การประยุกตของสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว
1. ทบทวนการแกสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว

        ความหมายของสมการ

        สมการ เปนประโยคที่แสดงการเทากันของจํานวน โดยมีสัญลักษณ = บอกการเทากัน

       สมการอาจมีตัวแปรหรือไมมีตัวแปรก็ได เชน 4x – 2 = 15 เปนสมการที่มี x เปนตัวแปร
และ 12 – 25 = – 13   เปนสมการที่ไมมีตัวแปร




                                     det ทย
          สมการซึ่งมี x เปนตัวแปรและมีรูปทั่วไปเปน ax + b = 0 เมื่อ a, b เปนคาคงตัว และ a ≠ 0
เรียกวา “สมการเชิงเสนตัวแปรเดียว”
                                  ica ้อยไ
                                        .org
        ตอไปนี้เปนตัวอยางของสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว
                              .tha ายร
                                   1
        1.) 4x = 0              2.) x – 4 = 0           3.) –1.5y + 1.5 = 0         4.) 2 – 3x = 0
                                    3
                           www ซต์น


        * สมการเชิงเสนตัวแปรเดียวบอกอะไรแกเรา ?
ตอบ     จริง ๆ แลว เราใชอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพเล็ก เชน a, b, c, ..., x, y, z แทนตัวแปร แตที่เราพบเห็นอยูเสมอ ๆ คือ
                    ไ



        ตัวแปร x และ y เพราะสามารถเขียนกราฟของสมการในระบบพิกดฉาก XY ได   ั
               เว็บ




ตัวอยางเชน    1. 4x = 0
                   นํา 4 มาหารทั้งสองขางของสมการ             พิจารณาสมการ x = 0 จะเห็นวาไมวาคา y จะเปนเทาใด
                    4x 0                                      จะไดคา x = 0 เสมอ
                       =
                    4 4                                       เชน ..., (0, -2), (0, -1), (0, 0), (0, 1), (0, 2), ...
                   x =0                                       เขียนกราฟเสนตรงในระบบพิกัดฉาก XY ไดดังนี้
                                                                                Y

                                                                                    X=0
                                                                                    3
                                                                                    2
                                                                                    1
                                                                                                     X
                                                                                    -1
                                                                                    -2
                                                                                    -3



                                                              จะเห็นวา สมการ x = 0 ก็คือแกน Y นั่นเอง
                                                              เพราะทุกพิกัดบนแกน Y มีคา x = 0
1
               2.      x–4=0
                    3
                    นํา 4 มาบวกทั้งสองขางของสมการ          พิจารณาสมการ x = 12 จะเห็นวาไมวาคา y จะเปนเทาใด
                    1                                       จะไดคา x = 12 เสมอ
                       x–4+4 = 0+4
                    3                                       เชน ..., (12, -2), (12, -1), (12, 0), (12, 1), (12, 2), ...
                    1
                       x       =0                           เขียนกราฟเสนตรงในระบบพิกัดฉาก XY ไดดังนี้
                    3                                                  Y
                    นํา 3 มาคูณทังสองขางของสมการ
                                 ้
                                                                                                   x = 12
                    1
                       x (3) = 4 (3)                                                                  X
                    3                                            -2 -1 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12
                    x          = 12

                                                            จะเห็นวา สมการ x = 12 ขนานแกน Y




                                   det ทย
               3. –1.5y + 1.5 = 0
                                ica ้อยไ
                  นํา 1.5 มาลบทั้งสองขางของสมการ



                                      .org
                  –1.5y + 1.5 – 1.5 = 0 – 1.5                   พิจารณาสมการ y = 1 จะเห็นวาไมวาคา x จะเปนเทาใด
                            .tha ายร
                  –1.5y                = –1.5                   จะไดคา y = 1 เสมอ
                  นํา –1.5 มาหารทั้งสองขางของสมการ             เชน ..., (-2, 1), (-1, 1), (0, 1), (1, 1), (2, 1), ...
                                                                เขียนกราฟเสนตรงในระบบพิกัดฉาก XY ไดดังนี้
                         www ซต์น

                  ( −1.5) y       ( −1.5)
                               =
                    ( −1.5)       ( −1.5)
                       y       =1                                                    4
                  ไ


                                                                                     3
             เว็บ



                                                                                     2
                                                                                     1     y=1

                                                                                     -1
                                                                                     -2
                                                                                     -3



                                                                จะเห็นวา สมการ y = 12 ขนานแกน X

       จากทั้งสามตัวอยางขางตน แสดงใหเห็นวา
                                                                −1
• สมการ x = จํานวนจริงใด ๆ             เชน x = 2, x = 5, x =              เปนกราฟเสนตรงที่ขนานแกน Y
                                                                4
   และสมการ x = 0 คือแกน Y นั่นเอง
                                                                −1
• สมการ y = จํานวนจริงใด ๆ             เชน y = 2, y = 5, y =              เปนกราฟเสนตรงที่ขนานแกน X
                                                                4
   และสมการ y = 0 คือแกน X นั่นเอง

       “มองภาพไดงายขึ้นแลวใชไหมครับ การที่เราสามารถมองภาพรวมของสมการ และรูวิธีแกสมการที่ถูกวิธี ทําใหเราหา
                     
คําตอบไดอยางรวดเร็ว และประหยัดเวลาในการคิดไดมากทีเดียว” ☺
คําตอบของสมการ คือ จํานวนที่แทนตัวแปรในสมการแลว ทําใหสมการเปนจริง
ซึ่งการแกสมการ คือ การหาคําตอบของสมการนั่นเอง

         สามารถใชสมบัติของการเทากัน ไดแก สมบัติสมมาตร สมบัติถายทอด สมบัติการบวก และสมบัติการคูณ
เพื่อหาคําตอบของสมการได

        สมบัติของการเทากัน มีดังนี้

1. สมบัติสมมาตร                  ถา a = b       แลว b = a
                         เชน    68 = 4x
                         ∴       4x = 68

2. สมบัติถายทอด                 ถา a = b     และ b = c แลว a = c



                                      det ทย
                         เชน    ถา x = 6 – 4 และ 6 – 4 = 2 แลว x = 2
                                           4        4
                                   ica ้อยไ
                                 ถา y = x และ x = 7 แลว y = 7
                                           5        5


                                         .org
                               .tha ายร
3. สมบัติการบวก                  ถา a = b     แลว a + c = b + c
                         เชน    ถา a = 5     แลว a + 7 = 5 + 7
                            www ซต์น


                                 ถา 2 – b = 4 แลว 2 – b – 2 = 4 – 2

4. สมบัติการคูณ                  ถา a = b       แลว ac = bc
                   ไ
              เว็บ



                         เชน    ถา 3 + n = 4m แลว 4 (3 + n) = 4(4m)
                                 ถา 8n – 2 = 12 แลว 2 (4n – 1) = 2 (6)          การแยกตัวประกอบ
                                                                                  ซึ่งเปนบทกลับของสมบัติการคูณ

         แตที่กลาวมาขางตนนั้นมันแคหลักการครับ เวลาแกสมการจริง ๆ แลว วิธีคิด “ใหไว” และ “ไดผล” ดังตอไปนี้ครับ
1. จัดรูปสมการไมใหติดเศษสวนหรือทศนิยม
2. จัดรูปสมการในขอ 1. ใหเปนรูปอยางงาย
4. ยายขางตัวเลขอยูสวนตัวเลข ตัวแปรอยูสวนตัวแปร โดยอาศัยหลักการเครื่องหมายตรงขาม ดังนี้
                                            
         ยายขาง + ใหเปน –
         ยายขาง – ใหเปน +        จํางายไหมครับ เครื่องหมายตรงขามนั่นเอง
         ยายขาง × ใหเปน ÷        ลองดูตัวอยางตอไปนี้ครับ
         ยายขาง ÷ ใหเปน ×
1    2 1
ตัวอยางที่ 1   จงแกสมการ − y + =
                                 2    3 2
วิธีทํา         วิธีตามหนังสือ                        วิธีของเรา
                    1     2        1                      1      2      1
                − y+             =                    − y+           =
                    2     3        2                      2      3      2
                      2                                       2
                นํา มาลบทั้งสองขางของสมการ           ยาย + จากบวกเปนลบ (ยายตัวเลขใหอยูฝงเดียวกัน)
                                                                                           
                      3                                       3
                          1      2 2 1 2                           1    1 2           1
                จะได − y + – = –                               − y = –           = −
                          2      3 3 2 3                           2    2 3           6
                                   1        1         ยาย – 2 จากหารเปนคูณ
                                 − y = −
                                   2        6                             1         1
                นํา –2 มาคูณทั้งสองขางของสมการ                y     = − (– 2) =
                                                                          6         3
                            1                1
                จะได ⎛ − y ⎞ (– 2) = − (– 2)
                        ⎜      ⎟



                                    det ทย
                        ⎝ 2 ⎠                6         ขอนี้มันสั้นครับ ดูขอตอไปจะเห็นความแตกตางอยางชัดเจน
                                          1
                                 y     =
                                 ica ้อยไ 3



                                       .org
                             .tha ายร
                               1
ตัวอยางที่ 2   จงแกสมการ        (p – 5) = 2p – 1
                               3
                          www ซต์น


วิธีทํา         วิธีตามหนังสือ                        วิธีของเรา
                1                                     1
                    (p – 5)       = 2p – 1                (p – 5)        = 2p – 1
                3                                     3
                     ไ



                นํา 3 มาคูณทังสองขางของสมการ
                                ้                               p–5      = 3 (2p – 1) = 6p – 3 (ยาย 3 จากหารเปนคูณ)
                เว็บ



                         1                                      –5 + 3   = 6p – p (ยายเลขมาฝงเลข ตัวแปรมาฝงตัวแปร)
                จะได (p – 5) (3) = 3 (2p – 1)
                         3                                      –2       = 5p
                                  p – 5 = 6p – 3                5p       = –2        (สมบัติสมมาตร)
                นํา –6 มาบวกทั้งสองขางของสมการ                             −2
                จะได –6p + p – 5 = 6p – 3 – 6p                p         =           (ยาย 5 จากคูณเปนหาร)
                                                                             5
                          –5p – 3          = –3
                                                                   6 บรรทัด สั้นและเร็วกวาไหมครับ?
                นํา 5 มาบวกทั้งสองขางของสมการ
                จะได –5p – 5 + 5          = –3 + 5
                                  –5p = 2
                นํา –5 มาหารทั้งสองขางของสมการ
                         − 5p          2
                จะได             =
                          −5          −5
                                      −2
                          p       =
                                       5
                    13 บรรทัด ซึ่งยาวนะครับ.
8   6
ตัวอยางที่ 3   จงแกสมการ x = x + 22
                           3   5
                                                             8
วิธีทํา         จากโจทยจะเห็นวา เรายาย 5 จากหารไปคูณกับ x ไมได เพราะ 5 ไมใชตัวหารของเลขทั้งหมด
                                                             3
                ตองยายชุดตัวแปรมาฝงเดียวกัน
                          8 6
                จะได x – x              =      22
                          3 5
                              8 6
                         x⎛ − ⎞ =
                            ⎜       ⎟           22                  (ดึง x ที่เปนตัวประกอบรวมออกมา)
                            ⎝3 5⎠
                              40 − 18 ⎞
                         x⎛ ⎜         ⎟ =       22                  (หา ค.ร.น. ของ 3 และ 5 เพื่อลบเศษสวน)
                            ⎝ 15 ⎠
                                                     15
                                  x      =      22 ×                (ยายขางหารเปนคูณ; คูณเปนหาร)
                                                     22




                                    det ทย
                                  x      =      15
                ขอนี้เราทํา 5 บรรทัดครับ แตหนังสือทํา 11 บรรทัด
                                 ica ้อยไ                                                                  ตอบ




                                       .org
                             .tha ายร
ตัวอยางที่ 4   จงแกสมการ 3 (y – 6) – 2 (5 + 3y) = 5
วิธีทํา         คูณตัวประกอบรวมเขาไปใหไดเอกนามแตละตัว แลวจับตัวเลขคูตัวเลข ตัวแปรคูตวแปร
                                                                                            ั
                          www ซต์น

                3y – 18 – 10 – 6y – 5 = 0                             (ยาย 5 มาดวย เปน –5)
                        –3y – 33        =0                            บางคนเกงแลวทําอยางนีไดเลย ยาย –3y เปน 3y
                                                                                              ้
                จะได            0      = –3y – 33                             –33 = 3y
                     ไ



                                                                                − 33
                เว็บ



                                 3y     = –33                                          =y
                                                                                 3
                                           − 33
                                 y      =             = –11                    y       = –11                  ตอบ
                                             3


                             x 2(x − 1) 4 − 5x
ตัวอยางที่ 5   จงแกสมการ      −         =
                             9       3         6
วิธีทํา         แกปญหาเศษสวนกอนเลยครับ หา ค.ร.น. ของ 9, 3 และ 6 ได 18
                นํา 18 มาคูณทั้งสองขางของสมการ
                     x (18)2(x − 1)               (4 − 5x)
                (18) –                 =     (18)
                     9         3                      6
                       2x – 12x + 12 =       12 – 15x
                       2x – 12x + 15x =      12 – 12          ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร
                                5x     =     0
                                x      =     0                                                               ตอบ
a+7                 a −5
ตัวอยางที่ 6   จงแกสมการ           − (2 − a ) =
                                 3                   6
วิธีทํา         กําจัดตัวสวนโดยการคูณดวย ค.ร.น. ของ 3 และ 6 ทั้งสองขางของสมการ
                      a+7⎞                            a −5 ⎞
                (6) ⎛
                    ⎜       ⎟ – 6 (2 – a) =       6⎛⎜       ⎟
                    ⎝ 3 ⎠                           ⎝ 6 ⎠
                2a + 14 – 12 + 6a         =       a–5
                         2a + 6a – a      =       –5 – 14 + 12          ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร
                                 7a       =       –7
                                                   −7
                                 a        =                    = –1                                              ตอบ
                                                    7

                               2x x + 6 3
ตัวอยางที่ 7   จงแกสมการ        +      = (x + 15)
                               15 12 10



                                    det ทย
วิธีทํา         กําจัดตัวสวนโดยการคูณดวย ค.ร.น. ของ 15, 12 และ 10 นั่นคือ 60 ทั้งสองขางของสมการ
                      2x       (x + 6)
                                 ica ้อยไ            3
                (60) + 60              =       (60) (x + 15)
                      15         12                 10


                                       .org
                         8x + 5x + 30 =        18x + 270
                             .tha ายร
                         8x + 5x – 18x =       270 – 30
                                   –5x =       240
                          www ซต์น

                                                240
                                     x =                       = –48                                             ตอบ
                                                −5
                     ไ



ตัวอยางที่ 8   จงแกสมการ 4.5 (2 – 3x) + 0.8x = 2.3 (x + 30)
                เว็บ



วิธีทํา         คูณตัวประกอบเขาไป เพื่อใหไดเอกนามแตละตัว
                (4.5) (2) – (4.5) (3x) + 0.8x   =       2.3x + (2.3) (30)
                         9 – 13.5x + 0.8x       =      2.3x + 69
                         –13.5x + 0.8x – 2.3x =         69 – 9            ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร
                                           –15x =       60
                                                          60
                                           x    =                = –4                                              ตอบ
                                                         − 15

ตัวอยางที่ 9   จงแกสมการ 0.12y – 1.6 (y – 2) = 6.8 – 1.28y
วิธีทํา         คูณตัวประกอบเขาไป เพื่อใหไดเอกนามแตละตัว
                0.12y – 1.6y + 3.2      =       6.8 – 1.28y
                0.12y – 1.6y + 1.28y =          6.8 – 3.2               ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร
                                 –0.2y =        3.6
                                                  3.6
                                 y      =                = –18                                                   ตอบ
                                                 − 0.2
2x − 5 5 + 3x 2x − 1 5x − 2
ตัวอยางที่ 10 จงแกสมการ            −         =        −
                                  2       4         2        8
วิธีทํา          กําจัดตัวสวนโดยการคูณดวย ค.ร.น. ของ 2, 4 และ 8 นั่นคือ 8 ทั้งสองขางของสมการ
                 8(2x − 5) 8(5 + 3x)             8(2x − 1) 8(5x − 2)
                             −          =                  −
                       2           4                 2           8
                 8x – 20 – 10 – 6x      =       8x – 4 – 5x + 2
                 8x – 6x – 8x + 5x      =       –4 + 2 + 20 + 10          ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร
                                  –x    =       28
                                                 28
                                  x     =                        = –28                                            ตอบ
                                                 −1


