More Related Content
Similar to แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ (20)
More from ธัญญลักษณ์ นาคคำ (20)
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
- 1. แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปี การศึกษา 2560
ชื่อโครงงาน อาหารเช้า มื้อแรกที่สมบูรณ์แบบ
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นางสาว .นัฐวรรณ อุปนันไชย เลขที่ 5 ชั้น ม.6/11
นายธัชพล กิตติพงษ์ไพบูลย์ เลขที่ 26 ชั้น ม.6/11
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปี การศึกษา 2560
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
นางสาว .นัฐวรรณ อุปนันไชย เลขที่ 5 ชั้น ม.6/11
- 2. นายธัชพล กิตติพงษ์ไพบูลย์ เลขที่ 26 ชั้น ม.6/11
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
อาหารเช้า มื้อแรกที่สมบูรณ์แบบ
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Breakfast is perfect.
ประเภทของโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้จัดทาโครงงาน นางสาว .นัฐวรรณ อุปนันไชย เลขที่ 5 ชั้น
ม.6/11
นายธัชพล กิตติพงษ์ไพบูลย์ เลขที่ 26 ชั้น ม.6/11
ชื่อครูที่ปรึกษาโครงงาน คุณครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1 - 2 ปีการศึกษา 2560
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
โครงงานนี้เกี่ยวกับอาหารเช้า
จัดทาขึ้นเพราะในปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเป็นเด็กวัยรุ่นหรือวัยทางานต่างละเลยการ
รับประทานอาหารเช้า ซึ่งอาหารเช้านั้นมีประโยชน์อย่างมาก
ถือเป็นมื้อที่สาคัญที่สุดของวัน
เพราะถือเป็นการเริ่มต้นวันที่จะกาหนดชีวิตของเราไปตลอดทั้งวัน หากมี
อาหารเช้าก็ส่งผลให้ตลอดทั้งวันของการทางานของเราเป็นไปได้อย่างราบรื่น
ส่งผลให้สุขภาพจิตของเราดีตามไปด้วย การรับประทาน อาหารเช้า
อย่างถูกต้องและครบถ้วน
ร่างกายจะสามารถนาพลังงานมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่งผลให้ร่างกายและสมอง ทางานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ช่วยลดอาการอ่อนเพลีย หงุดหงิดง่าย รวมถึงการง่วงนอนในระหว่างวัน
นอกจากนี้การรับประทานมื้อเช้าที่ดีจะช่วยให้เราไม่หิวระหวังมื้ออาหาร
และรับประทานอาหารในมื้ออื่นน้อยลง
ซึ่งจะส่งผลดีมากๆสาหรับผู้ที่กาลังอยู่ในช่วงควบคุมน้าหนักอยู่
วัตถุประสงค์ของการทาโครงงาน
1.เพื่อให้ทุกคนเล็งเห็นถึงประโยชน์ของอาหารเช้า
- 4. และยังมีอีกหนึ่งสาเหตุสาคัญที่ทาให้คนไม่กินมื่อเช้า
เพราะมีความเข้าใจผิดคิดว่าการจะลดน้าหนักต้องอดอาหาร
แท้จริงแล้วคนที่ไม่กินอาหารเช้ายิ่งจะทาให้อ้วน เพราะเมื่อไม่กิน ในช่วง 10-
12 โมงก่อนเวลาอาหารกลางวันยิ่งจะทาให้ร่างกายโหย
สมองจะหลั่งสารเคมีเพื่อให้เรากินอาหารมากขึ้น ทาให้กินจุกกินจิบ
และจะกินมื้อเที่ยงและมื้อเย็นมากทาให้อ้วนได้ เพราะได้รับพลังงานส่วนเกิน
และคนที่ไม่กินมื้อเช้าการเผาผลาญพลังงานจะลดลงถึง 10%
ฉะนั้นการอดอาหารเพื่อลดน้าหนักจึงไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง
ถ้าเราอดอาหารมื้อใดสักมื้อหนึ่งเพื่อลดน้าหนัก จะทาให้เกิดการโยโย่ เอฟเฟค
(YOYO Effect) ดังนั้นการลดน้าหนักจึงควรที่จะกินอาหารให้ครบสามมื้อ
แต่ให้ควบคุมปริมาณอาหารแทน
ถ้าไม่กินอาหารเช้าเป็นระยะเวลานานทาให้เสี่ยงต่อโรคต่างๆ ตามมา
1. โรคอ้วน เพราะการอดอาหารมื้อเช้าจะทาให้ระดับน้าตาลในเลือดต่า
อาจส่งผลให้มื้อต่อๆ ไปกินหนัก กินของหวานเข้าไป
แถมอัตราการเผาผลาญยังลดลงอีกด้วย
2. โรคเบาหวาน การงดมื้อเช้าทาให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน
ซึ่งหากกินอาหารเช้าเป็นประจา
จะช่วยลดภาวะผิดปกติดังกล่าวที่เป็นสาเหตุของโรคเบาหวานได้ถึงร้อยละ
35-50
3.
