SlideShare a Scribd company logo
1 of 11
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปี การศึกษา 2560
ชื่อโครงงาน อาหารเช้า มื้อแรกที่สมบูรณ์แบบ
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นางสาว .นัฐวรรณ อุปนันไชย เลขที่ 5 ชั้น ม.6/11
นายธัชพล กิตติพงษ์ไพบูลย์ เลขที่ 26 ชั้น ม.6/11
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปี การศึกษา 2560
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
นางสาว .นัฐวรรณ อุปนันไชย เลขที่ 5 ชั้น ม.6/11
นายธัชพล กิตติพงษ์ไพบูลย์ เลขที่ 26 ชั้น ม.6/11
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
อาหารเช้า มื้อแรกที่สมบูรณ์แบบ
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Breakfast is perfect.
ประเภทของโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้จัดทาโครงงาน นางสาว .นัฐวรรณ อุปนันไชย เลขที่ 5 ชั้น
ม.6/11
นายธัชพล กิตติพงษ์ไพบูลย์ เลขที่ 26 ชั้น ม.6/11
ชื่อครูที่ปรึกษาโครงงาน คุณครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1 - 2 ปีการศึกษา 2560
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
โครงงานนี้เกี่ยวกับอาหารเช้า
จัดทาขึ้นเพราะในปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเป็นเด็กวัยรุ่นหรือวัยทางานต่างละเลยการ
รับประทานอาหารเช้า ซึ่งอาหารเช้านั้นมีประโยชน์อย่างมาก
ถือเป็นมื้อที่สาคัญที่สุดของวัน
เพราะถือเป็นการเริ่มต้นวันที่จะกาหนดชีวิตของเราไปตลอดทั้งวัน หากมี
อาหารเช้าก็ส่งผลให้ตลอดทั้งวันของการทางานของเราเป็นไปได้อย่างราบรื่น
ส่งผลให้สุขภาพจิตของเราดีตามไปด้วย การรับประทาน อาหารเช้า
อย่างถูกต้องและครบถ้วน
ร่างกายจะสามารถนาพลังงานมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่งผลให้ร่างกายและสมอง ทางานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ช่วยลดอาการอ่อนเพลีย หงุดหงิดง่าย รวมถึงการง่วงนอนในระหว่างวัน
นอกจากนี้การรับประทานมื้อเช้าที่ดีจะช่วยให้เราไม่หิวระหวังมื้ออาหาร
และรับประทานอาหารในมื้ออื่นน้อยลง
ซึ่งจะส่งผลดีมากๆสาหรับผู้ที่กาลังอยู่ในช่วงควบคุมน้าหนักอยู่
วัตถุประสงค์ของการทาโครงงาน
1.เพื่อให้ทุกคนเล็งเห็นถึงประโยชน์ของอาหารเช้า
2.เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนรับประทานอาหารเช้าในทุกๆวัน
3.แสดงให้เห็นถึงโทษของการไม่รับประทานอาหารเช้า
ขอบเขตของการทาโครงงาน
1.ความสาคัญของอาหารเช้า
2.ถ้าไม่กินอาหารเช้าเป็นระยะเวลานานทาให้เสี่ยงต่อโรคต่างๆ ตามมา
3.อาหารที่ควรรับประทานในมื้อเช้า
4.เวลาในการรับประทานอาหารตอนเช้า
5.อย่าอดอาหารเช้า
6.ทาไมจึงต้องทานอาหารเช้า
หลักการและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
 ความสาคัญของอาหารเช้า
“วันนี้คุณกินมื่อเช้าแล้วหรือยัง” ใน 1 อาทิตย์
คุณเคยนับหรือไม่ว่าเรากินอาหารเช้าไปกี่วัน หรือแทบไม่กินเลย
ในยุคที่หนุ่มสาวปัจจุบันหรือคนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตเหมือนมีจรวจติดหลังอยู่ตลอ
ดเวลา
ในเช้าแต่ละวันหมดไปกับการเตรียมตัวไปออกทางานหรือต้องรีบไปโรงเรียน
จนบางครั้งทาให้เราละเลยที่จะกินมื่อเช้าไป
อาหารเช้าสาคัญอย่างไร
อ.สง่า ดามาพงษ์ ที่ปรึกษากรมอนามัย และผู้ทรงคุณวุฒิด้านโภชนาการ
สสส. ได้อธิบายว่า อาหารทุกมื้อล้วนมีความสาคัญ
แต่ในบรรดาอาหารแต่ละมื้อที่เรากิน มื้อที่มีความสาคัญที่สุดคือ ‘อาหารเช้า’
เนื่องจากร่างกายอดอาหารมาตลอดทั้งคืน
อาหารเช้าจึงเป็นสิ่งที่สาคัญอย่างมาก
เพราะร่างกายต้องใช้พลังงานจากอาหารมื้อเย็น
ไปเลี้ยงหัวใจให้สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย พอตื่นเช้ามา หลังจาก 9-10 โมง
เราจะเริ่มหิว ดังนั้นจึงต้องกินอาหารเช้าเข้าไปทดแทนพลังงานที่เสียไป
อีกทั้งอาหารเช้ายังช่วยเติมพลังงานให้กับร่างกายและสมอง
ทาให้สมองของเราทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้งวัน
การกินอาหารเช้ายังช่วยป้องกันโรคเบาหวาน ป้องกันโรคหัวใจ
และป้องกันโรคอ้วนได้อีกด้วย
และยังมีอีกหนึ่งสาเหตุสาคัญที่ทาให้คนไม่กินมื่อเช้า
เพราะมีความเข้าใจผิดคิดว่าการจะลดน้าหนักต้องอดอาหาร
แท้จริงแล้วคนที่ไม่กินอาหารเช้ายิ่งจะทาให้อ้วน เพราะเมื่อไม่กิน ในช่วง 10-
12 โมงก่อนเวลาอาหารกลางวันยิ่งจะทาให้ร่างกายโหย
สมองจะหลั่งสารเคมีเพื่อให้เรากินอาหารมากขึ้น ทาให้กินจุกกินจิบ
และจะกินมื้อเที่ยงและมื้อเย็นมากทาให้อ้วนได้ เพราะได้รับพลังงานส่วนเกิน
และคนที่ไม่กินมื้อเช้าการเผาผลาญพลังงานจะลดลงถึง 10%
ฉะนั้นการอดอาหารเพื่อลดน้าหนักจึงไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง
ถ้าเราอดอาหารมื้อใดสักมื้อหนึ่งเพื่อลดน้าหนัก จะทาให้เกิดการโยโย่ เอฟเฟค
(YOYO Effect) ดังนั้นการลดน้าหนักจึงควรที่จะกินอาหารให้ครบสามมื้อ
แต่ให้ควบคุมปริมาณอาหารแทน
 ถ้าไม่กินอาหารเช้าเป็นระยะเวลานานทาให้เสี่ยงต่อโรคต่างๆ ตามมา
1. โรคอ้วน เพราะการอดอาหารมื้อเช้าจะทาให้ระดับน้าตาลในเลือดต่า
อาจส่งผลให้มื้อต่อๆ ไปกินหนัก กินของหวานเข้าไป
แถมอัตราการเผาผลาญยังลดลงอีกด้วย
2. โรคเบาหวาน การงดมื้อเช้าทาให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน
ซึ่งหากกินอาหารเช้าเป็นประจา
จะช่วยลดภาวะผิดปกติดังกล่าวที่เป็นสาเหตุของโรคเบาหวานได้ถึงร้อยละ
35-50
3.
โรคอัลไซเมอร์ การรับประทานอาหารเช้าจะช่วยไปกระตุ้นพลังให้กับสมองแล
ะทาให้มีความจาที่ดีได้
แต่ในทางตรงกันข้ามหากเราอดอาหารมื้อเช้าจะทาให้ร่างกายไม่สดชื่น
กระปรี้กระเปร่า หลงลืม ความจาไม่ดี ไม่มีสมาธิ
หากทาเป็นประจาต่อเนื่องนานๆ อาจนามาซึ่งโรคอัลไซเมอร์ได้อย่างแน่นอน
4. โรคเส้นเลือดในสมอง
และโรคหัวใจ เพราะตอนเช้าหลังจากที่เราตื่นนอนเลือดของเราจะมีความเข้ม
ข้นสูง ซึ่งจะทาให้เส้นเลือดที่ส่งไปเลี้ยงสมอง หรือหัวใจอุดตันได้
ซึ่งจากผลการวิจัยจากสมาคมแพทย์โรคหัวใจในอเมริกาเมื่อปี 2003 พบว่า
การรับประทานอาหารเช้าอย่างสม่าเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคดั
งกล่าวได้
