More Related Content
PPTX
การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ ม.6.7(4,10) PDF
ใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลย PPTX
การฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance) PPTX
หน่วยที่ 2 ระบบเศรษฐกิจในโลกปัจจุบัน PPSX
PDF
PDF
Unit4 ความขัดแย้งและความร่วมมือในคริสต์ศตวรรษที่ 20 PPTX
หน่วยที่ 2 ระบบเศรษฐกิจในโลกปัจจุบัน What's hot
PPTX
PDF
PDF
เศรษฐกิจในสมัยสุโขทัย อยุธยา และธนบุรี PDF
PDF
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ๋ทางการเรียน หน่วย งานและพลังงาน PPTX
PDF
เหตุการณ์สำคัญของโลกในคริสต์ศตวรรษที่21 PDF
PDF
PPT
พระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ)51 PPTX
PPTX
PDF
ลัทธิจักรวรรดินิยม Imperialism PPTX
PPTX
การค้นคว้าที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง PDF
6.2 หลักการผลิตสินค้าและบริการอย่างมีประสิทธิภาพ PDF
PDF
PPTX
สื่อการสอน เรื่อง งานประดิษฐ์ PDF
ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต Viewers also liked
PDF
ผลกระทบจากการขยายอิทธิพลของประเทศในยุโรป PPT
การปฏิรูปศาสนา Religious Reformation PPTX
Renaissance และ การปฏิรูปศาสนา PPSX
PPTX
ผลกระทบของการขยายอิทธิพลของทวีปยุโรปต่อทวีปเอเชีย PPTX
การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม PDF
PPTX
ยุคภูมิธรรมและแนวคิดประชาธิปไตย PPTX
PPTX
PPT
Age of Exploration Power Point PDF
PDF
PDF
PDF
Similar to สมัยจักรวรรดินิยม
PPT
PPT
DOC
DOC
DOC
DOC
DOC
DOC
DOC
DOC
DOC
DOC
DOC
PPTX
ผลกระทบของการขยายอิทธิพลของประเทศในยุโรปที่มีต่อทวีปแอฟริกา PDF
PDF
68141 สงครามโลกครั้งที่ 2 PPTX
PPT
History of south east asia PPT
History of south east asia PPT
History of south east asia สมัยจักรวรรดินิยม
- 2.
- 3.
- 5.
- 6.
- 7.
- 8.
ดร. เดวิด ลิฟวิงสโตนชาวสกอตแลนด์ เป็นหมอสอนศาสนา และนัก
สํารวจ เขาได้ศึกษาขนบธรรมเนียมของชาวพื้นเมือง คือ พวกแขกนิโกร
ค้นพบแม่นํ้าแซมเบซิ
(The Zambesi)
ค้นพบนํ้าตก“นํ้าตกวิกตอเรีย”
ที่ตั้งชื่อตามพระราชินีนาถวิกตอเรีย
ค้นพบทะเลสาบทันกันยิกา
- 9.
ต่อมา ค.ศ 1873นักหนังสือพิมพ์ คนหนึ่งชื่อเฮนรี่ มอร์แกน สแตนเลีย์
นักสํารวจชาวอเมริกัน ได้ไปสํารวจแอฟริกา เพราะเขาได้ข่าวคราวของ ดร.ลิฟวิ่งสโตน
และนําเรื่องราวของ ดร.ลิฟวิ่งสโตน มาลงข่าวในปี ค.ศ 1875 ร่วมถึงการพบแม่นํ้าคองโก
ด้วย แสดงให้เห็นว่าชาวพื้นเมืองคองโกมีของป่า
งาช้าง
ทองแดง
ฝ้ ายโอปอล
ที่มีค่าที่จะใช้จะแลกกับพวกสินค้าผ้า ทําให้ประเทศต่างๆ พากันสนใจในทวีปแอฟริกามากขึ้น
- 10.