2. การนําไปใช



                                     det ทย
          ขั้นตอนการแกสมการจากประโยคสัญลักษณเปนดังนี้
                                  ica ้อยไ                                                                          ไมจริง




                                        .org
                                                                    วิเคราะหเงื่อนไขในโจทย
เริ่มตน → อานและวิเคราะหโจทย → กําหนดตัวแปร →                                            → แกสมการ
                                                                         และเขียนสมการ
                              .tha ายร
                           www ซต์น


                                                                                                 ตรวจคําตอบของสมการ
                                                                 จบ ← แสดงคําตอบ ←
                                                                                                   ตามเงื่อนไขโจทย
                    ไ
               เว็บ



          2.1 ปญหาเกี่ยวกับจํานวน

ตัวอยางที่ 11 ผลบวกของจํานวนสองจํานวน คือ 14 ถาจํานวนหนึ่งนอยกวาอีกจํานวนหนึ่งอยู 40 จงหาจํานวนสองจํานวนนั้น
วิธีทํา        ให x แทนจํานวนเต็มจํานวนหนึ่ง
               อีกจํานวนหนึงนอยกวาจํานวนแรกอยู 40 แทนดวย x – 40
                            ่
               เนื่องจากผลบวกของทั้งสองจํานวน คือ 14
               จะไดสมการเปน          x + (x – 40) =         14
                                       x + x – 40     =       14
                                                2x    =       14 + 40          = 54
                                                               54
                                                x     =                        = 27
                                                                2
               ดังนั้น จํานวนเต็มตัวแรก คือ 27 และจํานวนเต็มตัวที่สอง คือ 27 – 40 = –13
               ตรวจคําตอบ โจทยกําหนดใหผลบวกของจํานวนสองจํานวน คือ 14
                              แทนคา 27 + (–13)       =       27 – 13          = 14         จริง
                              ดังนั้น จํานวนเต็มทั้งสองจํานวน คือ 27 และ –13                              ตอบ
ตัวอยางที่ 12 ผลบวกของจํานวนคูสี่จํานวนเรียงติดกันเทากับ 212 จงหาจํานวนทั้งสี่
วิธีทํา        พิจารณาจํานวนคูเรียงติดกัน     เชน            2, 4, 6, ...
               เราจะเขียนแทนจํานวนเหลานี้ไดวา               2, 2+2, 2+4, ...
               นั่นคือ ถาสมมติใหจํานวนแรกเปน x จะได        x, x+2, x+4, ...
               ดังนั้น แปลงโจทยเปนประโยคสัญลักษณได x + (x + 2) + (x + 4) + (x + 6)         = 212
                                                               x+x+2+x+4+x+6                   = 212
                                                                                4x + 12        = 212
                                                                                        4x     = 212 – 12     = 200
                                                                                                  200
                                                                                       x       =              = 50
                                                                                                   4
               ดังนั้น จํานวนคูที่เรียงติดกัน   x, x + 2, x + 4 และ x + 6
                                          คือ    50, 52, 54 และ 56                                            ตอบ




                                    det ทย
                                 ica ้อยไ
                                       .org
                                                                     อยางที่พี่เคยบอกวา
                             .tha ายร
                                                                     การจะประสบความสําเร็จในการสอบได
                                                                     ตองตะลุยทําโจทยใหมาก ๆ
                          www ซต์น

                                                                     งั้น...เรามาตะลุยทําโจทยกนดีกวาครับ.
                                                                                               ั
                   ไ
              เว็บ




1. จงหาจํานวนเต็มสามจํานวนเรียงติดกัน ซึ่งมีผลบวกเปน –255
วิธีทํา สมมติใหจํานวนเต็มตัวแรก คือ x
        ดังนั้น จํานวนเต็มสามจํานวนเรียงติดกัน คือ   x, x + 1, x + 2
        เขียนประโยคสัญลักษณ x + (x + 1) + (x + 2) =         –255
                               x+x+1+x+2             =       –255
                                       3x + 3        =       –255
                                       3x            =       –255 – 3 = –258
                                                              − 258
                                       x             =                = –86
                                                                3
        ดังนั้น จํานวนเต็มสามจํานวน x, x + 1, x + 2
                               คือ –86, –86 + 1, –86 + 2 หรือ –86, –85, –84                                   ตอบ
2. จงหาจํานวนคี่สามจํานวนที่เรียงติดกัน ซึ่งมีผลบวกเปน –87
วิธีทํา สมมติใหจํานวนคี่ตวแรก คือ x
                           ั
        ดังนั้น จํานวนคี่สามจํานวนเรียงติดกัน คือ x, x + 2, x + 4
        จากโจทยเขียนประโยคสัญลักษณ x + (x + 2) + (x + 4) =                    –87
                                        x+x+2+x+4                =              –87
                                                 3x + 6          =              –87
                                                 3x              =              –87 – 6          = –93
                                                                                 − 93
                                                     x                 =                         = –31
                                                                                  3
        ดังนั้น จํานวนเต็มสามจํานวน x, x + 2, x + 4
                               คือ –31, –31 + 2, –31 + 4 หรือ                   –31, –29, –27                               ตอบ




                                       det ทย
        จะเห็นวา แนวคิดของขอ 1 และ ขอ 2 นั้นเหมือนกัน ถาจํานวนเต็มเรียงติดกัน คือ x, x + 1, x + 2. ...
ถาจํานวนเต็มคู หรือจํานวนเต็มคี่เรียงติดกัน คือ x, x+2, x+4, ... เพราะจํานวนคูหรือจํานวนคี่ที่เรียงติดกัน จะมีคาหางกัน 2 หนวย
                                    ica ้อยไ
                                          .org
                                .tha ายร
3. ผลบวกของจํานวนเต็มสองจํานวนเปน –61 ถาจํานวนหนึ่งนอยกวาสามเทาของอีกจํานวนหนึงอยู 17 จงหาจํานวนสองจํานวนนัน
                                                                                      ่                             ้
วิธีทํา กําหนดใหจํานวนเต็มตัวแรก คือ x,        ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่ง คือ –61 – x
                             www ซต์น

        เพราะ จํานวนสองจํานวนบวกกัน             =         –61
        หมายถึง x + (–61 – x) = x – 61 – x =              –61 จริง
        กําหนดใหจํานวนที่มากกวา คือ x และจํานวนทีนอยกวา คือ –61 – x
                                                       ่
                    ไ
               เว็บ



        ดังนั้น เขียน “จํานวนหนึ่งนอยกวาสามเทาของอีกจํานวนหนึ่งอยู 17” เปนประโยคสัญลักษณได 3x – (–61–x) = 17
        จาก 3x – (–61 – x) =           17
                3x + 61 + x =          17
                         4x    =       17 – 61            = –44
                         x     =       –11
        ถาจํานวนแรกคือ –11 อีกจํานวนหนึง คือ –61 – x
                                            ่                    หรือ –61 – (–11) = –61 + 11 = –50             ตอบ

ขอสังเกต        ถาเรากําหนดให –61 – x เปนจํานวนทีมากกวา
                                                     ่         และ x เปนจํานวนทีนอยกวา
                                                                                 ่
                 ลองคํานวณแบบนี้ดูนะครับ ; 3 (–61 – x) – x     =       17
                                                 –183 – 3x – x =       17
                                                         –4x   =       17 + 183       = 200
                                                                        200
                                                       x       =                      = –50
                                                                        −4
                 เมื่อ x = –50 ดังนั้น –61 – x คือ –61 – (–50) =       –61 + 50       = –11 เชนกัน
Hint : คําถามลักษณะใครมากกวาใคร ใครนอยกวาใคร มากหรือมากนอยกวาอยูเทาไร ... นากลัวมาก!!!
       เพราะนอง ๆ ตีความกันไมเปน
       คนทั่วไปตีความอยางนี้ → พี่มีเงินมากกวาฉันอยู 3 บาท ตีความเปน พี่ > ฉัน = 3 บาท
                                    ซึ่งประโยคสัญลักษณ พี่ > ฉัน = 3 บาท นั้น มันใชแกปญหาไมไดครับ
                                    เพราะมีทั้งเครืองหมาย > และ = อยูในประโยคเดียวกัน
                                                    ่
       คนคิดเกงตีความอยางนี้ → พี่มีเงินมากกวาฉันอยู 3 บาท แปลวา เงินพี่ลบเงินฉันเทากับ 3 บาท
                                    เขียนเปนประโยคสัญลักษณได พี่ – ฉัน = 3 บาท
                                    อยางนี้จึงจะเรียกไดวา “คิดได” และ “คิดเปน” ครับ



4. จํานวนคูสองจํานวนเรียงติดกัน เมื่อนํา 6 มาลบออกจากจํานวนที่มากกวา แลวคูณดวย 3 จะไดผลลัพธเทากับเมื่อนํา 4 มาบวก
     กับจํานวนที่นอยกวา แลวคูณดวย 7 จงหาจํานวนคูสองจํานวนนั้น
                  



                                    det ทย
วิธีทํา จํานวนคูสองจํานวนเรียงติดกัน ใหจํานวนแรก คือ x ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่งคือ x + 2
         ใหจํานวนที่มากกวา คือ x + 2 จํานวนที่นอยกวา คือ x
                                 ica ้อยไ
         จากประโยคภาษาขางตน เขียนเปนประโยคสัญลักษณไดดังนี้


                                       .org
                 [(x + 2) – 6] × 3 = [4 + x] × 7
                             .tha ายร
         แกสมการคา x ไดดังนี้
         จาก [(x + 2) – 6] × 3             =        [4 + x] × 7
                          www ซต์น


                          (x – 4) (3)      =        (x + 4) 7 ;      [4 + x = x + 4]
                          3x – 12          =        7x + 28
                          –12 – 28         =        7x – 3x
                   ไ
              เว็บ



                                   4x      =        –40
                                                     − 40
                                   x       =                         = –10
                                                       4
         ถาจํานวนแรก คือ x = –10          ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่ง คือ x + 2 = –10 + 2 = –8                        ตอบ



5. ถาผลบวกของจํานวนเต็มสองจํานวนเทากับ 20 และผลตางของสองจํานวนนั้นเทากับ 2 จงหาจํานวนสองจํานวนนั้น
วิธีทํา สมมติใหจํานวนเต็มตัวแรก คือ x ดังนั้น จํานวนเต็มอีกตัวหนึ่ง คือ 20 – x
        จากโจทยเขียนเปนประโยคสัญลักษณได x – (20 – x) =                2
                                                x – 20 + x      =         2
                                                        2x      =         2 + 20 = 22
                                                                           22
                                                        x       =                = 11
                                                                            2
        ถาจํานวนแรก คือ 11 ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่ง คือ 20 – x = 20 – 11 = 9                           ตอบ
6. จํานวนเต็มสองจํานวน จํานวนแรกนอยกวาจํานวนที่สองอยู 15 ถาคูณจํานวนแรกดวย 3 และบวกดวยสองเทาของจํานวนที่สอง
     จะไดผลลัพธเปน 80 จงหาจํานวนสองจํานวนนั้น
วิธีทํา โจทยกําหนดใหจํานวนแรกนอยกวาจํานวนที่สองอยู 15 สมมติใหจํานวนแรก คือ x จํานวนที่สอง คือ 15 + x
        จากโจทยเขียนเปนประโยคสัญลักษณได 3x + 2 (15 + x)           =      80
        แกสมการได                          3x + 2 (15) + 2x         =      80
                                                      5x              =      80 – 30       = 50
                                                                              50
                                                      x               =                    = 10
                                                                               5
        ถาจํานวนแรก คือ 10 ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่ง คือ 15 + x = 15 + 10 = 25                               ตอบ



7. นตท.ผานฟา สอบแขงขันคณิตศาสตรสองครั้ง แตละครั้งคะแนนเต็ม 100 คะแนน ครั้งแรกเขาสอบได 75 คะแนน




                                   det ทย
     เขาตองสอบครั้งที่สองใหไดคะแนนเทาใด จึงจะไดคะแนนเฉลี่ยของการสอบทั้งสองครั้งเปน 80 คะแนน
                                                        คะแนนสอบครั้งแรก + คะแนนสอบครั้งที่สอง
วิธีทํา คะแนนเฉลี่ยของการสอบทั้งสองครั้ง =
                                ica ้อยไ                                   2



                                      .org
                                                        75+ คะแนนสอบครั้งที่สอง
                         แทนคาได      80      =
                            .tha ายร
                                                                    2
         ดังนั้น คะแนนสอบครั้งที่สอง            =      80 (2) – 75    = 85
         ∴ เขาตองทําคะแนนสอบครั้งที่สองใหได 85 คะแนน
                         www ซต์น


                 จึงจะไดคะแนนเฉลี่ยของการสอบทั้งสองครั้งเปน 80 คะแนน                                     ตอบ
                  ไ
             เว็บ



8. นักเรียนหองหนึ่งมีจํานวนนักเรียนหญิงเปนสองเทาของจํานวนนักเรียนชาย ถามีนักเรียนชายยายมาเพิ่ม 6 คน
     และนักเรียนหญิงยายออก 5 คน แลวนักเรียนชายกับนักเรียนหญิงจะมีจํานวนเทากัน จงหาจํานวนนักเรียนในหองนี้
วิธีทํา กําหนดใหมีจานวนนักเรียนชาย x คน
                        ํ
         ดังนั้น มีจํานวนนักเรียนหญิง 2x คน
         นักเรียนชายเพิม 6 คน หมายถึง
                          ่                            x+6
         นักเรียนหญิงลด 5 คน หมายถึง                   2x – 5
                  โจทยกําหนดให         x+6 =         2x – 5
                  แกสมการได            6+5 =         2x – x
                                         x       =     11
         ดังนั้น นักเรียนในหองนี้มีจานวน x + 2x =
                                     ํ                 11 + 2 (11)     = 11 + 22 = 33 คน                     ตอบ
9. ลวดหนามขดหนึ่งยาว 36 เมตร นําไปลอมรั้วรอบพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมผืนผาที่มีดานกวางสั้นกวาดานยาว 4 เมตร ไดพอดี
                                                                             
    จงหาขนาดของรูปสี่เหลี่ยมผืนผานี้
วิธีทํา                x+4

               x                    x

                       x+4

       ถาสมมติใหความกวางของรูปสี่เหลี่ยมผืนผายาว   x      เมตร
       ดังนั้น ใหความยาวของรูปสี่เหลี่ยมผืนผายาว     x+4    เมตร
       จากรูปและโจทย      x + x + (x + 4) + (x + 4)   =      36      เมตร
                              x+x+x+4+x+4              =      36
                                          4x + 8       =      36



                                    det ทย
                                                               36 − 8          28
                                                x      =                     =                 = 7 เมตร
                                                                 4             4
                                 ica ้อยไ
       ดังนั้น สี่เหลี่ยมผืนผารูปนี้ กวาง 7 เมตร     ยาว 7 + 4 หรือ 11 เมตร                                  ตอบ


                                       .org
                             .tha ายร
                                          2
10. แมแบงทีนาใหลกสองคน คนแรกไดรับ ของที่มีอยู คนที่สองไดนอยกวาคนแรก 5 ไร ปรากฏวาแมยงเหลือทีนาอยูอก 15 ไร
              ่     ู                                                                       ั       ่      ี
                          www ซต์น


                                          5
     จงหาวาเดิมแมมีที่นากี่ไร
วิธีทํา ถาที่นาถูกแบงใหลูกสองคน
                   ไ