5. โรคกรดไหลย้อน โรคนี้ปัจจัยหนึ่งเกิดจากพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม
และการรับประทานอาหารไม่เป็ นเวลาก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น
บางรายไม่ชอบรับประทานอาหารเช้า แต่หันไปพึ่งพาเครื่องดื่มคาเฟอีน อย่าง
กาแฟ ชา เครื่องดื่มชูกาลัง ฯลฯ เพียงอย่างเดียว
ซึ่งเครื่องดื่มเหล่านี้จะยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้น้าย่อยหลั่งออกมามากขึ้น
6.โรคนิ่ว การไม่รับประทานอาหารนานกว่า 14 ชั่วโมง
จะทาให้คอเลสเตอรอลในถุงน้าดีจับตัวกัน
และหากปล่อยทาเป็นประจาไปนานๆ จะทาให้กลายเป็นก้อนนิ่วได้
ซึ่งการรับประทานอาหารเช้าเป็นประจาจะช่วยให้ตับปล่อยน้าดีออกมาละลายไ
ม่ให้คอเลสเตอรอลจับตัวกัน สามารถป้องกันการเกิดโรคนิ่วได้
 อาหารที่ควรรับประทานในมื้อเช้า
แนะนาว่าต้องเป็นอาหารที่ได้คุณค่าทางโภชนาการครบทั้ง 5 หมู่
และหลากหลาย พยายามเลือกกินธัญพืชไม่ขัดสี เสริมโปรตีนในอาหารเช้า นม
ไข่ เนื้อสัตว์ เนื้อปลา และกินอาหารที่มีแคลเซียมสูงมีกากใยสูง
หลักการเลือกที่สาคัญมีเพียง 3 ข้อเท่านั้น คือ ตรงเวลา ครบห้าหมู่
และพอดีกับความต้องการของเรากาย
1.ต้มเลือดหมู ถือเป็นอาหารเช้าที่สมบูรณ์แบบที่สุดจานหนึ่งเลยทีเดียว
หากรับประทานต้มเลือดหมูกับข้าวเปล่าในมื้อเช้า
จะได้รับสารอาหารครบทั้งห้าหมู่
และยังได้ธาตุเหล็กในปริมาณที่สูงทั้งจากผักต่างๆและเครื่องใน
ผักช่วยเพิ่มไฟเบอร์และวิตามินได้เป็ นอย่างดี
ในน้าซุปหากเป็นซุปกระดุกหมูยังมีคลอลาเจน
ช่วยในการบารุงผิวพรรณอีกด้วย
แต่ถ้าจะหากจะให้ต้มเลือดหมูเป็นอาหารเช้าเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริงก็ง่ายมาก
เปลี่ยนจากข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง อย่าปรุงเยอะจนรสจัดเกินไป
ถ้าไม่ปรุงเลยจะดีที่สุด
และที่สาคัญคืออย่าใส่หมูกรอบหรือหมูสามชั้นเข้าไปในต้มเลือดหมู
เท่านี้ก็จะได้เมนูที่เหมาะสมสาหรับมื้อเช้าที่ดี
2.ขนมปังไข่ดาว เป็นอีกหนึ่งอาหารเช้ายอดนิยม ที่ไม่ได้ด้วยเรื่องสารอาหาร
หรือมีผลเสียต่อร่างกายนัก ไข่ดาวที่อุดมไปด้วยโปรตีนและแร่ธาตุ
ได้พลังงานจากขนมปัง แต่ถ้าอยากให้เมนูนี้กลายเป็นเมนูสุขภาพก็ง่ายมาก
เพียงแค่เปลี่ยนจากขนมปังธรรมดาเป็นขนมปังโฮลวีท
และใช้ไข่ดาวน้าแทนการทอดด้วยน้ามัน เสริมวิตามินด้วยสลัด
หรือผักเคียงสักเล็กน้อยขนมปังไข่ดาวก็กลายเป็นเมนูสุขภาพได้เช่นกัน
หากอยากเพิ่มคุณประโยชน์เข้าไปอีกนมสักแก้วก็ช่วยได้ดี
การโรยพริกไทยสักเล็กน้อยก็ช่วยในเรื่องอัตราการเผาผลาญได้เป็นอย่างดี
3.โจ๊กหมู ถือเป็นเมนูยอดฮิตอีกเมนูหนึ่งสาหรับคนเร่งด่วนในมื้อเช้า
โจ๊กหมูเป็นอาหารเช้าที่มีสารอาหารค่อนข้างครบ
แต่จะมีข้อด้วยในเรื่องวิตามินและไฟเบอร์ซึ่งถือว่ามีน้อยมากๆ
นอกจากนี้โจ๊กยังอุดมไปด้วยแป้งที่เป็นสาเหตุของการะตุ้นให้เราหิวเร็วขึ้น
หากสามารถเลือกร้านที่ใช้ ข้าวกล้อง
หรือข้าวในส่วนที่มีคุณภาพก็จะช่วยลดปัญหาเรื่องนี้ได้
และที่สาคัญโจ๊กยังมีส่วนประกอบอย่างขึ้น ที่ช่วยควบคุมระดับน้าตาลในเลือด
ความดัน และยังช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานของร่างกายอีกด้วย
แต่ข้อควรระวังในการรับประทานโจ๊กเป็นมื้อเช้าก็คือการปรุงรส
และปาท่องโก๋ที่เรามักจะใส่ลงไปด้วย
ซึ่งเป็นการเพิ่มแป้งเข้าไปไม่ค่อยส่งผลดีต่อร่างกายนัก
4.ข้าวเหนียวหมูปิ้ ง เป็ นอีกเมนูยอดฮิตสาหรับมื้อเช้าที่เร่งด่วน
แต่ข้าวเหนียวหมูปิ้งเป็ นเมนูที่ต้องระมัดระวังในการทานอย่างมาก
ไม่ควรทานเป็ นประจาทุกวัน และควรเลี่ยงที่จะรับประทานส่วนที่เป็ นมั
นหมู หากจะให้ดีควรเลือกรับประทานข้าวเหนียวดา
จะมีสารต้านอนุมูลอิสระด้วย
แต่ข้าวเหนียวหมูปิ้งก็เป็ นเมนูที่ให้พลังงานได้ดี
สามารถสลับกันรับประทานกับอาหารชนิดอื่นได้ แต่ไม่ควรทานทุกวัน
เนื่องจากมีข้อด้วยในเรื่องของวิตามิน เกลือแร่
และใยอาหารซึ่งแทบจะไม่พบเลยในอาหารประเภทนี้
5.น้าเต้าหู้ปาทองโก๋ อาหารเช้ายอดนิยมอีกอย่างหนึ่งของคนไทย
ในส่วนของน้าเต้าหู้คงไม่มีใครเถียงในเรื่องของคุณประโยชน์ ทั้งโปรตีน
สารต้านอนุมูลอิสระ และถ้าหากเป็นแบบผสมธัญพืช
ก็จะช่วยเพิ่มในเรื่องวิตามินและแร่ธาตุเข้าไปได้อีกด้วย
ทั้งยังเป็นการเพิ่มใยอาหารช่วยให้อยู่ท้องได้นานขึ้น
แต่อาหารที่นิยมรับประทานคู่กันอย่างปาท่องโก๋
เป็นของทอดที่อุดมไปด้วยแป้ง
และไขมัน ว่ากันว่าการรับประทานปาท่องโก๋เพียงหนึ่งคู่ทุกเช้าก็สามารถเพิ่ม
น้าหนักได้หลายกิโลกรัมในหนึ่งปี ทั้งยังต้องเสี่ยงกับสารก่อมะเร็งจากการทอด
อีกด้วย ลองหาคู่ใหม่ให้น้าเต้าหู้เป็นขนมปังโฮลวีท เพิ่มธัญพืชพวกถั่ว
หรือเม็ดแมงลักก็จะช่วยให้มื้อเช้าสมบูรณ์ขึ้น
และสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่งคือการรับประทานปาทองโก๋กับนมข้นหวาน
เพราะจะเพิ่มระดับน้าตาลเข้าไปอีกไม่ส่งผลดีต่อร่างการ
6.ชา กาแฟ ชาเขียว ข้อสาคัญคือเราไม่ควรเติมน้าตาล หรือครีมต่างๆลงไป
กาดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ในตอนเช้า
หลังจากรับประทานมื้อเช้าแล้ว(จะช่วยให้ร่างกายดูดคาแฟอีน น้อยลง)
จะช่วยทาให้ร่างกายสดชื่น และกระตุ้นอัตราการเผาผลาญได้ตลอดวัน
7.ผลไม้สดหรือน้าผลไม้ การดื่มน้าผลไม้
หรือรับประทานผลไม้สดหลังอาหารเช้าสักเล็กน้อย
จะช่วยให้ร่างกายสดชื่นเพราะน้าตาลในผลไม้สามารถนาไปใช้ได้เร็ว
และยิ่งเป็นผลไม้สดก็จะช่วยชดเชยในเรื่องของใยอาหาร
ซึ่งมักเป็นข้อด้วยของอาหารเช้าหลายๆเมนู ผลไม้ที่แนะนาคือกล้วย แตงโม
ส่วนน้าผลไม้ที่แนะนาและหาได้ง่ายคือน้าส้ม หรือน้ามะนาว
จะช่วยในเรื่องของการดูดซึมไขมันที่ดี และช่วยให้สดชื่นอีกด้วย
 เวลาในการรับประทานอาหารตอนเช้า
การรับประทาน อาหารเช้า
ที่ดีสิ่งสาคัญระดับแรกคือ เวลาในการรับประอาหาร ถ้าอยากให้มื้อเช้าส
มบูรณ์แบบ เราควรรับประทานให้เสร็จก่อนเวลา 7.00 น.
เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานไปใช้ในการทางานหรือการเรียนในช่วงเช้
าได้ทัน หากใครที่เข้างานเช้า
ก็ควรเลื่อนระยะเวลาในการรับประทานอาหารเช้าให้เร็วขึ้นไปอีกและที่
สาคัญที่สุดในการรับประทานมื้อเช้าก็คงจะนี้ไม่พ้นอาหารที่เรารับประท