บัวร์ซึ่งเป็นชาวฮอลันดาที่เข้าไปตั้งถิ่นฐานในทวีปแอฟริกา ซึ่ง
พวกบัวร์ได้ปกครองดินแดนในแอฟริกา 2รัฐ คือ สาธารณรัฐทราน
สวาท และ เสรีรัฐออเรนจ์แอฟริกานั้นอุดมไปสมบูรณ์ไปด้วย
ทรัพยากรธรรมชาติต่อมาเมื่ออังกฤษได้ปกครองเคปโคโลนีตรงปลายแหลมทาง
ตอนใต้ของแอฟริกา อังกฤษก็แสดงความดีใจกับชาวพื้นเมือง
โดยการยกเลิกการมีทาสประมาณ 30000 คน เป็นอิสระในประเทศ ค.ศ
1834 ทําให้พวกบัวร์เรียกเกิดความไม่พอใจต่อมาพวกบัวร์ประมาณ 10,000
คนอพยพไปทางเหนือของแอฟริกาไปจับจองที่ดินแถวแม่นํ้าวัล ประกาศตั้ง
สาธารณรัฐขึ้น 2 แห่ง
- 12.
- 13.
นอกจากนี้ชาวอังกฤษ ยังคิดที่จะเปลี่ยนการปกครองเป็นแบบ
สาธารณรัฐ ในปีค.ศ 1897 ดร.เจมสัน พาพรรคพวกไปปล้นพวกบัวร์ แต่ถูก
จับได้ พระเจ้าไกเซอร์ วิลเลียมที่2 จึงทรงมีโทรเลขไปแสดงความหวังดีต่อ
ประธานาธิบดีปอล ธีโอดอร์ ค.ศ 1825-1904 ซึ่งมีสมญาว่า Oom Paul เท่ากับ
ทรงประณามการกระทําของชาวอังกฤษ ต่อมาเรื่องจดหมายระหว่างอังกฤษและ
พวกบัวร์ทําให้เกิดสงคราม ตั้งแต่ปี ค.ศ 1899-1902 อังกฤษเป็นฝ่ายชนะ
แต่ได้แสดงความอลุ่มอล่วยกับพวกบัวร์ เห็นได้จาก Treaty of Vereening
ฉบับ ค.ศ 1902 ตามสนธิสัญญานี้ อังกฤษยอมเสียสละเงินจํานวนหนึ่งเพื่อให้
พวกบัวร์นําไปก่อสร้างที่อยู่แทนของเก่าตอนทําลาย
- 14.
- 15.
ออทโท ฟอน บิสมาร์ค(Otto von
Bismarck) เสนาบดีและรัฐบุรุษของปรัสเซีย-เยอรมนี
ดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งปรัสเซีย ค.ศ. 1861
เป็นผู้รวมประเทศเยอรมนีกับปรัสเซียเข้าด้วยกัน
และสถาปนาจักรวรรดิเยอรมนีขึ้น
ดํารงตําแหน่งเสนาบดีแห่งจักรวรรดิเยอรมนี
จนได้รับฉายาว่า "เสนาบดีเหล็ก"
- 16.
- 17.
- 18.
- 19.
- 20.
- 21.
- 22.
- 23.
- 24.
- 25.
- 26.
ปอล แคมบอง เอกอัคราชทูตฝรั่งเศสประจํากรุงลอนดอนได้ประสาน
ไมตรีกับอังกฤษตามที่เดลกาสเซรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส
ยอมรับว่าอังกฤษมีอิทธิพลในอียิปต์ และอังกฤษยอมรับว่าฝรั่งเศสมีอิทธิพลใน
โมร็อกโก
ความตกลงฉบับที่1 เกี่ยวกับอียิปต์และโมร็อกโก สําหรับอียิปต์
อังกฤษรับรองว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงสภาพทางการเมืองของอียิปต์ และฝรั่งเศสก็จะ
ไม่ยื่นมือเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องเกี่ยวกับอียิปต์ เพียงแต่ในอังกฤษกําหนดเป็นที่
แน่นอนว่าอังกฤษถอนทหารออกจากอียิปต์เมื่อไร สําหรับโมร็อกโกอังกฤษ รับรองว่า
ไม่ขัดขวางฝรั่งเศส
- 27.
