SlideShare a Scribd company logo
1 of 6
Download to read offline
1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปีการศึกษา 2562
ชื่อโครงงาน พฤติกรรมการนอนน้อย ส่งผลต่อการง่วงนอนในขณะอ่านหนังสือ
ชื่อผู้ทาโครงงาน
ชื่อ นางสาว ธัญญรัฏฐ์ นาใต้ เลขที่ 11 ชั้น ม.6 ห้อง 9
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
1 นางสาว ธัญญรัฏฐ์ นาใต้ เลขที่ 11
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
พฤติกรรมการนอนน้อย ส่งผลต่อการง่วงนอนในขณะอ่านหนังสือ
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Lack Of Sleep Behavior Affecting Reading
ประเภทโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media)
ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาว ธัญญรัฏฐ์ นาใต้
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
เนื่องจากผู้จัดทาโครงงานได้อยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ได้มีการเตรียมตัวอ่านหนังสือสาหรับเข้า
มหาลัย(เรียกง่ายๆว่า เข้าสู่ระบบTCAS) แต่ปัญหาที่พบ คือ ขณะอ่านหนังสือ มักทาให้เราง่วงนอนบ่อยๆ ส่งผลให้การ
อ่านหนังสือไม่มีประสิทธิภาพ เราจึงคิดว่า การนอนน้อย ส่งผลเสียต่อการอ่านหนังสือ ทาให้เราได้อ่านหนังสือน้อยลง
อีกทั้งส่งผลเสียต่อระบบร่างกายของเราอีกด้วย ซึ่งการนอนน้อยนี้ สาเหตุมาจากนอนไม่เป็นเวลา นอนน้อยกว่า 6-8
ชั่วโมง และ มาจากการบ้านที่โรงเรียนสั่งเยอะจนเกินไป จึงทาให้ไม่มีเวลานอนหลับให้เพียงพอ จึงทาให้ผู้จัดทา
โครงงานนี้ ได้จัดทาโครงงานหัวข้อเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อให้เป็นความรู้ให้แก่ผู้ที่เจอปัญหาแบบนี้ หรือ ให้ผู้ที่สนใจในหัวข้อ
เรื่องนี้ เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1.เพื่อศึกษาข้อมูลเรื่องพฤติกรรมการนอนน้อย ด้วยตนเอง
2.เพื่อหาข้อมูลในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้
3.เพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
ผู้จัดทาโครงงานต้องการทาการสารวจกับนักเรียนที่ศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปี 6 โดยมีกลุ่มตัวอย่างนักเรียน
จานวน 10 คน โดยที่เราจะทาเป็นแบบสารวจ แบบตาราง โดยในตารางนั้น จะมีการสอบถาม เกี่ยวกับการนอน
พักผ่อนให้ครบ 6-8 ชั่วโมง กับการอ่านหนังสือ ของนักเรียนในกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งผู้ทาการศึกษาเป็นนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ซึ่งมีระยะเวลาดาเนินโครงงาน 29
สิงหาคม – 14 กันยายน 2562
3
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
เวลาอ่านหนังสือจะได้ไม่ง่วง มีปัจจัยแค่ 2 อย่างเท่านั้น!!! อย่างแรก คือปัจจัยภายใน หรือ ร่างกาย จะอ่านหนังสือ
ให้ได้ดี ร่างกายเป็นสิ่งสาคัญมากค่ะ เพราะร่างกายที่ดี จะทาให้น้องๆมีสุขภาพจิตดี สมองที่ปลอดโปร่ง จะทาให้
ร่างกายมีสภาพสมบูรณ์ ทาตามนี้เลย
1.กินอาหารดี ไม่ไดเอ็ต
ถ้าน้องๆ กินอะไรก็ได้ง่ายๆ อย่างบะหมี่กึ่งสาเร็จรูปเพื่อรีบเข้าเรียน หรือไดเอตช่วงเดียวกับที่จะอ่านหนังสือ
เนี่ย,,, รู้รึเปล่า มันพังมาก!!!
น้องๆ ควรทานอาหารที่ให้สารอาหารและคุณประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะสมองและร่างกายคนเราต้องการ
สารอาหารมากกว่าที่มีในบะหมี่กึ่งสาเร็จรูป,,, อย่างเช่นโปรตีนและไขมันบางอย่าง ที่นอกจากจะทาให้น้องๆรู้สึกมี
กาลังแล้ว และยังช่วยทาให้สมาธิและความจดจาดีขึ้น
พี่เมษ์แนะนาว่าให้น้องๆลองหาข้าวกล้อง เมล็ดธัญพืช ถั่วบางชนิดหรืออาหารที่มีโพแทสเซียมและ
แมกนีเซียม ก็ช่วยบารุงประสาทและช่วยให้สดชื่นได้ แล้วก็ยังมีพวกผัก ผลไม้ ที่จะทาให้น้องๆรู้สึกกระปรี้กระเปร่า
อย่างผลไม้รสเปรี้ยว ผลไม้ที่มีวิตตามินซีสูง อย่าง ส้ม ฝรั่ง เลมอน ฯลฯ ผักผลไม้เหล่านี้จะทาให้น้องๆรู้สึกเฟรช
เหนื่อยน้อยลง ลดความเครียดและความกังวลได้ดีเลยหละ
อ่อ แต่อย่าลืม กินให้พอดีๆ ไม่มากไม่น้อยไป เพราะกินน้อยเกินไปนะคะ เดี๋ยวจะหิวแล้วพาลไม่มีสมาธิ แต่ถ้า
กินมากเกินไป หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนอีกนะจ๊ะ
2.ออกกาลังกาย
การออกกาลังกายนอกจากทาให้สุขภาพของน้องๆ แข็งแรงแล้ว ตลอดเวลาที่ออกกาลังกาย เลือดของน้องก็
จะสูบฉีดได้ดี และสูบฉีดออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้ดีเช่นเดียวกัน ทาให้สมองได้รับเลือดและออกซิเจนอย่างเต็มที่