านเข้าไป และเมนูไหน อาหารประเภทไหน ที่ควรรับประทาน
ไม่ควรรับประทานเป็นอาหารเช้า
และส่งผลอย่างไรต่อร่างกายในระยะสั้น และระยะยาว
 อย่าอดอาหารเช้า
จากการสารวจพฤติกรรมการบริโภคอาหารของประชากรทั่วประเทศปี
2556 โดยสานักงานสถิติแห่งชาติสารวจ 26,520 ครัวเรือน
พบว่าเด็กอายุ 6-14 ปี ทานอาหารมื้อหลักครบ 3 มื้อสูงถึงร้อยละ 93
ขณะที่กลุ่มอายุ 15-24 ปีทานอาหารครบ 3 มื้อร้อยละ 87
เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2552
พบว่ากลุ่มเยาวชนมีอัตราการบริโภคอาหารครบ 3 มื้อลดลงร้อยละ 0.5
ในขณะที่ประชากรกลุ่มอื่นมีอัตราเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเด็กที่มีอายุ 6-
14 ปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 ซึ่งถือเป็นเรื่องดี
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้ข้อมูลว่า
ส่วนใหญ่มักจะงดมื้อเช้าด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น
ต้องตื่นแต่เช้าเร่งรีบไปเรียนหรือทางาน
ไม่มีเวลาพอสาหรับการเตรียมอาหารเช้า
บางคนงดอาหารเช้าด้วยเหตุผลที่ต้องการลดน้าหนัก
จะพบมากในกลุ่มวัยรุ่น วัยทางาน ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด
เนื่องจากการงดกินอาหารเช้าจะทาให้ระดับน้าตาลในเลือดต่า
ทาให้ช่วงสายของวันจะรู้สึกหิว มีอารมณ์หงุดหงิด สมองตื้อ
คิดอะไรไม่ออก ไม่มีสมาธิในการเรียนหรือทางาน
การทางานจะด้อยกว่าคนที่กินอาหารเช้า
เนื่องจากสมองต้องการน้าตาลกลูโคสหล่อเลี้ยงตลอดเวลา
และจะหันมารับประทานอาหารอื่น เช่น ขนม ส่งผลให้อ้วนเพิ่มขึ้น
 ทาไมจึงต้องทานอาหารเช้า
หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่ค่อยทานอาหารเช้าไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
คุณอาจต้องทบทวนเสียใหม่แล้ว
เนื่องจากอาหารเช้าเป็นอาหารมื้อแรกของวันซึ่งถือว่ามีความสาคัญมากที่สุด
เราลองมาดูเหตุผลว่าทาไมคุณควรเริ่มต้นวันใหม่ด้วยมื้อเช้าทุกวัน
1. สุขภาพโดยรวมดีขึ้น
บางคนอาจคิดว่าการไม่ทานอาหารเช้าจะสามารถช่วยในการลดน้าหนักหรือไ
ขมันส่วนเกินได้ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดอย่างมหันต์
เนื่องจากการงดอาหารเช้าจะทาให้อัตราการเผาผลาญช้าลง
อีกทั้งยังทาให้สูญเสียกล้ามเนื้อ และถึงแม้ว่าจะผอมลงจากการอดอาหารเช้า
ก็มีแนวโน้มที่จะผอมแต่ลงพุง (Skinny fat)
ดังนั้นควรทานอาหารเช้าทุกวันเพื่อให้สุขภาพในภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี
2. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
การนาผักและผลไม้ซึ่งล้วนแต่อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระมาเป็ นส่วน
หนึ่งของมื้อเช้า
จะเป็นการกระตุ้นและช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งแปลก
ปลอมรุกล้าเข้ามาทาอันตรายแก่ร่างกาย ซึ่งหากมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง
ก็จะส่งผลให้มีสุขภาพดีตามไปด้วย
3. ช่วยในการลดน้าหนัก
มีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า อาหารเช้ามีผลต่อการรักษาสมดุลของน้าหนัก
ซึ่งหากงดมื้อเช้าในช่วงที่กาลังลดน้าหนัก
จะทาให้มีแนวโน้มที่จะน้าหนักลดได้น้อยกว่าผู้ที่ทานอาหารเช้าเป็นประจา
นอกจากนี้การทานมื้อเช้าจะช่วยป้องกันไม่ให้ทานมากในช่วงระหว่างวัน
อีกทั้งยังช่วยให้ฮอร์โมนมีความสมดุล
ส่งผลให้การควบคุมน้าหนักดาเนินไปได้ด้วยดี
4. มอบพลังงาน
การไม่ทานอาหารเช้าจะทาให้ร่างกายดึงพลังงานที่เก็บสะสมไว้มาใช้
โดยที่ไกลโคเจน (Glycogen)
ซึ่งเป็นอาหารสะสมประเภทคาร์โบไฮเดรตที่ถูกเก็บไว้ที่กล้ามเนื้อจะโดนดึงออ
กมาใช้จนหมดสิ้น ส่งผลให้ร่างกายย่อยโปรตีนจากกล้ามเนื้อ
เพื่อรักษาระดับน้าตาลในเลือดไว้จนในที่สุดกล้ามเนื้อก็จะลดลง
ดังนั้นควรเริ่มต้นวันใหม่ด้วยมื้อเช้าที่เปี่ยมไปด้วยสารอาหารที่ให้พลังงานสูงอ
ย่างขนมปังโฮลวีท ไข่ กรีกโยเกิร์ต อะโวคาโด ฯลฯ
แทนการดื่มเพียงแค่กาแฟคู่กับการทานขนมมัฟฟิน
5. ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
มีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า อาหารเช้ามีความเชื่อมโยงกับโรคเรื้อรังบางชนิด
โดยผู้ที่ทานอาหารเช้าเป็นประจามีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหัวใจต่ากว่าผู้ที่งดทา
นมื้อเช้า
นอกจากนี้คนที่ไม่ทานมื้อเช้าส่วนมากมักเป็นกลุ่มคนที่ทานอาหารในช่วงกลาง
คืนเยอะ
โดยจะส่งผลต่อการทางานของฮอร์โมนซึ่งในระยะยาวจะนาไปสู่การมีระดับคอ
เรสเตรอลและความดันโลหิตสูงซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ
6. ทาให้มีสมาธิในการทาสิ่งต่างๆ
ทราบหรือไม่ว่าระดับของน้าตาลในเลือด
จะลดลงยามที่นอนหลับในช่วงกลางคืนและจะได้รับการทดแทนเมื่อทานอาหา
รเช้า ซึ่งระดับของกลูโคสในเลือดจะช่วยให้สมองทางานได้อย่างราบรื่น
จะมีอารมณ์ที่เสถียรและมีสมาธิในการทาสิ่งต่างๆได้อย่างดีเยี่ยม
ดังนั้นควรเริ่มต้นวันใหม่ด้วยมื้อเช้าเพื่อเติมพลังให้สมองได้ทางานอย่างมีประ
สิทธิภาพ
7. เตรียมความพร้อมให้ผู้ที่มีไลฟ์ สไตล์แบบไม่หยุดนิ่ง
การทานอาหารเช้าเป็นประจาจะช่วยให้ร่างกายมีพลังงานพร้อมสาหรับการทา
สิ่งต่างๆ
โดยเฉพาะทาให้มีแรงในการออกกาลังได้มากขึ้นหรือทากิจกรรมที่ต้องใช้อาศั
ยพลังงานหรือความกระฉับกระเฉงเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ดีมีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า
การทานมื้อเช้าจะเป็นการส่งสัญญาณไปยังกระแสเลือดว่าร่างกายยังคงมีพลังง
าน ส่งผลให้มีเรี่ยวแรงในการทาสิ่งต่างๆ
จากที่กล่าวไปข้างต้นจะเห็นได้ว่า อาหารเช้า
ไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อสุขภาพได้เท่านั้น
แต่ยังมีผลกระทบต่อการดารงชีวิตประจาวันอีกด้วย
ดังนั้นควรเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการทานมื้อเช้าทุกวัน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.hsri.or.th/people/media/food/detail/5278
http://www.thaihealth.or.th/Content/37944
https://www.honestdocs.co/perfect-breakfast-important

