More Related Content
PDF
บทที่ ๒ กรรมฐาน และบุรพกิจของการปฏิบัติกรรมฐาน PDF
PPTX
ชีวิตและผลงานของพระพุทธโฆสาจารย์ PPTX
ความรู้พื้นฐานและบ่อเกิดพุทธศาสนามหายาน PDF
DOC
PDF
PPT
What's hot
PDF
ปัญหาและเฉลยนักธรรมชั้นตรี-โท-เอก และธรรมศึกษาทุกชั้น ปี พ.ศ. 2567.pdf PPTX
PDF
ปัญหาเฉลย-นักธรรมชั้นตรี (ปี 2549 - 2564).pdf PPTX
PDF
โครงสร้างและเนื้อหาสาระพระไตรปิฎก PPT
PDF
สรุปนักธรรมโท _V.2565.pdf PPTX
การเข้ามาและพัฒนาการพุทธศาสนาในประเทศไทย PDF
ประมวลปัญหาและเฉลย นักธรรมชั้นเอก พ.ศ. ๒๕๔๔ - ๒๕๖๔.pdf PDF
บทที่ ๑ ประวัติและวิวัฒนาการของการปฏิบัติกรรมฐาน PDF
เทศกาลและพิธีกรรมทางศาสนา PDF
PPTX
วิชาพระพุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายโยคาจาร PPTX
PPTX
ปรัชญาเบื้องต้น บทที่ ๖ ปรัชญาตะวันออก PDF
PPTX
PPTX
PPT
PDF
ใบงาน เครื่องมือภูมิศาสตร์ Viewers also liked
PPTX
PPTX
PPTX
สัทธรรมปุณฑริกสูตร (The Lotus of The True Law) PPTX
พระพุทธศาสนาวัชรยาน Vajrayana Buddhism PPTX
แนวคิดและอุดมคติพระโพธิสัตว์ในพุทธศาสนามหายาน PPTX
พุทธศาสนามหายาน ตอน นิกายมาธยมิกะ PPTX
PPTX
พุทธศาสนามหายาน นิกายสุขาวดี | Pure Land Buddhism PPTX
PPTX
PPTX
PPTX
PPTX
แนวคิดเรื่อง “สังฆะ” ของหมู่บ้านพลัม PPTX
PPTX
อัคคิวัจฉโคตตสูตร บ่อเกิดแนวคิดมหายาน PPTX
PPTX
ศิลปะแห่งความสุขขององค์ดาไล ลามะ PPTX
ภาพพระโพธิสัตว์ (เจ้าแม่กวนอิม) ในอิริยาบถต่างๆ PPTX
พุทธศาสนามหายาน ตอน ประเพณีทิ้งกระจาด PPTX
Similar to ศึกษาพระสูตรสำคัญของมหายาน
PDF
ประมวลปัญหาและเฉลย นักธรรมชั้นโท พ.ศ. ๒๕๔๔ - ๒๕๖๔.pdf PPTX
ชีวิตและผลงานของพระสุมังคลาจารย์ PDF
ประมวลปัญหาและเฉลย นักธรรมชั้นตรี พ.ศ. ๒๕๔๔ - ๒๕๖๔.pdf PDF
PDF
PDF
สุขอนามัยตามหลักพุทธปรัชญา PDF
PDF
1 อริยวินัย ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 10 ariyavinaya10th PDF
7 ก้าวย่างอย่างพุทธะ walklikebuddha PDF
จุลสารชมรมจริยธรรมฉบับที่๒ PDF
PDF
PDF
PDF
หลักการหรือคำสอนแห่งพระพุทธศาสนา PDF
PDF
PPT
PDF
1 อริยวินัย ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 10 ariyavinaya10th PDF
ธรรมะเสวนา พระพุทธและพระธรรม PDF
First grasp the_fundamentals_then_study_and_teach_to_best_results More from Anchalee BuddhaBucha
PDF
PDF
เปรียบเทียบพุทธปรัชญาและปรัชญาลัทธิครูทั้ง ๖ PDF
เปรียบเทียบความเชื่อเรื่องความดีความชั่วในศาสนาต่างๆ PDF
PDF
ศึกษาความรู้และความเข้าใจในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔ ของผู้ป... PDF
PDF
ภาษาบาลี ชุดที่ ๒ โครงสร้างวจีวิภาค PDF
ภาษาบาลี ชุดที่ ๔ การันต์ PDF
ศึกษาความเป็นมา วิธีการเผยแผ่ และอิทธพลขององค์กรพุทธฉือจี้ PDF
ภาษาบาลี ชุดที่ ๓ นามศัพท์ ลิงค์ วจนะ วิภัตติ PDF
ภาษาบาลี ชุดที่ ๑ ความเป็นมาและคุณค่าของภาษาบาลี PDF
โครงร่างวิทยานิพนธ์ อัญชลี จตุรานนUpdate1011 PDF
โครงร่างวิทยานิพนธ์ ใช้การการสอบขออนุมัติหัวข้อ PDF
ศึกษาพระสูตรสำคัญของมหายาน
- 1.
- 2.
- 3.
๑. พระไตรปิฎกมหำยำน
๒. พระสูตรสำคัญของมหำยำน
๓.เนื้อหำโดยสรุปของวิมลเกียรตินิทเทสสูตร
๔. เปรียบเทียบเนื้อหำของวิมลเกียรตินิทเทสสูตรกับคำสอนในพุทธศำสนำ
เถรวำท
๕. เนื้อหำโดยสรุปของศรีมำลำเทวีสูตร
๖. เปรียบเทียบเนื้อหำของศรีมำลำเทวีสูตรกับคำสอนในพุทธศำสนำเถร
วำท
๗. แนวคิดในกำรศึกษำพุทธศำสนำมหำยำน
๘. บรรณำนุกรม
โครงร่ำงเนื้อหำสำระ
- 4.
๑. พระไตรปิฎกภำษำมคธ หรือบำลีเป็นคัมภีร์ของฝ่ำยเถรวำท (ศรีลังกำ, ไทย,
พม่ำ, เขมร และลำว)
๒. พระไตรปิฎกภำษำสันสกฤต เป็นคัมภีร์ฝ่ำยนิกำยมหำยำนและนิกำยสรวำสติ
วำทิน (แปลเป็นภำษำจีน และเผยแพร่ต่อออกไป เกำหลี, ญี่ปุ่น และญวน)
๓. พระไตรปิฎกภำษำสันสกฤต เป็นคัมภีร์ฝ่ำยนิกำยมหำยำนเหมือนกัน แต่
ประกำศหนักไปในนิกำยมนตรยำน (แปลเป็นภำษำธิเบต และเผยแพร่ต่อ
ออกไป ในมองโกเลีย และมำนจูเรีย)
โดยสรุปคือ ในปัจจุบันมี
พระไตรปิฎกภำษำบำลี, ภำษำจีน
และภำษำธิเบต
พระไตรปิฎกในปัจจุบัน
พระไตรปิฎกมหำยำน
- 5.
• ได้รวมเอาคติธรรมจากพระไตรปิฎกบาลีและธิเบตไว้ด้วย ไม่จากัดเฉพาะลัทธิมหายานเท่านั้น
•จานวนคัมภีร์ในพระไตรปิฎกจีนนี้มีการชาระกันหลายครั้ง จานวนคัมภีร์กับจานวนผูก
เปลี่ยนแปลงไม่เท่ากันในแต่ละครั้ง
ตัวอย่ำงหมวดพระไตรปิฎกจีนในสมัยรำชวงศ์เหม็ง
หมวดอวตังสกะ พระสูตรใหม่สูตรหนึ่งเป็นหัวใจคือ พุทธาวตังสกมหาไวปุลยสูตร ๘๐ ผูก
หมวดไวปุลยะ พระสูตรใหญ่ชื่อมหารัตนกูฏสูตร ๑๒๐ ผูก เป็นหัวใจ
หมวดปรัชญำ มีพระสูตรใหญ่ ชื่อมหาปรัชญาปารมิตาสูตร ๖๐๐ ผูก
หมวดสัทธรรมปุณฑริก มีพระสูตรใหญ่ ชื่อสัทธรรมปุณฑริกสูตร ๘ ผูก
หมวดปรินิรวำณ มีพระสูตรใหญ่ ชื่อมหาปรินิรวาณสูตร ๔๐ ผูก
พระวินัยลัทธิมหำยำน คงปฏิบัติวินัยบัญญัติตามพระปาฏิโมกข์
ของฝ่ายสาวกยาน แต่เพิ่มโพธิสัตวจริยา
ปกรณ์วิเสสต่ำงๆ อีกมากมายจานานนับพันผูก
คุณลักษณะของพระไตรปิฎกภำษำจีน
พระไตรปิฎกมหำยำน
เปรียบเทียบกับแนวคิดของพุทธ
ศำสนำเถรวำท
พระไตรปิฎกภำษำบำลีของเถร
วำทแบ่งเป็น ๓ หมวดคือ พระ
วินัย, พระสุตตันตปิฎก และพระ
อภิธรรมปิฎก และคงรูปแบบ
หมวดหมู่และเนื้อหำไว้ ไม่ว่ำจะ
มีกำรชำระกี่ครั้ง
- 6.
