SlideShare a Scribd company logo
1 of 9
Download to read offline
HMP18-1
 กระบวนการตัดสิ นใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6 เรื่อง โรงไฟฟานิวเคลียร์ สําหรับประเทศไทย
                                                                  ้
  จากการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสั งคม (STS) ของ Yuenyong (2006)
 Grade 12 Students’ Decision Making Process in Physics Learning about Nuclear Power Plants
   in Thailand Through Yuenyong (2006) Science Technology and Society (STS) Approach
               ศักดิ์อนันต์ อนันตสุ ข (Sakanan Anantasook)* โชคชัย ยืนยง (Chokchai Yuenyong)**

                                                     บทคัดย่ อ
         การวิจยครั้งนี้ มีวตถุประสงค์เพื่อศึกษากระบวนการตัดสิ นใจของนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6 เรื่ อง โรงไฟฟ้ า
               ั            ั
นิวเคลียร์สาหรับประเทศไทย จากการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม (STS) ของ
           ํ
Yuenyong (2006) กลุ่มเป้ าหมายเป็ นนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6 ภาคเรี ยนที่ 1 ปี การศึกษา 2553 โรงเรี ยนนารายณ์คา
                                                                                                                    ํ
ผงวิทยา จํานวน 40      คน จําแนกเป็ นนักเรี ยนกลุ่มเก่ง 3     กลุ่ม และนักเรี ยนกลุ่มอ่อน 3      กลุ่ม เครื่ องมื อที่ ใช้
ในการวิจย ได้แก่ (1) แผนการจัดการเรี ยนรู้ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม ของ Yuenyong (2006)
        ั
(2) แบบแผนสําหรับการลงรหัสพฤติกรรมกระบวนการตัดสิ นใจ (ISPED) (3) การสังเกตแบบมีส่วนร่ วม (4) การ
สัมภาษณ์อย่างไม่เป็ นทางการ (5) อนุทิน และ (6) ผลงานนักเรี ยน ผลการวิจยพบว่า นักเรี ยนนําความรู้วิทยาศาสตร์ และ
                                                                          ั
ศาสตร์อื่นๆ มาใช้ในการตัดสิ นใจ โดยนักเรี ยนกลุ่มเก่งและนักเรี ยนกลุ่มอ่อนมีกระบวนการตัดสิ นใจเหมือนกัน

                                                   ABSTRACT
         This research aimed to study grade 12 students’ decision making process in Physics learning about nuclear
power plants in Thailand through Yuenyong (2006) Science Technology and Society (STS) Approach. The
participants were 40 Grade 12 students in Naraikhampongwitthaya School of Surin province, Thailand,1st semester of
2010 academic year. The nuclear power plants in Thailand unit through STS approach was developed based on
framework of Yuenyong (2006). This intervention had carried out for 3 weeks. Methodology regarded interpretive
paradigm. Students’ decision making process was interpreted from participant observation and protocol of ISPED
decision making process. The findings revealed that students apply knowledge of science, technology and society to
decisions. The high and low ability students are similar decision making process and proceed regarding to as
specified by IPED decision making process.


คําสํ าคัญ : กระบวนการตัดสิ นใจ ฟิ สิ กส์นิวเคลียร์ แนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม
Key Words : Decision making process, Nuclear physics, Science technology and society approach
* มหาบัณฑิต หลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ ศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่ น
** อาจารย์ ประจําสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ ศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่ น




                                                     1463
HMP18-2
บทนํา                                                                    วิ จ ารณญาณเป็ นเหตุ เ ป็ นผล หรื อเป็ นการตัด สิ น ใจ
               การศึ ก ษาด้า นวิท ยาศาสตร์ แ ละเทคโนโลยี                 ที่ ใช้ เพียงความรู้ สึกนึ กคิ ด ซึ่ งจะก่ อให้เกิ ดผลเสี ยกับ
นับเป็ นเครื่ องมื อที่ มีความสําคัญอย่างยิ่งในการพัฒนา                  ตัว เองและสั ง คมไทยทั้ง ในระยะสั้ นและระยะยาว
ทรั พ ยากรมนุ ษ ย์ เพื่ อ เป็ นรากฐานในการพัฒ นา                          (โชคชัย และวิมล, 2552) และสังคมไทยเป็ นสังคม
เศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิต                          ประชาธิ ปไตย ประชาชนมี สิทธิ เสรี ภาพในการแสดง
และการกินดีอยู่ดี ให้เกิดขึ้นกับประชาชนทั้งมวล การ                       ความคิดเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดําเนิ นโครงการ
ดํารงชีวิตและการประกอบอาชีพของทุกคน จําเป็ นต้อง                         สําคัญต่าง ๆ ของภาครั ฐ ที่ มีผลกระทบต่อมนุ ษย์และ
อาศัยวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีมากขึ้นทุกขณะอย่าง                          สิ่ ง แวดล้อ ม ต้อ งมี ก ารทํา ประชาพิ จ ารณ์ ห รื อ รั บ ฟั ง
หลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะที่เป้ าหมายการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์                  ความเห็นจากประชาชน ให้ประชาชนมีส่วนร่ วมในการ
ของไทยในปั จจุ บน คื อ การมุ่งเน้นให้ผูเ้ รี ยนได้เป็ นผู้
                        ั                                                ตัดสิ นใจ
เรี ยนรู้และค้นพบด้วยตนเองมากที่สุด มีทกษะที่สาคัญ ั           ํ                       ดังนั้น กระบวนการตัดสิ นใจจึงควรถูกจัดให้
ในการศึ ก ษาค้ น คว้ า หาความรู้ และคิ ด ค้ น ทาง                        เป็ นส่ วนหนึ่ งในหลักสู ตรวิทยาศาสตร์ (Watson, 1980
วิท ยาศาสตร์ แ ละเทคโนโลยี มี ค วามสามารถในการ                           อ้างถึงใน Jung and Nam, 2004) และวิทยาศาสตร์ ศึกษา
แก้ปัญหาอย่างเป็ นระบบ มี ทกษะในการสื่ อสาร และ
                                    ั                                    ควรมี การศึ กษาเพื่อ พัฒนายุท ธศาสตร์ เพื่ อ สนับ สนุ น
สามารถตั ด สิ นใจโดยใช้ ข ้อ มู ล หลากหลายและมี                          กระบวนการตัดสิ นใจของนักเรี ยน ซึ่ งการตัดสิ นใจนั้น
ประจัก ษ์พ ยานที่ ต รวจสอบได้ (สถาบัน ส่ ง เสริ ม การ                                             ่
                                                                         เป็ นสิ่ งที่เกิดขึ้นอยูแทบตลอดเวลาในชีวิตของเราแต่ละ
สอนวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี, 2545) แต่วฒนธรรม          ั                 คน (Driver and Easley, 1978 อ้างถึงใน Jung and Nam,
การเรี ย นรู้ วิท ยาศาสตร์ ใ นชั้น เรี ย นปั จ จุ บ ัน ที่ เ น้น ให้     2004) หากเราสามารถจัดประสบการณ์การเรี ยนรู้ให้
ผูเ้ รี ยนเรี ยนเพื่อสามารถทําคะแนนสอบแข่งขันได้ ทั้ง                    นัก เรี ย นมี ก ระบวนการตัดสิ น ใจที่ ดี ก็จ ะนํา ไปสู่ ก าร
ในระดับชั้นเรี ยน ระดับโรงเรี ยนและระดับชาติ อีกทั้ง                     ตัดสิ นใจที่ดีและมีเหตุผล
เป้ าหมายในการเรี ยนของผูเ้ รี ยนเอง ที่ตองการนําความรู้
                                             ้                                         ฟิ สิ กส์นิวเคลียร์ เป็ นสาระการเรี ยนรู้หนึ่ งใน
ไปใช้ส อบแข่ ง ขัน เพื่ อ ศึ ก ษาต่ อ ในระดับ อุ ด มศึ ก ษา              วิ ช าฟิ สิ ก ส์ ระดับ ชั้น มัธ ยมศึ ก ษาตอนปลาย โดยมี
สําหรั บนักเรี ยนที่ ไม่ได้ศึกษาต่อ จะมีเป้ าหมายในการ                   แนวคิ ด หลัก ที่ นั ก เรี ยนต้อ งเรี ยนรู้ ดัง นี้ การค้น พบ
เรี ยนเพื่อให้จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย                         กัมมันตภาพรังสี การเปลี่ยนสภาพนิ วเคลียส การสลาย
และได้วุฒิทางการศึกษาเพื่อนําไปเป็ นหลักฐานในการ                         ของนิ วเคลียสกัมมันตรังสี ไอโซโทป เสถียรภาพของ
ใช้ป ระกอบอาชี พ ในโรงงาน ห้า งร้ า น บริ ษ ัท ในเขต                     นิ วเคลียส ปฏิกิริยานิ วเคลียร์ ประโยชน์และโทษของ
อุตสาหกรรมต่าง ๆ การเรี ยนวิทยาศาสตร์ จึงเป็ นการ                        กัมมันตภาพรังสี และพลังงานนิวเคลียร์ (สถาบันส่ งเสริ ม
เรี ยนที่ไม่ได้เรี ยนรู้ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ ให้ลึกซึ้ ง               การสอนวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี, 2546) ซึ่ งผลผลิต
ทํา ให้ก ารเรี ย นการสอนวิท ยาศาสตร์ ไ ม่ เกี่ ย วข้อ งกับ               จากความรู้น้ ี ได้ถูกนําไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาชีวิต
ชี วิตประจําวัน เพราะเป็ นแค่ความรู้ ความจําที่ ใช้สอบ                   ของมนุ ษย์อย่างกว้างขวาง เช่น ด้านการแพทย์ ที่ใช้ใน
เท่านั้น ซึ่ งวัฒนธรรมและเจตคติที่กล่าวมาข้างต้น อาจ                     การตรวจวินิจฉัยและบําบัดรักษาอาการเจ็บป่ วย รวมถึง
ทําให้สังคมไทยมี ความเป็ นวิท ยาศาสตร์ น้อยลง และ                        การทํา ให้ ผ ลิ ต ภัณ ฑ์ ท างการแพทย์ป ลอดเชื้ อ ด้า น
เมื่อสังคมตกอยู่ในภาวะที่จาเป็ นจะต้องมีการตัดสิ นใจ
                                 ํ                                       เกษตรกรรม เช่น การปรับปรุ งพันธุ์ การทําหมันแมลง
ร่ วมกัน ลักษณะนิ สัยดังกล่าวจะทําให้การตัดสิ นใจนั้น                    ศัตรู พืช การฉายรั งสี ชะลอการงอก และการฉายรั ง สี
ขาดความรอบคอบ ขาดการไตร่ ตรอ งอย่ า งมี                                  ถนอมอาหาร ด้านอุตสาหกรรม เช่น การผลิตกระดาษ




                                                                  1464
HMP18-3
การตรวจหาจุดที่ชารุ ดเสี ยหายในท่อของอุตสาหกรรม
                         ํ                                                            จ า ก ก า ร ศึ ก ษ า แ น ว คิ ด วิ ท ย า ศ า ส ต ร์
ปิ โตรเลียม ตรวจหาแหล่งแร่ การเปลี่ยนสี ของอัญมณี                     เทคโนโลยีและสังคม (Science Technology and
ด้านการศึกษาและด้านวิชาการ เช่น ช่วยในการตรวจหา                       Society (STS)) พบว่าเป็ นแนวคิดในการจัดการเรี ยน
อายุของโบราณสถาน โบราณวัตถุ ซากดึกดําบรรพ์ และ                        การสอนวิทยาศาสตร์ ที่เกี่ ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ และ
ด้านพลังงาน สามารถนําพลังงานความร้อนที่ได้ไปผลิต                      เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นจริ ง แทนการเรี ยนการสอนที่เริ่ มต้น
ไอนํ้าสําหรับปั่ นเครื่ องกําเนิ ดไฟฟ้ า ผลิตกระแสไฟฟ้ า              ด้วยแนวคิ ดและกระบวนการ ซึ่ งเป็ นการส่ งเสริ มให้
ได้ โดยปี พ.ศ. 2550 คณะกรรมการนโยบายพลังงาน                           ผูเ้ รี ย นรู้ จัก การวิเ คราะห์ แ ละประยุก ต์ใช้แ นวคิ ด และ
แห่ งชาติ (กพช.) ได้เห็นชอบบรรจุโครงการโรงไฟฟ้ า                      กระบวนการในสถานการณ์จริ ง ทําให้ผูเ้ รี ยนสามารถ
นิ วเคลียร์ ไว้ในแผนพัฒนากําลังผลิตไฟฟ้ าของประเทศ                    เชื่ อมโยงกระบวนการเรี ย น รู้ ในห้ อ งเรี ยนกั บ
ไทย พ.ศ. 2550 - 2564 (Power Development Plan :                        สถานการณ์ จ ริ ง ในท้อ งถิ่ น ของผู้เ รี ย นได้ ผู้เ รี ย นจะ
PDP 2007) โดยกําหนดให้มีโรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ ในปี                     พัฒนาทั้งความคิ ดสร้ างสรรค์ เจตคติ ต่อวิทยาศาสตร์
พ.ศ. 2563 และ 2564 (นวลฉวี, 2553) แต่โครงการ                          ได้ใ ช้แ นวคิ ด ทางวิ ท ยาศาสตร์ แ ละกระบวนการทาง
โรงไฟฟ้ านิ ว เคลี ย ร์ ย ัง ไม่ เ ป็ นที่ ย อมรั บ โดยทั่ว ไป        วิทยาศาสตร์ ในชี วิตประจําวัน และกล้าตัดสิ นใจด้วย
เนื่ องจากคนในสังคมยังไม่ไว้วางใจในความปลอดภัย                        ตนเอง (NSTA, 1993 อ้างถึงใน เกียรติศกดิ์, 2544) ซึ่ ง  ั
ของโรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ ไม่มนใจในระบบการขจัดกาก
                                      ั่                              เป็ นวิธีการที่ดีที่สุดในการเตรี ยมผูเ้ รี ยนให้มีความพร้อม
กัมมันตรั งสี จากเชื้ อเพลิงนิ วเคลียร์ ที่ใช้แล้ว ซึ่ งต้องใช้       ต่ อ สถานการณ์ ใ นปั จ จุ บ ัน และเตรี ย มบทบาทของ
เวลานั บ หมื่ น ปี ก่ อ นที่ จ ะสลายตัว จนไม่ เ ป็ นภัย ต่ อ          พลเมื อ งในอนาคต ที่ มี ค วามรู้ ค วาม สามารถด้า น
สิ่ งแวดล้อม (กรรติกา, 2550) ขณะเดียวกัน จากกรณี การ                  วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (Wilson and Livingston,
ระเบิดของโรงไฟฟ้ าเชอร์ โนบิล (Chernobyl) ที่ประเทศ                   1996 อ้างถึงใน อรอนงค์, 2553)
ยู เ ครน และเหตุ ก ารณ์ อุ บ ั ติ เ หตุ ท างรั ง สี ที่ จั ง หวัด                     สํา หรั บ งานวิจัย นี้ ผูวิจัย เลื อ กใช้ก ารจัด การ
                                                                                                                ้
สมุ ท รปราการ ทํา ให้ ค นไทยได้เ รี ยนรู้ ว่ า รั ง สี จ าก           เรี ยนรู้ ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม
อุบติเหตุทางรังสี เหล่านี้ อาจทําให้ผูได้รับรังสี เสี ยชี วิต
      ั                                      ้                        ของ Yuenyong (2006) เพราะเป็ นแนวทางการจัดการ
เป็ นโรคมะเร็ ง หรื ออาจทําให้ทารกในครรภ์ม ารดาที่                    เรี ยนรู้เพื่อให้ผเู้ รี ยนได้เรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ ตามธรรมชาติ
ได้รั บ รั ง สี พิ ก าร จึ ง ทํา ให้ป ระชาชนมี ค วามกัง วลถึ ง        ของวิ ท ยาศาสตร์ ด้ว ยกระบวนการกลุ่ ม และเน้น การ
ความปลอดภัยของการใช้พลังงานนิ วเคลี ยร์ ในอาณา                        ตัดสิ นใจที่เคารพความคิดเห็ นและความรู้ สึกของผูอื่น              ้
บริ เวณถิ่นที่อยูอาศัย่                                               โดยมีการจัดการเรี ยนรู้ 5 ขั้นตอน ได้แก่ (1) ขั้นระบุ
             ดั ง นั้ น ในการจั ด การเรี ยนรู้ เ รื่ อง ฟิ สิ กส์     ประเด็นทางสังคม, (2) ขั้นระบุแนวทางการหาคําตอบ
นิวเคลียร์ จึงควรมีเป้ าหมายเพื่อให้ผเู้ รี ยนได้รู้และเข้าใจ         อย่างมีศกยภาพ, (3) ขั้นต้องการความรู้, (4) ขั้นทําการ
                                                                                    ั
เรื่ อ ง กัม มัน ตภาพรั ง สี แ ละพลัง งานนิ ว เคลี ย ร์ อย่า ง        ตัดสิ นใจ และ (5) ขั้นกระบวนการทางสังคม และ
ลึกซึ้ ง เพื่อเตรี ยมความพร้อมด้านบุคลากรของประเทศ                    ในงานวิจัยนี้ ได้จดกลุ่มนักเรี ยนเป็ นนักเรี ยนกลุ่มเก่ง
                                                                                                 ั
ให้แน่ ใจได้ว่าคนรุ่ นใหม่จะมีความรู้และทักษะที่ จะทํา                และนั ก เรี ยนกลุ่ ม อ่ อ น ทั้ง นี้ เพื่ อ ช่ ว ยส่ ง เสริ มการมี
ให้พวกเขาสามารถทําการอภิ ปรายต่อสาธารณชนให้                           ปฏิสัมพันธ์และส่ งเสริ มบทบาทการทํางานร่ วมกันของ
เข้าใจได้และสามารถทําการตัดสิ นใจอย่างผูที่มีความรู้  ้               นักเรี ยนในแต่ละกลุ่ม ให้สามารถทําการตัดสิ นใจอย่าง
ได้ (Dawson, 2006 อ้างถึงใน นวลพักตร์ , 2552) และ                     ผูมีความรู้ได้
                                                                          ้
เลือกตัดสิ นใจได้อย่างมีเหตุผล (พงศาล, 2550)