More Related Content

What's hot

กิจกรรมที่ 1 โครงงานคอมพิวเตอร์
กิจกรรมที่ 1 โครงงานคอมพิวเตอร์กิจกรรมที่ 1 โครงงานคอมพิวเตอร์
กิจกรรมที่ 1 โครงงานคอมพิวเตอร์
pleng.mu
 
สรุปผลการประเมินความพึงพอใจ
สรุปผลการประเมินความพึงพอใจสรุปผลการประเมินความพึงพอใจ
สรุปผลการประเมินความพึงพอใจ
Annop Phetchakhong
 
Art หนังสือพิมพ์ สพป นบ 2 ฉบับที่ 8 (ส่ง) 29 1
Art หนังสือพิมพ์ สพป นบ 2 ฉบับที่ 8 (ส่ง) 29 1Art หนังสือพิมพ์ สพป นบ 2 ฉบับที่ 8 (ส่ง) 29 1
Art หนังสือพิมพ์ สพป นบ 2 ฉบับที่ 8 (ส่ง) 29 1
สำเริง ยิ้มดี
 
รายงานค่ายทักษะกระบวนการคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ปี ...
รายงานค่ายทักษะกระบวนการคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์  โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ปี ...รายงานค่ายทักษะกระบวนการคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์  โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ปี ...
รายงานค่ายทักษะกระบวนการคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ปี ...
Dnavaroj Dnaka
 

What's hot (19)

2562 final-project
2562 final-project 2562 final-project
2562 final-project
 
2560 project (1) (1)
2560 project  (1) (1)2560 project  (1) (1)
2560 project (1) (1)
 
กิจกรรมที่ 1 โครงงานคอมพิวเตอร์
กิจกรรมที่ 1 โครงงานคอมพิวเตอร์กิจกรรมที่ 1 โครงงานคอมพิวเตอร์
กิจกรรมที่ 1 โครงงานคอมพิวเตอร์
 
2559 project -final
2559 project -final2559 project -final
2559 project -final
 
ทำเนียบสภานักเรียนไทยปี2558
ทำเนียบสภานักเรียนไทยปี2558ทำเนียบสภานักเรียนไทยปี2558
ทำเนียบสภานักเรียนไทยปี2558
 
แบบประเมิน คุณภาพ
แบบประเมิน คุณภาพแบบประเมิน คุณภาพ
แบบประเมิน คุณภาพ
 
แบบประเมิน ความพึงพอใจ
แบบประเมิน ความพึงพอใจแบบประเมิน ความพึงพอใจ
แบบประเมิน ความพึงพอใจ
 
614 029
614  029614  029
614 029
 
การงาน.Doc
การงาน.Docการงาน.Doc
การงาน.Doc
 
สรุปผลการประเมินความพึงพอใจ
สรุปผลการประเมินความพึงพอใจสรุปผลการประเมินความพึงพอใจ
สรุปผลการประเมินความพึงพอใจ
 
ใบงานที่ 1
ใบงานที่ 1ใบงานที่ 1
ใบงานที่ 1
 
Art หนังสือพิมพ์ สพป นบ 2 ฉบับที่ 8 (ส่ง) 29 1
Art หนังสือพิมพ์ สพป นบ 2 ฉบับที่ 8 (ส่ง) 29 1Art หนังสือพิมพ์ สพป นบ 2 ฉบับที่ 8 (ส่ง) 29 1
Art หนังสือพิมพ์ สพป นบ 2 ฉบับที่ 8 (ส่ง) 29 1
 
Project pohpanpunya somdejyan
Project pohpanpunya somdejyanProject pohpanpunya somdejyan
Project pohpanpunya somdejyan
 
โครงงานคอมพิวเตอร์1
โครงงานคอมพิวเตอร์1โครงงานคอมพิวเตอร์1
โครงงานคอมพิวเตอร์1
 
แบบร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
รายงานค่ายทักษะกระบวนการคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ปี ...
รายงานค่ายทักษะกระบวนการคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์  โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ปี ...รายงานค่ายทักษะกระบวนการคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์  โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ปี ...
รายงานค่ายทักษะกระบวนการคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ โรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ปี ...
 
