11. กฎของก๊าซอุดมคติ(Ideal Gas Law) , ต่อ
• R คือค่าคงที่ เรียกว่าค่าคงตัวสากลของก๊าซ
– R = 8.314 J/mol ∙ K = 0.08214 (L ∙ atm)/mol ∙ K
• จากค่า R สามารถหาได้ว่าก๊าซ 1 mole ที่ความ
ดันบรรยากาศ และอุณหภูมิ 0o C มีปริมาตร 22.4
L
14. ข้อพิเศษ การให้ความร้อนต่อกระป๋องสเปรย์
3 0
• กระป๋องสเปรย์มีความดัน202 kPa และมีปริมาตร 125 cm ที่ 22 C
โยนเข้าไปในกองไฟ เมื่ออุณหภูมิของก๊าซขึ้นถึง 1950 C ความดัน
ของในกระป๋องมีค่าเท่าใด
– Solution
15. ทฤษฎีจลน์ของก๊าซ (The Kinetic Theory of Gases)
• แบบจาลองของก๊าซอุดมคติ
– มีโมเลกุลของก๊าซเป็นจานวนมากโดยกาหนดให้เท่ากับ N โดยแต่ละโมเลกุล
มีมวลเท่ากับ m
– โมเลกุลของก๊าซอยู่ห่างกันมาก ซึ่งแสดงว่าแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลน้อยมาก
จนตัดทิ้งได้
– การชนกันของโมเลกุลทั้งหลายของก๊าซในอุดมคติเป็นการชนแบบยืดหยุ่น
– ความเร็วของแต่ละโมเลกุลไม่จาเป็นต้องเท่ากัน แต่ถือว่ามีค่าคงตัวเมื่อเวลา
ผ่านไป
16. ความดัน และ พลังงานจลน์ (1)
• พิจารณาภาชนะรูปลูกบาศก์ที่ทุก
ด้านยาว d ภายในบรรจุก๊าซ
• โมเลกุลมีองค์ประกอบของความเร็ว
ในแนวแกน x
• ชนแบบยืดหยุ่นด้วยความเร็ว v x i
• ผนังออกแรงกระทาต่อโมเลกุลของ
ก๊าซ(กฎข้อที่สองของนิวตัน)
– ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัม
26. พลังงานภายในของแก๊ส
• ในทฤษฎีจลน์ของแก๊ส
1 2 3
– พลังงานจลน์ของการเคลื่อนที่เฉลี่ย mv = k T
• หรือ KE = k T
3 2 2 B
t B
– ดังนั้นพลังงานจลน์รวมของอนุภาคเท่ากับ N KE = 3 Nk T
2
t 2 B
– พลังงานจานวนนี้เรียกว่า พลังงานภายใน (เนื่องจากอุณหภูมิ)
3 3
Eint =U= Nk BT= nRT
2 2
27. พลังงานภายในของแก๊ส
• พลังงานจลน์เฉลี่ยของโมเลกุลต่าง ๆ เขียนได้เป็น
f
KE = k BT
2
• โดย f เป็นค่ายังผลของดีกรีของความอิสระ
(degree of freedom)
– f= 3 สาหรับแก๊สโมเลกุลอะตอมเดี่ยว
– f= 5 สาหรับแก๊สโมเลกุลอะตอมคู่
– F= 6 สาหรับโมเลกุลหลายอะตอม
• สาหรับพลังงานภายในเนื่องจากอุณหภูมิของแก๊สเขียนได้เป็น
f f f f
U=N k BT = Nk BT= nRT= PV
2 2 2 2
28. ข้อพิเศษ : A Tank of Helium
• ถังบรรจุก๊าซฮีเลียมมีปริมาตร3.00 m3 และมีก๊าซฮีเลียมจานวน 2 โมล
ที่อุณหภูมิ 20.0 องศาเซลเซียส สมมติว่าก๊าซฮีเลียมเป็นก๊าซอุดมคติ
– (A) หาพลังงานจลน์ทั้งหมดของโมเลกุลของก๊าซ
– (B) พลังงานจลน์เฉลี่ยต่อโมเลกุล
29. เฉลย : A Tank of Helium
• Solution
– (A)