สภาพทางการเมืองโมร็อกโกขณะนั้น ปี ค.ศ1904-05
โมร็อกโกเป็นประเทศราชของตรุกี แต่ว่าสุลต่านอับดุล อชิล ใช้จ่ายเงินทอง
ฟุ่มเฟือย นอกจากนี้ราษฏรในโมร็อกโกไม่มีความเป็นระเบียบ มักจะพาพรรค
พวกไปปล้นสะดมในเมืองแอลเจียร์ของฝรั่งเศสอยู่ตลอดเวลา ดั้งนั้นฝรั่งเศสจึง
หันไปขนาบเจ้าผู้ครองของโมร็อกโกเมื่อรู้ว่าอังกฤษ เยอรมนี ไม่สนับสนุนตน
เจ้าผู้ครองแห่งโมร็อกโกจึงทําอนุสัญญา 2 ฉบับกับฝรั่ง
1.ให้ฝรั่งเศสเป็นผู้ดูแลรักษาความสงบชายแดน
2.ให้ฝรั่งเศสเป็นผู้ฝึกสอน วิชาทหารให้แก่พวกโมร็อกโก ให้ฝรั่งเศสจัดตั้ง
ธนาคารขึ้นในโมร็อกโก
- 28.
- 29.
ความตกลงฉบับที่ 3
เกี่ยวกับประเทศไทย เกาะมาดากัสการ์และหมู่เกาะนิวเฮบริดีส
เกี่ยวกับประเทศไทย อังกฤษและฝรั่งเศสตกลงที่จะดํารงไว้ซึ่งเอกราชของไทย
แต่ให้ดินแดนทางภาคตะวันออกของประเทศไทยอยู่ในเขตปริมลฑลอิทธิพล
ฝรั่งเศส ส่วนดินแดนทางภาคตะวันตกให้อยู่ในเขตปริมลทลอิทธิพลของ
อังกฤษ
- 30.
- 32.
3. เกี่ยวกับเรื่องทิเบต อังกฤษกลัวว่าทิเบตตกอยู่ภายใต้
อิทธิพลของรุสเซีย
เพราะว่าในปีค.ศ1904 อังกฤษได้ส่งคณะทูตคนหนึ่งมีชื่อว่า เซอร์
ยังหัสแบนด์ ก็ได้ทําความตกลงกับเจ้าครองทิเบตมีใจว่าก่อนที่ทิเบตจะ
ทําการให้เช่า จะขายหรือเช่าโอนที่ดินให้แก่ชาวต่างประเทศหรือก่อนที่ทิเบตจะ
ให้สัมปทานทางรถไฟ ไปรษณีย์ โทรเลข ตลอดจนสัมปทานเกี่ยวกับการ
สร้างถนนเกี่ยวกับชาวต่างชาติ ทิเบตจะขอคําปรึกษาจากอังกฤษ
ก่อนจะตกลงฉบับนี้ก็ทําให้อังกฤษโล่งใจ
- 33.
