More Related Content
Similar to Boonyisa612 (20)
Boonyisa612
- 1. แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร6
ปีการศึกษา 2559
ชื่อโครงงาน “ Laugh หัวเราะเพราะคลายเศร้า”
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นางสาว บุญญิสา กาญจนากาศ เลขที่ 9
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 12
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2559
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
1. นางสาวบุญญิสา กาญจนากาศ เลขที่ 9
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน(ภาษาไทย)
หัวเราะเพราะคลายเศร้า
ชื่อโครงงาน(ภาษาอังกฤษ)
Laugh
ประเภทโครงงาน โครงงานเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาว บุญญิสา กาญจนากาศ
ชื่อที่ปรึกษาครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2ปีการศึกษา 2559
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน(อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
ในปัจจุบันมนุษย์เรามีความเครียดเข้ามาเยอะแยะไปหมด ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่
เด็กหรือผู้ใหญ่ต่างก็มีความเครียดกันที่นั้น ในสมองคนเรามีความเครียดอยู่ประมาณ 76%
ความเครียดสามารถเกิดได้ทุกแห่งทุกเวลาอาจเกิดจากสาเหตุภายนอก เช่น ความอ้วน เปลี่ยนงาน
ความเจ็บป่วย การหย่าร้าง ภาวะว่างงาน ความสัมพันธ์กับเพื่อน ครอบครัว ความรัก หรือเกิดจากตัวเราเอง
เช่นต้องการเรียนดี ต้องการเป็นหนึ่ง หรือความเจ็บป่วย
ความเครียดเป็นระบบเตือนภัยของร่างกายให้เตรียมพร้อมที่กระทาสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
การมีความเครียดน้อยเกินไปและมากเกินไปไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ
ส่วนใหญ่เข้าใจว่าความเครียดเป็นสิ่งไม่ดีมันก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ หัวใจเต้นเร็ว
แน่นท้อง มือเท้าเย็น แต่ความเครียดก็มีส่วนดีเช่น ความตื่นเต้น ความท้าทายและความสนุก
ถ้าลองสังเกตกันดีๆ เวลาเราเดินสวนใคร หรือมีใครเดินผ่านมา เราลองมองหน้าคนนั้นๆ
ส่วนใหญ่ผู้คนดูมีใบหน้าที่ตึงเครียด ดูอารมณ์ไม่ค่อยดี กลับกันลองนึกย้อยกลับไปสมัยก่อน
เวลาเราเดินไปทางไหนก็มีแต่คนยิ้มให้กัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
- 3. สรุปแล้วความเครียดคือสิ่งที่มาทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตซึ่งมีทั้งผลดีและผลเสีย
ซึ่งในบทความนี้นาเสนอเรื่องของการหัวเราะ ประโยชน์ของการหัวเราะ
เพื่อให้ผู้สนใจได้เรียนรู้และไม่เครียดมากกับชีวิตจนเกินไป
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
- เพื่อให้ทราบถึงประโยชน์ของการหัวเราะ
- เพื่อให้ใช้การหัวเราะในการบาบัด
- เพื่อรู้วิธีกาจัดความเครียด
ขอบเขตโครงงาน(คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
ศึกษาการหัวเราอย่างถูกวิธี และเพื่อการบาบัด ในเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวเรา
และเพื่อจะได้กาจัดความเครียดออกไป ทาให้เรามีความสุขในการดาเนินชีวิต
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
การหัวเราะแบ่งได้ 2ประเภท คือ หัวเราะธรรมชาติ เกิดจากถูกกระตุ้นให้มีอารมณ์ขัน
ซึ่งเกิดขึ้นในชีวิตประจาวัน และหัวเราะบาบัด เป็นการหัวเราะแบบรู้ตัว
เพื่อใช้ประโยชน์จากการหัวเราะกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเอนดอร์ฟิน (Endorphin)
ซึ่งเป็นสารที่ทาให้เราอารมณ์ดี มีความสุข จนมีนักวิชาการบางท่านนิยามสารชีวเคมีนี้ว่าเป็น "สารสุข"
งานวิจัยจากคณะจิตวิทยา มหาวิทยาลัยโตรอนโต คานาดา
บอกว่าอารมณ์ของคนเราน่าจะมีผลต่อการประมวลผลข้อมูลของสมอง
ถ้าอารมณ์ดีจะช่วยขยายความคิดสร้างสรรค์ให้กว้างขึ้น ในทางกลับกันถ้าอยู่ในอารมณ์หวาดวิตก
เคร่งเครียด หรือแม้แต่ความมุ่งมั่นมากเกินไป จะมีผลต่อความคิดจะหดแคบเข้ามา
อารมณ์ดีหรือไม่ดีมีผลต่อกระบวนการคิดและแก้ปัญหาในเชิงสร้างสรรค์ของคนเรา
ดังนั้นพวกเราทั้งหลายจงมาร่วมกันผลิตสารแห่งความสุขผ่านกระบวนการหัวเราะ
ซึ่งไม่ว่าท่านจะหัวเราะแบบบาบัด หรือหัวเราะแบบธรรมชาติ
ก็เชื่อว่าร่างกายก็จะหลั่งสารชีวเคมนี้ได้ด้วยเช่นกัน
การหัวเราะบาบัดมีหลายแบบ เช่น Lauther Yoga ของอินเดีย
ซึ่งผสมผสานระหว่างการหัวเราะและควบคุมการหายใจของโยคะเข้าด้วยกัน
และเป็นที่มาของการหัวเราะบาบัดในกว่า 40 ประเทศ หรือกลุ่มหัวเราะในประเทศออสเตรเลีย
ที่เดินทางไปสถานที่ต่างๆ เพื่อสร้างเสียงหัวเราะให้คนทั่วไปด้วยพฤติกรรมตลก สาหรับประเทศไทย
ศูนย์ให้คาปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้คิดค้นการหัวเราะบาบัด
- 4. โดยผสมผสานการควบคุมการหายใจ การเปล่งเสียงหัวเราะ และการบริหารร่างกายไปพร้อมกัน
ซึ่งเป็นการหัวเราะที่ให้ผลเชิงสุขภาพโดยไม่จาเป็นต้องมีอารมณ์ขัน ใช้เวลาในทากิจกรรมประมาณ 2-3
ชั่วโมง
ข้อดีของการหัวเราะ
การหัวเราะทาให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายใน 7ระบบได้แก่
ระบบทางานของสมอง การหัวเราะ
ช่วยกระตุ้นการทางานของเซลล์ประสาทสมองส่วนพรีฟรอนทอลคอร์เทกซ์ (prefrontalcortex)
บริเวณสมองส่วนหน้า
(ซึ่งสมองบริเวณนี้ทาหน้าที่เกี่ยวกับการควบคุมความคิดที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาของอารมณ์เชิงบวกและลบ)
ที่ทาให้เกิดการหลั่งของสารชีวเคมีตัวหนึ่งที่ชื่อว่า endorphin ซึ่งเป็นสารชีวเคมีของสมองที่มีฤทธิ์
"เพชฆาตความเจ็บปวด" หรือสารที่มีฤทธิ์ทาให้เกิดความสุข นั้นก็คือในด้านที่ส่งผลทาให้อารมณ์ดี
มีอารมณ์ขัน สมองก็จะมีการถูกกระตุ้นให้มีเพิ่มพื้นที่การประมวลผลความคิดในเชิงบวกและสร้างสรรค์
มีผลทาให้ร่างกายและจิตใจได้รับการบาบัดและฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
ระบบหายใจ (Breathing) ในระหว่างที่หัวเราะร่างกายมีการหายใจเข้า กลั้นหายใจ และหัวเราะ
(หายใจออกยาวๆ) ทาให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนถ่ายออกซิเจน ฟอกเลือดดาให้เป็นเลือดแดง
จึงทาให้เซลล์ประสาทหัวใจ ปอด คอ แข็งแรงขึ้น
นอกจากนี้การหัวเราะยังช่วยบริหารร่างกายให้เกิดความร้อนและการเผาผลาญพลังงานสูง