สมองจึงปลอดโปร่ง มีความจาดีขึ้น
3.พักผ่อนให้เพียงพอ / ไม่อดนอน
การนอนไม่พอ เป็นสาเหตุใหญ่สาเหตุหนึ่งของการง่วงเลยแหละ พี่เมษ์แนะนาพยายามนอนให้ถูกเวลา เพราะ
ร่างกายของเรามีเวลาที่เหมาะสมสาหรับการนอน นั่นก็คือช่วง 22.00 - 24.00 น. เพื่อให้ร่างกายได้เตรียมเตรียม
ความพร้อม โดยร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน Melathonin ซึ่งเป็นสารที่ทาให้น้องๆรู้สึกอยากพักผ่อน หาว อยากนอน
เมื่อเราหลับไปแล้ว ร่างกายของเราก็จะเริ่มซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เซลล์ต่างๆในร่างกาย จาก Growth
hormones ที่หลั่งออกมา ซึ่งช่วงที่ Growth hormones หลั่งได้ดีที่สุดก็เวลา 02.00-04.00 น.ค่ะ ,, เมื่อร่างกาย
ของน้องๆ ได้รับการซ่อมแซมและการพักผ่อนที่เพียงพอแล้ว จะทาให้น้องๆ รู้สึกตื่นตัว พร้อมสาหรับการทาความ
เข้าใจหนังสือที่อยากอ่านแล้วหละค่ะ
4.ให้รางวัลตัวเองนอนตื่นสายบ้าง
แน่นอนว่าทาอะไรด้วยความตั้งใจเยอะๆ มันก็มีเหนื่อยบ้าง ยิ่งถ้าน้องๆต้องตื่นมาไปโรงเรียน หรือไปเรียน
พิเศษทุกเช้า มันก็มีแอบขี้เกียจกันบ้างใช่มั้ยละ 555 งั้นก็ให้รางวัลตัวเองสักหน่อยจะเป็นอะไรไป
ลองอนุญาตให้ตัวเองได้ตื่นสายสักวันนึง แต่อย่าสายจนไปเรียนนะจ๊ะ ,,, เพราะการที่เราได้ทาตามใจตัวเองบ้าง
ไม่ได้ทาให้เราขี้เกียจนะ แต่จะทาให้เรามีกาลังทาวันอื่นๆ ให้ดีมากขึ้นต่างหาก ^O^
4
5.งีบหลับสัก 10 - 15 นาที
ถ้าทายังไงๆ ก็ยังง่วง พี่เมษ์แนะนาให้น้องๆ “นอน” ค่ะ แต่ไม่ได้ให้หลับแบบยาวนานนนะ อาจจะงีบหลับ
สัก 10 – 15 นาที เพื่อให้ร่างกายได้รีชาร์จสักหน่อย ให้สมองได้พักสักนิด พอตื่นขึ้นมาสมองก็จะปลอดโปร่ง
ความจาดีขึ้น ที่สาคัญการที่น้องๆ ฝืนตัวไม่นอนทั้งที่ง่วงมากเนี่ย อาจจะทาให้น้องๆ เบลอ จาเนื้อหาสับสน งงไป
เลยก็ได้นะ ดังนั้น ถ้าไมไหวก็งีบสักนิด ก่อนจะไปลุยกันต่อค่ะ
เราอาจจะเตรียมความพร้อมในด้านร่างกายเต็มที่แล้ว แต่อาจจะยังรู้สึกว่า “พี่ค่ะ มันไม่พอ!!! ขอให้น้องๆดู
ปัจจัยต่อไป นั่นก็คือ ปัจจัยอย่างที่สอง ปัจจัยภายนอก หรือ “ตัวช่วย” พี่เมษ์มาแนะนาของกินแก้ง่วงสักนิด มีอะไร
ที่นิยมกินแก้ง่วงกันบ้างมาดูกันเลยดีกว่าค่ะ
1. การกินวิตามิน อาหารเสริม
เป็นวัยรุ่นไม่ง่ายนะคะ เพราะต้องใช้ร่างกายซะหนัก นอนดึก อ่านหนังสือมหาโหด ข้อมูลที่อ่านก็เยอะแยะเต็ม
ไปหมด จนร่างกายอ่อนล้า เพลีย สมองก็ล้า ,,, การกินอาหารเสริม หรือวิตามินเสริมเข้าไปก็เป็นอีกทางเลือกที่ก็
น่าสนใจนะคะ เพราะต้องยอมรับว่าในแต่ละวันเราใช้ร่างกายเกินขีดจากัดอยู่บ่อยๆ แถมบางทียังไม่สามารถเลือก
ทานอาหารไปบารุงให้ร่างกายได้รับการซ่อมแซมได้ครบถ้วน ดังนั้น การเติมวิตามินหรืออาหารเสริม เพื่อทดแทน
ส่วนที่เราอาจจะไม่สามารถเติมเต็มได้จากการทานอาหารในแต่ละวันก็เป็นสิ่งที่ดีค่ะ ซึ่งก็มีวิตามิน และอาหารเสริม
หลายชนิดที่เป็นที่นิยม เช่น วิตามินซี วิตามินบี โอเมก้า3 แป๊ะก๊วย ธาตุเหล็ก หรืออาหารเสริมอย่างโปรตีน แต่ถ้า
น้องๆ จะเลือกทานวิตามิน หรืออาหารเสริมต้องเลือกสถานที่ซื้อ และปรึกษาเภสัชกรด้วยนะคะ จะได้ปลอดภัย ให้
ประโยชน์ค่ะ
2. ลูกอม หมากฝรั่ง
ทั้งลูกอมรสมินต์ เปปเปอร์มินท์ รสชาติสดชื่นๆ หรือลูกอมรสผลไม้เปรี้ยวๆ ลูกอมหวานๆ และหมากฝรั่ง
สาระพัดชนิด หลากหลายรสชาติเนี่ยแหละตัวช่วยที่ง่ายและหลายคนใช้กัน ง่วงปุ๊บ แกะปั๊บ เข้าปาก จะอม จะเคี้ยว
ก็ตามสะดวก เต็มที่ค่ะ เพราะความหวาน น้าตาล รสชาติสดชื่นๆ หรือรสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ สามารถช่วยให้น้องๆ
ตาสว่าง หายง่วงได้ผลนักแหละค่ะ เลือกตามที่ชอบกันได้เลยนะ
3. ดื่มน้า (มันเกี่ยวมาก!!)
น้องๆรู้มั้ยค่ะ ว่าบางทีที่เราเพลีย ปวดหัว หรือเหนื่อยมากๆ เนี่ย ไม่ใช่เพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือได้รับ
สารอาหารไม่ครบที่ร่างกายต้องการนะ แต่ “น้า” เป็นปัจจัยหนึ่งที่สาคัญด้วย เพราะในร่างกายคนเราประกอบด้วย
น้าถึง 70% !!!
อาการการขาดน้า หรือ Dehydration จะส่งผลต่อระบบการสูบฉีดของเลือด เพราะเลือดของน้องๆที่ทานน้า
น้อยจะข้นขึ้น ทาให้ร่างกายสูบฉีดเลือดลาบาก หัวใจทางานหนัก สมองอาจจะได้รับเลือดไปเลี้ยงลาบากขึ้น ทาให้
เกิดอาการปวดหัวไงละค่ะ แล้วยังทาให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่กระฉับกระเฉง แถมระบบในร่างกายอย่างปอด ไต
ระบบการย่อยอาหาร ฯลฯ รวน ป่วยหนักได้เลยนะ ,,, > <
