SlideShare a Scribd company logo
บทที่ 16
การถ่ ายทอดทางพันธุกรรม
MENDEL AND THE GENE IDEA
เมนเดลได้ ศึกษาการ
ถ่ ายทอดกรรมพันธุ์ซ่ ง
ึ
เป็ นพืนฐานสําคัญ
้
ของสิ่งมีชีวิตโดยวิธี
วิทยาศาสตร์ ทุก
ขันตอน ทําให้ เกิด
้
สาขาวิชาชีววิทยา
แขนงใหม่ เรียกว่ า
วิชาพันธุศาสตร์
Genetics)
A genetic cross

แผนภาพแสดงการทดลองการ
ผสมข้ ามระหว่ างละอองเรณูจาก
พันธุ์ดอกสีขาว กับเกสรตัวเมีย
จากพันธุ์ดอกสีม่วง เมื่อได้ เมล็ด
และนําไปปลูก ได้ ลูกผสม F1 ซึ่ง
ให้ ดอกสีม่วงทังหมด หรือถ้ าผสม
้
ในทางกลับกัน คือผสมละออง
เรณูจากพันธุ์ดอกสีม่วงกับเกสร
ตัวเมียจากพันธุ์ดอกสีขาว จะ
ได้ ผลการทดลองเหมือนกัน
เมนเดลทําการ
ศึกษาลักษณะทาง
กรรมพันธุ์ของต้ น
ถั่ว 3 รุ่ น คือรุ่ นพ่ อ
แม่ ดอกสีม่วง
และดอกสีขาว รุ่ น
ลูกผสม F1 ดอก
ม่ วงทังหมด และ
้
เมื่อ F1 ผสม
กันเอง จะได้ ร่ ุ น
F2 ซึ่งอัตราส่ วน
ของดอกสีม่วง : สี
ขาว = 3:1
เมนเดลได้ อธิบายผลการทดลองของเขา เป็ น 4 ข้ อ ดังนี ้
(ในการอธิบายต่ อไปนีจะใช้ คาว่ า ยีน แทนคําที่เมนเดลใช้ คือ heritable factor)
้
ํ
1. สิ่งที่ควบคุมลักษณะกรรมพันธุ์ เช่ น ลักษณะสีดอก คือยีน ซึ่งต่ างกัน 2
รู ปแบบ (อัลลีล) อัลลีลหนึ่งควบคุมดอกสีม่วง อีกอัลลีลหนึ่งควบคุมดอกสีขาว
2. สิ่งมีชีวตประกอบด้ วยยีน 2 อัลลีล อัลลีลหนึ่งมาจากพ่ อ และอีกอัลลีลห
ิ
นึ่งมาจากแม่ จากความรู้ ในปั จจุบัน ทําให้ อธิบายความคิดของเมนเดลได้ ว่า
ในสิ่งมีชีวตที่เป็ น diploid ซึ่งมีโครโมโซมคู่เหมือนกัน โครโมโซมแท่ งหนึ่งมา
ิ
จากพ่ อ และอีกแท่ งหนึ่งมาจากแม่ โครโมโซมคู่เหมือนนีอาจมีอัลลีล
้
เหมือนกัน เรี ยกว่ าพันธุ์แท้ เช่ นเดียวกับพันธุ์ในรุ่ นพ่ อแม่ ของการทอดลอง
ของเมนเดล หรื ออาจจะมีอัลลีลต่ างกัน เช่ นในลูกผสม F1
3. ถ้ าอัลลีลต่ างกัน อัลลีลหนึ่งจะเป็ นอัลลีลเด่ นซึ่งจะแสดงสมบัตของ
ิ
ลักษณะให้ เห็น อีกอัลลีลหนึ่งเป็ นอัลลีลด้ อยซึ่งจะถูกข่ มไม่ แสดงลักษณะ
4. อัลลีลทัง 2 จะถูกแยกไปในเซลล์ สืบพันธุ์แต่ ละเซลล์
้
เรี ยกหลักการถ่ ายทอดกรรมพันธุ์ข้อนีว่า
้
Law of segregation (กฏการแยกยีน)
Alleles, contrasting versions of a gene
Mendel’s law
of segregation
Mendel’s law of segregation

ในการศึกษานีเ้ มนเดลศึกษาลักษณะสีของดอกเพียงลักษณะ
เดียว (monohybrid cross) ซึ่งดอกสีม่วงควบคุมโดยยีนเด่ น (P) และดอก
สีขาวโดยยีนด้ อย (p) ในพืชประกอบด้ วย 2 อัลลีลที่ควบคุมลักษณะสี
ดอกซึ่งได้ รับถ่ ายทอดมาจากพ่ อและแม่ ในรุ่ นพ่ อแม่ เป็ นพันธุ์แท้ ของ
ดอกสีม่วง (PP) และดอกสีขาว (pp) ซึ่งสร้ างเซลล์ สืบพันธุ์
ประกอบด้ วยอัลลีลเดียว การผสมของรุ่ นพ่ อแม่ จะได้ ลูกผสม F1 ซึ่ง
ประกอบด้ วย Pp แสดงดอกสีม่วงตามลักษณะยีนเด่ น เมื่อ F1 สร้ าง
เซลล์ สืบพันธุ์อัลลีลทัง 2 จะถูกแยกออกไป เซลล์ สืบพันธุ์ครึ่งหนึ่งจะ
้
มีอัลลีล P และอีกครึ่งหนึ่งเป็ นอัลลีล p และจากการผสมพันธุ์กันเอง
ในรุ่ น F1 ได้ ร่ ุ น F2 ดังแสดงในตาราง ได้ อัตราส่ วนดอกสีม่วง: ดอกสี
ขาว = 3:1
Flower color
Flower position
Seed color
Seed shape
Pod shape
Pod color
Stem length

เมนเดลเลือก
ลักษณะ
กรรมพันธุ์
ทังหมด 7 คู่
้
ลักษณะ ซึ่งใน
ปั จจุบันทราบว่ า
เป็ นลักษณะที่
ควบคุมโดยยีนที่
อยู่บนโครโมโซม
ต่ างคู่กัน
Some useful genetic vocabolary

ในสิ่งมีชีวตที่เป็ น diploid ลักษณะกรรมพันธุ์ควบคุมโดย
ิ
ยีน 2 รูปแบบ (allele=อัลลีล) หรือมากกว่ า 2 รู ปแบบ เช่ น
ลักษณะสีดอกถั่วลันเตามียีนรูปแบบหนึ่งควบคุมดอกสีม่วงเข้ ม
(P) และยีนอีกรู ปแบบหนึ่งควบคุมลักษณะดอกสีขาว (p)
อัลลีล : ยีนคู่ท่ มีรูปแบบต่ างกันและที่ตาแหน่ งโลกัส (locus)
ี
ํ
เดียวกัน
homozygous : พวกพันธุ์แท้ ท่ มีค่ ูอัลลีลเหมือนกัน
ี
heterozygous : ลูกผสมที่มีอัลลีลต่ างกัน
phenotype : ลักษณะกรรมพันธุ์ท่ แสดงออกมาให้ เห็น
ี
genotype : องค์ ประกอบคู่ยีนหรือคู่อัลลีลที่อยู่ภายใน
เซลล์
A testcross
ในการทดสอบว่ า ดอกสี
ม่ วงที่เห็นมี genotype เป็ น
PP หรื อ Pp โดยการนําพืช
ที่สงสัยนีไปผสมกับพันธุ์ท่ ี
้
ทราบ genotype
โดยเฉพาะ pp สังเกต F1
ว่ ามีลักษณะอย่ างไร ถ้ า
F1 มีสีม่วงทังหมดแสดง
้
ว่ าพันธุ์ทดลองเป็ น PP
ถ้ า F1 มีสีม่วงครึ่งหนึ่ง
และสีขาวครึ่งหนึ่งแสดง
ว่ าพันธุ์ทดลองเป็ น Pp
Law of independent assortment

(กฏการแยกยีนเพื่อการเรียงตัวกันใหม่ อย่ างอิสระ)
เมนเดลทดลองผสมพันธุ์ถ่ ัวลันเตาขันต่ อไปโดย
้
พิจารณาลักษณะที่แตกต่ างกัน 2 คู่ พร้ อมกัน เรี ยกว่ า
(dihybrid cross) ตัวอย่ างเช่ น ลักษณะเมล็ดเรี ยบ สี
เหลือง กับ เมล็ดขรุ ขระ สีเขียว
HYPOTHESIS: DEPENDENT ASSORTMENT

parent

F1
F2

ถ้ าเป็ นไปตามสมมุตฐาน
ิ
dependent assortment คือ
เป็ นการแยกยีนเพื่อการ
รวมตัวกันใหม่ ไม่ เป็ นอย่ าง
อิสระ ลูกผสม F1 จะ
สามารถสร้ างเซลล์ สืบพันธุ์
ได้ เพียง 2 แบบ คือ YR และ
yr ที่เหมือนกับรุ่ นพ่ อแม่
เท่ านัน และรุ่ น F2 จะแสดง
้
ลักษณะเมล็ดเรี ยบ สี
เหลือง : เมล็ดขรุ ขระ สีเขียว
ในอัตราส่ วน 3:1
HYPOTHESIS: INDEPENDENT ASSORTMENT

parent

F1

F2

ถ้ าเป็ นไปตามสมมุตฐาน
ิ
independent assortment
คือ ยีนแต่ ละคู่จะแยกจาก
กัน และกลับเข้ ามา
รวมกันได้ อย่ างอิสระ
ลูกผสม F1 จะสามารถ
สร้ างเซลล์ สืบพันธุ์ได้ 4
แบบ และมีอัตราส่ วนของ
Phenotype = 9:3:3:1 ซึ่ง
การทดลองของเมนเดล
ได้ ผลสอดคล้ องตาม
สมมุตฐานข้ อนี ้
ิ
สรุป
หลักการถ่ ายทอดกรรมพันธุ์ 2 ข้ อ ได้ แก่
• Law of segregation
• Law of independent assortment
หลักการถ่ ายทอดลักษณะกรรมพันธุ์ตามกฏของ
เมนเดล เป็ นที่ยอมรับกันอย่ างกว้ างขวาง ในต้ น
คริสต์ ศตวรรษที่ 20 มีนักวิทยาศาสตร์ หลายท่ าน
ได้ นําเอาหลักการของเมนเดลมาเป็ นพืนฐาน
้
ศึกษาวิจัยเพิ่มเติมมากขึน และพบปรากฏการณ์
้
ใหม่ ๆหลายอย่ าง ซึ่งล้ วนแต่ เป็ นข้ อมูลสนับสนุน
ข้ อเสนอของเมนเดลทังสิน ได้ แก่
้ ้
Incomplete
dominance

พืชลินมังกร เมื่อเอาพันธุ์
้
ดอกสีแดงผสมกับพันธุ์ดอก
สีขาว จะได้ ลูกผสมรุ่ นF1 มี
ดอกสีชมพู และเมื่อ F1 ผสม
กันเอง จะได้ ลูกผสม F2 มี
ดอกทัง 3 ลักษณะ คือ ดอก
้
สีแดง ชมพู และขาว ใน
อัตราส่ วน 1:2:1 ตามลําดับ
จะเห็นได้ ว่าอัตราส่ วนของ
phenotype ตรงกับอัตราส่ วน
genotype ในกรณีนียีนที่
้
ควบคุมลักษณะดอกสีแดงไม่
แสดงสมบัตเด่ นอย่ างแท้ จริง
ิ
Multiple alleles for the ABO blood groups
Multiple allele กับระบบหมู่เลือดระบบ ABO ในคน
หมู่เลือดระบบ ABO เป็ นลักษณะที่ถ่ายทอดทาง
กรรมพันธุ์ ยีนที่ทาหน้ าที่ควบคุมการสังเคราะห์ แอนติเจนบน
ํ
ผิวเม็ดเลือดแดง ประกอบด้ วย 3 อัลลีล ในแต่ ละคนมี 2 อัล
ลีล ดังนัน genotype ที่เป็ นไปได้ มี 6 แบบ IA และ IB มีสมบัติ
้
เด่ นด้ วยกันทังคู่ (codiminance) ดังนันคนที่มี genotype IAIB
้
้ ้
(หมู่ เลือดAB) จะมีทงแอนติเจน A และ B ส่ วน i มีสมบัตด้อย
ั้
ิ
กว่ า IA และ IB คนที่มี genotype ii (หมู่ เลือด O) จึงไม่ มี
แอนติเจน แต่ สร้ างแอนติบอดีทง A และ B เมื่อผสมเมล็ด
้ ั้
เลือดของคนหมู่เลือดอื่นๆกับเซรุ่ มของหมู่เลือด O จะทําให้
เกิดการตกตะกอน
A simplified model for polygenic inheritance of skin color

ลักษณะกรรมพันธุ์ที่ควบคุมโดยยีน
หลายยีน หรื อ polygene ซึงอาจมี
่
ตังแต่ 3 ยีน ถึง 40 ยีน เรี ยก
้
กรรมพันธุ์แบบโพลียีน (polygenic
inheritance) รูปที่แสดงเป็ นรูปแบบ
ง่ายๆในเรื่ องสีผิว สีผิวควบคุมโดย
ยีน 3 ยีน ในแต่ละยีนมีสมบัติการ
แสดงออกไม่เต็มที่ (imcomplete
dominance) การถ่ายทอดลักษณะสี
ผิวนี ้จะเห็นได้ ชดเจนจากผลการ
ั
ผสมพันธุ์ระหว่างลักษณะตํ่าสุดกับ
ลักษณะสูงสุด โดยสังเกตได้ จาก
ลูกผสม F1 มี genotype แบบ
AaBbCc ซึงมีหน่วยสีดําอยู่ 3 หน่วย
่
และเมื่อ F1 ผสมกันเองได้ F2 พบว่า
มีความแตกต่างแปรผันของสีผิว
ต่อเนื่องในลักษณะคล้ ายเส้ นโค้ ง
Pedigree analysis reveals Mendelian
patterns in human inheritance

นักวิจัยได้ พัฒนากรรมวิธีการศึกษาพันธุศาสตร์ ของมนุษย์
เพื่อทราบว่ าลักษณะกรรมพันธุ์นันมีการถ่ ายทอดแบบใด และ
้
สามารถคาดคะเนได้ ว่าลักษณะกรรมพันธุ์นันมีโอกาสเกิดขึนได้
้
้
มากน้ อยเพียงใดในคู่แต่ งงานแต่ ละคู่ ซึ่งเป็ นประโยชน์ อย่ างยิ่งใน
การวางแผนสําหรับครอบครั วที่มียีนที่ผิดปกติอยู่ เทคนิคที่นิยมใช้
กันอยู่คือ การวิเคราะห์ สายสัมพันธ์ ของกลุ่มเครื อญาติ (pedigree
analysis)
Pedigree analysis