– (B)
32. อุณหภูมิและความร้อน
(Temperature and Heat)
• สมดุลความร้อน(thermal equilibrium)
– กฎข้อที่ศูนย์ของเทอร์โมไดนามิกส์(The Zeroth Law of
Thermodynamics)
• “ ถ้าวัตถุ A และวัตถุ B ต่างก็อยู่ในสมดุลความร้อนกับวัตถุ C แล้ววัตถุ A
และวัตถุ B จะอยู่ในสมดุลความร้อนซึ่งกันและกันด้วย ”
33. พลังงานภายใน(Internal energy)
พลังงานภายใน หมายถึง พลังงานที่เก็บสะสมไว้ภายในโมเลกุลของสาร
นั้น ๆ
พลังงานภายในเป็นคุณสมบัติของระบบ ซึ่งใช้สัญลักษณ์ เป็น U เมื่อ
หารด้วยมวลของระบบจะได้พลังงานภายในจ่าเพาะ u = U/m มีหน่วย
เป็น kJ/kg
51. กระบวนการไอโซเทอร์มัล (Isothermal Process) , ต่อ
• จากเส้นโค้งของแผนภาพ PV ชี้ให้เห็นว่า PV = ค่าคงที่
– สมการจะเป็นสมการแบบ hyperbola
• พลังงานภายในของก๊าซอุดมคติจะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิเท่านั้น ดังระบบจะเป็น
ระบบแบบ quasi-static นั่นคือ PV = nRT จะได้
Vf Vf nRT V f dV
W P dV dV nRT
Vi Vi V Vi V
Vi
W nRT ln
Vf
57. ความจุความร้อนโมลาร์ของก๊าซอุดมคติ
Molar Specific Heat of an Ideal Gas
• ความจุความร้อนโมลาร์ที่ปริมาตรคงตัว (molar heat
capacity at constant volume)
• ความจุความร้อนโมลาร์ที่ความดันคงตัว (molar heat
capacity at constant pressure)
• คาดว่า(สมมติฐาน)
– Cp มากกว่า Cv
• เนื่องจากในกระบวนการ ความดัน
คงตัว ต้องใช้ความร้อนปริมาณหนึ่ง
ถูกใช้ในการทางานโดยระบบ
58. ความจุความร้อนโมลาร์ของก๊าซอุดมคติ
Molar Specific Heat of an Ideal Gas
• พิจารณากระบวนการที่ปริมาตรคงตัว
– จากกฎข้อที่หนึ่งทางเทอร์โมไดนามิกส์
– ดังนั้น
– หรือ
59. ความจุความร้อนโมลาร์ของก๊าซอุดมคติ(ต่อ)
Molar Specific Heat of an Ideal Gas
• จาก
• และ
– จะได้
• สาหรับก๊าซอุดมคติอะตอมเดี่ยว
5
– ทานองเดียวกัน จะได้ CV R
2
• สาหรับก๊าซอุดมคติอะตอมคู่
6
– ทานองเดียวกันจะได้ CV R
2
• สาหรับก๊าซอุดมคติหลายอะตอม
60. ความจุความร้อนโมลาร์ของก๊าซอุดมคติ(ต่อ)
Molar Specific Heat of an Ideal Gas
• จากนั้นพิจารณากระบวนการที่ความดันคงที่
– จากกฎข้อที่หนึ่งทางเทอร์โมไดนามิกส์จะได้
– จาก และ
– แทนค่าจะได้
67. Proof That
for an Adiabatic Process
• จากกฎข้อที่หนึ่งทางเทอร์โมไดนามิกส์
• เมื่อ
PdV
• จะได้ dT=-
nCV
• จาก หาอนุพันธ์ทั้งสองข้างของสมการได้
• แทนค่า ในสมการข้างต้นและหารตลอดด้วย
ได้
68. Proof That
