More Related Content Similar to ตัวกำหนด(Determinant)
Similar to ตัวกำหนด(Determinant) (20) ตัวกำหนด(Determinant)11. Determinant
ทฤษฎีบท กาหนด โดย เป็นสเกลาร์ และ n Z , n ≥ 2 จะได้
เมื่อกระจายโคแฟกเตอร์ตามแถวที่ I
เมื่อกระจายโคแฟกเตอร์ตามหลักที่ j
ij nxn
a
A =
ij
a
17. Determinant
ตัวอย่าง จงหาดีเทอร์มินันต์ของ ***จากสไลด์ 10 ตัวอย่างที่ 4 หน้า 56 หาโคแฟกเตอร์แล้ว***
2 0 1
3 1 2
4 5 6
A − −
=
4 26 19
5 8 10
1 7 2
จะได้ C
−
−
−
=
4 5 1
( ) C 26 8 7
19 10 2
T
adj A = = −
− −
18. Determinant
2 0 1 4 5 1 27 0 0
( ) 3 1 2 26 8 7 0 27 0 27
19 10 2 0 0 27
4 5 6
n
Aadj A I
= − − −
− −
= =
จาก
จะได้ det A = 27
21. Determinant
ตัวอย่าง ให้ ถ้า แล้ว b31 + b23 มีค่าเท่าไร
3 2 1
5 6 2
1 0 3
A
−
−
=
11 12 13
1
21 22 23
31 32 33
b b b
A b b b
b b b
−
=
23. การแก้ระบบสมการโดยใช้กฎของคราเมอร์
ทฤษฎีบท กฎของคราเมอร์
ถ้า A เป็นเมทริกซ์มิติ nxn โดยที่ det(A) ≠0 แล้วระบบสมการ
ที่เขียนในรูปสมการเมทริกซ์ Ax = b
เมื่อ x1, x2,…, xn เป็นตัวแปร และ b1, b2,…, bn เป็นค่าคงตัว
โดยที่
และ
มีคาตอบคือ
เมื่อ Ai คือเมทริกซ์ที่ได้จากการแทนหลักที่ I ของ A ด้วย b
1
2
n
X
X
X
X
=
1
2
n
b
b
b
b
=
1 2
1 2
det( ) det( ) det( )
, ,...,
det( ) det( ) det( )
n
n
A A A
A A A
X X X
= = =
31. Determinant
การหาค่าดีเทอร์มินันต์โดยการลดรูปตามแถว
ทฤษฎีบท ถ้า A เป็นเมทริกซ์จัตุรัส
1. ถ้าคูณสมาชิกทุกตัวในแถวใดแถวหนึ่ง(หรือหลักใดหลักหนึ่ง) ของ A ด้วยค่าคงที่
แล้วดีเทอร์มินันต์ของเมทริกซ์ใหม่เท่ากับ cdet(A)
2. ถ้าสลับที่กันระหว่างแถวสองแถวใดๆ(หรือหลักสองหลักใดๆ)ของ A แล้ว
ดีเทอร์มินันต์ของเมทริกซ์ใหม่เท่ากับ –det(A)
3. ถ้าเปลี่ยนแถวใดแถวหนึ่ง(หรือหลักใดหลักหนึ่ง) ของ A โดยใช้ค่าคงตัวที่ไม่ใช่ศูนย์
คูณสมาชิกทุกตัวในแถวใดแถวหนึ่ง(หรือหลักใดหลักหนึ่ง) ของ A แล้วนาไปบวกกับสมาชิกในแถว
(หรือหลัก) ที่ต้องการเปลี่ยนนั้นโดยบวกสมาชิกในลาดับเดียวกันเข้าด้วยกัน แล้วใช้ผลบวกแทนที่
สมาชิกเดิมแล้วดีเทอร์มินันต์ของเมทริกซ์ใหม่เท่ากับ det(A)
33. Determinant
ทฤษฎีบท ให้ E เป็นเมทริกซ์มูลฐาน
1. ถ้า E เป็นผลจากการคูณเมทริกซ์ In ด้วยค่าคงที่ k แล้ว det(E) = k
2. ถ้า E เป็นการสลับแถวของสองแถวใดใน In แล้ว det(E) = -1
3. ถ้า E เป็นผลจากการคูณแถวใดแถวหนึ่งแล้วบวกกับแถวอื่นใน In แล้ว
det(E) = 1
46. สมบัติของดีเทอร์มินันต์ฟังก์ชัน
ทฤษฎีบท กาหนดให้ A มีมิติ n x n ข้อความต่อไปนี้สมมูลกัน
1. A มีอินเวอร์สการคูณ
2. Ax = 0 มีคาตอบชัดแจ้งเพียงคาตอบเดียว
3. A = I โดยที่ เป็นเมทริกซ์ขั้นบันไดลดรูปตามแถวของเมท