Pedigree เขียนขึนมาจากประวัตการถ่ ายทอดลักษณะกรรมพันธุ์ท่ แสดงออก
้
ิ
ี
ทาง phenotype อย่ างใดอย่ างหนึ่งโดยใช้ สัญลักษณ์ ต่างๆแทนลักษณะ phenotype ของ
แต่ ละคนในวงศ์ ตระกูลนัน ตามหลักมาตรฐานสากลดังนี ้ สี่เหลี่ยม หมายถึง ผู้ชาย
้
วงกลม หมายถึง ผู้หญิง แต่ ละคู่แต่ งงานเชื่อมด้ วยเส้ นเดี่ยวจากผู้ชายไปผู้หญิง ลําดับ
ของลูกแต่ ละคนเรียงจากซ้ ายไปขวา ผู้ท่ แสดงลักษณะกรรมพันธุ์แสดงด้ วยสีเข้ ม
ี

(a) pedigree tracing a dominant
trait (widow’s peak)

(b) Pedigree tracing a recessive trait
(attached earlobes)
Many human disorders follow Mendelian
patterns of inheritance

Recessive inherited disorders
ลักษณะทางกรรมพันธุ์ท่ เกิดจากยีนด้ อยทาง autosome
ี

Cystic fibrosis โรคนีพบมากในคนผิวขาว พบในอัตรา 1 คนใน 2,500 คน มีคนผิวขาว
้
เป็ นพาหะของโรคนีถง 4% สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของยีนที่ควบคุมการ
้ึ
สังเคราะห์ membrane protein ที่ทาหน้ าที่เกี่ยวกับ chloride ion transport ระหว่ าง
ํ
ภายในเซลล์ กับของเหลวภายนอกเซลล์ ผลคือทําให้ ภายนอกเซลล์ มีปริมาณ
chloride สูง มีผลต่ อเนื่องทําให้ เมือกที่คลุมเซลล์ เหนียวข้ นกว่ าปกติ สะสมอยู่ในตับ
อ่ อน ปอด ทางเดินอาหาร และอวัยวะต่ างๆ ทําให้ เกิดการติดเชือจากแบคทีเรี ยได้
้
ง่ าย เด็กที่เป็ นโรคนีมักจะตายก่ อนอายุ 5 ขวบ การที่ทราบวาเป็ นโรคนีและให้ การ
้
้
ดูแล รั กษา ปองกันการติดเชือเป็ นอย่ างดี ทําให้ สามารถมีอายุยืนยาวขึนได้
้
้
้
Tay-Sachs disease สาเหตุของโรคเกิดจากความผิดปกติของเอนไซม์
ที่ไม่ สามารถสลายไขมันบางชนิดในสมองได้ ทําให้ เกิดความเสื่อมของ
ระบบประสาท อาจทําให้ ตาบอด สติปัญญาเสื่อม กล้ ามเนือหมดแรง
้
จนเป็ นง่ อยได้ ซึ่งจะแสดงอาการในเด็กเล็กประมาณ 2-3 เดือนหลัง
คลอด และมีอาการรุ นแรงจนทําให้ เด็กเสียชีวิตได้ ภายในอายุ 2-3
ขวบ โรคนีพบมากในกลุ่มชาวยิว ประมาณ 1 คนใน 3,600 คนของเด็ก
้
เกิดใหม่ ซึ่งสูงกว่ าเด็กกลุ่มอื่นๆ 100 เท่ า
Sickle cell disease เป็ นโรคที่พบบ่ อยในอัฟริกา เกิดจากกรดอะมิโน
val ไปแทนที่ glu ที่ตาแหน่ งที่ 6 ในสายบีตาของฮีโมโกลบิน เป็ นผล
ํ
ทําให้ เม็ดเลือดแดงบิดเบียวเป็ นรู ปเคียว ทําให้ มีผลกระทบต่ อการนํา
้
ออกซิเจน คนที่เป็ น heterozygous มีความต้ านทานสูงต่ อการติดเชือ
้
ไข้ มาลาเรีย และสามารถถ่ ายทอดยีนต่ อไปได้
Dominants inherited disease

ลักษณะผิดปกติทางกรรมพันธุ์ท่ เกิดจากยีนเด่ นของ
ี
autosome

Huntington’s disease โรคนีพบในอัตรา 1 คนใน 10,000 คน
้
อาการของโรคจะแสดงออกในช่ วงอายุ 35-45 ปี โดยแสดงอาการ
ผิดปกติของระบบประสาทส่ วนกลาง และเป็ นโรคติดเชือได้ ง่าย
้
การแสดงอาการออกล่ าช้ าของยีนนีมีผลกระทบต่ อโครงสร้ างทาง
้
พันธุกรรมของประชากร เพราะกว่ ายีนนีจะแสดงออกก็ผ่านระยะ
้
สืบพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะกรรมพันธุ์นันไปสู่ร่ ุ นลูกแล้ ว
้
Multifactorial disorders

บางคนอาจเป็ นโรคบางโรค ได้ แก่ โรคหัวใจ เบาหวาน มะเร็ง
alcoholism ฯลฯ ได้ ง่ายกว่ าคนอื่น โรคเหล่ านีเ้ ป็ นโรคที่เกิดจากหลายสาเหตุ
คือเกิดจากกรรมพันธุ์ร่วมกับสิ่งแวดล้ อมเป็ นสาเหตุสาคัญของโรค
ํ
(Multifactorial disorders) โรคเหล่ านีอาจควบคุมโดยยีนหลายตัว เช่ นใน
้
ปั จจุบันพบแล้ วว่ ายีนที่ควบคุมการทํางานของหัวใจมีหลายยีน ดังนันการ
้
ดํารงชีวตแบบต่ างๆในแต่ ละคนทําให้ มีโอกาสเสี่ยงต่ อการเกิดโรคได้ ไม่
ิ
เหมือนกัน พบว่ าการออกกําลังกาย การควบคุมชนิดของอาหาร การไม่ สูบ
บุหรี่ หรื อหลีกเลี่ยงอาการเครี ยดต่ างๆ ทําให้ ลดความเสี่ยงของการเกิด
โรคหัวใจและมะเร็งบางชนิดได้
ในปั จจุบันยังมีความรู้ ไม่ มากนักเกี่ยวกับโรคที่เกิดจากหลายสาเหตุ
ร่ วมกันเหล่ านี ้ แต่ ส่ ิงที่ดีท่ สุดคือการให้ ความรู้แก่ ประชาชนในการควบคุม
ี
สิ่งแวดล้ อมและมีพฤติกรรมการดําเนินชีวตที่ดีจะทําให้ ไม่ เป็ นโรคต่ างๆได้
ิ
Technology is providing new tools for genetic testing
and counseling
ความก้ าวหน้ าทางเทคโนโลยีเอือประโยชน์ ในการตรวจหา
้
ความผิดปกติทางพันธุกรรมและการให้ คาปรึกษา
ํ
Fetal diagnosis

เปรียบเทียบระหว่ างวิธี aminocentesis กับวิธี chorionic villus sampling
Fetal diagnosis
เทคนิคการนําเอาตัวอย่ างเซลล์ ของทารก มาหาความผิดปกติทาง
กรรมพันธุ์กระทําได้ โดยวิธี aminocentesis ทําได้ โดยใช้ เข็มดูดเอานําครํ่าที่มี
้
เซลล์ ท่ หลุดออกมาจากผิวหนังของทารก นํามาเพาะเลียงให้ แบ่ งเซลล์ เพิ่ม
ี
้
จํานวนมากขึน เพียงพอสําหรั บนําไปวิเคราะห์ ตรวจหาความผิดปกติของ
้
โครโมโซมและทางชีวเคมี วิธีนีกระทําในช่ วง 14-16 สัปดาห์ ของการตังครรภ์
้
้
และต้ องใช้ เวลา 2-3 สัปดาห์ กว่ าจะรู้ ผล
อีกเทคนิคหนึ่งคือ การเก็บตัวอย่ างเนือเยื่อโคเรี ยน (chorionic villi
้
sampling, CVS) กระทําโดยใช้ ท่อขนาดเล็กสอดเข้ าไปทางปากมดลูกแล้ ว
ดูดเอาตัวอย่ างเนือเยื่อของเยื่อหุ้ม chorion ที่ห้ มถุงนําครํ่าออกมา เนือเยื่อนี ้
้
ุ
้
้
สามารถนําไปวิเคราะห์ และตรวจสอบได้ ทนที วิธีนีสามารถใช้ ตรวจสอบ
ั
้
ทารกที่มีอายุเพียง 8-10 สัปดาห์ และรู้ ผลการตรวจสอบได้ ภายใน 1-2 วัน
เท่ านัน
้
The chromosomal basis of
inheritance
The
chromosomal
basis of
Mendel’s law
โครโมโซมเป็ นตัวกลางสําคัญสําหรับการถ่ ายทอดกรรมพันธุ์

ภาพแสดงความสัมพันธ์ ระหว่ างการทดลองผสมพันธุ์ถ่ ัว
ลันเตา โดยพิจารณาลักษณะที่ต่างกัน 2 ลักษณะพร้ อมกัน (dihybrid
cross) ของเมนเดล กับพฤติกรรมของโครโมโซม โดย 2 ลักษณะนี ้
ควบคุมโดยยีนที่อยู่บนโครโมโซมต่ างแท่ งกัน (จริงๆแล้ วถั่วลันเตามี
โครโมโซม 7 แท่ ง แต่ ในรูปแสดงเพียง 4 แท่ ง)ในรู ปแสดง
metaphase I (ช่ องสีเหลือง) และการแยกออกจากกันของโครโมโซมคู่
เหมือน (homologous chromosome) ในระยะ anaphase I ซึ่งเป็ นแบบ
segregation และ independent assortment ผลสุดท้ าย F1 สร้ างเซลล์
สืบพันธุ์ได้ 8 แบบ และแต่ ละแบบมีจานวนเท่ าๆกัน ถ้ าศึกษาต่ อ
ํ
จนถึงรุ่ น F2 จะได้ อัตราส่ วน phenotype = 9:3:3:1
หลักความน่ าจะเป็ นไปได้

สิ่งมีชีวตพวก diploid ถ่ ายทอดสารพันธุกรรม
ิ
หรื อยีนไปตามโครโมโซมโดยผ่ านเซลล์ สืบพันธุ์ การ
แยกโครโมโซมคู่เหมือนในกระบวนการไมโอซิส เป็ น
แบบสุ่มนัน การคาดคะเน genotype หรื อ phenotype ใน
้
รุ่ นลูกอาจคํานวณได้ ตามหลักความน่ าจะเป็ นไปได้
(probability) ซึ่งมีหลักสําคัญ 2 ประการ คือ
1. กฏการคูณ
2. กฏการบวก
Morgan traced a gene to a specific chromosome
Thomas Hunt Morgan เป็ นนัก embryologist ที่มหาวิทยาลัย
โคลัมเบีย ประเทศสหรั ฐอเมริกา ค้ นพบยีนที่อยู่ในโครโมโซม X
(sex linkage) ของแมลงหวี่ (Drosophila melanogaster) โดย
ขณะศึกษาพันธุกรรมของแมลงหวี่ เขาพบแมลงหวี่ตัวผู้ตัวหนึ่ง
มีตาสีขาว (mutant phenotype) ซึ่งแตกต่ างไปจากแมลงหวี่ตาสี
แดงปกติท่ วไป (wild type)
ั
Morgan’s first mutant แมลงหวี่ตาสีแดงเป็ นลักษณะปกติ เรียกว่ า
wild type และลักษณะตาสีขาวเป็ น mutant phenotype จากลักษณะนี ้
ที่ทาให้ เขาค้ นพบยีนที่อยู่ในโครโมโซม X
ํ
Sex-linked inheritance
Morgan ทําการทดลองผสมพันธุ์แมลง
หวี่ตัวผู้ตาสีขาวกับตัวเมียตาสีแดงปกติ
ได้ ลูกผสมรุ่ น F1 ทุกตัวมีตาสีแดง และ
รุ่ น F2 มีตาสีแดงและตาสีขาว ใน
อัตราส่ วนประมาณ 3:1 แต่ ท่ น่าสนใจ
ี
มากคือ ตัวเมียทุกตัวมีตาสีแดง ส่ วนตัว
ผู้มีทงตาสีแดงและตาสีขาวอย่ างละ
ั้
เท่ าๆกัน Morgan ตังสมมุตฐานว่ า ยีนที่
้
ิ
ควบคุมสีตานีอยู่ในโครโมโซม X (ในรู ป
้
w+ = dominant allele (ตาสีแดง), w =
recessive allele (ตาสีขาว))
Morgan เลือกศึกษาแมลงหวี่เพราะแมลงหวี่มี
คุณสมบัตท่ เป็ นข้ อดีหลายประการ ดังนี ้
ิ ี

•แมลงหวี่พบได้ ท่ วไปและกินราที่ขึนบนผลไม้ เป็ นอาหาร
ั
้
•ช่ วงชีวตสัน และให้ลูกหลานจํานวนมาก แมลงหวี่ค่ ูหนึ่ง
ิ ้

สามารถให้ ลูกได้ เป็ นร้ อยตัว และรุ่ นใหม่ สามารถผสม
พันธุ์ได้ อีกภายใน 2 สัปดาห์
•แมลงหวี่มีโครโมโซมเพียง 4 คู่ ซึ่งศึกษาได้ ง่ายจาก
กล้ องจุลทรรศน์ 3คู่ เป็ น autosome และ 1 คู่เป็ น sex
chormosome ตัวเมียเป็ น XX และตัวผู้เป็ น XY
ต่ อมาได้ มีการศึกษาทดลองในสัตว์ อ่ ืนๆอีก และเป็ นที่
ยอมรั บว่ า ยีนที่อยู่ในโครโมโซม X มีแบบแผนการ
ถ่ ายทอดจากพ่ อและแม่ ไปสู่ลูกรุ่ นถัดไปต่ างจากยีนที่
อยู่ใน autosome
Linked gene trend to be inherited together because they are located on the same
chormosome
ยีนที่เป็ นลิงเกจกันมีแนวโน้ มที่จะถูกถ่ ายทอดไปด้ วยกันเนื่องจากยีนนันอยู่บน
้
โครโมโซมเดียวกัน

การศึกษาต่ อมาของ Morgan และผู้ร่วมงาน แสดงให้ เห็นการถ่ ายทอดลักษณะของยีนที่
เป็ นลิงเกจกัน โดยเลือกศึกษา 2 ลักษณะที่แตกต่ างกัน คือ สีตัว และขนาด wild type มีตัวสีเทาและ
ปี กยาวปกติ ส่ วน mutant phenotype มีตัวสีดา ปี กสันและมีขนาดเล็กกว่ า ยีนที่ควบคุม b+ = gray, b =
ํ
้
black, vg+ = normal wing, vg = vestigial wing ยีนเหล่ านีอยู่บน autosome
้
Evidence of linked genes in Drosophilia

