บาลีเสริม ๑๑
บทที่ ๒ การสัมพันธ์ไทย
สัมพันธ์ แปลว่า ความเกี่ยวเนื่องกัน การสัมพันธ์ก็คือการ
บอกว่าบาลีตัวนี้เนื่องกันกับตัวนั้น และตัวนั้นเนื่องกันกับตัว
โน้นต่อไปเป็นลูกโซ่ ถ้าจบประโยคก็ถือว่าจบไปตอนหนึ่ง
การจะสัมพันธ์ได้เก่ง ต้อง
อาศัยเหตุ ๓ อย่าง คือ

๑. แปลได้ถูกต้อง (เป็นเหตุที่
สำาคัญที่สุด)
๒. จำาชื่อสัมพันธ์และรูปการ
เขียนได้
๓. รู้กฏการเดินสัมพันธ์
ส่ิ ิง ทีค วรรู้ก ่อ น
            ่
         สัม พัน ธ์

๑. ศัพท์ โดยมาก ได้แก่ศัพท์ที่
เป็นนิบาต เวลาเรียกชื่อสัมพันธ์
นิยมเรียกว่า “ศัพท์” เช่น กิร
ศัพท์, จ สองศัพท์ เป็นต้น

๒. บท ได้แก่ นามศัพท์ (รวม
ทั้งนิบาตบางตัว     เช่น    ปน
เป็นต้น) กิริยาอาขยาต และ
กิริยากิตก์ทั้งหมด เวลาเรียกชื่อ
สัมพันธ์ ถ้ามีบเดียวให้เรียกชื่อ
สัมพันธ์ได้ทันที แต่ถ้ามีหลาย
บท      ให้นับจำานวนแล้วต่อท้าย
ด้วยคำาว่า “บท” เช่น ตฺวำ สยกตฺ
ตา ใน กเถสิ สองบทๆ อาขยาต
บท กตฺตุวากจ เป็นต้น
๓. พากยางค์ ได้แก่ บท
หลายบทรวมกัน      พอจับใจ
ความได้ แต่เนื้อความยังไม่
สมบูรณ์ เช่น เสฏฺฐิโน ธนำ
แปลว่า    อ. ทรัพย์   ของ
เศรษฐี เป็นต้น

๔. พากย์        หรือประโยค
ได้แก่ ตั้งแต่เร่ิิมต้นประโยค
จนถึงกิริยาคุมพากย์มีเนื้อ
ความสมบูรณ์คือมีตัวประธาน
และกิริยาคุมพากย์      (ยกเว้น
ประโยคลิงคัตถะ) เช่น
เอโก กสิโก เขตฺตำ คนฺตฺวา
กสิกมฺมำ กโรติ.
คำาเชือมชื่อสัมพันธ์
      ่
การเรียกชื่อสัมพันธ์จากบ
ทน่ิีิ้ไปเข้ากับบทนั้น จาก
ตัวนี้ถึงตัวนั้นช่วงที่ต่อกันของ
บทหรือศัพท์ในประโยคหนึ่งๆ
นิย มใช้ค ำา เชื่อ ม ๓ คำา คือ

๑. ใน            คำาเชื่อมนี้ใช้
มาตรฐานทั่วไปทั้งกับนามและ
กิริยา เช่น เสฏฺฐิโน สามีสมฺ
พนฺธ ใน ธนำ ๆ สยกตฺตา ใน
อตฺถิ ๆ อาขายาตบท กตฺตุ
วาจก เขตฺตำ อวุตฺตกมฺม ใน
คนฺตฺวา ๆ ปุพฺพกาลกิริยา
เป็นต้น

๒. ของ คำาเชื่อมนี้ใช้กับวิเส
สนและอพฺภนฺตรกิริยา      เป็น
พื้น เช่น เอโก วิเสสน ของ ภ
กสิโก กเถนฺโต อพฺภนฺตรกิ
ริยา ของ ภิกฺขุ เป็นต้น
๓.​เข้ากับ    คำาเชื่อมนี้ใช้กับ
นิบาต ที่พบมาก คือ เอว, อิว,
ว, วิย, ปิ, อปิ, นาม, จ และ
วา ศัพท์ เช่น
เอว ศัพท์ อวธารณ เข้ากับ
ปุตฺโต
ปิ ศัพท์ อเปกฺขตฺถ เข้ากับ
ภิกฺขุ
และใช้เชื่อมตติยาวิภัตติ      ที่
เข้ากับ สห หรือ สทฺธึ ศัพท์
เช่น
ปฏิสมฺภิทาหิ สหตฺถตติยา เข้า
กับ สห เป็นต้น
คำาเชือมพิเศษ
      ่
ในกรณีที่ประธานมีตัวเดียว
แต่กิริยาคุมพากย์มีหลายตัว
หรือนามนามมีตัวเดียว แต่วิเส
สนะมีหลายตัว       นิยมใช้คำา
เชื่อมและเครื่องหมายเพิ่มอีก
๓ คำา คือ