                                                               1465
HMP18-4
วัตถุประสงค์ ของการวิจัย                                               ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง (S), เสนอทางเลือก (P), ประเมิน
         เพื่ อ ศึ ก ษ า ก ร ะ บ ว น ก า ร ตั ด สิ น ใ จ เ รื่ อ ง     ทางเลือก (E) และตัดสิ นใจเลือกทางเลือก(D)
โรงไฟฟ้ านิ วเคลี ยร์ สําหรั บประเทศไทย ของนักเรี ยน                              2. เครื่ องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล ได้แก่
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6 จากการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ ตาม                การสังเกตแบบมี ส่วนร่ วม การสัมภาษณ์ อย่างไม่เป็ น
แนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม (STS) ของ                          ทางการ อนุทินและผลงานนักเรี ยน
Yuenyong (2006)
                                                                       วิ ธีดาเนิ นการวิ จย
                                                                               ํ                  ั
รู ปแบบการวิจัย                                                               การจัดการเรี ยนรู้เรื่ อง โรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ สําหรับ
            การวิจยครั้ งนี้ เป็ นการวิจยเชิ งคุณภาพที่ เน้น
                    ั                   ั                              ประเทศไทย ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและ
การตีความ (Interpretive paradigm) เทคนิ คที่ทาให้       ํ              สังคม ของ Yuenyong (2006) ผูวิจยเปิ ดประเด็นโดย
                                                                                                                  ้ ั
งานวิจยมีความเชื่อถือ (Trustworthiness) ในการวิจยเชิง
          ั                                          ั                 สอบถามนั ก เรี ยนว่ า “ถ้า โลกนี้ ไม่ มี ไ ฟฟ้ า จะเป็ น
ตีความ สามารถวัดค่าได้จาก ความตรงภายใน (Internal                       อย่างไร” และ “เราควรเตรี ยมการรับมือกับสถานการณ์
validity) ความตรงภายนอก (External validity) ความ                       ไม่มีไฟฟ้ าใช้อย่างไร” ซึ่ งส่ วนใหญ่นักเรี ยนจะตอบว่า
เที่ ย ง (Reliability) และความเป็ นปรนัย (Objectivity)                 ต้องหาแหล่งพลังงานทดแทน ตัวอย่างเช่น พลังงานนํ้า
(Lincoln and Guba, 1985; Merriam, 1988; Altheide                       จากเขื่อน พลังงานลม พลังงานจากชี วมวล พลังความ
and Johnson, 1994 อ้างถึงใน โชคชัย, 2552)                              ร้อนใต้พิภพ พลังสุ ริยะและพลังงานนิ วเคลียร์ จากนั้น
                                                                       ผูวิ จัย จึ ง ให้ข ้อ มู ล ว่า พลัง งานนิ ว เคลี ย ร์ เป็ นหนึ่ ง ใน
                                                                           ้
กลุ่มเป้ าหมาย                                                         พลังงานทางเลือกสําคัญของอนาคต ซึ่ งนักวิทยาศาสตร์
            กลุ่ ม เป้ าหมายเป็ นนัก เรี ย นระดับ ชั้น มัธ ยม          เห็นว่า ปฏิกิริยานิ วเคลียร์ ที่เกิดขึ้นจากเชื้อเพลิงของธาตุ
ศึกษาปี ที่ 6 ภาคเรี ยนที่ 1 ปี การศึกษา 2553 โรงเรี ยน                ยูเรเนี ยม-235 เพียงน้อยนิ ดแต่สามารถให้พลังงาน
นารายณ์คาผงวิทยา จังหวัดสุ รินทร์ จํานวน 40 คน
             ํ                                                         มหาศาล จึ ง มี ก ารสร้ า งโรงไฟฟ้ านิ ว เคลี ย ร์ เพื่ อ นํา
จําแนกเป็ นนักเรี ยนกลุ่มเก่ง 3 กลุ่ม จํานวน 20 คน และ                 พลังงานมาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้ า และได้จดการเรี ยนรู้      ั
นักเรี ยนกลุ่มอ่อน 3 กลุ่ม จํานวน 20 คน                                ตามลําดับ ดังนี้
                                                                                          1. ขั้น ระบุ ป ระเด็ น ทางสั ง คม นัก เรี ยน
เครื่องมือทีใช้ ในการวิจัย แบ่งออกเป็ น 2 ประเภท ดังนี้
            ่                                                          ดู ค ลิ ป วี ดิ โ อ “อนาคตโรงไฟฟ้ านิ ว เคลี ย ร์ ใ นไทย”
           1. เครื่ องมือที่ใช้ในการดําเนินการวิจย ได้แก่
                                                   ั                   ซึ่ งกล่าวถึงแผนพัฒนาผลิตกําลังไฟฟ้ า หรื อ PDP 2007
                 1.1 แผนการจัดการเรี ยนรู้ วิชาฟิ สิ กส์               ซึ่ งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่ งชาติ (กพช.) ได้
เรื่ อง โรงไฟฟ้ านิ ว เคลี ย ร์ สํ า หรั บ ประเทศไทย ตาม               อนุ ม ัติ แ ผนพัฒ นาผลิ ต กํา ลัง ไฟฟ้ า สร้ า งโรงไฟฟ้ า
แนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม (STS) ของ                          นิวเคลียร์ ในประเทศไทย ขนาด 2,000 เมกกะวัตต์ ในปี
Yuenyong (2006) จํานวน 3 แผน 5 ชัวโมง       ่                          พ.ศ. 2563-2564 แล้วอ่านข่าวเรื่ อง “ทําไม? คนอีสาน
                 1.2         แบบแผนสํา หรั บ การลงรหั ส                ต้องค้านโครงการโรงไฟฟ้ าพลังงานนิวเคลียร์ ” เพื่อให้
พฤติ กรรมกระบวนการตัดสิ นใจ โดยผูวิจัย เสนอ      ้                     นักเรี ยนได้ท ราบข้อ มูลเกี่ ยวกับการคัดค้านโครงการ
กระบวนการตัดสิ นใจ 5 ขั้นตอนเป็ นกรอบในการสร้าง                        โรงไฟฟ้ านิ วเคลี ย ร์ จากนั้นตั้งประเด็นว่า “ถ้ารั ฐบาล
รหัสพฤติกรรม ได้แก่ กําหนดประเด็น (I), รวบรวม                          อนุ ม ัติ ใ ห้มี ก ารก่ อ สร้ า งโรงไฟฟ้ านิ ว เคลี ย ร์ ในพื้ น ที่
                                                                       อํา เภอโนนนารายณ์ จังหวัด สุ ริ นทร์ นัก เรี ย นมี ค วาม




                                                                1466
HMP18-5
คิดเห็นอย่างไร” ซึ่ งพบว่านักเรี ยนกลุ่มเก่ง (กลุ่มที่ 1-2)           ของไอสไตน์ การหาพลัง งานยึด เหนี่ ย ว พลัง งานยึด
และนักเรี ยนกลุ่มอ่อน (กลุ่มที่ 4-5) แสดงความคิดเห็น                  เหนี่ ย วต่ อ นิ ว คลี อ อน วิธี เ ขี ย นสมการแสดงปฏิ กิ ริ ย า
ว่า “ไม่ เห็ นด้วย” เนื่ องจากมี ความหวาดกลัวอันตราย                  นิ วเคลียร์ ปฏิ กิริยาฟิ ชชันและปฏิ กิริยาฟิ วชัน จากนั้น
จากกัมมันตภาพรังสี ที่อาจส่ งผลกระทบต่อประชาชน                        นักเรี ยนแต่ละกลุ่มได้นาเสนอผลการสื บค้นข้อมูลเรื่ อง
                                                                                                   ํ
และเห็นว่าสภาพพื้นที่ในอําเภอไม่เหมาะสม เพราะไม่มี                    ข้อกังวลใจเกี่ ยวกับโรงไฟฟ้ านิ วเคลี ยร์ และผูวิจยให้     ้ ั
แหล่งนํ้าขนาดใหญ่ นักเรี ยนกลุ่มเก่ง (กลุ่มที่ 3) แสดง                ความรู้ เ รื่ อ ง โรงไฟฟ้ านิ ว เคลี ย ร์ ซึ่ งทํา ให้นัก เรี ย นมี
ความคิ ดเห็ นว่า “เห็ นด้วย” โดยให้เหตุผลว่า การมี                    ความรู้ เ กี่ ย วกั บ ปฏิ กิ ริ ยานิ ว เคลี ย ร์ แ ละโรงไฟฟ้ า
โรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ ในอําเภอโนนนารายณ์ จะทําให้เกิด                  นิวเคลียร์ มากขึ้น
การหลังไหลของเงินทุน และนักวิทยาศาสตร์ ซ่ ึ งจะนํา
            ่                                                                            4. ขั้นทําการตัดสิ นใจ นักเรี ยนได้รับ
ความเจริ ญมาสู่อาเภอ ส่ วนนักเรี ยนในกลุ่มอ่อน (กลุ่มที่
                    ํ                                                 ข้อมูลเชิงบวกเกี่ยวกับโรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ จากบทความ
6) ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อใช้ประกอบการตัดสิ นใจ                   เรื่ อง “ข้อเท็จจริ งเกี่ยวกับโรงไฟฟ้ านิ วเคลี ยร์ ” และ
                 2. ขั้นระบุแนวทางการหาคําตอบอย่างมี                  ข้อมูลเชิงลบเกี่ยวกับโรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ จากคลิปวีดิโอ
ศักยภาพ เนื่ องจากนักเรี ยนส่ วนใหญ่มีความคิดเห็นว่า                  เรื่ อง “มุ ม มองโรงไฟฟ้ านิ ว เคลี ย ร์ ภ าคประชาชน”
ไม่เห็นด้วยและมีขอกังวลใจเกี่ยวกับโรงไฟฟ้ านิวเคลียร์
                      ้                                               จากนั้นผูวิจยให้นักเรี ยนแต่ละกลุ่มทําการตัดสิ นใจว่า
                                                                                   ้ ั
ผูวิ จัย จึ ง มอบหมายให้นัก เรี ย นแต่ ล ะกลุ่ ม ไปสื บ ค้น
  ้                                                                   “ควรสร้างโรงไฟฟ้ านิวเคลียร์ในประเทศไทยหรื อไม่”
ข้อมูลเพื่อตอบข้อกังวลใจเหล่านั้นและให้มานําเสนอ                                    ทั้งนี้ การสร้างโรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ ในประเทศ
ในชั้นเรี ยนในขั้นต้องการความรู้ ในประเด็นต่อไปนี้                    ไทย เป็ นประเด็น สาธารณะ ที่ มี ก ารพู ด ถึ ง มากที่ สุ ด
                        - เราสามารถใช้พลังงานทดแทนอื่น                ประเด็นหนึ่ งในสังคมไทย เพราะรัฐบาลได้เตรี ยมการ
ได้อย่างมีศกยภาพหรื อไม่
               ั                                                      ขั้น ต้น ที่ จ ะสร้ า งโรงไฟฟ้ านิ ว เคลี ย ร์ ม าตั้ง แต่ ปี พ.ศ.
                         - มีความกังวลกับอันตรายจากรังสี              2550 และในปี พ.ศ. 2553 เป็ นปี ที่ตองเสนอรัฐบาลเพื่อ
                                                                                                                  ้
ที่เกิดจากโรงไฟฟ้ านิวเคลียร์                                         อนุ มติโครงการ จึงมีการนําเสนอข้อมูลผ่านสื่ อต่าง ๆ
                                                                               ั
                         - ไม่ เ ชื่ อ มั่น ในมาตรฐานและ              ทั้งฝ่ ายสนับสนุ นและฝ่ ายคัดค้านอยู่เป็ นระยะ ๆ และ
ประสิ ทธิ ภ าพการกํา กั บ ดู แ ล และการรั ก ษาความ                    ล่าสุ ดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ส่ังให้
ปลอดภัย ในโรงไฟฟ้ านิ ว เคลี ย ร์ ข องเจ้า หน้ า ที่ แ ละ             ทําแผนพีดีพีสารอง (พีดีพี 2010 : พ.ศ. 2553-2573) เพื่อ
                                                                                           ํ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง                                                 ใช้เป็ นข้อเปรี ยบเทียบในการตัดสิ นใจว่าจะมีโรงไฟฟ้ า
                        - ไม่เชื่อมันในพฤติกรรมคนไทยใน
                                    ่                                 นิ ว เคลี ย ร์ ห รื อไม่ ใ นปี พ.ศ. 2554 ดั ง นั้ น ประเด็ น
เรื่ อ ง การลัก ลอบขโมยและทํา ความเสี ย หาย อัน จะ                    ที่นักเรี ยนต้องทําการตัดสิ นใจ จึ งเป็ นประเด็นที่คนใน
ก่อให้เกิดอันตรายต่อโรงไฟฟ้ านิวเคลียร์และประชาชน                     สังคมกําลังสนใจและให้ความสําคัญ เพราะเกี่ยวข้องกับ
                        -         อาจมี ก ารนํา เชื้ อ เพลิ ง ของ     อนาคตและความมันคงทางพลังงานของประเทศ
                                                                                               ่
โรงไฟฟ้ านิวเคลียร์ไปใช้เพื่อผลิตระเบิดนิวเคลียร์                                        5. ขั้นกระบวนการทางสังคม หลังจากที่
                        -        สถานที่ ที่ เ หมาะสมกับ การ          นั ก เรี ยนแต่ ล ะกลุ่ ม ได้ ต ั ด สิ นใจแล้ ว นั ก เรี ยนนํ า
ก่อสร้างควรเป็ นอย่างไร                                               ผลการตัดสิ นใจ พร้อมเหตุผลไปตั้งกระทูบนเว็บไซต์      ้
                 3. ขั้น ต้อ งการความรู้ ครู ใ ห้ค วามรู้             ครู สมาร์ทดอทคอม (www.krusmart.com) เพื่อให้บุคคล
เกี่ยวกับเสถียรภาพของนิ วเคลียส แรงนิ วเคลียร์ รัศมี                  ทัวไปหรื อผูเ้ ชี่ ยวชาญได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและ
                                                                          ่
ของนิ วเคลียส ความสัมพันธ์ระหว่างมวลและพลังงาน                        ให้ขอเสนอแนะ ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม - 7 พฤศจิกายน
                                                                             ้




