More Related Content
Similar to การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการ(1)
Similar to การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการ(1) (20)
More from Aon Narinchoti (20)
การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการ(1)
- 1. การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบบูรณาการ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์
4
นายนริ นทร์ โชติ บุณยนันท์สิริ โรงเรี ยนจตุรพักตรพิมานรัชดาภิเษก จังหวัดร้อยเอ็ด
27
E-mail : narinchoti@gmail.com
บทคัดย่อ
การจัดกิจกรรมการเรี ยนรู ้ในกลุ่มสาระการเรี ยนรู้คณิ ตศาสตร์ในบางหัวข้อยังไม่บรรลุผล
ครู เป็ นผู้
าจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้
สร้าง
และหาประสิ ทธิ ภาพกระบวนการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้
4
กําหนด 80/80 ศึกษาดัชนีประสิ ทธิ ผลของกระบวนการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้แบบบูรณาการ
4/10 ปี การศึกษา
2555 โรงเรี ยนจตุรพักตรพิมานรัชดาภิเษก อําเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด จํานวน 43 คน
จํานวน 1
(Purposive Sampling)
การศึกษา มี 3 ชนิด ได้แก่ กิจกรรมการเรี ยนรู้แบบบูรณาการ จํานวน 10 กิจกรรม เวลา 10
4 ตัวเลือก จํานวน 40 ข้อ มีค่าความยากง่าย
0.42 – 0.58
0.25 – 0.67
ฉบับเท่ากับ 0.72 แบบสอบถามวัดความพึงพอใจของนักเรี ยน จํานวน 20
0.80
และการทดสอบสมมติฐานใช้ t – test (Dependent Samples)
- 2. 1. กิจกรรมการเรี ยนรู้
4
มีประสิ ทธิภาพ เท่ากับ 84.40/80.29
4
สาระการ
0.7364
2. กิจกรรมการเรี ยนรู้
3.
4
เรี ยน
ารเรี ยน
.01
4.
4
4.79 และ
เท่ากับ 0.52 แสดงว่ามีความพึงพอใจ
คําสํ าคัญ : คณิตศาสตร์ , การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ บูรณาการ
บทนํา
การจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้มีหลายรู ปแบบ เช่น การเรี ยนรู้โดยโครงงาน การใช้
กระบวนการกลุ่ม การจัดการเรี ยนรู ้แบบมุ่งประสบการณ์ทางภาษา บทเรี ยนสําเร็ จรู ป เกมการศึกษา
บทบาทสมมติ การแสดงละคร การจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้แบบบูรณาการ เป็ นต้น (วิมลรัตน์ สุ นทร
โรจน์. 2545 : 153 – 178)
หลากหลาย ผูสอนต้องคํานึงถึงพัฒนาการทางด้านร่ างกาย และสติปัญญา วิธีการเรี ยนรู้ ความสนใจ
้
ตนเอง การเรี ยนรู ้ร่วมกัน การเรี ยนรู้จากธรรมชาติ การเรี ยนรู้จากการปฏิบติจริ งและการเรี ยนรู้แบบ
ั
กระบวนการทาง
กําหนดเป้ าหมายการเรี ยนร่ วมกัน ยึดผูเ้ รี ยนเป็ นสําคัญโดยการนํากระบวนการเรี ยนรู้จากกลุ่มสาระ
- 3. เดียวกันหรื อต่างกลุ่มสาระการเรี ยนรู้มาบูรณาการในการจัดการเรี ยนการสอน (กรมวิชาการ. 2544 :
21)
สภาพปั จจุบนของโรงเรี ยนจตุรพักตรพิมานรัชดาภิเษก อําเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัด
ั
ร้อยเอ็ด
27
นักเรี ยน ปี การศึกษา 2554
4 เท่ากับ 40.43 (
27. 2554 : 118)
ละไม่ผานเกณฑ์ร้อยละ 50
่
ไม่สนองตอบกระบวนการเรี ยนรู ้ของผูเ้ รี ยน ผูสอนส่ วนมากจัดกิจกรรมการเรี ยนการสอนโดยเน้น
้
(วิชย วงษ์ใหญ่. 2542 : 2) ครู ให้ความสนใจและความสําคัญแก่นกเรี ยนน้อยมากไม่สนใจความ
ั
ั
โดยไม่คานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล (รุ่ ง แก้วแดง. 2543 : 139)
ํ
มากกว่าสอนกระบวนการแสวงหาความรู้ไม่ได้ดึงเอาศักยภาพของนักเรี ยนออกมาใช้
(บูรชัย ศิริมหาสาร. 2547 : 20) การสอนของครู ส่วนใหญ่ยดหนังสื อแทนหลักสู ตรและสอนโดยวิธี
ึ
บรรยาย (ประไพวรรณ โกศัยสุ นทร. 2533 : 33 – 34)
ความทุกข์ (ประเวศ วะสี . 2542 : 11)
(2542 : 43)
สนใจเรี ยนมากเท่
มาจาก Irving. 1966 : 706 - 715 )
”
“
(คําเพียร ปราณี ราช. 2542 : 3 ; อ้างอิง
จะเป็ นวิชาใด ๆ ก็
ดกิจกรรมประกอบการสอน
- 4. (สุ ภา ยธิกุล. 2543 : 4) จากสาเหตุดงกล่าวชาตรี สําราญ (2546 :
ั
28) ได้กล่าวถึงวิธีการแก้ปัญหาและพัฒนากิจกรรมการเรี ยนการสอนโดยการจัดการเรี ยนการสอน
ด้
(ธีระชัย ปูรณโชติ. 2543 : 14)
1)
าใจความสัมพันธ์ระหว่าง
2)
3)
ดรวบยอดจากหลาย ๆ สาขาวิชาเข้าด้วยกันมี
4) การเรี ยนการสอนแบบบูรณาการสามารถตอบสนองต่อความสามารถของผูเ้ รี ยน
อนไหว
5)
การสร้างความรู ้โดยผูเ้ รี ยน
ผูศึกษาค้นคว้าได้ตระหนักถึงความสําคัญของการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้แบบบูรณาการจึง
้
4
- 5. วัตถุประสงค์ ของการศึกษาค้ นคว้ า
1.
