More Related Content
Similar to นำเสนองานวิจัยประชุมวิชาการ มศว นายกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
Similar to นำเสนองานวิจัยประชุมวิชาการ มศว นายกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์ (20)
More from Kobwit Piriyawat
More from Kobwit Piriyawat (20)
นำเสนองานวิจัยประชุมวิชาการ มศว นายกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
- 1. LOGO
การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์และความสามารถ
ในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน และการจัดการเรียนรู้
โดยใช้กลวิธีเมตาคอคนิชันในการแก้โจทย์ปัญหาวิทยาศาสตร์
- 2. ผู้วจัย
ิ
ชื่อ ชื่อสกุล นายกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
วันเดือนปีเกิด 3 ตุลาคม 2528 อายุปัจจุบัน 26 ปี
magnegis@hotmail.com teacherkobwit@gmail.com
Website http://teacherkobwit2010.wordpress.com
สถานที่อยู่ปัจจุบัน 71 ม.11 ต.คูคต อ.ลาลูกกา จ.ปทุมธานี 12130
ตาแหน่งหน้าที่การงาน ครู คศ.1 โรงเรียนนนทรีวิทยา กรุงเทพมหานคร
สังกัด สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 2
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ประวัติการศึกษา
พ.ศ. 2539 ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนศรีจิตรา
พ.ศ. 2545 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนสายปัญญารังสิต
พ.ศ. 2549 การศึกษาบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 1) สาขาวิชาเอกวิทยาศาสตร์ทั่วไป
จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
พ.ศ. 2554 การศึกษามหาบัณฑิต (การมัธยมศึกษา) จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
- 3. 1. บทนา
การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เป็นเครื่องมือหนึ่ง ทีมีความสาคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนา
่
ทรัพยากรมนุษย์
การปฏิรูปการศึกษาของไทยตามพระราชบัญญัติ
การศึกษา พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2545 เป็น
เครื่องมือสาคัญของการปฏิรูปการศึกษาไทยและถือเป็น
นโยบายการปฏิรูปการศึกษาของชาติครั้งแรกที่เน้นการปฏิรูปทุกด้าน โดยเน้นให้
จัดการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาขีดความสามารถของตน
ได้เต็มศักยภาพ สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข
- 4. 1. บทนา
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10
(พ.ศ. 2550-2554) ชี้ให้เห็นถึงความจาเป็นในการ
ปรับเปลี่ยนจุดเน้นในการพัฒนาคุณภาพคนในสังคมไทยให้มีคุณธรรม และมีความ
รอบรู้อย่างเท่าทันให้มีความพร้อมทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และศีลธรรม
สามารถก้าวทันการเปลี่ยนแปลงเพื่อนาไปสู่สังคมฐานความรู้ ได้อย่างมั่นคง
สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ
ในการพัฒนาเยาวชนของชาติเข้าสู่โลกยุคศตวรรษที่ 21
โดยมุ่งส่งเสริมผู้เรียนมีคุณธรรม รักความเป็นไทย ให้มี
ทักษะการคิดวิเคราะห์สร้างสรรค์ มีทักษะด้านเทคโนโลยี
สามารถทางานร่วมกับผู้อื่น และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมโลกได้อย่างสันติ
- 5. 1. บทนา
การจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ ระดับ
มัธยมศึกษาในโรงเรียน เป็ นปัจจัยสาคัญ ในการพัฒนาให้
เด็กมีความรู้ ความเข้ าใจเกียวกับวิทยาศาสตร์ ตลอดจน
่
กระบวนการ เสาะแสวงหาความรู้ ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะ
ช่ วยให้ เด็กไทยเป็ นคนทีคิดเป็ น คิดอย่ างมีเหตุผล รู้ จักตัดสิ นใจและเลือกวิธีการ
่
ต่ างๆ ทีจะสร้ างคุณภาพชี วตให้ ตนเองด้ วยการใช้ วทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
่ ิ ิ
การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เป็นวิธีการเรียนรู้
ที่แตกต่างไปจากวิธีดั้งเดิมที่เน้นตัวสาระความรู้ และ
มุ่งเน้นที่ผู้สอนเป็นสาคัญ แต่ที่ต่างออกไปคือ
การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานนั้น ใช้นักเรียนเป็น
สาคัญ โดยมุ่งที่ใช้ปัญหาจริงหรือสถานการณ์จาลองเป็นตัวเริ่มต้น
- 6. 1. บทนา
ความสามารถเมตาคอคนิชัน เป็นส่วนหนึ่งของ
กระบวนการพัฒนาการคิด เป็นสิ่งที่ช่วยให้เด็กมี
ประสิทธิภาพในการคิดมากขึ้นและช่วยให้ประสบ
ความสาเร็จทั้งในโรงเรียน ในชีวิตและการทางานเพราะเป็นกระบวนการที่ใช้ใน
การแก้ปัญหา ส่งเสริมการคิดวิจารณญาณและส่งผลต่อการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ
ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์และ
ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนที่ได้รับการจัดการ
เรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน และการจัดการเรียนรู้ โดยใช้กลวิธีเมตาคอคนิชันใน
การแก้โจทย์ปัญหาวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
- 7. 2. ความมุ่งหมายของการวิจัย
2.2 เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน
และการจัดการเรียนรู้โดยใช้กลวิธีเมตาคอคนิชันในการแก้โจทย์ปัญหา
วิทยาศาสตร์
- 9. 4. ความสาคัญของการวิจัย
ได้ แผนการจัดการเรี ยนรู้ โดยใช้ ปัญหาเป็ นฐานและ
แผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้ กลวิธีเมตาคอคนิชันในการแก้ โจทย์ ปัญหา
วิทยาศาสตร์ หน่ วยการเรี ยนรู้ เรื่อง แรงและการเคลือนที่
่
ทาให้ ทราบถึงผลสั มฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ และความสามารถ
ในการแก้ ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรี ยนทีได้ รับการจัดการเรียนรู้ โดยใช้
่
ปัญหาเป็ นฐานและการจัดการเรี ยนรู้ โดยใช้ กลวิธีเมตาคอคนิชันในการแก้ โจทย์
ปัญหาวิทยาศาสตร์
เป็ นแนวทางให้ แก่ ครู ผ้ ูสอนกลุ่มสาระการเรี ยนรู้ วิทยาศาสตร์ และ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ อนๆ ในการออกแบบและพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ื่
เพือมุ่งพัฒนาให้ นักเรียน มีผลสั มฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ และ
่
ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ เพิมขึน ่ ้
- 11. 5. ขอบเขตและวิธีดาเนินการวิจัย
5.2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย
กลุ่ ม ทดลองที่ 1 ได้ รั บ การจั ด การเรี ย นรู้ โ ดยใช้ ปั ญ หาเป็ น ฐาน
จานวน 30 คน
กลุ่มทดลองที่ 2 ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ กลวิธีเมตาคอคนิชัน
ในการแก้โจทย์ปัญหาวิทยาศาสตร์ จานวน 30 คน
- 13. 5. ขอบเขตและวิธีดาเนินการวิจัย
5.5 ตัวแปรที่ศึกษา
5.5.1 ตัวแปรอิสระ ได้แก่
- การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน
- การจัดการเรียนรู้โดยใช้กลวิธีเมตาคอคนิชัน
ในการแก้โจทย์ปัญหาวิทยาศาสตร์
5.5.2 ตัวแปรตาม ได้แก่
- ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์
- ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์
- 14. 1. การจั ด การเรี ยนรู้ โดยใช้ ปัญหาเป็ นฐาน
การจัดการเรี ยนรู้ โดยใช้ ปัญหาเป็ นฐาน
ตามขั้ นตอนของ ส านั กงานเลขาธิ การ