ช่วยฆ่าเชื้อโรคและป้องกันโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ทั้งไข้หวัด ภูมิแพ้หอบหืด ไซนัส กรน
ความดันโลหิต โรคหัวใจ โรคปอด
ระบบย่อยอาหารและการขับถ่าย (Digestion and Gastrointestinal)
การหัวเราะบาบัดช่วยให้อวัยวะส่วนท้อง อาทิ ลาไส้ใหญ่เล็ก ตับ ไต ไส้ กระเพาะ มีการเคลื่อนไหว
เกิดการบริหารกระเพาะและลาไส้ ทาให้ระบบย่อยอาหารและการขับถ่ายทางานดีขึ้น ป้องกันโรคอ้วน
โรคบูลิเมีย (Bulimia : โรคที่กินอาหารเข้าไปแล้วรู้สึกผิด จนบางครั้งต้องกินยาถ่าย หรืออาเจียนออก)
หน้าท้องหย่อน ท้องป่อง โรคเบื่ออาหาร กินไม่ลง ท้องผูก ท้องเสีย โรคกระเพาะ โรคลาไส้ เป็นต้น
ระบบไหลเวียนโลหิต (Circulation andCardio-vascular system)
การหัวเราะบาบัดเป็นการออกกาลังทุกส่วนของร่างกายทาให้อวัยวะต่างๆ ได้เคลื่อนไหวเป็นจังหวะเร็วบ้าง
ช้าบ้าง หัวใจสามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ มากขึ้น หัวใจทางานเป็นระบบขึ้น
- 5. ป้องกันอาการเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ อ่อนเปลี้ยเพลียแรง เหนื่อยง่าย เหนื่อยเร็ว เจ็บแน่นหน้าอก
โรคขาดเลือด เส้นเลือดหัวใจตีบตัน โรคหัวใจ ตลอดจนอาการใจสั่น เสียงสั่น ตัวสั่น
ตื่นตระหนกและประหม่าง่าย
ระบบพักผ่อนและผิวพรรณ (Rest and Skin system) การหัวเราะบาบัดช่วยผ่อนคลายความเครียด
ทาให้เส้นประสาท กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า ยืดหยุ่น ไม่ตึงหรือเกร็ง ทาให้ร่างกายเกิดการพักผ่อน
นอนหลับสนิท ผิวพรรณดี ไม่เหี่ยวย่น และไม่เป็นโรคทางผิวหนัง ช่วยให้ร่างกายและจิตใจเกิดความสงบ
มีสมาธิมากขึ้น
ระบบเจริญพันธุ์ (Reproduction) การหัวเราะบาบัดทาให้ร่างกายทุกส่วนขยับขับเคลื่อน
ส่งผลต่อการทางานของสมองส่วนนอก ส่วนกลาง และส่วนใน ให้ทางานดีขึ้น เป็นระบบขึ้น
ทาให้สมองคิดแง่ดี มองโลกแง่บวก อารมณ์ดี พัฒนาอารมณ์รัก และการมีเพศสัมพันธ์
และช่วยป้องกันอาการไร้อารมณ์ หงอยเหงา โดดเดี่ยว ไม่อยากเข้าสังคม การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
และการเข้าสังคม
สัญชาติญาณการอยู่รอด (Survival instinct) การหัวเราะบาบัดทาให้ร่างกายเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว
แข็งแรง ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน กระตุ้นการทางานของเซลล์ประสาท กระดูก กล้ามเนื้อ
ร่างกายทางานเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ ป้องกันโรคไขข้อ โรคกระดูกต่างๆ ทั้งกระดูกพรุน ปวดหลัง
ปวดเอว อ่อนเปลี้ยเพลียแรง โรคซึมเศร้า
นอกจากนี้ยังช่วยทาลายสารอนุมูลอิสระที่ทาให้เกิดโรคมะเร็งอีกด้วย
ฝึกหัวเราะบาบัดด้วยตนเอง
การฝึกหัวเราะบาบัดด้วยตนเองไม่ใช่เรื่องยาก ขั้นแรก ฝึกหัวเราะโดยมีสิ่งกระตุ้น เช่น
ดูภาพยนตร์ตลก และหัวเราะเสียงดัง จากนั้นฝึกหัวเราะโดยไม่มีสิ่งกระตุ้น
โดยแยกอารมณ์ขันออกจากการหัวเราะ หรือเข้าใจว่าการหัวเราะไม่จาเป็นต้องมาจาก "ความรู้สึกตลก"
เสมอไป