ริกซ์ A
4. สามารถเขียน A ในรูปผลคูณของเมทริกซ์มูลฐานได้
5. Ax = b เป็นระบบคล้องจองสาหรับทุก b ที่มีมิติ n x 1
6. Ax = b มีคาตอบเดียว สาหรับทุก b ที่มีมิติ n x 1
7. det(A) ≠ 0
53. ระบบสมการเชิงเส้นในรูป Ax = x
ระบบสมการนี้สามารถเขียนได้อีกแบบหนึ่งดังนี้
Ax - x = 0
Ax - Inx = 0
(A - In)x = 0
ดังแสดงให้เห็น ระบบสมการ (A - In)x = 0 เป็นระบบสมการ
เชิงเส้นเอกพันธ์ และเป็นระบบคล้องจอง (มีคาตอบชัดแจ้งเป็น
คาตอบหนึ่งของสมการ)
69. วิธีการทางคอมบินาทอริกส์
เพื่อหาดีเทอร์มินันต์
วิธีการเรียงสับเปลี่ยน
นิยาม วิธีการเรียงสับเปลี่ยนของเซตของจานวนเต็ม {1 , 2 , 3 , … , n} หมายถึง
การนาจานวนเต็ม 1 , 2 , 3 , … , n มาจัดเรียงโดยไม่ขาดตัวใดและไม่มีตัวใดซ้ากัน
เขียนแทนวิธีการเรียงสับเปลี่ยนของเซตของจานวนเต็ม {1 , 2 , 3 , … , n} ด้วยสัญลักษณ์
(p1 , p2 , … , pn) โดยที่ p1 , p2 , … , pn เป็นจานวนเต็มในเซต {1 , 2 , 3 , … , n}
ที่ไม่ซ้ากัน
70. วิธีการทางคอมบินาทอริกส์
เพื่อหาดีเทอร์มินันต์
ตัวอย่าง วิธีการเรียงสับเปลี่ยนของเซตของจานวนเต็ม {1 , 2} มี 2 วิธี คือ
(1 , 2) และ (2 , 1)
หมายเหตุ จานวนวิธีการเรียงสับเปลี่ยนของเซตของจานวนเต็ม {1 , 2 , 3 , … , n}
เท่ากับ n! วิธี
ตัวอย่าง วิธีการเรียงสับเปลี่ยนของเซตของจานวนเต็ม {1 , 2 , 3} มี 6 วิธี คือ
(1 , 2 , 3) , (1 , 3 , 2) , (2 , 1 , 3) , (2 , 3 , 1) , (3 , 1 , 2) และ (3 , 2 , 1)
71. วิธีการทางคอมบินาทอริกส์
เพื่อหาดีเทอร์มินันต์
การผกผัน (inversion)
นิยาม ถ้า P = (p1 , p2 , … , pn) เป็นวิธีการเรียงสับเปลี่ยนของเซตของจานวนเต็ม
{1 , 2 , 3 , … , n} การผกผัน (inversion) จะปรากฏใน P ก็ต่อเมื่อ มีจานวน pi
และ pj ใน P ซึ่ง pi > pj แต่ pi อยู่ในตาแหน่งหน้า pj
เขียนแทนวิธีการเรียงสับเปลี่ยนของเซตของจานวนเต็ม {1 , 2 , 3 , … , n} ด้วยสัญลักษณ์
(p1 , p2 , … , pn) โดยที่ p1 , p2 , … , pn เป็นจานวนเต็มในเซต {1 , 2 , 3 , … , n}
ที่ไม่ซ้ากัน
72. จะนับจานวนการผกผันใน P = (p1 , p2 , … , pn) ดังนี้
- หาจานวนเต็มใน P ซึ่งน้อยกว่า p1 แต่อยู่หลัง p1
สมมติให้มี m1 จานวน
- หาจานวนเต็มใน P ซึ่งน้อยกว่า p2 แต่อยู่หลัง p2
สมมติให้มี m2 จานวน
:
- หาจานวนเต็มใน P ซึ่งน้อยกว่า pn-1 แต่อยู่หลัง pn-1
สมมติให้มี mn-1 จานวน
จะได้ว่าจานวนของการผกผันใน P = (p1 , p2 , … , pn) เท่ากับ
m1+ m2 + ... + mn-1 จานวน
73. วิธีการทางคอมบินาทอริกส์
เพื่อหาดีเทอร์มินันต์
ตัวอย่าง
j1 = (1 , 3 , 2) การผกผันของ j1 คือ (3 , 2) จะได้จานวนการผกผันใน j1 คือ 1
ดังนั้น t(1 , 3 , 2) = 1