for an Adiabatic Process
• อินทิเกรตสมการ
– ได้
– ดังนั้น หรือ
– ใช้ กฎของก๊าซอุดมคติจะได้
– ซึ่งจะได้งานที่ทาโดยก๊าซอุดมคติในกระบวนการแอเดียบาติก คือ
CV 1
W= (p2 V2 -p1V1 )= (p2V2 -p1V1 )
R γ-1
69. กฎข้อที่สองของเทอร์โมไดนามิกส์
(The Second Law of Thermodynamics)
• ทิศทางของกระบวนการทางเทอร์โมไดนามิกส์ (Directions of
Thermodynamics Process)
– กระบวนการทางเทอร์โมไดนามิกส์ทุกกระบวนการที่เกิดขึ้นเองในธรรมชาติเป็น
แบบผันกลับไม่ได้ เรียกว่าเป็น irreversible process
• นั่นคือกระบวนการทีเกิดขึ้นจะเป็นไปในทิศทางเดียว
่
– การไหลของของความร้อนจะไหลจากวัตถุที่ร้อนกว่าไปยังวัตถุที่เย็นกว่า
– ทิศทางของกระบวนการจะสัมพันธ์กับความไม่เป็นระเบียบ (disorder) ใน
สภาวะสุดท้าย
• การส่งผ่านความร้อนจะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนของพลังงานของการเคลื่อนทีอย่างไม่เป็น
่
ระเบียบของโมเลกุล
• ดังนั้นการเปลี่ยนรูปของพลังงานกลไปเป็นความร้อน จะมีความไม่เป็นระเบียบเข้ามา
เกี่ยวข้อง
70. กฎข้อที่สองของเทอร์โมไดนามิกส์
(The Second Law of Thermodynamics)
• เครื่องจักรความร้อน (Heat Engines)
• ประสิทธิภาพ (thermal efficiency)
71. กฎข้อที่สองของเทอร์โมไดนามิกส์
(The Second Law of Thermodynamics)
• ตัวอย่างที่ 12 ถ้าเครื่องจักรความร้อนมีประสิทธิภาพ 20% และคาย
พลังงาน 3.00×10ให้แก่น้าที่ใช้หล่อเย็นเครื่องจักร จงหางานที่
3
J
เครื่องจักรทา
สาหรับเครื่องจักรความร้อน
72. กฎข้อที่สองของเทอร์โมไดนามิกส์
(The Second Law of Thermodynamics)
• เครื่องทาความเย็น (Refrigerators)
• สัมประสิทธิ์ของการทางาน (coefficient of
performance)
73. กฎข้อที่สองของเทอร์โมไดนามิกส์
(The Second Law of Thermodynamics)
• ตัวอย่างที่ 13 เครื่องทาความเย็นดึงเอาความร้อนจากที่ที่เย็นกว่าเข้ามาในเครื่อง
ได้ 3 เท่าของงานที่ทาให้แก่เครื่อง
(ก) จงหาสัมประสิทธิ์ของการทางานของเครื่องทาความเย็นนี้
(ข) จงหาอัตราส่วนของความร้อนที่เครื่องระบายออกต่อความร้อนที่เครื่องได้รับ
74. กฎข้อที่สองของเทอร์โมไดนามิกส์
(The Second Law of Thermodynamics)
• ไม่มีเครื่องจักรความร้อนใดที่มีประสิทธิภาพเป็น 100%
– “ ไม่มีระบบใดที่สามารถเปลี่ยนสภาวะแบบวัฏจักรโดยดึงความร้อน
จากแหล่งให้ความร้อนที่อุณหภูมิหนึ่งแล้วเปลี่ยนความร้อนทั้งหมด
ไปเป็นงานกล ”
• “ engine ” statement