๑. และ ใช้กับตัวเดียว คำา
เดียว       ไปเข้ากับหลายตัว
หลายคำา ตรงหลายตัว หลาย
คำานั้น ให้ใช้คำาเชื่อมว่า และ
       หรือตัวเดียวแต่เรียกชื่อ
สัมพันธ์ ๒ ครั้ง ก็ให้ใช้คำาว่า
และ นี้ เป็นคำาเชื่อม เช่น
จิตฺตำ สยกตฺตา ใน นมิ และ
โอนมิ ฯ
ตัว เดีย วสัม พัน ธ์ ๒ ครั้ง เช่น

ตตฺถ วิเสสน ของ ปเทสุ ๆ นิทฺธารณ ใน ปททฺวยสฺส ๆ
นิทฺธารณีย และ สามีสมฺพนฺธ ใน อตฺโถ
๒. ก็ดี ใช้กับคำาหลายคำา
หลายบท แต่เรียกชื่อสัมพันธ์
เดียวกันให้สัมพันธ์รวมกันค
รังเดียวเลย เพื่อไม่ให้วนไป
วนมาแลเพื่อความกระทัดรัด
ชัดเจนให้ใช้คำาว่า ก็ดี เป็น
คำาเชื่อม เช่น

โย โส ภควา ...ธมฺมำ เทเสสิ​ ฯ
โย ก็ดี โส ก็ดี วิเสสน ของ
ภควา ๆ สยกตฺตา ใน เทเสสิ
ๆ อาขยาตบท กตฺตุวาจก
ธมฺมำ อวุตฺตกมฺม ใน เทเสสิ ฯ
๓. ๆ (ไม้ยมก) ใช้กับศัพท์ บท
หรือ ประโยค ที่พูดสองครั้ง เช่น

โย ก็ดี โส ก็ดี วิเสสน ของ
ภควา ๆ สยกตฺตา ใน เทเสสิ ๆ
อาขยาตบท กตฺตุวาจก ฯ
เทคนิค การเขีย นสัม พัน ธ์

๑. เขียนย่อหน้าทุกครั้งเมื่อหมดประโยค (ถึงแม้ปัญหาจะพิมพ์ติดต่อกันไปก็ตาม)
สนามหลวงนิยมใช้เครื่องหมาย ฯ (ไปยาลน้อย) หรือ ภาษาพูดเรียกว่า หัวตะปู
หรือ คั่น เป็นเครื่องหมายจบประโยค
๒. คาถาต้องเขียนคงรูปคาถา
ไว้ คือต้องไว้ขางทั้ง ๒ ข้าง
                 ้
เช่นเดียวกับการเขียนวิชาแปล
อย่าเขียนเต็มหน้ากระดาษ
เหมือนประโยคท้องเรื่องและแก้
อรรถ

๓. พยายามเขียนตัวหนังสือให้
สวย สะอาด อ่านง่าย เพื่อความ
สะดวกแก่ผู้ตรวจ
การเดินสัมพันธ์
๑. อย่าเรียกชื่อสัมพันธ์   ๒. อย่าสัมพันธ์เข้าผิดที่   ๓. อย่าสัมพันธ์ผิดวาจก
ผิด
เคล็ดลับการเดินสัมพันธ์
๑. อาลปนนิบาต (ถ้ามี       แต่ถา
                               ้
ไม่มี ให้เลื่อนไป)

๒. อาลปนนาม (ถ้ามี         แต่ถา
                               ้
ไม่มี ให้เลื่อนไป)

๓. นิบาตต้นข้อความและหรือ
กาลสัตตมี (ถ้ามี แต่ถ้าไม่มี ให้
เลื่อนไป)