                                                               1467
HMP18-6
พ.ศ. 2553 แล้วเขียนสะท้อนผลการเผยแพร่ ผลการ                      กระบวนการตัดสิ นใจ นักเรี ย นมี พฤติ กรรมกระบวน
ตัดสิ นใจ                                                        การตัดสิ นใจ ดังนี้
                                                                                 1. ขั้นกําหนดประเด็น (I) นักเรี ยนทุกกลุ่ม
การวิเคราะห์ ข้อมูล                                              รั บทราบประเด็นที่ ตองตัดสิ นใจ (I1.1) จากผูวิจัย
                                                                                            ้                                   ้
             1. นําข้อมูลที่ ได้จากผลงานนักเรี ยน อนุ ทิน        จากนั้นนักเรี ยนจะพูดกับสมาชิกในกลุ่ม เพื่อให้ทราบ
แบบสังเกตการสอนที่บนทึกพฤติกรรมการแสดงออก
                                ั                                ว่า กําลังจะตัดสิ นใจเรื่ องใด (I1.3) อีกครั้งแต่ใช้คาพูด    ํ
ของนัก เรี ย นขณะจัด กิ จ กรรมการเรี ย นรู้ และผลการ             สื่ อความหมายดังกล่าวแตกต่างกันไป
สัมภาษณ์อย่างไม่เป็ นทางการมาอ่านทีละคน หรื อทีละ                                2. ขั้นเสนอทางเลือก (P) นักเรี ยนในแต่ละ
กลุ่มขึ้นอยูกบข้อมูล
               ่ ั                                               กลุ่มจะเสนอทางเลือกของตนเองให้กบสมาชิกในกลุ่ม   ั
             2. ถอดข้อความจากการบันทึ กเสี ยงขณะ                 ได้ทราบ (P1.1) โดยมี การให้รายละเอี ยดข้อมูลใน
นักเรี ยนทําการตัดสิ นใจ โดยแบ่งข้อความที่นกเรี ยนพูด
                                                    ั            ทางเลือกของตนเอง (P1.3) ยกเว้นนักเรี ยนในกลุ่มที่ 6
ออกเป็ นประโยคหรื อวลี และทําการลงรหัสพฤติกรรม                   จะรวบรัดให้เพื่อนคล้อยตามเหตุผลของตนเอง หลังจาก
ตามรหัสที่ผวจยกําหนดไว้ โดยการวิเคราะห์เพื่อลงรหัส
                    ู้ ิ ั                                       การเสนอทางเลือก
พฤติกรรมนี้ใช้ผวิเคราะห์ 2 คน เพื่อความเชื่อถือได้ของ
                           ู้                                                    3. ขั้นประเมินทางเลือก (E) นักเรี ยนกลุ่ม
ข้อมูล ซึ่ งผูวิจัยให้อาจารย์ผูสอนวิชาฟิ สิ กส์ โรงเรี ยน
                  ้                 ้                            ที่ 1 มีการพิจารณาถึงผลที่ตามมาของแต่ละทางเลือก
นารายณ์คาผงวิทยาเป็ นผูช่วยวิจย (Member checking)
             ํ                    ้   ั                          (E1.1) ในขณะที่นกเรี ยนกลุ่มอื่น จะให้ความสําคัญกับ
                                                                                        ั
เพื่อช่วยวิเคราะห์ขอมูลร่ วมกับผูวจย
                              ้       ้ิั                        หลักการใดหลักการหนึ่ งและหลักการนั้นมี ผลต่อการ
             3. จัดกลุ่มลักษณะกระบวนการตัดสิ นใจของ              ตัดสิ นใจ (E2.1) โดยหลักการที่นกเรี ยนแต่ละกลุ่มให้
                                                                                                             ั
นั ก เรี ยนกลุ่ ม เก่ ง และนั ก เรี ยนกลุ่ ม อ่ อ น ตามรหั ส     ความสําคัญและมีผลต่อการตัดสิ นใจเลือกทางเลือก คือ
พฤติ ก รรม แล้ ว นํ า มาเขี ย นผลการวิ จั ย อธิ บายถึ ง          กระบวนการประชาธิ ปไตย โดยการออกเสี ยง
กระบวนการตัดสิ นใจของนักเรี ยน                                   ลงคะแนนและถื อ หลัก เสี ย งข้า งมากเป็ นเกณฑ์ โดย
             4. นําข้อมูลการวิเคราะห์ที่ได้มาร่ วมวิเคราะห์      พบว่า กลุ่มที่ 1-3 สมาชิ กในกลุ่มมี ส่วนร่ วมในการ
เชิ ง ตี ค วามอี ก รอบ ร่ วมกับ อาจารย์ที่ ป รึ กษา และ          ตัดสิ นใจ ส่ วนกลุ่มที่ 4-6 บุคคลที่มีบทบาทในกลุ่มหรื อ
ผูทรงคุณวุฒิ (Peer debriefing) เพื่อให้มีความน่าเชื่อถือ
  ้                                                              เป็ นผูนากลุ่ม จะมีบทบาทในการชี้นาการตัดสิ นใจ และ
                                                                         ้ ํ                                   ํ
ของการวิจย (Trustworthiness) มากยิงขึ้น
                ั                         ่                      นักเรี ยนกลุ่มที่ 1, 2, 3 และ 6 มีความเห็นว่าควรสร้าง จะ
                                                                 ยอมรั บว่า การสร้ างโรงไฟฟ้ านิ วเคลี ยร์ มีท้ งข้อดี และ
                                                                                                                      ั
ผลการวิจัยและอภิปรายผล                                           ข้อ เสี ย และคํา นึ ง ถึ ง ข้อ ดี ว่า จะช่ ว ยให้ป ระเทศไทยมี
          จากการถอดข้อความจากการบันทึ กเสี ยง ขณะ                ความมันคงทางพลังงาน ซึ่ งจะส่ งผลต่อการเติบโตทาง
                                                                           ่
นัก เรี ย นแต่ ล ะกลุ่ ม ทํา การตัดสิ น ใจ และลงรหัส             เศรษฐกิจและทําให้เกิดความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์
พฤติกรรมการตัดสิ นใจ แสดงให้เห็ นว่า กระบวนการ                   นอกจากนี้ ยังคํานึงถึงปั จจัยที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เช่น กลุ่มที่
ตัดสิ นใจของนักเรี ยนเรื่ อง โรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ สําหรับ        2 คํานึ งถึงข้อจํากัดของพลังงานทดแทนอื่น กลุ่มที่ 3
ประเทศไทย ในประเด็นที่ว่า “ควรสร้างโรงไฟฟ้ า                     คํา นึ ง ถึ ง ผลประโยชน์ ท างการค้า และการลงทุ น กับ
นิ วเคลียร์ ในประเทศไทยหรื อไม่” ของนักเรี ยนทุกกลุ่ม            ประเทศเพื่อนบ้าน กลุ่มที่ 6 คํานึ งถึงเหตุการณ์ทาง
ดําเนินไปอย่างเป็ นลําดับขั้น 4 ขั้นตอน (IPED) โดยไม่            ประวัติศาสตร์ ของไทย ส่ วนนักเรี ยนกลุ่มที่ 4 และ 5
มีข้ นรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง (S) ซึ่ งในแต่ละขั้นของ
     ั                                                           มี ค วามเห็ น ว่ า ไม่ ค วรสร้ า ง จะคํา นึ ง ถึ ง ข้อ เสี ย และ




                                                          1468
HMP18-7
อัน ตรายที่ จ ะเกิ ด จากการได้รั บ กัม มัน ตภาพรั ง สี จ าก                  ่
                                                                   เห็นได้วาการทําความเข้าใจความรู้วิทยาศาสตร์ จะต้อง
โรงไฟฟ้ านิวเคลียร์                                                มี การเจรจา การอภิ ปราย และการตี ความหมายข้อมูล
                    4. ขั้นตัดสิ นใจเลื อกทางเลือก (D)             ผ่านกระบวนการทางสังคม
นักเรี ยนกลุ่มเก่ง กลุ่มที่ 1-3 จะตัดสิ นใจเลือกทางเลือก                       นอกจากนี้ ยั ง พบว่ า นั ก เรี ยนตั ด สิ นใจ
ที่ เห็ นว่า ควรสร้างโรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ ขณะที่ นักเรี ยน         สนับสนุ นการสร้างโรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ ในประเทศไทย
กลุ่มอ่อน กลุ่มที่ 4 และ 5 จะตัดสิ นใจเลือกทางเลือกที่             เพิ่มขึ้นจากความเห็นเดิมในขั้นระบุประเด็นทางสังคม
เห็นว่า ไม่ควรสร้างโรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ ส่ วนนักเรี ยน             จาก 2 กลุ่มเป็ น 4 กลุ่ม โดยนักเรี ยนยอมรับว่า การสร้าง
กลุ่มอ่อน กลุ่มที่ 6 จะตัดสิ นใจเลือกทางเลือกที่เห็นว่า            โรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ มีท้ งข้อดีและข้อเสี ย แต่ขอดีจะช่วย
                                                                                             ั                          ้
ควรสร้างโรงไฟฟ้ านิวเคลียร์                                        ให้ประเทศไทยมี ไฟฟ้ าใช้อย่างพอเพียงและทําให้เกิ ด
                 จากการเปรี ยบเที ยบลักษณะกระบวนการ                ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เป็ นประเทศผูนําทาง         ้
ตัดสิ นใจเรื่ อง โรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ สําหรับประเทศไทย             เทค โ นโ ลยี นิ วเคลี ยร์ ในกลุ่ ม ประเทศอาเซี ยน
ในประเด็ น ที่ ว่ า “ควรสร้ า งโรงไฟฟ้ านิ ว เคลี ย ร์ ใ น         ส่ วนนักเรี ยนกลุ่มอ่อน 2 กลุ่ม ยังยืนยันแนวทางการ
ประเทศไทยหรื อไม่” ของนักเรี ยนกลุ่มเก่งและนักเรี ยน               คัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ โดยนักเรี ยนจะมี
กลุ่มอ่อน พบว่า กระบวนการตัดสิ นใจของนักเรี ยนกลุ่ม                ความกัง วลเกี่ ย วกับ อุ บ ัติ เ หตุ ท างรั ง สี แ ละการได้รั บ
เก่งและนักเรี ยนกลุ่มอ่อนทุกกลุ่มเหมือนกัน และดําเนิน              กัมมันตภาพรังสี ทั้งนี้ ในการตัดสิ นใจ นักเรี ยนได้นา         ํ
ไปอย่ า งเป็ นลํา ดั บ ขั้ นตามลํา ดั บ ขั้น กระบวนการ             ความรู้วิทยาศาสตร์ และนําความรู้จากศาสตร์ อื่น ๆ เช่น
ตัดสิ นใจที่ ผูวิจัยเสนอ แต่จะไม่มีข้ นรวบรวมข้อมูลที่
                  ้                          ั                     เศรษฐกิจ การลงทุน ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมทาง
เกี่ยวข้อง (S) ทําให้นกเรี ยนมีกระบวนการตัดสิ นใจ 4
                             ั                                     การเมื องในระบอบประชาธิ ปไตย มาใช้ในการเสนอ
ขั้นตอน คือ กําหนดประเด็น (I) เสนอทางเลื อก (P)                    ทางเลือก (P) ประเมินทางเลือก (E) และตัดสิ นใจเลือก
ประเมินทางเลือก (E) และตัดสิ นใจเลือกทางเลือก (D)                  ทางเลือก (D)
ทั้งนี้การที่นกเรี ยนไม่มีข้ นรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง (S)
               ั               ั
อาจเนื่ องมาจากการตัดสิ นใจครั้ งนี้ เป็ นการตัดสิ นใจ             สรุปผลการวิจัย
เลื อกทางเลื อกใดทางเลื อกหนึ่ งในสองทางเลือก และ                           นั ก เรี ยนกลุ่ ม เก่ ง และนั ก เรี ยนกลุ่ ม อ่ อ น
เป็ นการตัดสิ นใจหลังจากที่นกเรี ยนได้เรี ยนเนื้ อหาและ
                                      ั                            มีกระบวนการตัดสิ นใจเรื่ อง โรงไฟฟ้ านิวเคลียร์ สาหรับ
                                                                                                                        ํ
ได้รั บ ข้อ มู ล เกี่ ย วกับ ข้อ ดี แ ละข้อ เสี ย ของโรงไฟฟ้ า     ประเทศไทยเหมือนกัน โดยมีกระบวนการตัดสิ นใจ
นิ วเคลียร์ นักเรี ยนแต่ละคนในแต่ละกลุ่มได้ตดสิ นใจ    ั           4 ขั้นตอน (IPED) ตามลําดับดังนี้ กําหนดประเด็น (I),
เลื อกทางเลื อกของตนเองก่อน จากนั้นจึ งได้เสนอผล                   เสนอทางเลือก (P) ประเมินทางเลือก (E) และตัดสิ นใจ
การตัดสิ นใจของตนเองแล้วตัดสิ นใจร่ วมกัน กระบวน                   เลือกทางเลือก (D)
การตัด สิ นใจในสาระโรงไฟฟ้ านิ ว เคลี ย ร์ สํ า หรั บ
ประเทศไทย ประเด็นที่ 1 ควรสร้างโรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์                ข้ อเสนอแนะ
ในประเทศไทยหรื อไม่ จึงเปิ ดโอกาสให้นกเรี ยนแต่ละ   ั                     1. ข้อเสนอแนะสําหรับครู ผสอน ู้
คนได้แสดงตัวแทนความคิดของตนออกมา เพื่อเป็ นการ                                  จากผลการวิจยจะพบว่า ในการตัดสิ นใจใน
                                                                                                ั
แลกเปลี่ยนความรู้วิทยาศาสตร์ ซ่ ึ งกันและกัน และได้มี              เรื่ องใด ๆ ที่ มีความเกี่ ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ ที่เกิ ดขึ้ น
โอกาสทบทวนแนวความคิดของตนอีกครั้ง จนนําไปสู่                       จริ งในสังคม นอกจากจะต้องใช้ความรู้วิทยาศาสตร์ แล้ว
การตัดสิ น ใจเลื อ กทางเลื อกใดทางเลื อ กหนึ่ ง และจะ              นัก เรี ยนยัง ต้อ งใช้ค วามรู้ ใ นศาสตร์ อื่ น ๆ และต้อ ง




                                                            1469
HMP18-8
คํานึ งถึงปั จจัยที่ เกี่ ยวข้องต่าง ๆ มากมาย โดยนักเรี ยน                           1.5 ในขั้นประเมินทางเลือก ครู ควรช่วยเหลือ
ทุกกลุ่มมีการใช้ความรู้วิทยาศาสตร์ ที่เรี ยนมาประกอบ                  นัก เรี ย นในการเปรี ย บเที ย บทางเลื อ กแต่ ละทางเลื อ ก
ในการตัดสิ นใจ แต่มีความแตกต่างกันในเรื่ องกระบวน                     อย่างละเอียด ในขั้นนี้ อาจจําเป็ นต้องใช้ทกษะการแปร
                                                                                                                    ั
การทํา งาน โดยนั ก เรี ยนกลุ่ ม เก่ ง จะเปิ ดโอกาสให้                 ผลต่ า ง ๆ เช่ น การใช้ท ัก ษะทางคณิ ต ศาสตร์ การใช้
สมาชิกในกลุ่มได้เสนอทางเลือกและแสดงความคิดเห็น                        ตารางเปรี ยบเทียบ หรื อใช้กราฟ เป็ นต้น เพื่อให้เกิดการ
ของตนเองอย่ า งหลากหลายก่ อ นตัด สิ นใจ ขณะที่                        เปรี ยบเทียบข้อมูล และชังนํ้าหนักแต่ละทางเลือก
                                                                                                   ่
นักเรี ยนกลุ่มอ่อน จะให้ความสําคัญกับบุคคลใดบุคคล                                    1.6 ในการวางแผนจัดกิ จกรรมการเรี ยนรู้
หนึ่ ง ซึ่ งมีความรู้ความสามารถและกล้าแสดงออกเป็ น                    ครู ค วรเข้า ใจถึ ง ลํา ดับ ขั้น ของกระบวนการตัด สิ น ใจ
ผู้นํา ในการคิ ด และวางแผนการทํา งาน และบุ ค คล                       อย่า งชัด เจน และวิ เ คราะห์ ว่า ในแต่ ล ะลํา ดับ ขั้น ของ
ดังกล่าวจะมีบทบาทชี้นาการตัดสิ นใจของกลุ่ม
                              ํ                                       กระบวนการตัด สิ น ใจในเรื่ องนั้น ๆ จํา เป็ นต้อ งใช้
             ดัง นั้ น โรงเรี ยนจึ ง ควรจั ด การเรี ยนรู้ เ พื่ อ     ความรู้หรื อทักษะอะไรบ้าง แต่ก็ไม่จาเป็ นจะต้องบอก
                                                                                                                ํ
ส่ งเสริ มความสามารถในการตัดสิ นใจไปพร้ อม ๆ กับ                      ให้ นั ก เรี ยนดํา เนิ น ไปที ล ะขั้ น หรื อตามลํา ดั บ ขั้ น
การส่ งเสริ มความสามารถในการใช้เหตุผลอื่น ๆ เพื่อให้                  เพียงแต่คอยแนะนําเท่านั้น
นักเรี ยนทุ กกลุ่ม มี ก ารตัดสิ นใจอย่า งผูมีค วามรู้ แ ละมี
                                              ้                             2. ข้อเสนอแนะในการวิจยครั้งต่อไป
                                                                                                         ั
เหตุ ผ ล การวางแผนการจัด การเรี ยนรู้ เ พื่ อ ส่ ง เสริ ม                            2.1 ควรนําวิธีการจัดการเรี ยนรู้ ตามแนวคิด
ความสามารถในการตัดสิ นใจจึงเป็ นสิ่ งที่จาเป็ น โดย
                                                 ํ                    วิ ท ยาศาสตร์ เทคโนโลยี แ ละสั ง คม ของ Yuenyong
ผูวจยมีขอเสนอแนะ ดังนี้
   ้ิั ้                                                              (2006) ไปใช้จดการเรี ยนรู้ในหน่วยการเรี ยนรู้อื่น ๆ เพื่อ
                                                                                         ั
             1.1          สถานการณ์ ที่ จ ะนํา มาให้ นัก เรี ย น      ศึ ก ษา พัฒ นาและส่ งเสริ มกระบวนการตั ด สิ นใจ
ตัดสิ นใจ ครู ควรเตรี ยมประเด็นที่ มีความเกี่ ยวข้องกับ               ในหน่วยการเรี ยนรู้น้ น ๆ ให้เกิดขึ้นกับนักเรี ยน
                                                                                               ั
ความรู้วิทยาศาสตร์ และมีความซับซ้อน ต้องใช้ความรู้                                   2.2 ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ ยวกับเวลาที่
และมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายด้าน                                      นักเรี ยนใช้ในการทําการตัดสิ นใจ เนื่ องจากผูวิจยพบว่า
                                                                                                                       ้ ั
             1.2 การจัดกลุ่มในลักษณะแยกนักเรี ยนกลุ่ม                 นักเรี ยนแต่ละกลุ่มใช้เวลาในการตัดสิ นใจแตกต่างกัน
เก่งและนักเรี ยนกลุ่มอ่อ น จะทําให้นักเรี ย นกลุ่มอ่อ น                              2.3 ควรมีการศึกษาและอภิปรายผลการวิจยที่  ั
ประสบปั ญหาในการเรี ยนเนื้ อหาที่มีการคํานวณ ดังนั้น                  แสดงถึงการเชื่ อมโยงความรู้สู่ ชีวิตจริ งเพื่อส่ งเสริ มให้
ครู จึงควรให้ความสําคัญ และหาทางแก้ไข                                 นักเรี ยนตระหนักถึ งการเรี ยนรู้ ที่ส ามารถนําไปใช้ได้
             1.3 ครู ควรจัดเตรี ยมสื่ อการเรี ยนรู้หรื อแหล่ง         จริ งในชีวตประจําวัน
                                                                                   ิ
เรี ยนรู้อื่น ๆ ไว้ในชั้นเรี ยนเช่น นิ ตยสาร วารสาร หรื อ
เครื่ องคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมสัญญาณอินเตอร์ เน็ต เพื่อให้             กิตติกรรมประกาศ
นักเรี ยนได้สืบค้นข้อมูลขณะทําการตัดสิ นใจ                                          ขอขอบพระคุ ณ สถาบัน ส่ ง เสริ มการสอน
             1.4 ในขั้นเสนอทางเลือก กรณี ที่ตองเลือก ้                วิ ท ยาศาสตร์ แ ละเทคโนโลยี (สสวท.) และบัณ ฑิ ต
ทางเลือกใดทางเลือกหนึ่ งในสองทางเลือก นักเรี ยนจะ                     วิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่สนับสนุนทุนส่ งเสริ ม
ตัด สิ น ใจและมี ท างเลื อ กของตนเองอยู่แ ล้ว ครู ค วร                การทําวิทยานิพนธ์ ประจําปี พุทธศักราช 2553
แนะนําให้นักเรี ยนมี เหตุผลรองรั บการเสนอทางเลื อก                                  ขอขอบพระคุ ณสํา นัก งานปรมาณู เ พื่ อ สั น ติ
นั้นๆ                                                                 และสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์ แห่ งชาติ ที่สนับสนุ น
                                                                      สื่ อส่ งเสริ มการเรี ยนรู้เกี่ยวกับ พลังงานนิวเคลียร์