หน้าปกคำนำสารบัญ
หน้าปกคำนำสารบัญหน้าปกคำนำสารบัญ
หน้าปกคำนำสารบัญ
 
รายงานการวิจัยวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล ม.5/8
รายงานการวิจัยวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล ม.5/8รายงานการวิจัยวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล ม.5/8
รายงานการวิจัยวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล ม.5/8
 
รักษาโรคมะเร็ง
รักษาโรคมะเร็งรักษาโรคมะเร็ง
รักษาโรคมะเร็ง
 

Similar to แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์

แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ 1แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ 1
Ploy Gntnd
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
Aom Nachanok
 
ขยะรีไซเคิลล
ขยะรีไซเคิลลขยะรีไซเคิลล
ขยะรีไซเคิลล
Napassawan Pichai
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์Work1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์Work1แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์Work1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์Work1
Porntiwa Tuipunya
 
ยาดมสมุนไพร
ยาดมสมุนไพรยาดมสมุนไพร
ยาดมสมุนไพร
chomphunit salee
 

Similar to แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ (20)

final project
final projectfinal project
final project
 
งานนนนน
งานนนนนงานนนนน
งานนนนน
 
Final1
Final1Final1
Final1
 
2560 project งานชาเขียว
2560 project งานชาเขียว2560 project งานชาเขียว
2560 project งานชาเขียว
 
กิจกรรมที่5
กิจกรรมที่5กิจกรรมที่5
กิจกรรมที่5
 
แบดมินตัน
แบดมินตันแบดมินตัน
แบดมินตัน
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ 1แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ 1
 
โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง โรคซึมเศร้า
โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง โรคซึมเศร้าโครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง โรคซึมเศร้า
โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง โรคซึมเศร้า
 
ตอง
ตองตอง
ตอง
 
Final project-4
Final project-4Final project-4
Final project-4
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
2560 project 55
2560 project 552560 project 55
2560 project 55
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
2562 final-project26
2562 final-project262562 final-project26
2562 final-project26
 
ขยะรีไซเคิลล
ขยะรีไซเคิลลขยะรีไซเคิลล
ขยะรีไซเคิลล
 
โครงงานสีบำบัดโรค(Color Therapy)
โครงงานสีบำบัดโรค(Color Therapy)โครงงานสีบำบัดโรค(Color Therapy)
โครงงานสีบำบัดโรค(Color Therapy)
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์Work1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์Work1แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์Work1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์Work1
 
ยาดมสมุนไพร
ยาดมสมุนไพรยาดมสมุนไพร
ยาดมสมุนไพร
 
การเล่นสแนร์1
การเล่นสแนร์1การเล่นสแนร์1
การเล่นสแนร์1
 

More from ธัญญลักษณ์ นาคคำ

More from ธัญญลักษณ์ นาคคำ (20)

ชินกันเซน
ชินกันเซนชินกันเซน
ชินกันเซน
 
2560 project -2 (1)
2560 project -2 (1)2560 project -2 (1)
2560 project -2 (1)
 
คอม
คอมคอม
คอม
 
โครงร่างโครงงานคอม
โครงร่างโครงงานคอมโครงร่างโครงงานคอม
โครงร่างโครงงานคอม
 
เสร็จค่ะคอม (1)
เสร็จค่ะคอม (1)เสร็จค่ะคอม (1)
เสร็จค่ะคอม (1)
 
กิจกรรมที่4
กิจกรรมที่4กิจกรรมที่4
กิจกรรมที่4
 
กิจกรรมที่ 5
กิจกรรมที่ 5กิจกรรมที่ 5
กิจกรรมที่ 5
 
เสร็จค่ะคอม
เสร็จค่ะคอมเสร็จค่ะคอม
เสร็จค่ะคอม
 
ปานชีวา ธนัขขา เสร็จละเว้ยอิดอกกของจริง
ปานชีวา ธนัขขา เสร็จละเว้ยอิดอกกของจริงปานชีวา ธนัขขา เสร็จละเว้ยอิดอกกของจริง
ปานชีวา ธนัขขา เสร็จละเว้ยอิดอกกของจริง
 
โครงงานคอม กิจกรรม234
โครงงานคอม กิจกรรม234โครงงานคอม กิจกรรม234
โครงงานคอม กิจกรรม234
 
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
 
โปรเจคคอมโอเว่น
โปรเจคคอมโอเว่นโปรเจคคอมโอเว่น
โปรเจคคอมโอเว่น
 
โครงงานโบ๊ต
โครงงานโบ๊ตโครงงานโบ๊ต
โครงงานโบ๊ต
 
โครงงานคอมวอลเลย์บอล
โครงงานคอมวอลเลย์บอลโครงงานคอมวอลเลย์บอล
โครงงานคอมวอลเลย์บอล
 
งานอันวา
งานอันวางานอันวา
งานอันวา
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
ใบงานแบบสำรวจและประวัติของ นายฐิติกรณ์-มูลลิ
ใบงานแบบสำรวจและประวัติของ นายฐิติกรณ์-มูลลิ ใบงานแบบสำรวจและประวัติของ นายฐิติกรณ์-มูลลิ
ใบงานแบบสำรวจและประวัติของ นายฐิติกรณ์-มูลลิ
 