โรคอัลไซเมอร์ การรับประทานอาหารเช้าจะช่วยไปกระตุ้นพลังให้กับสมองแล
ะทาให้มีความจาที่ดีได้
แต่ในทางตรงกันข้ามหากเราอดอาหารมื้อเช้าจะทาให้ร่างกายไม่สดชื่น
กระปรี้กระเปร่า หลงลืม ความจาไม่ดี ไม่มีสมาธิ
หากทาเป็นประจาต่อเนื่องนานๆ อาจนามาซึ่งโรคอัลไซเมอร์ได้อย่างแน่นอน
4. โรคเส้นเลือดในสมอง
และโรคหัวใจ เพราะตอนเช้าหลังจากที่เราตื่นนอนเลือดของเราจะมีความเข้ม
ข้นสูง ซึ่งจะทาให้เส้นเลือดที่ส่งไปเลี้ยงสมอง หรือหัวใจอุดตันได้
ซึ่งจากผลการวิจัยจากสมาคมแพทย์โรคหัวใจในอเมริกาเมื่อปี 2003 พบว่า
การรับประทานอาหารเช้าอย่างสม่าเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคดั
งกล่าวได้
5. โรคกรดไหลย้อน โรคนี้ปัจจัยหนึ่งเกิดจากพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม
และการรับประทานอาหารไม่เป็ นเวลาก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น
- 5. บางรายไม่ชอบรับประทานอาหารเช้า แต่หันไปพึ่งพาเครื่องดื่มคาเฟอีน อย่าง
กาแฟ ชา เครื่องดื่มชูกาลัง ฯลฯ เพียงอย่างเดียว
ซึ่งเครื่องดื่มเหล่านี้จะยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้น้าย่อยหลั่งออกมามากขึ้น
6.โรคนิ่ว การไม่รับประทานอาหารนานกว่า 14 ชั่วโมง
จะทาให้คอเลสเตอรอลในถุงน้าดีจับตัวกัน
และหากปล่อยทาเป็นประจาไปนานๆ จะทาให้กลายเป็นก้อนนิ่วได้
ซึ่งการรับประทานอาหารเช้าเป็นประจาจะช่วยให้ตับปล่อยน้าดีออกมาละลายไ
ม่ให้คอเลสเตอรอลจับตัวกัน สามารถป้องกันการเกิดโรคนิ่วได้
อาหารที่ควรรับประทานในมื้อเช้า
แนะนาว่าต้องเป็นอาหารที่ได้คุณค่าทางโภชนาการครบทั้ง 5 หมู่
และหลากหลาย พยายามเลือกกินธัญพืชไม่ขัดสี เสริมโปรตีนในอาหารเช้า นม
ไข่ เนื้อสัตว์ เนื้อปลา และกินอาหารที่มีแคลเซียมสูงมีกากใยสูง
หลักการเลือกที่สาคัญมีเพียง 3 ข้อเท่านั้น คือ ตรงเวลา ครบห้าหมู่
และพอดีกับความต้องการของเรากาย
1.ต้มเลือดหมู ถือเป็นอาหารเช้าที่สมบูรณ์แบบที่สุดจานหนึ่งเลยทีเดียว
หากรับประทานต้มเลือดหมูกับข้าวเปล่าในมื้อเช้า
จะได้รับสารอาหารครบทั้งห้าหมู่
และยังได้ธาตุเหล็กในปริมาณที่สูงทั้งจากผักต่างๆและเครื่องใน
ผักช่วยเพิ่มไฟเบอร์และวิตามินได้เป็ นอย่างดี
ในน้าซุปหากเป็นซุปกระดุกหมูยังมีคลอลาเจน
ช่วยในการบารุงผิวพรรณอีกด้วย
แต่ถ้าจะหากจะให้ต้มเลือดหมูเป็นอาหารเช้าเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริงก็ง่ายมาก
เปลี่ยนจากข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง อย่าปรุงเยอะจนรสจัดเกินไป
ถ้าไม่ปรุงเลยจะดีที่สุด
และที่สาคัญคืออย่าใส่หมูกรอบหรือหมูสามชั้นเข้าไปในต้มเลือดหมู
เท่านี้ก็จะได้เมนูที่เหมาะสมสาหรับมื้อเช้าที่ดี
2.ขนมปังไข่ดาว เป็นอีกหนึ่งอาหารเช้ายอดนิยม ที่ไม่ได้ด้วยเรื่องสารอาหาร
หรือมีผลเสียต่อร่างกายนัก ไข่ดาวที่อุดมไปด้วยโปรตีนและแร่ธาตุ
