More Related Content
Similar to แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์สมบูรณ์ (20)
More from ธัญญลักษณ์ นาคคำ (20)
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์สมบูรณ์
- 1. แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2560
ชื่อโครงงาน อาหารเช้า มื้อแรกที่สมบูรณ์แบบ
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นางสาวนัฐวรรณ อุปนันไชย เลขที่ 5 ชั้น ม.6/11
นายธัชพล กิตติพงษ์ไพบูลย์ เลขที่26 ชั้น ม.6/11
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
นางสาว .นัฐวรรณ อุปนันไชย เลขที่5 ชั้น ม.6/11
นายธัชพล กิตติพงษ์ไพบูลย์ เลขที่26 ชั้น ม.6/11
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
อาหารเช้า มื้อแรกที่สมบูรณ์แบบ
ชื่อโครงงาน(ภาษาอังกฤษ)
Breakfast is perfect.
ประเภทของโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้จัดทาโครงงาน นางสาว นัฐวรรณ อุปนันไชย เลขที่ 5 ชั้น ม.6/11
นายธัชพล กิตติพงษ์ไพบูลย์ เลขที่ 26 ชั้น ม.6/11
ชื่อครูที่ปรึกษาโครงงาน คุณครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1 - 2 ปีการศึกษา 2560
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
โครงงานนี้เกี่ยวกับอาหารเช้า
จัดทาขึ้นเพราะในปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเป็นเด็กวัยรุ่นหรือวัยทางานต่างละเลยการรับประทานอาหารเช้า
ซึ่งอาหารเช้านั้นมีประโยชน์อย่างมาก ถือเป็นมื้อที่สาคัญที่สุดของวัน
เพราะถือเป็นการเริ่มต้นวันที่จะกาหนดชีวิตของเราไปตลอดทั้งวัน หากมี
อาหารเช้าก็ส่งผลให้ตลอดทั้งวันของการทางานของเราเป็นไปได้อย่างราบรื่น
ส่งผลให้สุขภาพจิตของเราดีตามไปด้วย การรับประทานอาหารเช้า อย่างถูกต้องและครบถ้วน
ร่างกายจะสามารถนาพลังงานมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ร่างกายและสมอง
- 3. ทางานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วยลดอาการอ่อนเพลีย หงุดหงิดง่าย รวมถึงการง่วงนอนในระหว่างวัน
นอกจากนี้การรับประทานมื้อเช้าที่ดีจะช่วยให้เราไม่หิวระหวังมื้ออาหาร
และรับประทานอาหารในมื้ออื่นน้อยลง ซึ่งจะส่งผลดีมากๆสาหรับผู้ที่กาลังอยู่ในช่วงควบคุมน้าหนักอยู่
วัตถุประสงค์ของการทาโครงงาน
1.เพื่อให้ทุกคนเล็งเห็นถึงประโยชน์ของอาหารเช้า
2.เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนรับประทานอาหารเช้าในทุกๆวัน