                                                      2                             2
              เว็บ



        สมมติใหที่นาทั้งหมดมี x ไร ลูกคนแรกไดรับ x ไร             คนที่สองไดรับ x – 5 ไร
                                                      5                              5
                                                              2 ⎛2
        จากโจทยเขียนเปนประโยคสัญลักษณได x        =           x + ⎜ x −5 ⎞ + 15
                                                                             ⎟
                                                              5 ⎝5           ⎠
                                                              2 2
                                               x     =           x + x – 5 + 15
                                                              5 5
                                         2 2
                                    x– x– x          =       –5 + 15 = 10
                                         5 5
                                          2 2
                                  x ⎛1 − − ⎞
                                    ⎜         ⎟      =       10
                                    ⎝ 5 5⎠
                                                1
                                                  x =        10
                                                5
                                               x     =       10 (5)          = 50
        ดังนั้น เดิมแมมีที่นารวม 50 ไร                                                                      ตอบ
11. สามปที่แลวบุตรมีอายุเทากับหนึ่งในหาของอายุปจจุบันของบิดา อีกหาปขางหนาบิดาจะมีอายุมากกวาอายุของบุตร 25 ป
     จงหาอายุปจจุบันของบิดาและบุตร
               
                                                                                    x
วิธีทํา กําหนดใหปจจุบันบิดาอายุ         x         ป ทําใหสามปที่แลวบุตรมีอายุ        ป
                                                                                     5
                                           x
        ดังนั้น ปจจุบันบุตรอายุ             + 3 ป
                                           5
                                                                        x                   x
        ทําใหอีกหาปขางหนาบิดาอายุ x + 5 ป และบุตรอายุ ⎛ + 3 ⎞ + 5 =
                                                                      ⎜       ⎟               + 8 ป
                                                                      ⎝5 ⎠                  5
                                                                         x
        จากโจทยเขียนเปนประโยคสัญลักษณไดวา              (x + 5) – ⎛ + 8 ⎞
                                                                       ⎜       ⎟    =      25
                                                                       ⎝5 ⎠
                                                                     x
                                                            x+5– –8                 =      25
                                                                     5
                                                                          x
                                                                     x–             =      25 – 5 + 8     = 28



                                      det ทย
                                                                          5
                                                                      4
                                   ica ้อยไ                             x           =      28
                                                                      5
                                                                                                 5


                                         .org
                                                                     x              =      28 ×           = 35 ป
                                                                                                 4
                               .tha ายร
                                                             x             35
        ถาปจจุบันบิดาอายุ 35 ป         ดังนั้น บุตรอายุ + 3 =              +3 =         10      ป             ตอบ
                                                             5              5
                            www ซต์น


12. ทอประปาทอหนึ่งวัดเสนผานศูนยกลางภายในได 6 เซนติเมตร ถาทอประปาทอนี้จุน้ําได 1,386 ลูกบาศกเซนติเมตร
                   ไ



    จะมีความยาวเทาใด (ใชสูตร V = πr2ℓ เมื่อ V แทนปริมาตรของทรงกระบอก
              เว็บ



                                                                                         r แทนรัศมีของฐานของทรงกระบอก
                                                                                                           22
                                                ℓ แทนความยาวของทรงกระบอก                 และกําหนดให π = )
                                                                                                            7
วิธีทํา จากสูตร         V       =       πr2ℓ
                                        D                    6
        จากโจทย        r       =                       =                 = 3 cm
                                        2                    2
                                                                 22
        แทนคา          V       =       1,386 cm3,      π=          ,      r = 3 และเราตองหาคา ℓ
                                                                  7
        จาก             V       =         πr2ℓ
                                           V        1,386               1,386 × 7
        ดังนั้น            ℓ       =             = 22            =                = 49 cm
                                          πr 2        × 32                22 × 9
                                                    7
        ดั้งนั้น ทอน้ํานี้มีความยาว 49 เซนติเมตร                                                                 ตอบ
2.2 ปญหาเกี่ยวกับอัตราสวนและรอยละ

       นอง ๆ เคยแกโจทยปญหาเกี่ยวกับอัตราสวนและรอยละมาแลว แตในกรณีที่โจทยมความซับซอนยุงยาก ถาใชสมการ
                                                                                  ี
ชวยอาจทําไดรวดเร็วและงายกวา ดังตัวอยางตอไปนี้

ตัวอยางที่ 13 พอคาซื้อแปงสองชนิดมาผสมกันใหได 50 กิโลกรัม เขาซื้อแปงชนิดแรกกิโลกรัมละ 15 บาท ซื้อแปงชนิดที่สอง
               กิโลกรัมละ 25 บาท เมื่อนํามาผสมกันแลวเขาขายไปไดกําไร 25% คิดเปนเงินทั้งหมด 1,312.50 บาท
               อยากทราบวาพอคาซื้อแปงมาแตละชนิดอยางละกีกิโลกรัม
                                                              ่
วิธีทํา        ถาซื้อแปงชนิดแรก        x     กิโลกรัม
               ตองซื้อแปงชนิดที่สอง 50 – x กิโลกรัม
               แปงชนิดแรกราคากิโลกรัมละ 15            บาท คิดเปนเงิน         15x              บาท
               แปงชนิดที่สองราคากิโลกรัมละ 25         บาท คิดเปนเงิน         25 (50 – x)      บาท



                                    det ทย
               เขาขายไปไดกาไรํ          25% คิดเปนเงินรวมทั้งหมด             1,312.50         บาท
               แสดงวา          ไดเงิน        125 บาท จากทุน                  100              บาท
                                 ica ้อยไ                                 1,312.50 ×100


                                       .org
                                ไดเงิน     1,312.50 บาท จากทุน                              = 1,050 บาท
                                                                               125
                             .tha ายร
                                ทุน            1,050 บาท ก็คือทุน              15x + 25 (50 – x)     บาท
                                เขียนเปนสมการได      1,050           =       15x + 25 (50 – x)
                          www ซต์น


                                                 15x + 1,250 – 25x =           1,050
                                                       –10x            =       1,050 – 1,250
                                                       –10x            =       –200
                   ไ
              เว็บ



                                                                                − 200
                                                       x               =                  = 20
                                                                                 − 10
               ดังนั้น เขาซื้อแปงชนิดแรกมา 20 กิโลกรัม
                 และ เขาซื้อแปงชนิดที่สองมา 50 – x = 50 – 20 = 30 กิโลกรัม                                  ตอบ



ตัวอยางที่ 14 มีน้ําเกลืออยูสองชนิด ชนิด A มีเกลือ 20% ชนิด B มีเกลือ 35% ตองการน้ําเกลือสองชนิดมาผสมกันใหได
               น้ําเกลือผสม 20 ลิตร และมีเกลือ 25% จงหาวาตองใชนาเกลือชนิด A และชนิด B อยางละเทาใด
                                                                  ้ํ



                                        20 – x
                         x ลิตร
                                         ลิตร
                        ชนิด A          ชนิด B
วิธีทํา น้ําเกลือชนิด A ; น้ําเกลือ 20% คือ         มีน้ําเกลือ 100 ลิตร     คิดเปนเกลือ 20 ลิตร
                                                                                          20x
                                           ดังนั้น มีน้ําเกลือ x ลิตร คิดเปนเกลือ             = 0.2x ลิตร
                                                                                          100
        น้ําเกลือชนิด B ; น้ําเกลือ 35% คือ มีน้ําเกลือ 100 ลิตร คิดเปนเกลือ 35 ลิตร
                                                                                          35( 20 − x )       7
                                           ดังนั้น มีน้ําเกลือ 20 – x ลิตร คิดเปนเกลือ                 =      (20 – x) ลิตร
                                                                                              100           20
                                                                      25
        น้ําเกลือผสม 20 ลิตร มีเกลือ 25%           ดังนั้น มีเกลือ       × 20         =      5         ลิตร
                                                                     100
                                           7
        จะไดสมการเปน            0.2x + (20 – x)            =       5
                                          20
                                               7
                                  0.2x + 7 – x               =       5
                                              20
                                  0.2x – 0.35x               =       5–7




                                      det ทย
                                           – 0.15x           =       –2
                                                                       −2
                                   ica ้อยไx                 =                        = 13.33
                                                                      − 0.15



                                         .org
        ดังนั้น น้ําเกลือชนิด A มี         13.33 ลิตร
                 น้ําเกลือชนิด B มี        20 – 13.33        =       6.66 ลิตร                                         ตอบ
                               .tha ายร
                            www ซต์น


        ทีนี้...พี่จะทําแบบฝกหัดใหดูเปนตัวอยางนะครับ
                    ไ



1. โรงเรียนเตรียมทหารมีจานวนนักเรียนในระดับชั้นตาง ๆ ดังนี้ ชั้นปที่ 1 คิดเปน 50% ของนักเรียนทั้งหมด ชั้นปที่ 2 คิดเปน
                        ํ
               เว็บ



   80% ของนักเรียนชั้นปที่ 1 และที่เหลืออีก 118 คน เปนนักเรียนชั้นปที่ 3 จงหาจํานวนนักเรียนทั้งหมดของโรงเรียนนี้

วิธีทํา ใหโรงเรียนเตรียมทหารมีนกเรียนทั้งหมด
                                ั                            x                   คน
                                                                                    50
        นักเรียนชั้นปที่ 1 คิดเปน 50% ของนักเรียนทั้งหมด นันคือ่                      x            = 0.5x คน
                                                                                  100
                                                                                    80 50
        นักเรียนชั้นปที่ 2 คิดเปน 80% ของนักเรียนชั้นปที่ 1 นันคือ
                                                                   ่                    × x = 0.4x คน
                                                                                  100 100
        นักเรียนชั้นปที่ 3 คิดเปน                          118                 คน
        เขียนเปนสมการไดวา นักเรียนทั้งหมด =               ชั้นปที่ 3 + ชั้นปที่ 1 + ชั้นปที่ 2
                                            x     =          118 + 0.5x + 0.4x
                                            x     =          118 + 0.9x
                                     x – 0.9x     =          118
                                         0.1x     =          118
                                                             118
                                            x     =                              = 1,180             คน
                                                              0.1
        ดังนั้น นักเรียนทั้งหมดของโรงเรียนเตรียมทหารมี 1,180 คน                                                       ตอบ
2. แมคานําลูกชื้นเนื้อและลูกชิ้นหมูมาขายรวม 60 กิโลกรัม ลูกชื้นเนื้อกิโลกรัมละ 60 บาท ลูกชิ้นหมูกิโลกรัมละ 50 บาท
     ปรากฏวาอัตราสวนของจํานวนเงินที่ซื้อลูกชื้นเนื้อตอจํานวนเงินที่ซื้อลูกชิ้นหมูเปน 6 : 7 จงหาวาแมคาซื้อลูกชิ้นแตละชนิด
     มาอยางละกีกโลกรัม
                  ่ิ
วิธีทํา กําหนดใหลกชิ้นเนื้อ เปนลูกชิ้น A
                       ู
        กําหนดใหลกชิ้นหมู เปนลูกชิ้น B
                         ู
        ซื้อลูกชิ้นทั้งสองชนิดรวมกัน 60 กิโลกรัม ถาซื้อชนิด A มา x กิโลกรัม จะซื้อชนิด B มา 60 – x กิโลกรัม
                  ลูกชิ้น A ;        จํานวน 1 กิโลกรัม      ราคา 60           บาท
                           ดังนั้น จํานวน x กิโลกรัม        ราคา 60x บาท
                  ลูกชิ้น B ;        จํานวน 1 กิโลกรัม      ราคา 50           บาท
                                     จํานวน 60 – x กิโลกรัม ราคา 50 (60 – x)           บาท
                  ดังนั้น เขาตองจายเงินซื้อลูกชิ้นตามอัตราสวนดังนั้น
                           คาลูกชิ้นA                6                   60x
                                             =              =



                                      det ทย
                            คาลูกชิ้นB               7               50(60 − x)
                           จะไดสมการ 6 × 50 (60 – x) =
                                   ica ้อยไ                         7 (60x)
                                             18,000 – 300x =        420x


                                         .org
                                                     18,000 =       420x + 300x = 720x
                               .tha ายร
                                                     720x =         18,000
                                                                      18,000
                                                     x      =                          = 25
                            www ซต์น


                                                                        720
                  ดังนั้น พอคาซื้อลูกชื้นเนื้อมา 25       กิโลกรัม
                           พอคาซื้อลูกชิ้นหมูมา 60 – x = 60 – 25 = 35 กิโลกรัม                                ตอบ
                    ไ
               เว็บ




3. ดารุณเี ปดรานขายกระเปาและรองเทา เธอติดราคาขายกระเปาไวโดยคิดกําไร 25% แตเมื่อมีเพื่อนมาซื้อ ดารุณีจงลดราคาให 10%
                                                                                                            ึ
     และขายไปในราคา 900 บาท อยากทราบวาตนทุนของกระเปาใบนี้เปนเทาใด
วิธีทํา สมมติใหกระเปาใบนี้มีตนทุน x           บาท
        ขายของคิดกําไร 25% หมายความวา ซื้อมา 100 บาท ตองการขายใหไดเงิน 125 บาท
                                                                                            125x
                                 แสดงวา         ซื้อมา x บาท ตองการขายใหไดเงิน                  =         1.25x บาท
                                                                                             100
        แตพอเพื่อนมาซื้อ ลดให 10% หมายความวา ของราคา 100 บาท ตองการขายใหไดเงิน 90 บาท
                                                                                                       (90 )
                                      แสดงวา ของราคา 1.25x บาท ตองการขายใหไดเงิน (1.25x) ×                 = 1.125x บาท
                                                                                                        100
        และเมื่ออานโจทยแลวทําใหทราบวา       1.125x บาท ก็คือ 900 บาท
                                      จะได      1.125x =       900
                                                                  900
                                                 x      =                      =            800 บาท
                                                                 1.125
        แสดงวาตนทุนของกระเปาใบนี้คือ          800 บาท                                                              ตอบ
4. สนามหญารูปสี่เหลี่ยมผืนผาแหงหนึงมีอัตราสวนความยาวตอความกวางเปน 5 : 3 ถาเพิ่มความยาวแตละดานอีก 20%
                                          ่
     ของความยาวเดิม จะทําใหความยาวรอบสนามเทากับ 268.8 เมตร จงหาวาเดิมแตละดานของสนามยาวกี่เมตร
วิธีทํา เขียนรูปสี่เหลียมผืนผาสมมติ ที่อัตราสวนความยาวตอความกวางเปน 5 : 3
                       ่
                         5

                                3

                                                                120
       ถาความยาวเพิม 20% จะไดความยาวใหม 120% ก็คอ
                    ่                              ื                ×5 = 6
                                                                100
                                                                120
       ถาความกวางเพิ่ม 20% จะไดความกวางใหม 120% ก็คือ          × 3 = 3. 6
                                                                100
       อัตราสวนความยาวตอความกวางใหมจะเปน           6 : 3.6
       จากสนามสมมติ กับอัตราสวนความยาวใหม ความยาวรอบรูปสมมติจะได 6 + 6 + 3.6 + 3.6 = 19.2




                                    det ทย
       ให x เปนจํานวนเทาที่เปนตัวคูณกับความยาวสมมติ แลวไดความยาวจริง
                                 ica ้อยไ       (19.2)x         =       268.8
                                                                         268.8



                                       .org
                                                        x       =                    = 14
                                                                         19.2
                             .tha ายร
       ดังนั้น สนามจริง ๆ มิติใหมมีความกวาง 3.6 × 14          =       50.4 เมตร
                                   มีความยาว 6 × 14             =       84.0 เมตร
                          www ซต์น

               เปรียบเทียบเปนเปอรเซ็นต ความกวาง 120% คือ 50.4 เมตร
                                                                        50.4 ×100
                                   ดังนั้น ความกวาง 100% คือ                        = 42  เมตร
                                                                            120
                   ไ



                                           ความยาว      120% คือ 84             เมตร
              เว็บ



                                                                        84×100
                                   ดังนั้น ความยาว      100% คือ                     = 70  เมตร
                                                                           120
               แสดงวา แตเดิมสนามกวาง 42 เมตร และยาว 70 เมตร                                  ตอบ



