บทที่ 3
                                                          อนุกรมอนันต
       อนุกรมอนันต (Infinite series) เปนผลบวกที่มีจํานวนพจนนับไมถวน อนุกรมอนันตมี
การประยุกตใชในสาขาวิศวกรรมศาสตร วิทยาศาสตร และในหลายสาขาวิชาของคณิตศาสตร


        ผลบวกที่มีพจนเปนจํานวนมากนับไมถวนนั้นมีตัวอยางของผลบวกที่คุนเคยกันมากเกิดขึ้น
                                                   1
จากการแทนจํานวนจริงดวยทศนิยม เชน เมื่อเขียน            ในรูปทศนิยม จะได
                                                   3
          1
            = 0.33333... นั้นหมายถึง
          3
          1
            = 0.3 + 0.03 + 0.003 + 0.0003 + 0.00003 + ...
          3
        แสดงวาการแทน 1 ดวยทศนิยม อาจจะพิจารณาเปนผลบวกของจํานวนจริงหลายจํานวน
                       3
นับไมถวนได

ผลบวกของอนุกรมอนันต

นิยาม 1 อนุกรมอนันต คือ นิพจน (expression) ที่อยูในรูปของ

                             u1 + u2 + u3 + K + uk + K

หรือเขียนในรูปสัญลักษณผลรวมไดเปน
                                                           ∞
                             u1 + u2 + u3 + K + uk + K = ∑ uk
                                                          k =1


         เรียกจํานวน u1 , u 2 , u3 , ... วา พจนของอนุกรม และจะเรียก “อนุกรมอนันต’’ เพียงสั้น ๆ
วา “อนุกรม”

                 ∞
                        1          1 1 1       1
เชน             ∑k
                 k =1
                            = 1+    + + + ... + + ...
                                   2 3 4       k




                        โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
2

                      ∞
                               1          1             1     1     1               1
                      ∑ k (k + 1) = 1 ⋅ 2 + 2 ⋅ 3 + 3 ⋅ 4 + 4 ⋅ 5 + ... + k (k + 1) + ...
                      k =1




             อนุกรมและลําดับมีความเกี่ยวพันกันอยางมากดังตอไปนี้
กําหนดให
                                    S1 = u1
                                    S 2 = u1 + u 2
                                    S3 = u1 + u2 + u3

                                         M
                                                                         n
                                    S n = u1 + u 2 + u 3 + ... + u n = ∑ u k
                                                                        k =1


                                                                                    ∞
            นั่นคือ    Sn     เปนผลบวกของ              n   พจนแรกของอนุกรม ∑ uk เรียกวา ผลบวกยอยที่
                                                                                   k =1
                                             ∞
n ( n th partial   sum) ของอนุกรม ∑ u ซึ่งจะเห็นวาจากผลบวกยอยตาง ๆ นี้ สามารถนํามาสราง
                                                    k
                                             k =1

เปนลําดับไดดังนี้

                {Sn } = S1 , S 2 , S 3 ,..., S n ,... เรียกวา ลําดับของผลบวกยอย นั่นเอง

          จากตัวอยางผลบวกของ 0.3 + 0.03 + 0.003 + 0.0003 + 0.00003 + ... นั้น เราไม
สามารถบวกจํานวนเลขหลายจํานวนนับไมถวนเขาดวยกันไดดงนั้นจึงตองนิยามผลบวกของ
                                                     ั
อนุกรมและคํานวณคาโดยวิธลิมต
                        ี ิ

            เพื่อขยายผลจากแนวคิดพื้นฐานพิจารณาทศนิยม 0.33333... ซึ่งสามารถเขียนเปน
อนุกรมไดดังนี้

                      0.3 + 0.03 + 0.003 + 0.0003 + 0.00003 + ...


                       3   3   3   3   3
หรือ                     + 2 + 3 + 4 + 5 +K
                      10 10   10 10   10


                                1                                              1
เนื่องจาก   0.33333K =              ดังนั้นผลบวกของอนุกรมควรจะเปน                 ดวย
                                3                                              3

                       3   3   3   3   3      1
นั่นคือ                  + 2 + 3 + 4 + 5 +K =
                      10 10   10 10   10      3


                             โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
3


         การหาผลบวกของอนุกรมทําไดโดยการพิจารณาลําดับของผลบวก ดังนี้
                                  3
                          S1 =      = 0.3
                                 10

                                  3   3
                          S2 =      + 2 = 0.33
                                 10 10

                                  3   3   3
                          S3 =      + 2 + 3 = 0.333
                                 10 10 10

                                  3   3   3   3
                          S4 =      + 2 + 3 + 4 = 0.3333
                                 10 10 10 10

                                  3   3   3   3   3
                          S5 =      + 2 + 3 + 4 + 5 = 0.33333
                                 10 10   10 10   10

                                                 M

          สําหรับ S1 , S 2 , S 3 , S 4 , S 5 K สามารถใชเปนการประมาณผลบวกของอนุกรมได ใน
ลําดับของผลบวกดังกลาว หากมีการใชพจนของอนุกรมมากขึ้น ๆ และการประมาณคาก็จะดีขึ้น
                                             1
ตามลําดับ และลิมิตของลําดับควรจะเปน                 นั่นเอง
                                             3

          เพื่อใหเห็นวาลิมิตเปน   1
                                         จริงนั้น จะตองคํานวณลิมิตของพจนทั่วไป (S n ) ในลําดับที่ใช
                                     3
ประมาณคา ในที่นี้พจนทั่วไปคือ

                                                                            .......... (1)
                         3   3   3   3   3    3
                 Sn =      + 2 + 3 + 4 + 5 K+ n
                        10 10   10 10   10   10


จากนั้นทําการหา lim S n จะไดวา
                n→∞




                              ⎡3   3  3   3   3     3 ⎤
                lim S n = lim ⎢ + 2 + 3 + 4 + 5 K + n ⎥
                n→∞
                              ⎣
                          n →∞ 10 10 10 10   10    10 ⎦


            จะเห็นไดวา การหาลิมิตคอนขางยุงยากเพราะทั้งพจนสุดทายและจํานวนพจนเปลี่ยน
ตามคา n จึงตองพยายามเขียนลิมิตใหอยูในรูปที่จํานวนพจนไมแปรคาได ถาหากสามารถทําได ใน
ที่น้อาจทําไดดังนี้
     ี




                     โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
4


                                                                     .......... (1)
                                3   3   3   3   3    3
จาก                     Sn =      + 2 + 3 + 4 + 5 K+ n
                               10 10   10 10   10   10

สมการ (1) × 10

                                                                                 .......... (2 )
                    1       3   3   3   3   3     3    3
                      S n = 2 + 3 + 4 + 5 + 6 K + n + n +1
                   10      10  10 10   10 10     10  10


แลวนํา (1) − (2) ได
                    1       3   3
            Sn −      S n = − n+1
                   10      10 10

                    9       3     3
                      Sn =    −
                   10      10 10 ⋅ 10 n


                    9       3⎛   1 ⎞
                      S n = ⎜1 − n ⎟
                   10      10 ⎝ 10 ⎠


                                3 10 ⎛   1 ⎞
                        Sn =      ⋅ ⎜1 − n ⎟
                               10 9 ⎝ 10 ⎠


                             1⎛    1 ⎞
นั่นคือ                 S n = ⎜1 − n ⎟
                             3 ⎝ 10 ⎠

                                1⎛   1 ⎞
และไดวา        lim S n = lim ⎜1 − n ⎟
                 n→∞       n →∞ 3
                                  ⎝ 10 ⎠

                           =
                               1
                                 (1 − 0)
                               3

                               1
                           =
                               3

ซึ่งอาจจะแทนดวยการเขียน
                        1    3   3   3   3   3       3
                          =    + 2 + 3 + 4 + 5 + K + n + ...
                        3   10 10   10 10   10      10




                         โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
5

                                                                             ∞
          จากตัวอยางที่กลาวขางตน จะนิยามแนวคิดของผลบวกของอนุกรม ∑              uk ไดดังนี้
                                                                            k =1
                                                               ∞
          จาก S n เปนผลบวกของ n พจนแรกของอนุกรม ∑ uk นั้น ในขณะที่ n มีคาเพิ่มขึ้น
                                                            k =1

ผลบวกยอย S n = u1 + u 2 + ... + u n จะรวมพจนของอนุกรมมากขึ้น ๆ ดังนั้นถา S n มีคาเขาใกล
ลิมตคาหนึ่งขณะที่ n → ∞ แลวคาลิมิตนั้นจะเปนผลบวกของทุกพจนในอนุกรมนั้น เขียนเปน
   ิ
นิยามดังนี้

การลูเขาของอนุกรม
                                                            ∞
นิยาม 2 ให {Sn } เปนลําดับของผลบวกยอยของอนุกรม ∑ uk ถาลําดับ {Sn } ลูเขาสูลิมิต S
                                                           k =1

หรือ lim S n = S แลวจะเรียกอนุกรมนี้วา อนุกรมลูเขา และเรียก S วา ผลบวกของอนุกรม เขียน
     n →∞
                ∞
แทนดวย S = ∑ uk
               k =1


                                                           ∞
นิยาม 3 ให {Sn } เปนลําดับของผลบวกยอยของอนุกรม ∑ uk ถาลําดับของผลบวกยอยลูออกหรือ
                                                           k =1

lim S n
n→∞
          หาคาไมไดแลว จะเรียกอนุกรมนี้วา อนุกรมลูออก และจะไมมีผลบวก

ตัวอยาง 1 จงพิจารณาวา อนุกรม 1 − 1 + 1 − 1 + 1 − 1 + K ลูเขาหรือลูออก ถาลูเขาจงหาผลบวก

วิธีทํา อนุกรมนี้มีพจนเปนคาบวกและลบสลับกันไป โดยมีคาของผลบวกยอยดังนี้

                          S1 = 1

                          S2 = 1 − 1 = 0

                          S3 = 1 − 1 + 1 = 1

                          S4 = 1 − 1 + 1 − 1 = 0

                          S5 = 1 − 1 + 1 − 1 + 1 = 1   …

        ดั้งนั้นทําใหมีลําดับของผลบวกยอยดังนี้ 1, 0, 1, 0, 1, 0,K ซึ่งพจนในลําดับนี้มีคาสลับกัน
ระหวาง 1 และ 0 ไมมคาลูเขาสูคาใดคาหนึ่ง จึงไมมีลิมิต
                       ี

       นั่นคือลําดับของผลบวกยอยนี้เปนลําดับลูออก โดยนิยามจึงไดวาอนุกรมที่กําหนดเปน
                                                                   
อนุกรมลูออกเชนเดียวกันและไมมีผลบวก


                      โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
6


อนุกรมเรขาคณิต (Geometric Series)

นิยาม 4 อนุกรมเรขาคณิต คืออนุกรมที่สามารถเขียนใหอยูในรูปดังนี้

                   a + ar + ar 2 + ar 3 + K + ar k −1 + K   , (a ≠ 0)

            สังเกตไดวาแตละพจนไดจากการคูณพจนกอนหนาดวยโดยคาคงตัว r และเรียกตัวคูณ
r   วา อัตราสวนรวม (Common Ratio) ของอนุกรมนั้น

ตัวอยางของอนุกรมเรขาคณิต

1 + 2 + 4 + 8 + K + 2k −1 + K                               : a = 1, r = 2

 3   3   3        3                                                 3      1
   + 2 + 3 + K + k −1 + K                                   :a =      ,r=
10 10 10        10                                                 10     10


1 1 1 1                1                                           1     1
 − + − + K + (−1) k −1 k + K                                :a =     ,r=
2 4 8 16              2                                            2     2


1+1+1+1+K+1+K                                               : a = 1, r = 1


1 − 1 + 1 − 1 + K + (−1) k +1 + K                           : a = 1, r = −1


         การลูเขาของอนุกรมเรขาคณิตกลาวไวในทฤษฎีบทตอไปนี้

ทฤษฎี 1 อนุกรมเรขาคณิต a + ar + ar 2 + K + ar k −1 + K , (a ≠ 0)

         จะลูเขา ถา   r < 1 และลูออก ถา r ≥ 1

        ถาอนุกรมเรขาคณิตนี้ลูเขาแลวจะมีผลบวกเปน
                                              a
         a + ar + ar 2 + K + ar k −1 + K =
                                             1− r