4. ปัญหาเกี่ยวกับจีน รุสเซียได้แผ่อิทธิพลเข้าไปถึงแมนจูเรียก็
ทําให้อังกฤษนี้ไม่ไว้วางใจ กลัวว่ารุสเซียจะไม่หยุดยั้งเพียงเท่านั้น จะเลยเข้า
ไปถึงภาคกลางของจีน ซึ่งจะเป็นการกระทบกระเทือนถึงผลประโยชน์ของ
อังกฤษ
5. ปัญหา ด็อกเกอร์แบงค์ ซึ่งเป็นชายฝั่งทะเลตอนเหนือของทะเล
เหนือ ในระหว่างที่รุสเซียต้องทําสงครามกับญี่ปุ่น รุสเซียจําเป็นต้องส่ง
กองทัพเรือไปรบกับญี่ปุ่น 2 ทางด้วยกัน ทางหนึ่งไปทางทะเลบอลติก
ส่วนอีกทางหนึ่งไปทาง ทะเลดํา แต่ว่าสําหรับเรือรบในทะเลดําไม่มีโอกาส
ที่จะผ่านไปได้ ในเดือนกรกฏาคม ค.ศ 1904 เรือสองลํา ของรุสเซียนี้ได้แล่น
ผ่านช่องแคบไปได้ รัฐบาลอังกฤษจึงทําการประท้วง โดยอ้างว่าเป็นการทําผิด
ระหว่างประเทศ
- 34.
อังกฤษและรุสเซีย ได้ทําความข้อตกลง 3ฉบับ tiple entente
หรือความตกลงระหว่างประเทศมหาอํานาจ 3 ประเทศ
อนุสัญญาที่รุสเซียทํากับอังกฤษ ในปี ค.ศ.1907 ตกลงฉบับที่ หนึ่ง ได้แก่
1 เกี่ยวกับเปอร์เซีย รุสเซียกับอังกฤษรับรองเอกภาพของอาณาจักรเปอร์เซียทาง
ตอนเหนือ ส่วนทางตอนใต้อยู่ในเขตปริมลทลอิทธิของอังกฤษ
2 เกี่ยวกับอัฟกานิสถาน อังกฤษรับรองว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงสภาพทางการเมือง
และไม่สนับสนุนให้อัฟกานิสถานรุกรานรุสเซีย
3 เกี่ยวกับทิเบต รุสเซียกับอังกฤษรับรองเอกภาพของอาณาเขตทิเบต โดย
อาศัยสัญญาฉบับปี ค.ศ 1907ซึ่งรุสเซียกับอังกฤษมีความสัมพันธ์ที่ดี จึงเป็นโอกาสดี
ที่ทําให้ความตกลงนั้นเป็นมิตรระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส ในปี1904 กลายเป็นความ
เข้าใจระหว่าง สามประเทศ อังกฤษ รุสเซีย ฝรั่งเศส
- 35.
- 36.
ออสเตรีย - ฮังการียึดบอลเนีย-เฮอร์เซโกวินา
ในปีค.ศ.1908 และปัญหาแหลมบอลข่าน
- วันที่ 5 ตุลาคม 1908 บัลแกเรียได้ประกาศเอกราชขึ้นซึ่งเป็นการละเมิด
สนธิสัญญาแห่งกรุงเบอร์ลิน
- วันที่ 7 ตุลาคม 1908 ออสเตรียและฮังการีได้ยึดมณฑลบอสเนียและ
เฮอร์เซโกวินา เข้ามาอยู่ภายใต้การปกครองของออสเตรีย การประกาศเอกราชของ
บัลแกเรีย และการกระทําของออสเตรียเป็นการละเมิดสนธิสัญญาแห่งกรุงเบอร์ลิน
ทําให้เสนาบดีการต่างประเทศของรุสเซียไม่พอใจ พยายามให้มีการประชุมเพื่อพิพาท
การกระทําของออสเตรียและฮังการี แต่เยอรมนีขัดขวาง ในที่สุด อังกฤษ ฝรั่งเศส และ
รุสเซีย ตกลงยกเลิกสนธิสัญญาเบอร์ลินแห่งปี ค.ศ 1878
- 37.