พรบ
พรบพรบ
พรบ
 
my profile
my profilemy profile
my profile
 

แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์

  • 1. แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6 ปี การศึกษา 2560 ชื่อโครงงาน อาหารเช้า มื้อแรกที่สมบูรณ์แบบ ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาว .นัฐวรรณ อุปนันไชย เลขที่ 5 ชั้น ม.6/11 นายธัชพล กิตติพงษ์ไพบูลย์ เลขที่ 26 ชั้น ม.6/11 ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปี การศึกษา 2560 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34 ใบงาน การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ สมาชิกในกลุ่ม นางสาว .นัฐวรรณ อุปนันไชย เลขที่ 5 ชั้น ม.6/11
  • 2. นายธัชพล กิตติพงษ์ไพบูลย์ เลขที่ 26 ชั้น ม.6/11 คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้ ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) อาหารเช้า มื้อแรกที่สมบูรณ์แบบ ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) Breakfast is perfect. ประเภทของโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ชื่อผู้จัดทาโครงงาน นางสาว .นัฐวรรณ อุปนันไชย เลขที่ 5 ชั้น ม.6/11 นายธัชพล กิตติพงษ์ไพบูลย์ เลขที่ 26 ชั้น ม.6/11 ชื่อครูที่ปรึกษาโครงงาน คุณครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1 - 2 ปีการศึกษา 2560 ที่มาและความสาคัญของโครงงาน โครงงานนี้เกี่ยวกับอาหารเช้า จัดทาขึ้นเพราะในปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเป็นเด็กวัยรุ่นหรือวัยทางานต่างละเลยการ รับประทานอาหารเช้า ซึ่งอาหารเช้านั้นมีประโยชน์อย่างมาก ถือเป็นมื้อที่สาคัญที่สุดของวัน เพราะถือเป็นการเริ่มต้นวันที่จะกาหนดชีวิตของเราไปตลอดทั้งวัน หากมี อาหารเช้าก็ส่งผลให้ตลอดทั้งวันของการทางานของเราเป็นไปได้อย่างราบรื่น ส่งผลให้สุขภาพจิตของเราดีตามไปด้วย การรับประทาน อาหารเช้า อย่างถูกต้องและครบถ้วน ร่างกายจะสามารถนาพลังงานมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ร่างกายและสมอง ทางานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วยลดอาการอ่อนเพลีย หงุดหงิดง่าย รวมถึงการง่วงนอนในระหว่างวัน นอกจากนี้การรับประทานมื้อเช้าที่ดีจะช่วยให้เราไม่หิวระหวังมื้ออาหาร และรับประทานอาหารในมื้ออื่นน้อยลง ซึ่งจะส่งผลดีมากๆสาหรับผู้ที่กาลังอยู่ในช่วงควบคุมน้าหนักอยู่ วัตถุประสงค์ของการทาโครงงาน 1.เพื่อให้ทุกคนเล็งเห็นถึงประโยชน์ของอาหารเช้า
  • 3. 2.เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนรับประทานอาหารเช้าในทุกๆวัน 3.แสดงให้เห็นถึงโทษของการไม่รับประทานอาหารเช้า ขอบเขตของการทาโครงงาน 1.ความสาคัญของอาหารเช้า 2.ถ้าไม่กินอาหารเช้าเป็นระยะเวลานานทาให้เสี่ยงต่อโรคต่างๆ ตามมา 3.อาหารที่ควรรับประทานในมื้อเช้า 4.เวลาในการรับประทานอาหารตอนเช้า 5.อย่าอดอาหารเช้า 6.ทาไมจึงต้องทานอาหารเช้า หลักการและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง  ความสาคัญของอาหารเช้า “วันนี้คุณกินมื่อเช้าแล้วหรือยัง” ใน 1 อาทิตย์ คุณเคยนับหรือไม่ว่าเรากินอาหารเช้าไปกี่วัน หรือแทบไม่กินเลย ในยุคที่หนุ่มสาวปัจจุบันหรือคนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตเหมือนมีจรวจติดหลังอยู่ตลอ ดเวลา ในเช้าแต่ละวันหมดไปกับการเตรียมตัวไปออกทางานหรือต้องรีบไปโรงเรียน จนบางครั้งทาให้เราละเลยที่จะกินมื่อเช้าไป อาหารเช้าสาคัญอย่างไร อ.สง่า ดามาพงษ์ ที่ปรึกษากรมอนามัย และผู้ทรงคุณวุฒิด้านโภชนาการ สสส. ได้อธิบายว่า อาหารทุกมื้อล้วนมีความสาคัญ แต่ในบรรดาอาหารแต่ละมื้อที่เรากิน มื้อที่มีความสาคัญที่สุดคือ ‘อาหารเช้า’ เนื่องจากร่างกายอดอาหารมาตลอดทั้งคืน อาหารเช้าจึงเป็นสิ่งที่สาคัญอย่างมาก เพราะร่างกายต้องใช้พลังงานจากอาหารมื้อเย็น ไปเลี้ยงหัวใจให้สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย พอตื่นเช้ามา หลังจาก 9-10 โมง เราจะเริ่มหิว ดังนั้นจึงต้องกินอาหารเช้าเข้าไปทดแทนพลังงานที่เสียไป อีกทั้งอาหารเช้ายังช่วยเติมพลังงานให้กับร่างกายและสมอง ทาให้สมองของเราทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้งวัน การกินอาหารเช้ายังช่วยป้องกันโรคเบาหวาน ป้องกันโรคหัวใจ และป้องกันโรคอ้วนได้อีกด้วย
  • 4. และยังมีอีกหนึ่งสาเหตุสาคัญที่ทาให้คนไม่กินมื่อเช้า เพราะมีความเข้าใจผิดคิดว่าการจะลดน้าหนักต้องอดอาหาร แท้จริงแล้วคนที่ไม่กินอาหารเช้ายิ่งจะทาให้อ้วน เพราะเมื่อไม่กิน ในช่วง 10- 12 โมงก่อนเวลาอาหารกลางวันยิ่งจะทาให้ร่างกายโหย สมองจะหลั่งสารเคมีเพื่อให้เรากินอาหารมากขึ้น ทาให้กินจุกกินจิบ และจะกินมื้อเที่ยงและมื้อเย็นมากทาให้อ้วนได้ เพราะได้รับพลังงานส่วนเกิน และคนที่ไม่กินมื้อเช้าการเผาผลาญพลังงานจะลดลงถึง 10% ฉะนั้นการอดอาหารเพื่อลดน้าหนักจึงไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง ถ้าเราอดอาหารมื้อใดสักมื้อหนึ่งเพื่อลดน้าหนัก จะทาให้เกิดการโยโย่ เอฟเฟค (YOYO Effect) ดังนั้นการลดน้าหนักจึงควรที่จะกินอาหารให้ครบสามมื้อ แต่ให้ควบคุมปริมาณอาหารแทน  ถ้าไม่กินอาหารเช้าเป็นระยะเวลานานทาให้เสี่ยงต่อโรคต่างๆ ตามมา 1. โรคอ้วน เพราะการอดอาหารมื้อเช้าจะทาให้ระดับน้าตาลในเลือดต่า อาจส่งผลให้มื้อต่อๆ ไปกินหนัก กินของหวานเข้าไป แถมอัตราการเผาผลาญยังลดลงอีกด้วย 2. โรคเบาหวาน การงดมื้อเช้าทาให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งหากกินอาหารเช้าเป็นประจา จะช่วยลดภาวะผิดปกติดังกล่าวที่เป็นสาเหตุของโรคเบาหวานได้ถึงร้อยละ 35-50 3. โรคอัลไซเมอร์ การรับประทานอาหารเช้าจะช่วยไปกระตุ้นพลังให้กับสมองแล ะทาให้มีความจาที่ดีได้ แต่ในทางตรงกันข้ามหากเราอดอาหารมื้อเช้าจะทาให้ร่างกายไม่สดชื่น กระปรี้กระเปร่า หลงลืม ความจาไม่ดี ไม่มีสมาธิ หากทาเป็นประจาต่อเนื่องนานๆ อาจนามาซึ่งโรคอัลไซเมอร์ได้อย่างแน่นอน 4. โรคเส้นเลือดในสมอง และโรคหัวใจ เพราะตอนเช้าหลังจากที่เราตื่นนอนเลือดของเราจะมีความเข้ม ข้นสูง ซึ่งจะทาให้เส้นเลือดที่ส่งไปเลี้ยงสมอง หรือหัวใจอุดตันได้ ซึ่งจากผลการวิจัยจากสมาคมแพทย์โรคหัวใจในอเมริกาเมื่อปี 2003 พบว่า การรับประทานอาหารเช้าอย่างสม่าเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคดั งกล่าวได้ 5. โรคกรดไหลย้อน โรคนี้ปัจจัยหนึ่งเกิดจากพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม และการรับประทานอาหารไม่เป็ นเวลาก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น