                                                               1470
HMP18-9
เอกสารอ้างอิง                                               พงศาล มีคุณสมบัติ. (ผูเ้ รี ยบเรี ยง). 2550. พลังงาน
กรรติกา ศิริเสนา. 2550. กัมมันตภาพรังสี พลังงาน                      นิวเคลียร์ วายร้ายหรื อเหยือความเชื่อ?.
                                                                                                      ่
          นิวเคลียร์ มนุษย์ สิ่ งแวดล้อมและสังคม.                    กรุ งเทพฯ: ซี เอ็ดยูเคชัน  ่
          กรุ งเทพฯ: บริ ษท วีพริ้ นท์ (1991) จํากัด.
                          ั                                 สถาบันส่ งเสริ มการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เกียรติศกดิ์ ชิณวงศ์. 2544. การสอนตามแนวคิด
        ั                                                             2545. การจัดการเรี ยนรู้วทยาศาสตร์
                                                                                                    ิ
          วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี-สังคม (STS) โดยใช้                    หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุ งเทพฯ:
          ห้องเรี ยนธรรมชาติ. วิชาการ, 4(11), (13-27).                องค์การรับส่ งสิ นค้าและพัสดุภณฑ์. ั
โชคชัย ยืนยง. 2552. กระบวนทัศน์เชิงตีความ                   สถาบันส่ งเสริ มการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.
          (Interpretive paradigm): อีกกระบวนทัศน์                         2546. หนังสื อเรี ยนสาระการเรี ยนรู้
          หนึ่ง สําหรับการวิจยทางวิทยาศาสตร์ศึกษา.
                                 ั                                        พื้นฐานและเพิมเติม ฟิ สิ กส์ เล่ม 3 กลุ่ม
                                                                                          ่
          วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.                           สาระการเรี ยนรู้วทยาศาสตร์ . พิมพ์ครั้งที่
                                                                                              ิ
          32(3), 14-22.                                                   4. กรุ งเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
โชคชัย ยืนยง และวิมล สําราญวานิช. 2552. เอกสาร              อรอนงค์ สอนสนาม. 2552. การพัฒนาความสามารถ
          ประกอบการสอนวิชา 232 317 วิทยาศาสตร์                       ในการแก้ปัญหาในชีวตประจําวันและ
                                                                                                  ิ
          เทคโนโลยีและสังคม. ขอนแก่น: สาขา                           ผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยนเรื่ อง มนุษย์กบความ
                                                                                                              ั
          วิทยาศาสตร์ศึกษา คณะศึกษาศาสตร์                            ยังยืนของสิ่ งแวดล้อม ของนักเรี ยนชั้น
                                                                       ่
          มหาวิทยาลัยขอนแก่น.                                        มัธยมศึกษาปี ที่ 6 ที่ได้รับการสอนตาม
นวลฉวี รุ่ งธนเกียรติ. 2553. เทคโนโลยีนิวเคลียร์:                    แนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม.
          พื้นฐานและการประยุกต์ใช้ดานดินและพืช.
                                         ้                           วิทยานิพนธ์ปริ ญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต
          กรุ งเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์                          สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย
นวลพักตร์ วงษ์กระสัน. 2552. การศึกษากระบวนการ                        มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
          ตัดสิ นใจของนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 5       Jung, LH., and Nam, KC. 2004. Analysis of Korean
          ในเรื่ องเทคโนโลยีชีวภาพ. วิทยานิพนธ์                      High School students’ decision-making
          ปริ ญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชา                        process in solving a problem involving
          วิทยาศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย                     biological knowledge. Research in science
          ขอนแก่น.                                                   education, 34: 97 – 111.




                                                     1471

More Related Content

What's hot

โครงการเยาวชนรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล
โครงการเยาวชนรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล โครงการเยาวชนรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล
โครงการเยาวชนรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล Rujira Lertkittivarakul
 
รวมเล่มแผนการสอน ฟิสิกส์2
รวมเล่มแผนการสอน ฟิสิกส์2รวมเล่มแผนการสอน ฟิสิกส์2
รวมเล่มแผนการสอน ฟิสิกส์2Wijitta DevilTeacher
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ยีนและโครโมโซม ชุดที่ 7 เรื่อง มิวเทชัน
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ยีนและโครโมโซม ชุดที่ 7 เรื่อง มิวเทชัน ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ยีนและโครโมโซม ชุดที่ 7 เรื่อง มิวเทชัน
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ยีนและโครโมโซม ชุดที่ 7 เรื่อง มิวเทชัน Oyl Wannapa
 
แผนระยะยาว ฟิสิกส์ ๓
แผนระยะยาว ฟิสิกส์ ๓แผนระยะยาว ฟิสิกส์ ๓
แผนระยะยาว ฟิสิกส์ ๓Wijitta DevilTeacher
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่02 เรื่องชั้นหน้าตัดดิน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่02 เรื่องชั้นหน้าตัดดินแผนการจัดการเรียนรู้ที่02 เรื่องชั้นหน้าตัดดิน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่02 เรื่องชั้นหน้าตัดดินVankaew Ping
 
10แผน เรื่อง พลังงานจลน์ของการหมุน
10แผน เรื่อง พลังงานจลน์ของการหมุน10แผน เรื่อง พลังงานจลน์ของการหมุน
10แผน เรื่อง พลังงานจลน์ของการหมุนWijitta DevilTeacher
 
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวการเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวกมลรัตน์ ฉิมพาลี
 
แผนการสอนปรับพื้นฐานม.4 การเคลื่อนที่
แผนการสอนปรับพื้นฐานม.4 การเคลื่อนที่แผนการสอนปรับพื้นฐานม.4 การเคลื่อนที่
แผนการสอนปรับพื้นฐานม.4 การเคลื่อนที่เกษรา จุ้งลก
 
แบบรายงานผลการปฏิบัติงานและพัฒนาตนเองของกมลรัตน์ ฉิมพาลี
แบบรายงานผลการปฏิบัติงานและพัฒนาตนเองของกมลรัตน์ ฉิมพาลีแบบรายงานผลการปฏิบัติงานและพัฒนาตนเองของกมลรัตน์ ฉิมพาลี
แบบรายงานผลการปฏิบัติงานและพัฒนาตนเองของกมลรัตน์ ฉิมพาลีกมลรัตน์ ฉิมพาลี
 
แผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการทักษะชีวิต
แผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการทักษะชีวิตแผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการทักษะชีวิต
แผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการทักษะชีวิตWichai Likitponrak
 
05แผน เรื่อง โมเมนตัม
05แผน เรื่อง โมเมนตัม05แผน เรื่อง โมเมนตัม
05แผน เรื่อง โมเมนตัมWijitta DevilTeacher
 
09แผน เรื่อง ทอร์กกับการเคลื่อนที่แบบหมุน
09แผน เรื่อง ทอร์กกับการเคลื่อนที่แบบหมุน09แผน เรื่อง ทอร์กกับการเคลื่อนที่แบบหมุน
09แผน เรื่อง ทอร์กกับการเคลื่อนที่แบบหมุนWijitta DevilTeacher
 
แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาฟิสิกส์ 2 (ว30202)
แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาฟิสิกส์ 2 (ว30202)แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาฟิสิกส์ 2 (ว30202)
แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาฟิสิกส์ 2 (ว30202)Miss.Yupawan Triratwitcha
 
แผนจัดการเรียนรู้ที่ 01
แผนจัดการเรียนรู้ที่ 01แผนจัดการเรียนรู้ที่ 01
แผนจัดการเรียนรู้ที่ 01krukrajeab
 
6 การดูแลและรักษาระบบเคลื่อนที่ของคน
6 การดูแลและรักษาระบบเคลื่อนที่ของคน6 การดูแลและรักษาระบบเคลื่อนที่ของคน
6 การดูแลและรักษาระบบเคลื่อนที่ของคนกมลรัตน์ ฉิมพาลี
 
โครงสร้างตัวชี้วัดวิทย์.Doc ม.3 ภาค 2
โครงสร้างตัวชี้วัดวิทย์.Doc ม.3 ภาค 2โครงสร้างตัวชี้วัดวิทย์.Doc ม.3 ภาค 2
โครงสร้างตัวชี้วัดวิทย์.Doc ม.3 ภาค 2krupornpana55
 

What's hot (20)

โครงการเยาวชนรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล
โครงการเยาวชนรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล โครงการเยาวชนรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล
โครงการเยาวชนรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล
 
รวมเล่มแผนการสอน ฟิสิกส์2
รวมเล่มแผนการสอน ฟิสิกส์2รวมเล่มแผนการสอน ฟิสิกส์2
รวมเล่มแผนการสอน ฟิสิกส์2
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ยีนและโครโมโซม ชุดที่ 7 เรื่อง มิวเทชัน
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ยีนและโครโมโซม ชุดที่ 7 เรื่อง มิวเทชัน ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ยีนและโครโมโซม ชุดที่ 7 เรื่อง มิวเทชัน
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ยีนและโครโมโซม ชุดที่ 7 เรื่อง มิวเทชัน
 
ประวัตินางสาวกมลรัตน์ ฉิมพาลี
ประวัตินางสาวกมลรัตน์ ฉิมพาลีประวัตินางสาวกมลรัตน์ ฉิมพาลี
ประวัตินางสาวกมลรัตน์ ฉิมพาลี
 
แผนระยะยาว ฟิสิกส์ ๓
แผนระยะยาว ฟิสิกส์ ๓แผนระยะยาว ฟิสิกส์ ๓
แผนระยะยาว ฟิสิกส์ ๓
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่02 เรื่องชั้นหน้าตัดดิน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่02 เรื่องชั้นหน้าตัดดินแผนการจัดการเรียนรู้ที่02 เรื่องชั้นหน้าตัดดิน
แผนการจัดการเรียนรู้ที่02 เรื่องชั้นหน้าตัดดิน
 
10แผน เรื่อง พลังงานจลน์ของการหมุน
10แผน เรื่อง พลังงานจลน์ของการหมุน10แผน เรื่อง พลังงานจลน์ของการหมุน
10แผน เรื่อง พลังงานจลน์ของการหมุน
 
เล่มที่ 5 กิจกรรม STEM และมือกล
เล่มที่ 5 กิจกรรม STEM และมือกลเล่มที่ 5 กิจกรรม STEM และมือกล
เล่มที่ 5 กิจกรรม STEM และมือกล
 
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวการเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
 
N sdis 143_60_1
N sdis 143_60_1N sdis 143_60_1
N sdis 143_60_1
 
แผนการสอนปรับพื้นฐานม.4 การเคลื่อนที่
แผนการสอนปรับพื้นฐานม.4 การเคลื่อนที่แผนการสอนปรับพื้นฐานม.4 การเคลื่อนที่
แผนการสอนปรับพื้นฐานม.4 การเคลื่อนที่
 
แบบรายงานผลการปฏิบัติงานและพัฒนาตนเองของกมลรัตน์ ฉิมพาลี
แบบรายงานผลการปฏิบัติงานและพัฒนาตนเองของกมลรัตน์ ฉิมพาลีแบบรายงานผลการปฏิบัติงานและพัฒนาตนเองของกมลรัตน์ ฉิมพาลี
แบบรายงานผลการปฏิบัติงานและพัฒนาตนเองของกมลรัตน์ ฉิมพาลี
 
แผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการทักษะชีวิต
แผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการทักษะชีวิตแผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการทักษะชีวิต
แผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการทักษะชีวิต
 
05แผน เรื่อง โมเมนตัม
05แผน เรื่อง โมเมนตัม05แผน เรื่อง โมเมนตัม
05แผน เรื่อง โมเมนตัม
 
09แผน เรื่อง ทอร์กกับการเคลื่อนที่แบบหมุน
09แผน เรื่อง ทอร์กกับการเคลื่อนที่แบบหมุน09แผน เรื่อง ทอร์กกับการเคลื่อนที่แบบหมุน
09แผน เรื่อง ทอร์กกับการเคลื่อนที่แบบหมุน
 
แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาฟิสิกส์ 2 (ว30202)
แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาฟิสิกส์ 2 (ว30202)แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาฟิสิกส์ 2 (ว30202)
แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาฟิสิกส์ 2 (ว30202)
 
แผนจัดการเรียนรู้ที่ 01
แผนจัดการเรียนรู้ที่ 01แผนจัดการเรียนรู้ที่ 01
แผนจัดการเรียนรู้ที่ 01
 
6 การดูแลและรักษาระบบเคลื่อนที่ของคน
6 การดูแลและรักษาระบบเคลื่อนที่ของคน6 การดูแลและรักษาระบบเคลื่อนที่ของคน
6 การดูแลและรักษาระบบเคลื่อนที่ของคน
 
โครงสร้างตัวชี้วัดวิทย์.Doc ม.3 ภาค 2
โครงสร้างตัวชี้วัดวิทย์.Doc ม.3 ภาค 2โครงสร้างตัวชี้วัดวิทย์.Doc ม.3 ภาค 2
โครงสร้างตัวชี้วัดวิทย์.Doc ม.3 ภาค 2
 
เล่มที่ 4 การเคลื่อนที่ของคน
เล่มที่ 4 การเคลื่อนที่ของคนเล่มที่ 4 การเคลื่อนที่ของคน
เล่มที่ 4 การเคลื่อนที่ของคน
 

Similar to Sakanan nuclear power_plants

บทที่ 6
บทที่ 6บทที่ 6
บทที่ 6Tar Bt
 
บรรยายเทคโนโลยีการศึกษา..
บรรยายเทคโนโลยีการศึกษา..บรรยายเทคโนโลยีการศึกษา..
บรรยายเทคโนโลยีการศึกษา..Wiwat Ch
 
กลุ่ม Ol o --วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยจากอดีตสู่อนาคต
กลุ่ม Ol o --วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยจากอดีตสู่อนาคตกลุ่ม Ol o --วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยจากอดีตสู่อนาคต
กลุ่ม Ol o --วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยจากอดีตสู่อนาคตfreelance
 
หลักสูตรแกนกลาง สาระและตัวชี้วัดชั้นปี หลักสูตรแกนกลาง 2551
หลักสูตรแกนกลาง สาระและตัวชี้วัดชั้นปี หลักสูตรแกนกลาง 2551หลักสูตรแกนกลาง สาระและตัวชี้วัดชั้นปี หลักสูตรแกนกลาง 2551
หลักสูตรแกนกลาง สาระและตัวชี้วัดชั้นปี หลักสูตรแกนกลาง 2551Weerachat Martluplao
 
Kick off nrct
Kick off nrctKick off nrct
Kick off nrctrattapol
 
การวิเคราะห์แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยในอนาคต
การวิเคราะห์แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยในอนาคตการวิเคราะห์แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยในอนาคต
การวิเคราะห์แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยในอนาคตTor Jt
 
20100618 research-strengthen-thailand-fullscreen
20100618 research-strengthen-thailand-fullscreen20100618 research-strengthen-thailand-fullscreen
20100618 research-strengthen-thailand-fullscreenNSTDA THAILAND
 
เอกสารเผยแพร่การจัดการความรู้คณะนิเทศศาสตร์ 54
เอกสารเผยแพร่การจัดการความรู้คณะนิเทศศาสตร์ 54เอกสารเผยแพร่การจัดการความรู้คณะนิเทศศาสตร์ 54
เอกสารเผยแพร่การจัดการความรู้คณะนิเทศศาสตร์ 54นู๋หนึ่ง nooneung
 
รูปแบบ/วิธีการนำสื่อการเรียนรู้ออนไลน์มาบูรณาการในการจัดการศึกษา โดยกอบวิทย์...
รูปแบบ/วิธีการนำสื่อการเรียนรู้ออนไลน์มาบูรณาการในการจัดการศึกษา  โดยกอบวิทย์...รูปแบบ/วิธีการนำสื่อการเรียนรู้ออนไลน์มาบูรณาการในการจัดการศึกษา  โดยกอบวิทย์...
รูปแบบ/วิธีการนำสื่อการเรียนรู้ออนไลน์มาบูรณาการในการจัดการศึกษา โดยกอบวิทย์...Kobwit Piriyawat
 

Similar to Sakanan nuclear power_plants (20)

บทที่ 6
บทที่ 6บทที่ 6
บทที่ 6
 
บรรยายเทคโนโลยีการศึกษา..
บรรยายเทคโนโลยีการศึกษา..บรรยายเทคโนโลยีการศึกษา..
บรรยายเทคโนโลยีการศึกษา..
 