การหัวเราะโดยไม่มีเหตุผลนี้ให้เริ่มจากหัวเราะคิกคักและหัวเราะเสียงดังด้วยการเปล่งเสียงออกมาจากท้องผ่
านลาคอและริมฝีปาก
หากต้องการให้การหัวเราะได้ผลดียิ่งขึ้น ควรเปล่งเสียงหัวเราะ เพื่อเคลื่อนไหวอวัยวะภายใน 4
ส่วนด้วยการเปล่งเสียงต่างๆ กัน คือเสียง "โอ" ทาให้ภายในท้องขยับ เสียง "อา" ทาให้อกขยับขยาย เสียง
"อู" เสียง "เอ" ทาให้ลาคอเปิดโล่ง และช่วยบริหารใบหน้า
ขั้นตอนเริ่มจากหายใจเข้าลึกๆ กลั้นไว้สักครู่ เปล่งเสียงเป็นจังหวะเช่น โอ โอ โอ โอ ยาวๆ
จนกว่าจะหมดอากาศที่เก็บไว้ สูดหายใจเข้าใหม่หัวเราะเสียงละ 3 ครั้ง
- 6. เมื่อออกเสียงเป็นจังหวะแล้วให้บริหารร่างกายไปด้วย เริ่มจากเสียง "โอ" ให้ย่าเท้าอยู่กับที่ เสียง "อา"
ให้ยกแขนขึ้นสูงๆ แล้วโบกไปมา เสียง "อู" ให้ส่ายเอวท่าฮูลาฮูบ เสียง "เอ" ให้หมุนหัวไหล่
โดยทาท่าเหล่านี้ในระหว่างที่หัวเราะด้วย
นอกจากนี้ยังมีท่าหัวเราะบาบัดอีก ดังนี้
จมูกหัวเราะ ย่นจมูกขึ้นและทาเสียง “ฮึๆ…” ในจมูกเหมือนม้า
ท่านี้จะช่วยไล่สิ่งสกปรกในจมูกออกมา บาบัดภูมิแพ้ ไซนัส หวัด โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาเรื่องระบบหายใจ
ท่านี้จะช่วยให้จมูกโล่ง
ตาหัวเราะ กะพริบตาถี่ๆ กรอกตาขึ้นลงเป็นวงกลม แล้วเปล่งเสียง “อ่อย ๆ ๆ…” เล่นหูเล่นตา
มองซ้ายที ขวาที เพื่อการบริหารดวงตาให้ผ่อนคลาย ใครที่มีปัญหาตาแห้งหรืออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ
ท่านี้จะทาให้มีน้าหล่อเลี้ยงที่ตา ช่วยให้ตาชุ่มชื้นขึ้น
สมองหัวเราะ โดยธรรมชาติของมนุษย์เมื่อเครียดมักจะปิดปาก เป็นเหตุให้ความดันขึ้นสมอง
ท่านี้จะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว โดยปิดปากแล้วเปล่งเสียง “อึ ๆ ๆ…” ดันให้เกิดการสั่นสะเทือน
ขึ้นไปนวดสมอง เมื่อทาเสร็จจะรู้สึกโล่ง โปร่งสบาย
ไหล่หัวเราะ เป็นการบริหารช่วงไหล่ ยืนตรงแล้วส่ายไหล่ไปมา เหมือนการว่ายน้าฟรีสไตล์
พร้อมกับเปล่งเสียง “เอเอะ ๆ ๆ…” ใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับไหล่ ท่านี้ช่วยได้
เอวหรือก้นหัวเราะ ช่วยบริหารบริเวณไขสันหลัง ก้นและสะโพก
โดยช่วงกลางลาตัวต้องนิ่งอยู่กับที่ ขณะทาให้แขม่วท้องขมิบก้น พร้อมเปล่งเสียง “อู อุๆ ๆ…”
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
- ค้นคว้าข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเรื่อง การหัวเราะเพื่อการบาบัด
- ศึกษาจากหนังสือชีวจิต
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
- โน้ตบุ๊ค
- อินเตอร์เน็ต
- หนังสือ
งบประมาณ
185-200ในการซื้อหนังสือมาศึกษา และหาข้อมูล
- 7. ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน / บุญญิสา
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล / บุญญิสา
3 จัดทาโครงร่างงาน / บุญญิสา
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
- ผู้ที่สนใจได้รับความรู้ที่ถูกต้อง
- ผู้ศึกษาปฏิบัติได้ถูกต้องตามหลักของการบาบัด
- ผู้ที่ศึกษาได้รับความสุขทางใจ
สถานที่ดาเนินการ
- โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย
- บ้าน
- ห้องสมุดชุมชน