                         โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
7


พิสจน จะแยกพิจารณาเปน 2 กรณี คือ
   ู                                        r = 1 และ r ≠ 1 ดังนี้


กรณีที่ 1   r = 1 พิจารณาแยกเปน

            1.1   r =1   และ 1.2   r = −1


1.1         ถา r = 1 แลวอนุกรมอยูในรูป

             a + a + a +K+ a +K


            ผลบวกยอยที่ n คือ        S n = na

                                          ⎧+ ∞ , a ∈ R +
                                          ⎪
            และลิมิต lim S n   = lim na = ⎨
                     n→∞         n →∞     ⎪− ∞ , a ∈ R −
                                          ⎩

            แสดงวาอนุกรมลูออก

1.2         ถา r = −1 แลวอนุกรมอยูในรูป

             a − a + a − a +K


             ลําดับของผลบวกยอย คือ       a , 0 , a , 0 , a , 0 , ...   จึงเปนลําดับลูออก

กรณีที่ 2    r ≠1

            ลําดับผลบวกยอยที่ n คือ

                      S n = a + ar + ar 2 + K + ar n −1                                       .......... (1)

คูณทั้งสองขางของ (1) ดวย r ได

                    r S n = ar + ar 2 + K + ar n −1 + ar n                                    .......... (2 )


นํา (1) − (2) ได

              S n − rS n = a − ar n




                         โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
8


              (1 − r )S n   = a − ar n


เนื่องจาก r ≠ 1 ได
                       a − ar n
                  Sn =
                        1− r


                            a (1 − r n )
                  Sn =
                               1− r


                                 a (1 − r n )
              lim S n = lim
              n→∞           n →∞    1− r


        ถา   r <1     แลว      lim r n = 0
                                 n→∞
                                                  ได {S n } ลูเขา

                                  a
        และได      lim S n =
                    n→∞          1− r


        ถา   r > 1 แลว r > 1         หรือ     r < −1


                  กรณี r > 1 ,      lim r n = ∞
                                    n→∞




                  กรณี r < - 1 , คาของ r n จะแกวงระหวางคาบวกและคาลบและมีขนาดเพิ่มขึ้น

              ดังนั้น {S n } ลูออก ถา         r >1




                       โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
9

                          7 7         7
ตัวอยาง 1 อนุกรม    7+    + 2 + K + k −1 + K
                          4 4       4

                                             7
                                        a        1
       เปนอนุกรมเรขาคณิต มี      a=7,r= 2 = 4 =
                                        a1   7 4



                          1 1
       เนื่องจาก    r =    = <1
                          4 4



       ดังนั้นอนุกรมนี้ลูเขา


                        a         7           7   28
       มีผลบวกเปน          =             =     =
                       1− r           1       3   3
                                 1−
                                      4       4

                                                       k −1
                       3 3    3     ⎛ 1⎞
ตัวอยาง 2 อนุกรม   3 − + 2 − 3 +K+ ⎜− ⎟                      ⋅3 +K
                       4 4   4      ⎝ 4⎠

                                                3
                                                       −
                                          a          1
       เปนอนุกรมเรขาคณิต มี      a=3, r = 2 = 4 = −
                                          a1   3     4



                            1 1
       เนื่องจาก    r =−     = <1
                            4 4



       ดังนั้นอนุกรมนี้ลูเขา


                        a            3     3   12
       มีผลบวกเปน          =            =   =
                       1− r         ⎛ 1⎞ 5      5
                                 1− ⎜− ⎟
                                    ⎝ 4⎠   4




                      โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
10


ตัวอยาง 3 จงหาจํานวนตรรกยะที่แทนโดยทศนิยมซ้ํา 0.7777…

วิธีทํา เขียนทศนิยมซ้ําที่กําหนดใหอยูในรูปผลบวกอนุกรมอนันตดังนี้

        0.7777... = 0.7 + 0.07 + 0.007 + 0.0007 + ...


                           7   7   7   7                                                 7      1
                      =      + 2 + 3 + 4 + ...          ( เปนอนุกรมเรขาคณิตที่มี a =      ,r=    )
                          10 10 10 10                                                   10     10

                         7
                      = 10
                           1
                       1−
                          10

                       7
                    = 10
                       9
                      10

                          7
                  =
                          9


ตัวอยาง 4 จงพิจารณาวาอนุกรมเรขาคณิตตอไปนี้ลูเขาหรือไม และถาลูเขาจงหาผลรวมของอนุกรม
ดวย
              2

1. 1 − 2 + ⎛ 2 ⎞ − K
           ⎜ ⎟
       3 ⎝3⎠

วิธีทํา เปนอนุกรมเรขาคณิตที่มี a = 1 , r = − 2
                                                    3


                              2 2
        เนื่องจาก     r =−     = <1       ดังนั้นอนุกรมนี้ลูเขา
                              3 3

                          2
         2 ⎛2⎞        a                       1
       1− + ⎜ ⎟ −K =      =
         3 ⎝3⎠       1− r                    ⎛ 2⎞
                                          1− ⎜− ⎟
                                             ⎝ 3⎠

                                          1 3
                                      =     =
                                          5 5
                                          3


                          โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
11


2. 1 + π + ⎛ π ⎞
                             2

           ⎜ ⎟                   +K
            4        ⎝4⎠

วิธีทํา เปนอนุกรมเรขาคณิตที่มี a = 1, r = π
                                                                    4

                                        π       π
                เนื่องจาก         r =       =       < 1 ดังนั้นอนุกรมนี้ลูเขา
                                        4       4

                     ⎛π ⎞π
                                   2
                               a    1       1    4
                1+ + ⎜ ⎟ +K =     =     =     =
                  4 ⎝4⎠       1− r 1− π   4 −π 4 −π
                                      4     4

     ∞               k
          ⎛4⎞
3.   ∑⎜ 5 ⎟
     k =2 ⎝ ⎠


                ∞            k          2            3         4
                     ⎛4⎞  ⎛4⎞ ⎛4⎞ ⎛4⎞
วิธีทํา         ∑ ⎜ 5 ⎟ = ⎜ 5 ⎟ + ⎜ 5 ⎠ + ⎜ 5 ⎟ + ...
                k =2 ⎝ ⎠  ⎝ ⎠ ⎝
                                      ⎟
                                          ⎝ ⎠
                                                                2
                                                      ⎛4⎞  16     4
                เปนอนุกรมเรขาคณิตที่มี             a=⎜ ⎟ = , r =
                                                      ⎝5⎠  25     5

                                        4 4
                เนื่องจาก         r =    = <1            ดังนั้นอนุกรมนี้ลูเขา
                                        5 5

                                  16    16
                 ∞           k
                     ⎛4⎞    a                16      16
                ∑ ⎜ 5 ⎟ = 1 − r = 254 = 25 = 25 • 5 = 5
                k =2 ⎝ ⎠
                                         1
                                 1−
                                    5    5
      ∞
4. ∑ (ln 3)k
     k =1


                ∞
วิธีทํา ∑ (ln 3)k                = ln 3 + (ln 3) + (ln 3) + ...
                                                    2           3

                k =1




                เปนอนุกรมเรขาคณิตที่มี a = ln 3 , r = (ln 3)
                                                                                3
                                                                                    = ln 3
                                                                         ln 3

                เนื่องจาก         r = ln 3 = ln 3 = log e 3 > 1


            ดังนั้นเปนอนุกรมเรขาคณิตที่ลูออก



                                  โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
12

     ∞
5. ∑ (sin 5)k
     k =1


            ∞
วิธีทํา ∑ (sin 5)k          = sin 5 + (sin 5) + (sin 5) + ...
                                             2          3

            k =1




            เปนอนุกรมเรขาคณิตที่มี a = sin 5 , r = (sin 5)
                                                                     2
                                                                         = sin 5
                                                             sin 5

            เนื่องจาก       r = sin 5 = sin 5 < 1   ( เนื่องจาก − 1 ≤ sin θ ≤ 1 )

            ดังนั้นอนุกรมนี้ลูเขา
             ∞

            ∑ (sin 5)
                                   a     sin 5
                             =        =
                        k

            k =1                 1 − r 1 − sin 5


ตัวอยาง 5 จงหาจํานวนตรรกยะที่แทนโดยทศนิยมซ้ําตอไปนี้

1.   0.7888...

วิธีทํา     0.7888... = 0.7 + 0.08 + 0.008 + 0.0008 + ...

                             7   8   8   8
                        =      + 2 + 3 + 4 + ...
                            10 10 10 10

                             7 ⎛ 8    8   8      ⎞                       ⎛    8      1⎞
                        =     + ⎜ 2 + 3 + 4 + ...⎟                       ⎜a = 2 ,r = ⎟
                            10 ⎝ 10 10 10        ⎠                       ⎝   10     10 ⎠

                            ⎛ 8 ⎞
                          7 ⎜ 10 2 ⎟
                        = +⎜        ⎟
                         10 ⎜ 1 − 1 ⎟
                            ⎜       ⎟
                            ⎝ 10 ⎠


                             7 ⎛ 8 10 ⎞
                        =     +⎜     • ⎟
                            10 ⎝ 10 2 9 ⎠


                             7 8
                        =     +
                            10 90


                            63 + 8 71
                        =         =
                             90     90


                             โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
13


2.   0.784784...


วิธีทํา   0.784784784... = 0.784 + 0.000784 + 0.000000784 + ...

                              784 784 784           ⎛   784     1 ⎞
                          =      +   +    + ...     ⎜a = 3 ,r = 3 ⎟
                              103 106 109           ⎝   10     10 ⎠

                            784
                               3
                          = 10
                               1
                           1− 3
                             10

                            784
                               3
                          = 10
                            999
                            103

                           784 103
                          = 3•
                           10 999

                              784
                          =
                              999


ตัวอยาง 6 โยนลูกปงปองจากที่สูงระยะ a เมตร ลงบนพื้นที่เรียบ แตละครั้งที่ลูกปงปองกระทบ
พื้น เมื่อตกลงมาเปนระยะทาง h เมตร จะกระดอนกลับขึ้นไปเปนระยะ rh เมตร (0 < r < 1)
จงหาระยะทางที่ลูกปงปองเคลื่อนที่ทั้งหมดจนกวาจะหยุดนิ่ง

วิธีทํา พิจารณาจากรูปไดดังนี้

                   • A0




                          A1        A2       A3         A4 K




                      โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
14


จาก   A0   ถึง    A1   เคลื่อนที่ไดระยะทาง                  a        เมตร

จาก   A1   ถึง    A2   เคลื่อนที่ไดระยะทาง    ar + ar = 2ar          เมตร

จาก   A2   ถึง    A3   เคลื่อนที่ไดระยะทาง    ar 2 + ar 2 = 2ar 2    เมตร

จาก   A3   ถึง    A4   เคลื่อนที่ไดระยะทาง    ar 3 + ar 3 = 2ar 3    เมตร

มีลักษณะเชนนี้ไปเรื่อย ๆ จะไดระยะทางที่เคลื่อนที่ทั้งหมด

                   S = a + 2ar + 2ar 2 + 2ar 3 + ...

                       = a + (2ar + 2ar 2 + 2ar 3 + ...)

                       = a + 2ar (1 + r + r 2 + ...)

