๘.๑ การศึกษาเรื่องอริยสัจให้เข้าใจเรื่องเบญจขันธ์
เบญจขันธ์ หมายถึง กองแห่งรูปธรรมและนามธรรมห้าหมวดที่
ประชุมกันเข้าเป็นชีวิตขันธ์ ๕ ประกอบด้วย
๑) รูปขันธ์ คือ ร่างกายและพฤติกรรมทั้งหมด
๒) เวทนาขันธ์ คือ ความรู้สึกเป็นสุขทางกาย ทุกข์ทางกาย
๓) สัญญาขันธ์ คือ ความจาได้หมายรู้ในสิ่งต่างๆ
๔) สังขารขันธ์ คือ ส่วนที่ปรุงแต่งจิต เช่น ความโลภ ความโกรธ
ความหลง
๕) วิญญาณขันธ์ คือ ผู้ที่รับรู้สิ่งทั้งปวง คือรับรู้ความรู้สึกต่าง ๆ
การศึกษาเรื่องอริยสัจให้เข้าใจเรื่องเบญจขันธ์ (ต่อ)
“ภิกษุทั้งหลาย นี้คือ ทุกขอริยสัจ : ความเกิดเป็นทุกข์ ความแก่
เป็นทุกข์ ความตายเป็นทุกข์ ความประจวบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก
เป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์ ปรารถนาสิ่งใด
ไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์ โดยย่ออุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์”
๘.๒ การเข้าใจเรื่องอริยสัจคือการเข้าใจตัวเอง
คือ การไม่ยึดมั่นถือมั่น การไม่เข้า
ไปเกี่ยวข้องกับสิ่งทั้งหลายด้วย
การใช้ตัณหาอุปาทาน แต่เข้าไป
เกี่ยวข้องจัดการด้วยปัญญา
๘.๓ อริยสัจเป็นหัวใจแห่งธรรมทั้งปวง
"อริยสัจสี่" คือ หลักที่โยงความจริงในธรรมชาติมาสู่การใช้ประโยชน์ของ
มนุษย์ เพราะลาพังกฎธรรมชาติเอง ตามธรรมดาถ้าเราไม่รู้วิธีปฏิบัติ ไม่รู้
จุดเริ่มต้น ไม่รู้ลาดับ เราก็สับสน
อริยสัจสี่ครอบคลุมหลักการของพระพุทธศาสนาทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็น
--- หลัก "เว้นชั่ว ทาดี ทาใจให้บริสุทธิ์"
--- หลัก "ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น"
--- หลัก "เราบัญญัติแต่ทุกข์และความดับทุกข์" หรือ
--- หลัก "อิปัปัจจยตาปฏิจจสมุปบาทกับนิพพาน“
ทุกหลักรวมอยู่ในหลักอริยสัจสี่ ทั้งนั้น
๘.๔ วิธีคิดแบบอริยสัจกับวิธีทางวิทยาศาสตร์
วิธีคิดแบบอริยสัจจ์ ได้แก่
• ๑. ทุกข์ = ความกังวลใจ ความไม่สบายกายความไม่สบายใจ
• ๒. สมุทัย = สาเหตุแห่งทุกข์ เป็นการพิจารณาถึงต้นเหตุที่ทา
ให้เกิดความไม่สบายกาย ไม่สบายใจนั้น
• ๓. นิโรธ = การดับทุกข์ เพื่อทาให้ความทุกข์หายไป
• ๔. มรรค = การรู้แจ้งถึงหนทางแห่งการดับทุกข์
๘.๔ วิธีคิดแบบอริยสัจกับวิธีทางวิทยาศาสตร์ (ต่อ)
วิธีคิดแบบวิทยาศาสตร์ได้แก่
๑. ปัญหา = สิ่งที่เป็นข้อสงสัย
๒. สมมติฐาน = ความน่าจะเป็นของปัญหา การคาดเดาเหตุผล
เพื่อตอบคาถามให้แก่ปัญหาที่เป็นข้อสงสัยให้ได้
๓. ทดลอง = วิธีการในการกระทาต่างๆ เพื่อหาวิธีในการตอบ
ปัญหา
๔. วิเคราะห์ = การนาข้อมูลที่ได้จากการทดลองมาคิดวิเคราะห์
พิจารณาในการตอบปัญหา
๕. การสรุปผล = ได้รับคาตอบจากการวิเคราะห์ สามารถตอบ
ปัญหาได้ จนเกิดเป็นความรู้
"จะเห็นได้ว่า จากการเปรียบเทียบดังกล่าว วิธีการคิดแบบ
วิทยาศาสตร์และวิธีการคิดแบบอริยสัจจ์มีความเหมือนกันมาก
นั่นคือ มีขั้นตอนและรูปแบบวิธีการคิดเหมือนกัน ทุกข์ในวิธีการ
คิดของอริยสัจจ์ก็คือปัญหาของวิธีการคิดแบบวิทยาศาสตร์
นั่นเอง ต่อจากนั้นก็มีการตรวจสอบสาเหตุของทุกข์และปัญหา
รวมทั้งการทดลองเพื่อขจัดปัญหา/ความทุกข์เหมือนกัน สุดท้าย
ก็นาไปสู่การวิเคราะห์และรู้แจ้งสามารถขจัดปัญหา/ความทุกข์
ได้เหมือนกัน นั่นเอง”
๘.๔ วิธีคิดแบบอริยสัจกับวิธีทางวิทยาศาสตร์ (ต่อ)
๘.๕ การใช้หลักอริยสัจปรับปรุงวิธีการสอนที่ถูกต้อง
พระราชวรมุนี ได้กล่าวถึงเรื่องวิธีการสอนตามขั้นทั้ง ๔ ของ
อริยสัจ นี้ว่า “การคิดแก้ปัญหาและการกระทาควบคู่กันไป
นั้น ได้ปรากฏอย่างชัดเจนในขั้นตอนของอริยสัจ ๔ โดยเฉพาะ
ในกิจของอริยสัจ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่จะพึงกระทาต่ออริยสัจ ๔ แต่
ละอย่าง ที่จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องและเสร็จสิ้นในอริยสัจ ๔ แต่
ละอย่างด้วย จึงจะได้ชื่อว่ารู้อริยสัจ หรือเป็นผู้ตรัสรู้แล้ว”
ดาวน์โหลดไฟล์นี้ได้ที่
www.philosophychicchic.com
สนุกกับการเรียนรู้ปรัชญาและศาสนาแบบชิคๆ เคียงคู่รอยยิ้ม

อริยสัจ ๔ (ตอน ๒)