๔. ตัววิเสสนะของตัวประธาน
(ถ้ามี แต่ถ้าไม่มี ให้เลื่อนไป)

๕. ตัวประธาน โดยถ้าสัมพันธ์
ตัวประธานเข้าตัวกิริยาคุมพากย์
เมื่อไรให้บอกวาจกของกิริยาคุม
พากย์ทันที     (เพราะกรรมการ
คอยจ้องจับผิดตรงนี้)
๖. สัมพันธ์เรียงไปตามลำาดับ
จากซ้ายไปขวา          (แบบลูก
ระนาด) โดยถ้ามี ปิ, อปิ, ว, เอว
และ นาม ศัพท์ อยู่กับศัพท์
หรือบทไหน ให้สัมพันธ์เข้ากับ
ศัพท์หรือบทนั้นก่อน        เพื่อ
ประหยัดเวลา และการสัมพันธ์
จะได้ไม่วกไปเวียนมา
ตัวอย่างการเดินสัมพันธ์
  ๑    ๓     ๒     ๔      ๕     ๗          ๘       ๙     ๑๐       ๖
อาวุโส จ สมฺมชฺชน อาตาปี ตฺวำ กุฏึ สมฺมชฺชิตฺวา กุฏยา สมาธึ กโรหิ ฯ
                                                   ิ
๑. อาวุโส วิเสสน ของ
๒. สมฺมชฺชน ๆ อาลปน
๓. จ ศัพท์ วากฺยารมฺภ
๔. อาตาปี วิเสสน ของ
๕. ตฺวํ ๆ สยกตฺตา ใน
๖. กโรหิ ๆ อาขฺยาตบท กตฺตุวาจก
๗. กุฏึ อวุตฺตกมฺม ใน
๘. สมฺมชฺชิตฺวา ๆ ปุพฺพกาลกิริยา ใน กโรหิ
๙.​กุฏิยา วิสยาธาร ใน กโรหิ
๑๐. สมาธึ อวุตฺตกมฺม ใน กโรหิ
ตัวอย่างการสัมพันธ์ทั้ง ๕ วาจก


        ๑. ประโยคกัตตุวาจก

อหํปิ เถรสฺส ภาโร โหมิ ฯ
แม้ อ.กระผม เป็นภาระ ของพระเถระ
ย่อมเป็น ฯ

ปิ ศัพท์ อเปกฺขตฺถ เข้ากับ อหํ ๆ สยกตฺตา
 ใน โหมิ ๆ อาขฺยาตบท กตฺตุวาจก เถรสฺส
สามีสมฺพนฺธ ของ ภาโร ๆ วิกติกตฺตา ใน
โหม ิิ​ฯ
๒. ประโยคกัมมวาจก
มยา ปุจฺฉิตุปญฺโหเยว ตยา
วิสชฺชิโต ฯ
อ. ปัญหาอันเราถามแล้วนั่น
เทียว อันเธอ แก้แล้ว ฯ

มยา       อนภิหตกตฺตา ใน
                ิ
ปุจฺฉิต_ เอว ศัพท์ อวธารณ
เข้ากับ ปุจฺฉิตปญฺโห ๆ วุตฺ
ตกมฺม ใน วิสฺสชฺชิโต ๆ กิ
ตบท กมฺมวาจก ตยา อนภิหิต
กตฺตา ใน วิสฺสชฺชิโต ฯ

ปุจฺฉิตปญฺโห วุตฺตกมฺม ใน
วิสฺสชฺชิโต ตยา อนภิหิตกตฺตา
ใน วิสฺสชฺชิโต ๆ กิตบท กมฺม
วาจก มยา อนภิหิตกตฺตา ใน
ปุจฺฉิต_ เอว ศัพท์ อวธารณ
เข้ากับ ปุจฺฉิตปญฺโห ฯ
๓. ประโยคภาววาจก

ตสฺมา อญฺเญนปิ อตฺตทตฺถสทิ
เสน ภวิตพฺพํ ฯ
เพราะเหตุนั้น อันบุคคล แม้
อื่น พึงเป็นผู้เช่นกับด้วยอัตต
ทัตถภิกษุ พึงเป็น ฯ