  • 5. บางรายไม่ชอบรับประทานอาหารเช้า แต่หันไปพึ่งพาเครื่องดื่มคาเฟอีน อย่าง กาแฟ ชา เครื่องดื่มชูกาลัง ฯลฯ เพียงอย่างเดียว ซึ่งเครื่องดื่มเหล่านี้จะยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้น้าย่อยหลั่งออกมามากขึ้น 6.โรคนิ่ว การไม่รับประทานอาหารนานกว่า 14 ชั่วโมง จะทาให้คอเลสเตอรอลในถุงน้าดีจับตัวกัน และหากปล่อยทาเป็นประจาไปนานๆ จะทาให้กลายเป็นก้อนนิ่วได้ ซึ่งการรับประทานอาหารเช้าเป็นประจาจะช่วยให้ตับปล่อยน้าดีออกมาละลายไ ม่ให้คอเลสเตอรอลจับตัวกัน สามารถป้องกันการเกิดโรคนิ่วได้  อาหารที่ควรรับประทานในมื้อเช้า แนะนาว่าต้องเป็นอาหารที่ได้คุณค่าทางโภชนาการครบทั้ง 5 หมู่ และหลากหลาย พยายามเลือกกินธัญพืชไม่ขัดสี เสริมโปรตีนในอาหารเช้า นม ไข่ เนื้อสัตว์ เนื้อปลา และกินอาหารที่มีแคลเซียมสูงมีกากใยสูง หลักการเลือกที่สาคัญมีเพียง 3 ข้อเท่านั้น คือ ตรงเวลา ครบห้าหมู่ และพอดีกับความต้องการของเรากาย 1.ต้มเลือดหมู ถือเป็นอาหารเช้าที่สมบูรณ์แบบที่สุดจานหนึ่งเลยทีเดียว หากรับประทานต้มเลือดหมูกับข้าวเปล่าในมื้อเช้า จะได้รับสารอาหารครบทั้งห้าหมู่ และยังได้ธาตุเหล็กในปริมาณที่สูงทั้งจากผักต่างๆและเครื่องใน ผักช่วยเพิ่มไฟเบอร์และวิตามินได้เป็ นอย่างดี ในน้าซุปหากเป็นซุปกระดุกหมูยังมีคลอลาเจน ช่วยในการบารุงผิวพรรณอีกด้วย แต่ถ้าจะหากจะให้ต้มเลือดหมูเป็นอาหารเช้าเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริงก็ง่ายมาก เปลี่ยนจากข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง อย่าปรุงเยอะจนรสจัดเกินไป ถ้าไม่ปรุงเลยจะดีที่สุด และที่สาคัญคืออย่าใส่หมูกรอบหรือหมูสามชั้นเข้าไปในต้มเลือดหมู เท่านี้ก็จะได้เมนูที่เหมาะสมสาหรับมื้อเช้าที่ดี 2.ขนมปังไข่ดาว เป็นอีกหนึ่งอาหารเช้ายอดนิยม ที่ไม่ได้ด้วยเรื่องสารอาหาร หรือมีผลเสียต่อร่างกายนัก ไข่ดาวที่อุดมไปด้วยโปรตีนและแร่ธาตุ ได้พลังงานจากขนมปัง แต่ถ้าอยากให้เมนูนี้กลายเป็นเมนูสุขภาพก็ง่ายมาก เพียงแค่เปลี่ยนจากขนมปังธรรมดาเป็นขนมปังโฮลวีท และใช้ไข่ดาวน้าแทนการทอดด้วยน้ามัน เสริมวิตามินด้วยสลัด
  • 6. หรือผักเคียงสักเล็กน้อยขนมปังไข่ดาวก็กลายเป็นเมนูสุขภาพได้เช่นกัน หากอยากเพิ่มคุณประโยชน์เข้าไปอีกนมสักแก้วก็ช่วยได้ดี การโรยพริกไทยสักเล็กน้อยก็ช่วยในเรื่องอัตราการเผาผลาญได้เป็นอย่างดี 3.โจ๊กหมู ถือเป็นเมนูยอดฮิตอีกเมนูหนึ่งสาหรับคนเร่งด่วนในมื้อเช้า โจ๊กหมูเป็นอาหารเช้าที่มีสารอาหารค่อนข้างครบ แต่จะมีข้อด้วยในเรื่องวิตามินและไฟเบอร์ซึ่งถือว่ามีน้อยมากๆ นอกจากนี้โจ๊กยังอุดมไปด้วยแป้งที่เป็นสาเหตุของการะตุ้นให้เราหิวเร็วขึ้น หากสามารถเลือกร้านที่ใช้ ข้าวกล้อง หรือข้าวในส่วนที่มีคุณภาพก็จะช่วยลดปัญหาเรื่องนี้ได้ และที่สาคัญโจ๊กยังมีส่วนประกอบอย่างขึ้น ที่ช่วยควบคุมระดับน้าตาลในเลือด ความดัน และยังช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานของร่างกายอีกด้วย แต่ข้อควรระวังในการรับประทานโจ๊กเป็นมื้อเช้าก็คือการปรุงรส และปาท่องโก๋ที่เรามักจะใส่ลงไปด้วย ซึ่งเป็นการเพิ่มแป้งเข้าไปไม่ค่อยส่งผลดีต่อร่างกายนัก 4.ข้าวเหนียวหมูปิ้ ง เป็ นอีกเมนูยอดฮิตสาหรับมื้อเช้าที่เร่งด่วน แต่ข้าวเหนียวหมูปิ้งเป็ นเมนูที่ต้องระมัดระวังในการทานอย่างมาก ไม่ควรทานเป็ นประจาทุกวัน และควรเลี่ยงที่จะรับประทานส่วนที่เป็ นมั นหมู หากจะให้ดีควรเลือกรับประทานข้าวเหนียวดา จะมีสารต้านอนุมูลอิสระด้วย แต่ข้าวเหนียวหมูปิ้งก็เป็ นเมนูที่ให้พลังงานได้ดี สามารถสลับกันรับประทานกับอาหารชนิดอื่นได้ แต่ไม่ควรทานทุกวัน เนื่องจากมีข้อด้วยในเรื่องของวิตามิน เกลือแร่ และใยอาหารซึ่งแทบจะไม่พบเลยในอาหารประเภทนี้ 5.น้าเต้าหู้ปาทองโก๋ อาหารเช้ายอดนิยมอีกอย่างหนึ่งของคนไทย ในส่วนของน้าเต้าหู้คงไม่มีใครเถียงในเรื่องของคุณประโยชน์ ทั้งโปรตีน สารต้านอนุมูลอิสระ และถ้าหากเป็นแบบผสมธัญพืช ก็จะช่วยเพิ่มในเรื่องวิตามินและแร่ธาตุเข้าไปได้อีกด้วย ทั้งยังเป็นการเพิ่มใยอาหารช่วยให้อยู่ท้องได้นานขึ้น แต่อาหารที่นิยมรับประทานคู่กันอย่างปาท่องโก๋ เป็นของทอดที่อุดมไปด้วยแป้ง และไขมัน ว่ากันว่าการรับประทานปาท่องโก๋เพียงหนึ่งคู่ทุกเช้าก็สามารถเพิ่ม น้าหนักได้หลายกิโลกรัมในหนึ่งปี ทั้งยังต้องเสี่ยงกับสารก่อมะเร็งจากการทอด อีกด้วย ลองหาคู่ใหม่ให้น้าเต้าหู้เป็นขนมปังโฮลวีท เพิ่มธัญพืชพวกถั่ว หรือเม็ดแมงลักก็จะช่วยให้มื้อเช้าสมบูรณ์ขึ้น
  • 7. และสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่งคือการรับประทานปาทองโก๋กับนมข้นหวาน เพราะจะเพิ่มระดับน้าตาลเข้าไปอีกไม่ส่งผลดีต่อร่างการ 6.ชา กาแฟ ชาเขียว ข้อสาคัญคือเราไม่ควรเติมน้าตาล หรือครีมต่างๆลงไป กาดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ในตอนเช้า หลังจากรับประทานมื้อเช้าแล้ว(จะช่วยให้ร่างกายดูดคาแฟอีน น้อยลง) จะช่วยทาให้ร่างกายสดชื่น และกระตุ้นอัตราการเผาผลาญได้ตลอดวัน 7.ผลไม้สดหรือน้าผลไม้ การดื่มน้าผลไม้ หรือรับประทานผลไม้สดหลังอาหารเช้าสักเล็กน้อย จะช่วยให้ร่างกายสดชื่นเพราะน้าตาลในผลไม้สามารถนาไปใช้ได้เร็ว และยิ่งเป็นผลไม้สดก็จะช่วยชดเชยในเรื่องของใยอาหาร ซึ่งมักเป็นข้อด้วยของอาหารเช้าหลายๆเมนู ผลไม้ที่แนะนาคือกล้วย แตงโม ส่วนน้าผลไม้ที่แนะนาและหาได้ง่ายคือน้าส้ม หรือน้ามะนาว จะช่วยในเรื่องของการดูดซึมไขมันที่ดี และช่วยให้สดชื่นอีกด้วย  เวลาในการรับประทานอาหารตอนเช้า การรับประทาน อาหารเช้า ที่ดีสิ่งสาคัญระดับแรกคือ เวลาในการรับประอาหาร ถ้าอยากให้มื้อเช้าส มบูรณ์แบบ เราควรรับประทานให้เสร็จก่อนเวลา 7.00 น. เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานไปใช้ในการทางานหรือการเรียนในช่วงเช้ าได้ทัน หากใครที่เข้างานเช้า ก็ควรเลื่อนระยะเวลาในการรับประทานอาหารเช้าให้เร็วขึ้นไปอีกและที่ สาคัญที่สุดในการรับประทานมื้อเช้าก็คงจะนี้ไม่พ้นอาหารที่เรารับประท านเข้าไป และเมนูไหน อาหารประเภทไหน ที่ควรรับประทาน ไม่ควรรับประทานเป็นอาหารเช้า และส่งผลอย่างไรต่อร่างกายในระยะสั้น และระยะยาว