3.แสดงให้เห็นถึงโทษของการไม่รับประทานอาหารเช้า
ขอบเขตของการทาโครงงาน
1.ความสาคัญของอาหารเช้า
2.ถ้าไม่กินอาหารเช้าเป็นระยะเวลานานทาให้เสี่ยงต่อโรคต่างๆ ตามมา
3.อาหารที่ควรรับประทานในมื้อเช้า
4.เวลาในการรับประทานอาหารตอนเช้า
5.อย่าอดอาหารเช้า
6.ทาไมจึงต้องทานอาหารเช้า
หลักการและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
ความสาคัญของอาหารเช้า
“วันนี้คุณกินมื่อเช้าแล้วหรือยัง ” ใน 1 อาทิตย์ คุณเคยนับหรือไม่ว่าเรากินอาหารเช้าไปกี่วัน
หรือแทบไม่กินเลย ในยุคที่หนุ่มสาวปัจจุบันหรือคนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตเหมือนมีจรวจติดหลังอยู่ตลอดเวลา
ในเช้า แต่ละ วัน ห มด ไ ปกั บ กา ร เ ตรี ย ม ตัว ไ ป ออ ก ทา งา น หรื อ ต้ อง รีบ ไ ปโ ร ง เ รี ย น
จนบางครั้งทาให้เราละเลยที่จะกินมื่อเช้าไป
อาหารเช้าสาคัญอย่างไร
อ.สง่า ดามาพงษ์ ที่ปรึกษากรมอนามัย และผู้ทรงคุณวุฒิด้านโภชนาการ สสส. ได้อธิบายว่า
อาหารทุกมื้อล้วนมีความสาคัญ แต่ในบรรดาอาหารแต่ละมื้อที่เรากิน มื้อที่มีความสาคัญที่สุดคือ ‘อาหารเช้า’
เนื่องจ า กร่า งกา ยอดอา หา ร มา ตลอดทั้งคืน อา หา ร เช้า จึงเป็นสิ่งที่สา คัญอย่า งมาก
- 4. เพราะร่างกายต้องใช้พลังงานจากอาหารมื้อเย็น ไปเลี้ยงหัวใจให้สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย พอตื่นเช้ามา
หลังจาก 9-10 โมง เราจะเริ่มหิว ดังนั้นจึงต้องกินอาหารเช้าเข้าไปทดแทนพลังงานที่เสียไป
อี ก ทั้ ง อ า ห า ร เ ช้ า ยั ง ช่ ว ย เ ติ ม พ ลั ง ง า น ใ ห้ กั บ ร่ า ง ก า ย แ ล ะ ส ม อ ง
ทาให้สมองของเราทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้งวัน การกินอาหารเช้ายังช่วยป้องกันโรคเบาหวาน
ป้องกันโรคหัวใจ และป้องกันโรคอ้วนได้อีกด้วยและยังมีอีกหนึ่งสาเหตุสาคัญที่ทาให้คนไม่กินมื่อเช้า
เพราะมีความเข้าใจผิดคิดว่าการจะลดน้าหนักต้องอดอาหาร แท้จริงแล้วคนที่ไม่กินอาหารเช้ายิ่งจะทาให้อ้วน
เพร า ะ เมื่อไม่กิน ในช่วง 10-12 โมงก่อนเวลา อา หาร กลา งวันยิ่งจ ะทาให้ร่า งกายโหย
ส ม อ ง จ ะ ห ลั่ ง ส า ร เ ค มี เ พื่ อ ใ ห้ เ ร า กิ น อ า ห า ร ม า ก ขึ้ น ท า ใ ห้ กิ น จุ ก กิ น จิ บ
และ จ ะ กินมื้อเ ที่ย งแ ละ มื้ อ เย็น ม า ก ทา ให้ อ้ วน ไ ด้ เพร า ะ ได้รับพ ลั งง า น ส่ว น เ กิ น
แ ล ะ ค น ที่ ไ ม่ กิ น มื้ อ เ ช้ า ก า ร เ ผ า ผ ล า ญ พ ลั ง ง า น จ ะ ล ด ล ง ถึ ง 10%
