พัฒนาตนเอง
การประสบความสำเร็จในเศรษฐกิจฐานความรู้ คือผู้ที่รู้จุดแข็งของตัวเอง มีค่านิยม และมีวิธีการที่ดีที่สุดที่พวกเขาใช้ดำเนินการ (Success in the knowledge economy comes to those who know themselves-their strengths, their values, and how they best perform)
ประวัติของผู้ที่ประสบความสำเร็จในอดีต คือผู้ที่มีการบริหารจัดการตนเองอยู่เสมอ
กล่าวโดยทั่วไป
เราจะต้องเรียนรู้ที่จะจัดการกับตัวเอง
เราจะต้องมีการพัฒนาตัวเอง
เราจะต้องวางตัวเอง ในที่ที่เราสามารถมีผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
เราจะต้องระลึกไว้เสมอว่า ในช่วง 50 ปีของชีวิตการทำงาน เมื่อถึงจุด ๆ หนึ่ง ต้องรู้จักวิธีการและเวลาที่จะเปลี่ยนงานที่ทำ
Managing Oneself (HBR Classic)
Peter F. Drucker
การจูงใจที่เป็นเลิศ ภาคที่สอง Super motivation 2 maruay songtanin
การจูงใจที่เป็นเลิศ ภาคที่ 2
การนำแนวทางการจูงใจที่เป็นเลิศไปสู่การปฏิบัติจริง
The Supermotivation Approach
Putting Supermotivation into Action
Developing Supermotivation Systems
32. 1. ตำแหน่ง (Position Power) (ต่อ)
1.2 กำรควบคุมทรัพยำกรและรำงวัล (Control over resource
and reward) ผู้บริหารระดับสูง จะมีอานาจหน้าที่ในการจัดสรทรัพยากร
ให้รางวัล ให้คุณ (Reward Power) เช่น ค่าตอบแทน (ค่าจ้าง เงินเดือน
ค่าตอบแทนพิเศษ) ความก้าวหน้าในอาชีพ การประกาศเกียรติคุณ
Source of Power In Organizations (ต่อ)
33. 1.3 กำรควบคุมกำรให้โทษ (Control over punishments)
อานาจหน้าที่ในการให้โทษ การมีโอกาสกีดกันไม่ให้ได้รับรางวัล
ตามที่ควรได้ เป็นอานาจเชิงการบังคับ (Coercive Power) มีมากน้อยต่างกันไป
ตามค่านิยมของแต่ละองค์การ เช่น ทหาร อาจมีมากกว่าสถาบันการศึกษา
Source of Power In Organizations (ต่อ)
34. 1.4 กำรควบคุมข่ำวสำรข้อมูล (Control over information)
อานาจหน้าที่ในการเป็นผู้รับรู้ข่าวสาร ข้อมูลก่อนตาแหน่งอื่นๆ
เช่น ผู้นาระดับกลางจะมีโอกาสมาก ทาให้มีอานาจต่อผู้ใต้บังคับบัญชา และ
ต่อผู้บังคับบัญชาได้ รวมทั้งต่อเพื่อนผู้บริหารในระดับเดียวกัน
Source of Power In Organizations (ต่อ)
35. 2. อำนำจเฉพำะตน (Personal Power) คือ บุคคลใดบุคคลหนึ่ง
มี หรือ ครอบครองสิ่งต่อไปนี้
2.1 ควำมเชี่ยวชำญ (Expertise)
Source of Power In Organizations (ต่อ)
36. 2. อำนำจเฉพำะตน (Personal Power) (ต่อ)
2.2 ควำมเป็นเพื่อน/ควำมจงรักภักดี (Friendship/Royalty)
เป็นอานาจอ้างอิง (Referent Power) ขึ้นอยู่กับบุคลิกลักษณะเฉพาะตัว
เป็นเสน่ห์ดึงดูดใจ พื้นฐานอยู่ที่ผู้ถูกใช้อานาจ "ชอบ"
หรือมีความรู้สึก "ใกล้ชิด" จนมีความชื่นชม ศรัทธาในตัวผู้ใช้อานาจ
Source of Power In Organizations (ต่อ)
37. 2. อำนำจเฉพำะตน (Personal Power) (ต่อ)
2.3 ควำมสำมำรถพิเศษ (Charisma)
เป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติเฉพาะที่ต้องตาต้องใจ พูดจาชักจูงเก่ง ปรับตัวได้
เร็ว ทางานทุ่มเท ทาให้คนอื่นๆ เชื่อถือไว้วางใจ ดูเหมือนจะเป็นผู้มี "ญาณ
วิเศษ" เหนือคนอื่น
Source of Power In Organizations (ต่อ)
38. 3. อำนำจทำงกำรเมือง (Political Power) บุคคลหรือกลุ่มสร้างหรือพยายามให้
มีเพื่อควบคุมหรือต่อต้านอานาจของบุคคล หรือกลุ่มบุคคลอื่น เพื่อ
3.1 ควบคุมกระบวนกำรตัดสินใจ (Control over decision Process)
เช่น การจัดสรรทรัพยากร การพัฒนาแผนและนโยบายต่างๆ การมีอานาจ
เหนือกระบวนการตัดสินใจขององค์การ หรือ มีตัวแทนหรือเพื่อนอยู่ใน
ตาแหน่งสาคัญๆ
www.themegallery.com
Source of Power In Organizations (ต่อ)
39. 3.2 การรวมกลุ่ม (Coalition)
บุคคล หรือกลุ่มบุคคลหนึ่งไม่สามารถจะกระทาการใดๆ ได้ตาม
ความต้องการ ต้องอาศัยวิธีการทางการเมืองมาเสริมสร้างอานาจ โดยรวมเป็น
กลุ่ม เพื่อรวมพลังสนับสนุนหรือต่อต้านให้เกิด การเปลี่ยนแปลงตามที่ต้องการ
www.themegallery.comLOGO
Source of Power In Organizations (ต่อ)
40. สรุปแหล่งอำนำจหรือฐำนอำนำจของผู้นำ
1. อานาจจากการให้รางวัล (Reward Power)
2. อานาจจากการให้โทษ หรืออานาจเชิงการบังคับ (Coercive Power)
3. อานาจตามกฎหมาย (Legitimate Power)
4. อานาจจากความสามารถ (Expert Power)
5. อานาจอ้างอิง (Referent Power)
Source of Power In Organizations (ต่อ)