5. นตท.อิศระ ซอมวิ่งมาราธอนวันแรกวิงไป 20% ของระยะทางทั้งหมด วันที่สองวิ่งไปอีก 64 กิโลเมตร วันที่สามวิ่งตอไป
                                         ่
     อีก 50% ของระยะทางที่เหลือ ปรากฏวาเขาวิ่งสามวันรวมกันไดระยะทาง 200 กิโลเมตร ระยะทางชวงสุดทายจะวิ่งในวันที่สี่
     จงหาวาระยะทางที่ นตท.อิศระ ตองวิ่งทั้งหมดยาวกีกิโลเมตร
                                                     ่
วิธีทํา สมมติใหเขาตองวิ่งระยะทางทั้งหมด        x            กิโลเมตร
                                            20
         วันแรกเขาจึงวิงไปไดระยะทาง
                         ่                     x =       0.2x กิโลเมตร
                                           100
         วันที่สองเขาวิงไปไดระยะทาง
                       ่                         64           กิโลเมตร
         * แปลวาสองวันแรกเขาวิ่งไปไดระยะทาง 0.2x + 64 กิโลเมตร
         * เหลือระยะทางเทากับ x – 0.2x – 64 = 0.8x – 64      กิโลเมตร
50
        วันที่สามเขาวิงไปไดระยะทาง 50% ของระยะทางที่เหลือ คือ
                      ่                                                            (0.8x − 64)       กิโลเมตร
                                                                             100
                                                                  =          0.5 (0.8x − 64)         กิโลเมตร
                                                                  =          0.4x – 32        กิโลเมตร
        ระยะทางที่วิ่งรวมสามวัน คือ        0.2 + 64 + (0.4x – 32) =          200              กิโลเมตร
        แกสมการหาคา x จะได              0.2 + 64 + 0.4x – 32 =            200              กิโลเมตร
                                                   0.6x + 32      =          200              กิโลเมตร
                                                         0.6x     =          200 – 32         กิโลเมตร
                                                                             168
                                                            x       =                         กิโลเมตร
                                                                              0.6
                                                         x          =        280              กิโลเมตร
        ดังนั้น ระยะทางที่ นตท.อิศระ ตองวิ่งทั้งหมดเทากับ         280      กิโลเมตร                                   ตอบ




                                      det ทย
                                   ica ้อยไ
6. ถาตองการผสมน้ําเชื่อมใหมีน้ําตาล 40% โดยการผสมน้ําเชื่อมสองขวด ขวดแรกเปนน้ําเชื่อมที่มีน้ําตาล 90% และมีน้ําเชือม       ่



                                         .org
     อยูในขวด 250 ลูกบาศกเซนติเมตร น้ําเชื่อมขวดที่สองเปนน้าเชื่อมที่มีน้ําตาล 20% จะตองใชน้ําเชื่อมจากขวดที่สองปริมาณเทาใด
                                                                   ํ
วิธีทํา ตองการน้ําเชือมผสมที่มีน้ําตาล 40% หมายความวา
                          ่
                               .tha ายร
                    น้ําเชื่อมผสมปริมาณ 100 cm3 จะมีน้ําตาล                        40      cm3
                                                                                    40x
                            www ซต์น

          ดังนั้น น้ําเชื่อมผสมปริมาณ            x        cm3 จะมีน้ําตาล                  =         0.4x cm3
                                                                                    100
                                                    3
          น้ําเชื่อมผสมปริมาณ x                 cm เกิดจากการผสมน้ําเชื่อมสองขวด
          พิจารณาน้ําเชือมขวดแรก
                            ่                   มีน้ําตาล        90% หมายความวา
                    ไ
               เว็บ



                                โจทยกําหนดให น้ําเชื่อมปริมาณ 100 cm3 จะมีน้ําตาล                  90       cm3
                                                                                                      90× 250
                                                น้ําเชื่อมปริมาณ 250 cm3 จะมีน้ําตาล                               = 225 cm3
                                                                                                        100
          พิจารณาน้ําเชือมขวดที่สอง
                              ่                 น้ําเชื่อมผสม =          น้ําเชื่อมขวดแรก + น้ําเชื่อมขวดที่สอง
                                                          x      =       250 + น้ําเชื่อมขวดที่สอง
                                        ดังนั้น น้ําเชื่อมขวดทีสองมีปริมาณ = x – 250
                                                               ่                                     cm3
                                โจทยกําหนดให น้ําเชื่อมปริมาณ 100 cm3 จะมีน้ําตาล                  20       cm3
                                                                                                      20(x − 250)
                                                น้ําเชื่อมปริมาณ x – 250 cm3 จะมีน้ําตาล
                                                                                                          100
                                                                                           =         0.2 (x – 250)
                                                                                           =         0.2x - 50     cm3
          มองภาพรวมแลว                 น้ําตาลผสม =             น้ําตาลขวดแรก + น้ําตาลขวดที่สอง
                                                          =      225 + 0.2x – 50           =         0.2x + 175    cm3
ซึ่งน้ําตาลผสมเปนปริมาณ              40%        ของน้ําเชื่อมผสม
                          น้ําตาลผสม           40                  สวน จากน้ําเชื่อม   100 สวน
                                                                                        100
                            น้ําตาลผสม         0.2x + 175         สวน จากน้ําเชื่อม          (0.2x + 175)
                                                                                         40
                                                                                 =      2.5 (0.2x + 175)
                                                                                 =      0.5x + 437.5 สวน

                            ซึ่งน้ําเชื่อม       100
                                                   สวน (หรือ 100%)      ก็คือน้ําเชื่อมปริมาณ        x      cm3
                            จะไดสมการ x           =      0.5x + 437.5
                                          x – 0.5x =      437.5
                                              0.5x =      437.5
                                                           437.5
                                           x       =                     =         875



                                         det ทย
                                                             0.5
         แสดงวา น้ําเชื่อมผสมมีปริมาณ x
                                      ica ้อยไ     cm3 หรือ 875 cm3
                 ตองใชน้ําเชื่อมจากขวดที่สองเทากับ     x – 250 = 875 – 250 = 625 cm3                            ตอบ



                                            .org
                                  .tha ายร
         2.3 ปญหาเกี่ยวกับอัตราเร็ว
                               www ซต์น


         โจทยปญหาเกียวกับระยะทาง อัตราเร็ว และเวลา เปนอีกเรื่องหนึ่งที่เราสามารถหาคําตอบได โดยใชความรูเรื่องสมการ
                      ่
ความเกียวของกันของปริมาณทั้งสามเปนดังนี้
       ่
                     ไ
                เว็บ




                            ระยะทาง            =          อัตราเร็ว × เวลา



ซึ่งอัตราเร็วที่กลาวถึงขางตนนั้น คือ อัตราเร็วเฉลี่ย

         ถาทราบแลว...ลองมาทําแบบฝกหัดตอไปนีนะครับ
                                               ้
1. ตอและติ๊กนัดพบกับเพือนที่หนาโรงเรียนนายเรือ ซึ่งอยูกึ่งกลางของระยะทางระหวางบานของตอและติ๊กพอดี ตอขี่จักรยานยนต
                           ่
     สวนติ๊กขับอีแตน ซึ่งอัตราเร็วของรถจักรยานยนตของตอมากกวาอัตราเร็วของรถอีแตนของติ๊ก 24 กิโลเมตรตอชั่วโมง
     ตอใชเวลาเดินทาง 12 นาที และติ๊กใชเวลาเดินทาง 20 นาที จงหา
         1.) อัตราเร็วของรถทั้งสองคัน                     2.) ระยะทางระหวางบานของทั้งสองคน
วิธีทํา 1.)       มาทําความเขาใจสูตรกอนนะครับ
                                                                                            1
                                  ระยะทาง         =       อัตราเร็ว × เวลา ;     12 นาที = ชั่วโมง
                                                                                            5
                                                            ระยะทาง                         1
                         ดังนั้น อัตราเร็ว        =                              20 นาที = ชั่วโมง
                                                              เวลา                          3
                ถาระยะทางจากบานตอไปโรงเรียนนายเรือ              =    ระยะทางจากบานติ๊กไปโรงเรียนนายเรือ
                โจทยกําหนดใหอัตราเร็วของตอมากกวาอัตราเร็วของติ๊ก    24       กิโลเมตร / ชั่วโมง
                        นั่นคือ อัตราเร็ว (ตอ) – อัตราเร็ว (ติก) =
                                                               ๊        24       km / hr




                                     det ทย
                        ทําให                    อัตราเร็ว (ติ๊ก) =    อัตราเร็ว (ตอ) – 24
                        ถาให    ica ้อยไ        อัตราเร็ว (ตอ) =     x        km / hr
                                                  อัตราเร็ว (ติ๊ก) =    x – 24 km / hr


                                        .org
                พิจารณาการเดินทางของตอ           ระยะทาง          =    อัตราเร็ว (ตอ) × เวลา
                              .tha ายร
                                                                            1
                                                                =       x⎛ ⎞
                                                                           ⎜ ⎟            ----------①
                                                                           ⎝5⎠
                           www ซต์น


                พิจารณาการเดินทางของติ๊ก        ระยะทาง         =       อัตราเร็ว (ติ๊ก) × เวลา
                                                                                    1
                                                                =       (x – 24) ⎛ ⎞ - - - - - - - - - - ②
                                                                                 ⎜ ⎟
                                                                                 ⎝3⎠
                   ไ
              เว็บ



                เนื่องจากทั้งสองเดินทางดวยระยะทางที่เทากัน    ดังนั้น ① =               ②
                                                                         1                1
                                                                           x =               (x – 24)
                                                                         5                 3
                                                                        3x       =        5 (x – 24)
                                                                        3x       =        5x – 120
                                                                        120 =             5x – 3x
                                                                        2x       =        120
                                                                        x        =        60 km / hr        ตอบ 1.)
                แสดงวา อัตราเร็วของตอ คือ 60 km / hr
                    และ อัตราเร็วของตอ คือ x – 24 = 60 – 24 = 36 km / hr
        2.)     ตอไปหาระยะทางระหวางบานของทั้งสอง
                        =        ระยะทางจากบานตอไปโรงเรียนนายเรือ + ระยะทางจากบานติ๊กไปโรงเรียนนายเรือ
                        =        [ความเร็ว (ตอ) × เวลา] + [ความเร็ว (ติ๊ก) × เวลา]
                        =        ⎛ 60 × 1 ⎞ + ⎛ 36 × 1 ⎞
                                 ⎜        ⎟ ⎜          ⎟
                                 ⎝ 5⎠ ⎝ 3⎠
                        =        12 + 12          =       24      km
                ดังนั้น ระยะทางระหวางบานของคนทั้งสอง            =         24      กิโลเมตร              ตอบ 2.)
2. นตท.รวิน วิ่งดวยอัตราเร็ว 13 กิโลเมตรตอชั่วโมง นตท.ปรีชา วิ่งดวยอัตราเร็ว 11 กิโลเมตรตอชัวโมง และวิ่งนานกวา นตท.รวิน
                                                                                                ่
                                                                                                             1
     20 นาที ไดระยะทางไกลกวา นตท.รวิน 2 กิโลเมตร จงหาวา นตท.ปรีชา วิ่งไดระยะทางเทาใด (20 นาที = ชั่วโมง)
                                                                                                             3
วิธีทํา จากสูตร           ระยะทาง         =        อัตราเร็ว × เวลา
                                                                           1
         ถาให นตท.รวิน วิ่งนาน x ชั่วโมง         ปรีชาจะวิ่งนาน x + ชั่วโมง
                                                                           3
                  พิจารณา นตท.รวิน ; ระยะทาง                =        อัตราเร็ว × เวลา
                                                            =        13x              km
                  พิจารณา นตท.ปรีชา ; ระยะทาง               =        อัตราเร็ว × เวลา
                                                                              1
                                                            =        11 (x + )        km
                                                                              3
         เพราะ นตท.ปรีชา วิ่งไดไกลกวา นตท.รวิน                     2        km
                  ดังนั้น ระยะทาง (นตท.ปรีชา) – ระยะทาง (นตท.รวิน) =                  2      km



                                     det ทย
                                   1
                          11 (x + ) – 13x          =        2
                                   3
                                  ica ้อยไ
                                 11



                                        .org
                          11x + – 13x              =        2
                                  3
                              .tha ายร
                                                                  11
                                          –2x =             2–
                                                                   3
                                                             −5
                           www ซต์น

                                          –2x =
                                                               3
                                                             −5 1
                                          x        =               ×
                                                               3 −2
                   ไ



                                                             5
              เว็บ



                                                   =                 ชั่วโมง
                                                             6
                                                             5
         เมื่อแกสมการแลวจะไดวา นตท.รวิน วิ่งไดนาน               ชั่วโมง หรือ 50         นาที
                                                             6
                                                                   1       5 1
                                     นตท.ปรีชา วิงไดนาน x + = +
                                                 ่
                                                                   3       6 3
                                                                           7
                                                                     =        ชั่วโมง หรือ 70        นาที
                                                                           6
                                                                     1
         ดังนั้น นตท.ปรีชา วิ่งไดระยะทาง          =        11⎛ x + ⎞
                                                                ⎜        ⎟
                                                                ⎝ 3⎠
                                                                   5 1
                                                   =        11⎛ + ⎞
                                                                ⎜        ⎟
                                                                ⎝6 3⎠
                                                                   7
                                                   =        11⎛ ⎞
                                                                ⎜ ⎟
                                                                ⎝6⎠
                                                             77
                                                   =
                                                              6
                                                                 5
                                                   =        12 กิโลเมตร                                              ตอบ
                                                                 6
3. รถบดถนนสองคันอยูหางกัน 66 เมตร บนถนนสายหนึ่งและเคลื่อนสวนทางกัน คันหนึ่งเคลื่อนที่ดวยความเร็ว 10 เมตรตอนาที
                             
     อีกคันหนึ่งเคลื่อนที่ดวยความเร็ว 12 เมตรตอนาที ถาใหรถบดทั้งสองคันเริ่มเคลื่อนเวลา 07.00 น. พรอมกัน รถทั้งสอง
     จะเคลื่อนที่มาพบกันเมื่อเวลาผานไปกี่นาที และเปนเวลาเทาใด
วิธีทํา จากโจทยขอนี้ แมรถทั้งสองคันจะมีความเร็วไมเทากัน ทําใหไดระยะทางไมเทากัน
                            แตรถทั้งสองใชเวลาในการเคลื่อนที่เทากัน
         จากสูตร            ระยะทาง          =       อัตราความเร็ว × เวลา
                            12x =            10 (66 – x)    = 660 – 10x
                                                                        12x + 10x =       660
                                                                              22x =       660
                                                                                          660
                                                                              x     =                   = 30 เมตร
                                                                                           22
                                                              x                30
         ดังนั้น รถคันแรกใชเวลาในการเคลื่อนที่ =                     =             =     3 นาที



                                    det ทย
                                                             10                10
                                                             66 − x         66 − 30       36
         เทากับ รถคันที่สองใชเวลาในการเคลื่อนที่ =
                                 ica ้อยไ                             =             =            =      3 นาที เชนกัน
                                                                12             12         12
         ดังนั้น รถบดทั้งสองคันจะใชเวลา 3 นาที ในการเคลื่อนที่มาเจอกัน และจะเจอกันเวลา 07.03 น.