Morgan ทําการผสมพันธุ์ตว
ั
เมียที่มี genotype = b+ b
vg+ vg กับตัวผู้ที่มี genotype
= b b vg vg ถ้ าเป็ นไปตามกฏ
ของเมนเดิล (Mendel’s law of
independent assortment) รุ่น
F1 มี 4 ลักษณะในอัตราส่วน
1:1:1:1 แต่จากการทดลองไม่
ได้ ผลตามนัน แสดงว่ายีนที่
้
ควบคุมลักษณะทัง้ 2 ลักษณะ
นี ้ไม่ได้ แยกออกจากกันเพื่อการ
รวมตัวใหม่อย่างอิสระ เป็ น
เพราะยีนทัง้ 2 ยีนอยู่ใน
โครโมโซมเดียวกัน ที่เรี ยกว่า
linked gene หรื อ linkage ยีน
ที่เป็ นลิงเกจกันมีแนวโน้ มจะถูก
ถ่ายทอดไปด้ วยกัน แต่มีโอกาส
แยกจากกันได้ บ้างโดย
crossing over
Independent assortment of chormosomes
and crossing over produce genetic
recombination

The recombination of linked gene: crossing over

ยีนต่ างๆในโครโมโซมเดียวกันแสดงความถี่ของการ
เกิด recombination แตกต่ างกันในยีนแต่ ละคู่ท่ ใช้ ทดลอง และ
ี
โอกาสของการเกิด gene recombination มีความสัมพันธ์
โดยตรงกับระยะทางระหว่ างยีนในโครโมโซมเดียวกัน โดย
recombination ระหว่ างยีนที่อยู่ใกล้ กันมีโอกาสน้ อยกว่ ายีนที่
อยู่ห่างกัน
Recombination due to crossing over

(a) Production of recombinant gametes
(b) Production of recombinant offspring ผลคือได้ ร่ ุ นลูกที่มีลักษณะที่ถกถ่ ายทอดมาจากพ่ อ
ู
และแม่ และลักษณะที่เป็ น recombination ที่เกิดจาก crossing over โดย ความถี่ของ
recombination หมายถึง จํานวนลูกที่มีลักษณะ recombination ในจํานวนลูกทังหมด คิดเป็ น %
้
Geneticists can use recombination data to map a
chromosome genetic loci
นักพันธุศาสตร์ ใช้ หลักการเรื่ อง recombination ในการ
หาตําแหน่ งและระยะทางระหว่ างยีน

Alfred H. Sturtevant ลูกศิษย์ ของ Morgan ได้ ทาการทดลอง
ํ
ผสมพันธุ์แมลงหวี่เพื่อหาตําแหน่ งและระยะทางระหว่ างยีน (genetic
map) ในกลุ่มลิงเกจด้ วยกัน โดยใช้ หลักการที่ว่าความถี่ของการเกิด
recombination หรือความถี่ของ crossing over ระหว่ างยีน 2 ยีนมี
ความหมายแสดงถึงระยะทางระหว่ างยีนทังสอง กล่ าวคือ ค่ าความถี่
้
ของการเกิด recombination 1 % = 1 map unit ตัวอย่ างเช่ น
Using recombination frequencies to construct a genetic map: ศึกษา
gene recombination ของแมลงหวี่ของยีน b vg และ cn ที่อยู่บน
โครโมโซมเดียวกัน พบว่ า ความถี่ของ recombination ระหว่ าง cn กับ b
= 9%, cn กับ vg = 9.5 % และ b กับ vg = 17 % สามรถทํา genetic map
ที่เรียกว่ า linkage map ได้ ดงรูป
ั
นักพันธุศาสตร์ ในยุค
ปั จจุบันได้ นํา
หลักการดังกล่ าวมา
ใช้ อย่ างกว้ างขวาง
เพื่อศึกษา genetic
map ของสิ่งมีชีวิต
ต่ างๆรวมทังในคน
้
ด้ วย
Sex chromosomes

The chromosomal basis of sex varies with organism
Some chromosomal systems of sex determination

ระบบการกําหนดเพศแบบต่ างๆในสัตว์ ต่างชนิดกัน
การกําหนดเพศ (sex determination) ในสิ่งมีชีวิตขึนอยู่กับ
้
ชนิดของโครโมโซมเพศ
(a) ระบบ x-y ในคนและสัตว์ เลียงลูกลูกด้ วยนํานมชนิดอื่นๆรวมทังพวกแมลงบาง
้
้
้
ชนิด เพศของลูกขึนอยู่กับว่ าสเปิ ร์ มของพ่ อมีโครโมโซม X หรื อ Y
้
(b) ระบบ X-O ในพวกตั๊กแตน จิงหรี ด แมลงสาป และแมลงอื่นๆบางชนิด มี
้
โครโมโซมเพศแบบเดียว ตัวเมียเป็ น XX ตัวผู้เป็ น XO (O= ศูนย์ ตัวผู้มี
โครโมโซม X เพียงอย่ างเดียว) เพศของลูกกําหนดโดยสเปิ ร์ มมีหรื อไม่ มี
โครโมโซม X
(c) ระบบ Z-W ในพวกนก ปลาบางชนิด และแมลงบางชนิดรวมถึง
พวกผีเสือ ในสัตว์ เหล่ านีเ้ พศถูกกําหนดโดยโครโมโซมเพศที่มีอยู่ใน
้
เซลล์ ไข่ เพื่อให้ เห็นความแตกต่ างของระบบการกําหนดเพศจึงนิยม
ใช้ อักษร Z และ W แทน X และ Y ตัวผู้เป็ น ZZ และตัวเมียเป็ น ZW
(d) ระบบ haploid – diploid ในพวกผึงและมดไม่ มีโครโมโซมเพศ ตัว
้
เมียเกิดมาจากไข่ ท่ ได้ รับการปฏิสนธิ ดังนันจึงเป็ น diploid ส่ วนตัวผู้
ี
้
เกิดมาจากไข่ ท่ ไม่ ได้ รับการปฏิสนธิจงเป็ น haploid
ี
ึ
ในคน การเจริญและพัฒนาเปลี่ยนแปลงของอวัยวะสืบพันธุ์จะเริ่ม
ตังแต่ เอมบริโอระยะ 1-2 เดือนในครรภ์ มารดา ซึ่งจะเจริญเป็ นอัณฑะหรื อรัง
้
ไข่ ขึนอยู่กับฮอร์ โมนของเอมบริโอ ความแตกต่ างของฮอร์ โมนเป็ นได้ 2 ทาง
้
ขึนอยู่กับว่ ามีโครโมโซม Y หรื อไม่
้
ในปี ค.ศ. 1990 นักวิจัยชาวอังกฤษพบยีนที่ควบคุมการเจริญของ
อัณฑะ มีช่ ือว่ า SRY ยีนนีอยู่บนโครโมโซม Y ถ้ าไม่ มียีน SRY เนือเยื่อของ
้
้
อวัยวะสืบพันธุ์ (gonads) จะเจริญไปเป็ นรั งไข่ ดังนันสรุ ปว่ าการมีหรื อไม่ มี
้
SRY เป็ นตัวกําหนดการเจริญของเนือเยื่อของอวัยวะสืบพันธุ์
้
การเจริญพัฒนาเปลี่ยนแปลงของอวัยวะสืบพันธุ์ค่อนข้ างซับซ้ อน
เกี่ยวข้ องกับการทํางานของยีนหลายยีนด้ วยกัน ดังนันจึงเป็ นไปได้ ว่า SRY มี
้
บทบาทควบคุมการสังเคราะห์ โปรตีนซึ่งควบคุมการทํางานของยีนอื่นๆอีก
มาก
Sex linked genes have unique patterns of inheritance
ยีนที่อยู่ในโครโมโซมเพศมีแบบแผนการถ่ ายทอดกรรมพันธุ์
แตกต่ างไปจากยีนที่อยู่ใน autosome
The transmission of sex linked recessive traits
การถ่ ายทอดลักษณะทางกรรมพันธุ์โดยยีนด้ อยที่เกี่ยวเนื่องกับเพศ
อธิบายเครื่องหมายต่ างๆที่ใช้
X และ Y = โครโมโซมเพศ, A = ยีนเด่ น, a =ยีนด้ อย
กรอบสีขาว = ลักษณะปกติ, กรอบสีอ่อน = เป็ นพาหะ, กรอบสีเข้ ม = เป็ นโรค

(a) แม่ ท่ ีมีลักษณะปกติและเป็ น
dominant homozygote แต่ งงานกับพ่ อ
ที่เป็ นโรค จะถ่ ายทอดยีนด้ อยให้ ลูก
สาวทุกคน แต่ ไม่ ถ่ายทอดไปยังลูก
ชาย ลูกสาวทุกคนจะมีลักษณะปกติ
แต่ เป็ นพาหะ
(b) แม่ ท่ เป็ นพาหะแต่ งงานกับ
ี
พ่ อที่เป็ นปกติ ในจํานวนลูก
ชายและลูกสาวทังหมด
้
ครึ่งหนึ่งจะมียีนด้ อย อีก
ครึ่งหนึ่งเป็ นปกติ ลูกชายทุก
คนที่มียีนด้ อยจะเป็ นโรค
ส่ วนลูกสาวมียีนด้ อยตัวเดียว
มีลักษณะปกติแต่ เป็ นพาหะ
เหมือนแม่
(c) แม่ ท่ เป็ นพาหะแต่ งงานกับ
ี
พ่ อที่เป็ นโรค ครึ่งหนึ่งของลูก
จะเป็ นโรค ลูกสาวที่ไม่ เป็ นโรค
จะเป็ นพาหะ ส่ วนลูกชายที่ไม่
เป็ นโรคจะเป็ นปกติโดยไม่ มียีน
ด้ อยของโรคนีเ้ ลย
Sex linked disorder in humans

โรคทางกรรมพันธุ์ท่ เกิดจากยีนด้ อยในโครโมโซมเพศ
ี
ในคน ปั จจุบนพบแล้ วมีหลายโรคด้ วยกัน เช่ น ตาบอดสี โรค
ั
กล้ ามเนือแขนขาลีบ (Duchenne muscular dystrophy) ฯลฯ
้
โรคกล้ ามเนือแขนขาลีบนีพบในสหรัฐอเมริกาในอัตรา
้
้
ค่ อนข้ างสูง คือคนผู้ชายเป็ นโรคนี ้ 1 คนในทุกๆ 3,500 คน
คนที่เป็ นโรคนีมักมีอายุไม่ เกิน 20 ปี อาการของโรคนีคือ
้
้
กล้ ามเนือแขนขาลีบ นักวิจัยพบว่ าโรคนีเ้ กิดจากการขาด
้
โปรตีนในกล้ ามเนือที่สาคัญ คือ dystrophin ยีนที่ควบคุมการ
้ ํ
สังเคราะห์ โปรตีนนีอยู่บนโครโมโซม X
้
โรคเลือดไหลไม่ หยุด (Hemophilia) โรคนีเ้ กิดจากการขาด
โปรตีนจําเป็ นสําหรั บการแข็งตัวของเลือด ดังนันคนที่เป็ น
้
โรคนีจงมีอาการเลือดไหลออกง่ ายหรือหยุดได้ ยาก ถึงแม้ มี
้ึ
บาดแผลเพียงเล็กน้ อยก็ตาม โรคนีร้ ูจักกันมานานและมี
้
ประวัตน่าสนใจ คือประวัตการถ่ ายทอดยีนด้ อยนีในราชวงศ์
ิ
ิ
้
ของพระนางเจ้ าวิกตอเรีย (1819-1901) ที่ยีนนีถ่ายทอด
้
แพร่ กระจายต่ อไปในราชวงศ์ ของสเปนและรัสเซีย
แผนภาพการถ่ ายทอดลักษณะกรรมพันธุ์ hemophilia ในราชวงศ์
พระนางเจ้ าวิกตอเรียแห่ งอังกฤษ
X-inactivation in female mammals

แม้ ว่าสัตว์ เลียงลูกด้ วยนมรวมทังคนด้ วยจะมีโครโมโซม X
้
้
2 แท่ ง แต่ แท่ งหนึ่งจะไม่ ทาหน้ าที่หรืออยู่ในสภาพ inactive
ํ
ระหว่ างการเจริญของเอมบริโอ ดังนันทังในตัวผู้และตัวเมียจะมี
้ ้
ยีนเพียง 1 ชุดที่อยู่ในโครโมโซม X ที่ทาหน้ าที่ Inactive-X ในตัว
ํ
เมียจะถูกกําจัดออกมองเห็นเป็ นจุดดําอยู่ตรงขอบด้ านในของ
นิวเคลียส เรี ยกว่ า Barr body ยีนที่อยู่บนโครโมโซม X แท่ งที่เป็ น
Barr body นีจะไม่ ทาหน้ าที่ แต่ จะ active ขึนมาใหม่ ได้ อีกในเซลล์
้
ํ
้
ที่จะเจริญเป็ นไข่
นักพันธุศาสตร์ ชาวอังกฤษชื่อ Mary Lyon แสดงให้ เห็นว่ า การที่
โครโมโซม X แท่ งใดจะกลายเป็ น Barr body หรือ inactive-X จะเป็ น
แบบสุ่มในแต่ ละเซลล์ ของเอมบริโอ ดังนันจึงเป็ นผลให้ ในตัวเมีย
้
ประกอบด้ วยเซลล์ 2 แบบ คือแบบที่ inactive-X มาจากพ่ อ และแบบที่
inactive-X มาจากแม่ หลังจากที่ inactive-X กลายเป็ น Barr body แล้ ว
และแบ่ งตัวแบบไมโอซีสต่ อไป กลุ่มเซลล์ ต่อมาจะมี inactive –X
เหมือนกันหมด ดังนันในตัวเมียที่เป็ น heterozygous ของลักษณะ
้
กรรมพันธุ์ท่ เกี่ยวกับโครโมโซมเพศ ครึ่งหนึ่งของเซลล์ จะแสดง allele
ี
ตัวหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งแสดง allele อีกตัวหนึ่ง
ตัวอย่ างเช่ น การเกิดสีของแมว 3 สี (Calico cat) และ อาการที่
ต่ อมเหงื่อไม่ เจริญในคน อาการต่ อมเหงื่อไม่ เจริญนีเ้ ป็ น recessive Xlinked mutation ผู้หญิงที่เป็ น heterozygous จะมีผิวหนังที่บางส่ วนมี
ต่ อมเหงื่อและบางส่ วนไม่ มีต่อมเหงื่อ
X-inactivation and the calico cat