๑.) วัชรปรัชญำปำรมิตำ -เป็นพระสูตรดั้งเดิมที่สุด เป็นมูลฐานทฤษฎีว่าด้วยศูนยตา นิกายเซ็นยกย่อง
พระสูตรนี้มาก จะสวดสาธยายในงานพิธีศราทธพรต เช่นการสวดอภิธรรมในฝ่ายเถรวาท
๒.) อวตังสกะสูตร - เชื่อว่าเป็นพระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนเองในขณะที่พระองค์เข้าสมาธิหรืออยู่
ในสภาพธรรมกาย กล่าวถึงเรื่องของธรรมกาย (กายของพระพุทธเจ้า)
๓.) คัณฑวยุหสูตร - เป็นพระสูตรที่บรรยายการจาริกแสวงโมกษะธรรมของชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ สุธนะ
ซึ่งได้กล่าวถึงคาปฏิญาณของสุธนะในการที่ประสงค์ไปเกิดในสุขาวดียุหภพ
๔.) ทศภูมิกสูตร - กล่าวถึงวัชรครรภะโพธิสัตว์ ได้บรรยายถึงข้อปฏิบัติ ที่จะทาให้บุคคลบรรลุความเป็น
พระโพธิสัตว์ ๑๐ ประการ
๕.) วิมลเกียรตินิทเทสสูตร – เรื่องราวของวิมลเกียรติโพธิสัตว์ แสดงให้เห็นว่าการจะเป็นพระโพธิสัตว์
และดารงชีวิตตามแบบอย่างพระโพธิสัตว์นั้น ไม่จาเป็นต้องเป็นพระภิกษุก็ได้
พระสูตรสำคัญของมหำยำน
- 7.
๖.) ศูรำงคมสมำธิสูตร -กล่าวถึงความสาคัญของการบาเพ็ญสมาธิว่า เป็นมูลเหตุให้บรรลุการตรัสรู้
ความเป็นพระโพธิสัตว์และสัจธรรม
๗.) สัทธรรมปุณฑริกสูตร - กล่าวถึงเหตุที่พระองค์ทรงสั่งสอนสรรพสัตว์ด้วยอุบายวิธีต่างๆกัน เนื่อง
ด้วยพระมหากรุณาของพระองค์ที่มีต่อสรรพสัตว์ คาสั่งสอนอันแท้จริงของพระตถาคตนั้นมีเพื่อ
หนึ่งเดียวเท่านั้นคือเพื่อสรรพสัตว์
๘.) ศรีมำลำเทวีสูตร - พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสพยากรณ์แห่งหญิงผู้หนึ่งคือ เจ้าหญิงศรีมาลาเทวีและ
เจ้าหญิงศรีมาลาเทวีก็ได้ตั้งสัตย์ปฏิญาณไว้ ๑๐ ประการ
๙.) พรหมชำลสูตร - ว่าด้วยวินัยของมหายานทุกนิกาย มีอยู่ ๑๐ ประการ
๑๐.) สุขำวดีวยุหสูตร – ว่าด้วยแนวคิดเรื่องภพหน้า มี ๓ ประการ คือ เกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตของพระ
ศรีอารย์ เกิดในภูมิตะวันออกของพระอักโษภยะ และเกิดในภูมิตะวันตกของพระอมิตาภะ
พระสูตรสำคัญของมหำยำน (ต่อ)
- 8.
• พระสูตรนี้กาเนิดในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ ๕ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง
พระสูตร
• พระนาคารชุน ผู้รจนาอรรถกถามหาปรัชญาปารมิตาสูตร ก็ได้
อ้างอิงข้อความจากวิมลเกียรตินิทเทสสูตรหลายตอน
• ต้นฉบับพระสูตรนี้ปัจจุบันหายสาบสูญไปแล้ว แต่มีผู้แปลไว้หลาย
สานวน จึงยังคงสืบทอดมาถึงทุกวันนี้
• ในภาษาจีนมีการแปลวิมลเกียรตินิทเทสสูตรไว้ถึง ๗ สานวน แต่
เหลือสืบทอดถึงปัจจุบันเพียง ๓ สานวนเท่านั้น ฉบับที่แปลเป็นไทย
โดย อ. เสถียร โพธินันทะ (พ.ศ. ๒๕๐๔) ได้แปลจากฉบับแปลของ
พระกุมารชีพ เพราะมีสานวนโวหารไพเราะได้รับการยกย่องว่าเป็น
วรรณคดีจีนชั้นสูง
ควำมเป็นมำ
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
เปรียบเทียบกับพุทธ
ศำสนำเถรวำท
พระสูตรในฝ่ำยเถร
วำทคือพุทธพจน์ของ
พระพุทธเจ้ำทั้งสิ้น ไม่
มีกำรแต่งเพิ่ม
ภำยหลัง
- 9.
พระพุทธเจ้ำ - ตรัสกับรัตนกูฏบุตรคฤหบดีว่าวิสุทธิเกษตรแห่งพระโพธิสัตว์ก็อยู่ในสรรพ
สัตว์ทั้งปวง เพราะว่าพระโพธิสัตว์ย่อมบาเพ็ญหิตานุหิตประโยชน์โปรดสรรพสัตว์ จึงจะ
สามารถสาเร็จซึ่งพุทธเกษตรได้ เปรียบเหมือนการสร้างปราสาทที่ต้องอาศัยแผ่นดิน
พระสำรีบุตร - เกิดปริวิตกว่า เหตุใดพุทธเกษตรของพระพุทธเจ้าจึงไม่บริสุทธ์สะอาด
พระพุทธเจ้ำ - ทรงอธิบายว่าพุทธเกษตรของพระองค์แท้จริงแล้วบริสุทธิ์สะอาด แต่บุคคล
มีจิตสูงต่าไม่เสมอกัน จึงเห็นว่าไม่บริสุทธิ์สะอาด จากนั้นพระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงฤทธิ์ให้
เห็นความงดงามอลังการของพุทธเกษตรของท่าน
เมื่อนั้นรัตนกูฏพร้อมด้วยบุตรคฤหบดีอีก ๕๐๕ คน ต่างก็บรรลุธรรมกษานติ และมี ๘,๔๐๐
คนต่างตั้งจิตมุ่งสาเร็จพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ปริเฉทที่ ๑ พระพุทธเกษตรวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 10.
- 11.
• กล่าวถึงคฤหบดีผู้หนึ่ง ชื่อวิมลเกียรติเป็นผู้แตกฉานในธรรม
มีฌานและอภิญญาเป็นเลิศ มีจิตบริสุทธิ์สะอาด ดาเนินตามมหายานปฏิปทาโดยไม่แปรผัน
• วันหนึ่งท่ำนวิมลเกียรติสำแดงตนว่ำบังเกิดอำพำธ ชนทั้งหลายไปเยี่ยมไข้ ท่านวิมล
เกียรติจึงแสดงธรรมว่าร่างกายนี้เป็นของไม่เที่ยง ปราศจากแก่นสาร เป็นที่ประชุมของโรค จึง
ไม่ควรหลงใหลเพลิดเพลินในกายนี้แต่ให้ยินดีในพุทธสรีระ คือพระธรรมกายอันเกิดจากศีล
สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ทาน ศีล ขันติ โสรัจ
จะ วิริยะ ฌาน วิมุตติ สมาธิ พหูสูต ปัญญาแลปวงบารมีธรรม ๓๗
• ผู้มาเยี่ยมไข้ทั้งหลายก็บังเกิดจิตปณิธานในพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณโดยถ้วนหน้า
ปริเฉทที่ ๒ อุปำยโกศลวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 12.
- 13.
พระพุทธเจ้าทรงมีพระดารัสให้พระสาวกท่านต่างๆไปเยี่ยมไข้ท่านวิมลเกียรติ แต่ไม่มีท่านใดอยาก
ไป เพราะคิดว่าตนไม่คู่ควรในการไปเยี่ยมท่านวิมลเกียรติโดยมีเรื่องเล่าประสบการณ์ของแต่ละ
ท่านดังนี้(ยกตัวอย่างเพียงบางท่าน)
พระสำรีบุตร
ท่านวิมลเกียรติเคยแสดงธรรมให้ท่านฟังเรื่องการนั่งสมาธิว่าไม่จาเป็นต้องกระทาอาการนั่ง แต่ควร
ทาการไม่ปรากฏกายใจในภพทั้ง ๓ จิตไม่ยึดติดในกายใจ หรือยึดติดในภายนอก สามารถอบรมใน
โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ได้ ไม่ต้องตัดกิเลส แต่สามารถเข้านิพพานได้ นี้คือการนั่งสมาธิ
พระโมคคัลลำนะ
ครั้งหนึ่งขณะท่านกาลังแสดงธรรมให้คฤหบดีฟัง ท่านวิมลเกียรติได้มากล่าวว่าการแสดงธรรมไม่
ควรเป็นเช่นนั้น เพราะธรรมนั้นไม่มีสัตว์ บุคคล อดีต อนาคต เป็นสุญญตา เปรียบเทียบไม่ได้ จึงไม่
มีอะไรจะแสดงได้ ต้องตั้งจิตให้ได้เช่นนี้จิตมีมหากรุณา สดุดีลัทธิมหายาน ไม่ละขาดจากพระไตร
รัตน์ เช่นนี้จึงควรจะแสดงธรรม
ปริเฉทที่ ๓ สำวกวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 14.
ปริเฉทที่ ๓ สำวกวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
เปรียบเทียบกับแนวคิดของพุทธศำสนำเถรวำท
•เถรวาทจะยกย่องพระอรหันตสาวกว่าเป็นผู้มีเกียรติ มีปัญญา โดยเฉพาะเอตทัคคะ
ในด้านต่างๆ
• เถรวาทไม่มีเรื่องการไม่ต้องตัดกิเลส แต่สามารถเข้านิพพานได้ คาสอนของเถรวาท
การเข้าสู่นิพพาน คือการหมดแล้วซึ่งกิเลส
• มหายานมีแนวคิดเชิงปรัชญา เช่น การกล่าวว่า “ธรรมนั้นไม่มีสัตว์ บุคคล อดีต
อนาคต เป็นสุญญตา เปรียบเทียบไม่ได้ จึงไม่มีอะไรจะแสดงได้” ฝ่ายเถรวาทเห็นว่า
การแสดงธรรม คือการแสดงความจริงให้ผู้ที่ยังมีอวิชชาได้พิจารณา
• มหายานจะมีการสอนให้สดุดีลัทธิมหายาน แทรกอยู่ในพระสูตรเป็นระยะ เถรวาท
เน้นการสดุดีพระพุทธเจ้า และ พระธรรม เป็นหลัก
- 15.