ความสัมพันธ์และฟังก์ชน
ั
80/80
2.
แบบบูรณาการ
4
ความสัมพันธ์และฟังก์ชน กลุ่มสาระ
ั
4 ระหว่างก่อนเรี ยนและหลังเรี ยน โดยการจัดกิจกรรม
การเรี ยนรู ้แบบบูรณาการ
3.
แบบบูรณาการ
ความสัมพันธ์และฟังก์ชน
ั
4
4.
แบบบูรณาการ
ความสัมพันธ์และฟังก์ชน กลุ่มสาระการเรี ยนรู้คณิ ตศาสตร์
ั
4
สมมติฐานของการศึกษาค้ นคว้ า
1. การจัดการเรี ยนรู ้
4
80/80
2.
การจัดกิจกรรม
การเรี ยนรู ้แบบบูรณาการ ความสัมพันธ์และฟังก์ชน กลุ่มสาระการเรี ยนรู้คณิ ตศาสตร์
ั
4
.01
ขอบเขตของการศึกษาค้ นคว้ า
1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
1.1
4
2 ปี การศึกษา 2555 โรงเรี ยนจตุรพักตรพิมานรัชดาภิเษก อําเภอจตุรพักตรพิมาน
จังหวัดร้อยเอ็ด
27 จํานวน 10 ห้องเรี ยน จํานวน
นักเรี ยน 450 คน
1.2
4/10
1 ปี การศึกษา 2555 โรงเรี ยนจตุรพักตรพิมานรัชดาภิเษก อําเภอจตุรพักตรพิมาน
จังหวัดร้อยเอ็ด
27ในการเลือกกลุ่มตัวอย่างได้ทาการ
ํ
- 6. เลือก โดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จากนักเรี ยน จํานวน 10 ห้องเรี ยน โดยได้
เลือกนักเรี ยนจํานวน 1 ห้องเรี ยน รวม 43 คน มาเป็ นกลุ่มทดลอง
2.
พันธ์และฟังก์ชน กลุ่มสาระ
ั
4
พุทธศักราช 2551
3.
3.1 ตัวแปรต้น
การจัดการเรี ยนรู ้แบบบูรณาการ
3.2 ตัวแปรตาม
3.2.1
3.2.2
แบบบูรณาการ
4
4. ระยะเวลาในการศึกษาพัฒนา
21 พฤษภาคม 2555
18 มิถุนายน 2554 รวม 10
ค้ นคว้ า
การ
3 ชนิด คือ
1. กิจกรรมการเรี ยนรู้แบบบูรณาการ
ความสัมพันธ์และฟังก์ชน กลุ่มสาระ
ั
4 จํานวน 10 กิจกรรม
2.
4 ตัวเลือก จํานวน 40 ข้อ
3.
ความสัมพันธ์และฟังก์ชน
ั
4
วิธีการดําเนินการศึกษาค้ นคว้ า
ผูศึกษาค้นคว้า
้
1
1. ทดสอบก่อนเรี ยน (Pre-test)
เก็บคะแนนไว้
40 ข้อ
4 ตรวจแล้ว
- 7. 2. ดําเนินการทดลอง โดยการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้
4 จํานวน 10
กิจกรรมใช้เวลาทดลอง รวม 10
3. ทดสอบหลังเรี ยน (Post – test)
2
ด้วยกิจกรรมการเรี ยนรู ้
นสุ ดการดําเนินการทดลอง โดยใช้
การเรี ยนรู้
รี ยนรู้
4
3 นําผลการตอบของนักเรี ยนมาวิเคราะห์หาค่าทางสถิติ ได้แก่
1. การวิเคราะห์ประสิ ทธิภาพของกระบวนการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ ตามเกณฑ์
80/80
2. การวิเคราะห์เปรี ยบเทียบความแตกต่างระหว่างคะแนนทดสอบก่อนเรี ยนและ
หลังเรี ยน
3. การวิเคราะห์หาค่าดัชนีประสิ ทธิผลของกระบวนการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้
4.