ตสฺมา เหตุ ใน ภวิตพฺพํ ปิ
ศัพท์ อเปกฺขตฺถ เข้ากับ
อญฺเญน ๆ วิเสสน ของ ปุคฺค
เลน ๆ อนภิหิตกตฺตา ใน ภ
วิตพฺพํ ๆ กิตบท ภาววาจก
อตฺตทตฺถสทิเสน วิกติกตฺตา
ใน ภวิตพฺพํ ฯ
๔.​ ประโยค เหตุกัตตุวาจก

เต ยาวตายุกํ ฐตฺวา ตโต จุตา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เขปยึสุ
ฯ

อ. พี่น้องชาย ท. เหล่านั้น ดํารงอยู่แล้ว สิ้นกาลกําหนดเพียงไรแห่งอายุ
เคลื่อนแล้ว จากอัตตภาพนั้น บังเกิดแล้ว ในเทวโลก ยัพุทธันดรหนึ่ง ให้สิ้น
ไปแล้ว ฯ

เต วิเสสน ของ ภาตโร ๆ เหตุกตฺตา ใน เขปยึสุ ๆ อาขฺยาตบท เหตุกตฺตุ
วาจก ยาวตายุกํ อจฺจนฺตสํโยค ใน ฐตฺวา ๆ ปุพฺพกาลกิริยา ใน จุตา ตโต
วิเสสน ของ อตฺตภาวโต ๆ อปาทาน ใน จุตา ๆ วิเสสน ของ ภาตโร เทวโลเก
อาธาร ใน นิพฺพตฺติตฺวา ๆ ปุพฺพกาลกิริยา ใน เขปยึสุ เอกํ วิเสสน ของ
พุทฺธนฺตรํ ๆ การิตกมฺม ใน เขปยึสุ ฯ
๕. ประโยคเหตุกมมวาจก
              ั

เตนาปิ เม (นิมนฺตนํ) อธิวาเสติ​ ฯ

อ. การนิมนต์      ของเรา อัน
สมณะ แม้นั้น ให้อยูทับแล้ว ฯ
                   ่

เม ภาวาทิสมฺพนฺธ ใน นิมนฺตนํ
ๆ วุตฺตกมฺม ใน อธิวาสิตํ ๆ
กิตบท เหตุกมฺมวาจก อปิ ศัพท์
อเปกฺขตฺถ เข้ากับ เตน ๆ วิเสสน
ของ สมเณน ๆ อนภิหิตกตฺตา
ใน อธิวาสิตํ​ฯ​