ฉะนั้นการอดอาหารเพื่อลดน้าหนักจึงไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง ถ้าเราอดอาหารมื้อใดสักมื้อหนึ่งเพื่อลดน้าหนัก
จะทาให้เกิดการโยโย่ เอฟเฟค (YOYO Effect) ดังนั้นการลดน้าหนักจึงควรที่จะกินอาหารให้ครบสามมื้อ
แต่ให้ควบคุมปริมาณอาหารแทน
ถ้าไม่กินอาหารเช้าเป็นระยะเวลานานทาให้เสี่ยงต่อโรคต่างๆตามมา
1. โรคอ้วนเพราะการอดอาหารมื้อเช้าจะทาให้ระดับน้าตาลในเลือดต่า อาจส่งผลให้มื้อต่อๆ ไปกินหนัก
กินของหวานเข้าไป แถมอัตราการเผาผลาญยังลดลงอีกด้วย
2. โรคเบาหวาน การงดมื้อเช้าทาให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งหากกินอาหารเช้าเป็นประจา
จะช่วยลดภาวะผิดปกติดังกล่าวที่เป็นสาเหตุของโรคเบาหวานได้ถึงร้อยละ 35-50
3. โรคอัลไซเมอร์การรับประทานอาหารเช้าจะช่วยไปกระตุ้นพลังให้กับสมองและทาให้มีความจาที่ดีได้
แต่ในทางตรงกันข้ามหากเราอดอาหารมื้อเช้าจะทาให้ร่างกายไม่สดชื่น กระปรี้กระเปร่า หลงลืม ความจาไม่ดี
ไม่มีสมาธิ หากทาเป็นประจาต่อเนื่องนานๆ อาจนามาซึ่งโรคอัลไซเมอร์ได้อย่างแน่นอน
4. โรคเส้นเลือดในสมองและโรคหัวใจ เพราะตอนเช้าหลังจากที่เราตื่นนอนเลือดของเราจะมีความเข้มข้นสูง
ซึ่งจะทาให้เส้นเลือดที่ส่งไปเลี้ยงสมอง หรือหัวใจอุดตันได้
ซึ่งจากผลการวิจัยจากสมาคมแพทย์โรคหัวใจในอเมริกาเมื่อปี 2003 พบว่า
การรับประทานอาหารเช้าอย่างสม่าเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคดังกล่าวได้
5. โรคกรดไหลย้อน โรคนี้ปัจจัยหนึ่งเกิดจากพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม
และการรับประทานอาหารไม่เป็นเวลาก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น บางรายไม่ชอบรับประทานอาหารเช้า
- 5. แต่หันไปพึ่งพาเครื่องดื่มคาเฟอีน อย่าง กาแฟ ชา เครื่องดื่มชูกาลัง ฯลฯ เพียงอย่างเดียว
ซึ่งเครื่องดื่มเหล่านี้จะยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้น้าย่อยหลั่งออกมามากขึ้น
6.โรคนิ่ว การไม่รับประทานอาหารนานกว่า 14 ชั่วโมง จะทาให้คอเลสเตอรอลในถุงน้าดีจับตัวกัน
และหากปล่อยทาเป็นประจาไปนานๆ จะทาให้กลายเป็นก้อนนิ่วได้
ซึ่งการรับประทานอาหารเช้าเป็นประจาจะช่วยให้ตับปล่อยน้าดีออกมาละลายไม่ให้คอเลสเตอรอลจับตัวกัน
สามารถป้องกันการเกิดโรคนิ่วได้
อาหารที่ควรรับประทานในมื้อเช้า
แนะนาว่าต้องเป็นอาหารที่ได้คุณค่าทางโภชนาการครบทั้ง 5 หมู่