4. ขนมสาระพัดชนิด
ไม่อยากง่วงต้องหาอะไรทาเพิ่มเติม ลองอ่านไปกินไปดูสิค่ะ เพลินดีนะ มารู้ตัวอีกที อุ๊ย อ่านจบละ (หรือขนม
หมดหว่า ฮ่าๆๆๆ) แต่อยากจะเตือนว่า การทานขนมตอนอ่านหนังสือก็ดีอยู่หรอก ทาให้น้องเพลิดเพลิน อ่านได้
เรื่อยๆ แต่ปัญหาคือ “ความอ้วน” ซี่งเป็นเอฟเฟคหลังกิน ถ้าไม่อยากอ้วน แนะนาให้หาขนมไขมันต่าๆมาทาน ระวัง
5
เรื่องแคลอรี่ของขนมนิดนึงก็ช่วยให้เลี่ยงปัญหาโรคอ้วนที่จะตามมาได้แล้วค่ะ
5. เครื่องดื่มช่วยได้
เป็นข้อที่ทุกคนกาลังลุ้นใช่มั้ยละ แน่นอนว่า ง๊วงง่วงแบบขนาดนี้ เครื่องดื่มแก้ง่วงที่นึกถึงคงหนีไม่พ้นเครื่องดื่ม
ผสม คาเฟอีน ใช่มั้ยละ เพราะเป็นตัวเลือกแรกสาหรับคนที่อยากให้ร่างกายตื่น
คาเฟอีกส่งผลต่อสมองโดยเข้าไปเจ้าสารคาเฟอีนที่ผสมในเครื่องดื่มเนี่ยจะเข้าไปกระตุ้นสมอง ทาให้น้องรู้สึก
ตื่นตัว ไม่ง่วงนอน กระปรี้กระเปร่า ดูเหมือนจะดีมากๆเลยใช่มั้ยคะแต่ผลเสียก็มีนะ เพราะอาจจะทาให้น้องๆ นอน
ไม่หลับ หรือนอนได้น้อยลง แถมหลับแล้วก็อาจจะหลับไม่สนิท ถ้ากินเยอะๆ จะเกิดอาหารมือสั่น รู้สึกกังวล ชัก หัว
ใจเต้นผิดจังหวะ หรือการตอบสนองของร่างกายช้าลงก็ได้นะ > _<
เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีกก็ได้แก่ กาแฟ ชา ช็อคโกแล็ต โกโก้ น้าอัดลมประเภทโคล่า รวมทั้งเครื่องดื่มประเภทชู
กาลัง ,,,ซึ่งน้องๆสามารถเลือกดื่มได้ แต่ต้องระมัดระวังด้วยนะคะ
หรือถ้าน้องๆ ไม่ชอบกินเครื่องดื่มเหล่านั้น พี่เมษ์ก็มีทางเลือกให้อีกนะ น้องๆลองหาเครื่องดื่มรสชาติหวานๆ
เปรี้ยวๆ มาดื่มค่ะ เช่น น้าหวานเย็นๆ หรือ น้าหวานผสมโซดาซ่าๆ หรืออาจจะมาแนวสุขภาพอย่างน้าผัก น้าผลไม้
น้าสมุนไพรก็เวิร์คเลยนะ เพราะรสชาติหวานๆ เปรี้ยวๆ เย็นสดชื่น ซ่าสะใจที่มาจากเครื่องดื่มพวกนี้ทาให้น้องรู้สึก
สดชื่นขึ้น สามารถอ่านหนังสือต่อได้แน่นอน แต่พี่เมษ์มีทริคจะบอกว่า อย่ากินน้าหวานที่หวานมากๆ เพราะแทนที่
จะสดชื่น อาจจะง่วงกว่าเดิม เพราะเครื่องดื่มรสหวาน หรือของหวานเกินไปนั้น “น้าตาล” จะทาให้ง่วงนอนเพราะ
เข้าไปแย่งวินามินบีไปจากร่างกายของเรา ซึ่งการที่ร่างกายขาดแคลนวิตามินบีจะทาให้รู้สึกหมดแรง และรู้สึกง่วง
นอน
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
 ปรึกษาเลือกหัวข้อ
 นาเสนอหัวข้อกับครูผู้สอน
 ศึกษารวบรวมข้อมูล
 จัดทารายงาน
 นาเสนอครู
 ปรับปรุงและแก้ไข
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
 อินเตอร์เน็ต
 หนังสือที่เกี่ยวข้อง
 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
งบประมาณ
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
__________________________________________________________________
___________________________________________________________________
6
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิด
ชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
1. การนอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมง ทาให้การอ่านหนังสือมีประสิทธิภาพมากชึ้น
2. การนอนให้เพียงพอ ทาให้เราไม่ง่วงนอนเวลาอ่านหนังสือ
3. ผู้จัดทาโครงงานสามารถจัดทาสื่อนาเสนอได้ด้วยตนเองและประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการเรียนรู้ของตนเองมากยิ่งขึ้น
สถานที่ดาเนินการ
ห้องเรียนคอมพิวเตอร์ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย 238 ถนนพระปกเกล้า ตาบลศรีภูมิ อาเภอเมือง เชียงใหม่
จังหวัดเชียงใหม่ 50200
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
1.กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
2.กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
3.กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
พี่เมษ์. (2557). 10 เคล็ดลับง่ายๆ หายง่วงตอนอ่านหนังสือ. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2562, จาก
เว็บไซต์:https://www.dek-d.com/loveroom/34376/
เทคนิคการเรียน. (2559). ทาไมอ่านหนังสือแล้วจึงง่วงนอน ทาไงไม่ให้หลับตอนอ่านหนังสือ !!. สืบค้นเมื่อ
วันที่ 20 กันยายน 2562, จากเว็บไซต์:http://www.unigang.com/Article/40617
MGR Online. (2561). นอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ เสี่ยงป่วยหลายโรค. สืบค้นเมื่อ 20 กันยายน 2562,
จากเว็ปไซต์: https://mgronline.com/goodhealth/detail/9610000057045