บทที่่ ๒ การสัมพันธ์ไทย

  • 1.
    บาลีเสริม ๑๑ บทที่ ๒การสัมพันธ์ไทย
  • 2.
    สัมพันธ์ แปลว่า ความเกี่ยวเนื่องกันการสัมพันธ์ก็คือการ บอกว่าบาลีตัวนี้เนื่องกันกับตัวนั้น และตัวนั้นเนื่องกันกับตัว โน้นต่อไปเป็นลูกโซ่ ถ้าจบประโยคก็ถือว่าจบไปตอนหนึ่ง
  • 3.
    การจะสัมพันธ์ได้เก่ง ต้อง อาศัยเหตุ ๓อย่าง คือ ๑. แปลได้ถูกต้อง (เป็นเหตุที่ สำาคัญที่สุด) ๒. จำาชื่อสัมพันธ์และรูปการ เขียนได้ ๓. รู้กฏการเดินสัมพันธ์
  • 4.
    ส่ิ ิง ทีควรรู้ก ่อ น ่ สัม พัน ธ์ ๑. ศัพท์ โดยมาก ได้แก่ศัพท์ที่ เป็นนิบาต เวลาเรียกชื่อสัมพันธ์ นิยมเรียกว่า “ศัพท์” เช่น กิร ศัพท์, จ สองศัพท์ เป็นต้น ๒. บท ได้แก่ นามศัพท์ (รวม ทั้งนิบาตบางตัว เช่น ปน เป็นต้น) กิริยาอาขยาต และ กิริยากิตก์ทั้งหมด เวลาเรียกชื่อ สัมพันธ์ ถ้ามีบเดียวให้เรียกชื่อ สัมพันธ์ได้ทันที แต่ถ้ามีหลาย บท ให้นับจำานวนแล้วต่อท้าย ด้วยคำาว่า “บท” เช่น ตฺวำ สยกตฺ ตา ใน กเถสิ สองบทๆ อาขยาต บท กตฺตุวากจ เป็นต้น
  • 5.
    ๓. พากยางค์ ได้แก่บท หลายบทรวมกัน พอจับใจ ความได้ แต่เนื้อความยังไม่ สมบูรณ์ เช่น เสฏฺฐิโน ธนำ แปลว่า อ. ทรัพย์ ของ เศรษฐี เป็นต้น ๔. พากย์ หรือประโยค ได้แก่ ตั้งแต่เร่ิิมต้นประโยค จนถึงกิริยาคุมพากย์มีเนื้อ ความสมบูรณ์คือมีตัวประธาน และกิริยาคุมพากย์ (ยกเว้น ประโยคลิงคัตถะ) เช่น เอโก กสิโก เขตฺตำ คนฺตฺวา กสิกมฺมำ กโรติ.
  • 6.
  • 7.
    การเรียกชื่อสัมพันธ์จากบ ทน่ิีิ้ไปเข้ากับบทนั้น จาก ตัวนี้ถึงตัวนั้นช่วงที่ต่อกันของ บทหรือศัพท์ในประโยคหนึ่งๆ นิย มใช้คำา เชื่อ ม ๓ คำา คือ ๑. ใน คำาเชื่อมนี้ใช้ มาตรฐานทั่วไปทั้งกับนามและ กิริยา เช่น เสฏฺฐิโน สามีสมฺ พนฺธ ใน ธนำ ๆ สยกตฺตา ใน อตฺถิ ๆ อาขายาตบท กตฺตุ วาจก เขตฺตำ อวุตฺตกมฺม ใน คนฺตฺวา ๆ ปุพฺพกาลกิริยา เป็นต้น ๒. ของ คำาเชื่อมนี้ใช้กับวิเส สนและอพฺภนฺตรกิริยา เป็น พื้น เช่น เอโก วิเสสน ของ ภ กสิโก กเถนฺโต อพฺภนฺตรกิ ริยา ของ ภิกฺขุ เป็นต้น
  • 8.
    ๓.​เข้ากับ คำาเชื่อมนี้ใช้กับ นิบาต ที่พบมาก คือ เอว, อิว, ว, วิย, ปิ, อปิ, นาม, จ และ วา ศัพท์ เช่น เอว ศัพท์ อวธารณ เข้ากับ ปุตฺโต ปิ ศัพท์ อเปกฺขตฺถ เข้ากับ ภิกฺขุ และใช้เชื่อมตติยาวิภัตติ ที่ เข้ากับ สห หรือ สทฺธึ ศัพท์ เช่น ปฏิสมฺภิทาหิ สหตฺถตติยา เข้า กับ สห เป็นต้น
  • 9.
  • 10.