สงครามแหลมบอลข่าน
ระหว่างปี ค.ศ 1912-1913
เป็นสงครามระหว่างตุรกีกับบัลแกเรียเซอร์เบีย กรีซ และมอน
เตเนโกร สาเหตุเนื่องจากนายกรัฐมนตรีกรีกเป็นตัวการสําคัญที่จะขับไล่ตุรกี
ให้ออกไปจากแคว้นมาซีโดเนียอันที่จริงรุสเซียก็มีส่วนที่จะทําให้สงครามนี้เกิดขึ้น
ด้วย เพราะว่ารุสเซียผิดหวังที่ไม่สามารถจะเปิดช่องแคบบอสฟอรัสและดาร์
ดะแนลส์ได้ รุสเซียยุให้ประเทศทั้ง 4 ทําสงครามกับตุรกี ในขณะเดียวกันก็
ทําลายอํานาจของออสเตรีย-ฮังการีให้อ่อนแอลงในชั้นต้นบัลแกเรียก็ได้ทํา
สนธิสัญญาพันธมิตรกับเซอร์เบียในปี ค.ศ 1912 ในเดือนมีนาคม
- 38.
- 39.
- 40.
-8 พฤศจิกายน คศ1912 ปรากฤว่ากองทัพของบัลแกเรียได้รับ
ชัยชนะที่เมือง kerk kilisse
-22 ตุลาคม คศ 1912 บัลแกเรียได้ชัยชนะที่เมือง kunaroo
-8 พฤศจิกายน คศ 1912 กองทัพกรีซได้รับชัยชนะที่เมืองสโลนิกา ฝ่าย
เสนาบดีว่าการต่างประทศของรุสเซียชื่อ เซอร์ไจ ซาโซนอฟประกาศว่า
รุสเซียประกาศการเข้าครอบครองดินแดนที่ตีได้ของประเทสที่มีชัยชนะ โดย
อาศัยสิทธิของการยึดครอง ที่เรียกว่า “สิทธิที่จะเข้ายึดครอง”
- 41.
- 42.
- 44.
- 45.
สมัยที่มหาอํานาจแบงเปน 2 ฝาย
-ค.ศ.1853 สาเหตุของสงครามไครเมีย เริ่มขึ้นจากการที่รุสเซียต้องการจะเข้า
ไปมีอิทธิพลในดินแดนใต้การปกครองของตุรกี ต้องการจะทําตนเป็นผู้คุ้มครอง
พวกสลาฟในแหลมบอลข่าน
-ค.ศ. 1856 การยุติศึกสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอังกฤษ ฝรั่งเศส ซาร์ดิเนีย
และตุรกี และรุสเซีย จึงมีการเซ็นสนธิสัญญาสันติภาพแห่งกรุงปารีส
-ค.ศ. 1863 บิสมาร์กซึ่งเป็นผู้เดียวที่ปฏิเสธการประท้วงรุสเซียพร้อมกับชาติ
มหาอํานาจ ยังเสนอที่จะให้รุสเซียเดินผ่านแคว้นปรัสเซียถ้าจําเป็น ถึงแม้ว่าจะ
เป็นสิ่งที่ผิดมาตรการทางการเมืองระหว่างประเทศ
- 46.
-ค.ศ. 1866 สําหรับรุสเซียบิสมาร์กเสนอส่งกองทัพจะไปช่วยรุสเซีย
ปราบกบฏชาวโปล
-ค.ศ. 1867 ปรัสเซียทําสงครามกับเดนมาร์ก เรื่องแย่งชิงแคว้นชเลส
วิกและโฮลสไตน์ รุสเซียยังเสนอที่จะยกกองทัพไปช่วยปรัสเซียตามพรมแดน
ของสวีเดน ถ้าสวีเดนจะเข้าข้างเดนมาร์ก
-ค.ศ. 1870 ปรัสเซียทําสงครามกับฝรั่งเศส
--ค.ศ. 1870 – 1871 ปรัสเซียวางแผนที่จะรวมชาติเยอรมัน
อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ทรงรับว่ารุสเซียจะวางตนเป็นกลางและจะช่วยเกลี้ยกล่อม
ไม่ให้ออสเตรียเข้าช่วยฝรั่งเศส อีกเหตุผลหนึ่งที่ทําให้อเล็กซานเดอร์ที่ 2 แห่ง
รุสเซียรู้สึกว่าบิสมาร์กแห่งเยอรมนีเป็นมิตรที่แท้จริงของรุสเซีย
- 47.