บนโครโมโซม X มียีนที่ควบคุมสีขน
อัลลีลหนึ่งควบคุมสีดาอีกอัลลีลหนึ่ง
ํ
ควบคุมสีส้ม แมวตัวผู้ (XY) จะมี
เพียงอัลลีลเดียว ดังนันแมวที่มีทัง 2 สี
้
้
(heterozygous) จึงมักเป็ นตัวเมียเสมอ
ตัวเมียที่เป็ น heterozygous นี ้ ใน
ระหว่ างการเจริญของเอมบริโอ
โครโมโซม X ตัวหนึ่งในเซลล์ ต่างๆ
กลายเป็ น Barr body ซึ่งเป็ นแบบสุ่ม
และเมื่อเซลล์ แบ่ งตัวเซลล์ บริเวณ
ใกล้ ๆกันนันจะมีโครโมโซม X แบบ
้
เดียวกัน ทําให้ ตัวแมวเกิดเป็ นบริเวณ
ด่ างมีสีต่างกัน แล้ วแต่ ว่ามีโครโมโซม
X สีใด
Inactive-X เกี่ยวข้ องกับการเกาะของ methyl group (CH3) กับ cytosine ซึ่งเป็ น nitrogenous base ตัวหนึ่งของ DNA
การกําหนดว่ าโครโมโซมแท่ งใดจะเป็ นเปาหมายของ
้
กระบวนการ methylation นักวิจัยได้ ค้นพบยีนตัวหนึ่งที่ active
เฉพาะในโครโมโซมที่เป็ น Barr body ยีนนีเ้ รียกว่ า XIST (X
inactive specific transcript) ผลผลิตของยีนนี ้ (specific
transcript) คือ RNA ซึ่งจะเกาะอยู่ท่ โครโมโซม X ตรงตําแหน่ งที่
ี
RNA นีถูกสร้ างขึนมา ทําให้ โครโมโซม X แท่ งนัน inactive แต่
้
้
้
สมมุตฐานนียังมีข้อสงสัยอีกมากมายที่ยังไม่ ทราบแน่ ชัด
ิ
้
Alteration of chromosome number

ปกติส่ ิงมีชีวตมีจานวนโครโมโซมจําเพาะและคงที่
ิ ํ
สําหรับสปี ซี่ส์หนึ่งๆ แต่ บางครั งพบว่ ามีจานวนโครโมโซม
้
ํ
แตกต่ างไปจากจํานวนปกติ สาเหตุเกิดจากความผิดปกติใน
กระบวนการแบ่ งเซลล์ แบบไมโอซิส ในพ่ อหรือแม่ เรี ยก
ปรากฏการณ์ นีว่า Nondisjunction ซึ่งอาจเกิดขึนในช่ วง
้
้
Meiosis I หรือ II ยังผลให้ เกิดเซลล์ สืบพันธุ์ท่ มีจานวน
ี ํ
โครโมโซมมากหรื อน้ อยกว่ าปกติ เมื่อเซลล์ สืบพันธุ์ท่ ผิดปกตินี ้
ี
ผสมกับเซลล์ สืบพันธุ์เพศตรงข้ าม จะได้ ไซโกตที่มีจานวน
ํ
โครโมโซมผิดปกติ ซึ่งมีผลกระทบต่ อการเจริญของเอมบริโอ
ในลักษณะต่ างๆกัน
การเปลี่ยนแปลงจํานวนโครโมโซมแบ่ งออกเป็ น 2 ประเภท คือ
1. Aneuploidy คือปรากฏการณ์ ท่ มีจานวนโครโมโซม 1
ี ํ
หรือ 2 แท่ งแตกต่ างไปจากจํานวนปกติ (2n) เช่ น 2n+1
หรือ 2n+2 พบได้ ทงในพืชและสัตว์ ตัวอย่ างเช่ น Down
ั้
syndrome
2. Polyploidy คือปรากฏการณ์ เปลี่ยนแปลงจํานวน
โครโมโซม โดยเพิ่มขึนหรือลดลงครั งละชุดจากจํานวน
้
้
ปกติ ปรากฏการณ์ นีมักเกิดขึนในพืช ซึ่งมีผลต่ อการเกิด
้
้
วิวัฒนาการของพืช ดังจะเรียนต่ อไป
Alterations of chromosome structure
Alteration of chromosome structure

การเปลี่ยนแปลงโครงสร้ างภายใน
โครโมโซม สามารถจําแนกเป็ น 4 แบบ
Deletion การที่ส่วนใดส่ วนหนึ่งของโครโมโซมขาด
หายไป ตัวอย่ างเช่ น cri-chat syndrome ส่ วนหนึ่ง
ของโครโมโซมคู่ท่ ี 5 หายไป
Duplication การมียีนหรือส่ วนโครโมโซมเพิ่มขึน
้
มากกว่ าปกติ
Duplication มีบทบาทสําคัญใน
กระบวนการวิวัฒนาการ ยีนที่เพิ่มขึนมาซํากับ
้
้
ยีนเดิมมักเป็ นยีนที่ไม่ ทาหน้ าที่เพราะเป็ น
ํ
ส่ วนเกิน แต่ เมื่อการกาลเวลาผ่ านไป
องค์ ประกอบของยีนนันอาจเปลี่ยนแปลงไปทีละ
้
เล็กทีละน้ อย จนถึงขันที่มีสมบัตแตกต่ างจากยีน
้
ิ
เดิม และสามารถทําหน้ าที่เป็ นยีนใหม่ ได้ การ
เพิ่มจํานวนยีนทีละเล็กทีละน้ อยเช่ นนี ้ ยังผลให้
สิ่งมีชีวตเปลี่ยนแปลงแตกต่ างไปจากบรรพบุรุษ
ิ
Inversion เกิดจากการเปลี่ยนทิศชองส่ วนโครโมโซม ซึ่ง
เกิดขึนได้ เมื่อมีรอยคอด 2 แห่ งบนโครโมโซม และส่ วน
้
ของโครโมโซมนันต่ อกลับเข้ าไปแต่ กลับทิศใน
้
โครโมโซมเดิม การเปลี่ยนแปลงแบบนีไม่ มีผลต่ อการ
้
แสดงออกของ phenotype แต่ อาจแสดงผลได้ ถ้าได้ รับ
อิทธิพลจากยีนข้ างเคียง
Translocation เกิดจากการสลับที่ระหว่ างส่ วนของ
โครโมโซมต่ างคู่กัน ตัวอย่ างเช่ น chronic myelogenous
leukemia (CML) แบบนีไม่ พบบ่ อยนักในธรรมชาติ
้
เพราะมีผลต่ อการสร้ างเซลล์ สืบพันธุ์
Down syndrome
Down syndrome

เกิดจากการที่มีโครโมโซมคู่ท่ ี 21 เพิ่มขึนอีก 1
้
แท่ ง (Trisomy, 47,+21) เด็กที่เป็ นโรคมีอาการ ปั ญญา
อ่ อน ลักษณะทั่วไปเตีย สมองและกล้ ามเนือเจริญช้ า
้
้
กว่ าปกติ ประมาณ 40 % มีอาการหัวใจผิดปกติ และ
เป็ นโรคเกี่ยวกับระบบหายใจได้ ง่าย ทําให้ อายุไม่ ยืน
ยาว นักวิทยาศาสตร์ มีข้อมูลแสดงให้ เห็นว่ า แม่ ท่ มีอายุ
ี
มากระหว่ าง 35-45 ปี มีโอกาสให้ กาเนิดลูกเป็ น Down
ํ
syndrome สูงกว่ าแม่ อายุน้อย

More Related Content

What's hot

Genetics posn
Genetics posnGenetics posn
Genetics posn
Wichai Likitponrak
 
ฟิสิกส์อะตอม
ฟิสิกส์อะตอมฟิสิกส์อะตอม
ฟิสิกส์อะตอม
Chakkrawut Mueangkhon
 
ธาตุและสารประกอบ
ธาตุและสารประกอบธาตุและสารประกอบ
ธาตุและสารประกอบwebsite22556
 
ข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarn
ข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarnข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarn
ข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarnflimgold
 
พันธะโคเวเลนต์ Covalent Bond
พันธะโคเวเลนต์ Covalent Bondพันธะโคเวเลนต์ Covalent Bond
พันธะโคเวเลนต์ Covalent Bond
Saipanya school
 
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม (2)
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม (2)บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม (2)
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม (2)
Pinutchaya Nakchumroon
 
แรงพยุงหรือแรงลอยตัว
แรงพยุงหรือแรงลอยตัวแรงพยุงหรือแรงลอยตัว
แรงพยุงหรือแรงลอยตัว
เรียนฟิสิกส์กับครูเอ็ม Miphukham
 
5.ชุดที่ 2 โครงสร้างของเซลล์
5.ชุดที่ 2 โครงสร้างของเซลล์5.ชุดที่ 2 โครงสร้างของเซลล์
5.ชุดที่ 2 โครงสร้างของเซลล์
เอเดียน คุณาสิทธิ์
 
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต (1)
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต (1)บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต (1)
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต (1)
Pinutchaya Nakchumroon
 
บทที่ 5 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม1
บทที่ 5 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม1บทที่ 5 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม1
บทที่ 5 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม1
Yaovaree Nornakhum
 
เฉลยแบบฝึกหัด17.5โครงสร้างdna
เฉลยแบบฝึกหัด17.5โครงสร้างdnaเฉลยแบบฝึกหัด17.5โครงสร้างdna
เฉลยแบบฝึกหัด17.5โครงสร้างdnaWan Ngamwongwan
 
แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพแบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพyangclang22
 
Microsoft power point พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง dna
Microsoft power point   พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง dnaMicrosoft power point   พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง dna
Microsoft power point พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง dnaThanyamon Chat.
 
การแปรผันทางพันธุกรรม (Genetic variation)
การแปรผันทางพันธุกรรม (Genetic variation)การแปรผันทางพันธุกรรม (Genetic variation)
การแปรผันทางพันธุกรรม (Genetic variation)พัน พัน
 
โรคทางพันธุกรรม ม.3
โรคทางพันธุกรรม ม.3โรคทางพันธุกรรม ม.3
โรคทางพันธุกรรม ม.3
Wuttipong Tubkrathok
 
ใบความรู้เรื่องแสง
ใบความรู้เรื่องแสงใบความรู้เรื่องแสง
ใบความรู้เรื่องแสง
พัน พัน
 
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อมบทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
Wichai Likitponrak
 
บทที่ 1 การจำแนกสาร
บทที่ 1 การจำแนกสารบทที่ 1 การจำแนกสาร
บทที่ 1 การจำแนกสาร
Pinutchaya Nakchumroon
 
Mindmap การลำเลียงสารผ่านเข้าออกเซลล์
Mindmap การลำเลียงสารผ่านเข้าออกเซลล์Mindmap การลำเลียงสารผ่านเข้าออกเซลล์
Mindmap การลำเลียงสารผ่านเข้าออกเซลล์
กมลรัตน์ ฉิมพาลี
 

What's hot (20)

Genetics posn
Genetics posnGenetics posn
Genetics posn
 
ฟิสิกส์อะตอม
ฟิสิกส์อะตอมฟิสิกส์อะตอม
ฟิสิกส์อะตอม
 
ธาตุและสารประกอบ
ธาตุและสารประกอบธาตุและสารประกอบ
ธาตุและสารประกอบ
 
ข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarn
ข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarnข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarn
ข้อสอบวิชาชีววิทยา+เฉลย By: Meriya Lertsirikarn
 
พันธะโคเวเลนต์ Covalent Bond
พันธะโคเวเลนต์ Covalent Bondพันธะโคเวเลนต์ Covalent Bond
พันธะโคเวเลนต์ Covalent Bond
 
12แบบทดสอบการแบ่งเซลล์
12แบบทดสอบการแบ่งเซลล์12แบบทดสอบการแบ่งเซลล์
12แบบทดสอบการแบ่งเซลล์
 
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม (2)
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม (2)บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม (2)
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม (2)
 
แรงพยุงหรือแรงลอยตัว
แรงพยุงหรือแรงลอยตัวแรงพยุงหรือแรงลอยตัว
แรงพยุงหรือแรงลอยตัว
 
5.ชุดที่ 2 โครงสร้างของเซลล์
5.ชุดที่ 2 โครงสร้างของเซลล์5.ชุดที่ 2 โครงสร้างของเซลล์
5.ชุดที่ 2 โครงสร้างของเซลล์
 
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต (1)
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต (1)บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต (1)
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต (1)
 
บทที่ 5 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม1
บทที่ 5 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม1บทที่ 5 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม1
บทที่ 5 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม1
 
เฉลยแบบฝึกหัด17.5โครงสร้างdna
เฉลยแบบฝึกหัด17.5โครงสร้างdnaเฉลยแบบฝึกหัด17.5โครงสร้างdna
เฉลยแบบฝึกหัด17.5โครงสร้างdna
 
แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพแบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
 
Microsoft power point พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง dna
Microsoft power point   พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง dnaMicrosoft power point   พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง dna
Microsoft power point พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง dna
 
การแปรผันทางพันธุกรรม (Genetic variation)
การแปรผันทางพันธุกรรม (Genetic variation)การแปรผันทางพันธุกรรม (Genetic variation)
การแปรผันทางพันธุกรรม (Genetic variation)
 
โรคทางพันธุกรรม ม.3
โรคทางพันธุกรรม ม.3โรคทางพันธุกรรม ม.3
โรคทางพันธุกรรม ม.3
 
ใบความรู้เรื่องแสง
ใบความรู้เรื่องแสงใบความรู้เรื่องแสง
ใบความรู้เรื่องแสง
 
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อมบทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
บทที่ 1 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
 
บทที่ 1 การจำแนกสาร
บทที่ 1 การจำแนกสารบทที่ 1 การจำแนกสาร
บทที่ 1 การจำแนกสาร
 
Mindmap การลำเลียงสารผ่านเข้าออกเซลล์
Mindmap การลำเลียงสารผ่านเข้าออกเซลล์Mindmap การลำเลียงสารผ่านเข้าออกเซลล์
Mindmap การลำเลียงสารผ่านเข้าออกเซลล์
 

Similar to บทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม

เรื่องพันธุศาสตร์ genetics ตอนที่ 1
เรื่องพันธุศาสตร์ genetics ตอนที่ 1เรื่องพันธุศาสตร์ genetics ตอนที่ 1
เรื่องพันธุศาสตร์ genetics ตอนที่ 1
kasidid20309
 
พันธุกรรม
พันธุกรรมพันธุกรรม
พันธุกรรมsupreechafkk
 
Genetics
GeneticsGenetics
Genetics
kaew3920277
 
การศึกษาลักษณะพันธุกรรมของเมนเดล
การศึกษาลักษณะพันธุกรรมของเมนเดลการศึกษาลักษณะพันธุกรรมของเมนเดล
การศึกษาลักษณะพันธุกรรมของเมนเดล
somkhuan
 
ข้อสอบกลางภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 ชั้น ม.6
ข้อสอบกลางภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 ชั้น ม.6ข้อสอบกลางภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 ชั้น ม.6
ข้อสอบกลางภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 ชั้น ม.6
Nattapong Boonpong
 
ส่วนประกอบของดอกไม้
ส่วนประกอบของดอกไม้ส่วนประกอบของดอกไม้
ส่วนประกอบของดอกไม้
sawaddee
 
ส่วนประกอบของดอกไม้
ส่วนประกอบของดอกไม้ส่วนประกอบของดอกไม้
ส่วนประกอบของดอกไม้sawaddee
 
พันธุกรรม
พันธุกรรมพันธุกรรม
พันธุกรรม
พิรุณพรรณ พลมุข
 
การสืบพันธุ์ของพืช
การสืบพันธุ์ของพืชการสืบพันธุ์ของพืช
การสืบพันธุ์ของพืชchiralak
 
บทที่ 14 การสืบพันธ์ของพืชดอก
บทที่ 14  การสืบพันธ์ของพืชดอกบทที่ 14  การสืบพันธ์ของพืชดอก
บทที่ 14 การสืบพันธ์ของพืชดอกฟลุ๊ค ลำพูน
 