                                       .org
                                                                                                               ตอบ
                             .tha ายร

4. นตท.รักชาติ ออกเดินดวยอัตราเร็ว 5 กิโลเมตรตอชั่วโมง เมื่อเวลา 09.00 อีก 2 ชั่วโมงตอมา นตท.นักรบ เดินตามมาดวย
                          www ซต์น


     อัตราเร็ว 10 กิโลเมตรตอชั่วโมง เมื่อเวลาเทาไร ชายทั่งสองจึงจะเดินทางทันกันพอดี (โจทยขอนี้เหมือนขอสอบเรียนตอ
                                                                                               
     ปริญญาเอก ของมหาวิทยาลัยมหิดล ป 48 เปะ ๆ เลยครับ)
                   ไ


วิธีทํา การที่ นตท. ทังสองคนเดินทันกัน ในขณะที่ นตท.รักชาติ ออกเดินกอน แมจะมีความเร็วชากวา
                        ้
              เว็บ



         * แต นตท. ทังสองคนใชระยะทางในการเดินเทากัน
                      ้
         จากสูตร          ระยะทาง        =        ความเร็ว × เวลา
         พิจารณา นตท.รักชาติ สมมติใหเขาใชเวลาเดิน x             ชั่วโมง
                                 ดังนั้น ระยะทางของ นตท.รักชาติ           =     ความเร็ว × เวลา
                                                                          =     5x      กิโลเมตร       ---------①

       พิจารณา นตท.นักรบ        สมมติใหเขาใชเวลาเดิน x – 2 ชั่วโมง (เพราะออกเดินหลัง นตท.รักชาติ 2 ชั่วโมง)
                                ดังนั้น ระยะทางของ นตท.นักรบ            =        ความเร็ว × เวลา
                                                                        =        10 (x – 2)           ---------②
       เนื่องจากทั้งสองเดินดวยระยะทางที่เทากัน หรือ ① – ②
                                                 ดังนั้น 5x     =       10 (x – 2)
                                          แกสมการได 5x        =       10x – 20
                                                         20     =       10x – 5x          =      5x
                                                                         20
                                                         x      =                         =      4    ชั่วโมง
                                                                          5
       ถา นตท.รักชาติ ออกเดินเวลา 09.00         ดังนั้น เขาจะเจอกันเวลา 09.00 + 4 ชั่วโมง = 13.00 น.         ตอบ
5. นักกีฬาขีจักรยานทางไกลในระยะทาง 57 กิโลเมตร โดยใชอัตราเร็วชวงแรก 12 กิโลเมตรตอชั่วโมง และชวงตอไป 16
             ่
     กิโลเมตรตอชั่วโมง ถาเขาใชเวลาในการขี่จกรยานตลอดทางรวม 4 ชั่วโมง จงหาระยะทางและเวลาที่ขี่จักรยานของแตละชวง
                                              ั
วิธีทํา        เริ่มตน                                                   สิ้นสุด

                           x km                             57 – x km
                   ชวงอัตราเร็ว 12 km/hr              ชวงอัตราเร็ว 16 km/hr
                        ชวงที่ 1                            ชวงที่ 2


       ชวงที่ 1 อัตราเร็ว 12 km/hr         แสดงวา ระยะทาง           12        km        ใชเวลา 1        hr
                                                                                                     x
                                            ดังนั้น ระยะทาง           x         km        ใชเวลา          hr    ---------①
                                                                                                    12
       ชวงที่ 2 อัตราเร็ว 16 km/hr         แสดงวา ระยะทาง           16        km        ใชเวลา 1        hr
                                                                                                  57 - x



                                     det ทย
                                            ดังนั้น ระยะทาง           57 – x km           ใชเวลา          hr    ---------②
                                                                                                   16
               จากโจทยจะได เวลาชวงที่ 1 + เวลาชวงที่ 2
                                  ica ้อยไ                            =         4         hr
                                            x 57 − x
                                              +


                                        .org
                         จะไดสมการ                                   =         4
                                           12 16
                                           4x + 3(57 − x)
                              .tha ายร
                         แกสมการได                                  =         4
                                                 48
                                          4x + 171 – 3x               =       4 × 48        =              192
                           www ซต์น


                                                  4x – 3x             =       192 – 171
                                                          x           =       21      km
                   ไ


       ดังนั้น ชวงที่ 1 ระยะทางที่เขาขี่จักรยาน คือ      21          กิโลเมตร
              เว็บ



         และ ชวงที่ 2 ระยะทางที่เขาขี่จักรยาน คือ        57 – x      = 57 – 21 = 36 กิโลเมตร                         ตอบ

6. พรชัยและศรัญมีบานอยูหางกัน 20 กิโลเมตร ทั้งสองคนนัดกันออกจากบานเวลา 07.00 น. พรอมกัน เพื่อไปสมัครสอบที่
     โรงเรียนนายเรืออากาศ ซึ่งอยูใกลบานศรัญมากกวาบานพรชัย ถาพรชัย ขับรถดวยความเร็ว 80 กิโลเมตรตอชั่วโมง และศรัญ
     ขับรถดวยอัตราเร็ว 60 กิโลเมตรตอชั่วโมง พรชัย ถึงโรงเรียนนายเรืออากาศกอนศรัญ 10 นาที จงหาวาโรงเรียนนายเรือ
     อากาศอยูหางจากบานของศรัญกี่กิโลเมตร
วิธีทํา
                           x km                             20 – x km

            บานศรัญ            โรงเรียนนายเรืออากาศ                                บานพรชัย


              สมมติ ใหบานศรัญอยูหางจากโรงเรียนฯ                   x       km
              ดังนั้น ใหบานพรชัยอยูหางจากโรงเรียนฯ                20 – x km
       พิจารณาศรัญ ที่ขับรถดวยอัตราเร็ว 60           km/hr           ไปโรงเรียนฯ
                                ระยะทาง 60            km              เขาใชเวลา  1               hr
                                                                                   x
                             ดังนั้น ระยะทาง       x        km        เขาใชเวลา                  hr
                                                                                  60
พิจารณาพรชัย ที่ขับรถดวยอัตราเร็ว      80         km/hr ไปโรงเรียนฯ
                                 ระยะทาง        80         km เขาใชเวลา             1        hr
                                                                                  20 - x
                           ดังนั้น ระยะทาง 20 – x km เขาใชเวลา                               hr
                                                                                    80
       โจทยกําหนดให พรชัยถึงโรงเรียนฯ กอนศรัญ 10                 นาที
                                                                                      1
       หมายความวา ศรัญใชเวลามากกวาพรชัยอยู 10                   นาที หรือ                 ชั่วโมง
                                                                                      6
                                                                                      1
                                         นั่นคือ เวลาศรัญ – เวลาพรชัย =                       hr
                                                                                      6
                                                            x 20 - x                  1
                                                                –           =
                                                           60 80                      6
                                                          x 20 x                      1           20 1
                                                             – +            =            ; ⎡ = ⎤
                                                         60 80 80                     6       ⎢ 80 4 ⎥
                                                                                              ⎣         ⎦




                                    det ทย
                                                            x x                       1 1
                                                                +           =            +
                                                           60 80                      6 4
                                                            4x + 3x                   2+3
                                 ica ้อยไ                                   =



                                       .org
                                                              240                       12
                                                                                       5
                                                                  7x        =            × 240
                             .tha ายร
                                                                                     12
                                                                  7x        =        100
                          www ซต์น

                                                                                     100                  2
                                                                   x        =                 =       14     km
                                                                                       7                  7
                                                              2                                                        5
       ดังนัน โรงเรียนนายเรืออากาศอยูหางจากบานศรัญ 14 กิโลเมตร และโรงเรียนนายเรืออากาศอยูหางจากบานพรชัย 5
             ้                                                                                            
                   ไ



                                                              7                                                        7
              เว็บ



กิโลเมตร “แตทําไม” คําตอบไมตรงกับขอกําหนดของโจทยที่บอกวา โรงเรียนนายเรืออากาศอยูใกลบานศรัญมากกวาบานของ
พรชัย “ขอนี้ตองมีการตรวจคําตอบครับ” ;
               
                 ศรัญขับรถ     60        กิโลเมตร ใชเวลา           1       ชั่วโมง
                                    2                                  2 1                 100 1              5
       ดังนั้น ศรัญขับรถ       14        กิโลเมตร ใชเวลา           14 ×             =         ×      =          ชั่วโมง
                                    7                                  7 6                   7 6              21
                 พรชัยขับรถ 80           กิโลกรัม ใชเวลา           1       ชั่วโมง
                                  5                                   5 1                  40 1               1
       ดังนั้น พรชัยขับรถ 5              กิโลเมตร ใชเวลา            5 ×             =        ×       =          ชั่วโมง
                                  7                                   7 80                  7 80             14
                                                  5 1                    10 − 3             7                1
       ดังนั้น ศรัญใชเวลามากกวาพรชัย =            −               =                =                =          ชั่วโมง
                                                  21 14                    42              42                6
                     1
                 ซึ่ง ชั่วโมง ก็คือ 10 นาที จริง
                     6
       ดังนั้น เราคํานวณถูกตองแลวครับ          แตพี่เองแหละที่ตั้งโจทยไมถกตอง
                                                                                ู                                ตอบ
1
7. ชายคนหนึงขับรถไดระยะทาง 235 กิโลเมตร เขาใชเวลาขับรถในชวงกลางวัน 2 ชั่วโมง และในชวงกลางคืน 1 ชั่วโมง โดย
               ่
                                                                                                          2
     ลดอัตราเร็วลงนอยกวากลางวันชัวโมงละ 16 กิโลเมตร จงหา
                                      ่
        1.) อัตราเร็วเฉลี่ยของรถในชวงกลางวัน
        2.) ระยะทางที่เขาขับรถในชวงกลางคืน
                                                                                           1        3
วิธีทํา ระยะทาง 235 กิโลเมตร ใชเวลาขับรถชวงกลางวัน 2 ชั่วโมง            และชวงกลางคืน 1 รวม 3 ชั่วโมง
                                                                                           2        2
        สมมติใหชวงเวลากลางวัน รถวิ่งดวยอัตราเร็ว x             km / hr
        ดังนั้น ชวงเวลากลางคืน รถวิ่งดวยอัตราเร็ว x – 16 km / hr
                 ระยะทางทั้งหมด         =       ชวงเวลากลางวัน + ระยะทางชวงเวลากลางคืน
                                        =       (อัตราเร็ว × เวลาชวงกลางวัน) + (อัตราเร็ว × เวลาชวงกลางคืน)
                                                                     1
        เขียนเปนสมการได          235 =        x (2) + (x – 16) ⎛ 1 ⎞
                                                                 ⎜ ⎟
                                                                 ⎝ 2⎠



                                   det ทย
                             3
                     2x + (x − 16) =            235
                            2
                             3
                                ica ้อยไ
                                      .org
                     2x + x − 24        =       235
                            2
                            .tha ายร
                                    7
                                      x =       235 + 24          =       259
                                    2
                                                       2
                         www ซต์น

                                   x    =        259×             =       37x2 =        74      km / hr
                                                       7
        และอัตราเร็วเฉลี่ยของรถในชวงกลางคืน คือ         x – 16 =         74 – 16       =       58      km / hr
             ชวงเวลากลางคืน เวลา               1        ชั่วโมง เขาขับรถไดระยะทาง 58          km
                  ไ
             เว็บ



                                          1        3                                     3 58
                           ดังนั้น เวลา 1 หรือ           ชั่วโมง เขาขับรถไดระยะทาง        × =          87      km
                                          2        2                                     2 1
        ดังนั้น ระยะทางที่เขาขับรถในชวงกลางคืนเทากับ            87      กิโลเมตร                              ตอบ

8. รถไฟขบวน ก. และขบวน ข. ออกจากสถานีรถไฟหัวหิน โดยแลนตามกันไปยังสถานีปลายทางที่เดี่ยวกัน ถารถไฟขบวน ก.
     ออกจากสถานีเมื่อเวลา 0600 น. ดวยอัตราเร็ว 40 กิโลเมตรตอชั่วโมง รถไฟขบวน ข. ออกจากสถานีเมื่อเวลา 0830 น. ดวย
     อัตราเร็ว 60 กิโลเมตรตอชั่วโมง จงหาวารถไฟขบวน ข. แลนไปทันรถไฟขบวน ก. เมื่อเวลาใด และจุกที่รถไฟทั้งสองแลน
     ทันกันนันอยูหางจากสถานีหัวหินกีกิโลเมตร
              ้                            ่
วิธีทํา ตองพิจารณาใหไดวา รถไฟทั้งสองขบวนแลนไปทันกัน แตออกดวยเวลาไมเทากัน และความเร็วไมเทากันดวย
         แตมีสิ่งที่เทากันอยู นั่นคือระยะทางทีแลน
                                                 ่
                   ตองใชความสัมพันธตรงจุดนี้ หาคําตอบของโจทยใหได
                   เวลา 0600 น.
                                                      รถไฟขบวน ก.
         สถานีหัวหิน                                              ปลายทาง
                                              รถไฟขบวน ข.
                   เวลา 0830 น.
พิจารณารถไฟขบวน ก.                                    ระยะทาง      = อัตราเร็ว × เวลา
              ใหรถไฟใชเวลาวิ่ง x ชั่วโมง                   จะไดระยะทาง = 40x km               ---------①
       พิจารณารถไฟขบวน ข.                                    ระยะทาง      = อัตราเร็ว × เวลา
                                      1                                                  1
              ใหรถไฟใชเวลาวิ่ง x – 2 ชั่วโมง        จะไดระยะทาง =        60⎛ x − 2 ⎞
                                                                               ⎜           ⎟
                                      2                                        ⎝         2⎠
                                                                                      5
                                                                     =      60⎛ x − ⎞ km
                                                                               ⎜         ⎟       ---------②
                                                                               ⎝ 2⎠
                                                                                      5
               เนื่องจาก       ①      =        ②      ดังนั้น 40x =         60⎛ x − ⎞
                                                                               ⎜         ⎟
                                                                               ⎝ 2⎠
                                               แกสมการได 40x =            60x – 150
                                                              150 =         (60 – 40) x
                                                                            150
                                                      ดังนั้น x      =               =       7.5



                                    det ทย
                                                                             20
                                                 1               1          15
       ดังนั้น รถไฟขบวน ก. ใชเวลาวิ่ง 7.5 หรือ 7 ชั่วโมง ; ⎡7 ⎤ =                   ชั่วโมง
                                                              ⎢ 2⎥
                                 ica ้อยไ        2            ⎣ ⎦            2
               ถารถไฟขบวน ก. ออกจากสถานีเมื่อ 06.00 น. จะวิ่งทันและเจอกับรถไฟขบวน ข.


                                       .org
                                1
                             .tha ายร
               ที่เวลา 06.00 + 7 ชั่วโมง =            13.30 น.
                                2
               และรถไฟทั้งสองจะวิ่งทันกัน และเจอกันที่ระยะทาง 40x =         40 (7.5)
                          www ซต์น


                                                                     =      300 กิโลเมตรจากจุดเริ่มตน ตอบ
                   ไ
              เว็บ



9. รถไฟขบวน ก. และขบวน ข. แลนสวนทางกัน และมาพบกันที่สถานีบางซื่อ รถไฟขบวน ก. ออกจากสถานีนเี้ มื่อเวลา 0700 น.
     ดวยอัตราเร็ว 45 กิโลเมตรตอชั่วโมง รถไฟขบวน ข. ออกจากสถานีนี้หลังจากขบวน ก. ออกไปแลว 3 นาที และไปถึงสถานี
     ปลายทางอยุธยา เมื่อเวลา 0815 น. ซึ่งถึงกอนรถไฟขบวน ก. ถึงสถานีปลายทางนครปฐม 5 นาที ถาสถานีปลายทางทั้งสอง
     อยูหางกัน 150 กิโลเมตร จงหาวารถไฟขบวน ข. แลนดวยอัตราเร็วเทาใด
วิธีทํา กอนอื่นตองเขียนรูปเพื่อใหงายตอความเขาใจครับ
                                     

   สถานีอยุธยา                                สถานีบางซื่อ                          สถานีนครปฐม

       ขบวน ข.              ขบวน ข.                               ขบวน ก.         ขบวน ก.
       ถึงเวลา 08.15 น.                                                           ถึงเวลา 08.20 น.

