More Related Content
Similar to ธรรมะเสวนา พระพุทธและพระธรรม
Similar to ธรรมะเสวนา พระพุทธและพระธรรม (20)
More from Taweedham Dhamtawee
More from Taweedham Dhamtawee (7)
ธรรมะเสวนา พระพุทธและพระธรรม
- 4. พระพุทธเจาทรงขนานนามพระองคเองวา “พุทธะ”
การสนทนากับโทณพราหมณ
เปรียบเหมือนดอกบัวเขียว บัวหลวงหรือบัวขาว
มันเกิดในน้า เจริญในน้า โผลขึ้นพนน้ํา
ํ ํ
ตั้งอยูโดย น้ําไมเปยกติดมันได ฉันใดก็ฉนนัน
ั ้
เรานี้เกิดในโลก เจริญในโลกก็จริง
แตเราครอบงําโลกเสียไดแลว และอยูในโลก
โลกไมฉาบทาแปดเปอน เราได
ทานจงจําเราไววาเปน “พุทธะ” ดังนีเ้ ถิด
- 6. อริยสัจ 4 ความจริงที่ประเสริฐและทําใหคนเปนอริยะ
1. ทุกข คือ สภาพที่ทนไดยาก ภาวะที่ทนอยูในสภาพเดิมไมได เชน
การเกิด การแก การเจ็บปวย การตาย การพลัดพราก ความไมสมหวัง
2. สมุทัย คือ เหตุที่ทําใหเกิดทุกข ไดแก ตัณหา คือ ความอยาก 3 ประการ
ความอยากในกาม. ความอยากเปน, ความไมอยากเปน
3. นิโรธ คือ ความดับทุกข หรือ นิพพาน
4. มรรค คือ หนทางดับทุกข มี 8 ประการ ไดแก เห็นชอบ คิดชอบ
วาจาชอบ ประพฤติชอบ อาชีพชอบ เพียรชอบ สติชอบ สมาธิชอบ
อริยสัจ 4 เปนการสรุปโดยยอของปฏิจจสมุปปบาท
- 8. อิทัปปจจยตา ความที่มีสงนี้เปนปจจัย สิ่งนี้สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น
ิ่
อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ
เมื่อสิงนี้ มี สิ่งนี้ ยอมมี
่
อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชติ
เพราะความเกิดขึ้นแหงสิ่งนี้ สิ่งนีจึงเกิดขึ้น
้
อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหติ
เมื่อสิงนี้ ไมมี สิ่งนี้ ยอมไมมี
่
อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌติ
เพราะความดับไปแหงสิ่งนี้ สิ่งนีจึงดับไป ้
อิทัปปจจยตา คือ กฏของธรรมชาติ ความจริงแทของจักรวาล
- 9. คาถาที่พระอัสสชิ กลาวกับ อุปติสสะมานพ
เย ธัมมา เหตุปปะภะวา
เตสัง เหตุง ตะถาคะโต
เตสัญจะ โย นิโรโธจะ
เอวัง วาที มะหาสะมะโณ
ธรรมเหลาใดเกิดแตเหตุ
พระตถาคตทรงแสดงเหตุแหงธรรมเหลานั้น
และความดับแหงธรรมเหลานั้น
พระมหาสมณะมีปกติ ทรงสั่งสอนอยางนี้
- 10. สติปฏฐาน 4
สติปฏฐาน 4 หมายถึง การระลึกรูและใชปญญาพิจารณาตามความเปนจริง
โดยกําหนดที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง 4 ประการ
1. กายานุปสสนา ไดแก การมีสติระลึกรู และ พิจารณากาย
2. เวทนานุปสสนา ไดแก การมีสติระลึกรูและพิจารณาเวทนา
3. จิตตานุปสสนา ไดแก การมีสติระลึกรูและพิจารณาจิต
4. ธรรมมานุปสสนา ไดแก การมีสติระลึกรูและพิจารณาสภาวะธรรม
- 11. ขันธ 5
ขันธ 5 หมายถึง รางกายของคนเรา ซึ่งแยกเปนสวนๆ ได 5 สวน คือ
1. รูป ไดแก สวนที่ผสมกันของธาตุดิน น้ํา ลม ไฟ เชน ตา หู จมูก ลิ้น
กาย ผม ขน เล็บ ฟน ผิวหนัง อวัยวะภายในภายนอก
2. เวทนา ไดแก ความรูสึกชอบ ไมชอบ หรือ เฉยๆ
3. สัญญา ไดแก ความจําสิ่งที่ไดสัมผัส และ รูสึก
4. สังขาร ไดแก การปรุงแตง แยกแยะ ตัดสิน เมื่อเกิดความรูสึกและมี
ความจํา
5. วิญญาณ ไดแก การรับรู ที่เกิดขึ้นเมื่อรางกายสัมผัสกับสิ่งภายนอก