                                 ⎛ 1 ⎞
                       = a + 2ar ⎜     ⎟       (a = 1, r   = r < 1)
                                 ⎝1− r ⎠

                              2ar
                       = a+
                              1− r


                                  2
           เชน    a = 10 , r =        จะได
                                  3

                                         2(10 )
                                           2
           ระยะทางทั้งหมด       = 10 +     3
                                          2
                                       1−
                                          3

                                       40
                                = 10 + 3
                                       1
                                        3

                                         40
                                = 10 +      •3
                                         3


                                = 50




                           โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
15


ตัวอยาง 7 กําหนดใหรปสามเหลี่ยมดานเทารูปที่ n + 1 เกิดจากการลากเสนตรงตอจุดกึ่งกลางทั้ง
                     ู
สามของรูปสามเหลี่ยมดานเทารูปที่ n ถากระบวนการสรางรูปสามเหลี่ยมดานเทานี้ไมสิ้นสุด และ
ผลบวกของเสนรอบรูปของรูปสามเหลี่ยมดานเทารูปที่ 1 เทากับ a หนวย จงหาผลบวกของเสน
รอบรูปของรูปสามเหลี่ยมดานเทาเหลานี้

วิธีทํา พิจารณาจากรูปไดดังนี้




        เสนรอบรูปของรูปสามเหลี่ยมดานเทารูปที่ 1 เทากับ a หนวย
                                                             a
        เสนรอบรูปของรูปสามเหลี่ยมดานเทารูปที่ 2 เทากับ       หนวย
                                                             2

                                                             a
        เสนรอบรูปของรูปสามเหลี่ยมดานเทารูปที่ 3 เทากับ       หนวย
                                                             4

                                                             a
        เสนรอบรูปของรูปสามเหลี่ยมดานเทารูปที่ 4 เทากับ       หนวย
                                                             8
                                 M

                                                  a a a
        ผลบวกของเสนรอบรูปทั้งหมดเทากับ     a+    + + + ...
                                                  2 4 8

                                                  a
                                            =
                                                      1
                                                1−
                                                      2

                                           = 2a      หนวย




                     โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
16

                                      ∞
                                               1        1   1   1
ตัวอยาง 8 จงพิจารณาวาอนุกรม ∑                      =    +   +    +K
                                      k =1 k (k + 1)   1.2 2.3 3.4

ลูเขาหรือลูออก ถาลูเขาจงหาผลบวก

วิธีทํา ผลบวกยอยที่ n ของอนุกรมนี้ คือ
                     n
                           1        1   1   1         1
          Sn = ∑                 =    +   +    +K+
                  k =1 k (k + 1)   1.2 2.3 3.4     n(n + 1)


          พิจารณาการลูเขาหรือลูออก โดยการหา lim S n
                                               n →∞



          พิจารณาเขียน S n ใหมในรูปที่ไมมีการขยายพจน เพื่อสะดวกในการหา lim S n
                                                                          n→∞



          ในกรณีนี้สามารถทําไดโดยใชวิธของการแยกเศษสวนยอยไดผลดังนี้
                                        ี
                                    1     1   1
                                         = −
                                 n(n + 1) n n + 1


                  ⎛ 1⎞ ⎛1 1⎞ ⎛1 1⎞             ⎛1    1 ⎞
ดังนั้น     S n = ⎜1 − ⎟ + ⎜ − ⎟ + ⎜ − ⎟ + K + ⎜ −     ⎟
                  ⎝ 2⎠ ⎝ 2 3⎠ ⎝3 4⎠            ⎝ n n +1⎠

                              ⎛ 1 1⎞ ⎛ 1 1⎞       ⎛ 1 1⎞    1
                         = 1+ ⎜− + ⎟ + ⎜− + ⎟ +K+ ⎜− + ⎟ −
                              ⎝ 2 2⎠ ⎝ 3 3⎠       ⎝ n n ⎠ n +1

                                 1
                         =1−
                               n +1

                         ⎛   1 ⎞
และ       lim S n = lim⎜1 −     ⎟ =1
          n →∞      n →∞
                         ⎝ n + 1⎠
              ∞
                          1
ดังนั้น       ∑ k (k + 1) = 1
              k =1




                           โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
17


ตัวอยาง 9 จงพิจารณาวาอนุกรมตอไปนี้ลูเขาหรือลูออก ถาลูเขาจงหาผลบวก
     ∞
               1
1. ∑
   k =1 (4k − 3)(4k + 1)



                   n
                               1
วิธีทํา    Sn = ∑
                  k =1 (4 k − 3)(4k + 1)




                  1   1   1              1
             =      +   +     +K+
                 1.5 5.9 9.13     (4n − 3)(4n + 1)

                   1         1⎛ 1         1 ⎞
   จาก                      = ⎜        −       ⎟          (โดยการแยกเศษสวนยอย) จะได
            (4n − 3)(4n + 1) 4 ⎝ 4n − 3 4n + 1 ⎠


                  1⎛ 1⎞ 1⎛1 1⎞         1⎛ 1          1 ⎞
          Sn =     ⎜1 − ⎟ + ⎜ − ⎟ + K + ⎜        −        ⎟
                  4⎝ 5⎠ 4⎝5 9⎠         4 ⎝ 4n − 3 4 n + 1 ⎠


                 1 ⎡⎛ 1 ⎞ ⎛ 1 1 ⎞                ⎛ 1          1 ⎞⎤
            =      ⎢⎜1 − 5 ⎟ + ⎜ 5 − 9 ⎟ + ... + ⎜ 4n − 3 − 4n + 1 ⎟⎥
                 4 ⎣⎝      ⎠ ⎝         ⎠         ⎝                 ⎠⎦


                 1 ⎡ ⎛ 1 1⎞ ⎛ 1 1⎞                        ⎛     1        1 ⎞        1 ⎤
            =      ⎢1 + ⎜ − 5 + 5 ⎟ + ⎜ − 9 + 9 ⎟ + ... + ⎜ − 4n − 3 + 4n − 3 ⎟ − 4n + 1⎥
                 4⎣ ⎝             ⎠ ⎝           ⎠         ⎝                   ⎠         ⎦


                 1⎛     1 ⎞
            =      ⎜1 −     ⎟
                 4 ⎝ 4n + 1 ⎠


และ lim S n = lim 1 ⎛1 −
                    ⎜
                                  1 ⎞ 1
                                       ⎟ = (1 − 0 ) =
                                                      1
    n →∞      n →∞      4⎝      4n + 1 ⎠ 4            4

             ∞
                    1           1
ดังนั้น ∑                     =
        k =1 (4k − 3)(4k + 1)   4




                           โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
18


2. ∑ 22k + 1 2
     ∞


   k =1 k (k + 1)



                     n
                           2k + 1
วิธีทํา    Sn = ∑
                         k (k + 1)
                          2          2
                  k =1




                   1       5     7       2n + 1
            =           + 2 2 + 2 2 +K+ 2
                 1 •2    2 •3 3 •4     n (n + 1)
                 2    2                         2




                1        1   1
   จาก                 = 2−                      (โดยการแยกเศษสวนยอย) จะได
            n (n + 1)   n (n + 1)2
             2       2




                ⎛ 1⎞ ⎛1 1⎞ ⎛1 1 ⎞          ⎛ 1      1                    ⎞
          S n = ⎜1 − ⎟ + ⎜ − ⎟ + ⎜ − ⎟ K + ⎜ 2 −
                                           ⎜n
                                                                         ⎟
                                                                         ⎟
                ⎝ 4 ⎠ ⎝ 4 9 ⎠ ⎝ 9 16 ⎠     ⎝     (n + 1)2                ⎠


                 ⎛ 1 1⎞ ⎛ 1 1⎞       ⎛ 1    1 ⎞   1
            = 1+ ⎜− + ⎟ + ⎜− + ⎟ +K+ ⎜− 2 + 2 ⎟ −
                 ⎝ 4 4⎠ ⎝ 9 9⎠       ⎝ n   n ⎠ (n + 1)2


                        1
            =1−
                     (n + 1)2

                           ⎛             ⎞
                                         1
และ lim S n = lim ⎜1 −
              n→∞ ⎜
                                         ⎟ = 1− 0 = 1
    n→∞
                           ⎝     (n + 1) ⎟
                                         ⎠
                                             2




ดังนั้น ∑ 22k + 1 2
             ∞
                                 =1
        k =1 k (k + 1)




                               โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
19

     ∞
3. ∑ ln k
       k +1
    k =1


                     n
                               k
วิธีทํา    S n = ∑ ln
                    k =1     k +1

                  1    2    3           n
              = ln + ln + ln + K + ln
                  2    3    4         n +1

                                           = ln n − ln (n + 1)
                                        n
   จากกฎลอการิทึม                ln                              จะได
                                      n +1

          S n = (ln1 − ln 2 ) + (ln 2 − ln 3) + (ln 3 − ln 4 )K + (ln n − ln (n + 1))

             = ln 1 − ln (n + 1)

             = 0 − ln(n + 1)

            = − ln (n + 1)

และ lim S n = lim (− ln(n + 1)) = − ∞
    n→∞       n→∞


              ∞
ดังนั้น ∑ ln k เปนอนุกรมลูออก
            k +1
             k =1


     ∞
            1     1
4. ∑           −
    k =1     k   k +1
                         n
                             1     1
วิธีทํา     Sn = ∑              −
                      k =1    k   k +1

                    ⎛    1 ⎞ ⎛ 1   1 ⎞ ⎛ 1   1 ⎞    ⎛ 1    1 ⎞
                  = ⎜1 −   ⎟+⎜   −   ⎟+⎜   −   ⎟K + ⎜   −      ⎟
                    ⎝     2⎠ ⎝ 2    3⎠ ⎝ 3    4⎠    ⎝ n   n +1 ⎠

                    ⎛ 1    1 ⎞ ⎛ 1      1 ⎞     ⎛ 1    1 ⎞   1
               = 1+ ⎜−   +   ⎟ + ⎜−
                                 ⎜    +   ⎟ +K+ ⎜−
                                          ⎟     ⎜    +   ⎟−
                                                         ⎟
                    ⎝  2    2⎠ ⎝    3    3⎠     ⎝  n    n⎠  n +1

                              1
                  = 1−
                             n +1

และ lim S n = lim⎛1 −
                   ⎜
              n → ∞⎜
                                       1   ⎞
                                           ⎟ = 1− 0 = 1
                                           ⎟
    n→∞
                             ⎝        n +1 ⎠
              ∞
                     1     1
ดังนั้น ∑               −      =1
             k =1     k   k +1


                                 โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
20


ตัวอยาง 10 จงหาคา x ที่ทําใหอนุกรมตอไปนี้เปนอนุกรมที่ลูเขา
      ∞
1. ∑ (− 1)k x 2 k
     k =0


              ∞
วิธีทํา ∑ (− 1)k x 2 k             =1 − x 2 + x 4 − x 6 + ...
             k =0



             a = 1 , r = −x2           เปนอนุกรมเรขาคณิต

          อนุกรมลูเขาเมื่อ          r <1    นั่นคือ
                               − x 2 <1

                                    x2 < 1

                              x2 −1 < 0

                    (x − 1)(x + 1) < 0
จะได                         −1 < x < 1

          ⎛ x −1⎞
      ∞                  k

2.   ∑ 3⎜ 2 ⎟
     k =0 ⎝     ⎠

                  ⎛ x −1 ⎞      ⎛ x −1⎞
              ∞             ∞  k                     k

วิธีทํา      ∑ 3⎜ 2 ⎟ = 3∑ ⎜ 2 ⎟
             k =0 ⎝      ⎠ k =0 ⎝     ⎠

                                      ⎡ ⎛ x − 1 ⎞ ⎛ x − 1 ⎞2     ⎤
                                   = 3⎢1 + ⎜    ⎟+⎜       ⎟ + ...⎥
                                      ⎢ ⎝ 2 ⎠ ⎝ 2 ⎠
                                      ⎣                          ⎥
                                                                 ⎦

                               x −1
             a =1 , r =                  เปนอนุกรมเรขาคณิต
                                 2

            อนุกรมลูเขาเมื่อ        r <1    นั่นคือ
                             x −1
                                  <1
                               2
                             x −1
                        −1 <      <1
                               2
                         − 2 < x −1 < 2

จะได                        −1 < x < 3


                                   โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
21

     ∞
3. ∑ sin n x
    k =0


             ∞
วิธีทํา ∑ sin n x         = 1 + sin x + sin 2 x + sin 3 x + ...
            k =0



             a = 1 , r = sin x     เปนอนุกรมเรขาคณิต

            อนุกรมลูเขาเมื่อ   r <1     นั่นคือ

                            sin x <1

                         − 1 < sin x < 1


           ถา     sin x =1 จะได sin x = ±1

                                      π
           จะได       x = (2r + 1)       เมื่อ r เปนจํานวนเต็ม
                                      2

                                                π
           จะไดคําตอบคือ        x ≠ (2r + 1)
                                                2
     ∞
4. ∑ (ln x )n
    k =0


             ∞
วิธีทํา ∑ (ln x )n = 1 + ln x + (ln x )2 + (ln x )3 + ...
            k =0



             a = 1 , r = ln x     เปนอนุกรมเรขาคณิต

            อนุกรมลูเขาเมื่อ   r <1     นั่นคือ

                              ln x <1

ดังนั้น                  − 1 < ln x < 1

จะได                     − 1 < log e x < 1

                          e −1 < x < e

                            1
                              <x<e
                            e




                           โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
22


5. ∑ (− 1)
    ∞                                 k
                      ⎛     1 ⎞
                  k