More Related Content

What's hot

2562 final-project -602-20_last_ver2
2562 final-project -602-20_last_ver22562 final-project -602-20_last_ver2
2562 final-project -602-20_last_ver2
bunz pd
 

What's hot (17)

2562 final-project-yanisa-koranit-615-33-13
2562 final-project-yanisa-koranit-615-33-132562 final-project-yanisa-koranit-615-33-13
2562 final-project-yanisa-koranit-615-33-13
 
2562 final-project
2562 final-project 2562 final-project
2562 final-project
 
2562 final-project
2562 final-project 2562 final-project
2562 final-project
 
(Bipolar disorder)
(Bipolar disorder)(Bipolar disorder)
(Bipolar disorder)
 
2562 final-project
2562 final-project 2562 final-project
2562 final-project
 
Projeck tawan
Projeck tawanProjeck tawan
Projeck tawan
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
Nutkamon1
Nutkamon1Nutkamon1
Nutkamon1
 
The effect of sleep deprivation
The effect of sleep deprivationThe effect of sleep deprivation
The effect of sleep deprivation
 
2562 final-project -602-20_last_ver2
2562 final-project -602-20_last_ver22562 final-project -602-20_last_ver2
2562 final-project -602-20_last_ver2
 
5
55
5
 
โครงร่างโครงงาน-จิตวิทยา
โครงร่างโครงงาน-จิตวิทยาโครงร่างโครงงาน-จิตวิทยา
โครงร่างโครงงาน-จิตวิทยา
 
Comdaniel
ComdanielComdaniel
Comdaniel
 
Great
GreatGreat
Great
 
Daniellll
DaniellllDaniellll
Daniellll
 
3
33
3
 

Similar to 2562 final-project 11-thunyarat

2557 โครงงาน
2557 โครงงาน2557 โครงงาน
2557 โครงงาน
bernfai_baifern
 
ความขี้เกียจจงออกไปเอาความขยันกลับคืนมา
ความขี้เกียจจงออกไปเอาความขยันกลับคืนมาความขี้เกียจจงออกไปเอาความขยันกลับคืนมา
ความขี้เกียจจงออกไปเอาความขยันกลับคืนมา
Thanakorn Intrarat
 

Similar to 2562 final-project 11-thunyarat (20)

2562 final-project
2562 final-project 2562 final-project
2562 final-project
 
2561 project -2
2561 project -22561 project -2
2561 project -2
 
2562 final-project (2).docx
2562 final-project  (2).docx2562 final-project  (2).docx
2562 final-project (2).docx
 