และหลากหลาย พยายามเลือกกินธัญพืชไม่ขัดสี เสริมโปรตีนในอาหารเช้า นม ไข่ เนื้อสัตว์ เนื้อปลา
และกินอาหารที่มีแคลเซียมสูงมีกากใยสูง
หลักการเลือกที่สาคัญมีเพียง 3 ข้อเท่านั้น คือ ตรงเวลา ครบห้าหมู่ และพอดีกับความต้องการของเรากาย
1.ต้มเลือดหมู ถือเป็นอาหารเช้าที่สมบูรณ์แบบที่สุดจานหนึ่งเลยทีเดียว
หากรับประทานต้มเลือดหมูกับข้าวเปล่าในมื้อเช้า จะได้รับสารอาหารครบทั้งห้าหมู่
และยังได้ธาตุเหล็กในปริมาณที่สูงทั้งจากผักต่างๆและเครื่องใน ผักช่วยเพิ่มไฟเบอร์และวิตามินได้เป็นอย่างดี
ในน้าซุปหากเป็นซุปกระดุกหมูยังมีคลอลาเจน ช่วยในการบารุงผิวพรรณอีกด้วย
แต่ถ้าจะหากจะให้ต้มเลือดหมูเป็นอาหารเช้าเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริงก็ง่ายมาก
เปลี่ยนจากข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง อย่าปรุงเยอะจนรสจัดเกินไป ถ้าไม่ปรุงเลยจะดีที่สุด
และที่สาคัญคืออย่าใส่หมูกรอบหรือหมูสามชั้นเข้าไปในต้มเลือดหมู
เท่านี้ก็จะได้เมนูที่เหมาะสมสาหรับมื้อเช้าที่ดี
2.ขนมปังไข่ดาว เป็นอีกหนึ่งอาหารเช้ายอดนิยม ที่ไม่ได้ด้วยเรื่องสารอาหาร หรือมีผลเสียต่อร่างกายนัก
ไข่ดาวที่อุดมไปด้วยโปรตีนและแร่ธาตุ ได้พลังงานจากขนมปัง
แต่ถ้าอยากให้เมนูนี้กลายเป็นเมนูสุขภาพก็ง่ายมาก เพียงแค่เปลี่ยนจากขนมปังธรรมดาเป็นขนมปังโฮลวีท
และใช้ไข่ดาวน้าแทนการทอดด้วยน้ามัน เสริมวิตามินด้วยสลัด
หรือผักเคียงสักเล็กน้อยขนมปังไข่ดาวก็กลายเป็นเมนูสุขภาพได้เช่นกัน
หากอยากเพิ่มคุณประโยชน์เข้าไปอีกนมสักแก้วก็ช่วยได้ดี
การโรยพริกไทยสักเล็กน้อยก็ช่วยในเรื่องอัตราการเผาผลาญได้เป็นอย่างดี
- 6. 3.โจ๊กหมู ถือเป็นเมนูยอดฮิตอีกเมนูหนึ่งสาหรับคนเร่งด่วนในมื้อเช้า
โจ๊กหมูเป็นอาหารเช้าที่มีสารอาหารค่อนข้างครบ
แต่จะมีข้อด้วยในเรื่องวิตามินและไฟเบอร์ซึ่งถือว่ามีน้อยมากๆ
นอกจากนี้โจ๊กยังอุดมไปด้วยแป้งที่เป็นสาเหตุของการะตุ้นให้เราหิวเร็วขึ้น หากสามารถเลือกร้านที่ใช้
ข้าวกล้อง หรือข้าวในส่วนที่มีคุณภาพก็จะช่วยลดปัญหาเรื่องนี้ได้ และที่สาคัญโจ๊กยังมีส่วนประกอบอย่างขึ้น
ที่ช่วยควบคุมระดับน้าตาลในเลือด ความดัน และยังช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานของร่างกายอีกด้วย
แต่ข้อควรระวังในการรับประทานโจ๊กเป็นมื้อเช้าก็คือการปรุงรส และปาท่องโก๋ที่เรามักจะใส่ลงไปด้วย
ซึ่งเป็นการเพิ่มแป้งเข้าไปไม่ค่อยส่งผลดีต่อร่างกายนัก