    ในกรณีที่ประธานมีตัวเดียว แต่กิริยาคุมพากย์มีหลายตัว หรือนามนามมีตัวเดียว แต่วิเส สนะมีหลายตัว นิยมใช้คำา เชื่อมและเครื่องหมายเพิ่มอีก ๓ คำา คือ ๑. และ ใช้กับตัวเดียว คำา เดียว ไปเข้ากับหลายตัว หลายคำา ตรงหลายตัว หลาย คำานั้น ให้ใช้คำาเชื่อมว่า และ หรือตัวเดียวแต่เรียกชื่อ สัมพันธ์ ๒ ครั้ง ก็ให้ใช้คำาว่า และ นี้ เป็นคำาเชื่อม เช่น จิตฺตำ สยกตฺตา ใน นมิ และ โอนมิ ฯ
  • 11.
    ตัว เดีย วสัมพัน ธ์ ๒ ครั้ง เช่น ตตฺถ วิเสสน ของ ปเทสุ ๆ นิทฺธารณ ใน ปททฺวยสฺส ๆ นิทฺธารณีย และ สามีสมฺพนฺธ ใน อตฺโถ
  • 12.
    ๒. ก็ดี ใช้กับคำาหลายคำา หลายบทแต่เรียกชื่อสัมพันธ์ เดียวกันให้สัมพันธ์รวมกันค รังเดียวเลย เพื่อไม่ให้วนไป วนมาแลเพื่อความกระทัดรัด ชัดเจนให้ใช้คำาว่า ก็ดี เป็น คำาเชื่อม เช่น โย โส ภควา ...ธมฺมำ เทเสสิ​ ฯ โย ก็ดี โส ก็ดี วิเสสน ของ ภควา ๆ สยกตฺตา ใน เทเสสิ ๆ อาขยาตบท กตฺตุวาจก ธมฺมำ อวุตฺตกมฺม ใน เทเสสิ ฯ
  • 13.
    ๓. ๆ (ไม้ยมก)ใช้กับศัพท์ บท หรือ ประโยค ที่พูดสองครั้ง เช่น โย ก็ดี โส ก็ดี วิเสสน ของ ภควา ๆ สยกตฺตา ใน เทเสสิ ๆ อาขยาตบท กตฺตุวาจก ฯ
  • 14.
    เทคนิค การเขีย นสัมพัน ธ์ ๑. เขียนย่อหน้าทุกครั้งเมื่อหมดประโยค (ถึงแม้ปัญหาจะพิมพ์ติดต่อกันไปก็ตาม) สนามหลวงนิยมใช้เครื่องหมาย ฯ (ไปยาลน้อย) หรือ ภาษาพูดเรียกว่า หัวตะปู หรือ คั่น เป็นเครื่องหมายจบประโยค
  • 15.
    ๒. คาถาต้องเขียนคงรูปคาถา ไว้ คือต้องไว้ขางทั้ง๒ ข้าง ้ เช่นเดียวกับการเขียนวิชาแปล อย่าเขียนเต็มหน้ากระดาษ เหมือนประโยคท้องเรื่องและแก้ อรรถ ๓. พยายามเขียนตัวหนังสือให้ สวย สะอาด อ่านง่าย เพื่อความ สะดวกแก่ผู้ตรวจ
  • 16.
  • 17.
    ๑. อย่าเรียกชื่อสัมพันธ์ ๒. อย่าสัมพันธ์เข้าผิดที่ ๓. อย่าสัมพันธ์ผิดวาจก ผิด
  • 18.
  • 19.
    ๑. อาลปนนิบาต (ถ้ามี แต่ถา ้ ไม่มี ให้เลื่อนไป) ๒. อาลปนนาม (ถ้ามี แต่ถา ้ ไม่มี ให้เลื่อนไป) ๓. นิบาตต้นข้อความและหรือ กาลสัตตมี (ถ้ามี แต่ถ้าไม่มี ให้ เลื่อนไป) ๔. ตัววิเสสนะของตัวประธาน (ถ้ามี แต่ถ้าไม่มี ให้เลื่อนไป) ๕. ตัวประธาน โดยถ้าสัมพันธ์ ตัวประธานเข้าตัวกิริยาคุมพากย์ เมื่อไรให้บอกวาจกของกิริยาคุม พากย์ทันที (เพราะกรรมการ คอยจ้องจับผิดตรงนี้)
  • 20.
    ๖. สัมพันธ์เรียงไปตามลำาดับ จากซ้ายไปขวา (แบบลูก ระนาด) โดยถ้ามี ปิ, อปิ, ว, เอว และ นาม ศัพท์ อยู่กับศัพท์ หรือบทไหน ให้สัมพันธ์เข้ากับ ศัพท์หรือบทนั้นก่อน เพื่อ ประหยัดเวลา และการสัมพันธ์ จะได้ไม่วกไปเวียนมา
  • 21.
    ตัวอย่างการเดินสัมพันธ์ ๑ ๓ ๒ ๔ ๕ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๖ อาวุโส จ สมฺมชฺชน อาตาปี ตฺวำ กุฏึ สมฺมชฺชิตฺวา กุฏยา สมาธึ กโรหิ ฯ ิ