การสืบพันธุ์ของพืชดอก
การสืบพันธุ์ของพืชดอกการสืบพันธุ์ของพืชดอก
การสืบพันธุ์ของพืชดอกnokbiology
 
พันธุกรรม2
พันธุกรรม2พันธุกรรม2
พันธุกรรม2wijitcom
 
พันธุกรรม
พันธุกรรมพันธุกรรม
พันธุกรรม
IzmHantha
 
การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
การถ่ายทอดทางพันธุกรรมการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
การถ่ายทอดทางพันธุกรรมBiobiome
 

Similar to บทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม (20)

เรื่องพันธุศาสตร์ genetics ตอนที่ 1
เรื่องพันธุศาสตร์ genetics ตอนที่ 1เรื่องพันธุศาสตร์ genetics ตอนที่ 1
เรื่องพันธุศาสตร์ genetics ตอนที่ 1
 
พันธุกรรม
พันธุกรรมพันธุกรรม
พันธุกรรม
 
Aaa
AaaAaa
Aaa
 
พันธูกรรม1
พันธูกรรม1พันธูกรรม1
พันธูกรรม1
 
Genetics
GeneticsGenetics
Genetics
 
การศึกษาลักษณะพันธุกรรมของเมนเดล
การศึกษาลักษณะพันธุกรรมของเมนเดลการศึกษาลักษณะพันธุกรรมของเมนเดล
การศึกษาลักษณะพันธุกรรมของเมนเดล
 
Genetics
GeneticsGenetics
Genetics
 
ข้อสอบกลางภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 ชั้น ม.6
ข้อสอบกลางภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 ชั้น ม.6ข้อสอบกลางภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 ชั้น ม.6
ข้อสอบกลางภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 ชั้น ม.6
 
ส่วนประกอบของดอกไม้
ส่วนประกอบของดอกไม้ส่วนประกอบของดอกไม้
ส่วนประกอบของดอกไม้
 
ส่วนประกอบของดอกไม้
ส่วนประกอบของดอกไม้ส่วนประกอบของดอกไม้
ส่วนประกอบของดอกไม้
 
พันธุกรรม
พันธุกรรมพันธุกรรม
พันธุกรรม
 
พันธุกรรม
พันธุกรรมพันธุกรรม
พันธุกรรม
 
การสืบพันธุ์ของพืช2
การสืบพันธุ์ของพืช2การสืบพันธุ์ของพืช2
การสืบพันธุ์ของพืช2
 
การสืบพันธุ์ของพืช
การสืบพันธุ์ของพืชการสืบพันธุ์ของพืช
การสืบพันธุ์ของพืช
 
บทที่ 14 การสืบพันธ์ของพืชดอก
บทที่ 14  การสืบพันธ์ของพืชดอกบทที่ 14  การสืบพันธ์ของพืชดอก
บทที่ 14 การสืบพันธ์ของพืชดอก
 
การสืบพันธุ์ของพืช2
การสืบพันธุ์ของพืช2การสืบพันธุ์ของพืช2
การสืบพันธุ์ของพืช2
 
การสืบพันธุ์ของพืชดอก
การสืบพันธุ์ของพืชดอกการสืบพันธุ์ของพืชดอก
การสืบพันธุ์ของพืชดอก
 
พันธุกรรม2
พันธุกรรม2พันธุกรรม2
พันธุกรรม2
 
พันธุกรรม
พันธุกรรมพันธุกรรม
พันธุกรรม
 
การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
การถ่ายทอดทางพันธุกรรมการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
 

More from ฟลุ๊ค ลำพูน

บทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
บทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมบทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
บทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมฟลุ๊ค ลำพูน
 
บทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
บทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมบทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
บทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมฟลุ๊ค ลำพูน
 
บทที่20 ความหลากหลายทางชีวภาพ
บทที่20 ความหลากหลายทางชีวภาพบทที่20 ความหลากหลายทางชีวภาพ
บทที่20 ความหลากหลายทางชีวภาพฟลุ๊ค ลำพูน
 
บทที่ 19 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 19 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตบทที่ 19 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 19 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตฟลุ๊ค ลำพูน
 
บทที่ 18 พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพ
บทที่ 18 พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพบทที่ 18 พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพ
บทที่ 18 พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพฟลุ๊ค ลำพูน
 
บทที่ 17 ยีนและโครโมโซม
บทที่ 17 ยีนและโครโมโซมบทที่ 17 ยีนและโครโมโซม
บทที่ 17 ยีนและโครโมโซมฟลุ๊ค ลำพูน
 
บทที่ 15 การตอบสนองของพืช
บทที่ 15 การตอบสนองของพืชบทที่ 15 การตอบสนองของพืช
บทที่ 15 การตอบสนองของพืชฟลุ๊ค ลำพูน
 
บทที่ 13 การสังเคราะห์ด้วยแสง
บทที่ 13 การสังเคราะห์ด้วยแสงบทที่ 13 การสังเคราะห์ด้วยแสง
บทที่ 13 การสังเคราะห์ด้วยแสงฟลุ๊ค ลำพูน
 
บทที่ 12 โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอก
บทที่ 12 โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอกบทที่ 12 โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอก
บทที่ 12 โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอกฟลุ๊ค ลำพูน
 
บทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
บทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรมบทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
บทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรมฟลุ๊ค ลำพูน
 
บทที่ 11 การสืบพันธ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 11 การสืบพันธ์และการเจริญเติบโตบทที่ 11 การสืบพันธ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 11 การสืบพันธ์และการเจริญเติบโตฟลุ๊ค ลำพูน
 

More from ฟลุ๊ค ลำพูน (20)

Biology
BiologyBiology
Biology
 
ช วะ ม
ช วะ มช วะ ม
ช วะ ม
 
ช วะ ม
ช วะ มช วะ ม
ช วะ ม
 
ช วะ ม
ช วะ มช วะ ม
ช วะ ม
 
4
44
4
 
บทที่ 3
บทที่ 3บทที่ 3
บทที่ 3
 
แบบทดสอบ บทที่ 1
แบบทดสอบ บทที่ 1แบบทดสอบ บทที่ 1
แบบทดสอบ บทที่ 1
 
บทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
บทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมบทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
บทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
 
บทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
บทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมบทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
บทที่ 23 มนุษย์กับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
 
บทที่ 22 ประชากร
บทที่ 22 ประชากรบทที่ 22 ประชากร
บทที่ 22 ประชากร
 
บทที่ 21 ระบบนิเวศ
บทที่ 21 ระบบนิเวศบทที่ 21 ระบบนิเวศ
บทที่ 21 ระบบนิเวศ
 
บทที่20 ความหลากหลายทางชีวภาพ
บทที่20 ความหลากหลายทางชีวภาพบทที่20 ความหลากหลายทางชีวภาพ
บทที่20 ความหลากหลายทางชีวภาพ
 
บทที่ 19 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 19 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตบทที่ 19 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 19 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
 
บทที่ 18 พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพ
บทที่ 18 พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพบทที่ 18 พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพ
บทที่ 18 พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพ
 
บทที่ 17 ยีนและโครโมโซม
บทที่ 17 ยีนและโครโมโซมบทที่ 17 ยีนและโครโมโซม
บทที่ 17 ยีนและโครโมโซม
 
บทที่ 15 การตอบสนองของพืช
บทที่ 15 การตอบสนองของพืชบทที่ 15 การตอบสนองของพืช
บทที่ 15 การตอบสนองของพืช
 
บทที่ 13 การสังเคราะห์ด้วยแสง
บทที่ 13 การสังเคราะห์ด้วยแสงบทที่ 13 การสังเคราะห์ด้วยแสง
บทที่ 13 การสังเคราะห์ด้วยแสง
 
บทที่ 12 โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอก
บทที่ 12 โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอกบทที่ 12 โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอก
บทที่ 12 โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอก
 
บทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
บทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรมบทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
บทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
 
บทที่ 11 การสืบพันธ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 11 การสืบพันธ์และการเจริญเติบโตบทที่ 11 การสืบพันธ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 11 การสืบพันธ์และการเจริญเติบโต
 

Recently uploaded

งานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdf
งานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdfงานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdf
งานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdf
Faculty of BuddhismMahachulalongkornrajavidyalaya Roi Et Buddhist College
 
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
Prachyanun Nilsook
 
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนาภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
Faculty of BuddhismMahachulalongkornrajavidyalaya Roi Et Buddhist College
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdfแนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
Faculty of BuddhismMahachulalongkornrajavidyalaya Roi Et Buddhist College
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
atwordfamily words with Thai translationtx
atwordfamily words with Thai translationtxatwordfamily words with Thai translationtx
atwordfamily words with Thai translationtx
Bangkok, Thailand
 

Recently uploaded (10)

งานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdf
งานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdfงานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdf
งานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdf
 
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
 
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนาภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
 
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
 
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdfแนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
 
atwordfamily words with Thai translationtx
atwordfamily words with Thai translationtxatwordfamily words with Thai translationtx
atwordfamily words with Thai translationtx
 