AT1
AT1AT1
AT1
 
Project
ProjectProject
Project
 
Daniellll
DaniellllDaniellll
Daniellll
 
2557 โครงงาน
2557 โครงงาน2557 โครงงาน
2557 โครงงาน
 
2560 project
2560 project 2560 project
2560 project
 
2560 project
2560 project 2560 project
2560 project
 
2560 project
2560 project 2560 project
2560 project
 
W.1
W.1W.1
W.1
 
2561 project 06
2561 project 062561 project 06
2561 project 06
 
การทำงานของสมองและกรควบคุมอารมณ์.
การทำงานของสมองและกรควบคุมอารมณ์.การทำงานของสมองและกรควบคุมอารมณ์.
การทำงานของสมองและกรควบคุมอารมณ์.
 
ความขี้เกียจจงออกไปเอาความขยันกลับคืนมา
ความขี้เกียจจงออกไปเอาความขยันกลับคืนมาความขี้เกียจจงออกไปเอาความขยันกลับคืนมา
ความขี้เกียจจงออกไปเอาความขยันกลับคืนมา
 
โครงร่าง งานคอม 2560
โครงร่าง งานคอม 2560โครงร่าง งานคอม 2560
โครงร่าง งานคอม 2560
 
2562 final-project 14
2562 final-project 142562 final-project 14
2562 final-project 14
 
2561 project 609
2561 project 6092561 project 609
2561 project 609
 
2562 final-project 14......
2562 final-project 14......2562 final-project 14......
2562 final-project 14......
 
ขื่อโครงงาน การทำงานของสมองและกรควบคุมอารมณ์
ขื่อโครงงาน             การทำงานของสมองและกรควบคุมอารมณ์ขื่อโครงงาน             การทำงานของสมองและกรควบคุมอารมณ์
ขื่อโครงงาน การทำงานของสมองและกรควบคุมอารมณ์
 