4.ข้าวเหนียวหมูปิ้ง เป็นอีกเมนูยอดฮิตสาหรับมื้อเช้าที่เร่งด่วน
แต่ข้าวเหนียวหมูปิ้งเป็นเมนูที่ต้องระมัดระวังในการทานอย่างมาก
ไม่ควรทานเป็นประจาทุกวัน และควรเลี่ยงที่จะรับประทานส่วนที่เป็นมันหมู หากจะให้ดีควรเลือก
รับประทานข้าวเหนียวดา จะมีสารต้านอนุมูลอิสระด้วย
แต่ข้าวเหนียวหมูปิ้งก็เป็นเมนูที่ให้พลังงานได้ดี สามารถสลับกันรับประทานกับอาหารชนิดอื่นได้
แต่ไม่ควรทานทุกวัน เนื่องจากมีข้อด้วยในเรื่องของวิตามิน เกลือแร่
และใยอาหารซึ่งแทบจะไม่พบเลยในอาหารประเภทนี้
5.น้าเต้าหู้ปาทองโก๋ อาหารเช้ายอดนิยมอีกอย่างหนึ่งของคนไทย
ในส่วนของน้าเต้าหู้คงไม่มีใครเถียงในเรื่องของคุณประโยชน์ ทั้งโปรตีน สารต้านอนุมูลอิสระ
และถ้าหากเป็นแบบผสมธัญพืช ก็จะช่วยเพิ่มในเรื่องวิตามินและแร่ธาตุเข้าไปได้อีกด้วย
ทั้งยังเป็นการเพิ่มใยอาหารช่วยให้อยู่ท้องได้นานขึ้น แต่อาหารที่นิยมรับประทานคู่กันอย่างปาท่องโก๋
เป็นของทอดที่อุดมไปด้วยแป้ง
และไขมัน ว่ากันว่าการรับประทานปาท่องโก๋เพียงหนึ่งคู่ทุกเช้าก็สามารถเพิ่มน้าหนักได้หลายกิโลกรัมในหนึ่งปี
ทั้งยังต้องเสี่ยงกับสารก่อมะเร็งจากการทอดอีกด้วย ลองหาคู่ใหม่ให้น้าเต้าหู้เป็นขนมปังโฮลวีท
เพิ่มธัญพืชพวกถั่ว หรือเม็ดแมงลักก็จะช่วยให้มื้อเช้าสมบูรณ์ขึ้น
และสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่งคือการรับประทานปาทองโก๋กับนมข้นหวาน
เพราะจะเพิ่มระดับน้าตาลเข้าไปอีกไม่ส่งผลดีต่อร่างการ
6.ชา กาแฟ ชาเขียว ข้อสาคัญคือเราไม่ควรเติมน้าตาล หรือครีมต่างๆลงไป กาดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ในตอนเช้า
หลังจากรับประทานมื้อเช้าแล้ว(จะช่วยให้ร่างกายดูดคาแฟอีน น้อยลง) จะช่วยทาให้ร่างกายสดชื่น
และกระตุ้นอัตราการเผาผลาญได้ตลอดวัน
- 7. 7.ผลไม้สดหรือน้าผลไม้ การดื่มน้าผลไม้ หรือรับประทานผลไม้สดหลังอาหารเช้าสักเล็กน้อย
จะช่วยให้ร่างกายสดชื่นเพราะน้าตาลในผลไม้สามารถนาไปใช้ได้เร็ว
และยิ่งเป็นผลไม้สดก็จะช่วยชดเชยในเรื่องของใยอาหาร ซึ่งมักเป็นข้อด้วยของอาหารเช้าหลายๆเมนู
ผลไม้ที่แนะนาคือกล้วย แตงโม ส่วนน้าผลไม้ที่แนะนาและหาได้ง่ายคือน้าส้ม หรือน้ามะนาว
จะช่วยในเรื่องของการดูดซึมไขมันที่ดี และช่วยให้สดชื่นอีกด้วย
เวลาในการรับประทานอาหารตอนเช้า
การรับประทาน อาหารเช้า
ที่ดีสิ่งสาคัญระดับแรกคือ เวลาในการรับประอาหาร ถ้าอยากให้มื้อเช้าสมบูรณ์แบบ
เราควรรับประทานให้เสร็จก่อนเวลา 7.00 น.
เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานไปใช้ในการทางานหรือการเรียนในช่วงเช้าได้ทัน หากใครที่เข้างานเช้า
ก็ควรเลื่อนระยะเวลาในการรับประทานอาหารเช้าให้เร็วขึ้นไปอีกและที่สาคัญที่สุดในการรับประทาน
มื้อเช้าก็คงจะนี้ไม่พ้นอาหารที่เรารับประทานเข้าไป และเมนูไหน อาหารประเภทไหน
ที่ควรรับประทาน ไม่ควรรับประทานเป็นอาหารเช้า
และส่งผลอย่างไรต่อร่างกายในระยะสั้นและระยะยาว
อย่าอดอาหารเช้า
จากการสารวจพฤติกรรมการบริโภคอาหารของประชากรทั่วประเทศปี 2556
โดยสานักงานสถิติแห่งชาติสารวจ 26,520 ครัวเรือน พบว่าเด็กอายุ 6-14 ปี ทานอาหารมื้อหลักครบ
3 มื้อสูงถึงร้อยละ 93 ขณะที่กลุ่มอายุ 15-24 ปีทานอาหารครบ 3 มื้อร้อยละ 87
เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2552 พบว่ากลุ่มเยาวชนมีอัตราการบริโภคอาหารครบ 3 มื้อลดลงร้อยละ 0.5
ในขณะที่ประชากรกลุ่มอื่นมีอัตราเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเด็กที่มีอายุ 6-14 ปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 13
ซึ่งถือเป็นเรื่องดี
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้ข้อมูลว่า
ส่วนใหญ่มักจะงดมื้อเช้าด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น ต้องตื่นแต่เช้าเร่งรีบไปเรียนหรือทางาน
ไม่มีเวลาพอสาหรับการเตรียมอาหารเช้า บางคนงดอาหารเช้าด้วยเหตุผลที่ต้องการลดน้าหนัก
- 8. จะพบมากในกลุ่มวัยรุ่น วัยทางาน ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด
เนื่องจากการงดกินอาหารเช้าจะทาให้ระดับน้าตาลในเลือดต่า ทาให้ช่วงสายของวันจะรู้สึกหิว
มีอารมณ์หงุดหงิด สมองตื้อ คิดอะไรไม่ออก ไม่มีสมาธิในการเรียนหรือทางาน
การทางานจะด้อยกว่าคนที่กินอาหารเช้า เนื่องจากสมองต้องการน้าตาลกลูโคสหล่อเลี้ยงตลอดเวลา
และจะหันมารับประทานอาหารอื่น เช่น ขนม ส่งผลให้อ้วนเพิ่มขึ้น
ทาไมจึงต้องทานอาหารเช้า
หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่ค่อยทานอาหารเช้าไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
คุณอาจต้องทบทวนเสียใหม่แล้ว เนื่องจากอาหารเช้าเป็นอาหารมื้อแรกของวันซึ่งถือว่ามีความสาคัญมากที่สุด
เราลองมาดูเหตุผลว่าทาไมคุณควรเริ่มต้นวันใหม่ด้วยมื้อเช้าทุกวัน
1. สุขภาพโดยรวมดีขึ้น
บางคนอาจคิดว่าการไม่ทานอาหารเช้าจะสามารถช่วยในการลดน้าหนักหรือไขมันส่วนเกินได้
ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดอย่างมหันต์ เนื่องจากการงดอาหารเช้าจะทาให้อัตราการเผาผลาญช้าลง
อีกทั้งยังทาให้สูญเสียกล้ามเนื้อ และถึงแม้ว่าจะผอมลงจากการอดอาหารเช้า ก็มีแนวโน้มที่จะผอมแต่ลงพุง
(Skinny fat) ดังนั้นควรทานอาหารเช้าทุกวันเพื่อให้สุขภาพในภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี
2. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
การนาผักและผลไม้ซึ่งล้วนแต่อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระมาเป็นส่วนหนึ่งของมื้อเช้า