- 16.
ปริเฉทที่ ๓ สำวกวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
เปรียบเทียบกับแนวคิดของพุทธศำสนำเถรวำท
•เถรวาทก็มีคาสอนเรื่องการเมตตาโดยไม่มีประมาณเช่นกัน
• เถรวาทมุ่งเทศน์เพื่อให้คนมุ่งต่อพระนิพพาน แต่มหายานจะเน้นให้คนมุ่งพุทธภูมิ
• เถรวาทสอนให้ลดละกิเลส ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า เพื่อให้มีความเห็นชอบ แต่
มหายานสอนว่าไม่ต้องตัดกิเลส แต่ไม่อยู่ร่วมกับกิเลส ไม่ฟังธรรมพระพุทธเจ้า แต่ฟัง
ธรรมจากลัทธิครูทั้ง ๖ ได้ คือเห็นทุกอย่างเสมอกัน
• มหายานจะจบการแสดงธรรมแต่ละครั้งว่ามีผู้ได้ธรรมจักษุอันบริสุทธิ์ คือมีจิตมุ่งต่อ
พุทธภูมิ แต่เถรวาทจบด้วยการที่ผู้ฟังบรรลุธรรม ทั้งนี้เนื่องมาจากเป้ าหมายที่แตกต่าง
กัน
- 17.
- 18.
ปริเฉทที่ ๓ สำวกวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
เปรียบเทียบกับแนวคิดของพุทธศำสนำเถรวำท
•มหายานมีแนวคิดว่าบุญและบาปเท่ากัน ผู้เข้าถึงความจริงจะเห็นทุกอย่างเสมอกัน แต่
เถรวาทสอนให้รักษาศีลตามสถานะของตน เพราะศีลเป็นบาทฐานในการสร้างสมาธิและ
ปัญญา
• มหายานเชื่อว่าพระวรกายของพระพุทธองค์นั้นเป็นวัชรกายสิทธิ
บริสุทธิ์ผุดผ่อง ย่อมไม่มีอาการอาพาธ เพียงแต่สาแดงอาการอาพาธ
เพื่อโปรดสัตว์เท่านั้น แต่เถรวาทสอนว่าพระวรกายของพระพุทธเจ้า
ก็อยู่ภายใต้กฏไตรลักษณ์และทุกข์แห่งขันธ์ ๕ เช่นกัน
• ในปริเฉทนี้แสดงให้เห็นว่าพระอรหันต์ทั้งหลายรวมถึงเอตทัคคะด้านต่างๆ ด้อยปัญญา
กว่าท่านวิมลเกียรติ แต่ในเถรวาทจะยกย่องพระอรหันต์ว่าเป็นผู้มีปัญญา หมดกิเลส
- 19.
- 20.
ปริเฉทที่ ๔ โพธิสัตววรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
เปรียบเทียบกับแนวคิดของพุทธศำสนำเถรวำท
•มหายานเอาเรื่องการที่พระเมตไตรยโพธิสัตว์ได้รับพุทธพยากรณ์ว่าอีกเพียงชาติเดียวก็
จักได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ มากล่าวถึงในมุมของปรัชญาเปรียบเปรยกับคา
สอนของมหายานเรื่องอนัตตา และตถตา แต่ในเถรวาทพุทธพยากรณ์เรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริง
จากการพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าว่า “อีกชาติเดียว” พระเมตไตรยโพธิสัตว์จะได้ตรัสรู้
ไม่ได้มีคาสอนแนวปรัชญาแฝงในพุทธพยากรณ์ดังเช่นมหายาน
- 21.
พระประภำลังกำรกุมำร
ท่านได้ถามว่า “ท่านคฤหบดีมาแต่ไหน” ท่านวิมลเกียรติตอบว่า“ผมมาแต่ธรรมมณฑล” ธรรมมณฑลนั้น
คือ จิตที่ตั้งไว้ตรง คือการปฏิบัติธรรม คือจิตที่ลึกซึ้ง คือโพธิจิต คือทานบริจาค คือสีลสังวร คือขันติ คือ
วิริยะ คือฌานสมาธิ คือปัญญา คือเมตตา คือกรุณา คือมุทิตา คืออุเบกขา คืออภินิหาร คือวิมุตติ คืออุ
ปาย คือสังคหวัตถุ ๔ คือพหูสูต คือ...............ฯลฯ
สุทัตตะ บุตรคฤหบดี
ครั้งหนึ่งท่านได้จัดงานกุศลบาเพ็ญมหาทานบริจาคแก่สมณะ พราหมณ์ นักบวชนอกศาสนา คนยากจน
คนวรรณะต่า เมื่อนั้นท่านวิมลเกียรติได้มากล่าวว่ามหาทานสันนิบาตไม่ควรทาเช่นนี้แต่ควรทาธรรมทาน
สันนิบาตมากกว่า นั่นคือทานที่ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคตในกาลเดียว บูชาสักการะในสรรพสัตว์ได้ทั่วถึง มี
ความตรัสรู้เป็นที่ตั้ง มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาในจิต ยังทานบารมี ขันติบารมี ฌานบารมี ปัญญา
บารมี สังคหวัตถุธรรม สรรพกุศลธรรม และโพธิปักขิยธรรมให้เกิดขึ้น จึงจะชื่อว่าเป็นบุญเขตอันประเสริฐ
ปริเฉทที่ ๔ โพธิสัตววรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 22.
ปริเฉทที่ ๔ โพธิสัตววรรควิมลเกียรตินิทเทสสูตร
เปรียบเทียบกับแนวคิดของพุทธศำสนำเถรวำท
•ธรรมมณฑล เป็นศัพท์เฉพาะในมหายาน หมายความรวมถึงธรรมทั้งหลายในมหายาน
ศัพท์นี้ไม่มีในเถรวาท เถรวาทจะสอนธรรมแต่ละหัวข้อตามกาลที่เหมาะสม และมี
คาอธิบายธรรมแต่ละหัวข้อ ว่าคืออะไร ปฏิบัติเพื่ออะไรอย่างชัดเจน เน้นความเป็นเหตุ
เป็นผล
• “ทาน” ในเถรวาทมีอามิสทาน, อภัยทาน, วิทยาทาน และธรรมทาน เป็นการบาเพ็ญ
บารมีประเภทหนึ่ง ส่วนในมหายานสอนถึงทานที่ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต บูชาสรรพสัตว์ได้
ทั่วถึง มีการตรัสรู้เป็นที่ตั้ง นั่นคือเน้นเป้ าหมายคือให้มุ่งพุทธภูมิ
แต่ในมหายาน ทาน ก็เป็นหนึ่งในบารมีที่ต้องบาเพ็ญเช่นกัน
- 23.
- 24.
- 25.
พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ - เหตุใดเคหาสน์ของท่านจึงว่างเปล่าจากบริวาร
ท่ำนวิมลเกียรติ- แม้แต่พระพุทธเกษตรแห่งพระสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ก็มีสภาพว่างเปล่าดุจกัน
ความที่ปราศจากวิกัลป์ ปะในความว่างเปล่านั่นเอง จึงเป็นสุญญตา จักหาสุญญตาได้จากทิฏฐิ ๖๒
จักหาทิฏฐิ ๖๒ ได้ในวิมุตติภาพแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งปวง และวิมุตติภาพแห่ง
พระสัมพุทธเจ้าทั้งปวงก็หาได้จากสรรพสัตว์ ดังนั้นแม้หมู่มารทั้งหลายก็ถือว่าเป็นบริวาร เพราะหมู่
มารทั้งปวงยินดีในการเวียนว่ายตายเกิด พระโพธิสัตว์ก็ย่อมไม่หวั่นเกรงในการเวียนว่ายตายเกิด
เช่นกัน
ปริเฉทที่ ๕ คิลำนปุจฉำวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 26.
- 27.
พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ - ถามถึงอาการอาพาธของท่านวิมลเกียรติว่ามีลักษณะอย่างไร
ท่ำนวิมลเกียรติ - อาการอาพาธนี้ปราศจากลักษณะอันจักพึงเห็นได้ เพราะจะว่าเกิดขึ้นกับกายก็
มิใช่ เพราะห่างไกลจากกายลักษณะ จะเกิดขึ้นกับจิตก็มิใช้ เพราะจิตนั้นเป็นดุจมายา ไม่ใช่เกิดที่
มหาภูตรูป ๔ คือ ปฐวีมหาภูต อาโปมหาภูตเตโชมหาภูต วาโยมหาภูต แต่ว่าอาพาธสมุฏฐานแห่ง
ปวงสัตว์ ย่อมเกิดมาจากมหาภูตรูป ๔ เมื่อสรรพสัตว์ยังอาพาธอยู่ตราบใด พระโพธิสัตว์ก็ยังต้อง
อาพาธอยู่ตราบนั้น
ปริเฉทที่ ๕ คิลำนปุจฉำวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 28.
- 29.
พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ - พระโพธิสัตว์ผู้ไปเยี่ยมเยียนพระโพธิสัตว์ผู้อาพาธอยู่พึงควรปลอบโยนให้
โอวาทอย่างไร
ท่ำนวิมลเกียรติ - พึงให้โอวาทถึงความอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาแห่งสรีระแต่อย่ากล่าวให้เกิดความ
รังเกียจเอือมระอาในสรีระ อย่ากล่าวให้เกิดความยินดีในพระนิพพาน แต่ให้กล่าวให้เกิดวิริยะในการ
โปรดสรรพสัตว์ เพื่อยังพระโพธิสัตว์ผู้อาพาธนั้นให้มีธรรมปีติเกิดขึ้น
พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ – พระโพธิสัตว์ผู้อาพาธอยู่จักพึงฝึกฝนอบรมจิตใจอย่างไร
ท่ำนวิมลเกียรติ - พึงมนสิการในใจว่าความเจ็บป่วยนี้ล้วนมีสมุฏฐานปัจจัยจากวิกัลปสัญญาและ
อาสวกิเลสในอดีตชาติ โดยความจริงแล้วไม่มีผู้ที่เจ็บป่วย เพราะสรีระเป็นเพียงที่ประชุมของมหาภูตรูป
๔ จึงควรละอหังการความยึดถือว่า “ตัวฉัน” ละมมังการ ความยึดถือว่า “ของของฉัน” เมื่อเห็นดังนั้น
สรรพอาพาธก็ย่อมไปปราศสิ้น คงมีเหลือแต่สุญญตาพาธ และพึงนึกถึงสรรพสัตว์ทั้งหลายและยังมหา
กรุณาจิตให้บังเกิดขึ้น
ปริเฉทที่ ๕ คิลำนปุจฉำวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 30.
- 31.
ท่ำนวิมลเกียรติ - พระโพธิสัตว์แม้ตั้งอยู่ในชาติชรา
มรณะ แต่ก็ไม่ได้แปดเปื้อนด้วยมลทินเหล่านั้น แม้ตั้งอยู่ใน
นิพพาน แต่ก็ไม่ดับขันธปรินิพพาน มีความรอบรู้แทงตลอด
ในจิตเจตสิกธรรมแห่งมวลสัตว์ชีพได้ แม้จักบาเพ็ญตามฉฬ
ภิญญา แต่ก็ไม่ยังอาสวะให้หมดจดสิ้นเชิงเลยทีเดียว แม้
จักปฏิบัติในอัปปมัญญาจตุพรหมวิหาร ๔ แต่ก็ไม่มีความ
ปรารถนาที่จักไปอุบัติในพรหมโลก นี่คือจริยาแห่งพระ
โพธิสัตว์
เมื่อท่านวิมลเกียรติกล่าวจบ เทพบุตร ๘๐๐ องค์ที่ติดตาม
พระมัญชุศรีโพธิสัตว์มา ก็ได้ตั้งจิตมุ่งต่อพระโพธิญาณแล
ปริเฉทที่ ๕ คิลำนปุจฉำวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 32.
- 33.
พระสำรีบุตร - เกิดมนสิการขึ้นว่าพระโพธิสัตว์บริษัทกับพระมหาสาวกบริษัทจานวนมากขนาดนี้
จักนั่งด้วยอาสนะใดหนอ
ท่ำนวิมลเกียรติ - ท่านมา ณ สถานที่นี้เพื่อแสวงหาธรรม หรือมาเพื่อแสวงหาอาสนะ ผู้แสวงหา
ธรรมนั้น ย่อมไม่ละโมบติดใจในสรีระหรือชีวิต ย่อมเป็นผู้ไม่แสวงหารูป เวทนา สัญญา สังขาร
วิญญาณ.......ฯลฯ....... ย่อมไม่แสวงหาในการกาหนดรู้ทุกข์ ละสมุทัยทาให้แจ้งในนิโรธ เจริญใน
มรรค ก็เพราะว่า ธรรมนั้นย่อมปราศจากปปัญจธรรม หากกล่าวว่ามีตัวตนเป็นผู้กาหนดรู้ทุกข์ละ
สมุทัย ทาให้แจ้งในนิโรธ เจริญในมรรคไซร้ ย่อมชื่อว่าเป็นปปัญจธรรมหาชื่อว่าเป็นการแสวงหา
ธรรมไม่ (เมื่อกล่าวจบ มีเทพบุตร ๕๐๐ องค์ บรรลุธรรมจักษุอันบริสุทธิ์)
ปริเฉทที่ ๖ อจินไตยวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 34.
- 35.
ท่ำนวิมลเกียรติ – พุทธเกษตรใดที่มีสิงหาสนะอันอุดมวิเศษสมบูรณ์
พระมัญชุศรีโพธิสัตว์- สุเมรุลักษณะ ของพระสุเมรุประทีปราชาตถาคตพระพุทธเจ้า ผู้มีพระ
วรกายสูงถึง ๘๔,๐๐๐ โยชน์ สิงหาสนะที่ประทับก็สูง ๘๔,๐๐๐ โยชน์ สมบูรณ์ด้วยสรรพคุณา
ลังการอย่างยอดเยี่ยม
ท่านวิมลเกียรติจึงบันดาลฤทธิ์ ทูลขอประทานสิงหบัลลังก์จากพระสุคตเจ้าพระองค์นั้น มาไว้ใน
เคหาสน์ของท่าน โดยเคหาสน์ของท่านก็สามารถบรรจุสิงหบัลลังก์สูง ๘๔,๐๐๐ โยชน์ จานวน
จานวน ๓๒,๐๐๐ อันได้
ปริเฉทที่ ๖ อจินไตยวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 36.
- 37.
พระสำรีบุตร - เหตุใดเคหาสน์ของท่านรวมถึงนครเวสาลี จึงรองรับอาสนะสูงใหญ่จานวนมากได้
ขนาดนี้
ท่ำนวิมลเกียรติ - พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ และทั้งพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ตั้งอยู่ในวิมุตติธรรมชื่อ
อจินไตย แม้ความสูงใหญ่แห่งขุนเขาพระสุเมรุก็ยังอาจสามารถนาเอามาบรรจุไว้ในเมล็ดพันธุ์ผัก
เมล็ดหนึ่งได้อย่างพอดี สามารถยังน้าในมหาสมุทรทั้ง ๔ ให้เข้าไปบรรจุอยู่ในขุมรูโลมาขุมหนึ่งได้
พระมหำกัสสป - พระสาวกทั้งหลายผู้ได้สดับธรรมทวารแห่งวิมุตติอันเป็นอจินไตยนี้ย่อมมิอาจจัก
เข้าใจได้ เพราะไม่ได้ตั้งจิตมุ่งต่อพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ (เมื่อกล่าวจบลง ก็มีเทพบุตร
๓๒,๐๐๐ องค์ ตั้งจิตมุ่งต่อพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ)
ปริเฉทที่ ๖ อจินไตยวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 38.
- 39.
พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ - พระโพธิสัตว์พึงเพ่งพิจารณาสรรพสัตว์โดยประการอย่างไร
ท่ำนวิมลเกียรติ - พึงเพ่งพิจารณาสรรพสัตว์โดยอาการพิจารณาแลดูซึ่งมายาบุรุษอันตนนิมิตขึ้น
เปรียบด้วยผู้มีปัญญาแลดูซึ่งเงาดวงจันทร์ในท้องน้า เปรียบด้วยการแลดูฉายาแห่งตนในกระจก
.......ฯลฯ.......
พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ - การเพ่งพิจารณาสรรพสัตว์เป็นเมตตาจริยาอย่างไร
ท่ำนวิมลเกียรติ - การเปรียบเทียบนี้เป็นการแสดงภาวะตรงกันข้ามทั้งนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
นั่นคือไม่สามารถถือเอาความเป็นตัวตนในสัตว์ในบุคคลได้ และพึงดาเนินเมตตาปฏิปทาด้วยการ
แสดงสมธรรม คือ ธรรมซึ่งยังกาละทั้ง ๓ ให้เสมอกัน.....ฯลฯ..... พึงดาเนินเมตตาปฏิปทาด้วยการ
ยังความสันติสุขให้เกิดมีขึ้นในสรรพสัตว์ คือยังสัตว์เหล่านั้นให้ได้รับสันติรสแห่งพระพุทธองค์
ปริเฉทที่ ๗ สรรพสัตว์วิทรรศนะวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 40.
- 41.
เมื่อนั้นมีเทพธิดาองค์หนึ่งสาแดงองค์ให้ปรากฏ และได้โปรยทิพยบุปผาบูชา ทิพยบุปผานี้ไม่ติด
สรีระของพระโพธิสัตว์ทั้งหลายแต่กลับติดแน่นบนสรีระของพระมหาสาวก พระสารีบุตรพยายาม
สลัดทิพยบุปผา
เทพธิดำ - เหตุใดท่านจึงพยายามสลัดทิพยบุปผา
พระสำรีบุตร – เพราะสมณศากยบุตรไม่สมควรต่อการมีบุปผชาติมาประดับให้ผิดธรรมวินัย
เทพธิดา - ธรรมดาดอกไม้ย่อมไม่มีจิตมาคิดว่าชอบธรรมไม่ชอบธรรม มีแต่ท่านที่มาเกิดวิกัลป
สัญญาขึ้นเอง ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติไม่สมควรแก่ธรรม
พระสำรีบุตร – เธอมาอยู่ที่เคหาสน์นี้นานเท่าใดแล้ว
เทพธิดำ - เวลานั้นย่อมพ้นทางแห่งบัญญัติโวหาร คาพูดและตัวอักษรย่อมเป็นลักษณะแห่งวิมุตติ
เพราะว่าในวิมุตตินั้นย่อมไม่มีภายใน ภายนอก หรือท่ามกลาง อักษรก็ไม่อยู่ในภายในภายนอกหรือ
ท่ามกลาง
ปริเฉทที่ ๗ สรรพสัตว์วิทรรศนะวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 42.
- 43.