จานวนการผกผันใช้สัญลักษณ์ t(j) แทนจานวนการผกผันในการเรียงสับเปลี่ยน
j2 = (5 , 4 , 2 , 3 , 1) การผกผันของ j2 คือ (5 , 4) , (5 , 2) , (5 , 3) , (5 , 1) , (4 , 2) ,
(4 , 3) , (4 , 1) , (2 , 1) , (3 , 1) จะได้จานวนการผกผันใน j2 คือ 9
ดังนั้น t(5 , 4 , 2 , 3 , 1) = 9
j3 = (1 , 2 , 5 , 3 , 4) การผกผันของ j3 คือ (5 , 3) , (5 , 4) จะได้จานวนการผกผันใน j3
คือ 2 ดังนั้น t(1 , 2 , 5 , 3 , 4) = 2
74. ตัวอย่าง จงหาจานวนของการผกผัน
(6 , 2 , 5 , 3 , 1 , 4)
(7 , 6 , 5 , 4 , 3 , 2 , 1)
(4 , 2 , 1 , 3)
75. วิธีการทางคอมบินาทอริกส์
เพื่อหาดีเทอร์มินันต์
วิธีการเรียงสับเปลี่ยนคู่ วิธีการเรียงสับเปลี่ยนคี่
นิยาม วิธีการเรียงสับเปลี่ยน P จะเรียกว่า วิธีการเรียงสับเปลี่ยนคู่ (even
permutation) เมื่อจานวนการผกผันใน P เป็นจานวนคู่ และจะเรียกว่า วิธีการเรียง
สับเปลี่ยนคี่(odd permutation) เมื่อจานวนการผกผันใน P เป็นจานวนคี่
เขียนแทนวิธีการเรียงสับเปลี่ยนของเซตของจานวนเต็ม {1 , 2 , 3 , … , n} ด้วยสัญลักษณ์
(p1 , p2 , … , pn) โดยที่ p1 , p2 , … , pn เป็นจานวนเต็มในเซต {1 , 2 , 3 , … , n}
ที่ไม่ซ้ากัน
76. วิธีการทางคอมบินาทอริกส์
เพื่อหาดีเทอร์มินันต์
ตัวอย่าง
กาหนดให้ j1 = (3 , 1 , 2 , 5 , 4) , j2 = (4 , 1 , 3 , 2) และ j3 = (1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6)
จงหาว่า j1 , j2 , j3 เป็นการเรียงสับเปลี่ยนคู่หรือคี่
j1 = (3 , 1 , 2 , 5 , 4) การผกผันของ j1 คือ (3 , 1) , (3 , 2) , (5 , 4) จะได้จานวนการ
ผกผันใน j1 คือ 3 หรือ t (3 , 1 , 2 , 5 , 4) = 3 ดังนั้นเป็นการเรียงสับเปลี่ยนคี่
j2 = (4 , 1 , 3 , 2) การผกผันของ j2 คือ (4 , 1) , (4 , 2) , (4 , 3) , (3 , 2) จะได้จานวน
การผกผันใน j2 คือ 4 หรือ t (4 , 1 , 3 , 2) = 4 ดังนั้นเป็นการเรียงสับเปลี่ยนคู่
j3 = (1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6) ไม่มีการผกผัน t (1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6) = 0 ดังนั้นเป็นการเรียง
สับเปลี่ยนคู่
78. วิธีการทางคอมบินาทอริกส์
เพื่อหาดีเทอร์มินันต์
ดีเทอร์มินันต์โดยวิธีการทางคอมบินาทอริกส์
นิยาม กาหนดให้
ฟังก์ชันดีเทอร์มินันต์ เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ det นิยามว่า
det(A) = ()a1p1a2p2 … anpn
เมื่อ (p1 , p2 , … , pn) เป็นวิธีการเรียงสับเปลี่ยนของเซต {1 , 2 , 3 , … , n} และมีวิธีการ
เลือกเครื่องหมาย ดังนี้
เลือก + เมื่อ (p1 , p2 , … , pn) เป็นวิธีการเรียงสับเปลี่ยนคู่
เลือก – เมื่อ (p1 , p2 , … , pn) เป็นวิธีการเรียงสับเปลี่ยนคี่
เรียก det(A) ว่าดีเทอร์มินันต์ของ A
aij n n
A
=