เชน เมื่อตาเห็นรูป หูไดยินเสียง จมูกไดกลิ่น ลิ้นไดรส กายสัมผัส
- 12. อิทธิบาท 4
อิทธิบาท 4 หมายถึง ฐานหรือหนทางสูความสําเร็จ มี 4 ประการ คือ
1. ฉันทะ
ไดแก ความพอใจที่จะทํา และตองการทําใหไดผลดียิ่งๆขึ้นไป
2. วิริยะ
ไดแก ความเพียร ความขยัน ความเขมแข็ อดทน ความไมทอถอย
3. จิตตะ
ไดแก ความตั้งใจทํา อยางมุงมัน เอาใจใส
่
4. วิมังสา
ไดแก ความไตรตรอง พิจารณา วิเคราะห วางแผน ปรับปรุง
- 13. พรหมวิหาร 4
พรหมวิหาร หมายถึง หลักธรรมอันเปนที่ตั้งของพรหม 4 ประการ คือ
1. เมตตา ไดแก ความปรารถนาอยากใหผูอื่นมีความสุข
2. กรุณา ไดแก ความปรารถนาอยากใหผูอื่นพนทุกข
3. มุทตา ไดแก ความยินดีที่ผูอนมีความสุขในทางที่เปนกุศล
ิ ื่
4. อุเบกขา ไดแก การวางจิตเปนกลาง โดยเฉพาะเมื่อผูอื่นมีทุกข
- 14. มงคล 38 ประการ
เปน พระสูตรทีพระพุทธเจาตรัสสั่งสอน เพื่อใหการดําเนินชีวิตประสบความสุข มีความ
่
เจริญกาวหนา 38 ขอ ดังนี้
1.ไมคบคนพาล 14. ทํางานไมคั่งคาง 26. ฟงธรรมตามกาล
2. คบบัณฑิต 15. ใหทาน 27. มีความอดทน
3. บูชาบุคคลที่ควรบูชา 16. ประพฤติธรรม 28. เปนผูวางายสอนงาย
4. อยูในถิ่นทีเ่ หมาะสม 29.พบและดูแลสมณะ
17. สงเคราะหญาติ
5.มีบุญหรือความดีสะสมไวกอน 30. สนทนาธรรมตามกาล
6. ตั้งตนไวชอบ 18. ทํางานที่ไมมีโทษ 31. มีความเพียรเผากิเลส
7. เปนพหูสูตร 19. เวนจากการทําบาป 32. ประพฤติพรหมจรรย
8. รอบรูในศิลปะ 20. สํารวมจากาการดื่มน้ําเมา 33. เห็นอริยสัจ
9. มีระเบียบวินัย 21. ไมประมาทในธรรมทั้งหลาย 34. ทําพระนิพพานใหแจง
10.มีวาจาสุภาษิต 22. มีความเคารพนอบนอม 35. มีจิตไมหวั่นไหวในโลกธรรม
11. บํารุงมารดาบิดา 23. มีความสุภาพถอมตน 36. มีจิตไมโศกเศรา
12. สงเคราะหบุตร 24. มีความสันโดษ 37. มีจิตปราศจากธุลี
13.สงเคราะหภรรยา 25. มีความกตัญู 38. มีจิตเกษม
- 15. กาลามสูตร
กาลามสูตร เปน พระสูตรที่พระพุทธเจาทรงแสดงแกชาวกาลามะ หมูบานเกสป
ตติยนิคม แควนโกศล เพื่อแนะนํา ไมใหเชื่อสิ่งตางๆ อยางงมงาย โดยไมใชปญญา
พิจารณาหรือลองปฏิบัติดูกอน มีอยู 10 ประการ คือ
1. อยาเพิ่งเชื่อตามที่ฟงตอๆ กันมา
2. อยาเพิ่งเชื่อตามที่ทําตอๆ กันมา
3. อยาเพิ่งเชื่อตามคําเลาลือ
4. อยาเพิ่งเชื่อโดยอางตํารา
5. อยาเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
6. อยาเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
7. อยาเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
8. อยาเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
9. อยาเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณที่ควรเชื่อได
10. อยาเพิ่งเชื่อเพราะผูพูดเปนครูบาอาจารยของตน
- 16. พระพุทธโอวาท กอนปรินิพพาน
“ดูกอนอานนท ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราไดแสดงไว และ บัญญัติไว
ดวยดี นั่นแหละจักเปนพระศาสดาของพวกทานสืบแทนเราตถาคต
เมื่อเราลวงไป แลว"
"ภิกษุทั้งหลาย! บัดนี้เราขอเตือน พวกทานใหรวา สิ่งทั้งหลายที่
ู
เกิดมาในโลก มีความเสื่อมสลายเปนธรรมดา ทานทั้งหลายจงทํา
หนาที่อันเปน ประโยชนแกตนและคนอื่น ใหสําเร็จบริบูรณดวย
ความไมประมาทเถิด"