บทที่ 16 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม

  • 2. MENDEL AND THE GENE IDEA เมนเดลได้ ศึกษาการ ถ่ ายทอดกรรมพันธุ์ซ่ ง ึ เป็ นพืนฐานสําคัญ ้ ของสิ่งมีชีวิตโดยวิธี วิทยาศาสตร์ ทุก ขันตอน ทําให้ เกิด ้ สาขาวิชาชีววิทยา แขนงใหม่ เรียกว่ า วิชาพันธุศาสตร์ Genetics)
  • 3. A genetic cross แผนภาพแสดงการทดลองการ ผสมข้ ามระหว่ างละอองเรณูจาก พันธุ์ดอกสีขาว กับเกสรตัวเมีย จากพันธุ์ดอกสีม่วง เมื่อได้ เมล็ด และนําไปปลูก ได้ ลูกผสม F1 ซึ่ง ให้ ดอกสีม่วงทังหมด หรือถ้ าผสม ้ ในทางกลับกัน คือผสมละออง เรณูจากพันธุ์ดอกสีม่วงกับเกสร ตัวเมียจากพันธุ์ดอกสีขาว จะ ได้ ผลการทดลองเหมือนกัน
  • 4. เมนเดลทําการ ศึกษาลักษณะทาง กรรมพันธุ์ของต้ น ถั่ว 3 รุ่ น คือรุ่ นพ่ อ แม่ ดอกสีม่วง และดอกสีขาว รุ่ น ลูกผสม F1 ดอก ม่ วงทังหมด และ ้ เมื่อ F1 ผสม กันเอง จะได้ ร่ ุ น F2 ซึ่งอัตราส่ วน ของดอกสีม่วง : สี ขาว = 3:1
  • 5. เมนเดลได้ อธิบายผลการทดลองของเขา เป็ น 4 ข้ อ ดังนี ้ (ในการอธิบายต่ อไปนีจะใช้ คาว่ า ยีน แทนคําที่เมนเดลใช้ คือ heritable factor) ้ ํ 1. สิ่งที่ควบคุมลักษณะกรรมพันธุ์ เช่ น ลักษณะสีดอก คือยีน ซึ่งต่ างกัน 2 รู ปแบบ (อัลลีล) อัลลีลหนึ่งควบคุมดอกสีม่วง อีกอัลลีลหนึ่งควบคุมดอกสีขาว 2. สิ่งมีชีวตประกอบด้ วยยีน 2 อัลลีล อัลลีลหนึ่งมาจากพ่ อ และอีกอัลลีลห ิ นึ่งมาจากแม่ จากความรู้ ในปั จจุบัน ทําให้ อธิบายความคิดของเมนเดลได้ ว่า ในสิ่งมีชีวตที่เป็ น diploid ซึ่งมีโครโมโซมคู่เหมือนกัน โครโมโซมแท่ งหนึ่งมา ิ จากพ่ อ และอีกแท่ งหนึ่งมาจากแม่ โครโมโซมคู่เหมือนนีอาจมีอัลลีล ้ เหมือนกัน เรี ยกว่ าพันธุ์แท้ เช่ นเดียวกับพันธุ์ในรุ่ นพ่ อแม่ ของการทอดลอง ของเมนเดล หรื ออาจจะมีอัลลีลต่ างกัน เช่ นในลูกผสม F1 3. ถ้ าอัลลีลต่ างกัน อัลลีลหนึ่งจะเป็ นอัลลีลเด่ นซึ่งจะแสดงสมบัตของ ิ ลักษณะให้ เห็น อีกอัลลีลหนึ่งเป็ นอัลลีลด้ อยซึ่งจะถูกข่ มไม่ แสดงลักษณะ 4. อัลลีลทัง 2 จะถูกแยกไปในเซลล์ สืบพันธุ์แต่ ละเซลล์ ้
  • 9. Mendel’s law of segregation ในการศึกษานีเ้ มนเดลศึกษาลักษณะสีของดอกเพียงลักษณะ เดียว (monohybrid cross) ซึ่งดอกสีม่วงควบคุมโดยยีนเด่ น (P) และดอก สีขาวโดยยีนด้ อย (p) ในพืชประกอบด้ วย 2 อัลลีลที่ควบคุมลักษณะสี ดอกซึ่งได้ รับถ่ ายทอดมาจากพ่ อและแม่ ในรุ่ นพ่ อแม่ เป็ นพันธุ์แท้ ของ ดอกสีม่วง (PP) และดอกสีขาว (pp) ซึ่งสร้ างเซลล์ สืบพันธุ์ ประกอบด้ วยอัลลีลเดียว การผสมของรุ่ นพ่ อแม่ จะได้ ลูกผสม F1 ซึ่ง ประกอบด้ วย Pp แสดงดอกสีม่วงตามลักษณะยีนเด่ น เมื่อ F1 สร้ าง เซลล์ สืบพันธุ์อัลลีลทัง 2 จะถูกแยกออกไป เซลล์ สืบพันธุ์ครึ่งหนึ่งจะ ้ มีอัลลีล P และอีกครึ่งหนึ่งเป็ นอัลลีล p และจากการผสมพันธุ์กันเอง ในรุ่ น F1 ได้ ร่ ุ น F2 ดังแสดงในตาราง ได้ อัตราส่ วนดอกสีม่วง: ดอกสี ขาว = 3:1
  • 10. Flower color Flower position Seed color Seed shape Pod shape Pod color Stem length เมนเดลเลือก ลักษณะ กรรมพันธุ์ ทังหมด 7 คู่ ้ ลักษณะ ซึ่งใน ปั จจุบันทราบว่ า เป็ นลักษณะที่ ควบคุมโดยยีนที่ อยู่บนโครโมโซม ต่ างคู่กัน
  • 11.
  • 12. Some useful genetic vocabolary ในสิ่งมีชีวตที่เป็ น diploid ลักษณะกรรมพันธุ์ควบคุมโดย ิ ยีน 2 รูปแบบ (allele=อัลลีล) หรือมากกว่ า 2 รู ปแบบ เช่ น ลักษณะสีดอกถั่วลันเตามียีนรูปแบบหนึ่งควบคุมดอกสีม่วงเข้ ม (P) และยีนอีกรู ปแบบหนึ่งควบคุมลักษณะดอกสีขาว (p) อัลลีล : ยีนคู่ท่ มีรูปแบบต่ างกันและที่ตาแหน่ งโลกัส (locus) ี ํ เดียวกัน homozygous : พวกพันธุ์แท้ ท่ มีค่ ูอัลลีลเหมือนกัน ี heterozygous : ลูกผสมที่มีอัลลีลต่ างกัน phenotype : ลักษณะกรรมพันธุ์ท่ แสดงออกมาให้ เห็น ี genotype : องค์ ประกอบคู่ยีนหรือคู่อัลลีลที่อยู่ภายใน เซลล์
  • 13. A testcross ในการทดสอบว่ า ดอกสี ม่ วงที่เห็นมี genotype เป็ น PP หรื อ Pp โดยการนําพืช ที่สงสัยนีไปผสมกับพันธุ์ท่ ี ้ ทราบ genotype โดยเฉพาะ pp สังเกต F1 ว่ ามีลักษณะอย่ างไร ถ้ า F1 มีสีม่วงทังหมดแสดง ้ ว่ าพันธุ์ทดลองเป็ น PP ถ้ า F1 มีสีม่วงครึ่งหนึ่ง และสีขาวครึ่งหนึ่งแสดง ว่ าพันธุ์ทดลองเป็ น Pp
  • 14. Law of independent assortment (กฏการแยกยีนเพื่อการเรียงตัวกันใหม่ อย่ างอิสระ) เมนเดลทดลองผสมพันธุ์ถ่ ัวลันเตาขันต่ อไปโดย ้ พิจารณาลักษณะที่แตกต่ างกัน 2 คู่ พร้ อมกัน เรี ยกว่ า (dihybrid cross) ตัวอย่ างเช่ น ลักษณะเมล็ดเรี ยบ สี เหลือง กับ เมล็ดขรุ ขระ สีเขียว
  • 15. HYPOTHESIS: DEPENDENT ASSORTMENT parent F1 F2 ถ้ าเป็ นไปตามสมมุตฐาน ิ dependent assortment คือ เป็ นการแยกยีนเพื่อการ รวมตัวกันใหม่ ไม่ เป็ นอย่ าง อิสระ ลูกผสม F1 จะ สามารถสร้ างเซลล์ สืบพันธุ์ ได้ เพียง 2 แบบ คือ YR และ yr ที่เหมือนกับรุ่ นพ่ อแม่ เท่ านัน และรุ่ น F2 จะแสดง ้ ลักษณะเมล็ดเรี ยบ สี เหลือง : เมล็ดขรุ ขระ สีเขียว ในอัตราส่ วน 3:1
  • 16. HYPOTHESIS: INDEPENDENT ASSORTMENT parent F1 F2 ถ้ าเป็ นไปตามสมมุตฐาน ิ independent assortment คือ ยีนแต่ ละคู่จะแยกจาก กัน และกลับเข้ ามา รวมกันได้ อย่ างอิสระ ลูกผสม F1 จะสามารถ สร้ างเซลล์ สืบพันธุ์ได้ 4 แบบ และมีอัตราส่ วนของ Phenotype = 9:3:3:1 ซึ่ง การทดลองของเมนเดล ได้ ผลสอดคล้ องตาม สมมุตฐานข้ อนี ้ ิ
  • 17. สรุป หลักการถ่ ายทอดกรรมพันธุ์ 2 ข้ อ ได้ แก่ • Law of segregation • Law of independent assortment
  • 18. หลักการถ่ ายทอดลักษณะกรรมพันธุ์ตามกฏของ เมนเดล เป็ นที่ยอมรับกันอย่ างกว้ างขวาง ในต้ น คริสต์ ศตวรรษที่ 20 มีนักวิทยาศาสตร์ หลายท่ าน ได้ นําเอาหลักการของเมนเดลมาเป็ นพืนฐาน ้ ศึกษาวิจัยเพิ่มเติมมากขึน และพบปรากฏการณ์ ้ ใหม่ ๆหลายอย่ าง ซึ่งล้ วนแต่ เป็ นข้ อมูลสนับสนุน ข้ อเสนอของเมนเดลทังสิน ได้ แก่ ้ ้
  • 19. Incomplete dominance พืชลินมังกร เมื่อเอาพันธุ์ ้ ดอกสีแดงผสมกับพันธุ์ดอก สีขาว จะได้ ลูกผสมรุ่ นF1 มี ดอกสีชมพู และเมื่อ F1 ผสม กันเอง จะได้ ลูกผสม F2 มี ดอกทัง 3 ลักษณะ คือ ดอก ้ สีแดง ชมพู และขาว ใน อัตราส่ วน 1:2:1 ตามลําดับ จะเห็นได้ ว่าอัตราส่ วนของ phenotype ตรงกับอัตราส่ วน genotype ในกรณีนียีนที่ ้ ควบคุมลักษณะดอกสีแดงไม่ แสดงสมบัตเด่ นอย่ างแท้ จริง ิ
  • 20. Multiple alleles for the ABO blood groups
  • 21. Multiple allele กับระบบหมู่เลือดระบบ ABO ในคน หมู่เลือดระบบ ABO เป็ นลักษณะที่ถ่ายทอดทาง กรรมพันธุ์ ยีนที่ทาหน้ าที่ควบคุมการสังเคราะห์ แอนติเจนบน ํ ผิวเม็ดเลือดแดง ประกอบด้ วย 3 อัลลีล ในแต่ ละคนมี 2 อัล ลีล ดังนัน genotype ที่เป็ นไปได้ มี 6 แบบ IA และ IB มีสมบัติ ้ เด่ นด้ วยกันทังคู่ (codiminance) ดังนันคนที่มี genotype IAIB ้ ้ ้ (หมู่ เลือดAB) จะมีทงแอนติเจน A และ B ส่ วน i มีสมบัตด้อย ั้ ิ กว่ า IA และ IB คนที่มี genotype ii (หมู่ เลือด O) จึงไม่ มี แอนติเจน แต่ สร้ างแอนติบอดีทง A และ B เมื่อผสมเมล็ด ้ ั้ เลือดของคนหมู่เลือดอื่นๆกับเซรุ่ มของหมู่เลือด O จะทําให้ เกิดการตกตะกอน
  • 22. A simplified model for polygenic inheritance of skin color ลักษณะกรรมพันธุ์ที่ควบคุมโดยยีน หลายยีน หรื อ polygene ซึงอาจมี ่ ตังแต่ 3 ยีน ถึง 40 ยีน เรี ยก ้ กรรมพันธุ์แบบโพลียีน (polygenic inheritance) รูปที่แสดงเป็ นรูปแบบ ง่ายๆในเรื่ องสีผิว สีผิวควบคุมโดย ยีน 3 ยีน ในแต่ละยีนมีสมบัติการ แสดงออกไม่เต็มที่ (imcomplete dominance) การถ่ายทอดลักษณะสี ผิวนี ้จะเห็นได้ ชดเจนจากผลการ ั ผสมพันธุ์ระหว่างลักษณะตํ่าสุดกับ ลักษณะสูงสุด โดยสังเกตได้ จาก ลูกผสม F1 มี genotype แบบ AaBbCc ซึงมีหน่วยสีดําอยู่ 3 หน่วย ่ และเมื่อ F1 ผสมกันเองได้ F2 พบว่า มีความแตกต่างแปรผันของสีผิว ต่อเนื่องในลักษณะคล้ ายเส้ นโค้ ง
  • 23. Pedigree analysis reveals Mendelian patterns in human inheritance นักวิจัยได้ พัฒนากรรมวิธีการศึกษาพันธุศาสตร์ ของมนุษย์ เพื่อทราบว่ าลักษณะกรรมพันธุ์นันมีการถ่ ายทอดแบบใด และ ้ สามารถคาดคะเนได้ ว่าลักษณะกรรมพันธุ์นันมีโอกาสเกิดขึนได้ ้ ้ มากน้ อยเพียงใดในคู่แต่ งงานแต่ ละคู่ ซึ่งเป็ นประโยชน์ อย่ างยิ่งใน การวางแผนสําหรับครอบครั วที่มียีนที่ผิดปกติอยู่ เทคนิคที่นิยมใช้ กันอยู่คือ การวิเคราะห์ สายสัมพันธ์ ของกลุ่มเครื อญาติ (pedigree analysis)
  • 24. Pedigree analysis Pedigree เขียนขึนมาจากประวัตการถ่ ายทอดลักษณะกรรมพันธุ์ท่ แสดงออก ้ ิ ี ทาง phenotype อย่ างใดอย่ างหนึ่งโดยใช้ สัญลักษณ์ ต่างๆแทนลักษณะ phenotype ของ แต่ ละคนในวงศ์ ตระกูลนัน ตามหลักมาตรฐานสากลดังนี ้ สี่เหลี่ยม หมายถึง ผู้ชาย ้ วงกลม หมายถึง ผู้หญิง แต่ ละคู่แต่ งงานเชื่อมด้ วยเส้ นเดี่ยวจากผู้ชายไปผู้หญิง ลําดับ ของลูกแต่ ละคนเรียงจากซ้ ายไปขวา ผู้ท่ แสดงลักษณะกรรมพันธุ์แสดงด้ วยสีเข้ ม ี (a) pedigree tracing a dominant trait (widow’s peak) (b) Pedigree tracing a recessive trait (attached earlobes)
  • 25. Many human disorders follow Mendelian patterns of inheritance Recessive inherited disorders ลักษณะทางกรรมพันธุ์ท่ เกิดจากยีนด้ อยทาง autosome ี Cystic fibrosis โรคนีพบมากในคนผิวขาว พบในอัตรา 1 คนใน 2,500 คน มีคนผิวขาว ้ เป็ นพาหะของโรคนีถง 4% สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของยีนที่ควบคุมการ ้ึ สังเคราะห์ membrane protein ที่ทาหน้ าที่เกี่ยวกับ chloride ion transport ระหว่ าง ํ ภายในเซลล์ กับของเหลวภายนอกเซลล์ ผลคือทําให้ ภายนอกเซลล์ มีปริมาณ chloride สูง มีผลต่ อเนื่องทําให้ เมือกที่คลุมเซลล์ เหนียวข้ นกว่ าปกติ สะสมอยู่ในตับ อ่ อน ปอด ทางเดินอาหาร และอวัยวะต่ างๆ ทําให้ เกิดการติดเชือจากแบคทีเรี ยได้ ้ ง่ าย เด็กที่เป็ นโรคนีมักจะตายก่ อนอายุ 5 ขวบ การที่ทราบวาเป็ นโรคนีและให้ การ ้ ้ ดูแล รั กษา ปองกันการติดเชือเป็ นอย่ างดี ทําให้ สามารถมีอายุยืนยาวขึนได้ ้ ้ ้