ได้พลังงานจากขนมปัง แต่ถ้าอยากให้เมนูนี้กลายเป็นเมนูสุขภาพก็ง่ายมาก
เพียงแค่เปลี่ยนจากขนมปังธรรมดาเป็นขนมปังโฮลวีท
และใช้ไข่ดาวน้าแทนการทอดด้วยน้ามัน เสริมวิตามินด้วยสลัด
- 7. และสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่งคือการรับประทานปาทองโก๋กับนมข้นหวาน
เพราะจะเพิ่มระดับน้าตาลเข้าไปอีกไม่ส่งผลดีต่อร่างการ
6.ชา กาแฟ ชาเขียว ข้อสาคัญคือเราไม่ควรเติมน้าตาล หรือครีมต่างๆลงไป
กาดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ในตอนเช้า
หลังจากรับประทานมื้อเช้าแล้ว(จะช่วยให้ร่างกายดูดคาแฟอีน น้อยลง)
จะช่วยทาให้ร่างกายสดชื่น และกระตุ้นอัตราการเผาผลาญได้ตลอดวัน
7.ผลไม้สดหรือน้าผลไม้ การดื่มน้าผลไม้
หรือรับประทานผลไม้สดหลังอาหารเช้าสักเล็กน้อย
จะช่วยให้ร่างกายสดชื่นเพราะน้าตาลในผลไม้สามารถนาไปใช้ได้เร็ว
และยิ่งเป็นผลไม้สดก็จะช่วยชดเชยในเรื่องของใยอาหาร
ซึ่งมักเป็นข้อด้วยของอาหารเช้าหลายๆเมนู ผลไม้ที่แนะนาคือกล้วย แตงโม
ส่วนน้าผลไม้ที่แนะนาและหาได้ง่ายคือน้าส้ม หรือน้ามะนาว
จะช่วยในเรื่องของการดูดซึมไขมันที่ดี และช่วยให้สดชื่นอีกด้วย
เวลาในการรับประทานอาหารตอนเช้า
การรับประทาน อาหารเช้า
ที่ดีสิ่งสาคัญระดับแรกคือ เวลาในการรับประอาหาร ถ้าอยากให้มื้อเช้าส
มบูรณ์แบบ เราควรรับประทานให้เสร็จก่อนเวลา 7.00 น.
เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานไปใช้ในการทางานหรือการเรียนในช่วงเช้
าได้ทัน หากใครที่เข้างานเช้า
ก็ควรเลื่อนระยะเวลาในการรับประทานอาหารเช้าให้เร็วขึ้นไปอีกและที่
สาคัญที่สุดในการรับประทานมื้อเช้าก็คงจะนี้ไม่พ้นอาหารที่เรารับประท
านเข้าไป และเมนูไหน อาหารประเภทไหน ที่ควรรับประทาน
ไม่ควรรับประทานเป็นอาหารเช้า
และส่งผลอย่างไรต่อร่างกายในระยะสั้น และระยะยาว
- 8. อย่าอดอาหารเช้า
จากการสารวจพฤติกรรมการบริโภคอาหารของประชากรทั่วประเทศปี
2556 โดยสานักงานสถิติแห่งชาติสารวจ 26,520 ครัวเรือน
พบว่าเด็กอายุ 6-14 ปี ทานอาหารมื้อหลักครบ 3 มื้อสูงถึงร้อยละ 93
ขณะที่กลุ่มอายุ 15-24 ปีทานอาหารครบ 3 มื้อร้อยละ 87
เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2552
พบว่ากลุ่มเยาวชนมีอัตราการบริโภคอาหารครบ 3 มื้อลดลงร้อยละ 0.5
ในขณะที่ประชากรกลุ่มอื่นมีอัตราเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเด็กที่มีอายุ 6-
14 ปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 ซึ่งถือเป็นเรื่องดี
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้ข้อมูลว่า
ส่วนใหญ่มักจะงดมื้อเช้าด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น
ต้องตื่นแต่เช้าเร่งรีบไปเรียนหรือทางาน
ไม่มีเวลาพอสาหรับการเตรียมอาหารเช้า
บางคนงดอาหารเช้าด้วยเหตุผลที่ต้องการลดน้าหนัก