  • 22.
    ๑. อาวุโส วิเสสนของ ๒. สมฺมชฺชน ๆ อาลปน ๓. จ ศัพท์ วากฺยารมฺภ ๔. อาตาปี วิเสสน ของ ๕. ตฺวํ ๆ สยกตฺตา ใน ๖. กโรหิ ๆ อาขฺยาตบท กตฺตุวาจก ๗. กุฏึ อวุตฺตกมฺม ใน ๘. สมฺมชฺชิตฺวา ๆ ปุพฺพกาลกิริยา ใน กโรหิ ๙.​กุฏิยา วิสยาธาร ใน กโรหิ ๑๐. สมาธึ อวุตฺตกมฺม ใน กโรหิ
  • 23.
    ตัวอย่างการสัมพันธ์ทั้ง ๕ วาจก ๑. ประโยคกัตตุวาจก อหํปิ เถรสฺส ภาโร โหมิ ฯ แม้ อ.กระผม เป็นภาระ ของพระเถระ ย่อมเป็น ฯ ปิ ศัพท์ อเปกฺขตฺถ เข้ากับ อหํ ๆ สยกตฺตา ใน โหมิ ๆ อาขฺยาตบท กตฺตุวาจก เถรสฺส สามีสมฺพนฺธ ของ ภาโร ๆ วิกติกตฺตา ใน โหม ิิ​ฯ
  • 24.
    ๒. ประโยคกัมมวาจก มยา ปุจฺฉิตุปญฺโหเยวตยา วิสชฺชิโต ฯ อ. ปัญหาอันเราถามแล้วนั่น เทียว อันเธอ แก้แล้ว ฯ มยา อนภิหตกตฺตา ใน ิ ปุจฺฉิต_ เอว ศัพท์ อวธารณ เข้ากับ ปุจฺฉิตปญฺโห ๆ วุตฺ ตกมฺม ใน วิสฺสชฺชิโต ๆ กิ ตบท กมฺมวาจก ตยา อนภิหิต กตฺตา ใน วิสฺสชฺชิโต ฯ ปุจฺฉิตปญฺโห วุตฺตกมฺม ใน วิสฺสชฺชิโต ตยา อนภิหิตกตฺตา ใน วิสฺสชฺชิโต ๆ กิตบท กมฺม วาจก มยา อนภิหิตกตฺตา ใน ปุจฺฉิต_ เอว ศัพท์ อวธารณ เข้ากับ ปุจฺฉิตปญฺโห ฯ
  • 25.
    ๓. ประโยคภาววาจก ตสฺมา อญฺเญนปิอตฺตทตฺถสทิ เสน ภวิตพฺพํ ฯ เพราะเหตุนั้น อันบุคคล แม้ อื่น พึงเป็นผู้เช่นกับด้วยอัตต ทัตถภิกษุ พึงเป็น ฯ ตสฺมา เหตุ ใน ภวิตพฺพํ ปิ ศัพท์ อเปกฺขตฺถ เข้ากับ อญฺเญน ๆ วิเสสน ของ ปุคฺค เลน ๆ อนภิหิตกตฺตา ใน ภ วิตพฺพํ ๆ กิตบท ภาววาจก อตฺตทตฺถสทิเสน วิกติกตฺตา ใน ภวิตพฺพํ ฯ
  • 26.
    ๔.​ ประโยค เหตุกัตตุวาจก เตยาวตายุกํ ฐตฺวา ตโต จุตา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เขปยึสุ ฯ อ. พี่น้องชาย ท. เหล่านั้น ดํารงอยู่แล้ว สิ้นกาลกําหนดเพียงไรแห่งอายุ เคลื่อนแล้ว จากอัตตภาพนั้น บังเกิดแล้ว ในเทวโลก ยัพุทธันดรหนึ่ง ให้สิ้น ไปแล้ว ฯ เต วิเสสน ของ ภาตโร ๆ เหตุกตฺตา ใน เขปยึสุ ๆ อาขฺยาตบท เหตุกตฺตุ วาจก ยาวตายุกํ อจฺจนฺตสํโยค ใน ฐตฺวา ๆ ปุพฺพกาลกิริยา ใน จุตา ตโต วิเสสน ของ อตฺตภาวโต ๆ อปาทาน ใน จุตา ๆ วิเสสน ของ ภาตโร เทวโลเก อาธาร ใน นิพฺพตฺติตฺวา ๆ ปุพฺพกาลกิริยา ใน เขปยึสุ เอกํ วิเสสน ของ พุทฺธนฺตรํ ๆ การิตกมฺม ใน เขปยึสุ ฯ
  • 27.
    ๕. ประโยคเหตุกมมวาจก ั เตนาปิ เม (นิมนฺตนํ) อธิวาเสติ​ ฯ อ. การนิมนต์ ของเรา อัน สมณะ แม้นั้น ให้อยูทับแล้ว ฯ ่ เม ภาวาทิสมฺพนฺธ ใน นิมนฺตนํ ๆ วุตฺตกมฺม ใน อธิวาสิตํ ๆ กิตบท เหตุกมฺมวาจก อปิ ศัพท์ อเปกฺขตฺถ เข้ากับ เตน ๆ วิเสสน ของ สมเณน ๆ อนภิหิตกตฺตา ใน อธิวาสิตํ​ฯ​