พระสำรีบุตร - เธอปรารถนายานใดในยานทั้ง๓
เทพธิดำ - หากต้องแสดงธรรมโปรดบุคคลผู้มีนิสัยเหมาะแก่สาวกยาน ก็จะสาแดงตนเป็นพระ
สาวก ถ้าจะต้องแสดงปฏิจจสมุปบาทธรรมโปรดสัตว์ ก็จะสาแดงตนเป็นพระปัจเจกโพธิ และถ้า
ต้องอาศัยมหากรุณาในการโปรดสรรพสัตว์ ก็จะสาแดงตนเป็นพระโพธิสัตว์ในมหายาน
พระสำรีบุตร - เหตุใดจึงไม่เปลี่ยนสภาวะความเป็นหญิงเสีย
เทพธิดำ - แท้จริงแล้วสภาวะความเป็นหญิงหรือชายไม่มีจริง เช่นเดียวกับธรรมทั้งหลายที่มิได้
ตั้งอยู่กาหนดแน่นอน ณ ที่ใดที่หนึ่ง เช่นเดียวกับการบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ก็ย่อมไม่
อยู่ในฐานะที่เป็นไปได้ เพราะว่าพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณนั้น เป็นธรรมปราศจากที่ตั้ง เหตุ
ฉะนั้นแลจึงไม่มีผู้จักบรรลุ กล่าวคือมิได้มีความยึดถือว่ามีสภาวะอันจักพึงบรรลุเมื่อปราศจากความ
ยึดถือ จึงชื่อว่าได้สาเร็จพระโพธิญาณโดยแท้จริง
ปริเฉทที่ ๗ สรรพสัตว์วิทรรศนะวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 44.
- 45.
พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ - โพธิสัตว์จักพึงบรรลุเข้าถึงพระพุทธภูมิโดยประการใด
ท่ำนวิมลเกียรติ- พระโพธิสัตว์จักพึงบรรลุเข้าถึงพระพุทธภูมิเมื่อสามารถดาเนินปฏิปทาอัน
ตรงกันข้ามกับปฏิปทาเพื่อบรรลุพระพุทธภูมิ นั่นคือสามารถบาเพ็ญโพธิจริยา ในท่ามกลางปัญ
จานันตริยภูมิ (นรก) ได้ สามารถบังเกิดในอบายภูมิได้
ท่ำนวิมลเกียรติ - ธรรมอะไรหนอ ชื่อว่าตถาคตพีชะ
พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ - พระตถาคตพีชะนี้คือสรีรกายนี้คืออวิชชา ภวตัณหา คือโลภะ โทสะ โมหะ
คือวิปลาส ๔ และนิวรณ์ ๕ คือสฬายตนะ ๖ วิญญาณธาตุ ๗ มิจฉัตตะ ๘ สรุปความว่ามิจฉาทิฐิ
๖๒ กับปวงกิเลสล้วนเป็นพระพุทธพีชะได้ทั้งสิ้น นั่นคือกิเลสในสรรพสัตว์ทั้งหลายนั่นเอง เป็นเหตุ
ให้มีผู้ตั้งความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อเปลื้องทุกข์ภัยให้แก่สรรพสัตว์
ปริเฉทที่ ๘ พุทธภูมิวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 46.
ปริเฉทที่ ๘ พุทธภูมิวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
เปรียบเทียบกับแนวคิดของพุทธศำสนำเถรวำท
•มหายานสอนว่าจะบรรลุพุทธภูมิเมื่อดาเนินปฏิปทาอันตรงกันข้ามกับปฏิปทาเพื่อบรรลุ
พระพุทธภูมิ (คาดว่าเป็นแนวปรัชญาแสดงถึงการไม่ยึดถืออะไร) แต่เถรวาทสอนแนว
ทางการบาเพ็ญบารมีเพื่อการบรรลุพุทธภูมิ หากทาตรงข้าม ก็ย่อมได้รับผลลัพธ์ตรงข้าม
• หากมองในมุมของเถรวาท คาว่า “กิเลสในสรรพสัตว์ทั้งหลายนั่นเอง เป็นเหตุให้มีผู้ตั้ง
ความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า” ก็มีส่วนที่เข้ากันกับเถรวาทส่วนหนึ่ง แต่ในภาพรวมแล้ว
มีอีกหลายปัจจัยที่ทาให้บุคคลหนึ่งตั้งความปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า
- 47.
พระสัพพัตถทิสมำนกำย - วงศาคณาญาติและบริวารของท่านเป็นใคร ยวดยานพาหนะของท่าน
อยู่ที่ไหน
ท่ำนวิมลเกียรติ - พระโพธิสัตว์มีปรัชญาเป็นมารดา มีอุปายะเป็นบิดา อันพระผู้นาทางพ้นทุกข์แก่
ส่าสัตว์ มีปีติในพระธรรมมาเป็นคู่เคียง มีจิตที่เปี่ยมด้วยเมตตากรุณาเป็นบุตรสาว เอาความ
ซื่อสัตย์สุจริตใจเป็นบุตรชาย มีสุญญาตาเป็นเรือนอาศัย เอาสรรพสัตว์เป็นศิษย์ มีโพธิปักขิยธรรม
เป็นกัลยาณมิตร มีอภิญญา ๕ เป็นช้างม้าที่ไปได้เร็ว มีมหายานธรรมเป็นยวดยาน
ท่านยังกล่าวว่าท่านบูชาพระพุทธเจ้าทั้งหลายโดยมิได้เกิดวิกัลปสัญญาว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายกับ
ตนเองแตกต่างกัน สามารถสาแดงตนเป็นประการต่างๆอย่างไม่แบ่งแยก เพื่อการโปรดสรรพสัตว์ให้
ตั้งจิตมุ่งมั่นต่อพระโพธิญาณ
ปริเฉทที่ ๘ พุทธภูมิวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 48.
ปริเฉทที่ ๘ พุทธภูมิวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
เปรียบเทียบกับแนวคิดของพุทธศำสนำเถรวำท
•จากส่วนนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่ามหายานเน้นคาสอนในแง่ปรัชญา จากที่กล่าวว่า
มหายานมีปรัชญาเป็นมารดา แต่เถรวาทจะแยกออกมาจากปรัชญา เพราะนาเสนอใน
เรื่องที่เป็นสัจจะ และมีเหตุมีผลรองรับชัดเจน
• ในพระสูตรนี้ได้แสดงเรื่องการบูชาพระพุทธเจ้าทั้งหลายโดยมิได้เกิดวิกัลปสัญญาว่า
พระพุทธเจ้าทั้งหลายกับตนเองแตกต่างกัน แต่ฝ่ายเถรวาทจะบูชาพระพุทธเจ้าเพราะ
พระองค์บริสุทธิ์จากกิเลส มีปัญญา กรุณาสูงสุด ต่างกับบุคคลทั่วไป
- 49.
ท่ำนวิมลเกียรติ - พระโพธิสัตว์จักเข้าไปสู่อไทฺวตธรรมทวารคือประตูแห่งความไม่เป็นคู่อย่างไร
(พระโพธิสัตว์ทั้งหลายให้ความเห็นต่างๆมากมาย ยกเป็นตัวอย่างดังนี้)
พระธรรมอิศวรโพธิสัตว์ - “ความเกิดและความดับ ชื่อว่าเป็นธรรมคู่แต่เนื้อแท้สิ่งทั้งปวง
ปราศจากความเกิดขึ้น เมื่อเป็นดังนี้จึงไม่มีอะไรดับไป ผู้ใดได้ลุถึงอนุตปาทธรรมกษานติดังกล่าว
จึงชื่อว่าเข้าสู่อไทฺวตธรรมทวาร”
พระศรีหัตถโพธิสัตว์ - “จิตพระโพธิสัตว์ จิตพระอรหันตสาวก ชื่อว่าเป็นธรรมคู่ ผู้ใดพิจารณาเห็น
ภาวะแห่งจิตว่าเป็นสุญญตา เป็นมายา ปราศจากแก่นสาร เนื้อแท้ไม่มีอะไร ที่เป็นจิตพระโพธิสัตว์
ฤาจิตพระอรหันตสาวก จึงชื่อว่าเข้าสู่อไทฺวตธรรมทวาร”
พระปุสสโพธิสัตว์ - “กุศล อกุศล ชื่อว่าเป็นธรรมคู่ ผู้ใดไม่เกิดความรู้สึกยึดถือก่อเกิดกุศลฤาอกุศล
รู้แจ้งเห็นจริง เข้าถึงอัปปณิหิตธรรม จึงชื่อว่าเข้าสู่อไทฺวตธรรมทวาร”
ปริเฉทที่ ๙ อไทฺวตธรรมทวำรวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 50.
พระสิงหรำชำโพธิสัตว์ - “บาปบุญ ชื่อว่าเป็นธรรมคู่ ผู้ใดรู้แจ้งเนื้อแท้ภาวะแห่งบาปมิได้ผิด
แปลกจากบุญเลย ใช้วชิรปัญญาเข้าไปตัดความติดแน่นในลักษณะแบ่งแยกเสียได้ ไม่มีผู้ถูกผูกพัน
ฤาไม่มีผู้หลุดพ้น จึงเข้าสู่อไทฺวตธรรมทวาร”
พระคุณครรภโพธิสัตว์ - “ผู้บรรลุกับธรรมที่บรรลุ ชื่อว่าเป็นธรรมคู่ ผู้ใดรู้แจ้งว่า เนื้อแท้ปราศจาก
ผู้บรรลุกับธรรมที่บรรลุ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ย่อมไม่มีสิ่งอันพึงยึดถือฤาสิ่งอันพึงละใด ๆ เมื่อไม่มีการยึด
และไม่มีการละ จึงชื่อว่าเข้าสู่อไทฺวตธรรมทวาร”
พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ - “ในธรรมทั้งหลาย เมื่อปราศจากคาพูด ปราศจากโวหาร ปราศจากการ
แสดง ปราศจากความคิดรู้คานึง พ้นจากการปุจฉาวิสัชนา นั้นคือการเข้าสู่อไทฺวตธรรมทวาร”
ท่ำนวิมลเกียรติ - (นิ่งเงียบ ไม่เอ่ยวาจาใดๆ เป็นการแสดงความเห็น) เพื่อแสดงว่าเมื่อปราศจาก
อักขรโวหารวจนบัญญัติใดๆ จึงนับว่าเป็นการเข้าเข้าสู่อไทฺวตธรรมทวารวิถีโดยแท้จริง
ปริเฉทที่ ๙ อไทฺวตธรรมทวำรวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 51.