                      ⎜           ⎟
   k =02              ⎝ 3 + sin x ⎠

           ∞
                 (− 1)k ⎛     1 ⎞
                                           k
                                              ⎛ 1 ⎞⎛     1 ⎞ 1⎛                ⎞
                                                                                     2

                                    ⎟ = (1) + ⎜ − ⎟⎜
                                       1                                 1
วิธีทํา ∑               ⎜                                      ⎟+ ⎜            ⎟ + ...
          k =0        2 ⎝ 3 + sin x ⎠  2      ⎝ 2 ⎠⎝ 3 + sin x ⎠ 2 ⎝ 3 + sin x ⎠


                                                1⎡                               ⎤
                                                                            2
                                                        1     ⎛     1     ⎞
                                               = ⎢1 −        +⎜           ⎟ + ...⎥
                                                2 ⎢ 3 + sin x ⎝ 3 + sin x ⎠
                                                  ⎣                              ⎥
                                                                                 ⎦

                                     1
            a =1 , r = −                          เปนอนุกรมเรขาคณิต
                                 3 + sin x


           อนุกรมลูเขาเมื่อ             r <1   นั่นคือ

                                  1
                          −             <1
                              3 + sin x

                                  1
                                        <1
                              3 + sin x

                                  1
                       −1 <             <1
                              3 + sin x


จะได             − 3 − sin x < 1 < 3 + sin x               (3 + sin x > 0)

        − 3 − sin x < 1          และ        1 < 3 + sin x

            − sin x < 4          และ        − 2 < sin x

                 sin x > −4      และ       sin x > −2


                            sin x > −2


เนื่องจาก              − 1 ≤ sin x ≤ 1


คําตอบคือ               −∞< x<∞




                               โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
23


ตัวอยาง 11 จงหาคา x ที่ทําใหอนุกรม

          1 + 2 x + x 2 + 2 x 3 + x 4 + 2 x 5 + x 6 + 2 x 7 + x8 + ...

เปนอนุกรมที่ลูเขาพรอมกับหาผลรวมดวย

วิธีทํา

1 + 2 x + x 2 + 2 x 3 + x 4 + 2 x 5 + x 6 + 2 x 7 + x8 + ...


                       (                             ) (
                   = 1 + x 2 + x 4 + x 6 + x8 + ... + 2 x + 2 x 3 + 2 x 5 + 2 x 7 + ...)

                       (                             )         (
                   = 1 + x 2 + x 4 + x 6 + x8 + ... + 2 x 1 + x 2 + x 4 + x 6 + ...)

                       (                             )
                    = 1 + x 2 + x 4 + x 6 + x8 + ... (1 + 2 x )     (เปนอนุกรมเรขาคณิต)

                    ⎛ 1 ⎞
                   =⎜    2 ⎟
                             (1 + 2 x )
                    ⎝1− x ⎠


                       1 + 2x
                   =
                       1 − x2


เปนอนุกรมลูเขาเมื่อ          x2 < 1


                               x2 < 1


                            x 2 − 1< 0


                   (x − 1)(x + 1)< 0

จะได                      −1 < x < 1


                                   1 + 2x
และผลรวมของอนุกรมนี้คือ
                                   1 − x2




                           โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
24


อนุกรมฮารมอนิก (Harmonic Series)

              ในบรรดาอนุกรมที่ลูออกทั้งหมด มีอนุกรมที่สําคัญที่สดอนุกรมหนึ่ง คือ อนุกรมฮารมอ
                                                                 ุ
นิก
                      ∞
                             1     1    1   1   1
                     ∑ k = 1+ 2 + 3 + 4 + 5 +K
                      k =1



          อนุกรมนี้เกิดขึ้นในเรื่องที่เกี่ยวกับเสียงสอดแทรกที่เกิดจากการสั่นของเสนลวดในเครื่อง
ดนตรี เราทราบวาอนุกรมนี้ลออกโดยการตรวจสอบผลบวกยอย ดังนี้
                            ู

                        S1 = 1


                                   1
                        S2 = 1 +
                                   2

                                  1 1
                      S3 = 1 +     +
                                  2 3

                                 1 1 1
                    S4 = 1 +      + +
                                 2 3 4


ผลบวกยอยเหลานี้สรางลําดับเพิ่ม

                       S1 < S 2 < S3 K < S n <


โดยทฤษฎีบทสามารถพิสูจนไดวาลําดับนี้ลูออก โดยจะแสดงใหเห็นวาไมมีคาคงที่ M ที่มีคา
มากกวาหรือเทากับทุกผลบวกยอย

               พิจารณาผลบวกยอยบางจํานวน คือ S2 , S4 , S8 , S16 , S32 ,K ซึ่งเปนผลบวกยอยใน
รูป S2   n   ผลบวกยอยเหลานี้สอดคลองอสมการ

                                 1 1 1 2
                     S2 = 1 +     > + =
                                 2 2 2 2

                                   1 1        1 1        1 3
                     S4 = S2 +      + > S2 + ( + ) = S2 + >
                                   3 4        4 4        2 2




                             โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
25


                                1 1 1 1        1 1 1 1        1 4
                   S8 = S 4 +    + + + > S4 + ( + + + ) = S4 + >
                                5 6 7 8        8 8 8 8        2 2

                             1 1 1 1      1        1     1       1 5
                   S16 = S8 + + + + + K + > S8 + ( + K + ) = S8 + >                         M
                             9 10 11 12  16       16    16       2 2
                                                      ← 8 พจน →

                           n +1
                   S2n >
                             2

                                                                     n +1
          ถา M เปนคาคงตัวใด ๆ เราสามารถหาจํานวนเต็มบวก n โดยที่        >M   แตสําหรับ
                                                                       2
n   คานี้ เรามี

                                    n +1
                            S2n >        >M
                                      2


         ดังนั้นจึงไมมีคาคงตัว M คาใดที่มากกวาหรือเทาหรับผลบวกยอยของอนุกรมฮารมอนิก
จึงพิสูจนไดวาอนุกรมฮารมอนิกนี้ลูออก




                       โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
26


                                                       แบบฝกหัด

1. ในแตละขอยอย จงหารูปแบบที่ไมมีการขยายพจนของผลบวกยอย S n และจงหาวาอนุกรมที่
กําหนดลูเขาหรือไม ถาลูเขาจงหาผลบวก
                    ∞                                                     ∞
                               2                                                    1
             ก. ∑                                                   ข. ∑
                                                                         k =1 (k + 1)(k + 2 )
                               k −1
                 k =1      5

                    ∞          k −1                                      ∞
                                                                              7
             ค. ∑ 2                                                 ง. ∑        k
                 k =1          4                                         k =1 4


                  ∞                                                       ∞
                             4                                                       1
             จ. ∑                                                   ฉ. ∑
                 k =1 (4k − 3)(4 k + 1)                                  k =1 (4k − 3)(4k + 1)




จากขอ 2 – 20 จงหาวาอนุกรมลูเขาหรือลูออก ถาลูเขาจงหาผลบวก
     ∞                                                                   ∞              k −1
          1                                                                   ⎛ 3⎞
2.   ∑ 5k
     k =1
                                                                    3.   ∑⎜− 4 ⎟
                                                                         k =1 ⎝  ⎠

     ∞          k +2                                                     ∞          k −1
          ⎛2⎞
4.   ∑⎜ 3 ⎟                                                         5. ∑ (− 1)             ⋅
                                                                                                 7
     k =1 ⎝ ⎠                                                            k =1                  6 k −1

      ∞                                                                  ∞              k +1

                                                                    7. ∑ ⎛ − 3 ⎞
              k −1
6. ∑ 4                                                                   ⎜     ⎟
     k =1                                                                k =1    ⎝ 4⎠
     ∞                                                                   ∞
8. ∑ ⎛
     ⎜
              1
                  −
                      1 ⎞
                        ⎟                                           9. ∑            1
     k =1 ⎝ k + 3   k +4⎠                                                k =1 (k + 2 )(k + 3)



         ∞                                                                   ∞
10. ∑ ⎛
      ⎜
             1     1 ⎞
                 − k +1 ⎟                                           11. ∑          1
      k =1 ⎝ 2    2 ⎠                                                     k =1 9k + 3k − 2
               k                                                                    2



         ∞
             1                                                               ∞
                                                                                4 k +2
12. ∑                                                               13. ∑
      k =2 k − 1                                                          k =1 7 − 1
            2                                                                    k



         ∞          k −1                                                     ∞             k

14. ∑ ⎛ e ⎞
      ⎜ ⎟                                                           15. ∑ ⎛ − 1 ⎞
                                                                          ⎜     ⎟
      k =1   ⎝π ⎠                                                         k =1   ⎝ 2⎠
         ∞                                                                   ∞
16. ∑        5
                                                                    17. ∑ (− 1)k ⋅             5
      k =1 k − 2                                                          k =1                 4k




                                      โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
27

       ∞                                                                   ∞
                                                                       19. ∑ ⎛         1 ⎞
                 k
                                                                                 5
18. ∑ 2 k                                                                    ⎜       − k⎟
                                                                          k =1 ⎝ 2    3 ⎠
                                                                                   k
      k =0   5
       ∞
                  4
20. ∑
      k =3 (4k − 3)(4 k + 1)




จากขอ 21 - 24 จงกระจายทศนิยมซ้ําในรูปเศษสวน

21. 0.4444K                                                            22. 5.373737 K

23. 0.782178217821K                                                    24. 0.234234234 K

25. ปลอยลูกบอลจากที่สูง 4 เมตร แตละครั้งที่ลูกบอลกระทบพื้น ลูกบอลจะกระดอนขึ้นตามแนวดิ่ง
มีความสูงเปน 3 เทาของความสูงกอนหนานั้น                     จงหาระยะทางรวมที่ลูกบอลเคลื่อนไปไดสมมติ
                       4
ลูกบอลกระดอนแบบไมหยุด
                             ∞
26.          จงแสดงวา ∑ ln⎛1 − 22 ⎞ = − ln 2
                           ⎜       ⎟
                           ⎝ k ⎠
                            k =2


                             ∞
                                   k +1 − k
27.          จงแสดงวา ∑                        =1
                            k =1       k2 + k

                             1   1   1      1
28.          จงแสดงวา         +   +    +K=
                            1.3 3.5 5.7     2

29.          จงใชอนุกรมเรขาคณิตแสดงวา

                      ∞     k

             ก. ∑ (− 1)         xk =
                                        1
                                                     ถา − 1 < x < 1
                     k =0              1+ x
                      ∞
             ข. ∑ (x − 3)k         =
                                        1
                                                     ถา 2 < x < 4
                     k =0              4− x
                      ∞
             ค. ∑ (− 1)k x 2 k     =
                                         1
                                                     ถา − 1 < x < 1
                     k =0              1+ x2




                            โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
28




จากขอ 30 – 31 จงหาคา x ทั้งหมดที่ทําใหอนุกรมลูเขา และจงหาผลบวก
      1     2   4   8 16
30.     2
          + 3 + 4 + 5 + 6 +K
      x    x   x   x   x

             1         1         1
31.   sin x − sin 2 x + sin 3 x − sin 4 x + K
             2         4         8

32. ถาดานหนึ่งของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสรูปหนึ่งยาว p หนวย ถาเชื่อมจุดกึ่งกลางของดานทั้งสี่ดวย
เสนตรงจะเกิดรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสรูปใหม และถาเชื่อมจุดกึ่งกลางของดานทั้งสี่ของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
รูปใหมน้นดวยเสนตรงอีกก็จะเกิดรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสรูปใหมอีก ทําเชนนี้ไปเรื่อย ๆ จงหาความยาว
          ั
ของเสนรอบรูปของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรสที่เกิดขึ้นทั้งหมด
                                     ั

33. รูปสามเหลี่ยมดานเทารูปหนึ่งยาวดานละ 1 นิ้ว ถาแบงครึ่งดานทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมดาน
เทารูปนี้แลวสรางรูปสามเหลี่ยมดานเทาอีกรูปหนึ่ง แลวแบงครึ่งดานทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมดาน
เทารูปที่สองวนี้แลวสรางรูปสามเหลี่ยมดานเทารูปที่สาม ทําเชนนี้เรื่อย ๆ ไปไมสิ้นสุด จงหาความ
ยาวของเสนรอบรูปของรูปสามเหลี่ยมดานเทาทุกรูปที่สรางได