ทักษะกระบวนการวิทย์
ทักษะกระบวนการวิทย์ทักษะกระบวนการวิทย์
ทักษะกระบวนการวิทย์
 
กลุ่ม Ol o --วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยจากอดีตสู่อนาคต
กลุ่ม Ol o --วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยจากอดีตสู่อนาคตกลุ่ม Ol o --วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยจากอดีตสู่อนาคต
กลุ่ม Ol o --วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยจากอดีตสู่อนาคต
 
หลักสูตรแกนกลาง สาระและตัวชี้วัดชั้นปี หลักสูตรแกนกลาง 2551
หลักสูตรแกนกลาง สาระและตัวชี้วัดชั้นปี หลักสูตรแกนกลาง 2551หลักสูตรแกนกลาง สาระและตัวชี้วัดชั้นปี หลักสูตรแกนกลาง 2551
หลักสูตรแกนกลาง สาระและตัวชี้วัดชั้นปี หลักสูตรแกนกลาง 2551
 
Exhibition NAC 2009
Exhibition NAC 2009Exhibition NAC 2009
Exhibition NAC 2009
 
Book Exhibition NAC 2009 Full
Book Exhibition NAC 2009 FullBook Exhibition NAC 2009 Full
Book Exhibition NAC 2009 Full
 
Kick off nrct
Kick off nrctKick off nrct
Kick off nrct
 
การวิเคราะห์แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยในอนาคต
การวิเคราะห์แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยในอนาคตการวิเคราะห์แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยในอนาคต
การวิเคราะห์แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทยในอนาคต
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
Is pre
Is preIs pre
Is pre
 
Science dep curr2551
Science dep curr2551Science dep curr2551
Science dep curr2551
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
ฟิสิกส์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ฟิสิกส์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฟิสิกส์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ฟิสิกส์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
 
20100618 research-strengthen-thailand-fullscreen
20100618 research-strengthen-thailand-fullscreen20100618 research-strengthen-thailand-fullscreen
20100618 research-strengthen-thailand-fullscreen
 
รายงานTechnology seeker
รายงานTechnology seekerรายงานTechnology seeker
รายงานTechnology seeker
 
เอกสารเผยแพร่การจัดการความรู้คณะนิเทศศาสตร์ 54
เอกสารเผยแพร่การจัดการความรู้คณะนิเทศศาสตร์ 54เอกสารเผยแพร่การจัดการความรู้คณะนิเทศศาสตร์ 54
เอกสารเผยแพร่การจัดการความรู้คณะนิเทศศาสตร์ 54
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
รูปแบบ/วิธีการนำสื่อการเรียนรู้ออนไลน์มาบูรณาการในการจัดการศึกษา โดยกอบวิทย์...
รูปแบบ/วิธีการนำสื่อการเรียนรู้ออนไลน์มาบูรณาการในการจัดการศึกษา  โดยกอบวิทย์...รูปแบบ/วิธีการนำสื่อการเรียนรู้ออนไลน์มาบูรณาการในการจัดการศึกษา  โดยกอบวิทย์...
รูปแบบ/วิธีการนำสื่อการเรียนรู้ออนไลน์มาบูรณาการในการจัดการศึกษา โดยกอบวิทย์...
 
มูลนิธิโทเร
มูลนิธิโทเรมูลนิธิโทเร
มูลนิธิโทเร
 

More from SAKANAN ANANTASOOK

เกมเติมคำ สำนวนไทย
เกมเติมคำ สำนวนไทย เกมเติมคำ สำนวนไทย
เกมเติมคำ สำนวนไทย SAKANAN ANANTASOOK
 
วารสารและอนุสรณ์ปีการศึกษา 2562 นารายณ์คำผงวิทยา
วารสารและอนุสรณ์ปีการศึกษา 2562 นารายณ์คำผงวิทยา วารสารและอนุสรณ์ปีการศึกษา 2562 นารายณ์คำผงวิทยา
วารสารและอนุสรณ์ปีการศึกษา 2562 นารายณ์คำผงวิทยา SAKANAN ANANTASOOK
 
ชุดฝึกทักษะสร้างสรรค์การออกแบบ เรื่อง เรียนรู้ Adobe photoshop cs6
ชุดฝึกทักษะสร้างสรรค์การออกแบบ เรื่อง เรียนรู้ Adobe photoshop cs6ชุดฝึกทักษะสร้างสรรค์การออกแบบ เรื่อง เรียนรู้ Adobe photoshop cs6
ชุดฝึกทักษะสร้างสรรค์การออกแบบ เรื่อง เรียนรู้ Adobe photoshop cs6SAKANAN ANANTASOOK
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทฤษฎีของแสงและอัตราเร็วแสง
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทฤษฎีของแสงและอัตราเร็วแสง ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทฤษฎีของแสงและอัตราเร็วแสง
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทฤษฎีของแสงและอัตราเร็วแสง SAKANAN ANANTASOOK
 
การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทย
การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทยการสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทย
การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทยSAKANAN ANANTASOOK
 
ชุดกิจกรรม เรื่อง รายงานการศึกษาค้นคว้า ชุด รูปแบบและจุดมุ่งหมายของรายงาน
ชุดกิจกรรม เรื่อง รายงานการศึกษาค้นคว้า  ชุด รูปแบบและจุดมุ่งหมายของรายงานชุดกิจกรรม เรื่อง รายงานการศึกษาค้นคว้า  ชุด รูปแบบและจุดมุ่งหมายของรายงาน
ชุดกิจกรรม เรื่อง รายงานการศึกษาค้นคว้า ชุด รูปแบบและจุดมุ่งหมายของรายงานSAKANAN ANANTASOOK
 
ชุดการสอน เรื่อง ภูมิศาสตร์ทวีปอเมริกาเหนือ
ชุดการสอน เรื่อง ภูมิศาสตร์ทวีปอเมริกาเหนือชุดการสอน เรื่อง ภูมิศาสตร์ทวีปอเมริกาเหนือ
ชุดการสอน เรื่อง ภูมิศาสตร์ทวีปอเมริกาเหนือSAKANAN ANANTASOOK
 
บทเรียนการ์ตูน วิชาภาษาไทย ชุด เสียงในภาษา เรื่อง อักษรสามหมู่
บทเรียนการ์ตูน วิชาภาษาไทย ชุด เสียงในภาษา เรื่อง อักษรสามหมู่บทเรียนการ์ตูน วิชาภาษาไทย ชุด เสียงในภาษา เรื่อง อักษรสามหมู่
บทเรียนการ์ตูน วิชาภาษาไทย ชุด เสียงในภาษา เรื่อง อักษรสามหมู่SAKANAN ANANTASOOK
 
สะเต็มศึกษากับดาราศาสตร์
สะเต็มศึกษากับดาราศาสตร์สะเต็มศึกษากับดาราศาสตร์
สะเต็มศึกษากับดาราศาสตร์SAKANAN ANANTASOOK
 
Eratosthenes-on-vernal-equinox-report-thai-version
Eratosthenes-on-vernal-equinox-report-thai-versionEratosthenes-on-vernal-equinox-report-thai-version
Eratosthenes-on-vernal-equinox-report-thai-versionSAKANAN ANANTASOOK
 
Korcorsor2557 รายชื่อผู้สมัคร ก.ค.ศ.
Korcorsor2557 รายชื่อผู้สมัคร ก.ค.ศ.Korcorsor2557 รายชื่อผู้สมัคร ก.ค.ศ.
Korcorsor2557 รายชื่อผู้สมัคร ก.ค.ศ.SAKANAN ANANTASOOK
 
TSMT Manual (คู่มือการปฏิบัติตนของครู สควค. ครูผู้สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้)
TSMT Manual (คู่มือการปฏิบัติตนของครู สควค. ครูผู้สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้)TSMT Manual (คู่มือการปฏิบัติตนของครู สควค. ครูผู้สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้)
TSMT Manual (คู่มือการปฏิบัติตนของครู สควค. ครูผู้สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้)SAKANAN ANANTASOOK
 
TSMT Journal16 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 16)
TSMT Journal16 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 16)TSMT Journal16 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 16)
TSMT Journal16 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 16)SAKANAN ANANTASOOK
 
TSMT Journal15 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 15)
TSMT Journal15 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 15)TSMT Journal15 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 15)
TSMT Journal15 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 15)SAKANAN ANANTASOOK
 
TSMT Journal14 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 14)
TSMT Journal14 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 14)TSMT Journal14 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 14)
TSMT Journal14 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 14)SAKANAN ANANTASOOK
 
TSMT Journal13 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 13)
TSMT Journal13 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 13)TSMT Journal13 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 13)
TSMT Journal13 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 13)SAKANAN ANANTASOOK
 
TSMT Journal12 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 12)
TSMT Journal12 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 12)TSMT Journal12 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 12)
TSMT Journal12 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 12)SAKANAN ANANTASOOK
 
TSMT Journal11 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 11)
TSMT Journal11 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 11)TSMT Journal11 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 11)
TSMT Journal11 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 11)SAKANAN ANANTASOOK
 
TSMT Journal10 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 10)
TSMT Journal10 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 10)TSMT Journal10 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 10)
TSMT Journal10 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 10)SAKANAN ANANTASOOK
 

More from SAKANAN ANANTASOOK (20)

เกมเติมคำ สำนวนไทย
เกมเติมคำ สำนวนไทย เกมเติมคำ สำนวนไทย
เกมเติมคำ สำนวนไทย
 
วารสารและอนุสรณ์ปีการศึกษา 2562 นารายณ์คำผงวิทยา
วารสารและอนุสรณ์ปีการศึกษา 2562 นารายณ์คำผงวิทยา วารสารและอนุสรณ์ปีการศึกษา 2562 นารายณ์คำผงวิทยา
วารสารและอนุสรณ์ปีการศึกษา 2562 นารายณ์คำผงวิทยา
 
ชุดฝึกทักษะสร้างสรรค์การออกแบบ เรื่อง เรียนรู้ Adobe photoshop cs6
ชุดฝึกทักษะสร้างสรรค์การออกแบบ เรื่อง เรียนรู้ Adobe photoshop cs6ชุดฝึกทักษะสร้างสรรค์การออกแบบ เรื่อง เรียนรู้ Adobe photoshop cs6
ชุดฝึกทักษะสร้างสรรค์การออกแบบ เรื่อง เรียนรู้ Adobe photoshop cs6
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทฤษฎีของแสงและอัตราเร็วแสง
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทฤษฎีของแสงและอัตราเร็วแสง ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทฤษฎีของแสงและอัตราเร็วแสง
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทฤษฎีของแสงและอัตราเร็วแสง
 
การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทย
การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทยการสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทย
การสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์ไทย
 
ชุดกิจกรรม เรื่อง รายงานการศึกษาค้นคว้า ชุด รูปแบบและจุดมุ่งหมายของรายงาน
ชุดกิจกรรม เรื่อง รายงานการศึกษาค้นคว้า  ชุด รูปแบบและจุดมุ่งหมายของรายงานชุดกิจกรรม เรื่อง รายงานการศึกษาค้นคว้า  ชุด รูปแบบและจุดมุ่งหมายของรายงาน
ชุดกิจกรรม เรื่อง รายงานการศึกษาค้นคว้า ชุด รูปแบบและจุดมุ่งหมายของรายงาน
 
ชุดการสอน เรื่อง ภูมิศาสตร์ทวีปอเมริกาเหนือ
ชุดการสอน เรื่อง ภูมิศาสตร์ทวีปอเมริกาเหนือชุดการสอน เรื่อง ภูมิศาสตร์ทวีปอเมริกาเหนือ
ชุดการสอน เรื่อง ภูมิศาสตร์ทวีปอเมริกาเหนือ
 
บทเรียนการ์ตูน วิชาภาษาไทย ชุด เสียงในภาษา เรื่อง อักษรสามหมู่
บทเรียนการ์ตูน วิชาภาษาไทย ชุด เสียงในภาษา เรื่อง อักษรสามหมู่บทเรียนการ์ตูน วิชาภาษาไทย ชุด เสียงในภาษา เรื่อง อักษรสามหมู่
บทเรียนการ์ตูน วิชาภาษาไทย ชุด เสียงในภาษา เรื่อง อักษรสามหมู่
 
สะเต็มศึกษากับดาราศาสตร์
สะเต็มศึกษากับดาราศาสตร์สะเต็มศึกษากับดาราศาสตร์
สะเต็มศึกษากับดาราศาสตร์
 
Eratosthenes-on-vernal-equinox-report-thai-version
Eratosthenes-on-vernal-equinox-report-thai-versionEratosthenes-on-vernal-equinox-report-thai-version
Eratosthenes-on-vernal-equinox-report-thai-version
 
Korcorsor2557 รายชื่อผู้สมัคร ก.ค.ศ.
Korcorsor2557 รายชื่อผู้สมัคร ก.ค.ศ.Korcorsor2557 รายชื่อผู้สมัคร ก.ค.ศ.
Korcorsor2557 รายชื่อผู้สมัคร ก.ค.ศ.
 
PISA2015THAILAND
PISA2015THAILANDPISA2015THAILAND
PISA2015THAILAND
 
TSMT Manual (คู่มือการปฏิบัติตนของครู สควค. ครูผู้สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้)
TSMT Manual (คู่มือการปฏิบัติตนของครู สควค. ครูผู้สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้)TSMT Manual (คู่มือการปฏิบัติตนของครู สควค. ครูผู้สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้)
TSMT Manual (คู่มือการปฏิบัติตนของครู สควค. ครูผู้สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้)
 
TSMT Journal16 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 16)
TSMT Journal16 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 16)TSMT Journal16 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 16)
TSMT Journal16 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 16)
 
TSMT Journal15 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 15)
TSMT Journal15 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 15)TSMT Journal15 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 15)
TSMT Journal15 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 15)
 
TSMT Journal14 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 14)
TSMT Journal14 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 14)TSMT Journal14 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 14)
TSMT Journal14 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 14)
 
TSMT Journal13 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 13)
TSMT Journal13 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 13)TSMT Journal13 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 13)
TSMT Journal13 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 13)
 
TSMT Journal12 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 12)
TSMT Journal12 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 12)TSMT Journal12 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 12)
TSMT Journal12 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 12)
 
TSMT Journal11 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 11)
TSMT Journal11 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 11)TSMT Journal11 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 11)
TSMT Journal11 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 11)
 
TSMT Journal10 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 10)
TSMT Journal10 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 10)TSMT Journal10 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 10)
TSMT Journal10 (วารสาร สควค. ฉบับที่ 10)
 