                          ออกเวลา 0730 น.                    ออกเวลา 0700 น.
                          อัตราเร็ว x km/hr                  อัตราเร็ว 45 km/hr
ดูจากรูปแลว เราสามารถใชขอมูลจากรถไฟขบวน ก. มาคํานวณหาได
        รถไฟขบวน ก. ออกเดินทางเวลา 07.00 น.      ถึงที่หมายเวลา 08.20 น.
                                                                              1 4
                         แสดงวาใชเวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 20 นาที             1 = ชั่วโมง
                                                                                 หรือ
                                                                              3 3
                    อัตราเร็ว 45 km / hr แสดงวา 1 hr                ไปไดระยะทาง 45     km
                                                           4                          4
                                            แสดงวา           hr     ไปไดระยะทาง 45× = 60 km
                                                           3                          3
                    แสดงวาสถานีบางซื่อหางจากสถานีหลักสี่เปนระยะทาง 60 กิโลเมตร
        โจทยบอกวา สถานีนครปฐมกับสถานีอยุธยาหางกัน 150 กิโลเมตร
                    แตเราหาไดแลววาสถานีบางซื่อหางจากสถานีนครปฐม 60 กิโลเมตร
                    ดังนั้น สถานีอยุธยาหางจากสถานีบางซื่อ = 150 – 60 = 90 กิโลเมตร                     ตอบ
        รถไฟขบวน ข. ออกเดินทางเวลา 0703 น.           ถึงที่หมายเวลา 08.15 น.
                                                                              1 6



                                      det ทย
                    แสดงวาใชเวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 12 นาที          หรือ 1 = ชั่วโมง
                                                                              5 5
                                                                                    6
                                   ica ้อยไ
                    รถไฟเดินทางระยะทาง 90            กิโลเมตร        ภายในเวลา
                                                                                    5
                                                                                         ชั่วโมง



                                         .org
                                     ระยะทาง                  90                  5
                    อัตราเร็ว =                      =               =       90 ×        =       75 km / hr
                               .tha ายร
                                       เวลา                    6                  6
                                                               5
                    จะไดวา รถไฟขบวน ข. แลนดวยอัตราเร็ว 75 กิโลเมตรตอชั่วโมง                        ตอบ
                            www ซต์น


       จากโจทยรูปแบบตาง ๆ ที่เราไดทํากันมามากมาย นอง ๆ เห็นแนวทางในการแกปญหาไหมครับ อยางงั้น...ลองอาน
                   ไ



แนวคิดตอไปนี้ครับ
              เว็บ




1. โจทยถามอะไร ใหสมมติสิ่งที่โจทยถามเปนตัวแปร
2. มองภาพรวมใหออกวา วิธีจะเขาถึงการแกปญหานี้ตองทําอยางไร บางทีตองเขียนภาพขึ้นมาเพื่อใหตีความงาย ๆ
3. หาความสัมพันธจากสิ่งที่โจทยใหมาใหได
        บางที รถสองคันเคลื่อนที่ ไมมีอะไรเหมือนกันเลย แตใชเวลาเทากัน
              รถสองคันวิ่งเร็วไมเทากัน เวลาก็ไมเทากัน แตระยะทางเทากัน (ออกชากวา หรือเร็วกวา แตวิ่งทันกัน)
                รถคันหนึ่ง ถึงวิงเร็วกวาอีกคันหนึ่ง จะได เวลาของรถที่ถึงชากวา – เวลาของรถที่ถึงเร็วกวา = ผลตางของเวลาของรถทั้งสองคัน
                                ่
4. การคิดเวลาไมเหมือนการคิดเปอรเซ็นตนะครับ
        พิจารณาใหดวา 60 นาที คือ
                     ี                                       1        ชั่วโมง
                                       1×1                    1
               ดังนั้น 1 นาที คือ                    =                 ชั่วโมง
                                         60                   6
                                        20×1                  1
                        20 นาที คือ                  =                 ชั่วโมง
                                          60                  3
                                        30×1                   1
                        30 นาที คือ                  =                 ชั่วโมง
                                          60                   2
                                        x(1)                   x
               แสดงวา x นาที คือ                    =                 ชั่วโมง
                                         60                   60
ทั้งนี้ โจทยกําหนดกี่นาที ก็กําหนดแบบขางตนครับ
5. ความสัมพันธระหวางอัตราเร็ว ระยะทาง และเวลา
                                            ระยะทาง
                  อัตราเร็ว         =
                                               เวลา
                  ระยะทาง           =       อัตราเร็ว × เวลา
                                            ระยะทาง
                  เวลา              =
                                             อัตราเร็ว
        ไมตองทองทุกสูตรนะครับ แคเปลี่ยนคูณเปนหาร แตตองทองสูตรแรก ใหได แลวแกสมการเอาก็ไดครับ...งายดี ☺
6. สุดทาย วิธที่จะทําใหแกสมการได “เกง” และ “ดี” คือการทําแบบฝกหัดบอย ๆ ครับ
               ี
        ทําใหเยอะ ๆ จากของาย ๆ เชน x + 2 = 5 แลวคอยไปดึงขอยาก ๆ อยางแบบทดสอบที่พี่ใหไว
        แลวนองจะ “เกงขึ้น เกงขึ้น” อยางไมนาเชือครับ
                                                     ่
        เพราะพี่คนพิมพเองตอนเรียนมัธยมก็ตกเลข แตเมื่อไดพมพบทเรียนบอย ๆ หรืออานตรวจความถูกตองก็ยังเขาใจได
                                                              ิ




                                    det ทย
        เอาหละครับ...ตัวอยางทั้งหมดที่นอง ๆ ไดอานนี้ ครอบคุลมการแกปญหาสมการในเกือบทุกรูปแบบ (ในระดับชันนี้)
                                 ica ้อยไ                                                                    ้
นองแกสมการได แตคนอืนทําไมได แคนนอง ๆ ก็สอบติดแลวครับ.
                         ่               ี้



                                       .org
                             .tha ายร
                   ไ      www ซต์น
              เว็บ
1. การแกสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว
         สมการ คือประโยคสัญลักษณที่กลาวถึงความสัมพันธของจํานวน โดยมี “ = ” เปนสัญลักษณแสดงความสัมพันธระหวาง
จํานวนรูปแบบของสมการ มีทั้งแบบมีตัวแปร เชน 3x + 7 = 15; และแบบไมมีตัวแปร เชน 15 + 6 = 21 เปนตน เราแทนคาตัวแปร
แลวทําใหสมการเปนจริง คานั้นจะเปนคําตอบของสมการ
         การแกสมการ ตองใชสมบัติของการเทากัน (Properties of Equality) ตอไปนี้
เมื่อกําหนดให a, b และ c เปนจํานวนจริงใด ๆ
         1. สมบัติสมมาตร         ถา a = b     แลว b = a
         2. สมบัติถายทอด        ถา a = b     และ b = c แลว a = c
         3. สมบัติการบวก         ถา a = b     แลว a + c = b + a
         4. สมบัติการคูณ         ถา a = b     แลว ac = bc

        สมการเชิงเสนตัวแปรเดียว (Linear Equation with One Variable) คือ สมการที่มีตัวแปรเพียงตัวเดียว และตัวแปรนั้นมี



                                    det ทย
degree = 1 เขียนในรูปแบบทั่วไปไดวา ax + b = 0 เมื่อ a และ b เปนคาคงตัว และ a ≠ 0
                                 ica ้อยไ
                                       .org
หลักการแกสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว แยกตามรูปแบบตาง ๆ ไดดงนี้
                                                          ั
                             .tha ายร
1.      ถาสัมประสิทธิ์และคาคงตัวเปนจํานวนเต็ม ใหใชการยายขาง โดยพิจารณาเครื่องหมายเปนสําคัญ เมื่อยายขางจํานวนใด
     ใหเปลี่ยนเปนเครื่องหมายตรงขาม
ตัวอยางที่ 1 จงหาคา x จากสมการ 9x + 18 = 24 – 3x
                          www ซต์น


วิธีทํา                            จาก 9x + 18 = 24 – 3x (ยายตัวเลขมาดานเดียวกัน และยายตัวแปรใหมาดานเดียวกัน)
                                           9x + 3x = 24 – 18
                   ไ



                                           12x = 6
              เว็บ



                                                      6             1
                                           x       =              =
                                                     12             2
                                                      1
                                   ดังนั้น x       =                                                              ตอบ
                                                      2
2. ถาสมการเปนทศนิยม ใหแกปญหาโดยการยายขางสมการ และทําทศนิยมใหเปนจํานวนเต็ม
ตัวอยางที่ 2 จงแกสมการ 2.25x – 1.25 = 3x + 3.75
วิธีทํา           ยายขางสมการ – 1.25 – 3.75 = 3x – 2.25x
                                           –5      = 0.75x
                                           0.75x = –5
                                                      −5
                                           x       =
                                                     0.75
                                                      − 500
                                           x       =
                                                        75
                                                          2
                                   ดังนั้น x       = −6                                                           ตอบ
                                                          3
3. ถาสมการเปนเศษสวน ตองยายขางสมการ เปลี่ยนตัวหารใหเปนตัวคูณ โดยใหพจารณาเทอมการบวก – ลบกันเปนพิเศษ
                                                                           ิ
                                   3         5x 1 x
ตัวอยางที่ 3 จงแกสมการ x – =                 + −
                                   4          2 4 2
                                                     3             5x 1 x
วิธีทํา        ยายตัวแปรมาดานเดียวกัน         x–             =      + −
                                                     4              2 4 2
                                                    5x x             1 3
                                                x– +           = + +
                                                     2 2             4 4
                                                2x − 5x + 1x      4
                                                               =      =1
                                                       2          4
                                                − 2x              +1
                                                               =
                                                  2                1
                                       ดังนั้น           x     = –1                                       ตอบ




                                      det ทย
2. โจทยสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว   ica ้อยไ
                                         .org
          การแกปญหาโจทยสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว มีขั้นตอนการคิดดังนี้
1.   อานโจทย แลววิเคราะหวาโจทยกําหนดอะไร และตองการทราบคาอะไร
                               .tha ายร
2.   สมมติสิ่งที่โจทยตองการทราบคาใหเปนตัวแปรหนึ่ง
3.   พิจารณาความสัมพันธของตัวแปร และเงื่อนไขที่โจทยกําหนดให
                            www ซต์น


4.   สรางสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว จากเงือนไขที่โจทยกําหนดมาให
                                          ่
5.   แกสมการเพื่อหาคาตัวแปร ตามวิธีที่กลาวมาแลว
                     ไ
                เว็บ



ตัวอยางที่ 4    เลขจํานวนคูบวก 5 จํานวนเรียงกัน มีผลรวมได 230 จงหาผลบวกของเลขที่มีคามากเปนลําดับที่สอง และลําดับที่สี่
วิธีทํา          ใหจํานวนที่มคานอยที่สุดเปน x
                                ี
                 ดังนั้น จํานวนคู 5 จํานวน เรียงกัน จึงไดเปน x + (x + 2) + (x + 4) + (x + 6) + (x + 8) = 230
                 เขียนเปนสมการไดวา x + (x + 2) + (x + 4) + (x + 6) + (x + 8) = 230
                                                                         5x + 20      = 230
                                                                              5x      = 230 – 20
                                                                                         210
                                                                      ดังนั้น x       =             = 42
                                                                                          5
                 เมื่อ x หรือจํานวนทีนอยที่สดมีคาเทากับ 42 แลว จํานวนทั้งหาเรียงจากนอยไปมากคือ 42, 44, 46, 48 และ 50
                                     ่       ุ
                 ดังนั้น ผลบวกของจํานวนที่มีคามากเปนลําดับทีสอง และลําดับที่สี่คือ 48 + 44
                                                                   ่                                 = 92            ตอบ
ตัวอยางที่ 5   พอคาซื้อผาเช็ดหนามาจํานวนหนึ่ง ถาขายผืนละ 65 บาท จํานวนครึ่งหนึ่งของที่ซื้อมาจะเทาทุนพอดี แตถาขายผืน
                ละ 31 บาท ของจํานวนหนึ่งในสีจากจํานวนที่ซื้อมา และขายผืนละ 36 บาท ของที่เหลือ จะไดกําไร 1,440 บาท
                                                   ่
                อยากทราบวาซื้อผาเช็ดหนามาทั้งหมดกี่ผน  ื
วิธีทํา         ใหกําหนดวา พอคาซื้อผาเช็ดหนามา x ผืน
                                                                     x                              x
                ถาขายไปผืนละ 65 บาท ในจํานวนครึ่งหนึง หรือ จะไดเงินเทาทุน หรือเงินทุน = (65) บาท
                                                            ่
                                                                     2                               2
                                                1x                 31x                            31x 108
                ถาขายไปผืนละ 31 บาท ของ                จะไดเงิน        บาท                 ซึ่ง      + x
                                                 4                  4                              4       4
                                                3x                      3x     108x
          และ   ถาขายไปผืนละ 36 บาท ของ                จะไดเงิน 36 ×       =      บาท ทําใหไดกําไร 1,440 บาท
                                                 4                       4       4
                จากสมการที่วา ราคาขาย – ตนทุน = กําไร (หรือขาดทุน)
                                
                                     31x 108x ⎞ 65x
                จะไดสมการ ⎛ +    ⎜              ⎟−           = 1,440
                                  ⎝ 4         4 ⎠ 2



                                     det ทย
                                   31x 108x 130x
                                       +       −              = 1,440
                                    4
                                  ica ้อยไ  4         4
                                   (31 + 108 + 130)x
                                                              = 1,440


                                        .org
                                           4
                                                     9x
                              .tha ายร
                                                              = 1,440
                                                      4
                                                                 1,440 × 4
                                                     x        =
                           www ซต์น


                                                                     9
                                                     x        = 640
                ดังนั้น พอคาซื้อผาเช็ดหนามาจํานวน 640 ผืน                                                       ตอบ
                     ไ
                เว็บ

การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว

  • 1.
    การประยุกตของสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว 1. ทบทวนการแกสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว ความหมายของสมการ สมการ เปนประโยคที่แสดงการเทากันของจํานวน โดยมีสัญลักษณ = บอกการเทากัน สมการอาจมีตัวแปรหรือไมมีตัวแปรก็ได เชน 4x – 2 = 15 เปนสมการที่มี x เปนตัวแปร และ 12 – 25 = – 13 เปนสมการที่ไมมีตัวแปร det ทย สมการซึ่งมี x เปนตัวแปรและมีรูปทั่วไปเปน ax + b = 0 เมื่อ a, b เปนคาคงตัว และ a ≠ 0 เรียกวา “สมการเชิงเสนตัวแปรเดียว” ica ้อยไ .org ตอไปนี้เปนตัวอยางของสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว .tha ายร 1 1.) 4x = 0 2.) x – 4 = 0 3.) –1.5y + 1.5 = 0 4.) 2 – 3x = 0 3 www ซต์น * สมการเชิงเสนตัวแปรเดียวบอกอะไรแกเรา ? ตอบ จริง ๆ แลว เราใชอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพเล็ก เชน a, b, c, ..., x, y, z แทนตัวแปร แตที่เราพบเห็นอยูเสมอ ๆ คือ ไ ตัวแปร x และ y เพราะสามารถเขียนกราฟของสมการในระบบพิกดฉาก XY ได ั เว็บ ตัวอยางเชน 1. 4x = 0 นํา 4 มาหารทั้งสองขางของสมการ พิจารณาสมการ x = 0 จะเห็นวาไมวาคา y จะเปนเทาใด 4x 0 จะไดคา x = 0 เสมอ = 4 4 เชน ..., (0, -2), (0, -1), (0, 0), (0, 1), (0, 2), ... x =0 เขียนกราฟเสนตรงในระบบพิกัดฉาก XY ไดดังนี้ Y X=0 3 2 1 X -1 -2 -3 จะเห็นวา สมการ x = 0 ก็คือแกน Y นั่นเอง เพราะทุกพิกัดบนแกน Y มีคา x = 0
  • 2.
    1 2. x–4=0 3 นํา 4 มาบวกทั้งสองขางของสมการ พิจารณาสมการ x = 12 จะเห็นวาไมวาคา y จะเปนเทาใด 1 จะไดคา x = 12 เสมอ x–4+4 = 0+4 3 เชน ..., (12, -2), (12, -1), (12, 0), (12, 1), (12, 2), ... 1 x =0 เขียนกราฟเสนตรงในระบบพิกัดฉาก XY ไดดังนี้ 3 Y นํา 3 มาคูณทังสองขางของสมการ ้ x = 12 1 x (3) = 4 (3) X 3 -2 -1 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 x = 12 จะเห็นวา สมการ x = 12 ขนานแกน Y det ทย 3. –1.5y + 1.5 = 0 ica ้อยไ นํา 1.5 มาลบทั้งสองขางของสมการ .org –1.5y + 1.5 – 1.5 = 0 – 1.5 พิจารณาสมการ y = 1 จะเห็นวาไมวาคา x จะเปนเทาใด .tha ายร –1.5y = –1.5 จะไดคา y = 1 เสมอ นํา –1.5 มาหารทั้งสองขางของสมการ เชน ..., (-2, 1), (-1, 1), (0, 1), (1, 1), (2, 1), ... เขียนกราฟเสนตรงในระบบพิกัดฉาก XY ไดดังนี้ www ซต์น ( −1.5) y ( −1.5) = ( −1.5) ( −1.5) y =1 4 ไ 3 เว็บ 2 1 y=1 -1 -2 -3 จะเห็นวา สมการ y = 12 ขนานแกน X จากทั้งสามตัวอยางขางตน แสดงใหเห็นวา −1 • สมการ x = จํานวนจริงใด ๆ เชน x = 2, x = 5, x = เปนกราฟเสนตรงที่ขนานแกน Y 4 และสมการ x = 0 คือแกน Y นั่นเอง −1 • สมการ y = จํานวนจริงใด ๆ เชน y = 2, y = 5, y = เปนกราฟเสนตรงที่ขนานแกน X 4 และสมการ y = 0 คือแกน X นั่นเอง “มองภาพไดงายขึ้นแลวใชไหมครับ การที่เราสามารถมองภาพรวมของสมการ และรูวิธีแกสมการที่ถูกวิธี ทําใหเราหา  คําตอบไดอยางรวดเร็ว และประหยัดเวลาในการคิดไดมากทีเดียว” ☺
  • 3.
    คําตอบของสมการ คือ จํานวนที่แทนตัวแปรในสมการแลวทําใหสมการเปนจริง ซึ่งการแกสมการ คือ การหาคําตอบของสมการนั่นเอง สามารถใชสมบัติของการเทากัน ไดแก สมบัติสมมาตร สมบัติถายทอด สมบัติการบวก และสมบัติการคูณ เพื่อหาคําตอบของสมการได สมบัติของการเทากัน มีดังนี้ 1. สมบัติสมมาตร ถา a = b แลว b = a เชน 68 = 4x ∴ 4x = 68 2. สมบัติถายทอด ถา a = b และ b = c แลว a = c det ทย เชน ถา x = 6 – 4 และ 6 – 4 = 2 แลว x = 2 4 4 ica ้อยไ ถา y = x และ x = 7 แลว y = 7 5 5 .org .tha ายร 3. สมบัติการบวก ถา a = b แลว a + c = b + c เชน ถา a = 5 แลว a + 7 = 5 + 7 www ซต์น ถา 2 – b = 4 แลว 2 – b – 2 = 4 – 2 4. สมบัติการคูณ ถา a = b แลว ac = bc ไ เว็บ เชน ถา 3 + n = 4m แลว 4 (3 + n) = 4(4m) ถา 8n – 2 = 12 แลว 2 (4n – 1) = 2 (6) การแยกตัวประกอบ ซึ่งเปนบทกลับของสมบัติการคูณ แตที่กลาวมาขางตนนั้นมันแคหลักการครับ เวลาแกสมการจริง ๆ แลว วิธีคิด “ใหไว” และ “ไดผล” ดังตอไปนี้ครับ 1. จัดรูปสมการไมใหติดเศษสวนหรือทศนิยม 2. จัดรูปสมการในขอ 1. ใหเปนรูปอยางงาย 4. ยายขางตัวเลขอยูสวนตัวเลข ตัวแปรอยูสวนตัวแปร โดยอาศัยหลักการเครื่องหมายตรงขาม ดังนี้  ยายขาง + ใหเปน – ยายขาง – ใหเปน + จํางายไหมครับ เครื่องหมายตรงขามนั่นเอง ยายขาง × ใหเปน ÷ ลองดูตัวอยางตอไปนี้ครับ ยายขาง ÷ ใหเปน ×
  • 4.
    1 2 1 ตัวอยางที่ 1 จงแกสมการ − y + = 2 3 2 วิธีทํา วิธีตามหนังสือ วิธีของเรา 1 2 1 1 2 1 − y+ = − y+ = 2 3 2 2 3 2 2 2 นํา มาลบทั้งสองขางของสมการ ยาย + จากบวกเปนลบ (ยายตัวเลขใหอยูฝงเดียวกัน)  3 3 1 2 2 1 2 1 1 2 1 จะได − y + – = – − y = – = − 2 3 3 2 3 2 2 3 6 1 1 ยาย – 2 จากหารเปนคูณ − y = − 2 6 1 1 นํา –2 มาคูณทั้งสองขางของสมการ y = − (– 2) = 6 3 1 1 จะได ⎛ − y ⎞ (– 2) = − (– 2) ⎜ ⎟ det ทย ⎝ 2 ⎠ 6 ขอนี้มันสั้นครับ ดูขอตอไปจะเห็นความแตกตางอยางชัดเจน 1 y = ica ้อยไ 3 .org .tha ายร 1 ตัวอยางที่ 2 จงแกสมการ (p – 5) = 2p – 1 3 www ซต์น วิธีทํา วิธีตามหนังสือ วิธีของเรา 1 1 (p – 5) = 2p – 1 (p – 5) = 2p – 1 3 3 ไ นํา 3 มาคูณทังสองขางของสมการ ้ p–5 = 3 (2p – 1) = 6p – 3 (ยาย 3 จากหารเปนคูณ) เว็บ 1 –5 + 3 = 6p – p (ยายเลขมาฝงเลข ตัวแปรมาฝงตัวแปร) จะได (p – 5) (3) = 3 (2p – 1) 3 –2 = 5p p – 5 = 6p – 3 5p = –2 (สมบัติสมมาตร) นํา –6 มาบวกทั้งสองขางของสมการ −2 จะได –6p + p – 5 = 6p – 3 – 6p p = (ยาย 5 จากคูณเปนหาร) 5 –5p – 3 = –3 6 บรรทัด สั้นและเร็วกวาไหมครับ? นํา 5 มาบวกทั้งสองขางของสมการ จะได –5p – 5 + 5 = –3 + 5 –5p = 2 นํา –5 มาหารทั้งสองขางของสมการ − 5p 2 จะได = −5 −5 −2 p = 5 13 บรรทัด ซึ่งยาวนะครับ.
  • 5.
    8 6 ตัวอยางที่ 3 จงแกสมการ x = x + 22 3 5 8 วิธีทํา จากโจทยจะเห็นวา เรายาย 5 จากหารไปคูณกับ x ไมได เพราะ 5 ไมใชตัวหารของเลขทั้งหมด 3 ตองยายชุดตัวแปรมาฝงเดียวกัน 8 6 จะได x – x = 22 3 5 8 6 x⎛ − ⎞ = ⎜ ⎟ 22 (ดึง x ที่เปนตัวประกอบรวมออกมา) ⎝3 5⎠ 40 − 18 ⎞ x⎛ ⎜ ⎟ = 22 (หา ค.ร.น. ของ 3 และ 5 เพื่อลบเศษสวน) ⎝ 15 ⎠ 15 x = 22 × (ยายขางหารเปนคูณ; คูณเปนหาร) 22 det ทย x = 15 ขอนี้เราทํา 5 บรรทัดครับ แตหนังสือทํา 11 บรรทัด ica ้อยไ ตอบ .org .tha ายร ตัวอยางที่ 4 จงแกสมการ 3 (y – 6) – 2 (5 + 3y) = 5 วิธีทํา คูณตัวประกอบรวมเขาไปใหไดเอกนามแตละตัว แลวจับตัวเลขคูตัวเลข ตัวแปรคูตวแปร ั www ซต์น 3y – 18 – 10 – 6y – 5 = 0 (ยาย 5 มาดวย เปน –5) –3y – 33 =0 บางคนเกงแลวทําอยางนีไดเลย ยาย –3y เปน 3y ้ จะได 0 = –3y – 33 –33 = 3y ไ − 33 เว็บ 3y = –33 =y 3 − 33 y = = –11 y = –11 ตอบ 3 x 2(x − 1) 4 − 5x ตัวอยางที่ 5 จงแกสมการ − = 9 3 6 วิธีทํา แกปญหาเศษสวนกอนเลยครับ หา ค.ร.น. ของ 9, 3 และ 6 ได 18 นํา 18 มาคูณทั้งสองขางของสมการ x (18)2(x − 1) (4 − 5x) (18) – = (18) 9 3 6 2x – 12x + 12 = 12 – 15x 2x – 12x + 15x = 12 – 12 ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร 5x = 0 x = 0 ตอบ
  • 6.
    a+7 a −5 ตัวอยางที่ 6 จงแกสมการ − (2 − a ) = 3 6 วิธีทํา กําจัดตัวสวนโดยการคูณดวย ค.ร.น. ของ 3 และ 6 ทั้งสองขางของสมการ a+7⎞ a −5 ⎞ (6) ⎛ ⎜ ⎟ – 6 (2 – a) = 6⎛⎜ ⎟ ⎝ 3 ⎠ ⎝ 6 ⎠ 2a + 14 – 12 + 6a = a–5 2a + 6a – a = –5 – 14 + 12 ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร 7a = –7 −7 a = = –1 ตอบ 7 2x x + 6 3 ตัวอยางที่ 7 จงแกสมการ + = (x + 15) 15 12 10 det ทย วิธีทํา กําจัดตัวสวนโดยการคูณดวย ค.ร.น. ของ 15, 12 และ 10 นั่นคือ 60 ทั้งสองขางของสมการ 2x (x + 6) ica ้อยไ 3 (60) + 60 = (60) (x + 15) 15 12 10 .org 8x + 5x + 30 = 18x + 270 .tha ายร 8x + 5x – 18x = 270 – 30 –5x = 240 www ซต์น 240 x = = –48 ตอบ −5 ไ ตัวอยางที่ 8 จงแกสมการ 4.5 (2 – 3x) + 0.8x = 2.3 (x + 30) เว็บ วิธีทํา คูณตัวประกอบเขาไป เพื่อใหไดเอกนามแตละตัว (4.5) (2) – (4.5) (3x) + 0.8x = 2.3x + (2.3) (30) 9 – 13.5x + 0.8x = 2.3x + 69 –13.5x + 0.8x – 2.3x = 69 – 9 ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร –15x = 60 60 x = = –4 ตอบ − 15 ตัวอยางที่ 9 จงแกสมการ 0.12y – 1.6 (y – 2) = 6.8 – 1.28y วิธีทํา คูณตัวประกอบเขาไป เพื่อใหไดเอกนามแตละตัว 0.12y – 1.6y + 3.2 = 6.8 – 1.28y 0.12y – 1.6y + 1.28y = 6.8 – 3.2 ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร –0.2y = 3.6 3.6 y = = –18 ตอบ − 0.2
  • 7.
    2x − 55 + 3x 2x − 1 5x − 2 ตัวอยางที่ 10 จงแกสมการ − = − 2 4 2 8 วิธีทํา กําจัดตัวสวนโดยการคูณดวย ค.ร.น. ของ 2, 4 และ 8 นั่นคือ 8 ทั้งสองขางของสมการ 8(2x − 5) 8(5 + 3x) 8(2x − 1) 8(5x − 2) − = − 2 4 2 8 8x – 20 – 10 – 6x = 8x – 4 – 5x + 2 8x – 6x – 8x + 5x = –4 + 2 + 20 + 10 ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร –x = 28 28 x = = –28 ตอบ −1 2. การนําไปใช det ทย ขั้นตอนการแกสมการจากประโยคสัญลักษณเปนดังนี้ ica ้อยไ ไมจริง .org วิเคราะหเงื่อนไขในโจทย เริ่มตน → อานและวิเคราะหโจทย → กําหนดตัวแปร → → แกสมการ และเขียนสมการ .tha ายร www ซต์น ตรวจคําตอบของสมการ จบ ← แสดงคําตอบ ← ตามเงื่อนไขโจทย ไ เว็บ 2.1 ปญหาเกี่ยวกับจํานวน ตัวอยางที่ 11 ผลบวกของจํานวนสองจํานวน คือ 14 ถาจํานวนหนึ่งนอยกวาอีกจํานวนหนึ่งอยู 40 จงหาจํานวนสองจํานวนนั้น วิธีทํา ให x แทนจํานวนเต็มจํานวนหนึ่ง อีกจํานวนหนึงนอยกวาจํานวนแรกอยู 40 แทนดวย x – 40 ่ เนื่องจากผลบวกของทั้งสองจํานวน คือ 14 จะไดสมการเปน x + (x – 40) = 14 x + x – 40 = 14 2x = 14 + 40 = 54 54 x = = 27 2 ดังนั้น จํานวนเต็มตัวแรก คือ 27 และจํานวนเต็มตัวที่สอง คือ 27 – 40 = –13 ตรวจคําตอบ โจทยกําหนดใหผลบวกของจํานวนสองจํานวน คือ 14 แทนคา 27 + (–13) = 27 – 13 = 14 จริง ดังนั้น จํานวนเต็มทั้งสองจํานวน คือ 27 และ –13 ตอบ
  • 8.
    ตัวอยางที่ 12 ผลบวกของจํานวนคูสี่จํานวนเรียงติดกันเทากับ212 จงหาจํานวนทั้งสี่ วิธีทํา พิจารณาจํานวนคูเรียงติดกัน เชน 2, 4, 6, ... เราจะเขียนแทนจํานวนเหลานี้ไดวา 2, 2+2, 2+4, ... นั่นคือ ถาสมมติใหจํานวนแรกเปน x จะได x, x+2, x+4, ... ดังนั้น แปลงโจทยเปนประโยคสัญลักษณได x + (x + 2) + (x + 4) + (x + 6) = 212 x+x+2+x+4+x+6 = 212 4x + 12 = 212 4x = 212 – 12 = 200 200 x = = 50 4 ดังนั้น จํานวนคูที่เรียงติดกัน x, x + 2, x + 4 และ x + 6 คือ 50, 52, 54 และ 56 ตอบ det ทย ica ้อยไ .org อยางที่พี่เคยบอกวา .tha ายร การจะประสบความสําเร็จในการสอบได ตองตะลุยทําโจทยใหมาก ๆ www ซต์น งั้น...เรามาตะลุยทําโจทยกนดีกวาครับ. ั ไ เว็บ 1. จงหาจํานวนเต็มสามจํานวนเรียงติดกัน ซึ่งมีผลบวกเปน –255 วิธีทํา สมมติใหจํานวนเต็มตัวแรก คือ x ดังนั้น จํานวนเต็มสามจํานวนเรียงติดกัน คือ x, x + 1, x + 2 เขียนประโยคสัญลักษณ x + (x + 1) + (x + 2) = –255 x+x+1+x+2 = –255 3x + 3 = –255 3x = –255 – 3 = –258 − 258 x = = –86 3 ดังนั้น จํานวนเต็มสามจํานวน x, x + 1, x + 2 คือ –86, –86 + 1, –86 + 2 หรือ –86, –85, –84 ตอบ