34. ภายในรูปครึ่งวงกลมมีรปสามเหลี่ยมหนาจั่วมุมฉากบรรจุอยู และภายในรูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว
                         ู
มุมฉาก จะมีรูปครึ่งวงกลมบรรจุอยูภายใน เปนเชนนี้ไปเรื่อย ๆ ไมส้นสุด ถากําหนดใหรัศมีของรูป
                                                                  ิ
ครึ่งวงกลมนอกรูปนอกสุดเทากับ 1 นิ้ว จงหาความยาวของสวนโคงทั้งหมด

35. แมลงตัวหนึ่งซึ่งมีขนาดเล็กมากอยูที่จุด (0,0) บนพิกัดระนาบ xy แลวเดินไปทางขวา 1 หนวย
ถึงจุด (1,0) แลวเดินเลี้ยวซายไป 0.5 หนวย ถึงจุด (1,0.5) และตอไปทุก ๆ ครั้งของการเดินทางจะ
เดินเลี้ยวซาย แลวเดินเปนระยะครึ่งเทาของการเดินทางครั้งกอนเสมอ ถาแมลงตัวนี้เดินไปเรื่อย ๆ
จะเดินเขาใกลจุดใด




                      โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
29


                                         คําตอบแบบฝกหัด

1. ก. ลูเขาสู 5                                         ข. ลูเขาสู 1
                  2                                                      2
                                                                         7
  ค. ลูออก                                                ง. ลูเขาสู
                                                                         3
  จ. ลูเขาสู1                                           ฉ. ลูเขาสู 1
                                                                         4

2. ลูเขาสู 1                                            3. ลูเขาสู 4
             4                                                             7

4. ลูเขาสู 8                                            5. ลูเขาสู 6
             9

6. ลูออก                                                  7. ลูออก

8. ลูเขาสู 1                                            9. ลูเขาสู   1
             4                                                             3

10. ลูเขาสู 1                                           11. ลูเขาสู 1
                 2                                                         6

12. ลูเขาสู 1                                           13. ลูเขาสู 448
                 4                                                             3

                      π
14. ลูเขาสู                                             15. ลูเขาสู − 1
                  π −e                                                         3

16. ลูออก                                                 17. ลูเขาสู 4

18. ลูเขาสู 5                                           19. ลูเขาสู 17
                 3                                                             2

                  1
20. ลูเขาสู
                  9

      4                                                           532
21.                                                        22.
      9                                                           99

      869                                                         234
23.                                                        24.
      1111                                                        999

25.   28




                          โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
30

                                                     1
30.   x < −2 ∪ x > 2     หรือ   x >2   มีผลบวก =
                                                   x −x
                                                    2



                                                    2 sin x
31.   −∞ < x < ∞                       มีผลบวก =
                                                   2 + sin x

      4 2p
32.              หนวย
          2 −1

33.   6   นิ้ว
          2π
34.              นิ้ว
          2 −1


35. (0.8 , 0.4)