Project2222
Project2222Project2222
Project2222
 

2562 final-project 11-thunyarat

  • 1. 1 แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5 ปีการศึกษา 2562 ชื่อโครงงาน พฤติกรรมการนอนน้อย ส่งผลต่อการง่วงนอนในขณะอ่านหนังสือ ชื่อผู้ทาโครงงาน ชื่อ นางสาว ธัญญรัฏฐ์ นาใต้ เลขที่ 11 ชั้น ม.6 ห้อง 9 ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
  • 2. 2 ใบงาน การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ สมาชิกในกลุ่ม 1 นางสาว ธัญญรัฏฐ์ นาใต้ เลขที่ 11 คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้ ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) พฤติกรรมการนอนน้อย ส่งผลต่อการง่วงนอนในขณะอ่านหนังสือ ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) Lack Of Sleep Behavior Affecting Reading ประเภทโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media) ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาว ธัญญรัฏฐ์ นาใต้ ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62 ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน) เนื่องจากผู้จัดทาโครงงานได้อยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ได้มีการเตรียมตัวอ่านหนังสือสาหรับเข้า มหาลัย(เรียกง่ายๆว่า เข้าสู่ระบบTCAS) แต่ปัญหาที่พบ คือ ขณะอ่านหนังสือ มักทาให้เราง่วงนอนบ่อยๆ ส่งผลให้การ อ่านหนังสือไม่มีประสิทธิภาพ เราจึงคิดว่า การนอนน้อย ส่งผลเสียต่อการอ่านหนังสือ ทาให้เราได้อ่านหนังสือน้อยลง อีกทั้งส่งผลเสียต่อระบบร่างกายของเราอีกด้วย ซึ่งการนอนน้อยนี้ สาเหตุมาจากนอนไม่เป็นเวลา นอนน้อยกว่า 6-8 ชั่วโมง และ มาจากการบ้านที่โรงเรียนสั่งเยอะจนเกินไป จึงทาให้ไม่มีเวลานอนหลับให้เพียงพอ จึงทาให้ผู้จัดทา โครงงานนี้ ได้จัดทาโครงงานหัวข้อเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อให้เป็นความรู้ให้แก่ผู้ที่เจอปัญหาแบบนี้ หรือ ให้ผู้ที่สนใจในหัวข้อ เรื่องนี้ เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ) 1.เพื่อศึกษาข้อมูลเรื่องพฤติกรรมการนอนน้อย ด้วยตนเอง 2.เพื่อหาข้อมูลในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ 3.เพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน) ผู้จัดทาโครงงานต้องการทาการสารวจกับนักเรียนที่ศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปี 6 โดยมีกลุ่มตัวอย่างนักเรียน จานวน 10 คน โดยที่เราจะทาเป็นแบบสารวจ แบบตาราง โดยในตารางนั้น จะมีการสอบถาม เกี่ยวกับการนอน พักผ่อนให้ครบ 6-8 ชั่วโมง กับการอ่านหนังสือ ของนักเรียนในกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งผู้ทาการศึกษาเป็นนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ซึ่งมีระยะเวลาดาเนินโครงงาน 29 สิงหาคม – 14 กันยายน 2562
  • 3. 3 หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน) เวลาอ่านหนังสือจะได้ไม่ง่วง มีปัจจัยแค่ 2 อย่างเท่านั้น!!! อย่างแรก คือปัจจัยภายใน หรือ ร่างกาย จะอ่านหนังสือ ให้ได้ดี ร่างกายเป็นสิ่งสาคัญมากค่ะ เพราะร่างกายที่ดี จะทาให้น้องๆมีสุขภาพจิตดี สมองที่ปลอดโปร่ง จะทาให้ ร่างกายมีสภาพสมบูรณ์ ทาตามนี้เลย 1.กินอาหารดี ไม่ไดเอ็ต ถ้าน้องๆ กินอะไรก็ได้ง่ายๆ อย่างบะหมี่กึ่งสาเร็จรูปเพื่อรีบเข้าเรียน หรือไดเอตช่วงเดียวกับที่จะอ่านหนังสือ เนี่ย,,, รู้รึเปล่า มันพังมาก!!! น้องๆ ควรทานอาหารที่ให้สารอาหารและคุณประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะสมองและร่างกายคนเราต้องการ สารอาหารมากกว่าที่มีในบะหมี่กึ่งสาเร็จรูป,,, อย่างเช่นโปรตีนและไขมันบางอย่าง ที่นอกจากจะทาให้น้องๆรู้สึกมี กาลังแล้ว และยังช่วยทาให้สมาธิและความจดจาดีขึ้น พี่เมษ์แนะนาว่าให้น้องๆลองหาข้าวกล้อง เมล็ดธัญพืช ถั่วบางชนิดหรืออาหารที่มีโพแทสเซียมและ แมกนีเซียม ก็ช่วยบารุงประสาทและช่วยให้สดชื่นได้ แล้วก็ยังมีพวกผัก ผลไม้ ที่จะทาให้น้องๆรู้สึกกระปรี้กระเปร่า อย่างผลไม้รสเปรี้ยว ผลไม้ที่มีวิตตามินซีสูง อย่าง ส้ม ฝรั่ง เลมอน ฯลฯ ผักผลไม้เหล่านี้จะทาให้น้องๆรู้สึกเฟรช เหนื่อยน้อยลง ลดความเครียดและความกังวลได้ดีเลยหละ อ่อ แต่อย่าลืม กินให้พอดีๆ ไม่มากไม่น้อยไป เพราะกินน้อยเกินไปนะคะ เดี๋ยวจะหิวแล้วพาลไม่มีสมาธิ แต่ถ้า กินมากเกินไป หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนอีกนะจ๊ะ 2.ออกกาลังกาย การออกกาลังกายนอกจากทาให้สุขภาพของน้องๆ แข็งแรงแล้ว ตลอดเวลาที่ออกกาลังกาย เลือดของน้องก็ จะสูบฉีดได้ดี และสูบฉีดออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้ดีเช่นเดียวกัน ทาให้สมองได้รับเลือดและออกซิเจนอย่างเต็มที่ สมองจึงปลอดโปร่ง มีความจาดีขึ้น 3.