  • 26. Tay-Sachs disease สาเหตุของโรคเกิดจากความผิดปกติของเอนไซม์ ที่ไม่ สามารถสลายไขมันบางชนิดในสมองได้ ทําให้ เกิดความเสื่อมของ ระบบประสาท อาจทําให้ ตาบอด สติปัญญาเสื่อม กล้ ามเนือหมดแรง ้ จนเป็ นง่ อยได้ ซึ่งจะแสดงอาการในเด็กเล็กประมาณ 2-3 เดือนหลัง คลอด และมีอาการรุ นแรงจนทําให้ เด็กเสียชีวิตได้ ภายในอายุ 2-3 ขวบ โรคนีพบมากในกลุ่มชาวยิว ประมาณ 1 คนใน 3,600 คนของเด็ก ้ เกิดใหม่ ซึ่งสูงกว่ าเด็กกลุ่มอื่นๆ 100 เท่ า Sickle cell disease เป็ นโรคที่พบบ่ อยในอัฟริกา เกิดจากกรดอะมิโน val ไปแทนที่ glu ที่ตาแหน่ งที่ 6 ในสายบีตาของฮีโมโกลบิน เป็ นผล ํ ทําให้ เม็ดเลือดแดงบิดเบียวเป็ นรู ปเคียว ทําให้ มีผลกระทบต่ อการนํา ้ ออกซิเจน คนที่เป็ น heterozygous มีความต้ านทานสูงต่ อการติดเชือ ้ ไข้ มาลาเรีย และสามารถถ่ ายทอดยีนต่ อไปได้
  • 27. Dominants inherited disease ลักษณะผิดปกติทางกรรมพันธุ์ท่ เกิดจากยีนเด่ นของ ี autosome Huntington’s disease โรคนีพบในอัตรา 1 คนใน 10,000 คน ้ อาการของโรคจะแสดงออกในช่ วงอายุ 35-45 ปี โดยแสดงอาการ ผิดปกติของระบบประสาทส่ วนกลาง และเป็ นโรคติดเชือได้ ง่าย ้ การแสดงอาการออกล่ าช้ าของยีนนีมีผลกระทบต่ อโครงสร้ างทาง ้ พันธุกรรมของประชากร เพราะกว่ ายีนนีจะแสดงออกก็ผ่านระยะ ้ สืบพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะกรรมพันธุ์นันไปสู่ร่ ุ นลูกแล้ ว ้
  • 28. Multifactorial disorders บางคนอาจเป็ นโรคบางโรค ได้ แก่ โรคหัวใจ เบาหวาน มะเร็ง alcoholism ฯลฯ ได้ ง่ายกว่ าคนอื่น โรคเหล่ านีเ้ ป็ นโรคที่เกิดจากหลายสาเหตุ คือเกิดจากกรรมพันธุ์ร่วมกับสิ่งแวดล้ อมเป็ นสาเหตุสาคัญของโรค ํ (Multifactorial disorders) โรคเหล่ านีอาจควบคุมโดยยีนหลายตัว เช่ นใน ้ ปั จจุบันพบแล้ วว่ ายีนที่ควบคุมการทํางานของหัวใจมีหลายยีน ดังนันการ ้ ดํารงชีวตแบบต่ างๆในแต่ ละคนทําให้ มีโอกาสเสี่ยงต่ อการเกิดโรคได้ ไม่ ิ เหมือนกัน พบว่ าการออกกําลังกาย การควบคุมชนิดของอาหาร การไม่ สูบ บุหรี่ หรื อหลีกเลี่ยงอาการเครี ยดต่ างๆ ทําให้ ลดความเสี่ยงของการเกิด โรคหัวใจและมะเร็งบางชนิดได้ ในปั จจุบันยังมีความรู้ ไม่ มากนักเกี่ยวกับโรคที่เกิดจากหลายสาเหตุ ร่ วมกันเหล่ านี ้ แต่ ส่ ิงที่ดีท่ สุดคือการให้ ความรู้แก่ ประชาชนในการควบคุม ี สิ่งแวดล้ อมและมีพฤติกรรมการดําเนินชีวตที่ดีจะทําให้ ไม่ เป็ นโรคต่ างๆได้ ิ
  • 29. Technology is providing new tools for genetic testing and counseling ความก้ าวหน้ าทางเทคโนโลยีเอือประโยชน์ ในการตรวจหา ้ ความผิดปกติทางพันธุกรรมและการให้ คาปรึกษา ํ
  • 30. Fetal diagnosis เปรียบเทียบระหว่ างวิธี aminocentesis กับวิธี chorionic villus sampling
  • 31. Fetal diagnosis เทคนิคการนําเอาตัวอย่ างเซลล์ ของทารก มาหาความผิดปกติทาง กรรมพันธุ์กระทําได้ โดยวิธี aminocentesis ทําได้ โดยใช้ เข็มดูดเอานําครํ่าที่มี ้ เซลล์ ท่ หลุดออกมาจากผิวหนังของทารก นํามาเพาะเลียงให้ แบ่ งเซลล์ เพิ่ม ี ้ จํานวนมากขึน เพียงพอสําหรั บนําไปวิเคราะห์ ตรวจหาความผิดปกติของ ้ โครโมโซมและทางชีวเคมี วิธีนีกระทําในช่ วง 14-16 สัปดาห์ ของการตังครรภ์ ้ ้ และต้ องใช้ เวลา 2-3 สัปดาห์ กว่ าจะรู้ ผล อีกเทคนิคหนึ่งคือ การเก็บตัวอย่ างเนือเยื่อโคเรี ยน (chorionic villi ้ sampling, CVS) กระทําโดยใช้ ท่อขนาดเล็กสอดเข้ าไปทางปากมดลูกแล้ ว ดูดเอาตัวอย่ างเนือเยื่อของเยื่อหุ้ม chorion ที่ห้ มถุงนําครํ่าออกมา เนือเยื่อนี ้ ้ ุ ้ ้ สามารถนําไปวิเคราะห์ และตรวจสอบได้ ทนที วิธีนีสามารถใช้ ตรวจสอบ ั ้ ทารกที่มีอายุเพียง 8-10 สัปดาห์ และรู้ ผลการตรวจสอบได้ ภายใน 1-2 วัน เท่ านัน ้
  • 32. The chromosomal basis of inheritance
  • 34. โครโมโซมเป็ นตัวกลางสําคัญสําหรับการถ่ ายทอดกรรมพันธุ์ ภาพแสดงความสัมพันธ์ ระหว่ างการทดลองผสมพันธุ์ถ่ ัว ลันเตา โดยพิจารณาลักษณะที่ต่างกัน 2 ลักษณะพร้ อมกัน (dihybrid cross) ของเมนเดล กับพฤติกรรมของโครโมโซม โดย 2 ลักษณะนี ้ ควบคุมโดยยีนที่อยู่บนโครโมโซมต่ างแท่ งกัน (จริงๆแล้ วถั่วลันเตามี โครโมโซม 7 แท่ ง แต่ ในรูปแสดงเพียง 4 แท่ ง)ในรู ปแสดง metaphase I (ช่ องสีเหลือง) และการแยกออกจากกันของโครโมโซมคู่ เหมือน (homologous chromosome) ในระยะ anaphase I ซึ่งเป็ นแบบ segregation และ independent assortment ผลสุดท้ าย F1 สร้ างเซลล์ สืบพันธุ์ได้ 8 แบบ และแต่ ละแบบมีจานวนเท่ าๆกัน ถ้ าศึกษาต่ อ ํ จนถึงรุ่ น F2 จะได้ อัตราส่ วน phenotype = 9:3:3:1
  • 35. หลักความน่ าจะเป็ นไปได้ สิ่งมีชีวตพวก diploid ถ่ ายทอดสารพันธุกรรม ิ หรื อยีนไปตามโครโมโซมโดยผ่ านเซลล์ สืบพันธุ์ การ แยกโครโมโซมคู่เหมือนในกระบวนการไมโอซิส เป็ น แบบสุ่มนัน การคาดคะเน genotype หรื อ phenotype ใน ้ รุ่ นลูกอาจคํานวณได้ ตามหลักความน่ าจะเป็ นไปได้ (probability) ซึ่งมีหลักสําคัญ 2 ประการ คือ 1. กฏการคูณ 2. กฏการบวก
  • 36. Morgan traced a gene to a specific chromosome Thomas Hunt Morgan เป็ นนัก embryologist ที่มหาวิทยาลัย โคลัมเบีย ประเทศสหรั ฐอเมริกา ค้ นพบยีนที่อยู่ในโครโมโซม X (sex linkage) ของแมลงหวี่ (Drosophila melanogaster) โดย ขณะศึกษาพันธุกรรมของแมลงหวี่ เขาพบแมลงหวี่ตัวผู้ตัวหนึ่ง มีตาสีขาว (mutant phenotype) ซึ่งแตกต่ างไปจากแมลงหวี่ตาสี แดงปกติท่ วไป (wild type) ั
  • 37. Morgan’s first mutant แมลงหวี่ตาสีแดงเป็ นลักษณะปกติ เรียกว่ า wild type และลักษณะตาสีขาวเป็ น mutant phenotype จากลักษณะนี ้ ที่ทาให้ เขาค้ นพบยีนที่อยู่ในโครโมโซม X ํ
  • 38. Sex-linked inheritance Morgan ทําการทดลองผสมพันธุ์แมลง หวี่ตัวผู้ตาสีขาวกับตัวเมียตาสีแดงปกติ ได้ ลูกผสมรุ่ น F1 ทุกตัวมีตาสีแดง และ รุ่ น F2 มีตาสีแดงและตาสีขาว ใน อัตราส่ วนประมาณ 3:1 แต่ ท่ น่าสนใจ ี มากคือ ตัวเมียทุกตัวมีตาสีแดง ส่ วนตัว ผู้มีทงตาสีแดงและตาสีขาวอย่ างละ ั้ เท่ าๆกัน Morgan ตังสมมุตฐานว่ า ยีนที่ ้ ิ ควบคุมสีตานีอยู่ในโครโมโซม X (ในรู ป ้ w+ = dominant allele (ตาสีแดง), w = recessive allele (ตาสีขาว))
  • 39. Morgan เลือกศึกษาแมลงหวี่เพราะแมลงหวี่มี คุณสมบัตท่ เป็ นข้ อดีหลายประการ ดังนี ้ ิ ี •แมลงหวี่พบได้ ท่ วไปและกินราที่ขึนบนผลไม้ เป็ นอาหาร ั ้ •ช่ วงชีวตสัน และให้ลูกหลานจํานวนมาก แมลงหวี่ค่ ูหนึ่ง ิ ้ สามารถให้ ลูกได้ เป็ นร้ อยตัว และรุ่ นใหม่ สามารถผสม พันธุ์ได้ อีกภายใน 2 สัปดาห์ •แมลงหวี่มีโครโมโซมเพียง 4 คู่ ซึ่งศึกษาได้ ง่ายจาก กล้ องจุลทรรศน์ 3คู่ เป็ น autosome และ 1 คู่เป็ น sex chormosome ตัวเมียเป็ น XX และตัวผู้เป็ น XY
  • 40. ต่ อมาได้ มีการศึกษาทดลองในสัตว์ อ่ ืนๆอีก และเป็ นที่ ยอมรั บว่ า ยีนที่อยู่ในโครโมโซม X มีแบบแผนการ ถ่ ายทอดจากพ่ อและแม่ ไปสู่ลูกรุ่ นถัดไปต่ างจากยีนที่ อยู่ใน autosome
  • 41. Linked gene trend to be inherited together because they are located on the same chormosome ยีนที่เป็ นลิงเกจกันมีแนวโน้ มที่จะถูกถ่ ายทอดไปด้ วยกันเนื่องจากยีนนันอยู่บน ้ โครโมโซมเดียวกัน การศึกษาต่ อมาของ Morgan และผู้ร่วมงาน แสดงให้ เห็นการถ่ ายทอดลักษณะของยีนที่ เป็ นลิงเกจกัน โดยเลือกศึกษา 2 ลักษณะที่แตกต่ างกัน คือ สีตัว และขนาด wild type มีตัวสีเทาและ ปี กยาวปกติ ส่ วน mutant phenotype มีตัวสีดา ปี กสันและมีขนาดเล็กกว่ า ยีนที่ควบคุม b+ = gray, b = ํ ้ black, vg+ = normal wing, vg = vestigial wing ยีนเหล่ านีอยู่บน autosome ้
  • 42. Evidence of linked genes in Drosophilia Morgan ทําการผสมพันธุ์ตว ั เมียที่มี genotype = b+ b vg+ vg กับตัวผู้ที่มี genotype = b b vg vg ถ้ าเป็ นไปตามกฏ ของเมนเดิล (Mendel’s law of independent assortment) รุ่น F1 มี 4 ลักษณะในอัตราส่วน 1:1:1:1 แต่จากการทดลองไม่ ได้ ผลตามนัน แสดงว่ายีนที่ ้ ควบคุมลักษณะทัง้ 2 ลักษณะ นี ้ไม่ได้ แยกออกจากกันเพื่อการ รวมตัวใหม่อย่างอิสระ เป็ น เพราะยีนทัง้ 2 ยีนอยู่ใน โครโมโซมเดียวกัน ที่เรี ยกว่า linked gene หรื อ linkage ยีน ที่เป็ นลิงเกจกันมีแนวโน้ มจะถูก ถ่ายทอดไปด้ วยกัน แต่มีโอกาส แยกจากกันได้ บ้างโดย crossing over
  • 43. Independent assortment of chormosomes and crossing over produce genetic recombination The recombination of linked gene: crossing over ยีนต่ างๆในโครโมโซมเดียวกันแสดงความถี่ของการ เกิด recombination แตกต่ างกันในยีนแต่ ละคู่ท่ ใช้ ทดลอง และ ี โอกาสของการเกิด gene recombination มีความสัมพันธ์ โดยตรงกับระยะทางระหว่ างยีนในโครโมโซมเดียวกัน โดย recombination ระหว่ างยีนที่อยู่ใกล้ กันมีโอกาสน้ อยกว่ ายีนที่ อยู่ห่างกัน
  • 44. Recombination due to crossing over (a) Production of recombinant gametes
  • 45. (b) Production of recombinant offspring ผลคือได้ ร่ ุ นลูกที่มีลักษณะที่ถกถ่ ายทอดมาจากพ่ อ ู และแม่ และลักษณะที่เป็ น recombination ที่เกิดจาก crossing over โดย ความถี่ของ recombination หมายถึง จํานวนลูกที่มีลักษณะ recombination ในจํานวนลูกทังหมด คิดเป็ น % ้
  • 46. Geneticists can use recombination data to map a chromosome genetic loci นักพันธุศาสตร์ ใช้ หลักการเรื่ อง recombination ในการ หาตําแหน่ งและระยะทางระหว่ างยีน Alfred H. Sturtevant ลูกศิษย์ ของ Morgan ได้ ทาการทดลอง ํ ผสมพันธุ์แมลงหวี่เพื่อหาตําแหน่ งและระยะทางระหว่ างยีน (genetic map) ในกลุ่มลิงเกจด้ วยกัน โดยใช้ หลักการที่ว่าความถี่ของการเกิด recombination หรือความถี่ของ crossing over ระหว่ างยีน 2 ยีนมี ความหมายแสดงถึงระยะทางระหว่ างยีนทังสอง กล่ าวคือ ค่ าความถี่ ้ ของการเกิด recombination 1 % = 1 map unit ตัวอย่ างเช่ น
  • 47. Using recombination frequencies to construct a genetic map: ศึกษา gene recombination ของแมลงหวี่ของยีน b vg และ cn ที่อยู่บน โครโมโซมเดียวกัน พบว่ า ความถี่ของ recombination ระหว่ าง cn กับ b = 9%, cn กับ vg = 9.5 % และ b กับ vg = 17 % สามรถทํา genetic map ที่เรียกว่ า linkage map ได้ ดงรูป ั นักพันธุศาสตร์ ในยุค ปั จจุบันได้ นํา หลักการดังกล่ าวมา ใช้ อย่ างกว้ างขวาง เพื่อศึกษา genetic map ของสิ่งมีชีวิต ต่ างๆรวมทังในคน ้ ด้ วย
  • 48. Sex chromosomes The chromosomal basis of sex varies with organism Some chromosomal systems of sex determination ระบบการกําหนดเพศแบบต่ างๆในสัตว์ ต่างชนิดกัน การกําหนดเพศ (sex determination) ในสิ่งมีชีวิตขึนอยู่กับ ้ ชนิดของโครโมโซมเพศ