- 52.
พระสำรีบุตร - วิตกว่าเวลานี้เป็นใกล้เพลแล้วบรรดาพระโพธิสัตว์ทั้งหลายจะแสวงอาหารบริโภค
ได้ ณ ที่ใด
ท่ำนวิมลเกียรติ - เหตุใดท่านจึงมาจานงหวังต่อการขบฉันในการสดับพระสัทธรรมนี้และนิมนต์ให้
ท่านรอสักครู่และจะนาภัตตาหารอันไม่เคยมีมาก่อนมาถวาย
และเข้าฌานสมาบัติ บันดาลให้ชนทั้งหลายได้เห็นพหุสุคันธพุทธเกษตร มีพระพุทธเจ้าพระนามว่า
พระสุคันโธปจิตตถาคต ทุกสิ่งในโลกธาตุนี้ล้วนมีกลิ่นหอมอบอวล และเนรมิตพระโพธิสัตว์ผู้มีฤทธิ์
มากขึ้นมา สั่งให้นิรมิตพระโพธิสัตว์ไปทูลขอทิพยสุทธาโภชน์จากพระสุคันโธปจิตตถาคต เพื่อนาไป
ให้บุคคลผู้ยินดีในหินธรรมได้บริโภคอาหารนี้แล้ว บังเกิดจิตปณิธานมุ่งต่อพระโพธิญาณ
ปริเฉทที่ ๑๐ สุคันโธปจิตพุทธวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 53.
- 54.
พระโพธิสัตว์นิรมิตได้เหาะไปทูลขอทิพยสุทธาโภชน์จากพระสุคันโธปจิตตถาคต เมื่อนั้นพระ
โพธิสัตว์ ๙ล้านองค์ในที่แห่งนั้นก็ปรารถนาจะไปเยี่ยมเยือนดินแดนสหโลกธาตุ เพื่อเข้าเฝ้ าพระ
ศากยมุนีพุทธะและเยี่ยมท่านวิมลเกียรติ
พระสุคันโธปจิตตถาคตทรงอนุญาติและทรงมีพุทธบรรหารให้พระโพธิสัตว์ทั้งหลายรวมกลิ่นหอม
ในสรีรกายอย่าให้ขจรเฟื่องฟุ้ ง เพราะจะเป็นเหตุให้สรรพสัตว์ในสหโลกธาตุบังเกิดฉันทราคะต่อ
กลิ่นนั้นได้ และเตือนมิให้ดูแคลนต่อพระโพธิสัตว์เหล่านั้นว่ามีสรีระด้อยกว่า เพราะการจะแสดง
พระสัทธรรมโปรดปรานบรรดาผู้ยินดีต่อหินธรรม พระพุทธเจ้าย่อมจะไม่สาแดงพุทธเกษตรของ
พระองค์ให้ให้บริสุทธิ์หมดจดวิเศษ
ปริเฉทที่ ๑๐ สุคันโธปจิตพุทธวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 55.
- 56.
- 57.
- 58.
ท่ำนวิมลเกียรติ - พระสุคันโธปจิตตถาคตเจ้าทรงแสดงพระธรรมบรรยายอย่างไร
พระโพธิสัตว์แห่งพหุสุคันธเกษตร- พระองค์มิได้อาศัยอักขรโวหารบัญญัติใดๆ มาแสดงพระสัทธรรม
แต่ทรงอาศัยสรรพสุคันธชาติเป็นปัจจัย ชักนาให้เหล่าเทพและมนุษย์ตั้งอยู่ในศีล
พระโพธิสัตว์แห่งพหุสุคันธเกษตร – พระศากยมุนีตถาคตเจ้าทรงแสดงพระธรรมบรรยายอย่างไร
ท่ำนวิมลเกียรติ - สรรพสัตว์ในโลกธาตุแห่งนี้มีนิสัยหยาบกระด้างยากแก่การอบรมสั่งสอน พระศากย
มุนีพระพุทธเจ้า จึงต้องตรัสแสดงธรรมอันกล้าแข็ง เพื่อฝึกข่มสัตว์เหล่านั้นให้ราบคาบ เช่นเรื่องนิรยคติ
ดิรัจฉานคติ เปรตคติ ทุจริต ๓ และผลแห่งทุจริต ๓ ศีลและผลแห่งการทุศีล มิจฉาปฏิปทา และสัมมา
ปฏิปทา เป็นต้น
พระโพธิสัตว์ในโลกธาตุนี้แม้บาเพ็ญหิตานุหิตจริยาต่อสัตว์ทั้งหลายเพียงชาติเดียวก็ยังประเสริฐกว่า
พระโพธิสัตว์ที่บาเพ็ญโพธิจริยาในโลกธาตุอื่นหลายร้อยหลายพันกัลป์ เพราะได้บาเพ็ญบารมีมาก
ปริเฉทที่ ๑๐ สุคันโธปจิตพุทธวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 59.
- 60.
ท่านวิมลเกียรติได้นามหาชนทั้งหลาย มีพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์จากโลกธาตุอื่นเทพ
พรหมทั้งหลาย รวมถึงพระสาวกพร้อมด้วยสิงหาสนบัลลังก์ทั้งหมด ประดิษฐานบนฝ่าหัตถ์ขวาของ
ท่าน แล้วไปเฝ้ าพระตถาคตเจ้า
พระพุทธเจ้ำ - สารีบุตรคิดเห็นอย่างไรเมื่อได้เห็นอภินิหารของท่านวิมลเกียรติ
พระสำรีบุตร - สิ่งเหล่านี้เป็นอจินไตย สุดที่ความคิดของท่านจะหยั่งทราบไปถึงได้
พระอำนนท์ - กลิ่นหอมอันอบอวลนี้เป็นกลิ่นอะไร
พระพุทธเจ้ำ - กลิ่นสรีระของพระโพธิสัตว์
พระสำรีบุตร - สรีระของตัวท่านก็มีกลิ่นสุคันธชาติติดมา เพราะท่านได้ฉันทิพยโภชน์ที่ท่านวิมล
เกียรตินามาให้ (ไม่ใช้คาว่าถวาย)
ปริเฉทที่ ๑๑ โพธิสัตว์จริยำวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 61.
- 62.
พระอำนนท์ - สุคันธชาติจะตั้งอยู่นานเพียงใด
ท่ำนวิมลเกียรติ- จนกว่าอาหารนี้จะย่อยไปหมด โอชะแห่งอาหารนี้จะดารงอยู่จนถึงเมื่อพระ
สาวกรูปนั้นบรรลุภูมิธรรมในขั้นสูงขึ้นจากเดิม กล่าวคืออานุภาพแห่งโอสถนั้นจะดารงอยู่ตราบ
เท่าที่พิษโรคยังเหลือมีอยู่ในสรีระนั่นเอง
พระอำนนท์ - อัศจรรย์ใจว่าทิพยสุคันธาหารนี้สามารถทาหน้าที่บาเพ็ญพุทธกรณียกิจได้อย่างดี
ยิ่ง
พระพุทธเจ้ำ - พุทธเกษตรแต่ละแห่ง ก็ได้ใช้สิ่งต่างๆกันทาหน้าที่บาเพ็ญพุทธกรณียกิจ เช่นอาศัย
รังสิโยภาสแห่งพระพุทธเจ้า อาศัยหมู่พระโพธิสัตว์ อาศัยบุรุษนิรมิต อาศัยต้นพระศรีมหาโพธิ
พฤกษ์ เป็นต้น
ปริเฉทที่ ๑๑ โพธิสัตว์จริยำวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 63.
- 64.
พระพุทธเจ้ำ - หากจะอธิบายความหมายแห่งสัมมาสัมพุทธะและ ตถาคตะ แล้ว แม้พระอานนท์ผู้
เป็นเอตทัคคะทางพหูสูต จะมีอายุยืนเป็นกัลป์ ๆ ก็ยังไม่สามารถฟังได้จบสิ้น
พระอำนนท์ - ไม่อาจสาคัญตนเองว่า เป็นบุคคลผู้เป็นพหูสูตอีกแล้ว
พระพุทธเจ้ำ - พระอานนท์ถือได้ว่าเป็นพหูสูตในหมู่พระสาวก ไม่ใช่ในหมู่พระโพธิสัตว์ เพราะ
ปัญญาแห่งพระโพธิสัตว์นั้น มากล้นจนประมาณมิได้
ปริเฉทที่ ๑๑ โพธิสัตว์จริยำวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 65.
- 66.