– “ ไม่มีระบบใดที่สามารถส่งผ่านความร้อนจากที่ที่เย็นกว่าไปยังที่ที่
ร้อนกว่าด้วยตนเองได้ ”
• “ refrigerator ” statement
75. กฎข้อที่สองของเทอร์โมไดนามิกส์
(The Second Law of Thermodynamics)
• วัฎจักรคาร์โนต์ (The
Carnot Cycle)
– เครื่องจักรความร้อนในอุดมคติที่
มีประสิทธิภาพสูงที่สุด
• โดยวิศวกรชาวฝรั่งเศส Sadi
Carnot
76. กฎข้อที่สองของเทอร์โมไดนามิกส์
(The Second Law of Thermodynamics)
• วัฎจักรคาร์โนต์
– ทุกกระบวนการที่มีการส่งผ่านความร้อน
จะต้องเป็นกระบวนการที่อุณหภูมิของระบบ
คงที่
77. กฎข้อที่สองของเทอร์โมไดนามิกส์
(The Second Law of Thermodynamics)
• วัฎจักรคาร์โนต์
– แสดงวัฎจักรคาร์โนต์ที่มีก๊าซอุดมคติเป็น
working substance ประกอบด้วยขั้นตอน
ต่อไปนี้
78. กฎข้อที่สองของเทอร์โมไดนามิกส์
(The Second Law of Thermodynamics)
• ประสิทธิภาพของเครื่องจักรความร้อนคาร์โนต์
– โดยเริ่มจากการหาอัตราส่วน
• .
• .
• อัตราส่วนของความร้อนทั้งสองนี้คือ
79. กฎข้อที่สองของเทอร์โมไดนามิกส์
(The Second Law of Thermodynamics)
• ประสิทธิภาพของเครื่องจักรความร้อนคาร์โนต์
– สาหรับกระบวนการแอเดียแบติกทั้งสองในวัฎจักรคาร์โนต์
• จาก
• และ
– จับสองสมการนี้มาหารกัน จะได้
• จะได้ หรือ
• ดังนั้น
– ประสิทธิภาพ
80. กฎข้อที่สองของเทอร์โมไดนามิกส์
(The Second Law of Thermodynamics)
• เอนโทรปี (Entropy)
– กฎข้อที่สองก็สามารถเขียนออกมาให้อยู่ในรูปของความสัมพันธ์
ของปริมาณที่เรียกว่า เอนโทรปี (entropy) ได้
– เอนโทรปีเป็นปริมาณที่ใช้วัดความไม่เป็นระเบียบ (disorder)
• พิจารณา
– ก๊าซอุดมคติ เมื่อเราให้ความร้อน แก่ก๊าซแล้วปล่อยให้ก๊าซ
ขยายตัวโดยที่อุณหภูมิคงตัว
– จากกฎข้อที่ 1 ได้ หรือ
81. กฎข้อที่สองของเทอร์โมไดนามิกส์
(The Second Law of Thermodynamics)
• เอนโทรปี (Entropy)
– ใช้สัดส่วนการเปลี่ยนของปริมาตร เป็นตัววัดการเพิ่มขึ้นของ
ความไม่เป็นระเบียบ
– จาก นั้น แปรผันกับปริมาณ
– ใช้สัญลักษณ์ S แทนเอนโทรปีของระบบ
– ถ้ามีความร้อนปริมาณ Q ใส่เข้าไปในช่วงกระบวนการไอโซเทอร์มัล
แบบผันกลับได้ เอนโทรปีของระบบจะเปลี่ยนไปทั้งสิ้น
82. กฎข้อที่สองของเทอร์โมไดนามิกส์
(The Second Law of Thermodynamics)
• เอนโทรปีกับกฎข้อที่สอง (Entropy and The Second Law)
– “ กระบวนการที่เกิดขึ้นได้เองในธรรมชาติจะเกิดขึ้นในทิศทางที่ทา
ให้เอนโทรปีรวมของระบบมีค่าคงตัวหรือไม่ก็เพิ่มขึ้นเท่านั้น ”