                         โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท

บทที่ 3 อนุกรมอนันต์

  • 1.
    บทที่ 3 อนุกรมอนันต อนุกรมอนันต (Infinite series) เปนผลบวกที่มีจํานวนพจนนับไมถวน อนุกรมอนันตมี การประยุกตใชในสาขาวิศวกรรมศาสตร วิทยาศาสตร และในหลายสาขาวิชาของคณิตศาสตร ผลบวกที่มีพจนเปนจํานวนมากนับไมถวนนั้นมีตัวอยางของผลบวกที่คุนเคยกันมากเกิดขึ้น 1 จากการแทนจํานวนจริงดวยทศนิยม เชน เมื่อเขียน ในรูปทศนิยม จะได 3 1 = 0.33333... นั้นหมายถึง 3 1 = 0.3 + 0.03 + 0.003 + 0.0003 + 0.00003 + ... 3 แสดงวาการแทน 1 ดวยทศนิยม อาจจะพิจารณาเปนผลบวกของจํานวนจริงหลายจํานวน 3 นับไมถวนได ผลบวกของอนุกรมอนันต นิยาม 1 อนุกรมอนันต คือ นิพจน (expression) ที่อยูในรูปของ u1 + u2 + u3 + K + uk + K หรือเขียนในรูปสัญลักษณผลรวมไดเปน ∞ u1 + u2 + u3 + K + uk + K = ∑ uk k =1 เรียกจํานวน u1 , u 2 , u3 , ... วา พจนของอนุกรม และจะเรียก “อนุกรมอนันต’’ เพียงสั้น ๆ วา “อนุกรม” ∞ 1 1 1 1 1 เชน ∑k k =1 = 1+ + + + ... + + ... 2 3 4 k โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 2.
    2 ∞ 1 1 1 1 1 1 ∑ k (k + 1) = 1 ⋅ 2 + 2 ⋅ 3 + 3 ⋅ 4 + 4 ⋅ 5 + ... + k (k + 1) + ... k =1 อนุกรมและลําดับมีความเกี่ยวพันกันอยางมากดังตอไปนี้ กําหนดให S1 = u1 S 2 = u1 + u 2 S3 = u1 + u2 + u3 M n S n = u1 + u 2 + u 3 + ... + u n = ∑ u k k =1 ∞ นั่นคือ Sn เปนผลบวกของ n พจนแรกของอนุกรม ∑ uk เรียกวา ผลบวกยอยที่ k =1 ∞ n ( n th partial sum) ของอนุกรม ∑ u ซึ่งจะเห็นวาจากผลบวกยอยตาง ๆ นี้ สามารถนํามาสราง k k =1 เปนลําดับไดดังนี้ {Sn } = S1 , S 2 , S 3 ,..., S n ,... เรียกวา ลําดับของผลบวกยอย นั่นเอง จากตัวอยางผลบวกของ 0.3 + 0.03 + 0.003 + 0.0003 + 0.00003 + ... นั้น เราไม สามารถบวกจํานวนเลขหลายจํานวนนับไมถวนเขาดวยกันไดดงนั้นจึงตองนิยามผลบวกของ ั อนุกรมและคํานวณคาโดยวิธลิมต ี ิ เพื่อขยายผลจากแนวคิดพื้นฐานพิจารณาทศนิยม 0.33333... ซึ่งสามารถเขียนเปน อนุกรมไดดังนี้ 0.3 + 0.03 + 0.003 + 0.0003 + 0.00003 + ... 3 3 3 3 3 หรือ + 2 + 3 + 4 + 5 +K 10 10 10 10 10 1 1 เนื่องจาก 0.33333K = ดังนั้นผลบวกของอนุกรมควรจะเปน ดวย 3 3 3 3 3 3 3 1 นั่นคือ + 2 + 3 + 4 + 5 +K = 10 10 10 10 10 3 โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 3.
    3 การหาผลบวกของอนุกรมทําไดโดยการพิจารณาลําดับของผลบวก ดังนี้ 3 S1 = = 0.3 10 3 3 S2 = + 2 = 0.33 10 10 3 3 3 S3 = + 2 + 3 = 0.333 10 10 10 3 3 3 3 S4 = + 2 + 3 + 4 = 0.3333 10 10 10 10 3 3 3 3 3 S5 = + 2 + 3 + 4 + 5 = 0.33333 10 10 10 10 10 M สําหรับ S1 , S 2 , S 3 , S 4 , S 5 K สามารถใชเปนการประมาณผลบวกของอนุกรมได ใน ลําดับของผลบวกดังกลาว หากมีการใชพจนของอนุกรมมากขึ้น ๆ และการประมาณคาก็จะดีขึ้น 1 ตามลําดับ และลิมิตของลําดับควรจะเปน นั่นเอง 3 เพื่อใหเห็นวาลิมิตเปน 1 จริงนั้น จะตองคํานวณลิมิตของพจนทั่วไป (S n ) ในลําดับที่ใช 3 ประมาณคา ในที่นี้พจนทั่วไปคือ .......... (1) 3 3 3 3 3 3 Sn = + 2 + 3 + 4 + 5 K+ n 10 10 10 10 10 10 จากนั้นทําการหา lim S n จะไดวา n→∞ ⎡3 3 3 3 3 3 ⎤ lim S n = lim ⎢ + 2 + 3 + 4 + 5 K + n ⎥ n→∞ ⎣ n →∞ 10 10 10 10 10 10 ⎦ จะเห็นไดวา การหาลิมิตคอนขางยุงยากเพราะทั้งพจนสุดทายและจํานวนพจนเปลี่ยน ตามคา n จึงตองพยายามเขียนลิมิตใหอยูในรูปที่จํานวนพจนไมแปรคาได ถาหากสามารถทําได ใน ที่น้อาจทําไดดังนี้ ี โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 4.
    4 .......... (1) 3 3 3 3 3 3 จาก Sn = + 2 + 3 + 4 + 5 K+ n 10 10 10 10 10 10 สมการ (1) × 10 .......... (2 ) 1 3 3 3 3 3 3 3 S n = 2 + 3 + 4 + 5 + 6 K + n + n +1 10 10 10 10 10 10 10 10 แลวนํา (1) − (2) ได 1 3 3 Sn − S n = − n+1 10 10 10 9 3 3 Sn = − 10 10 10 ⋅ 10 n 9 3⎛ 1 ⎞ S n = ⎜1 − n ⎟ 10 10 ⎝ 10 ⎠ 3 10 ⎛ 1 ⎞ Sn = ⋅ ⎜1 − n ⎟ 10 9 ⎝ 10 ⎠ 1⎛ 1 ⎞ นั่นคือ S n = ⎜1 − n ⎟ 3 ⎝ 10 ⎠ 1⎛ 1 ⎞ และไดวา lim S n = lim ⎜1 − n ⎟ n→∞ n →∞ 3 ⎝ 10 ⎠ = 1 (1 − 0) 3 1 = 3 ซึ่งอาจจะแทนดวยการเขียน 1 3 3 3 3 3 3 = + 2 + 3 + 4 + 5 + K + n + ... 3 10 10 10 10 10 10 โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 5.
    5 ∞ จากตัวอยางที่กลาวขางตน จะนิยามแนวคิดของผลบวกของอนุกรม ∑ uk ไดดังนี้ k =1 ∞ จาก S n เปนผลบวกของ n พจนแรกของอนุกรม ∑ uk นั้น ในขณะที่ n มีคาเพิ่มขึ้น k =1 ผลบวกยอย S n = u1 + u 2 + ... + u n จะรวมพจนของอนุกรมมากขึ้น ๆ ดังนั้นถา S n มีคาเขาใกล ลิมตคาหนึ่งขณะที่ n → ∞ แลวคาลิมิตนั้นจะเปนผลบวกของทุกพจนในอนุกรมนั้น เขียนเปน ิ นิยามดังนี้ การลูเขาของอนุกรม ∞ นิยาม 2 ให {Sn } เปนลําดับของผลบวกยอยของอนุกรม ∑ uk ถาลําดับ {Sn } ลูเขาสูลิมิต S k =1 หรือ lim S n = S แลวจะเรียกอนุกรมนี้วา อนุกรมลูเขา และเรียก S วา ผลบวกของอนุกรม เขียน n →∞ ∞ แทนดวย S = ∑ uk k =1 ∞ นิยาม 3 ให {Sn } เปนลําดับของผลบวกยอยของอนุกรม ∑ uk ถาลําดับของผลบวกยอยลูออกหรือ k =1 lim S n n→∞ หาคาไมไดแลว จะเรียกอนุกรมนี้วา อนุกรมลูออก และจะไมมีผลบวก ตัวอยาง 1 จงพิจารณาวา อนุกรม 1 − 1 + 1 − 1 + 1 − 1 + K ลูเขาหรือลูออก ถาลูเขาจงหาผลบวก วิธีทํา อนุกรมนี้มีพจนเปนคาบวกและลบสลับกันไป โดยมีคาของผลบวกยอยดังนี้ S1 = 1 S2 = 1 − 1 = 0 S3 = 1 − 1 + 1 = 1 S4 = 1 − 1 + 1 − 1 = 0 S5 = 1 − 1 + 1 − 1 + 1 = 1 … ดั้งนั้นทําใหมีลําดับของผลบวกยอยดังนี้ 1, 0, 1, 0, 1, 0,K ซึ่งพจนในลําดับนี้มีคาสลับกัน ระหวาง 1 และ 0 ไมมคาลูเขาสูคาใดคาหนึ่ง จึงไมมีลิมิต ี นั่นคือลําดับของผลบวกยอยนี้เปนลําดับลูออก โดยนิยามจึงไดวาอนุกรมที่กําหนดเปน  อนุกรมลูออกเชนเดียวกันและไมมีผลบวก โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 6.
    6 อนุกรมเรขาคณิต (Geometric Series) นิยาม4 อนุกรมเรขาคณิต คืออนุกรมที่สามารถเขียนใหอยูในรูปดังนี้ a + ar + ar 2 + ar 3 + K + ar k −1 + K , (a ≠ 0) สังเกตไดวาแตละพจนไดจากการคูณพจนกอนหนาดวยโดยคาคงตัว r และเรียกตัวคูณ r วา อัตราสวนรวม (Common Ratio) ของอนุกรมนั้น ตัวอยางของอนุกรมเรขาคณิต 1 + 2 + 4 + 8 + K + 2k −1 + K : a = 1, r = 2 3 3 3 3 3 1 + 2 + 3 + K + k −1 + K :a = ,r= 10 10 10 10 10 10 1 1 1 1 1 1 1 − + − + K + (−1) k −1 k + K :a = ,r= 2 4 8 16 2 2 2 1+1+1+1+K+1+K : a = 1, r = 1 1 − 1 + 1 − 1 + K + (−1) k +1 + K : a = 1, r = −1 การลูเขาของอนุกรมเรขาคณิตกลาวไวในทฤษฎีบทตอไปนี้ ทฤษฎี 1 อนุกรมเรขาคณิต a + ar + ar 2 + K + ar k −1 + K , (a ≠ 0) จะลูเขา ถา r < 1 และลูออก ถา r ≥ 1 ถาอนุกรมเรขาคณิตนี้ลูเขาแลวจะมีผลบวกเปน a a + ar + ar 2 + K + ar k −1 + K = 1− r โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 7.
    7 พิสจน จะแยกพิจารณาเปน 2กรณี คือ ู r = 1 และ r ≠ 1 ดังนี้ กรณีที่ 1 r = 1 พิจารณาแยกเปน 1.1 r =1 และ 1.2 r = −1 1.1 ถา r = 1 แลวอนุกรมอยูในรูป a + a + a +K+ a +K ผลบวกยอยที่ n คือ S n = na ⎧+ ∞ , a ∈ R + ⎪ และลิมิต lim S n = lim na = ⎨ n→∞ n →∞ ⎪− ∞ , a ∈ R − ⎩ แสดงวาอนุกรมลูออก 1.2 ถา r = −1 แลวอนุกรมอยูในรูป a − a + a − a +K ลําดับของผลบวกยอย คือ a , 0 , a , 0 , a , 0 , ... จึงเปนลําดับลูออก กรณีที่ 2 r ≠1 ลําดับผลบวกยอยที่ n คือ S n = a + ar + ar 2 + K + ar n −1 .......... (1) คูณทั้งสองขางของ (1) ดวย r ได r S n = ar + ar 2 + K + ar n −1 + ar n .......... (2 ) นํา (1) − (2) ได S n − rS n = a − ar n โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 8.
    8 (1 − r )S n = a − ar n เนื่องจาก r ≠ 1 ได a − ar n Sn = 1− r a (1 − r n ) Sn = 1− r a (1 − r n ) lim S n = lim n→∞ n →∞ 1− r ถา r <1 แลว lim r n = 0 n→∞ ได {S n } ลูเขา a และได lim S n = n→∞ 1− r ถา r > 1 แลว r > 1 หรือ r < −1 กรณี r > 1 , lim r n = ∞ n→∞ กรณี r < - 1 , คาของ r n จะแกวงระหวางคาบวกและคาลบและมีขนาดเพิ่มขึ้น ดังนั้น {S n } ลูออก ถา r >1 โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 9.
    9 7 7 7 ตัวอยาง 1 อนุกรม 7+ + 2 + K + k −1 + K 4 4 4 7 a 1 เปนอนุกรมเรขาคณิต มี a=7,r= 2 = 4 = a1 7 4 1 1 เนื่องจาก r = = <1 4 4 ดังนั้นอนุกรมนี้ลูเขา a 7 7 28 มีผลบวกเปน = = = 1− r 1 3 3 1− 4 4 k −1 3 3 3 ⎛ 1⎞ ตัวอยาง 2 อนุกรม 3 − + 2 − 3 +K+ ⎜− ⎟ ⋅3 +K 4 4 4 ⎝ 4⎠ 3 − a 1 เปนอนุกรมเรขาคณิต มี a=3, r = 2 = 4 = − a1 3 4 1 1 เนื่องจาก r =− = <1 4 4 ดังนั้นอนุกรมนี้ลูเขา a 3 3 12 มีผลบวกเปน = = = 1− r ⎛ 1⎞ 5 5 1− ⎜− ⎟ ⎝ 4⎠ 4 โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 10.