-ค.ศ. 1870 อเล็กซานเดอร์ที่2 แห่งรุสเซีย ได้ทรงฉีกสนธิสัญญาสันติภาพ
แห่งกรุงปารีสแห่งปี ค.ศ. 1856 อันเป็นสนธิสัญญาที่รุสเซียต้องจําเป็นกับฝ่าย
สัมพันธมิตรซึ่งมีอังกฤษ ฝรั่ง และตุรกี ในสงครามที่เรียกกันในประวัติศาสตร์ว่า
สงครามไครเมีย สิ้นสุดลง
-ค.ศ. 1871 เยอรมนีรวมกันได้เป็นผลสําเร็จก็กลายเป็นประเทศมหาอํานาจมี
ฐานะเท่าเทียมกับอังกฤษและฝรั่งเศส
-ค.ศ. 1871 หลังการรวมเยอรมนีบิสมาร์กก็ยังเป็นอัครมหาเสนาบดี ซึ่งมีนโยบาย
ที่จะกีดกันฝรั่งเศสไม่ให้ประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นพันธมิตร
-ค.ศ. 1872 บิสมาร์กได้จัดตั้งพรรคสันนิบาตของจักรพรรดิ 3 พระองค์ด้วยกัน
สมาชิกได้แก่ จักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ แห่งออสเตรีย ไกเซอร์ วิลเลียมที่1แห่ง
เยอรมนี พระเจ้าชาร์อเล็กซานเดอร์ที่2แห่งรุสเซียออสเตรียรู้สึกบุญคุณปรัสเซีย
(แคว้นเยอรมนี)ที่ไม่ยกไปตีกรุงเวียนนา(ออสเตรีย)
- 48.
- 49.
- 50.
1. การแบ่งรัฐบัลแกเรีย ให้เป็นรัฐเล็กและแบ่งเป็นมณฑลโรมาเนีย
ตะวันออกซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถาวรเพราะว่าปรากฏว่าต่อมามณฑลโรมาเนียตะวันออก
ได้ประกาศรวมกับบัลแกเรียเป็นรัฐใหม่ และได้เชิญเจ้าชายเยอรมันองค์หนึ่งชื่อ
เจ้าชายเฟอร์ดินานด์แห่งซักส์-โคบูร์ ผู้มีเชื้อสายเป็นชาวออสเตรีย-ฮังการี
2. สุลต่านตุรกี ได้ปกครองดินแดนที่ได้บรรจุในสัญญา
3. ต่อมามอนเตเนโก เซอร์เบีย และโรมาเนีย ก็ได้ประกาศอิสรภาพ
ของตน ถึงอย่างไรก็ตามมหาอํานาจตะวันตกต่างก็พอใจในสนธิสัญญาแห่ง
กรุงเบอร์ลินแห่งปี ค.ศ. 1878
- 51.
- 52.
- 53.
- 54.