Sakanan nuclear power_plants

  • 1. HMP18-1 กระบวนการตัดสิ นใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6 เรื่อง โรงไฟฟานิวเคลียร์ สําหรับประเทศไทย ้ จากการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสั งคม (STS) ของ Yuenyong (2006) Grade 12 Students’ Decision Making Process in Physics Learning about Nuclear Power Plants in Thailand Through Yuenyong (2006) Science Technology and Society (STS) Approach ศักดิ์อนันต์ อนันตสุ ข (Sakanan Anantasook)* โชคชัย ยืนยง (Chokchai Yuenyong)** บทคัดย่ อ การวิจยครั้งนี้ มีวตถุประสงค์เพื่อศึกษากระบวนการตัดสิ นใจของนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6 เรื่ อง โรงไฟฟ้ า ั ั นิวเคลียร์สาหรับประเทศไทย จากการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม (STS) ของ ํ Yuenyong (2006) กลุ่มเป้ าหมายเป็ นนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6 ภาคเรี ยนที่ 1 ปี การศึกษา 2553 โรงเรี ยนนารายณ์คา ํ ผงวิทยา จํานวน 40 คน จําแนกเป็ นนักเรี ยนกลุ่มเก่ง 3 กลุ่ม และนักเรี ยนกลุ่มอ่อน 3 กลุ่ม เครื่ องมื อที่ ใช้ ในการวิจย ได้แก่ (1) แผนการจัดการเรี ยนรู้ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม ของ Yuenyong (2006) ั (2) แบบแผนสําหรับการลงรหัสพฤติกรรมกระบวนการตัดสิ นใจ (ISPED) (3) การสังเกตแบบมีส่วนร่ วม (4) การ สัมภาษณ์อย่างไม่เป็ นทางการ (5) อนุทิน และ (6) ผลงานนักเรี ยน ผลการวิจยพบว่า นักเรี ยนนําความรู้วิทยาศาสตร์ และ ั ศาสตร์อื่นๆ มาใช้ในการตัดสิ นใจ โดยนักเรี ยนกลุ่มเก่งและนักเรี ยนกลุ่มอ่อนมีกระบวนการตัดสิ นใจเหมือนกัน ABSTRACT This research aimed to study grade 12 students’ decision making process in Physics learning about nuclear power plants in Thailand through Yuenyong (2006) Science Technology and Society (STS) Approach. The participants were 40 Grade 12 students in Naraikhampongwitthaya School of Surin province, Thailand,1st semester of 2010 academic year. The nuclear power plants in Thailand unit through STS approach was developed based on framework of Yuenyong (2006). This intervention had carried out for 3 weeks. Methodology regarded interpretive paradigm. Students’ decision making process was interpreted from participant observation and protocol of ISPED decision making process. The findings revealed that students apply knowledge of science, technology and society to decisions. The high and low ability students are similar decision making process and proceed regarding to as specified by IPED decision making process. คําสํ าคัญ : กระบวนการตัดสิ นใจ ฟิ สิ กส์นิวเคลียร์ แนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม Key Words : Decision making process, Nuclear physics, Science technology and society approach * มหาบัณฑิต หลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ ศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่ น ** อาจารย์ ประจําสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ ศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่ น 1463
  • 2. HMP18-2 บทนํา วิ จ ารณญาณเป็ นเหตุ เ ป็ นผล หรื อเป็ นการตัด สิ น ใจ การศึ ก ษาด้า นวิท ยาศาสตร์ แ ละเทคโนโลยี ที่ ใช้ เพียงความรู้ สึกนึ กคิ ด ซึ่ งจะก่ อให้เกิ ดผลเสี ยกับ นับเป็ นเครื่ องมื อที่ มีความสําคัญอย่างยิ่งในการพัฒนา ตัว เองและสั ง คมไทยทั้ง ในระยะสั้ นและระยะยาว ทรั พ ยากรมนุ ษ ย์ เพื่ อ เป็ นรากฐานในการพัฒ นา (โชคชัย และวิมล, 2552) และสังคมไทยเป็ นสังคม เศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิต ประชาธิ ปไตย ประชาชนมี สิทธิ เสรี ภาพในการแสดง และการกินดีอยู่ดี ให้เกิดขึ้นกับประชาชนทั้งมวล การ ความคิดเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดําเนิ นโครงการ ดํารงชีวิตและการประกอบอาชีพของทุกคน จําเป็ นต้อง สําคัญต่าง ๆ ของภาครั ฐ ที่ มีผลกระทบต่อมนุ ษย์และ อาศัยวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีมากขึ้นทุกขณะอย่าง สิ่ ง แวดล้อ ม ต้อ งมี ก ารทํา ประชาพิ จ ารณ์ ห รื อ รั บ ฟั ง หลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะที่เป้ าหมายการเรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ ความเห็นจากประชาชน ให้ประชาชนมีส่วนร่ วมในการ ของไทยในปั จจุ บน คื อ การมุ่งเน้นให้ผูเ้ รี ยนได้เป็ นผู้ ั ตัดสิ นใจ เรี ยนรู้และค้นพบด้วยตนเองมากที่สุด มีทกษะที่สาคัญ ั ํ ดังนั้น กระบวนการตัดสิ นใจจึงควรถูกจัดให้ ในการศึ ก ษาค้ น คว้ า หาความรู้ และคิ ด ค้ น ทาง เป็ นส่ วนหนึ่ งในหลักสู ตรวิทยาศาสตร์ (Watson, 1980 วิท ยาศาสตร์ แ ละเทคโนโลยี มี ค วามสามารถในการ อ้างถึงใน Jung and Nam, 2004) และวิทยาศาสตร์ ศึกษา แก้ปัญหาอย่างเป็ นระบบ มี ทกษะในการสื่ อสาร และ ั ควรมี การศึ กษาเพื่อ พัฒนายุท ธศาสตร์ เพื่ อ สนับ สนุ น สามารถตั ด สิ นใจโดยใช้ ข ้อ มู ล หลากหลายและมี กระบวนการตัดสิ นใจของนักเรี ยน ซึ่ งการตัดสิ นใจนั้น ประจัก ษ์พ ยานที่ ต รวจสอบได้ (สถาบัน ส่ ง เสริ ม การ ่ เป็ นสิ่ งที่เกิดขึ้นอยูแทบตลอดเวลาในชีวิตของเราแต่ละ สอนวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี, 2545) แต่วฒนธรรม ั คน (Driver and Easley, 1978 อ้างถึงใน Jung and Nam, การเรี ย นรู้ วิท ยาศาสตร์ ใ นชั้น เรี ย นปั จ จุ บ ัน ที่ เ น้น ให้ 2004) หากเราสามารถจัดประสบการณ์การเรี ยนรู้ให้ ผูเ้ รี ยนเรี ยนเพื่อสามารถทําคะแนนสอบแข่งขันได้ ทั้ง นัก เรี ย นมี ก ระบวนการตัดสิ น ใจที่ ดี ก็จ ะนํา ไปสู่ ก าร ในระดับชั้นเรี ยน ระดับโรงเรี ยนและระดับชาติ อีกทั้ง ตัดสิ นใจที่ดีและมีเหตุผล เป้ าหมายในการเรี ยนของผูเ้ รี ยนเอง ที่ตองการนําความรู้ ้ ฟิ สิ กส์นิวเคลียร์ เป็ นสาระการเรี ยนรู้หนึ่ งใน ไปใช้ส อบแข่ ง ขัน เพื่ อ ศึ ก ษาต่ อ ในระดับ อุ ด มศึ ก ษา วิ ช าฟิ สิ ก ส์ ระดับ ชั้น มัธ ยมศึ ก ษาตอนปลาย โดยมี สําหรั บนักเรี ยนที่ ไม่ได้ศึกษาต่อ จะมีเป้ าหมายในการ แนวคิ ด หลัก ที่ นั ก เรี ยนต้อ งเรี ยนรู้ ดัง นี้ การค้น พบ เรี ยนเพื่อให้จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย กัมมันตภาพรังสี การเปลี่ยนสภาพนิ วเคลียส การสลาย และได้วุฒิทางการศึกษาเพื่อนําไปเป็ นหลักฐานในการ ของนิ วเคลียสกัมมันตรังสี ไอโซโทป เสถียรภาพของ ใช้ป ระกอบอาชี พ ในโรงงาน ห้า งร้ า น บริ ษ ัท ในเขต นิ วเคลียส ปฏิกิริยานิ วเคลียร์ ประโยชน์และโทษของ อุตสาหกรรมต่าง ๆ การเรี ยนวิทยาศาสตร์ จึงเป็ นการ กัมมันตภาพรังสี และพลังงานนิวเคลียร์ (สถาบันส่ งเสริ ม เรี ยนที่ไม่ได้เรี ยนรู้ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ ให้ลึกซึ้ ง การสอนวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี, 2546) ซึ่ งผลผลิต ทํา ให้ก ารเรี ย นการสอนวิท ยาศาสตร์ ไ ม่ เกี่ ย วข้อ งกับ จากความรู้น้ ี ได้ถูกนําไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาชีวิต ชี วิตประจําวัน เพราะเป็ นแค่ความรู้ ความจําที่ ใช้สอบ ของมนุ ษย์อย่างกว้างขวาง เช่น ด้านการแพทย์ ที่ใช้ใน เท่านั้น ซึ่ งวัฒนธรรมและเจตคติที่กล่าวมาข้างต้น อาจ การตรวจวินิจฉัยและบําบัดรักษาอาการเจ็บป่ วย รวมถึง ทําให้สังคมไทยมี ความเป็ นวิท ยาศาสตร์ น้อยลง และ การทํา ให้ ผ ลิ ต ภัณ ฑ์ ท างการแพทย์ป ลอดเชื้ อ ด้า น เมื่อสังคมตกอยู่ในภาวะที่จาเป็ นจะต้องมีการตัดสิ นใจ ํ เกษตรกรรม เช่น การปรับปรุ งพันธุ์ การทําหมันแมลง ร่ วมกัน ลักษณะนิ สัยดังกล่าวจะทําให้การตัดสิ นใจนั้น ศัตรู พืช การฉายรั งสี ชะลอการงอก และการฉายรั ง สี ขาดความรอบคอบ ขาดการไตร่ ตรอ งอย่ า งมี ถนอมอาหาร ด้านอุตสาหกรรม เช่น การผลิตกระดาษ 1464
  • 3. HMP18-3 การตรวจหาจุดที่ชารุ ดเสี ยหายในท่อของอุตสาหกรรม ํ จ า ก ก า ร ศึ ก ษ า แ น ว คิ ด วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ ปิ โตรเลียม ตรวจหาแหล่งแร่ การเปลี่ยนสี ของอัญมณี เทคโนโลยีและสังคม (Science Technology and ด้านการศึกษาและด้านวิชาการ เช่น ช่วยในการตรวจหา Society (STS)) พบว่าเป็ นแนวคิดในการจัดการเรี ยน อายุของโบราณสถาน โบราณวัตถุ ซากดึกดําบรรพ์ และ การสอนวิทยาศาสตร์ ที่เกี่ ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ และ ด้านพลังงาน สามารถนําพลังงานความร้อนที่ได้ไปผลิต เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นจริ ง แทนการเรี ยนการสอนที่เริ่ มต้น ไอนํ้าสําหรับปั่ นเครื่ องกําเนิ ดไฟฟ้ า ผลิตกระแสไฟฟ้ า ด้วยแนวคิ ดและกระบวนการ ซึ่ งเป็ นการส่ งเสริ มให้ ได้ โดยปี พ.ศ. 2550 คณะกรรมการนโยบายพลังงาน ผูเ้ รี ย นรู้ จัก การวิเ คราะห์ แ ละประยุก ต์ใช้แ นวคิ ด และ แห่ งชาติ (กพช.) ได้เห็นชอบบรรจุโครงการโรงไฟฟ้ า กระบวนการในสถานการณ์จริ ง ทําให้ผูเ้ รี ยนสามารถ นิ วเคลียร์ ไว้ในแผนพัฒนากําลังผลิตไฟฟ้ าของประเทศ เชื่ อมโยงกระบวนการเรี ย น รู้ ในห้ อ งเรี ยนกั บ ไทย พ.ศ. 2550 - 2564 (Power Development Plan : สถานการณ์ จ ริ ง ในท้อ งถิ่ น ของผู้เ รี ย นได้ ผู้เ รี ย นจะ PDP 2007) โดยกําหนดให้มีโรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ ในปี พัฒนาทั้งความคิ ดสร้ างสรรค์ เจตคติ ต่อวิทยาศาสตร์ พ.ศ. 2563 และ 2564 (นวลฉวี, 2553) แต่โครงการ ได้ใ ช้แ นวคิ ด ทางวิ ท ยาศาสตร์ แ ละกระบวนการทาง โรงไฟฟ้ านิ ว เคลี ย ร์ ย ัง ไม่ เ ป็ นที่ ย อมรั บ โดยทั่ว ไป วิทยาศาสตร์ ในชี วิตประจําวัน และกล้าตัดสิ นใจด้วย เนื่ องจากคนในสังคมยังไม่ไว้วางใจในความปลอดภัย ตนเอง (NSTA, 1993 อ้างถึงใน เกียรติศกดิ์, 2544) ซึ่ ง ั ของโรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ ไม่มนใจในระบบการขจัดกาก ั่ เป็ นวิธีการที่ดีที่สุดในการเตรี ยมผูเ้ รี ยนให้มีความพร้อม กัมมันตรั งสี จากเชื้ อเพลิงนิ วเคลียร์ ที่ใช้แล้ว ซึ่ งต้องใช้ ต่ อ สถานการณ์ ใ นปั จ จุ บ ัน และเตรี ย มบทบาทของ เวลานั บ หมื่ น ปี ก่ อ นที่ จ ะสลายตัว จนไม่ เ ป็ นภัย ต่ อ พลเมื อ งในอนาคต ที่ มี ค วามรู้ ค วาม สามารถด้า น สิ่ งแวดล้อม (กรรติกา, 2550) ขณะเดียวกัน จากกรณี การ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (Wilson and Livingston, ระเบิดของโรงไฟฟ้ าเชอร์ โนบิล (Chernobyl) ที่ประเทศ 1996 อ้างถึงใน อรอนงค์, 2553) ยู เ ครน และเหตุ ก ารณ์ อุ บ ั ติ เ หตุ ท างรั ง สี ที่ จั ง หวัด สํา หรั บ งานวิจัย นี้ ผูวิจัย เลื อ กใช้ก ารจัด การ ้ สมุ ท รปราการ ทํา ให้ ค นไทยได้เ รี ยนรู้ ว่ า รั ง สี จ าก เรี ยนรู้ ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม อุบติเหตุทางรังสี เหล่านี้ อาจทําให้ผูได้รับรังสี เสี ยชี วิต ั ้ ของ Yuenyong (2006) เพราะเป็ นแนวทางการจัดการ เป็ นโรคมะเร็ ง หรื ออาจทําให้ทารกในครรภ์ม ารดาที่ เรี ยนรู้เพื่อให้ผเู้ รี ยนได้เรี ยนรู้วิทยาศาสตร์ ตามธรรมชาติ ได้รั บ รั ง สี พิ ก าร จึ ง ทํา ให้ป ระชาชนมี ค วามกัง วลถึ ง ของวิ ท ยาศาสตร์ ด้ว ยกระบวนการกลุ่ ม และเน้น การ ความปลอดภัยของการใช้พลังงานนิ วเคลี ยร์ ในอาณา ตัดสิ นใจที่เคารพความคิดเห็ นและความรู้ สึกของผูอื่น ้ บริ เวณถิ่นที่อยูอาศัย่ โดยมีการจัดการเรี ยนรู้ 5 ขั้นตอน ได้แก่ (1) ขั้นระบุ ดั ง นั้ น ในการจั ด การเรี ยนรู้ เ รื่ อง ฟิ สิ กส์ ประเด็นทางสังคม, (2) ขั้นระบุแนวทางการหาคําตอบ นิวเคลียร์ จึงควรมีเป้ าหมายเพื่อให้ผเู้ รี ยนได้รู้และเข้าใจ อย่างมีศกยภาพ, (3) ขั้นต้องการความรู้, (4) ขั้นทําการ ั เรื่ อ ง กัม มัน ตภาพรั ง สี แ ละพลัง งานนิ ว เคลี ย ร์ อย่า ง ตัดสิ นใจ และ (5) ขั้นกระบวนการทางสังคม และ ลึกซึ้ ง เพื่อเตรี ยมความพร้อมด้านบุคลากรของประเทศ ในงานวิจัยนี้ ได้จดกลุ่มนักเรี ยนเป็ นนักเรี ยนกลุ่มเก่ง ั ให้แน่ ใจได้ว่าคนรุ่ นใหม่จะมีความรู้และทักษะที่ จะทํา และนั ก เรี ยนกลุ่ ม อ่ อ น ทั้ง นี้ เพื่ อ ช่ ว ยส่ ง เสริ มการมี ให้พวกเขาสามารถทําการอภิ ปรายต่อสาธารณชนให้ ปฏิสัมพันธ์และส่ งเสริ มบทบาทการทํางานร่ วมกันของ เข้าใจได้และสามารถทําการตัดสิ นใจอย่างผูที่มีความรู้ ้ นักเรี ยนในแต่ละกลุ่ม ให้สามารถทําการตัดสิ นใจอย่าง ได้ (Dawson, 2006 อ้างถึงใน นวลพักตร์ , 2552) และ ผูมีความรู้ได้ ้ เลือกตัดสิ นใจได้อย่างมีเหตุผล (พงศาล, 2550) 1465