    10 ตัวอยาง 3 จงหาจํานวนตรรกยะที่แทนโดยทศนิยมซ้ํา0.7777… วิธีทํา เขียนทศนิยมซ้ําที่กําหนดใหอยูในรูปผลบวกอนุกรมอนันตดังนี้ 0.7777... = 0.7 + 0.07 + 0.007 + 0.0007 + ... 7 7 7 7 7 1 = + 2 + 3 + 4 + ... ( เปนอนุกรมเรขาคณิตที่มี a = ,r= ) 10 10 10 10 10 10 7 = 10 1 1− 10 7 = 10 9 10 7 = 9 ตัวอยาง 4 จงพิจารณาวาอนุกรมเรขาคณิตตอไปนี้ลูเขาหรือไม และถาลูเขาจงหาผลรวมของอนุกรม ดวย 2 1. 1 − 2 + ⎛ 2 ⎞ − K ⎜ ⎟ 3 ⎝3⎠ วิธีทํา เปนอนุกรมเรขาคณิตที่มี a = 1 , r = − 2 3 2 2 เนื่องจาก r =− = <1 ดังนั้นอนุกรมนี้ลูเขา 3 3 2 2 ⎛2⎞ a 1 1− + ⎜ ⎟ −K = = 3 ⎝3⎠ 1− r ⎛ 2⎞ 1− ⎜− ⎟ ⎝ 3⎠ 1 3 = = 5 5 3 โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 11.
    11 2. 1 +π + ⎛ π ⎞ 2 ⎜ ⎟ +K 4 ⎝4⎠ วิธีทํา เปนอนุกรมเรขาคณิตที่มี a = 1, r = π 4 π π เนื่องจาก r = = < 1 ดังนั้นอนุกรมนี้ลูเขา 4 4 ⎛π ⎞π 2 a 1 1 4 1+ + ⎜ ⎟ +K = = = = 4 ⎝4⎠ 1− r 1− π 4 −π 4 −π 4 4 ∞ k ⎛4⎞ 3. ∑⎜ 5 ⎟ k =2 ⎝ ⎠ ∞ k 2 3 4 ⎛4⎞ ⎛4⎞ ⎛4⎞ ⎛4⎞ วิธีทํา ∑ ⎜ 5 ⎟ = ⎜ 5 ⎟ + ⎜ 5 ⎠ + ⎜ 5 ⎟ + ... k =2 ⎝ ⎠ ⎝ ⎠ ⎝ ⎟ ⎝ ⎠ 2 ⎛4⎞ 16 4 เปนอนุกรมเรขาคณิตที่มี a=⎜ ⎟ = , r = ⎝5⎠ 25 5 4 4 เนื่องจาก r = = <1 ดังนั้นอนุกรมนี้ลูเขา 5 5 16 16 ∞ k ⎛4⎞ a 16 16 ∑ ⎜ 5 ⎟ = 1 − r = 254 = 25 = 25 • 5 = 5 k =2 ⎝ ⎠ 1 1− 5 5 ∞ 4. ∑ (ln 3)k k =1 ∞ วิธีทํา ∑ (ln 3)k = ln 3 + (ln 3) + (ln 3) + ... 2 3 k =1 เปนอนุกรมเรขาคณิตที่มี a = ln 3 , r = (ln 3) 3 = ln 3 ln 3 เนื่องจาก r = ln 3 = ln 3 = log e 3 > 1 ดังนั้นเปนอนุกรมเรขาคณิตที่ลูออก โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 12.
    12 ∞ 5. ∑ (sin 5)k k =1 ∞ วิธีทํา ∑ (sin 5)k = sin 5 + (sin 5) + (sin 5) + ... 2 3 k =1 เปนอนุกรมเรขาคณิตที่มี a = sin 5 , r = (sin 5) 2 = sin 5 sin 5 เนื่องจาก r = sin 5 = sin 5 < 1 ( เนื่องจาก − 1 ≤ sin θ ≤ 1 ) ดังนั้นอนุกรมนี้ลูเขา ∞ ∑ (sin 5) a sin 5 = = k k =1 1 − r 1 − sin 5 ตัวอยาง 5 จงหาจํานวนตรรกยะที่แทนโดยทศนิยมซ้ําตอไปนี้ 1. 0.7888... วิธีทํา 0.7888... = 0.7 + 0.08 + 0.008 + 0.0008 + ... 7 8 8 8 = + 2 + 3 + 4 + ... 10 10 10 10 7 ⎛ 8 8 8 ⎞ ⎛ 8 1⎞ = + ⎜ 2 + 3 + 4 + ...⎟ ⎜a = 2 ,r = ⎟ 10 ⎝ 10 10 10 ⎠ ⎝ 10 10 ⎠ ⎛ 8 ⎞ 7 ⎜ 10 2 ⎟ = +⎜ ⎟ 10 ⎜ 1 − 1 ⎟ ⎜ ⎟ ⎝ 10 ⎠ 7 ⎛ 8 10 ⎞ = +⎜ • ⎟ 10 ⎝ 10 2 9 ⎠ 7 8 = + 10 90 63 + 8 71 = = 90 90 โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 13.
    13 2. 0.784784... วิธีทํา 0.784784784... = 0.784 + 0.000784 + 0.000000784 + ... 784 784 784 ⎛ 784 1 ⎞ = + + + ... ⎜a = 3 ,r = 3 ⎟ 103 106 109 ⎝ 10 10 ⎠ 784 3 = 10 1 1− 3 10 784 3 = 10 999 103 784 103 = 3• 10 999 784 = 999 ตัวอยาง 6 โยนลูกปงปองจากที่สูงระยะ a เมตร ลงบนพื้นที่เรียบ แตละครั้งที่ลูกปงปองกระทบ พื้น เมื่อตกลงมาเปนระยะทาง h เมตร จะกระดอนกลับขึ้นไปเปนระยะ rh เมตร (0 < r < 1) จงหาระยะทางที่ลูกปงปองเคลื่อนที่ทั้งหมดจนกวาจะหยุดนิ่ง วิธีทํา พิจารณาจากรูปไดดังนี้ • A0 A1 A2 A3 A4 K โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 14.
    14 จาก A0 ถึง A1 เคลื่อนที่ไดระยะทาง a เมตร จาก A1 ถึง A2 เคลื่อนที่ไดระยะทาง ar + ar = 2ar เมตร จาก A2 ถึง A3 เคลื่อนที่ไดระยะทาง ar 2 + ar 2 = 2ar 2 เมตร จาก A3 ถึง A4 เคลื่อนที่ไดระยะทาง ar 3 + ar 3 = 2ar 3 เมตร มีลักษณะเชนนี้ไปเรื่อย ๆ จะไดระยะทางที่เคลื่อนที่ทั้งหมด S = a + 2ar + 2ar 2 + 2ar 3 + ... = a + (2ar + 2ar 2 + 2ar 3 + ...) = a + 2ar (1 + r + r 2 + ...) ⎛ 1 ⎞ = a + 2ar ⎜ ⎟ (a = 1, r = r < 1) ⎝1− r ⎠ 2ar = a+ 1− r 2 เชน a = 10 , r = จะได 3 2(10 ) 2 ระยะทางทั้งหมด = 10 + 3 2 1− 3 40 = 10 + 3 1 3 40 = 10 + •3 3 = 50 โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 15.
    15 ตัวอยาง 7 กําหนดใหรปสามเหลี่ยมดานเทารูปที่n + 1 เกิดจากการลากเสนตรงตอจุดกึ่งกลางทั้ง ู สามของรูปสามเหลี่ยมดานเทารูปที่ n ถากระบวนการสรางรูปสามเหลี่ยมดานเทานี้ไมสิ้นสุด และ ผลบวกของเสนรอบรูปของรูปสามเหลี่ยมดานเทารูปที่ 1 เทากับ a หนวย จงหาผลบวกของเสน รอบรูปของรูปสามเหลี่ยมดานเทาเหลานี้ วิธีทํา พิจารณาจากรูปไดดังนี้ เสนรอบรูปของรูปสามเหลี่ยมดานเทารูปที่ 1 เทากับ a หนวย a เสนรอบรูปของรูปสามเหลี่ยมดานเทารูปที่ 2 เทากับ หนวย 2 a เสนรอบรูปของรูปสามเหลี่ยมดานเทารูปที่ 3 เทากับ หนวย 4 a เสนรอบรูปของรูปสามเหลี่ยมดานเทารูปที่ 4 เทากับ หนวย 8 M a a a ผลบวกของเสนรอบรูปทั้งหมดเทากับ a+ + + + ... 2 4 8 a = 1 1− 2 = 2a หนวย โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 16.
    16 ∞ 1 1 1 1 ตัวอยาง 8 จงพิจารณาวาอนุกรม ∑ = + + +K k =1 k (k + 1) 1.2 2.3 3.4 ลูเขาหรือลูออก ถาลูเขาจงหาผลบวก วิธีทํา ผลบวกยอยที่ n ของอนุกรมนี้ คือ n 1 1 1 1 1 Sn = ∑ = + + +K+ k =1 k (k + 1) 1.2 2.3 3.4 n(n + 1) พิจารณาการลูเขาหรือลูออก โดยการหา lim S n n →∞ พิจารณาเขียน S n ใหมในรูปที่ไมมีการขยายพจน เพื่อสะดวกในการหา lim S n n→∞ ในกรณีนี้สามารถทําไดโดยใชวิธของการแยกเศษสวนยอยไดผลดังนี้ ี 1 1 1 = − n(n + 1) n n + 1 ⎛ 1⎞ ⎛1 1⎞ ⎛1 1⎞ ⎛1 1 ⎞ ดังนั้น S n = ⎜1 − ⎟ + ⎜ − ⎟ + ⎜ − ⎟ + K + ⎜ − ⎟ ⎝ 2⎠ ⎝ 2 3⎠ ⎝3 4⎠ ⎝ n n +1⎠ ⎛ 1 1⎞ ⎛ 1 1⎞ ⎛ 1 1⎞ 1 = 1+ ⎜− + ⎟ + ⎜− + ⎟ +K+ ⎜− + ⎟ − ⎝ 2 2⎠ ⎝ 3 3⎠ ⎝ n n ⎠ n +1 1 =1− n +1 ⎛ 1 ⎞ และ lim S n = lim⎜1 − ⎟ =1 n →∞ n →∞ ⎝ n + 1⎠ ∞ 1 ดังนั้น ∑ k (k + 1) = 1 k =1 โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 17.
    17 ตัวอยาง 9 จงพิจารณาวาอนุกรมตอไปนี้ลูเขาหรือลูออกถาลูเขาจงหาผลบวก ∞ 1 1. ∑ k =1 (4k − 3)(4k + 1) n 1 วิธีทํา Sn = ∑ k =1 (4 k − 3)(4k + 1) 1 1 1 1 = + + +K+ 1.5 5.9 9.13 (4n − 3)(4n + 1) 1 1⎛ 1 1 ⎞ จาก = ⎜ − ⎟ (โดยการแยกเศษสวนยอย) จะได (4n − 3)(4n + 1) 4 ⎝ 4n − 3 4n + 1 ⎠ 1⎛ 1⎞ 1⎛1 1⎞ 1⎛ 1 1 ⎞ Sn = ⎜1 − ⎟ + ⎜ − ⎟ + K + ⎜ − ⎟ 4⎝ 5⎠ 4⎝5 9⎠ 4 ⎝ 4n − 3 4 n + 1 ⎠ 1 ⎡⎛ 1 ⎞ ⎛ 1 1 ⎞ ⎛ 1 1 ⎞⎤ = ⎢⎜1 − 5 ⎟ + ⎜ 5 − 9 ⎟ + ... + ⎜ 4n − 3 − 4n + 1 ⎟⎥ 4 ⎣⎝ ⎠ ⎝ ⎠ ⎝ ⎠⎦ 1 ⎡ ⎛ 1 1⎞ ⎛ 1 1⎞ ⎛ 1 1 ⎞ 1 ⎤ = ⎢1 + ⎜ − 5 + 5 ⎟ + ⎜ − 9 + 9 ⎟ + ... + ⎜ − 4n − 3 + 4n − 3 ⎟ − 4n + 1⎥ 4⎣ ⎝ ⎠ ⎝ ⎠ ⎝ ⎠ ⎦ 1⎛ 1 ⎞ = ⎜1 − ⎟ 4 ⎝ 4n + 1 ⎠ และ lim S n = lim 1 ⎛1 − ⎜ 1 ⎞ 1 ⎟ = (1 − 0 ) = 1 n →∞ n →∞ 4⎝ 4n + 1 ⎠ 4 4 ∞ 1 1 ดังนั้น ∑ = k =1 (4k − 3)(4k + 1) 4 โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 18.
    18 2. ∑ 22k+ 1 2 ∞ k =1 k (k + 1) n 2k + 1 วิธีทํา Sn = ∑ k (k + 1) 2 2 k =1 1 5 7 2n + 1 = + 2 2 + 2 2 +K+ 2 1 •2 2 •3 3 •4 n (n + 1) 2 2 2 1 1 1 จาก = 2− (โดยการแยกเศษสวนยอย) จะได n (n + 1) n (n + 1)2 2 2 ⎛ 1⎞ ⎛1 1⎞ ⎛1 1 ⎞ ⎛ 1 1 ⎞ S n = ⎜1 − ⎟ + ⎜ − ⎟ + ⎜ − ⎟ K + ⎜ 2 − ⎜n ⎟ ⎟ ⎝ 4 ⎠ ⎝ 4 9 ⎠ ⎝ 9 16 ⎠ ⎝ (n + 1)2 ⎠ ⎛ 1 1⎞ ⎛ 1 1⎞ ⎛ 1 1 ⎞ 1 = 1+ ⎜− + ⎟ + ⎜− + ⎟ +K+ ⎜− 2 + 2 ⎟ − ⎝ 4 4⎠ ⎝ 9 9⎠ ⎝ n n ⎠ (n + 1)2 1 =1− (n + 1)2 ⎛ ⎞ 1 และ lim S n = lim ⎜1 − n→∞ ⎜ ⎟ = 1− 0 = 1 n→∞ ⎝ (n + 1) ⎟ ⎠ 2 ดังนั้น ∑ 22k + 1 2 ∞ =1 k =1 k (k + 1) โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 19.
    19 ∞ 3. ∑ ln k k +1 k =1 n k วิธีทํา S n = ∑ ln k =1 k +1 1 2 3 n = ln + ln + ln + K + ln 2 3 4 n +1 = ln n − ln (n + 1) n จากกฎลอการิทึม ln จะได n +1 S n = (ln1 − ln 2 ) + (ln 2 − ln 3) + (ln 3 − ln 4 )K + (ln n − ln (n + 1)) = ln 1 − ln (n + 1) = 0 − ln(n + 1) = − ln (n + 1) และ lim S n = lim (− ln(n + 1)) = − ∞ n→∞ n→∞ ∞ ดังนั้น ∑ ln k เปนอนุกรมลูออก k +1 k =1 ∞ 1 1 4. ∑ − k =1 k k +1 n 1 1 วิธีทํา Sn = ∑ − k =1 k k +1 ⎛ 1 ⎞ ⎛ 1 1 ⎞ ⎛ 1 1 ⎞ ⎛ 1 1 ⎞ = ⎜1 − ⎟+⎜ − ⎟+⎜ − ⎟K + ⎜ − ⎟ ⎝ 2⎠ ⎝ 2 3⎠ ⎝ 3 4⎠ ⎝ n n +1 ⎠ ⎛ 1 1 ⎞ ⎛ 1 1 ⎞ ⎛ 1 1 ⎞ 1 = 1+ ⎜− + ⎟ + ⎜− ⎜ + ⎟ +K+ ⎜− ⎟ ⎜ + ⎟− ⎟ ⎝ 2 2⎠ ⎝ 3 3⎠ ⎝ n n⎠ n +1 1 = 1− n +1 และ lim S n = lim⎛1 − ⎜ n → ∞⎜ 1 ⎞ ⎟ = 1− 0 = 1 ⎟ n→∞ ⎝ n +1 ⎠ ∞ 1 1 ดังนั้น ∑ − =1 k =1 k k +1 โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 20.
    20 ตัวอยาง 10 จงหาคาx ที่ทําใหอนุกรมตอไปนี้เปนอนุกรมที่ลูเขา ∞ 1. ∑ (− 1)k x 2 k k =0 ∞ วิธีทํา ∑ (− 1)k x 2 k =1 − x 2 + x 4 − x 6 + ... k =0 a = 1 , r = −x2 เปนอนุกรมเรขาคณิต อนุกรมลูเขาเมื่อ r <1 นั่นคือ − x 2 <1 x2 < 1 x2 −1 < 0 (x − 1)(x + 1) < 0 จะได −1 < x < 1 ⎛ x −1⎞ ∞ k 2. ∑ 3⎜ 2 ⎟ k =0 ⎝ ⎠ ⎛ x −1 ⎞ ⎛ x −1⎞ ∞ ∞ k k วิธีทํา ∑ 3⎜ 2 ⎟ = 3∑ ⎜ 2 ⎟ k =0 ⎝ ⎠ k =0 ⎝ ⎠ ⎡ ⎛ x − 1 ⎞ ⎛ x − 1 ⎞2 ⎤ = 3⎢1 + ⎜ ⎟+⎜ ⎟ + ...⎥ ⎢ ⎝ 2 ⎠ ⎝ 2 ⎠ ⎣ ⎥ ⎦ x −1 a =1 , r = เปนอนุกรมเรขาคณิต 2 อนุกรมลูเขาเมื่อ r <1 นั่นคือ x −1 <1 2 x −1 −1 < <1 2 − 2 < x −1 < 2 จะได −1 < x < 3 โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 21.