  • 49. (a) ระบบ x-y ในคนและสัตว์ เลียงลูกลูกด้ วยนํานมชนิดอื่นๆรวมทังพวกแมลงบาง ้ ้ ้ ชนิด เพศของลูกขึนอยู่กับว่ าสเปิ ร์ มของพ่ อมีโครโมโซม X หรื อ Y ้
  • 50. (b) ระบบ X-O ในพวกตั๊กแตน จิงหรี ด แมลงสาป และแมลงอื่นๆบางชนิด มี ้ โครโมโซมเพศแบบเดียว ตัวเมียเป็ น XX ตัวผู้เป็ น XO (O= ศูนย์ ตัวผู้มี โครโมโซม X เพียงอย่ างเดียว) เพศของลูกกําหนดโดยสเปิ ร์ มมีหรื อไม่ มี โครโมโซม X
  • 51. (c) ระบบ Z-W ในพวกนก ปลาบางชนิด และแมลงบางชนิดรวมถึง พวกผีเสือ ในสัตว์ เหล่ านีเ้ พศถูกกําหนดโดยโครโมโซมเพศที่มีอยู่ใน ้ เซลล์ ไข่ เพื่อให้ เห็นความแตกต่ างของระบบการกําหนดเพศจึงนิยม ใช้ อักษร Z และ W แทน X และ Y ตัวผู้เป็ น ZZ และตัวเมียเป็ น ZW
  • 52. (d) ระบบ haploid – diploid ในพวกผึงและมดไม่ มีโครโมโซมเพศ ตัว ้ เมียเกิดมาจากไข่ ท่ ได้ รับการปฏิสนธิ ดังนันจึงเป็ น diploid ส่ วนตัวผู้ ี ้ เกิดมาจากไข่ ท่ ไม่ ได้ รับการปฏิสนธิจงเป็ น haploid ี ึ
  • 53. ในคน การเจริญและพัฒนาเปลี่ยนแปลงของอวัยวะสืบพันธุ์จะเริ่ม ตังแต่ เอมบริโอระยะ 1-2 เดือนในครรภ์ มารดา ซึ่งจะเจริญเป็ นอัณฑะหรื อรัง ้ ไข่ ขึนอยู่กับฮอร์ โมนของเอมบริโอ ความแตกต่ างของฮอร์ โมนเป็ นได้ 2 ทาง ้ ขึนอยู่กับว่ ามีโครโมโซม Y หรื อไม่ ้ ในปี ค.ศ. 1990 นักวิจัยชาวอังกฤษพบยีนที่ควบคุมการเจริญของ อัณฑะ มีช่ ือว่ า SRY ยีนนีอยู่บนโครโมโซม Y ถ้ าไม่ มียีน SRY เนือเยื่อของ ้ ้ อวัยวะสืบพันธุ์ (gonads) จะเจริญไปเป็ นรั งไข่ ดังนันสรุ ปว่ าการมีหรื อไม่ มี ้ SRY เป็ นตัวกําหนดการเจริญของเนือเยื่อของอวัยวะสืบพันธุ์ ้ การเจริญพัฒนาเปลี่ยนแปลงของอวัยวะสืบพันธุ์ค่อนข้ างซับซ้ อน เกี่ยวข้ องกับการทํางานของยีนหลายยีนด้ วยกัน ดังนันจึงเป็ นไปได้ ว่า SRY มี ้ บทบาทควบคุมการสังเคราะห์ โปรตีนซึ่งควบคุมการทํางานของยีนอื่นๆอีก มาก
  • 54. Sex linked genes have unique patterns of inheritance ยีนที่อยู่ในโครโมโซมเพศมีแบบแผนการถ่ ายทอดกรรมพันธุ์ แตกต่ างไปจากยีนที่อยู่ใน autosome
  • 55. The transmission of sex linked recessive traits การถ่ ายทอดลักษณะทางกรรมพันธุ์โดยยีนด้ อยที่เกี่ยวเนื่องกับเพศ อธิบายเครื่องหมายต่ างๆที่ใช้ X และ Y = โครโมโซมเพศ, A = ยีนเด่ น, a =ยีนด้ อย กรอบสีขาว = ลักษณะปกติ, กรอบสีอ่อน = เป็ นพาหะ, กรอบสีเข้ ม = เป็ นโรค (a) แม่ ท่ ีมีลักษณะปกติและเป็ น dominant homozygote แต่ งงานกับพ่ อ ที่เป็ นโรค จะถ่ ายทอดยีนด้ อยให้ ลูก สาวทุกคน แต่ ไม่ ถ่ายทอดไปยังลูก ชาย ลูกสาวทุกคนจะมีลักษณะปกติ แต่ เป็ นพาหะ
  • 56. (b) แม่ ท่ เป็ นพาหะแต่ งงานกับ ี พ่ อที่เป็ นปกติ ในจํานวนลูก ชายและลูกสาวทังหมด ้ ครึ่งหนึ่งจะมียีนด้ อย อีก ครึ่งหนึ่งเป็ นปกติ ลูกชายทุก คนที่มียีนด้ อยจะเป็ นโรค ส่ วนลูกสาวมียีนด้ อยตัวเดียว มีลักษณะปกติแต่ เป็ นพาหะ เหมือนแม่
  • 57. (c) แม่ ท่ เป็ นพาหะแต่ งงานกับ ี พ่ อที่เป็ นโรค ครึ่งหนึ่งของลูก จะเป็ นโรค ลูกสาวที่ไม่ เป็ นโรค จะเป็ นพาหะ ส่ วนลูกชายที่ไม่ เป็ นโรคจะเป็ นปกติโดยไม่ มียีน ด้ อยของโรคนีเ้ ลย
  • 58. Sex linked disorder in humans โรคทางกรรมพันธุ์ท่ เกิดจากยีนด้ อยในโครโมโซมเพศ ี ในคน ปั จจุบนพบแล้ วมีหลายโรคด้ วยกัน เช่ น ตาบอดสี โรค ั กล้ ามเนือแขนขาลีบ (Duchenne muscular dystrophy) ฯลฯ ้ โรคกล้ ามเนือแขนขาลีบนีพบในสหรัฐอเมริกาในอัตรา ้ ้ ค่ อนข้ างสูง คือคนผู้ชายเป็ นโรคนี ้ 1 คนในทุกๆ 3,500 คน คนที่เป็ นโรคนีมักมีอายุไม่ เกิน 20 ปี อาการของโรคนีคือ ้ ้ กล้ ามเนือแขนขาลีบ นักวิจัยพบว่ าโรคนีเ้ กิดจากการขาด ้ โปรตีนในกล้ ามเนือที่สาคัญ คือ dystrophin ยีนที่ควบคุมการ ้ ํ สังเคราะห์ โปรตีนนีอยู่บนโครโมโซม X ้
  • 59. โรคเลือดไหลไม่ หยุด (Hemophilia) โรคนีเ้ กิดจากการขาด โปรตีนจําเป็ นสําหรั บการแข็งตัวของเลือด ดังนันคนที่เป็ น ้ โรคนีจงมีอาการเลือดไหลออกง่ ายหรือหยุดได้ ยาก ถึงแม้ มี ้ึ บาดแผลเพียงเล็กน้ อยก็ตาม โรคนีร้ ูจักกันมานานและมี ้ ประวัตน่าสนใจ คือประวัตการถ่ ายทอดยีนด้ อยนีในราชวงศ์ ิ ิ ้ ของพระนางเจ้ าวิกตอเรีย (1819-1901) ที่ยีนนีถ่ายทอด ้ แพร่ กระจายต่ อไปในราชวงศ์ ของสเปนและรัสเซีย
  • 60. แผนภาพการถ่ ายทอดลักษณะกรรมพันธุ์ hemophilia ในราชวงศ์ พระนางเจ้ าวิกตอเรียแห่ งอังกฤษ
  • 61. X-inactivation in female mammals แม้ ว่าสัตว์ เลียงลูกด้ วยนมรวมทังคนด้ วยจะมีโครโมโซม X ้ ้ 2 แท่ ง แต่ แท่ งหนึ่งจะไม่ ทาหน้ าที่หรืออยู่ในสภาพ inactive ํ ระหว่ างการเจริญของเอมบริโอ ดังนันทังในตัวผู้และตัวเมียจะมี ้ ้ ยีนเพียง 1 ชุดที่อยู่ในโครโมโซม X ที่ทาหน้ าที่ Inactive-X ในตัว ํ เมียจะถูกกําจัดออกมองเห็นเป็ นจุดดําอยู่ตรงขอบด้ านในของ นิวเคลียส เรี ยกว่ า Barr body ยีนที่อยู่บนโครโมโซม X แท่ งที่เป็ น Barr body นีจะไม่ ทาหน้ าที่ แต่ จะ active ขึนมาใหม่ ได้ อีกในเซลล์ ้ ํ ้ ที่จะเจริญเป็ นไข่
  • 62. นักพันธุศาสตร์ ชาวอังกฤษชื่อ Mary Lyon แสดงให้ เห็นว่ า การที่ โครโมโซม X แท่ งใดจะกลายเป็ น Barr body หรือ inactive-X จะเป็ น แบบสุ่มในแต่ ละเซลล์ ของเอมบริโอ ดังนันจึงเป็ นผลให้ ในตัวเมีย ้ ประกอบด้ วยเซลล์ 2 แบบ คือแบบที่ inactive-X มาจากพ่ อ และแบบที่ inactive-X มาจากแม่ หลังจากที่ inactive-X กลายเป็ น Barr body แล้ ว และแบ่ งตัวแบบไมโอซีสต่ อไป กลุ่มเซลล์ ต่อมาจะมี inactive –X เหมือนกันหมด ดังนันในตัวเมียที่เป็ น heterozygous ของลักษณะ ้ กรรมพันธุ์ท่ เกี่ยวกับโครโมโซมเพศ ครึ่งหนึ่งของเซลล์ จะแสดง allele ี ตัวหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งแสดง allele อีกตัวหนึ่ง ตัวอย่ างเช่ น การเกิดสีของแมว 3 สี (Calico cat) และ อาการที่ ต่ อมเหงื่อไม่ เจริญในคน อาการต่ อมเหงื่อไม่ เจริญนีเ้ ป็ น recessive Xlinked mutation ผู้หญิงที่เป็ น heterozygous จะมีผิวหนังที่บางส่ วนมี ต่ อมเหงื่อและบางส่ วนไม่ มีต่อมเหงื่อ
  • 63. X-inactivation and the calico cat บนโครโมโซม X มียีนที่ควบคุมสีขน อัลลีลหนึ่งควบคุมสีดาอีกอัลลีลหนึ่ง ํ ควบคุมสีส้ม แมวตัวผู้ (XY) จะมี เพียงอัลลีลเดียว ดังนันแมวที่มีทัง 2 สี ้ ้ (heterozygous) จึงมักเป็ นตัวเมียเสมอ ตัวเมียที่เป็ น heterozygous นี ้ ใน ระหว่ างการเจริญของเอมบริโอ โครโมโซม X ตัวหนึ่งในเซลล์ ต่างๆ กลายเป็ น Barr body ซึ่งเป็ นแบบสุ่ม และเมื่อเซลล์ แบ่ งตัวเซลล์ บริเวณ ใกล้ ๆกันนันจะมีโครโมโซม X แบบ ้ เดียวกัน ทําให้ ตัวแมวเกิดเป็ นบริเวณ ด่ างมีสีต่างกัน แล้ วแต่ ว่ามีโครโมโซม X สีใด
  • 64. Inactive-X เกี่ยวข้ องกับการเกาะของ methyl group (CH3) กับ cytosine ซึ่งเป็ น nitrogenous base ตัวหนึ่งของ DNA การกําหนดว่ าโครโมโซมแท่ งใดจะเป็ นเปาหมายของ ้ กระบวนการ methylation นักวิจัยได้ ค้นพบยีนตัวหนึ่งที่ active เฉพาะในโครโมโซมที่เป็ น Barr body ยีนนีเ้ รียกว่ า XIST (X inactive specific transcript) ผลผลิตของยีนนี ้ (specific transcript) คือ RNA ซึ่งจะเกาะอยู่ท่ โครโมโซม X ตรงตําแหน่ งที่ ี RNA นีถูกสร้ างขึนมา ทําให้ โครโมโซม X แท่ งนัน inactive แต่ ้ ้ ้ สมมุตฐานนียังมีข้อสงสัยอีกมากมายที่ยังไม่ ทราบแน่ ชัด ิ ้
  • 65. Alteration of chromosome number ปกติส่ ิงมีชีวตมีจานวนโครโมโซมจําเพาะและคงที่ ิ ํ สําหรับสปี ซี่ส์หนึ่งๆ แต่ บางครั งพบว่ ามีจานวนโครโมโซม ้ ํ แตกต่ างไปจากจํานวนปกติ สาเหตุเกิดจากความผิดปกติใน กระบวนการแบ่ งเซลล์ แบบไมโอซิส ในพ่ อหรือแม่ เรี ยก ปรากฏการณ์ นีว่า Nondisjunction ซึ่งอาจเกิดขึนในช่ วง ้ ้ Meiosis I หรือ II ยังผลให้ เกิดเซลล์ สืบพันธุ์ท่ มีจานวน ี ํ โครโมโซมมากหรื อน้ อยกว่ าปกติ เมื่อเซลล์ สืบพันธุ์ท่ ผิดปกตินี ้ ี ผสมกับเซลล์ สืบพันธุ์เพศตรงข้ าม จะได้ ไซโกตที่มีจานวน ํ โครโมโซมผิดปกติ ซึ่งมีผลกระทบต่ อการเจริญของเอมบริโอ ในลักษณะต่ างๆกัน
  • 66.
  • 67.
  • 68. การเปลี่ยนแปลงจํานวนโครโมโซมแบ่ งออกเป็ น 2 ประเภท คือ 1. Aneuploidy คือปรากฏการณ์ ท่ มีจานวนโครโมโซม 1 ี ํ หรือ 2 แท่ งแตกต่ างไปจากจํานวนปกติ (2n) เช่ น 2n+1 หรือ 2n+2 พบได้ ทงในพืชและสัตว์ ตัวอย่ างเช่ น Down ั้ syndrome 2. Polyploidy คือปรากฏการณ์ เปลี่ยนแปลงจํานวน โครโมโซม โดยเพิ่มขึนหรือลดลงครั งละชุดจากจํานวน ้ ้ ปกติ ปรากฏการณ์ นีมักเกิดขึนในพืช ซึ่งมีผลต่ อการเกิด ้ ้ วิวัฒนาการของพืช ดังจะเรียนต่ อไป
  • 70. Alteration of chromosome structure การเปลี่ยนแปลงโครงสร้ างภายใน โครโมโซม สามารถจําแนกเป็ น 4 แบบ Deletion การที่ส่วนใดส่ วนหนึ่งของโครโมโซมขาด หายไป ตัวอย่ างเช่ น cri-chat syndrome ส่ วนหนึ่ง ของโครโมโซมคู่ท่ ี 5 หายไป Duplication การมียีนหรือส่ วนโครโมโซมเพิ่มขึน ้ มากกว่ าปกติ
  • 71. Duplication มีบทบาทสําคัญใน กระบวนการวิวัฒนาการ ยีนที่เพิ่มขึนมาซํากับ ้ ้ ยีนเดิมมักเป็ นยีนที่ไม่ ทาหน้ าที่เพราะเป็ น ํ ส่ วนเกิน แต่ เมื่อการกาลเวลาผ่ านไป องค์ ประกอบของยีนนันอาจเปลี่ยนแปลงไปทีละ ้ เล็กทีละน้ อย จนถึงขันที่มีสมบัตแตกต่ างจากยีน ้ ิ เดิม และสามารถทําหน้ าที่เป็ นยีนใหม่ ได้ การ เพิ่มจํานวนยีนทีละเล็กทีละน้ อยเช่ นนี ้ ยังผลให้ สิ่งมีชีวตเปลี่ยนแปลงแตกต่ างไปจากบรรพบุรุษ ิ
  • 72. Inversion เกิดจากการเปลี่ยนทิศชองส่ วนโครโมโซม ซึ่ง เกิดขึนได้ เมื่อมีรอยคอด 2 แห่ งบนโครโมโซม และส่ วน ้ ของโครโมโซมนันต่ อกลับเข้ าไปแต่ กลับทิศใน ้ โครโมโซมเดิม การเปลี่ยนแปลงแบบนีไม่ มีผลต่ อการ ้ แสดงออกของ phenotype แต่ อาจแสดงผลได้ ถ้าได้ รับ อิทธิพลจากยีนข้ างเคียง Translocation เกิดจากการสลับที่ระหว่ างส่ วนของ โครโมโซมต่ างคู่กัน ตัวอย่ างเช่ น chronic myelogenous leukemia (CML) แบบนีไม่ พบบ่ อยนักในธรรมชาติ ้ เพราะมีผลต่ อการสร้ างเซลล์ สืบพันธุ์
  • 74. Down syndrome เกิดจากการที่มีโครโมโซมคู่ท่ ี 21 เพิ่มขึนอีก 1 ้ แท่ ง (Trisomy, 47,+21) เด็กที่เป็ นโรคมีอาการ ปั ญญา อ่ อน ลักษณะทั่วไปเตีย สมองและกล้ ามเนือเจริญช้ า ้ ้ กว่ าปกติ ประมาณ 40 % มีอาการหัวใจผิดปกติ และ เป็ นโรคเกี่ยวกับระบบหายใจได้ ง่าย ทําให้ อายุไม่ ยืน ยาว นักวิทยาศาสตร์ มีข้อมูลแสดงให้ เห็นว่ า แม่ ท่ มีอายุ ี มากระหว่ าง 35-45 ปี มีโอกาสให้ กาเนิดลูกเป็ น Down ํ syndrome สูงกว่ าแม่ อายุน้อย