  • 4. HMP18-4 วัตถุประสงค์ ของการวิจัย ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง (S), เสนอทางเลือก (P), ประเมิน เพื่ อ ศึ ก ษ า ก ร ะ บ ว น ก า ร ตั ด สิ น ใ จ เ รื่ อ ง ทางเลือก (E) และตัดสิ นใจเลือกทางเลือก(D) โรงไฟฟ้ านิ วเคลี ยร์ สําหรั บประเทศไทย ของนักเรี ยน 2. เครื่ องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล ได้แก่ ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6 จากการจัดกิจกรรมการเรี ยนรู้ ตาม การสังเกตแบบมี ส่วนร่ วม การสัมภาษณ์ อย่างไม่เป็ น แนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม (STS) ของ ทางการ อนุทินและผลงานนักเรี ยน Yuenyong (2006) วิ ธีดาเนิ นการวิ จย ํ ั รู ปแบบการวิจัย การจัดการเรี ยนรู้เรื่ อง โรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ สําหรับ การวิจยครั้ งนี้ เป็ นการวิจยเชิ งคุณภาพที่ เน้น ั ั ประเทศไทย ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและ การตีความ (Interpretive paradigm) เทคนิ คที่ทาให้ ํ สังคม ของ Yuenyong (2006) ผูวิจยเปิ ดประเด็นโดย ้ ั งานวิจยมีความเชื่อถือ (Trustworthiness) ในการวิจยเชิง ั ั สอบถามนั ก เรี ยนว่ า “ถ้า โลกนี้ ไม่ มี ไ ฟฟ้ า จะเป็ น ตีความ สามารถวัดค่าได้จาก ความตรงภายใน (Internal อย่างไร” และ “เราควรเตรี ยมการรับมือกับสถานการณ์ validity) ความตรงภายนอก (External validity) ความ ไม่มีไฟฟ้ าใช้อย่างไร” ซึ่ งส่ วนใหญ่นักเรี ยนจะตอบว่า เที่ ย ง (Reliability) และความเป็ นปรนัย (Objectivity) ต้องหาแหล่งพลังงานทดแทน ตัวอย่างเช่น พลังงานนํ้า (Lincoln and Guba, 1985; Merriam, 1988; Altheide จากเขื่อน พลังงานลม พลังงานจากชี วมวล พลังความ and Johnson, 1994 อ้างถึงใน โชคชัย, 2552) ร้อนใต้พิภพ พลังสุ ริยะและพลังงานนิ วเคลียร์ จากนั้น ผูวิ จัย จึ ง ให้ข ้อ มู ล ว่า พลัง งานนิ ว เคลี ย ร์ เป็ นหนึ่ ง ใน ้ กลุ่มเป้ าหมาย พลังงานทางเลือกสําคัญของอนาคต ซึ่ งนักวิทยาศาสตร์ กลุ่ ม เป้ าหมายเป็ นนัก เรี ย นระดับ ชั้น มัธ ยม เห็นว่า ปฏิกิริยานิ วเคลียร์ ที่เกิดขึ้นจากเชื้อเพลิงของธาตุ ศึกษาปี ที่ 6 ภาคเรี ยนที่ 1 ปี การศึกษา 2553 โรงเรี ยน ยูเรเนี ยม-235 เพียงน้อยนิ ดแต่สามารถให้พลังงาน นารายณ์คาผงวิทยา จังหวัดสุ รินทร์ จํานวน 40 คน ํ มหาศาล จึ ง มี ก ารสร้ า งโรงไฟฟ้ านิ ว เคลี ย ร์ เพื่ อ นํา จําแนกเป็ นนักเรี ยนกลุ่มเก่ง 3 กลุ่ม จํานวน 20 คน และ พลังงานมาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้ า และได้จดการเรี ยนรู้ ั นักเรี ยนกลุ่มอ่อน 3 กลุ่ม จํานวน 20 คน ตามลําดับ ดังนี้ 1. ขั้น ระบุ ป ระเด็ น ทางสั ง คม นัก เรี ยน เครื่องมือทีใช้ ในการวิจัย แบ่งออกเป็ น 2 ประเภท ดังนี้ ่ ดู ค ลิ ป วี ดิ โ อ “อนาคตโรงไฟฟ้ านิ ว เคลี ย ร์ ใ นไทย” 1. เครื่ องมือที่ใช้ในการดําเนินการวิจย ได้แก่ ั ซึ่ งกล่าวถึงแผนพัฒนาผลิตกําลังไฟฟ้ า หรื อ PDP 2007 1.1 แผนการจัดการเรี ยนรู้ วิชาฟิ สิ กส์ ซึ่ งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่ งชาติ (กพช.) ได้ เรื่ อง โรงไฟฟ้ านิ ว เคลี ย ร์ สํ า หรั บ ประเทศไทย ตาม อนุ ม ัติ แ ผนพัฒ นาผลิ ต กํา ลัง ไฟฟ้ า สร้ า งโรงไฟฟ้ า แนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม (STS) ของ นิวเคลียร์ ในประเทศไทย ขนาด 2,000 เมกกะวัตต์ ในปี Yuenyong (2006) จํานวน 3 แผน 5 ชัวโมง ่ พ.ศ. 2563-2564 แล้วอ่านข่าวเรื่ อง “ทําไม? คนอีสาน 1.2 แบบแผนสํา หรั บ การลงรหั ส ต้องค้านโครงการโรงไฟฟ้ าพลังงานนิวเคลียร์ ” เพื่อให้ พฤติ กรรมกระบวนการตัดสิ นใจ โดยผูวิจัย เสนอ ้ นักเรี ยนได้ท ราบข้อ มูลเกี่ ยวกับการคัดค้านโครงการ กระบวนการตัดสิ นใจ 5 ขั้นตอนเป็ นกรอบในการสร้าง โรงไฟฟ้ านิ วเคลี ย ร์ จากนั้นตั้งประเด็นว่า “ถ้ารั ฐบาล รหัสพฤติกรรม ได้แก่ กําหนดประเด็น (I), รวบรวม อนุ ม ัติ ใ ห้มี ก ารก่ อ สร้ า งโรงไฟฟ้ านิ ว เคลี ย ร์ ในพื้ น ที่ อํา เภอโนนนารายณ์ จังหวัด สุ ริ นทร์ นัก เรี ย นมี ค วาม 1466
  • 5. HMP18-5 คิดเห็นอย่างไร” ซึ่ งพบว่านักเรี ยนกลุ่มเก่ง (กลุ่มที่ 1-2) ของไอสไตน์ การหาพลัง งานยึด เหนี่ ย ว พลัง งานยึด และนักเรี ยนกลุ่มอ่อน (กลุ่มที่ 4-5) แสดงความคิดเห็น เหนี่ ย วต่ อ นิ ว คลี อ อน วิธี เ ขี ย นสมการแสดงปฏิ กิ ริ ย า ว่า “ไม่ เห็ นด้วย” เนื่ องจากมี ความหวาดกลัวอันตราย นิ วเคลียร์ ปฏิ กิริยาฟิ ชชันและปฏิ กิริยาฟิ วชัน จากนั้น จากกัมมันตภาพรังสี ที่อาจส่ งผลกระทบต่อประชาชน นักเรี ยนแต่ละกลุ่มได้นาเสนอผลการสื บค้นข้อมูลเรื่ อง ํ และเห็นว่าสภาพพื้นที่ในอําเภอไม่เหมาะสม เพราะไม่มี ข้อกังวลใจเกี่ ยวกับโรงไฟฟ้ านิ วเคลี ยร์ และผูวิจยให้ ้ ั แหล่งนํ้าขนาดใหญ่ นักเรี ยนกลุ่มเก่ง (กลุ่มที่ 3) แสดง ความรู้ เ รื่ อ ง โรงไฟฟ้ านิ ว เคลี ย ร์ ซึ่ งทํา ให้นัก เรี ย นมี ความคิ ดเห็ นว่า “เห็ นด้วย” โดยให้เหตุผลว่า การมี ความรู้ เ กี่ ย วกั บ ปฏิ กิ ริ ยานิ ว เคลี ย ร์ แ ละโรงไฟฟ้ า โรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ ในอําเภอโนนนารายณ์ จะทําให้เกิด นิวเคลียร์ มากขึ้น การหลังไหลของเงินทุน และนักวิทยาศาสตร์ ซ่ ึ งจะนํา ่ 4. ขั้นทําการตัดสิ นใจ นักเรี ยนได้รับ ความเจริ ญมาสู่อาเภอ ส่ วนนักเรี ยนในกลุ่มอ่อน (กลุ่มที่ ํ ข้อมูลเชิงบวกเกี่ยวกับโรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ จากบทความ 6) ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อใช้ประกอบการตัดสิ นใจ เรื่ อง “ข้อเท็จจริ งเกี่ยวกับโรงไฟฟ้ านิ วเคลี ยร์ ” และ 2. ขั้นระบุแนวทางการหาคําตอบอย่างมี ข้อมูลเชิงลบเกี่ยวกับโรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ จากคลิปวีดิโอ ศักยภาพ เนื่ องจากนักเรี ยนส่ วนใหญ่มีความคิดเห็นว่า เรื่ อง “มุ ม มองโรงไฟฟ้ านิ ว เคลี ย ร์ ภ าคประชาชน” ไม่เห็นด้วยและมีขอกังวลใจเกี่ยวกับโรงไฟฟ้ านิวเคลียร์ ้ จากนั้นผูวิจยให้นักเรี ยนแต่ละกลุ่มทําการตัดสิ นใจว่า ้ ั ผูวิ จัย จึ ง มอบหมายให้นัก เรี ย นแต่ ล ะกลุ่ ม ไปสื บ ค้น ้ “ควรสร้างโรงไฟฟ้ านิวเคลียร์ในประเทศไทยหรื อไม่” ข้อมูลเพื่อตอบข้อกังวลใจเหล่านั้นและให้มานําเสนอ ทั้งนี้ การสร้างโรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ ในประเทศ ในชั้นเรี ยนในขั้นต้องการความรู้ ในประเด็นต่อไปนี้ ไทย เป็ นประเด็น สาธารณะ ที่ มี ก ารพู ด ถึ ง มากที่ สุ ด - เราสามารถใช้พลังงานทดแทนอื่น ประเด็นหนึ่ งในสังคมไทย เพราะรัฐบาลได้เตรี ยมการ ได้อย่างมีศกยภาพหรื อไม่ ั ขั้น ต้น ที่ จ ะสร้ า งโรงไฟฟ้ านิ ว เคลี ย ร์ ม าตั้ง แต่ ปี พ.ศ. - มีความกังวลกับอันตรายจากรังสี 2550 และในปี พ.ศ. 2553 เป็ นปี ที่ตองเสนอรัฐบาลเพื่อ ้ ที่เกิดจากโรงไฟฟ้ านิวเคลียร์ อนุ มติโครงการ จึงมีการนําเสนอข้อมูลผ่านสื่ อต่าง ๆ ั - ไม่ เ ชื่ อ มั่น ในมาตรฐานและ ทั้งฝ่ ายสนับสนุ นและฝ่ ายคัดค้านอยู่เป็ นระยะ ๆ และ ประสิ ทธิ ภ าพการกํา กั บ ดู แ ล และการรั ก ษาความ ล่าสุ ดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ส่ังให้ ปลอดภัย ในโรงไฟฟ้ านิ ว เคลี ย ร์ ข องเจ้า หน้ า ที่ แ ละ ทําแผนพีดีพีสารอง (พีดีพี 2010 : พ.ศ. 2553-2573) เพื่อ ํ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใช้เป็ นข้อเปรี ยบเทียบในการตัดสิ นใจว่าจะมีโรงไฟฟ้ า - ไม่เชื่อมันในพฤติกรรมคนไทยใน ่ นิ ว เคลี ย ร์ ห รื อไม่ ใ นปี พ.ศ. 2554 ดั ง นั้ น ประเด็ น เรื่ อ ง การลัก ลอบขโมยและทํา ความเสี ย หาย อัน จะ ที่นักเรี ยนต้องทําการตัดสิ นใจ จึ งเป็ นประเด็นที่คนใน ก่อให้เกิดอันตรายต่อโรงไฟฟ้ านิวเคลียร์และประชาชน สังคมกําลังสนใจและให้ความสําคัญ เพราะเกี่ยวข้องกับ - อาจมี ก ารนํา เชื้ อ เพลิ ง ของ อนาคตและความมันคงทางพลังงานของประเทศ ่ โรงไฟฟ้ านิวเคลียร์ไปใช้เพื่อผลิตระเบิดนิวเคลียร์ 5. ขั้นกระบวนการทางสังคม หลังจากที่ - สถานที่ ที่ เ หมาะสมกับ การ นั ก เรี ยนแต่ ล ะกลุ่ ม ได้ ต ั ด สิ นใจแล้ ว นั ก เรี ยนนํ า ก่อสร้างควรเป็ นอย่างไร ผลการตัดสิ นใจ พร้อมเหตุผลไปตั้งกระทูบนเว็บไซต์ ้ 3. ขั้น ต้อ งการความรู้ ครู ใ ห้ค วามรู้ ครู สมาร์ทดอทคอม (www.krusmart.com) เพื่อให้บุคคล เกี่ยวกับเสถียรภาพของนิ วเคลียส แรงนิ วเคลียร์ รัศมี ทัวไปหรื อผูเ้ ชี่ ยวชาญได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและ ่ ของนิ วเคลียส ความสัมพันธ์ระหว่างมวลและพลังงาน ให้ขอเสนอแนะ ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม - 7 พฤศจิกายน ้ 1467
  • 6. HMP18-6 พ.ศ. 2553 แล้วเขียนสะท้อนผลการเผยแพร่ ผลการ กระบวนการตัดสิ นใจ นักเรี ย นมี พฤติ กรรมกระบวน ตัดสิ นใจ การตัดสิ นใจ ดังนี้ 1. ขั้นกําหนดประเด็น (I) นักเรี ยนทุกกลุ่ม การวิเคราะห์ ข้อมูล รั บทราบประเด็นที่ ตองตัดสิ นใจ (I1.1) จากผูวิจัย ้ ้ 1. นําข้อมูลที่ ได้จากผลงานนักเรี ยน อนุ ทิน จากนั้นนักเรี ยนจะพูดกับสมาชิกในกลุ่ม เพื่อให้ทราบ แบบสังเกตการสอนที่บนทึกพฤติกรรมการแสดงออก ั ว่า กําลังจะตัดสิ นใจเรื่ องใด (I1.3) อีกครั้งแต่ใช้คาพูด ํ ของนัก เรี ย นขณะจัด กิ จ กรรมการเรี ย นรู้ และผลการ สื่ อความหมายดังกล่าวแตกต่างกันไป สัมภาษณ์อย่างไม่เป็ นทางการมาอ่านทีละคน หรื อทีละ 2. ขั้นเสนอทางเลือก (P) นักเรี ยนในแต่ละ กลุ่มขึ้นอยูกบข้อมูล ่ ั กลุ่มจะเสนอทางเลือกของตนเองให้กบสมาชิกในกลุ่ม ั 2. ถอดข้อความจากการบันทึ กเสี ยงขณะ ได้ทราบ (P1.1) โดยมี การให้รายละเอี ยดข้อมูลใน นักเรี ยนทําการตัดสิ นใจ โดยแบ่งข้อความที่นกเรี ยนพูด ั ทางเลือกของตนเอง (P1.3) ยกเว้นนักเรี ยนในกลุ่มที่ 6 ออกเป็ นประโยคหรื อวลี และทําการลงรหัสพฤติกรรม จะรวบรัดให้เพื่อนคล้อยตามเหตุผลของตนเอง หลังจาก ตามรหัสที่ผวจยกําหนดไว้ โดยการวิเคราะห์เพื่อลงรหัส ู้ ิ ั การเสนอทางเลือก พฤติกรรมนี้ใช้ผวิเคราะห์ 2 คน เพื่อความเชื่อถือได้ของ ู้ 3. ขั้นประเมินทางเลือก (E) นักเรี ยนกลุ่ม ข้อมูล ซึ่ งผูวิจัยให้อาจารย์ผูสอนวิชาฟิ สิ กส์ โรงเรี ยน ้ ้ ที่ 1 มีการพิจารณาถึงผลที่ตามมาของแต่ละทางเลือก นารายณ์คาผงวิทยาเป็ นผูช่วยวิจย (Member checking) ํ ้ ั (E1.1) ในขณะที่นกเรี ยนกลุ่มอื่น จะให้ความสําคัญกับ ั เพื่อช่วยวิเคราะห์ขอมูลร่ วมกับผูวจย ้ ้ิั หลักการใดหลักการหนึ่ งและหลักการนั้นมี ผลต่อการ 3. จัดกลุ่มลักษณะกระบวนการตัดสิ นใจของ ตัดสิ นใจ (E2.1) โดยหลักการที่นกเรี ยนแต่ละกลุ่มให้ ั นั ก เรี ยนกลุ่ ม เก่ ง และนั ก เรี ยนกลุ่ ม อ่ อ น ตามรหั ส ความสําคัญและมีผลต่อการตัดสิ นใจเลือกทางเลือก คือ พฤติ ก รรม แล้ ว นํ า มาเขี ย นผลการวิ จั ย อธิ บายถึ ง กระบวนการประชาธิ ปไตย โดยการออกเสี ยง กระบวนการตัดสิ นใจของนักเรี ยน ลงคะแนนและถื อ หลัก เสี ย งข้า งมากเป็ นเกณฑ์ โดย 4. นําข้อมูลการวิเคราะห์ที่ได้มาร่ วมวิเคราะห์ พบว่า กลุ่มที่ 1-3 สมาชิ กในกลุ่มมี ส่วนร่ วมในการ เชิ ง ตี ค วามอี ก รอบ ร่ วมกับ อาจารย์ที่ ป รึ กษา และ ตัดสิ นใจ ส่ วนกลุ่มที่ 4-6 บุคคลที่มีบทบาทในกลุ่มหรื อ ผูทรงคุณวุฒิ (Peer debriefing) เพื่อให้มีความน่าเชื่อถือ ้ เป็ นผูนากลุ่ม จะมีบทบาทในการชี้นาการตัดสิ นใจ และ ้ ํ ํ ของการวิจย (Trustworthiness) มากยิงขึ้น ั ่ นักเรี ยนกลุ่มที่ 1, 2, 3 และ 6 มีความเห็นว่าควรสร้าง จะ ยอมรั บว่า การสร้ างโรงไฟฟ้ านิ วเคลี ยร์ มีท้ งข้อดี และ ั ผลการวิจัยและอภิปรายผล ข้อ เสี ย และคํา นึ ง ถึ ง ข้อ ดี ว่า จะช่ ว ยให้ป ระเทศไทยมี จากการถอดข้อความจากการบันทึ กเสี ยง ขณะ ความมันคงทางพลังงาน ซึ่ งจะส่ งผลต่อการเติบโตทาง ่ นัก เรี ย นแต่ ล ะกลุ่ ม ทํา การตัดสิ น ใจ และลงรหัส เศรษฐกิจและทําให้เกิดความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ พฤติกรรมการตัดสิ นใจ แสดงให้เห็ นว่า กระบวนการ นอกจากนี้ ยังคํานึงถึงปั จจัยที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เช่น กลุ่มที่ ตัดสิ นใจของนักเรี ยนเรื่ อง โรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ สําหรับ 2 คํานึ งถึงข้อจํากัดของพลังงานทดแทนอื่น กลุ่มที่ 3 ประเทศไทย ในประเด็นที่ว่า “ควรสร้างโรงไฟฟ้ า คํา นึ ง ถึ ง ผลประโยชน์ ท างการค้า และการลงทุ น กับ นิ วเคลียร์ ในประเทศไทยหรื อไม่” ของนักเรี ยนทุกกลุ่ม ประเทศเพื่อนบ้าน กลุ่มที่ 6 คํานึ งถึงเหตุการณ์ทาง ดําเนินไปอย่างเป็ นลําดับขั้น 4 ขั้นตอน (IPED) โดยไม่ ประวัติศาสตร์ ของไทย ส่ วนนักเรี ยนกลุ่มที่ 4 และ 5 มีข้ นรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง (S) ซึ่ งในแต่ละขั้นของ ั มี ค วามเห็ น ว่ า ไม่ ค วรสร้ า ง จะคํา นึ ง ถึ ง ข้อ เสี ย และ 1468
