น
ซึ่งจะสงบลงได้ โดยการใช้ “ศรัทธา”
(faith)
ศรัทธาไม่สามารถมีได้ ถ้าไม่มีการ
เสี่ยง ไม่มีการเลือก ไม่มีอารมณ์
ความรู้สึก และไม่มีประสบการณ์
ภายใน
ชีวิตการดารงอยู่นั้น (existence) ไม่
สามารถจะถูกคิดได้ >> ชีวิตไม่ใช่
เรื่องที่จะคิด แต่เป็นเรื่องที่เราจะต้อง
มีชีวิตอยู่จริงๆ (be lived)
37. ความจริง เป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ภายในตัวคน
(Truth as Subjectivity)
เนื้อหาสาคัญของปรัชญาเอ็กซิสท์ฯ >> ฉันต้องดารงชีวิตอยู่
อย่างไร?
เกียกเกอการ์ด >> การเข้าใจตัวของข้าพเจ้าเอง คือ การที่จะต้อง
เห็นในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงปรารถนาให้ข้าพเจ้าทา
สิ่งสาคัญ คือ การได้ค้นพบสัจธรรมซึ่งเป็นจริงสาหรับตัวข้าพเจ้า
คือ การได้ค้นพบความคิดที่จะเป็นแนวทางให้ข้าพเจ้าสามารถที่จะ
ใช้นาทางในการดาเนินชีวิต หรือใช้นาทางไปสู่จุดสิ้นสุดของชีวิต
ข้าพเจ้าได้...มิใช่สัจธรรมอันเย็นชาและเปลือยเปล่า
38. เกียกเกอการ์ด >> ความจริง
แท้ จะต้องเป็นสภาพภายใน
จิตใจของมนุษย์ (Truth is
subjectivity) >> ได้แก่ สภาพ
แห่งอารมณ์ ความรู้สึก และ
ความคิด
คุณเห็นด้วยกับเกียกเกอการ์ด
หรือไม่? / อารมณ์ ความรู้สึก
ภายในที่สะท้อนความเป็นตัว
เรา สาคัญกว่าความสนใจใน
สิ่งภายนอกหรือไม่ อย่างไร?
40. เกียกเกอการ์ด ให้ความสาคัญกับปัจเจกชนแต่ละคน >> “เรา
ต้องเรียนรู้ตัวเราเองก่อนที่จะรู้สิ่งอื่นใดทั้งหมด” / “อัตนัยภาพ
คือความจริง”
ระบบและทฤษฎี ทาได้เพียงแต่จาแนกแยกแยะแบบแผนและ
นามธรรมต่างๆ เท่านั้น ระบบและทฤษฎีไม่เคยแม้แต่มอง
“ปัจเจกชนที่มีชีวิตอยู่” เลย