4 สรุ ปผลการทดลอง
การวิเคราะห์ ข้อมูล
ผูศึกษา
้
1.
1.1
(Content Validity)
ทางการเรี ยน โดยใช้สูตรดัชนีความสอดคล้อง IOC
1.2 หาความยากง่าย (Difficulty) (P)
รายข้อ
1.3 หาค่าอํานาจจําแนก (Discrimination) (D)
ทางการเรี ยนรายข้อ
1.4
(Reliability) (rtt)
ทางการเรี ยน
2. การหาคุณภาพของแบบสอบถามวัดความพึงพอใจของผูเ้ รี ยน
2.1
(Content Validity) ของแบบสอบถามวัดความพึง
- 8. พอใจ โดยใช้สูตรดัชนีความสอดคล้อง IOC
2.2
Cronbach วิเคราะห์
ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสําเร็ จรู ป Statistical Package for the Social Sciences (SPSS for Windows)
3. การวิเคราะห์แบบประเมินกิจกรรมการเรี ยนรู้
4
การแปลผล
4.51 – 5.00
3.51 – 4.50
เหมาะสมมาก
2.51 – 3.50
เหมาะสมปานกลาง
1.51 – 2.50
เหมาะสมน้อย
1.00 – 1.50
4. การวิเคราะห์หาประสิ ทธิภาพของกระบวนการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ แบบบูรณา
4 ตาม
เกณฑ์ 80/80
4.1 ร้อยละ
4.2
4.3
4.4 การคํานวณหาประสิ ทธิภาพของกิจกรรมการเรี ยนรู้ตามเกณฑ์ 80/80
5. การวิเคราะห์หาค่าดัชนีประสิ ทธิผลของกระบวนการจัดการเรี ยนรู้ แบบบูรณาการ
4 โดยใช้สถิติ
5.1 ร้อยละ
5.2
5.3
5.4 การคํานวณหาดัชนีประสิ ทธิผลของกิจกรรมการเรี ยนรู้
6.
กิจกรรมการเรี ยนรู ้
4
บนมาตรฐาน กําหนดการตัดสิ นผลการประเมิน
- 9. การแปลผล
4.51 – 5.00
3.51 – 4.50
2.51 – 3.50
1.51 – 2.50
1.00 – 1.50
เหมาะสมมาก
เหมาะสมปานกลาง
เหมาะสมน้อย
สรุ ปผลการศึกษา
จากการศึกษา
4
1. กิจกรรมการเรี ยนรู้
ความสัมพันธ์และฟังก์ชน กลุ่มสาระการ
ั
มีประสิ ทธิภาพ เท่ากับ 84.40/80.29
4
2.
4 หลังเรี ยนสู งกว่าก่อนเรี ยน อย่างมีนยสําคัญ
ั
.01
3. ดัชนีประสิ ทธิ ผลของกระบวนการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้
4 มีค่าเท่ากับ
0.50 หรื อร้อยละ 50
0.7364 หรื อร้อยละ 73.64
73.64 หลังจากการเรี ยนรู้
4
4.
แบบบูรณา
4
เรี ยนครบทุกกิจกรรม พบว่านักเรี ยนมีความพึงพอใจต่อกระบวนการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ มี
4.79
0.52 แสดงว่ามีความพึงพอใจอยูในระดับ
่
- 10. ข้ อเสนอแนะ
1. ข้อเสนอแนะในการนําไปใช้
1.1 ครู ผสอนควรนํากกิจกรรมการเรี ยนรู้แบบบูรณาการไปใช้ในกิจกรรมการเรี ยน
ู้
การสอนได้ทุกกลุ่มสาระเพราะเป็ นกิจกรรม
1.2 การนําแผนการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ แบบบูรณาการไปใช้ ครู ผสอนควรมี
ู้
1.3
แต่ละกิจกรรม
1.4
ความสะดวก และช่วยแก้ปัญหาให้กบนักเรี ยนในการทํางานกลุ่ม ควรเสริ มแรงและให้กาลังใจทุก
ั
ํ
1.5 การจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ ถ้าจัดกิจกรรมเป็ นกลุ่มควรแบ่งนักเรี ยนแบบคละ
2.
2.1
8
สมองโดยใช้รูปแบบวัฏจักรการเรี ยนรู้ 4 MAT
2.2 ควรมีการพัฒนากิจกรรมการเรี ยนรู้บูรณาการควบคู่ไปกับนวัตกรรมต่าง ๆ
ศึกษาว่ามีความแตกต่างกันและศึกษาข้อดีของแต่ละประเภทและสามารถนําไปใช้ได้อย่างเหมาะสม
2.3
ความคงทนในการเรี ยนรู ้ ระดับสติปัญญาในการเรี ยนรู้ดวยรู ปแบบการจัดกระบวนการเรี ยนรู้
้
แบบสร้างองค์ความรู ้ เป็ นต้น