พักผ่อนให้เพียงพอ / ไม่อดนอน การนอนไม่พอ เป็นสาเหตุใหญ่สาเหตุหนึ่งของการง่วงเลยแหละ พี่เมษ์แนะนาพยายามนอนให้ถูกเวลา เพราะ ร่างกายของเรามีเวลาที่เหมาะสมสาหรับการนอน นั่นก็คือช่วง 22.00 - 24.00 น. เพื่อให้ร่างกายได้เตรียมเตรียม ความพร้อม โดยร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน Melathonin ซึ่งเป็นสารที่ทาให้น้องๆรู้สึกอยากพักผ่อน หาว อยากนอน เมื่อเราหลับไปแล้ว ร่างกายของเราก็จะเริ่มซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เซลล์ต่างๆในร่างกาย จาก Growth hormones ที่หลั่งออกมา ซึ่งช่วงที่ Growth hormones หลั่งได้ดีที่สุดก็เวลา 02.00-04.00 น.ค่ะ ,, เมื่อร่างกาย ของน้องๆ ได้รับการซ่อมแซมและการพักผ่อนที่เพียงพอแล้ว จะทาให้น้องๆ รู้สึกตื่นตัว พร้อมสาหรับการทาความ เข้าใจหนังสือที่อยากอ่านแล้วหละค่ะ 4.ให้รางวัลตัวเองนอนตื่นสายบ้าง แน่นอนว่าทาอะไรด้วยความตั้งใจเยอะๆ มันก็มีเหนื่อยบ้าง ยิ่งถ้าน้องๆต้องตื่นมาไปโรงเรียน หรือไปเรียน พิเศษทุกเช้า มันก็มีแอบขี้เกียจกันบ้างใช่มั้ยละ 555 งั้นก็ให้รางวัลตัวเองสักหน่อยจะเป็นอะไรไป ลองอนุญาตให้ตัวเองได้ตื่นสายสักวันนึง แต่อย่าสายจนไปเรียนนะจ๊ะ ,,, เพราะการที่เราได้ทาตามใจตัวเองบ้าง ไม่ได้ทาให้เราขี้เกียจนะ แต่จะทาให้เรามีกาลังทาวันอื่นๆ ให้ดีมากขึ้นต่างหาก ^O^
  • 4. 4 5.งีบหลับสัก 10 - 15 นาที ถ้าทายังไงๆ ก็ยังง่วง พี่เมษ์แนะนาให้น้องๆ “นอน” ค่ะ แต่ไม่ได้ให้หลับแบบยาวนานนนะ อาจจะงีบหลับ สัก 10 – 15 นาที เพื่อให้ร่างกายได้รีชาร์จสักหน่อย ให้สมองได้พักสักนิด พอตื่นขึ้นมาสมองก็จะปลอดโปร่ง ความจาดีขึ้น ที่สาคัญการที่น้องๆ ฝืนตัวไม่นอนทั้งที่ง่วงมากเนี่ย อาจจะทาให้น้องๆ เบลอ จาเนื้อหาสับสน งงไป เลยก็ได้นะ ดังนั้น ถ้าไมไหวก็งีบสักนิด ก่อนจะไปลุยกันต่อค่ะ เราอาจจะเตรียมความพร้อมในด้านร่างกายเต็มที่แล้ว แต่อาจจะยังรู้สึกว่า “พี่ค่ะ มันไม่พอ!!! ขอให้น้องๆดู ปัจจัยต่อไป นั่นก็คือ ปัจจัยอย่างที่สอง ปัจจัยภายนอก หรือ “ตัวช่วย” พี่เมษ์มาแนะนาของกินแก้ง่วงสักนิด มีอะไร ที่นิยมกินแก้ง่วงกันบ้างมาดูกันเลยดีกว่าค่ะ 1. การกินวิตามิน อาหารเสริม เป็นวัยรุ่นไม่ง่ายนะคะ เพราะต้องใช้ร่างกายซะหนัก นอนดึก อ่านหนังสือมหาโหด ข้อมูลที่อ่านก็เยอะแยะเต็ม ไปหมด จนร่างกายอ่อนล้า เพลีย สมองก็ล้า ,,, การกินอาหารเสริม หรือวิตามินเสริมเข้าไปก็เป็นอีกทางเลือกที่ก็ น่าสนใจนะคะ เพราะต้องยอมรับว่าในแต่ละวันเราใช้ร่างกายเกินขีดจากัดอยู่บ่อยๆ แถมบางทียังไม่สามารถเลือก ทานอาหารไปบารุงให้ร่างกายได้รับการซ่อมแซมได้ครบถ้วน ดังนั้น การเติมวิตามินหรืออาหารเสริม เพื่อทดแทน ส่วนที่เราอาจจะไม่สามารถเติมเต็มได้จากการทานอาหารในแต่ละวันก็เป็นสิ่งที่ดีค่ะ ซึ่งก็มีวิตามิน และอาหารเสริม หลายชนิดที่เป็นที่นิยม เช่น วิตามินซี วิตามินบี โอเมก้า3 แป๊ะก๊วย ธาตุเหล็ก หรืออาหารเสริมอย่างโปรตีน แต่ถ้า น้องๆ จะเลือกทานวิตามิน หรืออาหารเสริมต้องเลือกสถานที่ซื้อ และปรึกษาเภสัชกรด้วยนะคะ จะได้ปลอดภัย ให้ ประโยชน์ค่ะ 2. ลูกอม หมากฝรั่ง ทั้งลูกอมรสมินต์ เปปเปอร์มินท์ รสชาติสดชื่นๆ หรือลูกอมรสผลไม้เปรี้ยวๆ ลูกอมหวานๆ และหมากฝรั่ง สาระพัดชนิด หลากหลายรสชาติเนี่ยแหละตัวช่วยที่ง่ายและหลายคนใช้กัน ง่วงปุ๊บ แกะปั๊บ เข้าปาก จะอม จะเคี้ยว ก็ตามสะดวก เต็มที่ค่ะ เพราะความหวาน น้าตาล รสชาติสดชื่นๆ หรือรสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ สามารถช่วยให้น้องๆ ตาสว่าง หายง่วงได้ผลนักแหละค่ะ เลือกตามที่ชอบกันได้เลยนะ 3. ดื่มน้า (มันเกี่ยวมาก!!) น้องๆรู้มั้ยค่ะ ว่าบางทีที่เราเพลีย ปวดหัว หรือเหนื่อยมากๆ เนี่ย ไม่ใช่เพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือได้รับ สารอาหารไม่ครบที่ร่างกายต้องการนะ แต่ “น้า” เป็นปัจจัยหนึ่งที่สาคัญด้วย เพราะในร่างกายคนเราประกอบด้วย น้าถึง 70% !!! อาการการขาดน้า หรือ Dehydration จะส่งผลต่อระบบการสูบฉีดของเลือด เพราะเลือดของน้องๆที่ทานน้า น้อยจะข้นขึ้น ทาให้ร่างกายสูบฉีดเลือดลาบาก หัวใจทางานหนัก สมองอาจจะได้รับเลือดไปเลี้ยงลาบากขึ้น ทาให้ เกิดอาการปวดหัวไงละค่ะ แล้วยังทาให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่กระฉับกระเฉง แถมระบบในร่างกายอย่างปอด ไต ระบบการย่อยอาหาร ฯลฯ รวน ป่วยหนักได้เลยนะ ,,, > < 4. ขนมสาระพัดชนิด ไม่อยากง่วงต้องหาอะไรทาเพิ่มเติม ลองอ่านไปกินไปดูสิค่ะ เพลินดีนะ มารู้ตัวอีกที อุ๊ย อ่านจบละ (หรือขนม หมดหว่า ฮ่าๆๆๆ) แต่อยากจะเตือนว่า การทานขนมตอนอ่านหนังสือก็ดีอยู่หรอก ทาให้น้องเพลิดเพลิน อ่านได้ เรื่อยๆ แต่ปัญหาคือ “ความอ้วน” ซี่งเป็นเอฟเฟคหลังกิน ถ้าไม่อยากอ้วน แนะนาให้หาขนมไขมันต่าๆมาทาน ระวัง