  • 8.  อย่าอดอาหารเช้า จากการสารวจพฤติกรรมการบริโภคอาหารของประชากรทั่วประเทศปี 2556 โดยสานักงานสถิติแห่งชาติสารวจ 26,520 ครัวเรือน พบว่าเด็กอายุ 6-14 ปี ทานอาหารมื้อหลักครบ 3 มื้อสูงถึงร้อยละ 93 ขณะที่กลุ่มอายุ 15-24 ปีทานอาหารครบ 3 มื้อร้อยละ 87 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2552 พบว่ากลุ่มเยาวชนมีอัตราการบริโภคอาหารครบ 3 มื้อลดลงร้อยละ 0.5 ในขณะที่ประชากรกลุ่มอื่นมีอัตราเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเด็กที่มีอายุ 6- 14 ปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 ซึ่งถือเป็นเรื่องดี นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้ข้อมูลว่า ส่วนใหญ่มักจะงดมื้อเช้าด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น ต้องตื่นแต่เช้าเร่งรีบไปเรียนหรือทางาน ไม่มีเวลาพอสาหรับการเตรียมอาหารเช้า บางคนงดอาหารเช้าด้วยเหตุผลที่ต้องการลดน้าหนัก จะพบมากในกลุ่มวัยรุ่น วัยทางาน ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด เนื่องจากการงดกินอาหารเช้าจะทาให้ระดับน้าตาลในเลือดต่า ทาให้ช่วงสายของวันจะรู้สึกหิว มีอารมณ์หงุดหงิด สมองตื้อ คิดอะไรไม่ออก ไม่มีสมาธิในการเรียนหรือทางาน การทางานจะด้อยกว่าคนที่กินอาหารเช้า เนื่องจากสมองต้องการน้าตาลกลูโคสหล่อเลี้ยงตลอดเวลา และจะหันมารับประทานอาหารอื่น เช่น ขนม ส่งผลให้อ้วนเพิ่มขึ้น  ทาไมจึงต้องทานอาหารเช้า หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่ค่อยทานอาหารเช้าไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม คุณอาจต้องทบทวนเสียใหม่แล้ว เนื่องจากอาหารเช้าเป็นอาหารมื้อแรกของวันซึ่งถือว่ามีความสาคัญมากที่สุด เราลองมาดูเหตุผลว่าทาไมคุณควรเริ่มต้นวันใหม่ด้วยมื้อเช้าทุกวัน 1. สุขภาพโดยรวมดีขึ้น
  • 9. บางคนอาจคิดว่าการไม่ทานอาหารเช้าจะสามารถช่วยในการลดน้าหนักหรือไ ขมันส่วนเกินได้ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดอย่างมหันต์ เนื่องจากการงดอาหารเช้าจะทาให้อัตราการเผาผลาญช้าลง อีกทั้งยังทาให้สูญเสียกล้ามเนื้อ และถึงแม้ว่าจะผอมลงจากการอดอาหารเช้า ก็มีแนวโน้มที่จะผอมแต่ลงพุง (Skinny fat) ดังนั้นควรทานอาหารเช้าทุกวันเพื่อให้สุขภาพในภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี 2. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน การนาผักและผลไม้ซึ่งล้วนแต่อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระมาเป็ นส่วน หนึ่งของมื้อเช้า จะเป็นการกระตุ้นและช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งแปลก ปลอมรุกล้าเข้ามาทาอันตรายแก่ร่างกาย ซึ่งหากมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ก็จะส่งผลให้มีสุขภาพดีตามไปด้วย 3. ช่วยในการลดน้าหนัก มีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า อาหารเช้ามีผลต่อการรักษาสมดุลของน้าหนัก ซึ่งหากงดมื้อเช้าในช่วงที่กาลังลดน้าหนัก จะทาให้มีแนวโน้มที่จะน้าหนักลดได้น้อยกว่าผู้ที่ทานอาหารเช้าเป็นประจา นอกจากนี้การทานมื้อเช้าจะช่วยป้องกันไม่ให้ทานมากในช่วงระหว่างวัน อีกทั้งยังช่วยให้ฮอร์โมนมีความสมดุล ส่งผลให้การควบคุมน้าหนักดาเนินไปได้ด้วยดี 4. มอบพลังงาน การไม่ทานอาหารเช้าจะทาให้ร่างกายดึงพลังงานที่เก็บสะสมไว้มาใช้ โดยที่ไกลโคเจน (Glycogen) ซึ่งเป็นอาหารสะสมประเภทคาร์โบไฮเดรตที่ถูกเก็บไว้ที่กล้ามเนื้อจะโดนดึงออ กมาใช้จนหมดสิ้น ส่งผลให้ร่างกายย่อยโปรตีนจากกล้ามเนื้อ เพื่อรักษาระดับน้าตาลในเลือดไว้จนในที่สุดกล้ามเนื้อก็จะลดลง ดังนั้นควรเริ่มต้นวันใหม่ด้วยมื้อเช้าที่เปี่ยมไปด้วยสารอาหารที่ให้พลังงานสูงอ ย่างขนมปังโฮลวีท ไข่ กรีกโยเกิร์ต อะโวคาโด ฯลฯ แทนการดื่มเพียงแค่กาแฟคู่กับการทานขนมมัฟฟิน
  • 10. 5. ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ มีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า อาหารเช้ามีความเชื่อมโยงกับโรคเรื้อรังบางชนิด โดยผู้ที่ทานอาหารเช้าเป็นประจามีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหัวใจต่ากว่าผู้ที่งดทา นมื้อเช้า นอกจากนี้คนที่ไม่ทานมื้อเช้าส่วนมากมักเป็นกลุ่มคนที่ทานอาหารในช่วงกลาง คืนเยอะ โดยจะส่งผลต่อการทางานของฮอร์โมนซึ่งในระยะยาวจะนาไปสู่การมีระดับคอ เรสเตรอลและความดันโลหิตสูงซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ 6. ทาให้มีสมาธิในการทาสิ่งต่างๆ ทราบหรือไม่ว่าระดับของน้าตาลในเลือด จะลดลงยามที่นอนหลับในช่วงกลางคืนและจะได้รับการทดแทนเมื่อทานอาหา รเช้า ซึ่งระดับของกลูโคสในเลือดจะช่วยให้สมองทางานได้อย่างราบรื่น จะมีอารมณ์ที่เสถียรและมีสมาธิในการทาสิ่งต่างๆได้อย่างดีเยี่ยม ดังนั้นควรเริ่มต้นวันใหม่ด้วยมื้อเช้าเพื่อเติมพลังให้สมองได้ทางานอย่างมีประ สิทธิภาพ 7. เตรียมความพร้อมให้ผู้ที่มีไลฟ์ สไตล์แบบไม่หยุดนิ่ง การทานอาหารเช้าเป็นประจาจะช่วยให้ร่างกายมีพลังงานพร้อมสาหรับการทา สิ่งต่างๆ โดยเฉพาะทาให้มีแรงในการออกกาลังได้มากขึ้นหรือทากิจกรรมที่ต้องใช้อาศั ยพลังงานหรือความกระฉับกระเฉงเป็นพิเศษ อย่างไรก็ดีมีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า การทานมื้อเช้าจะเป็นการส่งสัญญาณไปยังกระแสเลือดว่าร่างกายยังคงมีพลังง าน ส่งผลให้มีเรี่ยวแรงในการทาสิ่งต่างๆ จากที่กล่าวไปข้างต้นจะเห็นได้ว่า อาหารเช้า ไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อสุขภาพได้เท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อการดารงชีวิตประจาวันอีกด้วย ดังนั้นควรเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการทานมื้อเช้าทุกวัน ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.hsri.or.th/people/media/food/detail/5278