จะพบมากในกลุ่มวัยรุ่น วัยทางาน ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด
เนื่องจากการงดกินอาหารเช้าจะทาให้ระดับน้าตาลในเลือดต่า
ทาให้ช่วงสายของวันจะรู้สึกหิว มีอารมณ์หงุดหงิด สมองตื้อ
คิดอะไรไม่ออก ไม่มีสมาธิในการเรียนหรือทางาน
การทางานจะด้อยกว่าคนที่กินอาหารเช้า
เนื่องจากสมองต้องการน้าตาลกลูโคสหล่อเลี้ยงตลอดเวลา
และจะหันมารับประทานอาหารอื่น เช่น ขนม ส่งผลให้อ้วนเพิ่มขึ้น
ทาไมจึงต้องทานอาหารเช้า
หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่ค่อยทานอาหารเช้าไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
คุณอาจต้องทบทวนเสียใหม่แล้ว
เนื่องจากอาหารเช้าเป็นอาหารมื้อแรกของวันซึ่งถือว่ามีความสาคัญมากที่สุด
เราลองมาดูเหตุผลว่าทาไมคุณควรเริ่มต้นวันใหม่ด้วยมื้อเช้าทุกวัน
1. สุขภาพโดยรวมดีขึ้น
- 9. บางคนอาจคิดว่าการไม่ทานอาหารเช้าจะสามารถช่วยในการลดน้าหนักหรือไ
ขมันส่วนเกินได้ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดอย่างมหันต์
เนื่องจากการงดอาหารเช้าจะทาให้อัตราการเผาผลาญช้าลง
อีกทั้งยังทาให้สูญเสียกล้ามเนื้อ และถึงแม้ว่าจะผอมลงจากการอดอาหารเช้า
ก็มีแนวโน้มที่จะผอมแต่ลงพุง (Skinny fat)
ดังนั้นควรทานอาหารเช้าทุกวันเพื่อให้สุขภาพในภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี
2. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
การนาผักและผลไม้ซึ่งล้วนแต่อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระมาเป็ นส่วน
หนึ่งของมื้อเช้า
จะเป็นการกระตุ้นและช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งแปลก
ปลอมรุกล้าเข้ามาทาอันตรายแก่ร่างกาย ซึ่งหากมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง
ก็จะส่งผลให้มีสุขภาพดีตามไปด้วย
3. ช่วยในการลดน้าหนัก
มีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า อาหารเช้ามีผลต่อการรักษาสมดุลของน้าหนัก
ซึ่งหากงดมื้อเช้าในช่วงที่กาลังลดน้าหนัก
จะทาให้มีแนวโน้มที่จะน้าหนักลดได้น้อยกว่าผู้ที่ทานอาหารเช้าเป็นประจา
นอกจากนี้การทานมื้อเช้าจะช่วยป้องกันไม่ให้ทานมากในช่วงระหว่างวัน
อีกทั้งยังช่วยให้ฮอร์โมนมีความสมดุล
ส่งผลให้การควบคุมน้าหนักดาเนินไปได้ด้วยดี
4. มอบพลังงาน
การไม่ทานอาหารเช้าจะทาให้ร่างกายดึงพลังงานที่เก็บสะสมไว้มาใช้
โดยที่ไกลโคเจน (Glycogen)
ซึ่งเป็นอาหารสะสมประเภทคาร์โบไฮเดรตที่ถูกเก็บไว้ที่กล้ามเนื้อจะโดนดึงออ
กมาใช้จนหมดสิ้น ส่งผลให้ร่างกายย่อยโปรตีนจากกล้ามเนื้อ
เพื่อรักษาระดับน้าตาลในเลือดไว้จนในที่สุดกล้ามเนื้อก็จะลดลง
ดังนั้นควรเริ่มต้นวันใหม่ด้วยมื้อเช้าที่เปี่ยมไปด้วยสารอาหารที่ให้พลังงานสูงอ
ย่างขนมปังโฮลวีท ไข่ กรีกโยเกิร์ต อะโวคาโด ฯลฯ
แทนการดื่มเพียงแค่กาแฟคู่กับการทานขนมมัฟฟิน