หลังจากที่ได้มีการเจรจากันแล้ว ก็ได้มีการลงนามในสนธิสัญญาไตรภาคี
(Triple Alliance)ในวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ.1882 ระหว่างอิตาลี ออสเตรีย-ฮังการี
และเยอรมณี มีเงื่อนไขหลายประการ ดังนี้คือ
5.ถ้าหากว่ามีเหตุการณ์ใดที่คุกคามสันติภาพเกิดขึ้น จะปรึกษาหารือกันก่อนที่จะ
เคลื่อนกองทัพจากข้อตกลงทําสนธิสัญญาจะมีอายุ 5 ปีและสนธิสัญญาสันติภาพฉบับนี้
จะต้องเก็บไว้เป็นความลับ
4.ถ้าประเทศภาคีสนธิสัญญาต้องทําสงครามกับมหาอํานาจอื่นตัวต่อตัว ประเทศ
ภาคีสัญญาจะตั้งตัวเป็นกลาง และสงวนสิทธิ์ที่จะช่วยเหลือในโอกาสอันเหมาะ
3.ถ้าประเทศภาคีสนธิสัญญาต้องทําสงครามกับประเทศมหาอํานาจอื่นๆ ตั้งแต่ 2
ประเทศขึ้นไป ประเทศภาคีสนธิสัญญานี้จะให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน2.ถ้าฝรั่งเศสโจมตีเยอรมณี อิตาลีจะเข้าช่วยเหลือเยอรมณี
1. ถ้าอิตาลีถูกรุกราน โดยไม่ได้ยั่วให้ฝรั่งเศสโกรธเคือง เยอรมณีและ
ออสเตรีย-ฮังการี จะเข้าช่วยเหลืออิตาลี
- 55.
ต่อมาทั้ง 3 ชาตินี้ยังได้ออกประกาศอีกฉบับหนึ่งว่า
สนธิสัญญานี้ไม่ได้มุ่งร้ายต่ออังกฤษ เพราะว่าอิตาลีมีฝั่งทะเลอัน
ยาวอาจจะถูกกองทัพอังกฤษรุกราน จึงได้มีการบรรจุข้อความดังกล่าวในคําประกาศ
เพื่อเป็นการเอาใจอังกฤษ และหลีกเลี่ยงการรุกราน
- 56.
เยอรมณี อิตาลี ออสเตรีย-ฮังการี
ได้ทําสนธิสัญญากันแต่บิสมาร์กก็ยังไม่วางใจ เพราะว่าฝรั่งเศส
ได้มีคณะรักชาติคณะหนึ่งที่นายพลบูลองเยร์ เป็นหัวหน้าบูลองเยร์มีนโยบายที่
จะแก้แค้นเยอรมณีและจะเรียกร้องเอาแคว้นอัลซาสกับลอร์เรนคืน
ถึงแม้ว่าเยอรมณีจะมีอิตาลีและออสเตรียเป็นพันธมิตรแล้วก็ตาม แต่เยอรมณีก็
ยังไม่ไว้ใจรุสเซีย จึงพยายามจะให้ฝ่ายรุสเซียมาเป็นพวกเดียวกันแต่รุสเซียไม่
ต้องการจะเป็นพวกเดียวกับออสเตรีย-ฮังการี รุสเซียไม่ยอมที่จะต่ออายุ
สัญญาที่ว่าด้วยการจัดตั้งสันนิบาตของจักรพรรดิ 3 พระองค์
ฉะนั้นสันนิบาตจักรพรรดิทั้ง 3 จึงสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1887
- 57.
การลงนามทําสนธิสัญญาสันติภาพ ระหว่างเยอรมนีกับรุสเซีย ที่เรียกว่า
รีอินชัวเรนซ์ในวันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ.1887 โดยมีสาระสําคัญ
ดังต่อไปนี้
3.เยอรมณียอมรับว่ารุสเซียมีสิทธิ์ในแหลมบอลข่าน ตลอดไปถึงรัฐต่างๆในบัลกาเลีย
2.ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะรักษาสถานะเดิมของรัฐต่างๆในแหลมบอลข่าน
1.ถ้าประเทศภาคีสนธิสัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดถูกโจมตีโดยประเทศที่ 3 ประเทศภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง
จะต้องตั้งตนเป็นกลางและจะพยายามไม่ให้การรบนี้ลุกลามต่อไป แต่ข้อความนี้จะไม่ใช้
บังคับในกรณีที่ประเทศภาคีสนธิสัญญาโจมตีฝรั่งเศสหรือออสเตรีย-ฮังการี
- 58.
- 59.
- 60.