  • 7. HMP18-7 อัน ตรายที่ จ ะเกิ ด จากการได้รั บ กัม มัน ตภาพรั ง สี จ าก ่ เห็นได้วาการทําความเข้าใจความรู้วิทยาศาสตร์ จะต้อง โรงไฟฟ้ านิวเคลียร์ มี การเจรจา การอภิ ปราย และการตี ความหมายข้อมูล 4. ขั้นตัดสิ นใจเลื อกทางเลือก (D) ผ่านกระบวนการทางสังคม นักเรี ยนกลุ่มเก่ง กลุ่มที่ 1-3 จะตัดสิ นใจเลือกทางเลือก นอกจากนี้ ยั ง พบว่ า นั ก เรี ยนตั ด สิ นใจ ที่ เห็ นว่า ควรสร้างโรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ ขณะที่ นักเรี ยน สนับสนุ นการสร้างโรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ ในประเทศไทย กลุ่มอ่อน กลุ่มที่ 4 และ 5 จะตัดสิ นใจเลือกทางเลือกที่ เพิ่มขึ้นจากความเห็นเดิมในขั้นระบุประเด็นทางสังคม เห็นว่า ไม่ควรสร้างโรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ ส่ วนนักเรี ยน จาก 2 กลุ่มเป็ น 4 กลุ่ม โดยนักเรี ยนยอมรับว่า การสร้าง กลุ่มอ่อน กลุ่มที่ 6 จะตัดสิ นใจเลือกทางเลือกที่เห็นว่า โรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ มีท้ งข้อดีและข้อเสี ย แต่ขอดีจะช่วย ั ้ ควรสร้างโรงไฟฟ้ านิวเคลียร์ ให้ประเทศไทยมี ไฟฟ้ าใช้อย่างพอเพียงและทําให้เกิ ด จากการเปรี ยบเที ยบลักษณะกระบวนการ ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เป็ นประเทศผูนําทาง ้ ตัดสิ นใจเรื่ อง โรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ สําหรับประเทศไทย เทค โ นโ ลยี นิ วเคลี ยร์ ในกลุ่ ม ประเทศอาเซี ยน ในประเด็ น ที่ ว่ า “ควรสร้ า งโรงไฟฟ้ านิ ว เคลี ย ร์ ใ น ส่ วนนักเรี ยนกลุ่มอ่อน 2 กลุ่ม ยังยืนยันแนวทางการ ประเทศไทยหรื อไม่” ของนักเรี ยนกลุ่มเก่งและนักเรี ยน คัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ โดยนักเรี ยนจะมี กลุ่มอ่อน พบว่า กระบวนการตัดสิ นใจของนักเรี ยนกลุ่ม ความกัง วลเกี่ ย วกับ อุ บ ัติ เ หตุ ท างรั ง สี แ ละการได้รั บ เก่งและนักเรี ยนกลุ่มอ่อนทุกกลุ่มเหมือนกัน และดําเนิน กัมมันตภาพรังสี ทั้งนี้ ในการตัดสิ นใจ นักเรี ยนได้นา ํ ไปอย่ า งเป็ นลํา ดั บ ขั้ นตามลํา ดั บ ขั้น กระบวนการ ความรู้วิทยาศาสตร์ และนําความรู้จากศาสตร์ อื่น ๆ เช่น ตัดสิ นใจที่ ผูวิจัยเสนอ แต่จะไม่มีข้ นรวบรวมข้อมูลที่ ้ ั เศรษฐกิจ การลงทุน ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมทาง เกี่ยวข้อง (S) ทําให้นกเรี ยนมีกระบวนการตัดสิ นใจ 4 ั การเมื องในระบอบประชาธิ ปไตย มาใช้ในการเสนอ ขั้นตอน คือ กําหนดประเด็น (I) เสนอทางเลื อก (P) ทางเลือก (P) ประเมินทางเลือก (E) และตัดสิ นใจเลือก ประเมินทางเลือก (E) และตัดสิ นใจเลือกทางเลือก (D) ทางเลือก (D) ทั้งนี้การที่นกเรี ยนไม่มีข้ นรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง (S) ั ั อาจเนื่ องมาจากการตัดสิ นใจครั้ งนี้ เป็ นการตัดสิ นใจ สรุปผลการวิจัย เลื อกทางเลื อกใดทางเลื อกหนึ่ งในสองทางเลือก และ นั ก เรี ยนกลุ่ ม เก่ ง และนั ก เรี ยนกลุ่ ม อ่ อ น เป็ นการตัดสิ นใจหลังจากที่นกเรี ยนได้เรี ยนเนื้ อหาและ ั มีกระบวนการตัดสิ นใจเรื่ อง โรงไฟฟ้ านิวเคลียร์ สาหรับ ํ ได้รั บ ข้อ มู ล เกี่ ย วกับ ข้อ ดี แ ละข้อ เสี ย ของโรงไฟฟ้ า ประเทศไทยเหมือนกัน โดยมีกระบวนการตัดสิ นใจ นิ วเคลียร์ นักเรี ยนแต่ละคนในแต่ละกลุ่มได้ตดสิ นใจ ั 4 ขั้นตอน (IPED) ตามลําดับดังนี้ กําหนดประเด็น (I), เลื อกทางเลื อกของตนเองก่อน จากนั้นจึ งได้เสนอผล เสนอทางเลือก (P) ประเมินทางเลือก (E) และตัดสิ นใจ การตัดสิ นใจของตนเองแล้วตัดสิ นใจร่ วมกัน กระบวน เลือกทางเลือก (D) การตัด สิ นใจในสาระโรงไฟฟ้ านิ ว เคลี ย ร์ สํ า หรั บ ประเทศไทย ประเด็นที่ 1 ควรสร้างโรงไฟฟ้ านิ วเคลียร์ ข้ อเสนอแนะ ในประเทศไทยหรื อไม่ จึงเปิ ดโอกาสให้นกเรี ยนแต่ละ ั 1. ข้อเสนอแนะสําหรับครู ผสอน ู้ คนได้แสดงตัวแทนความคิดของตนออกมา เพื่อเป็ นการ จากผลการวิจยจะพบว่า ในการตัดสิ นใจใน ั แลกเปลี่ยนความรู้วิทยาศาสตร์ ซ่ ึ งกันและกัน และได้มี เรื่ องใด ๆ ที่ มีความเกี่ ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ ที่เกิ ดขึ้ น โอกาสทบทวนแนวความคิดของตนอีกครั้ง จนนําไปสู่ จริ งในสังคม นอกจากจะต้องใช้ความรู้วิทยาศาสตร์ แล้ว การตัดสิ น ใจเลื อ กทางเลื อกใดทางเลื อ กหนึ่ ง และจะ นัก เรี ยนยัง ต้อ งใช้ค วามรู้ ใ นศาสตร์ อื่ น ๆ และต้อ ง 1469
  • 8. HMP18-8 คํานึ งถึงปั จจัยที่ เกี่ ยวข้องต่าง ๆ มากมาย โดยนักเรี ยน 1.5 ในขั้นประเมินทางเลือก ครู ควรช่วยเหลือ ทุกกลุ่มมีการใช้ความรู้วิทยาศาสตร์ ที่เรี ยนมาประกอบ นัก เรี ย นในการเปรี ย บเที ย บทางเลื อ กแต่ ละทางเลื อ ก ในการตัดสิ นใจ แต่มีความแตกต่างกันในเรื่ องกระบวน อย่างละเอียด ในขั้นนี้ อาจจําเป็ นต้องใช้ทกษะการแปร ั การทํา งาน โดยนั ก เรี ยนกลุ่ ม เก่ ง จะเปิ ดโอกาสให้ ผลต่ า ง ๆ เช่ น การใช้ท ัก ษะทางคณิ ต ศาสตร์ การใช้ สมาชิกในกลุ่มได้เสนอทางเลือกและแสดงความคิดเห็น ตารางเปรี ยบเทียบ หรื อใช้กราฟ เป็ นต้น เพื่อให้เกิดการ ของตนเองอย่ า งหลากหลายก่ อ นตัด สิ นใจ ขณะที่ เปรี ยบเทียบข้อมูล และชังนํ้าหนักแต่ละทางเลือก ่ นักเรี ยนกลุ่มอ่อน จะให้ความสําคัญกับบุคคลใดบุคคล 1.6 ในการวางแผนจัดกิ จกรรมการเรี ยนรู้ หนึ่ ง ซึ่ งมีความรู้ความสามารถและกล้าแสดงออกเป็ น ครู ค วรเข้า ใจถึ ง ลํา ดับ ขั้น ของกระบวนการตัด สิ น ใจ ผู้นํา ในการคิ ด และวางแผนการทํา งาน และบุ ค คล อย่า งชัด เจน และวิ เ คราะห์ ว่า ในแต่ ล ะลํา ดับ ขั้น ของ ดังกล่าวจะมีบทบาทชี้นาการตัดสิ นใจของกลุ่ม ํ กระบวนการตัด สิ น ใจในเรื่ องนั้น ๆ จํา เป็ นต้อ งใช้ ดัง นั้ น โรงเรี ยนจึ ง ควรจั ด การเรี ยนรู้ เ พื่ อ ความรู้หรื อทักษะอะไรบ้าง แต่ก็ไม่จาเป็ นจะต้องบอก ํ ส่ งเสริ มความสามารถในการตัดสิ นใจไปพร้ อม ๆ กับ ให้ นั ก เรี ยนดํา เนิ น ไปที ล ะขั้ น หรื อตามลํา ดั บ ขั้ น การส่ งเสริ มความสามารถในการใช้เหตุผลอื่น ๆ เพื่อให้ เพียงแต่คอยแนะนําเท่านั้น นักเรี ยนทุ กกลุ่ม มี ก ารตัดสิ นใจอย่า งผูมีค วามรู้ แ ละมี ้ 2. ข้อเสนอแนะในการวิจยครั้งต่อไป ั เหตุ ผ ล การวางแผนการจัด การเรี ยนรู้ เ พื่ อ ส่ ง เสริ ม 2.1 ควรนําวิธีการจัดการเรี ยนรู้ ตามแนวคิด ความสามารถในการตัดสิ นใจจึงเป็ นสิ่ งที่จาเป็ น โดย ํ วิ ท ยาศาสตร์ เทคโนโลยี แ ละสั ง คม ของ Yuenyong ผูวจยมีขอเสนอแนะ ดังนี้ ้ิั ้ (2006) ไปใช้จดการเรี ยนรู้ในหน่วยการเรี ยนรู้อื่น ๆ เพื่อ ั 1.1 สถานการณ์ ที่ จ ะนํา มาให้ นัก เรี ย น ศึ ก ษา พัฒ นาและส่ งเสริ มกระบวนการตั ด สิ นใจ ตัดสิ นใจ ครู ควรเตรี ยมประเด็นที่ มีความเกี่ ยวข้องกับ ในหน่วยการเรี ยนรู้น้ น ๆ ให้เกิดขึ้นกับนักเรี ยน ั ความรู้วิทยาศาสตร์ และมีความซับซ้อน ต้องใช้ความรู้ 2.2 ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ ยวกับเวลาที่ และมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายด้าน นักเรี ยนใช้ในการทําการตัดสิ นใจ เนื่ องจากผูวิจยพบว่า ้ ั 1.2 การจัดกลุ่มในลักษณะแยกนักเรี ยนกลุ่ม นักเรี ยนแต่ละกลุ่มใช้เวลาในการตัดสิ นใจแตกต่างกัน เก่งและนักเรี ยนกลุ่มอ่อ น จะทําให้นักเรี ย นกลุ่มอ่อ น 2.3 ควรมีการศึกษาและอภิปรายผลการวิจยที่ ั ประสบปั ญหาในการเรี ยนเนื้ อหาที่มีการคํานวณ ดังนั้น แสดงถึงการเชื่ อมโยงความรู้สู่ ชีวิตจริ งเพื่อส่ งเสริ มให้ ครู จึงควรให้ความสําคัญ และหาทางแก้ไข นักเรี ยนตระหนักถึ งการเรี ยนรู้ ที่ส ามารถนําไปใช้ได้ 1.3 ครู ควรจัดเตรี ยมสื่ อการเรี ยนรู้หรื อแหล่ง จริ งในชีวตประจําวัน ิ เรี ยนรู้อื่น ๆ ไว้ในชั้นเรี ยนเช่น นิ ตยสาร วารสาร หรื อ เครื่ องคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมสัญญาณอินเตอร์ เน็ต เพื่อให้ กิตติกรรมประกาศ นักเรี ยนได้สืบค้นข้อมูลขณะทําการตัดสิ นใจ ขอขอบพระคุ ณ สถาบัน ส่ ง เสริ มการสอน 1.4 ในขั้นเสนอทางเลือก กรณี ที่ตองเลือก ้ วิ ท ยาศาสตร์ แ ละเทคโนโลยี (สสวท.) และบัณ ฑิ ต ทางเลือกใดทางเลือกหนึ่ งในสองทางเลือก นักเรี ยนจะ วิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่สนับสนุนทุนส่ งเสริ ม ตัด สิ น ใจและมี ท างเลื อ กของตนเองอยู่แ ล้ว ครู ค วร การทําวิทยานิพนธ์ ประจําปี พุทธศักราช 2553 แนะนําให้นักเรี ยนมี เหตุผลรองรั บการเสนอทางเลื อก ขอขอบพระคุ ณสํา นัก งานปรมาณู เ พื่ อ สั น ติ นั้นๆ และสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์ แห่ งชาติ ที่สนับสนุ น สื่ อส่ งเสริ มการเรี ยนรู้เกี่ยวกับ พลังงานนิวเคลียร์ 1470
  • 9. HMP18-9 เอกสารอ้างอิง พงศาล มีคุณสมบัติ. (ผูเ้ รี ยบเรี ยง). 2550. พลังงาน กรรติกา ศิริเสนา. 2550. กัมมันตภาพรังสี พลังงาน นิวเคลียร์ วายร้ายหรื อเหยือความเชื่อ?. ่ นิวเคลียร์ มนุษย์ สิ่ งแวดล้อมและสังคม. กรุ งเทพฯ: ซี เอ็ดยูเคชัน ่ กรุ งเทพฯ: บริ ษท วีพริ้ นท์ (1991) จํากัด. ั สถาบันส่ งเสริ มการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เกียรติศกดิ์ ชิณวงศ์. 2544. การสอนตามแนวคิด ั 2545. การจัดการเรี ยนรู้วทยาศาสตร์ ิ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี-สังคม (STS) โดยใช้ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุ งเทพฯ: ห้องเรี ยนธรรมชาติ. วิชาการ, 4(11), (13-27). องค์การรับส่ งสิ นค้าและพัสดุภณฑ์. ั โชคชัย ยืนยง. 2552. กระบวนทัศน์เชิงตีความ สถาบันส่ งเสริ มการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (Interpretive paradigm): อีกกระบวนทัศน์ 2546. หนังสื อเรี ยนสาระการเรี ยนรู้ หนึ่ง สําหรับการวิจยทางวิทยาศาสตร์ศึกษา. ั พื้นฐานและเพิมเติม ฟิ สิ กส์ เล่ม 3 กลุ่ม ่ วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. สาระการเรี ยนรู้วทยาศาสตร์ . พิมพ์ครั้งที่ ิ 32(3), 14-22. 4. กรุ งเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว. โชคชัย ยืนยง และวิมล สําราญวานิช. 2552. เอกสาร อรอนงค์ สอนสนาม. 2552. การพัฒนาความสามารถ ประกอบการสอนวิชา 232 317 วิทยาศาสตร์ ในการแก้ปัญหาในชีวตประจําวันและ ิ เทคโนโลยีและสังคม. ขอนแก่น: สาขา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยนเรื่ อง มนุษย์กบความ ั วิทยาศาสตร์ศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ ยังยืนของสิ่ งแวดล้อม ของนักเรี ยนชั้น ่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. มัธยมศึกษาปี ที่ 6 ที่ได้รับการสอนตาม นวลฉวี รุ่ งธนเกียรติ. 2553. เทคโนโลยีนิวเคลียร์: แนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสังคม. พื้นฐานและการประยุกต์ใช้ดานดินและพืช. ้ วิทยานิพนธ์ปริ ญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต กรุ งเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย นวลพักตร์ วงษ์กระสัน. 2552. การศึกษากระบวนการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. ตัดสิ นใจของนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 5 Jung, LH., and Nam, KC. 2004. Analysis of Korean ในเรื่ องเทคโนโลยีชีวภาพ. วิทยานิพนธ์ High School students’ decision-making ปริ ญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชา process in solving a problem involving วิทยาศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย biological knowledge. Research in science ขอนแก่น. education, 34: 97 – 111. 1471