จะเป็นการกระตุ้นและช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมรุกล้าเข้ามาทาอันตรายแก่
ร่างกาย ซึ่งหากมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ก็จะส่งผลให้มีสุขภาพดีตามไปด้วย
3. ช่วยในการลดน้าหนัก
มีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า อาหารเช้ามีผลต่อการรักษาสมดุลของน้าหนัก
ซึ่งหากงดมื้อเช้าในช่วงที่กาลังลดน้าหนัก
จะทาให้มีแนวโน้มที่จะน้าหนักลดได้น้อยกว่าผู้ที่ทานอาหารเช้าเป็นประจา
นอกจากนี้การทานมื้อเช้าจะช่วยป้องกันไม่ให้ทานมากในช่วงระหว่างวัน อีกทั้งยังช่วยให้ฮอร์โมนมีความสมดุล
ส่งผลให้การควบคุมน้าหนักดาเนินไปได้ด้วยดี
- 9. 4. มอบพลังงาน
การไม่ทานอาหารเช้าจะทาให้ร่างกายดึงพลังงานที่เก็บสะสมไว้มาใช้ โดยที่ไกลโคเจน (Glycogen)
ซึ่งเป็นอาหารสะสมประเภทคาร์โบไฮเดรตที่ถูกเก็บไว้ที่กล้ามเนื้อจะโดนดึงออกมาใช้จนหมดสิ้น
ส่งผลให้ร่างกายย่อยโปรตีนจากกล้ามเนื้อ เพื่อรักษาระดับน้าตาลในเลือดไว้จนในที่สุดกล้ามเนื้อก็จะลดลง
ดังนั้นควรเริ่มต้นวันใหม่ด้วยมื้อเช้าที่เปี่ยมไปด้วยสารอาหารที่ให้พลังงานสูงอย่างขนมปังโฮลวีท ไข่
กรีกโยเกิร์ต อะโวคาโด ฯลฯ แทนการดื่มเพียงแค่กาแฟคู่กับการทานขนมมัฟฟิน
5. ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
มีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า อาหารเช้ามีความเชื่อมโยงกับโรคเรื้อรังบางชนิด
โดยผู้ที่ทานอาหารเช้าเป็นประจามีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหัวใจต่ากว่าผู้ที่งดทานมื้อเช้า
นอกจากนี้คนที่ไม่ทานมื้อเช้าส่วนมากมักเป็นกลุ่มคนที่ทานอาหารในช่วงกลางคืนเยอะ
โดยจะส่งผลต่อการทางานของฮอร์โมนซึ่งในระยะยาวจะนาไปสู่การมีระดับคอเรสเตรอลและความดันโลหิตสูง
ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ
6. ทาให้มีสมาธิในการทาสิ่งต่างๆ
ทราบหรือไม่ว่าระดับของน้าตาลในเลือด
จะลดลงยามที่นอนหลับในช่วงกลางคืนและจะได้รับการทดแทนเมื่อทานอาหารเช้า
ซึ่งระดับของกลูโคสในเลือดจะช่วยให้สมองทางานได้อย่างราบรื่น
จะมีอารมณ์ที่เสถียรและมีสมาธิในการทาสิ่งต่างๆได้อย่างดีเยี่ยม
ดังนั้นควรเริ่มต้นวันใหม่ด้วยมื้อเช้าเพื่อเติมพลังให้สมองได้ทางานอย่างมีประสิทธิภาพ
7. เตรียมความพร้อมให้ผู้ที่มีไลฟ์สไตล์แบบไม่หยุดนิ่ง
การทานอาหารเช้าเป็นประจาจะช่วยให้ร่างกายมีพลังงานพร้อมสาหรับการทาสิ่งต่างๆ
โดยเฉพาะทาให้มีแรงในการออกกาลังได้มากขึ้นหรือทากิจกรรมที่ต้องใช้อาศัยพลังงานหรือความกระฉับกระเฉ
งเป็นพิเศษ อย่างไรก็ดีมีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า
การทานมื้อเช้าจะเป็นการส่งสัญญาณไปยังกระแสเลือดว่าร่างกายยังคงมีพลังงาน
ส่งผลให้มีเรี่ยวแรงในการทาสิ่งต่างๆ
จากที่กล่าวไปข้างต้นจะเห็นได้ว่า อาหารเช้า ไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อสุขภาพได้เท่านั้น
แต่ยังมีผลกระทบต่อการดารงชีวิตประจาวันอีกด้วย ดังนั้นควรเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการทานมื้อเช้าทุกวัน
วิธีดาเนินงาน