พระพุทธเจ้ำ - ท่านมีความปรารถนาจะยลตถาคตได้ด้วยธรรมประการใด
ท่ำนวิมลเกียรติ- พิจารณาดูพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหมือนการพิจารญาดูตัตตวลักษณะในสรีร
กายของตนเอง เพราะสภาวธรรมแห่งพระตถาคตเจ้านั้น ปราศจากการมาในอดีต การไปในอนาคต
และปราศจากการตั้งอยู่ จึงย่อมไม่พิจารณาเห็นพระองค์ในรูปสภาวะใดๆ
พระสำรีบุตร - ท่านมาจากโลกธาตุแดนใด จึงมาปฏิสนธิ ณ โลกธาตุนี้
ท่ำนวิมลเกียรติ - ธรรมอันพระสารีบุตรบรรลุสาเร็จนั้น ย่อมพ้นจากจุติปฏิสนธิ มีสภาพดุจมายา
“จุติ” และ “ปฏิสนธิ” ก็ล้วนเป็นธรรมมายามาหลอกลวงเช่นกัน โพธิสัตว์ยังต้องจุติแต่ก็มิได้ยังกุศล
ธรรมให้จุติไปด้วย ยังต้องปฎิสนธิ แต่ก็มิได้ยังอกุศลธรรมให้บังเกิดเจริญขึ้นมาตาม
พระสำรีบุตร - กล่าวเทิดทูนชื่นชมท่านวิมลเกียรติ และคุณค่าของพระสูตรนี้ว่ามีคุณอนันต์
ปริเฉทที่ ๑๒ อักโษภยะพุทธเกษตรทรรศนะวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 67.
- 68.
- 69.
- 70.
พระพุทธเจ้ำ - ทรงมอบหมายพระศรีอารยเมตไตรยโพธิสัตว์ว่าเมื่อถึงกาลที่พระองค์เสด็จดับ
ขันธปรินิพพานแล้วให้ท่านประกาศซึ่งธรรม อย่าให้ขาดถึงวิบัติเป็นอันขาด ให้รักษาพระสูตรนี้ไว้
ทรงเทศน์เตือนถึงโทษ ๒ ประการ ซึ่งจะทาให้พระโพธิสัตว์รัตตัญญูผู้มีศรัทธาเข้าใจในธรรมอันสุขุม
คัมภีรภาพทาลายตนเองได้นั้นคือ การดูหมิ่น ไม่ว่ากล่าวอบรมสั่งสอนพระนวกโพธิสัตว์ และการ
ยึดถือในวิกัลป์ ปลักษณะ
พระศรีอริยเมตไตร - จักเว้นจากโทษดังที่กล่าวมาแล้วจักเป็นผู้ธารงรักษาพระอนุตตรสัมมา
สัมโพธิธรรม สืบทอดพระสูตรแห่งมหายานนี้ให้แก่กุลบุตรกุลธิดาต่อไป
พระพุทธเจ้ำ - ทรงให้นามพระสูตรนี้ว่า วิมลเกียรตินิทเทสสูตร หรือ อจินไตยวิมุตติธรรมทวารสูตร
ปริเฉทที่ ๑๔ ธรรมทำยำทวรรค
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
- 71.
- 72.
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร
วิมลเกียรตินิทเทสสูตร เปรียบเทียบกับเถรวำท
มีพุทธเกษตรอันบริสุทธิ์ โลกและจักรวำลคือธรรมชำติ
สอนให้ไม่เพลิดเพลินในกำยแต่ก็ไม่เอือมระอำ สอนให้เห็นทุกข์ในกำย เพื่อกำรละวำง
พระอรหันต์ยังมีกิเลส มีปัญญำน้อย พระอรหันต์คือผู้หมดกิเลส มีปัญญำมำก
เน้นกำรเห็นทุกสิ่งเสมอกัน เช่น บุญ-บำป เห็นควำมแตกต่ำงของบุญ-บำป
พระพุทธสรีระบริสุทธิ์ ไม่มีอำกำรอำพำธ พระพุทธสรีระก็อยู่ภำยใต้กฎแห่งไตรลักษณ์
ทำนสูงสุดคือทำนที่มีควำมตรัสรู้เป็นที่ตั้ง ทำนสูงสุดคือธรรมทำน
มีกำรแสดงฤทธิ์ของพระโพธิสัตว์มำกมำย ส่วนมำกเป็นกำรแสดงฤทธิ์ของพระพุทธเจ้ำและพระสำวก
โลกธำตุนี้ต้องสอนธรรมอันกล้ำแข็งเพรำะคนนิสัยหยำบ ธรรมมะเป็นสัจจธรรมอันไม่จำกัดกำล
พิจำรณำพระพุทธเจ้ำไม่ต่ำงจำกมองตนเอง บูชำพระพุทธเจ้ำเหนือตนเอง
กำรปฏิบัติบูชำคือกำรจำ ท่อง และสืบทอดพระสูตร กำรปฏิบัติบูชำคือกำรภำวนำพัฒนำตนเอง
ไม่ยอมรับเป้ ำหมำยกำรมุ่งสู่นิพพำน หินยำน คับแคบ เป้ ำหมำยคือนิพพำน แต่ไม่ขัดแย้งผู้มีจิตมุ่งพุทธภูมิ
สรุปเนื้อหำ
- 73.
• ฉัตรสุมำลย์ กบิลสิงห์แปลจำกภำษำอังกฤษ
• รจนำขึ้นหลังจำกมี ปรัชญำปำรมิตำสูตร
• พระสูตรนี้ยกย่องผู้หญิง แสดงให้เห็นถึงสมัยที่คณะสงฆ์ต้องพึ่งพำอำศัยรำชนิกูล รำชินี
และภรรยำขุนนำงในตำแหน่งสูง บริเวณที่น่ำจะเป็นได้มำกที่สุดคืออินเดียใต้
• ตัวเอกของเรื่องเป็นพระเทวีชำวพุทธ ในสมัยพุทธกำล พระรำชบิดำและพระมำรดำ คือ
พระเจ้ำประเสนจิตแห่งแคว้นโกศล และพระนำงมัลลิกำ ทั้งสองพระองค์เป็นบุคคลใน
ประวัติศำสตร์ร่วมสมัยกับพระพุทธองค์
• ทั้งนี้ พระนำมศรีมำลำและยโศมิตร ไม่ปรำกฏในฝ่ำยบำลี โดยสรุปอำจกล่ำวได้ว่ำพระ
สูตรนี้มีพื้นฐำนจำกกึ่งประวัติศำสตร์ และกึ่งจินตนำกำร
ควำมเป็นมำ
ศรีมำลำเทวีสูตร
- 74.
๑. ในลังกำรวตำรสูตร เรียกว่ำ“ศรีมำลังเทวี อธิกฤตยะ” (เรื่องรำวเกี่ยวกับ
พระนำงศรีมำลำเทวี)
๒. ในมหำยำนสูตรำลังกำร เรียกว่ำ "ศรีมำลำสูตร“
๓. ในรัตนโคตรวิภำค เรียกว่ำ "อำรยศรีมำลำสูตร“
๔. ในศึกษำสมุจจัย ของศำนติเทวะเรียกว่ำ “ศรีมำลำสิงหนำทสูตร”
ชื่อพระสูตร
ศรีมำลำเทวีสูตร
- 75.
- 76.
- 77.
(มหำทศปณิธำน)
พระพุทธเจ้าทรงมีพุทธพยากรณ์ว่า พระนางจะได้ตรัสรู้ในอนาคตกาลอีก ๒๐,๐๐๐กัป เมื่อนั้นพระ
นางศรีมาลาฯ ได้ทรงตั้งมหาทศปณิธานว่า
๑. จักไม่ยอมให้เกิดความคิดใดอันเป็นการละเมิดศีล
๒. จักไม่ยอมให้เกิดความคิดใดอันเป็นการไม่เคารพต่อครูผู้สอน
๓. จักไม่ยอมให้มีความโกรธ ความมุ่งร้ายแก่สรรพสัตว์
๔. จักไม่มีความริษยาในความเจริญรุ่งเรือง และในบารมีของผู้อื่น
๕. จักไม่มีความมักได้ แม้จะได้อาหารจากการบิณฑบาตเพียงเล็กน้อยก็ตามที
๖. จักไม่สะสมสมบัติเพื่อตัวข้าฯ เอง แต่จะใช้จ่ายเพื่ออนุเคราะห์คนยากไร้ และอนาถา
๗. จักใช้ปัจจัย ๔ แห่งการเป็นพุทธมามกะ เพื่อประโยชน์แก่สรรพสัตว์
๘. เมื่อได้ประสบกับสรรพสัตว์ ผู้อยู่ในความลาบาก จักช่วยให้เขาพ้นจากทุกข์ภัยเหล่านั้น
๙. จักไม่วางเฉยเมื่อได้เห็นผู้ประกอบมิจฉาชีพ จักทาลายสิ่งที่ควรทาลาย
๑๐. จักไม่มีวันลืมพระธรรมอันประเสริฐ บุคคลลืมพระธรรมอันประเสริฐได้ เขาย่อมลืมมหายาน
ปริเฉทที่ ๑ ขจัดควำมสงสัยทั้งปวงศรีมำลำเทวีสูตร
- 78.
- 79.
(ควำมปรำรถนำ ๓ ประกำร)
ต่อมาพระนางศรีมาลาฯทรงตั้งความปรารถนา ๓ ประการ ณ เบื้องพระพักตร์พระพุทธเจ้าว่า
๑. ด้วยกุศลบารมีแห่งการทาประโยชน์ให้แก่สรรพสัตว์อันประมาณมิได้ ขอให้ได้เข้าใจในธรรม
อันประเสริฐทุกๆชาติไป
๒. เมื่อมีความเข้าใจในพระธรรมอันประเสริฐแล้ว ขอให้ได้สอนธรรมะแก่สรรพสัตว์โดยไม่รู้เหน็ด
เหนื่อย
๓. ในขณะที่สอนพระธรรมอันประเสริฐโดยไม่คานึงถึงกาย พลังชีวิต หรือทรัพย์สมบัติ ขอให้ได้
ปกป้ องเชิดชูพระธรรมอันประเสริฐ
พระพุทธเจ้าก็ได้ตรัสว่าความปรารถนาอันมากมายของพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ล้วนรวมกันอยู่ใน
ความปรารถนา ๓ ประการนี้
ปริเฉทที่ ๒ ตัดสินเหตุ
ศรีมำลำเทวีสูตร
- 80.