สภาการศึกษา (สานักงานเลขาธิการสภา
การศึกษา. 2550: 8) มี 6 ขั้นตอน ดังนี้
1.1 กาหนดปัญหา
1.2 ทาความเข้ าใจกับปัญหา
1.3 การดาเนินการศึกษาค้ นคว้ า
1.4 สังเคราะห์ ความรู้
1.5 สรุปและประเมินค่ าของคาตอบ
1.6 นาเสนอและประเมินผลงาน
- 15. 2. การจัดการเรียนรู้ โดยใช้ กลวิธีเมตาคอคนิชัน ซึ่งจากกลวิธีเมตาคอคนิชันในการแก้
ในการแก้ โจทย์ ปั ญหาวิทยาศาสตร์ โจทย์ ปั ญ หาวิ ท ยาศาสตร์ ดั ง กล่ า ว
ผู้วิจัย จึง ปรั บ ปรุ ง ขั้ น ตอนต่ า งๆ ให้
เหมาะสม ประกอบด้ วย 4 ขั้ นตอน
ดังนี้
2.1 ขั้นการวิเคราะห์ ข้อมูล
2.2 ขั้นการวางแผน
2.3 ขั้นการกากับและควบคุม
2.4 ขั้นการฝึ กให้ ผู้เรียนสามารถ
ประเมินการคิดของตนเองได้
- 16. 3. ผลสั ม ฤทธิ์ ท างการเรี ย นวิ ท ยาศาสตร์
โดยวัดความสามารถด้ านต่ างๆ
4 ด้ าน (สสวท. 2546: 11) ดังนี้
3.1 ความรู้ ความจา
3.2 ความเข้ าใจ
3.3 การนาความรู้ ไปใช้
3.4 ทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์
- 17. 4. ความสามารถในการคิดแก้ ปัญหาทาง ขั้ น ต อ น ก า ร แ ก้ ปั ญ ห า ท า ง
วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ โดยใช้ วิธีก ารทาง
วิทยาศาสตร์ มี 4 ขั้นตอน ดังนี้
4.1 การระบุปัญหา
4.2 การตั้งสมมติฐาน
4.3 การทดลอง
4.4 การสรุ ปผลการทดลอง
- 30. 8. อภิปรายผลการวิจัย
S MD1 MD2
S 12
X
X21
8.1 นักเรี ยนทีได้ รับการจัดการเรี ยนรู้ โดยใช้ ปัญหาเป็ นฐาน และ
่
นักเรี ยนทีได้ รับการจัดการเรี ยนรู้ โดยใช้ กลวิธีเมตาคอคนิชันในการแก้ โจทย์
่
ปัญหาวิทยาศาสตร์ มีผลสั มฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ หลังเรียนสู งกว่ า
ก่อนเรียน อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติทระดับ .01 ทั้งนีเ้ ป็ นผลเนื่องมาจาก
ี่
การจัดการเรียนรู้ โดยใช้ ปัญหาเป็ นฐาน เป็ นการเรียนรู้ ที่นักเรียนจะทางาน
ร่ วมกันเป็ นกลุ่มเพือค้ นหาวิธีการแก้ ปัญหา โดยจะบูรณาการความรู้ ที่ต้องการ
่
ให้ นักเรียนได้ รับกับการแก้ ปัญหาเข้ าด้ วยกัน ปัญหาที่ใช้ มลกษณะเกียวกับ
ีั ่
ชีวตประจาวันและมีความสั มพันธ์ กบนักเรียน
ิ ั
การเรียนรู้ โดยใช้ ปัญหาเป็ นฐาน จะมุ่งเน้ นพัฒนานักเรียนในด้ านทักษะการ
เรียนรู้ มากกว่ าความรู้ ที่นักเรียนจะได้ มาและพัฒนานักเรียนสู่ การเป็ นผู้ที่สามารถ
เรียนรู้ โดยการชี้นาตนเองได้ โดยครู จดสภาพการณ์ ให้ นักเรียนเผชิญปัญหา
ั
ฝึ กกระบวนการวิเคราะห์ ปัญหาและแก้ ปัญหาร่ วมกันเป็ นกลุ่ม
- 31. 8. อภิปรายผลการวิจัย
S MD1 MD2
S 12
X
X21
ส่ วนการจัดการเรี ยนรู้ โดยใช้ กลวิธีเมตาคอคนิชันในการแก้
โจทย์ ปัญหาวิทยาศาสตร์ เป็ นรู ปแบบการสอนทีจัดการเรี ยนรู้ ทให้ เด็กได้
่ ี่
เรียนรู้ ด้วยตนเองในสภาพแวดล้ อมทีเ่ หมาะสมเพือเป็ นการสร้ างความรู้
่
ผ่ านกระบวนการคิดของตนเอง และเกิดการเรียนรู้ ทยงยืน เป็ นการสอน
่ี ั่
ให้ นักเรี ยนรู้ เท่ าทันและสามารถจัดการกับความคิดของตนเองได้
สอดคล้องกับที่ ฮาร์ ทแมน (Hartman, H. J. 1998: 1) [10] กล่าวไว้ว่า
เมตาคอคนิชัน มีความสาคัญอย่ างยิงเพราะส่ งผลต่ อการแสวงหาความรู้
่
ความเข้ าใจต่ อสิ่ งทีเ่ รียน ความจา และการประยุกต์ ใช้ กล่ าวคือ ถ้ านักเรียน
มีเมตาคอคนิชันสู งก็จะมีความสามารถทางสติปัญญาในด้ านทีกล่ าวมาสู ง่
ด้ วย อันส่ งผลให้ นักเรียนประสบความสาเร็จในการเรี ยนรู้ และส่ งผลให้
นักเรี ยนมีผลสั มฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ สูงขึน ้
- 37. 9. ข้ อเสนอแนะ
S MD1 MD2
S 12
X
X21
9.2 ข้ อเสนอแนะเพือการวิจัยครั้งต่ อไป
่