  • 5. 5 เรื่องแคลอรี่ของขนมนิดนึงก็ช่วยให้เลี่ยงปัญหาโรคอ้วนที่จะตามมาได้แล้วค่ะ 5. เครื่องดื่มช่วยได้ เป็นข้อที่ทุกคนกาลังลุ้นใช่มั้ยละ แน่นอนว่า ง๊วงง่วงแบบขนาดนี้ เครื่องดื่มแก้ง่วงที่นึกถึงคงหนีไม่พ้นเครื่องดื่ม ผสม คาเฟอีน ใช่มั้ยละ เพราะเป็นตัวเลือกแรกสาหรับคนที่อยากให้ร่างกายตื่น คาเฟอีกส่งผลต่อสมองโดยเข้าไปเจ้าสารคาเฟอีนที่ผสมในเครื่องดื่มเนี่ยจะเข้าไปกระตุ้นสมอง ทาให้น้องรู้สึก ตื่นตัว ไม่ง่วงนอน กระปรี้กระเปร่า ดูเหมือนจะดีมากๆเลยใช่มั้ยคะแต่ผลเสียก็มีนะ เพราะอาจจะทาให้น้องๆ นอน ไม่หลับ หรือนอนได้น้อยลง แถมหลับแล้วก็อาจจะหลับไม่สนิท ถ้ากินเยอะๆ จะเกิดอาหารมือสั่น รู้สึกกังวล ชัก หัว ใจเต้นผิดจังหวะ หรือการตอบสนองของร่างกายช้าลงก็ได้นะ > _< เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีกก็ได้แก่ กาแฟ ชา ช็อคโกแล็ต โกโก้ น้าอัดลมประเภทโคล่า รวมทั้งเครื่องดื่มประเภทชู กาลัง ,,,ซึ่งน้องๆสามารถเลือกดื่มได้ แต่ต้องระมัดระวังด้วยนะคะ หรือถ้าน้องๆ ไม่ชอบกินเครื่องดื่มเหล่านั้น พี่เมษ์ก็มีทางเลือกให้อีกนะ น้องๆลองหาเครื่องดื่มรสชาติหวานๆ เปรี้ยวๆ มาดื่มค่ะ เช่น น้าหวานเย็นๆ หรือ น้าหวานผสมโซดาซ่าๆ หรืออาจจะมาแนวสุขภาพอย่างน้าผัก น้าผลไม้ น้าสมุนไพรก็เวิร์คเลยนะ เพราะรสชาติหวานๆ เปรี้ยวๆ เย็นสดชื่น ซ่าสะใจที่มาจากเครื่องดื่มพวกนี้ทาให้น้องรู้สึก สดชื่นขึ้น สามารถอ่านหนังสือต่อได้แน่นอน แต่พี่เมษ์มีทริคจะบอกว่า อย่ากินน้าหวานที่หวานมากๆ เพราะแทนที่ จะสดชื่น อาจจะง่วงกว่าเดิม เพราะเครื่องดื่มรสหวาน หรือของหวานเกินไปนั้น “น้าตาล” จะทาให้ง่วงนอนเพราะ เข้าไปแย่งวินามินบีไปจากร่างกายของเรา ซึ่งการที่ร่างกายขาดแคลนวิตามินบีจะทาให้รู้สึกหมดแรง และรู้สึกง่วง นอน วิธีดาเนินงาน แนวทางการดาเนินงาน  ปรึกษาเลือกหัวข้อ  นาเสนอหัวข้อกับครูผู้สอน  ศึกษารวบรวมข้อมูล  จัดทารายงาน  นาเสนอครู  ปรับปรุงและแก้ไข เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้  อินเตอร์เน็ต  หนังสือที่เกี่ยวข้อง  งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง งบประมาณ ___________________________________________________________________ ___________________________________________________________________ ___________________________________________________________________ __________________________________________________________________ ___________________________________________________________________
  • 6. 6 ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน ลาดับ ที่ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิด ชอบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 1 คิดหัวข้อโครงงาน 2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล 3 จัดทาโครงร่างงาน 4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน 5 ปรับปรุงทดสอบ 6 การทาเอกสารรายงาน 7 ประเมินผลงาน 8 นาเสนอโครงงาน ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน) 1. การนอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมง ทาให้การอ่านหนังสือมีประสิทธิภาพมากชึ้น 2. การนอนให้เพียงพอ ทาให้เราไม่ง่วงนอนเวลาอ่านหนังสือ 3. ผู้จัดทาโครงงานสามารถจัดทาสื่อนาเสนอได้ด้วยตนเองและประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการเรียนรู้ของตนเองมากยิ่งขึ้น สถานที่ดาเนินการ ห้องเรียนคอมพิวเตอร์ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย 238 ถนนพระปกเกล้า ตาบลศรีภูมิ อาเภอเมือง เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200 กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง 1.กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ 2.กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา 3.กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน) พี่เมษ์. (2557). 10 เคล็ดลับง่ายๆ หายง่วงตอนอ่านหนังสือ. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2562, จาก เว็บไซต์:https://www.dek-d.com/loveroom/34376/ เทคนิคการเรียน. (2559). ทาไมอ่านหนังสือแล้วจึงง่วงนอน ทาไงไม่ให้หลับตอนอ่านหนังสือ !!. สืบค้นเมื่อ วันที่ 20 กันยายน 2562, จากเว็บไซต์:http://www.unigang.com/Article/40617 MGR Online. (2561). นอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ เสี่ยงป่วยหลายโรค. สืบค้นเมื่อ 20 กันยายน 2562, จากเว็ปไซต์: https://mgronline.com/goodhealth/detail/9610000057045