More Related Content Similar to ประวัติการค้นคว้า
Similar to ประวัติการค้นคว้า (8) More from Oui Nuchanart (20) ประวัติการค้นคว้า2. 1. แวน เฮลมองต์ (Jean Baptiste Van Helmont)
การค้นคว้าที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
5. 2. โจเซฟ พริสต์ลีย์ (Joseph Priestley)
การทดลองที่ 1
จุดเทียนไขไว้ในครอบแก้ว ปรากฏว่า
สักครู่เทียนไขก็ดับ
ใส่หนูไว้ในครอบแก้วอีกใบหนึ่ง
สักครู่หนูก็ตาย
7. • นักเรียนจะสรุปผลการทดลองนี้ได้อย่างไร
• การทดลองนี้ พริสต์ลีย์ สรุปว่าแก๊สที่ท้าให้เทียนไขดับเป็นแก๊สที่ท้าให้หนู
ตาย และแก๊สที่ท้าให้เทียนไขลุกไหม้เป็นแก๊สที่จ้าเป็นต่อการด้ารงชีวิตของ
หนู นักเรียนเห็นด้วยกับข้อสรุปของพริสต์ลีย์ หรือไม่
เพราะเหตุใด
• การทดลองนี้ พริสต์ลีย์ น่าจะตั้งสมมติฐานว่าอย่างไร ถ้าอากาศที่ท้าให้หนู
ตาย และอากาศที่ท้าให้เทียนไขดับ เรียกว่าอากาศเสีย
10. 3. แจน อินเก็น ฮูซ (JAN INGEN HOUSZ)
อากาศเสียจะเปลี่ยนเป็นอากาศดีก็ต่อเมื่อพืชได้รับแสงสว่างเท่านั้น
•- จะสรุปการทดลองของ ฮูซ ได้ว่าอย่างไร
12. ในปี พ.ศ. 2329 ฮูซได้ค้นพบเพิ่มเติมเก็บธาตุคาร์บอนไว้
ในรูปของสารอินทรีย์
13. • จากข้อเสนอของ ฮูซ นักเรียนสามารถเขียนแผนภาพของการเปลี่ยนแปลง
อากาศเสียให้เป็นอากาศดีได้อย่างไร
• คาร์บอนที่อยู่ในรูปของสารอินทรีย์มาจากไหน
15. อีก 17 ปีต่อมา
5. อินเก็น ฮูซ พบว่านอกจากพืชเก็บ CO2 ไว้ในรูปของ
สารอินทรีย์
แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ พืชสีเขียว
แสงสว่าง
สารอินทรีย์ + แก๊สออกซิเจน
16. 6. นิโคลาส ธีโอดอร์ เดอ โซซูร์ (Nicolas Theodore de Saussure)
แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์+ น้้า สารอินทรีย์ + แก๊สออกซิเจน
พืชสีเขียว
แสงสว่าง
พบว่า น้้าหนักของพืชที่เพิ่มขึ้นมาจาก CO2
พืชได้รับ 100 g
น้้าหนักพืชเพิ่ม 150 g
18. พบว่า สารอินทรีย์ คือ คาร์โบไฮเดรต นั่นเอง
7. จูเลียส ซาซ (Julius sachs)
แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์+ น้้า คาร์โบไฮเดรต + แก๊สออกซิเจน
พืชสีเขียว
แสงสว่าง
19. CO2 + H2O C6H12O6 + O2
แสงสว่าง
ต่อมานักวิทยาศาสตร์ได้เรียกกระบวนการสร้างอาหาร
ของพืชที่อาศัยแสงว่า กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
(Photosynthesis)
29. เมื่อน้าขวดทั้งสองไปตั้งรับแสง ทั้งสองขวดจะมี o2ออกมา แต่เมื่อน้า o2
ไปตรวจสอบปรากฏว่ามี o2 จากขวดแรกเท่านั้นที่เป็น 18O ส่วน o2
จากขวดที่สองเป็น o2 ธรรมดา จึงสรุปได้ว่า แก๊สออกซิเจนอิสระที่ได้จากการ
สังเคราะห์ด้วยแสงเป็นออกซิเจนที่ได้จากน้้า
10. แซม รูแบน และมาร์ติน คาเมน
32. 11. โรบิน ฮิลล์ (Robin Hill)
4Fe+3 + 4H2O Fe+2 +4H++O2+2H2O
เฟอริก เฟอรัส (Hill reaction
33. เกลือเฟอริกFe+3เปลี่ยนเป็นเกลือเฟอรัส Fe+2 ได้เพราะรับ
อิเล็กตรอนเพิ่มมา 1 ตัว อิเล็กตรอนนั้นได้มาจากแตกตัวของน้้า
ถ้าไม่มีตัวรับอิเล็กตรอน น้้าจะแตกให้แก็สออกซิเจนไม่ได้
ตัวรับไฮโดรเจน คือ Nicotinamide Adenine
Dinucleotide Phosphate NADP+ เมื่อได้รับไฮโดรเจนแล้ว
กลายเป็น NADPH+ H+
สรุปว่า
สรุปได้ว่าเมื่อคลอโรพลาสต์ได้รับพลังงานจากแสง แล้วมีตัวรับ
อิเล็กตรอนอยู่ด้วยน้้าก็จะแตกตัวให้ออกซิเจนโดยไม่จ้าเป็นต้องมี
คาร์บอนไดออกไซด์ เรียกว่า Hill’reaction หรือ photolysis
34. • เกลือเฟอริก (Fe3+) เปลี่ยนไปเป็นเกลือเฟอรัส (Fe2+)ได้ เพราะเหตุใด
และเกลือเฟอริก ท้าหน้าที่เป็นสารใด
36. • •พืชจะให้ NADPH และ O2 ถ้ามีสารใด
• •ไม่ว่าจะใส่ NADP+ ลงไปหรือไม่ ถ้ามี ADP+Pi พืชสามารถสร้างสารใดได้
• ถ้าไม่เติม ADP+Pi จะเกิดการสร้าง ATP ได้เองหรือไม่
38. จากการศึกษาของอาร์นอน ท้าให้นักวิทยาศาสตร์เกิดแนวคิดว่าขั้นตอนของ
การสังเคราะห์ด้วยแสงอาจแยกออกเป็น 2 ขั้นตอนใหญ่ๆ คือ
1. ปฏิกิริยาที่ต้องใช้แสง (light reaction) เป็นกระบวนการที่จ้าเป็นต้อง
ใช้แสงโดยตรงเพื่อท้าให้โมเลกุลของน้้าถูกแยกสลาย ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้คือ
O2 ATP และ NADPH+H+
2. ปฏิกิริยาที่ไม่ต้องใช้แสง หรือ ปฏิกิริยาตรึง CO2 (dark reaction หรือ
CO2 fixation หรือ Calvin cycle ) เป็นกระบวนการที่ไม่จ้าเป็นต้อง
ใช้แสงโดยตรงและเป็นกระบวนการที่เกิดหลังปฏิกิริยาที่ต้อง
ใช้แสงเพราะจะต้องรับ ATP และ NADPH+H+ จากปฏิกิริยาที่ใช้แสง
และคาร์บอนไดออกไซด์ แม้ไม่ได้รับแสงก็เกิดน้้าตาลได้