- 81.
- 82.
- 83.
(เอกยำน)
พระนางศรีมาลาฯ กราบทูลว่ามหายานคือ หลักธรรมอันประเสริฐเพราะสาวกยาน ปัจเจกยาน
โลกียธรรมและโลกุตระธรรมล้วนรวมอยู่ในมหายาน เมื่อบุคคลน้อมรับหลักธรรมอันประเสริฐแห่ง
มหายาน เขาย่อมน้อมรับยานทั้งหลายแห่งสาวกยานและปัจเจกพุทธยาน รวมทั้งโลกียธรรมและ
โลกุตระธรรมด้วย
พระอรหันต์และพระปัจเจกพุทธะดับขันธ์โดยเข้าใจว่าการเกิดของพวกเขาได้สิ้นสุดลงแล้ว ด้วย
ความเข้าใจเช่นนี้จึงดับขันธ์ทั้งที่ยังมีอาสวะ และยังมีปัจจัยแห่งการเกิดที่ยังขัดไม่หมดโดยแท้
เป็นการ “เข้าถึงโดยยังมีอาสวะตกค้าง” และ “ยังมิใช่ความหมายสุดท้าย”
ปริเฉทที่ ๓ ทำควำมกระจ่ำงกับควำมหมำยสุดท้ำย
ศรีมำลำเทวีสูตร
- 84.
- 85.
(พระอริยสัจอันประมำณมิได้)
พระอรหันต์และพระปัจเจกพุทธะมีความรู้เพียงด้านเดียวในการทาความเข้าใจในอริยสัจ ๔ คือ
เข้าใจในอริยสัจประการแรกซึ่งขจัดเสียซึ่งอาสวะสถิต แต่ไม่ได้เข้าถึงอริยสัจประการที่สอง เพื่อ
ขจัดอาสวะอื่นๆ พระสาวกหรือพระปัจเจกพุทธะยังมีกุศลจากัด อริยสัจมิใช่สัจจะของพระสาวก
และพระปัจเจกพุทธะแต่เป็นสัจจะของพระพุทธเจ้า
(ตถำคตครรภ์)
คาสอนอันละเอียดของอริยสัจนี้อธิบายถึงตถาคตครรภ์ อันเป็นอาณาจักรของพระตถาคตเจ้า มิใช่
อาณาจักรของพระสาวกหรือพระปัจเจกพุทธะ
(ธรรมกำยและควำมหมำยแห่งสุญญตำ)
ธรรมกายแห่งพระตถาคตนี้เมื่อยังไม่เป็นอิสระจากอาสวะเรียกว่า ตถาคตครรภ์ ความรู้ในสุญญตา
แห่งตถาคตครรภ์นั้นมี ๒ ชนิด คือ ตถาคตครรภ์เป็นสูญจากกิเลสทั้งปวง และตถาคตครรภ์มิได้เป็น
สูญจากธรรมะแห่งพุทธะอันเปิดเผย
ปริเฉทที่ ๓ ทำควำมกระจ่ำงกับควำมหมำยสุดท้ำย
ศรีมำลำเทวีสูตร
- 86.
- 87.
(เอกสัจ)
สัจจะ ๓ ประการในอริยสัจ๔ นับเป็นอนิจจังเพราะมีสังขารลักษณะ สิ่งที่มีสังขารลักษณะย่อมเป็น
อนิจจัง เป็นมายาและไม่จริง นั่นคือ ทุกข์ สมุทัย และมรรค มีสัจจะเดียวที่เป็นนิจจังคือ นิโรธ
เพราะตัดขาดจากสังขารลักษณะจึงมีความจริงเป็นนิจจัง และเป็นสรณะ
(เอกสรณะ)
นิโรธอยู่เหนือการสัมผัสของพระสาวก พระปัจเจกพุทธะและสรรพสัตว์ทั้งหลาย เมื่อสรรพสัตว์มี
ศรัทธาในพระตถาคตสรรพสัตว์เหล่านั้นมีทัศนะที่ถูกต้อง คือเห็นว่าธรรมกายของพระตถาคตมี
ความสมบูรณ์ในความเป็นนิจจัง มีความสมบูรณ์ในอัตตา
(ควำมบริสุทธิ์ภำยในแห่งจิต)
ความบริสุทธิ์ภายในแห่งตถาคตครรภ์แปดเปื้อนด้วยกิเลสอยู่ในขอบข่ายของพระตถาคต เพราะ
วิญญาณบริสุทธิ์ และวิญญาณที่ไม่บริสุทธิ์ ต่างเป็นเพียงชั่วขณะ ไม่แปดเปื้อนด้วยกิเลส เป็นเรื่อง
ที่ยากแก่การเข้าใจ มีเพียงพระผู้มีพระภาคเจ้าเท่านั้นที่ทรงมีพระเนตรและพระปัญญาหยั่งรู้
ปริเฉทที่ ๓ ทำควำมกระจ่ำงกับ
ควำมหมำยสุดท้ำยศรีมำลำเทวีสูตร
- 88.
- 89.
(พุทธบุตรแห่งพระตถำคตเจ้ำ)
พระพุทธเจ้ำ - สาวกผู้ตั้งมั่นอยู่ในศรัทธามีความรู้ในขอบข่ายแห่งธรรมะภาพตัวแทนของประสาท
สัมผัสในจิต ภาพการเจริญของกรรม ภาพการหลับของพระอรหันต์ ภาพความปีติและและความสุข
ในฌานของผู้ที่ควบคุมจิตดีแล้ว ภาพอิทธิฤทธิ์ของพระอริยะ ผู้เห็นภาพทั้ง ๕ นี้แล้ว ย่อมเป็นสาวก
ผู้มีศรัทธาตั้งมั่นอยู่ในมหายานมรรค
พระนำงศรีมำลำฯ - ทูลขอพรให้สามารถโน้มน้าวใจผู้ที่เห็นผิดได้ (พระพุทธเจ้าประทานพร)
พระพุทธเจ้ำ - มีพุทธดารัสให้ท้าวสักกะเทวราช และพระอานนท์ รักษาพระสูตรนี้ไว้ และให้นาม
พระสูตรนี้ว่า ศรีมำลำเทวีสีหนำทสูตร
ปริเฉทที่ ๔ กำรเข้ำสู่เอกยำนมรรค
ศรีมำลำเทวีสูตร
- 90.
- 91.
สรุปเนื้อหำ ศรีมำลำเทวีสูตร
ศรีมำลำเทวีสูตร เปรียบเทียบกับเถรวำท
พุทธสรีระไม่มีกำรเสื่อมพุทธสรีระอยู่ภำยใต้กฎไตรลักษณ์
มีกำรทูลขอพรจำกพระพุทธเจ้ำ ต้องทำเหตุเพื่อให้ได้ผล
สำวกยำน ปัจเจกยำน รวมอยู่ในมหำยำน ไม่มีกำรแยกยำนต่ำงๆ
พระสำวก พระปัจเจกยังไม่เข้ำใจอริยสัจ พระสำวก พระปัจเจกเข้ำใจแจ้งในอริยสัจ
พระสำวก พระปัจเจกยังไม่เข้ำถึงนิโรธ พระสำวก พระปัจเจกยังเข้ำถึงนิโรธ
อริยสัจจริงประกำรเดียว อริยสัจเป็นควำมจริงแท้ ๔ ประกำร
ศัพท์เฉพำะ ควำมหมำย
กำรน้อมรับพระธรรมอันประเสริฐ ภำระในกำรช่วยเหลือสรรพสัตว์
ตถำคตครรภ์ อณำจักรของพระตถำคตเจ้ำ
- 92.
๑. ควรวำงใจเป็นกลำง ศึกษำอย่ำงไม่มีอคติ
๒.ทำควำมเข้ำใจในเป้ ำหมำยของพุทธศำสนำมหำยำน เพื่อให้เข้ำใจถึงที่มำและ
เหตุผลของแต่ละคำสอน
๓. คำสอนส่วนมำกของพุทธศำสนำมหำยำนเป็นแนวปรัชญำ จึงต้องพิจำรณำให้
ลึกซึ้งและรอบคอบ เพรำะบำงครั้งอำจเป็นกำรเปรียบเปรยอุปมำอุปไมย
ไม่ได้สอนตรงตำมอักษร
๔. เมื่อศึกษำแล้วพิจำรณำเลือกส่วนที่มีประโยชน์เกื้อหนุนกับเป้ ำหมำยของ
ตนเองมำใช้ เช่นคำสอนเรื่องให้สร้ำงมหำกรุณำจิตให้เกิดในตน
๕. คำสอนที่แย้งกับเป้ ำหมำยของตน พึงควรศึกษำและละไว้ด้วยควำมเข้ำใจว่ำ
เป็นคำสอนที่เป็นไปเพื่อเป้ ำหมำยแห่งกำรสร้ำงพระโพธิสัตว์นั่นเอง
แนวคิดในกำรศึกษำพุทธศำสนำมหำยำน
- 93.
๑. ประวัติพระไตรปิฎกฉบับจีนพำกย์ (โดยอ.เสถียร โพธินันทะ)
๒. พระพุทธศำสนำมหำยำน (โดย อภิชัย โพธิ์ประสิทธิ์ศำสต์)
๓. ควำมเข้ำใจในเรื่องมหำยำน (โดย ส. ศิวรักษ์)
๔. วิมลเกียรตินิทเทสสูตร (โดย อ. เสถียร โพธินันทะ)
๕. ศรีมำลำเทวีสีหนำทสูตร (โดย ฉัตรสุมำลย์ กบิลสิงห์)
๖. http://www.tairomdham.net
๗. http://www.crs.mahidol.ac.th
บรรณำนุกรม
- 94.