อันที่จริงรุสเซียแสดงไมตรีต่อฝรั่งเศสมาก่อน คือ ในปีค.ศ. 1875
ต่อมาพระเจ้าชาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 ก็ทรงอนุมัติให้ลงนามในความตกลงทางการ
เมือง ในเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ.1891 เรียกว่า France-Russian Alliance
อันมีสาระสําคัญคือ
ความสัมพันธระหวางรุสเซียและฝรั่งเศสกอน
สงครามโลกครั้งที่ 1
- 61.
- 62.
ฝ่ายฝรั่งเศสต้องการให้ข้อความนี้มีความหมายที่แน่นอน โดยทําเป็น
อนุสัญญาว่าด้วยการทหารบก จึงพยายามที่จะหาหนทางเจรจากับรุสเซียในที่สุดในวันที่
27ตุลาคม ค.ศ. 1893 พระเจ้าชาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 ก็ทรงทําสัญญาทหารบก
หรืออนุสัญญาทวิมิตร ข้อความก็มีหลายประการด้วยกัน คือ
6. สนธิสัญญาทวิมิตรนี้ จะต้องเก็บไว้เป็นความลับ และใช้บังคับได้นานเท่ากับสนธิสัญญา
ไตรมิตร5.ฝรั่งเศสและรุสเซียจะไม่แยกกันทําสนธิสัญญาสันติภาพ
4.กรมเสนาธิการทหารบกทั้งสองประเทศจะติดต่อแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับกําลังกองทัพ
ของสัญญาไตรมิตร (ฝ่ายเยอรมนี) และจะตระเตรียมแผนการไว้
3.ในการต่อสู้เยอรมนี ฝรั่งเศสจะให้ทหารประมาณ 1 ล้าน 3 แสนคน รุสเซียให้ 7-8 แสน
คน เพื่อบังคับให้เยอรมนีต้องทําศึกทั้ง 2 ด้าน
2.ในกรณีที่กองทัพฝ่ายสนธิสัญญาไตรมิตร (ฝ่ายตรงข้ามเยอรมนี อิตาลี-ฮังการี) ระดมพล
ฝรั่งเศสและรุสเซียจะระดมพลทั้งหมด และจะส่งให้เข้าประจําการให้ใกล้พรมแดนที่สุด
เท่าที่จะทําได้
1. ถ้าฝรั่งเศสถูกรุกรานโดยเยอรมนี หรือโดยอิตาลีซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเยอรมนี
รุสเซียจะใช้กําลังทั้งหมดเข้าโจมตีเยอรมนี ในทํานองเดียวกัน ถ้าเยอรมนีโจมตีรุสเซีย
ฝรั่งเศสจะให้กําลังทั้งหมดเข้ารบเยอรมนี
- 63.
เนื่องจากการลงนามในสนธิสัญญาฉบับนี้ ทําให
มหาอํานาจแบงออกเปน 2ฝาย
1.ค่ายสนธิสัญญาไตรมิตร ในปี ค.ศ.1882 ประกอบด้วย เยอรมนี ออสเตรีย-
ฮังการี และอิตาลี
2.ค่ายสนธิสัญญาทวิมิตร ในปี ค.ศ. 1893 ประกอบด้วย รุสเซียและฝรั่งเศส
ส่วนอังกฤษได้ตั้งตนเป็นกลาง อันเป็นนโยบายต่างประเทศของ
อังกฤษ คือ การโดดเดี่ยวอย่างมีศักดิ์ศรีตามความต้องการของลอร์ด ซอลส์เบอรี่
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ
- 64.
จัดทําโดย
1. นางสาว ณัฐวดีจิตรว่องไว ส.561 เลขที่ 16
2. นางสาว เปียทิพย์ บุญแพง ส.561 เลขที่ 25
3. นาย พันธกานต์ รองพล ส.561 เลขที่ 27
4. นางสาว อรนุช ทําศรี ส.561 เลขที่ 36