    21 ∞ 3. ∑ sin n x k =0 ∞ วิธีทํา ∑ sin n x = 1 + sin x + sin 2 x + sin 3 x + ... k =0 a = 1 , r = sin x เปนอนุกรมเรขาคณิต อนุกรมลูเขาเมื่อ r <1 นั่นคือ sin x <1 − 1 < sin x < 1 ถา sin x =1 จะได sin x = ±1 π จะได x = (2r + 1) เมื่อ r เปนจํานวนเต็ม 2 π จะไดคําตอบคือ x ≠ (2r + 1) 2 ∞ 4. ∑ (ln x )n k =0 ∞ วิธีทํา ∑ (ln x )n = 1 + ln x + (ln x )2 + (ln x )3 + ... k =0 a = 1 , r = ln x เปนอนุกรมเรขาคณิต อนุกรมลูเขาเมื่อ r <1 นั่นคือ ln x <1 ดังนั้น − 1 < ln x < 1 จะได − 1 < log e x < 1 e −1 < x < e 1 <x<e e โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 22.
    22 5. ∑ (−1) ∞ k ⎛ 1 ⎞ k ⎜ ⎟ k =02 ⎝ 3 + sin x ⎠ ∞ (− 1)k ⎛ 1 ⎞ k ⎛ 1 ⎞⎛ 1 ⎞ 1⎛ ⎞ 2 ⎟ = (1) + ⎜ − ⎟⎜ 1 1 วิธีทํา ∑ ⎜ ⎟+ ⎜ ⎟ + ... k =0 2 ⎝ 3 + sin x ⎠ 2 ⎝ 2 ⎠⎝ 3 + sin x ⎠ 2 ⎝ 3 + sin x ⎠ 1⎡ ⎤ 2 1 ⎛ 1 ⎞ = ⎢1 − +⎜ ⎟ + ...⎥ 2 ⎢ 3 + sin x ⎝ 3 + sin x ⎠ ⎣ ⎥ ⎦ 1 a =1 , r = − เปนอนุกรมเรขาคณิต 3 + sin x อนุกรมลูเขาเมื่อ r <1 นั่นคือ 1 − <1 3 + sin x 1 <1 3 + sin x 1 −1 < <1 3 + sin x จะได − 3 − sin x < 1 < 3 + sin x (3 + sin x > 0) − 3 − sin x < 1 และ 1 < 3 + sin x − sin x < 4 และ − 2 < sin x sin x > −4 และ sin x > −2 sin x > −2 เนื่องจาก − 1 ≤ sin x ≤ 1 คําตอบคือ −∞< x<∞ โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 23.
    23 ตัวอยาง 11 จงหาคาx ที่ทําใหอนุกรม 1 + 2 x + x 2 + 2 x 3 + x 4 + 2 x 5 + x 6 + 2 x 7 + x8 + ... เปนอนุกรมที่ลูเขาพรอมกับหาผลรวมดวย วิธีทํา 1 + 2 x + x 2 + 2 x 3 + x 4 + 2 x 5 + x 6 + 2 x 7 + x8 + ... ( ) ( = 1 + x 2 + x 4 + x 6 + x8 + ... + 2 x + 2 x 3 + 2 x 5 + 2 x 7 + ...) ( ) ( = 1 + x 2 + x 4 + x 6 + x8 + ... + 2 x 1 + x 2 + x 4 + x 6 + ...) ( ) = 1 + x 2 + x 4 + x 6 + x8 + ... (1 + 2 x ) (เปนอนุกรมเรขาคณิต) ⎛ 1 ⎞ =⎜ 2 ⎟ (1 + 2 x ) ⎝1− x ⎠ 1 + 2x = 1 − x2 เปนอนุกรมลูเขาเมื่อ x2 < 1 x2 < 1 x 2 − 1< 0 (x − 1)(x + 1)< 0 จะได −1 < x < 1 1 + 2x และผลรวมของอนุกรมนี้คือ 1 − x2 โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 24.
    24 อนุกรมฮารมอนิก (Harmonic Series) ในบรรดาอนุกรมที่ลูออกทั้งหมด มีอนุกรมที่สําคัญที่สดอนุกรมหนึ่ง คือ อนุกรมฮารมอ ุ นิก ∞ 1 1 1 1 1 ∑ k = 1+ 2 + 3 + 4 + 5 +K k =1 อนุกรมนี้เกิดขึ้นในเรื่องที่เกี่ยวกับเสียงสอดแทรกที่เกิดจากการสั่นของเสนลวดในเครื่อง ดนตรี เราทราบวาอนุกรมนี้ลออกโดยการตรวจสอบผลบวกยอย ดังนี้ ู S1 = 1 1 S2 = 1 + 2 1 1 S3 = 1 + + 2 3 1 1 1 S4 = 1 + + + 2 3 4 ผลบวกยอยเหลานี้สรางลําดับเพิ่ม S1 < S 2 < S3 K < S n < โดยทฤษฎีบทสามารถพิสูจนไดวาลําดับนี้ลูออก โดยจะแสดงใหเห็นวาไมมีคาคงที่ M ที่มีคา มากกวาหรือเทากับทุกผลบวกยอย พิจารณาผลบวกยอยบางจํานวน คือ S2 , S4 , S8 , S16 , S32 ,K ซึ่งเปนผลบวกยอยใน รูป S2 n ผลบวกยอยเหลานี้สอดคลองอสมการ 1 1 1 2 S2 = 1 + > + = 2 2 2 2 1 1 1 1 1 3 S4 = S2 + + > S2 + ( + ) = S2 + > 3 4 4 4 2 2 โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 25.
    25 1 1 1 1 1 1 1 1 1 4 S8 = S 4 + + + + > S4 + ( + + + ) = S4 + > 5 6 7 8 8 8 8 8 2 2 1 1 1 1 1 1 1 1 5 S16 = S8 + + + + + K + > S8 + ( + K + ) = S8 + > M 9 10 11 12 16 16 16 2 2 ← 8 พจน → n +1 S2n > 2 n +1 ถา M เปนคาคงตัวใด ๆ เราสามารถหาจํานวนเต็มบวก n โดยที่ >M แตสําหรับ 2 n คานี้ เรามี n +1 S2n > >M 2 ดังนั้นจึงไมมีคาคงตัว M คาใดที่มากกวาหรือเทาหรับผลบวกยอยของอนุกรมฮารมอนิก จึงพิสูจนไดวาอนุกรมฮารมอนิกนี้ลูออก โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 26.
    26 แบบฝกหัด 1. ในแตละขอยอย จงหารูปแบบที่ไมมีการขยายพจนของผลบวกยอย S n และจงหาวาอนุกรมที่ กําหนดลูเขาหรือไม ถาลูเขาจงหาผลบวก ∞ ∞ 2 1 ก. ∑ ข. ∑ k =1 (k + 1)(k + 2 ) k −1 k =1 5 ∞ k −1 ∞ 7 ค. ∑ 2 ง. ∑ k k =1 4 k =1 4 ∞ ∞ 4 1 จ. ∑ ฉ. ∑ k =1 (4k − 3)(4 k + 1) k =1 (4k − 3)(4k + 1) จากขอ 2 – 20 จงหาวาอนุกรมลูเขาหรือลูออก ถาลูเขาจงหาผลบวก ∞ ∞ k −1 1 ⎛ 3⎞ 2. ∑ 5k k =1 3. ∑⎜− 4 ⎟ k =1 ⎝ ⎠ ∞ k +2 ∞ k −1 ⎛2⎞ 4. ∑⎜ 3 ⎟ 5. ∑ (− 1) ⋅ 7 k =1 ⎝ ⎠ k =1 6 k −1 ∞ ∞ k +1 7. ∑ ⎛ − 3 ⎞ k −1 6. ∑ 4 ⎜ ⎟ k =1 k =1 ⎝ 4⎠ ∞ ∞ 8. ∑ ⎛ ⎜ 1 − 1 ⎞ ⎟ 9. ∑ 1 k =1 ⎝ k + 3 k +4⎠ k =1 (k + 2 )(k + 3) ∞ ∞ 10. ∑ ⎛ ⎜ 1 1 ⎞ − k +1 ⎟ 11. ∑ 1 k =1 ⎝ 2 2 ⎠ k =1 9k + 3k − 2 k 2 ∞ 1 ∞ 4 k +2 12. ∑ 13. ∑ k =2 k − 1 k =1 7 − 1 2 k ∞ k −1 ∞ k 14. ∑ ⎛ e ⎞ ⎜ ⎟ 15. ∑ ⎛ − 1 ⎞ ⎜ ⎟ k =1 ⎝π ⎠ k =1 ⎝ 2⎠ ∞ ∞ 16. ∑ 5 17. ∑ (− 1)k ⋅ 5 k =1 k − 2 k =1 4k โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 27.
    27 ∞ ∞ 19. ∑ ⎛ 1 ⎞ k 5 18. ∑ 2 k ⎜ − k⎟ k =1 ⎝ 2 3 ⎠ k k =0 5 ∞ 4 20. ∑ k =3 (4k − 3)(4 k + 1) จากขอ 21 - 24 จงกระจายทศนิยมซ้ําในรูปเศษสวน 21. 0.4444K 22. 5.373737 K 23. 0.782178217821K 24. 0.234234234 K 25. ปลอยลูกบอลจากที่สูง 4 เมตร แตละครั้งที่ลูกบอลกระทบพื้น ลูกบอลจะกระดอนขึ้นตามแนวดิ่ง มีความสูงเปน 3 เทาของความสูงกอนหนานั้น จงหาระยะทางรวมที่ลูกบอลเคลื่อนไปไดสมมติ 4 ลูกบอลกระดอนแบบไมหยุด ∞ 26. จงแสดงวา ∑ ln⎛1 − 22 ⎞ = − ln 2 ⎜ ⎟ ⎝ k ⎠ k =2 ∞ k +1 − k 27. จงแสดงวา ∑ =1 k =1 k2 + k 1 1 1 1 28. จงแสดงวา + + +K= 1.3 3.5 5.7 2 29. จงใชอนุกรมเรขาคณิตแสดงวา ∞ k ก. ∑ (− 1) xk = 1 ถา − 1 < x < 1 k =0 1+ x ∞ ข. ∑ (x − 3)k = 1 ถา 2 < x < 4 k =0 4− x ∞ ค. ∑ (− 1)k x 2 k = 1 ถา − 1 < x < 1 k =0 1+ x2 โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 28.
    28 จากขอ 30 –31 จงหาคา x ทั้งหมดที่ทําใหอนุกรมลูเขา และจงหาผลบวก 1 2 4 8 16 30. 2 + 3 + 4 + 5 + 6 +K x x x x x 1 1 1 31. sin x − sin 2 x + sin 3 x − sin 4 x + K 2 4 8 32. ถาดานหนึ่งของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสรูปหนึ่งยาว p หนวย ถาเชื่อมจุดกึ่งกลางของดานทั้งสี่ดวย เสนตรงจะเกิดรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสรูปใหม และถาเชื่อมจุดกึ่งกลางของดานทั้งสี่ของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส รูปใหมน้นดวยเสนตรงอีกก็จะเกิดรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสรูปใหมอีก ทําเชนนี้ไปเรื่อย ๆ จงหาความยาว ั ของเสนรอบรูปของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรสที่เกิดขึ้นทั้งหมด ั 33. รูปสามเหลี่ยมดานเทารูปหนึ่งยาวดานละ 1 นิ้ว ถาแบงครึ่งดานทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมดาน เทารูปนี้แลวสรางรูปสามเหลี่ยมดานเทาอีกรูปหนึ่ง แลวแบงครึ่งดานทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมดาน เทารูปที่สองวนี้แลวสรางรูปสามเหลี่ยมดานเทารูปที่สาม ทําเชนนี้เรื่อย ๆ ไปไมสิ้นสุด จงหาความ ยาวของเสนรอบรูปของรูปสามเหลี่ยมดานเทาทุกรูปที่สรางได 34. ภายในรูปครึ่งวงกลมมีรปสามเหลี่ยมหนาจั่วมุมฉากบรรจุอยู และภายในรูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว ู มุมฉาก จะมีรูปครึ่งวงกลมบรรจุอยูภายใน เปนเชนนี้ไปเรื่อย ๆ ไมส้นสุด ถากําหนดใหรัศมีของรูป ิ ครึ่งวงกลมนอกรูปนอกสุดเทากับ 1 นิ้ว จงหาความยาวของสวนโคงทั้งหมด 35. แมลงตัวหนึ่งซึ่งมีขนาดเล็กมากอยูที่จุด (0,0) บนพิกัดระนาบ xy แลวเดินไปทางขวา 1 หนวย ถึงจุด (1,0) แลวเดินเลี้ยวซายไป 0.5 หนวย ถึงจุด (1,0.5) และตอไปทุก ๆ ครั้งของการเดินทางจะ เดินเลี้ยวซาย แลวเดินเปนระยะครึ่งเทาของการเดินทางครั้งกอนเสมอ ถาแมลงตัวนี้เดินไปเรื่อย ๆ จะเดินเขาใกลจุดใด โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 29.
    29 คําตอบแบบฝกหัด 1. ก. ลูเขาสู 5 ข. ลูเขาสู 1 2 2 7 ค. ลูออก ง. ลูเขาสู 3 จ. ลูเขาสู1 ฉ. ลูเขาสู 1 4 2. ลูเขาสู 1 3. ลูเขาสู 4 4 7 4. ลูเขาสู 8 5. ลูเขาสู 6 9 6. ลูออก 7. ลูออก 8. ลูเขาสู 1 9. ลูเขาสู 1 4 3 10. ลูเขาสู 1 11. ลูเขาสู 1 2 6 12. ลูเขาสู 1 13. ลูเขาสู 448 4 3 π 14. ลูเขาสู 15. ลูเขาสู − 1 π −e 3 16. ลูออก 17. ลูเขาสู 4 18. ลูเขาสู 5 19. ลูเขาสู 17 3 2 1 20. ลูเขาสู 9 4 532 21. 22. 9 99 869 234 23. 24. 1111 999 25. 28 โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท
  • 30.
    30 1 30. x < −2 ∪ x > 2 หรือ x >2 มีผลบวก = x −x 2 2 sin x 31. −∞ < x < ∞ มีผลบวก = 2 + sin x 4 2p 32. หนวย 2 −1 33. 6 นิ้ว 2π 34. นิ้ว 2 −1 35. (0.8 , 0.4) โดย รองศาสตราจารย ดร. ธีระศักดิ์ อุรัจนานนท