  • 9.
    2. จงหาจํานวนคี่สามจํานวนที่เรียงติดกัน ซึ่งมีผลบวกเปน–87 วิธีทํา สมมติใหจํานวนคี่ตวแรก คือ x ั ดังนั้น จํานวนคี่สามจํานวนเรียงติดกัน คือ x, x + 2, x + 4 จากโจทยเขียนประโยคสัญลักษณ x + (x + 2) + (x + 4) = –87 x+x+2+x+4 = –87 3x + 6 = –87 3x = –87 – 6 = –93 − 93 x = = –31 3 ดังนั้น จํานวนเต็มสามจํานวน x, x + 2, x + 4 คือ –31, –31 + 2, –31 + 4 หรือ –31, –29, –27 ตอบ det ทย จะเห็นวา แนวคิดของขอ 1 และ ขอ 2 นั้นเหมือนกัน ถาจํานวนเต็มเรียงติดกัน คือ x, x + 1, x + 2. ... ถาจํานวนเต็มคู หรือจํานวนเต็มคี่เรียงติดกัน คือ x, x+2, x+4, ... เพราะจํานวนคูหรือจํานวนคี่ที่เรียงติดกัน จะมีคาหางกัน 2 หนวย ica ้อยไ .org .tha ายร 3. ผลบวกของจํานวนเต็มสองจํานวนเปน –61 ถาจํานวนหนึ่งนอยกวาสามเทาของอีกจํานวนหนึงอยู 17 จงหาจํานวนสองจํานวนนัน ่ ้ วิธีทํา กําหนดใหจํานวนเต็มตัวแรก คือ x, ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่ง คือ –61 – x www ซต์น เพราะ จํานวนสองจํานวนบวกกัน = –61 หมายถึง x + (–61 – x) = x – 61 – x = –61 จริง กําหนดใหจํานวนที่มากกวา คือ x และจํานวนทีนอยกวา คือ –61 – x ่ ไ เว็บ ดังนั้น เขียน “จํานวนหนึ่งนอยกวาสามเทาของอีกจํานวนหนึ่งอยู 17” เปนประโยคสัญลักษณได 3x – (–61–x) = 17 จาก 3x – (–61 – x) = 17 3x + 61 + x = 17 4x = 17 – 61 = –44 x = –11 ถาจํานวนแรกคือ –11 อีกจํานวนหนึง คือ –61 – x ่ หรือ –61 – (–11) = –61 + 11 = –50 ตอบ ขอสังเกต ถาเรากําหนดให –61 – x เปนจํานวนทีมากกวา ่ และ x เปนจํานวนทีนอยกวา ่ ลองคํานวณแบบนี้ดูนะครับ ; 3 (–61 – x) – x = 17 –183 – 3x – x = 17 –4x = 17 + 183 = 200 200 x = = –50 −4 เมื่อ x = –50 ดังนั้น –61 – x คือ –61 – (–50) = –61 + 50 = –11 เชนกัน
  • 10.
    Hint : คําถามลักษณะใครมากกวาใครใครนอยกวาใคร มากหรือมากนอยกวาอยูเทาไร ... นากลัวมาก!!! เพราะนอง ๆ ตีความกันไมเปน คนทั่วไปตีความอยางนี้ → พี่มีเงินมากกวาฉันอยู 3 บาท ตีความเปน พี่ > ฉัน = 3 บาท ซึ่งประโยคสัญลักษณ พี่ > ฉัน = 3 บาท นั้น มันใชแกปญหาไมไดครับ เพราะมีทั้งเครืองหมาย > และ = อยูในประโยคเดียวกัน ่ คนคิดเกงตีความอยางนี้ → พี่มีเงินมากกวาฉันอยู 3 บาท แปลวา เงินพี่ลบเงินฉันเทากับ 3 บาท เขียนเปนประโยคสัญลักษณได พี่ – ฉัน = 3 บาท อยางนี้จึงจะเรียกไดวา “คิดได” และ “คิดเปน” ครับ 4. จํานวนคูสองจํานวนเรียงติดกัน เมื่อนํา 6 มาลบออกจากจํานวนที่มากกวา แลวคูณดวย 3 จะไดผลลัพธเทากับเมื่อนํา 4 มาบวก กับจํานวนที่นอยกวา แลวคูณดวย 7 จงหาจํานวนคูสองจํานวนนั้น  det ทย วิธีทํา จํานวนคูสองจํานวนเรียงติดกัน ใหจํานวนแรก คือ x ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่งคือ x + 2 ใหจํานวนที่มากกวา คือ x + 2 จํานวนที่นอยกวา คือ x ica ้อยไ จากประโยคภาษาขางตน เขียนเปนประโยคสัญลักษณไดดังนี้ .org [(x + 2) – 6] × 3 = [4 + x] × 7 .tha ายร แกสมการคา x ไดดังนี้ จาก [(x + 2) – 6] × 3 = [4 + x] × 7 www ซต์น (x – 4) (3) = (x + 4) 7 ; [4 + x = x + 4] 3x – 12 = 7x + 28 –12 – 28 = 7x – 3x ไ เว็บ 4x = –40 − 40 x = = –10 4 ถาจํานวนแรก คือ x = –10 ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่ง คือ x + 2 = –10 + 2 = –8 ตอบ 5. ถาผลบวกของจํานวนเต็มสองจํานวนเทากับ 20 และผลตางของสองจํานวนนั้นเทากับ 2 จงหาจํานวนสองจํานวนนั้น วิธีทํา สมมติใหจํานวนเต็มตัวแรก คือ x ดังนั้น จํานวนเต็มอีกตัวหนึ่ง คือ 20 – x จากโจทยเขียนเปนประโยคสัญลักษณได x – (20 – x) = 2 x – 20 + x = 2 2x = 2 + 20 = 22 22 x = = 11 2 ถาจํานวนแรก คือ 11 ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่ง คือ 20 – x = 20 – 11 = 9 ตอบ
  • 11.
    6. จํานวนเต็มสองจํานวน จํานวนแรกนอยกวาจํานวนที่สองอยู15 ถาคูณจํานวนแรกดวย 3 และบวกดวยสองเทาของจํานวนที่สอง จะไดผลลัพธเปน 80 จงหาจํานวนสองจํานวนนั้น วิธีทํา โจทยกําหนดใหจํานวนแรกนอยกวาจํานวนที่สองอยู 15 สมมติใหจํานวนแรก คือ x จํานวนที่สอง คือ 15 + x จากโจทยเขียนเปนประโยคสัญลักษณได 3x + 2 (15 + x) = 80 แกสมการได 3x + 2 (15) + 2x = 80 5x = 80 – 30 = 50 50 x = = 10 5 ถาจํานวนแรก คือ 10 ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่ง คือ 15 + x = 15 + 10 = 25 ตอบ 7. นตท.ผานฟา สอบแขงขันคณิตศาสตรสองครั้ง แตละครั้งคะแนนเต็ม 100 คะแนน ครั้งแรกเขาสอบได 75 คะแนน det ทย เขาตองสอบครั้งที่สองใหไดคะแนนเทาใด จึงจะไดคะแนนเฉลี่ยของการสอบทั้งสองครั้งเปน 80 คะแนน คะแนนสอบครั้งแรก + คะแนนสอบครั้งที่สอง วิธีทํา คะแนนเฉลี่ยของการสอบทั้งสองครั้ง = ica ้อยไ 2 .org 75+ คะแนนสอบครั้งที่สอง แทนคาได 80 = .tha ายร 2 ดังนั้น คะแนนสอบครั้งที่สอง = 80 (2) – 75 = 85 ∴ เขาตองทําคะแนนสอบครั้งที่สองใหได 85 คะแนน www ซต์น จึงจะไดคะแนนเฉลี่ยของการสอบทั้งสองครั้งเปน 80 คะแนน ตอบ ไ เว็บ 8. นักเรียนหองหนึ่งมีจํานวนนักเรียนหญิงเปนสองเทาของจํานวนนักเรียนชาย ถามีนักเรียนชายยายมาเพิ่ม 6 คน และนักเรียนหญิงยายออก 5 คน แลวนักเรียนชายกับนักเรียนหญิงจะมีจํานวนเทากัน จงหาจํานวนนักเรียนในหองนี้ วิธีทํา กําหนดใหมีจานวนนักเรียนชาย x คน ํ ดังนั้น มีจํานวนนักเรียนหญิง 2x คน นักเรียนชายเพิม 6 คน หมายถึง ่ x+6 นักเรียนหญิงลด 5 คน หมายถึง 2x – 5 โจทยกําหนดให x+6 = 2x – 5 แกสมการได 6+5 = 2x – x x = 11 ดังนั้น นักเรียนในหองนี้มีจานวน x + 2x = ํ 11 + 2 (11) = 11 + 22 = 33 คน ตอบ
  • 12.
    9. ลวดหนามขดหนึ่งยาว 36เมตร นําไปลอมรั้วรอบพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมผืนผาที่มีดานกวางสั้นกวาดานยาว 4 เมตร ไดพอดี  จงหาขนาดของรูปสี่เหลี่ยมผืนผานี้ วิธีทํา x+4 x x x+4 ถาสมมติใหความกวางของรูปสี่เหลี่ยมผืนผายาว x เมตร ดังนั้น ใหความยาวของรูปสี่เหลี่ยมผืนผายาว x+4 เมตร จากรูปและโจทย x + x + (x + 4) + (x + 4) = 36 เมตร x+x+x+4+x+4 = 36 4x + 8 = 36 det ทย 36 − 8 28 x = = = 7 เมตร 4 4 ica ้อยไ ดังนั้น สี่เหลี่ยมผืนผารูปนี้ กวาง 7 เมตร ยาว 7 + 4 หรือ 11 เมตร ตอบ .org .tha ายร 2 10. แมแบงทีนาใหลกสองคน คนแรกไดรับ ของที่มีอยู คนที่สองไดนอยกวาคนแรก 5 ไร ปรากฏวาแมยงเหลือทีนาอยูอก 15 ไร ่ ู  ั ่ ี www ซต์น 5 จงหาวาเดิมแมมีที่นากี่ไร วิธีทํา ถาที่นาถูกแบงใหลูกสองคน ไ 2 2 เว็บ สมมติใหที่นาทั้งหมดมี x ไร ลูกคนแรกไดรับ x ไร คนที่สองไดรับ x – 5 ไร 5 5 2 ⎛2 จากโจทยเขียนเปนประโยคสัญลักษณได x = x + ⎜ x −5 ⎞ + 15 ⎟ 5 ⎝5 ⎠ 2 2 x = x + x – 5 + 15 5 5 2 2 x– x– x = –5 + 15 = 10 5 5 2 2 x ⎛1 − − ⎞ ⎜ ⎟ = 10 ⎝ 5 5⎠ 1 x = 10 5 x = 10 (5) = 50 ดังนั้น เดิมแมมีที่นารวม 50 ไร ตอบ
  • 13.
    11. สามปที่แลวบุตรมีอายุเทากับหนึ่งในหาของอายุปจจุบันของบิดา อีกหาปขางหนาบิดาจะมีอายุมากกวาอายุของบุตร25 ป จงหาอายุปจจุบันของบิดาและบุตร  x วิธีทํา กําหนดใหปจจุบันบิดาอายุ x ป ทําใหสามปที่แลวบุตรมีอายุ ป 5 x ดังนั้น ปจจุบันบุตรอายุ + 3 ป 5 x x ทําใหอีกหาปขางหนาบิดาอายุ x + 5 ป และบุตรอายุ ⎛ + 3 ⎞ + 5 = ⎜ ⎟ + 8 ป ⎝5 ⎠ 5 x จากโจทยเขียนเปนประโยคสัญลักษณไดวา  (x + 5) – ⎛ + 8 ⎞ ⎜ ⎟ = 25 ⎝5 ⎠ x x+5– –8 = 25 5 x x– = 25 – 5 + 8 = 28 det ทย 5 4 ica ้อยไ x = 28 5 5 .org x = 28 × = 35 ป 4 .tha ายร x 35 ถาปจจุบันบิดาอายุ 35 ป ดังนั้น บุตรอายุ + 3 = +3 = 10 ป ตอบ 5 5 www ซต์น 12. ทอประปาทอหนึ่งวัดเสนผานศูนยกลางภายในได 6 เซนติเมตร ถาทอประปาทอนี้จุน้ําได 1,386 ลูกบาศกเซนติเมตร ไ จะมีความยาวเทาใด (ใชสูตร V = πr2ℓ เมื่อ V แทนปริมาตรของทรงกระบอก เว็บ r แทนรัศมีของฐานของทรงกระบอก 22 ℓ แทนความยาวของทรงกระบอก และกําหนดให π = ) 7 วิธีทํา จากสูตร V = πr2ℓ D 6 จากโจทย r = = = 3 cm 2 2 22 แทนคา V = 1,386 cm3, π= , r = 3 และเราตองหาคา ℓ 7 จาก V = πr2ℓ V 1,386 1,386 × 7 ดังนั้น ℓ = = 22 = = 49 cm πr 2 × 32 22 × 9 7 ดั้งนั้น ทอน้ํานี้มีความยาว 49 เซนติเมตร ตอบ
  • 14.
    2.2 ปญหาเกี่ยวกับอัตราสวนและรอยละ นอง ๆ เคยแกโจทยปญหาเกี่ยวกับอัตราสวนและรอยละมาแลว แตในกรณีที่โจทยมความซับซอนยุงยาก ถาใชสมการ ี ชวยอาจทําไดรวดเร็วและงายกวา ดังตัวอยางตอไปนี้ ตัวอยางที่ 13 พอคาซื้อแปงสองชนิดมาผสมกันใหได 50 กิโลกรัม เขาซื้อแปงชนิดแรกกิโลกรัมละ 15 บาท ซื้อแปงชนิดที่สอง กิโลกรัมละ 25 บาท เมื่อนํามาผสมกันแลวเขาขายไปไดกําไร 25% คิดเปนเงินทั้งหมด 1,312.50 บาท อยากทราบวาพอคาซื้อแปงมาแตละชนิดอยางละกีกิโลกรัม ่ วิธีทํา ถาซื้อแปงชนิดแรก x กิโลกรัม ตองซื้อแปงชนิดที่สอง 50 – x กิโลกรัม แปงชนิดแรกราคากิโลกรัมละ 15 บาท คิดเปนเงิน 15x บาท แปงชนิดที่สองราคากิโลกรัมละ 25 บาท คิดเปนเงิน 25 (50 – x) บาท det ทย เขาขายไปไดกาไรํ 25% คิดเปนเงินรวมทั้งหมด 1,312.50 บาท แสดงวา ไดเงิน 125 บาท จากทุน 100 บาท ica ้อยไ 1,312.50 ×100 .org ไดเงิน 1,312.50 บาท จากทุน = 1,050 บาท 125 .tha ายร ทุน 1,050 บาท ก็คือทุน 15x + 25 (50 – x) บาท เขียนเปนสมการได 1,050 = 15x + 25 (50 – x) www ซต์น 15x + 1,250 – 25x = 1,050 –10x = 1,050 – 1,250 –10x = –200 ไ เว็บ − 200 x = = 20 − 10 ดังนั้น เขาซื้อแปงชนิดแรกมา 20 กิโลกรัม และ เขาซื้อแปงชนิดที่สองมา 50 – x = 50 – 20 = 30 กิโลกรัม ตอบ ตัวอยางที่ 14 มีน้ําเกลืออยูสองชนิด ชนิด A มีเกลือ 20% ชนิด B มีเกลือ 35% ตองการน้ําเกลือสองชนิดมาผสมกันใหได น้ําเกลือผสม 20 ลิตร และมีเกลือ 25% จงหาวาตองใชนาเกลือชนิด A และชนิด B อยางละเทาใด ้ํ 20 – x x ลิตร ลิตร ชนิด A ชนิด B
  • 15.
    วิธีทํา น้ําเกลือชนิด A; น้ําเกลือ 20% คือ มีน้ําเกลือ 100 ลิตร คิดเปนเกลือ 20 ลิตร 20x ดังนั้น มีน้ําเกลือ x ลิตร คิดเปนเกลือ = 0.2x ลิตร 100 น้ําเกลือชนิด B ; น้ําเกลือ 35% คือ มีน้ําเกลือ 100 ลิตร คิดเปนเกลือ 35 ลิตร 35( 20 − x ) 7 ดังนั้น มีน้ําเกลือ 20 – x ลิตร คิดเปนเกลือ = (20 – x) ลิตร 100 20 25 น้ําเกลือผสม 20 ลิตร มีเกลือ 25% ดังนั้น มีเกลือ × 20 = 5 ลิตร 100 7 จะไดสมการเปน 0.2x + (20 – x) = 5 20 7 0.2x + 7 – x = 5 20 0.2x – 0.35x = 5–7 det ทย – 0.15x = –2 −2 ica ้อยไx = = 13.33 − 0.15 .org ดังนั้น น้ําเกลือชนิด A มี 13.33 ลิตร น้ําเกลือชนิด B มี 20 – 13.33 = 6.66 ลิตร ตอบ .tha ายร www ซต์น ทีนี้...พี่จะทําแบบฝกหัดใหดูเปนตัวอยางนะครับ ไ 1. โรงเรียนเตรียมทหารมีจานวนนักเรียนในระดับชั้นตาง ๆ ดังนี้ ชั้นปที่ 1 คิดเปน 50% ของนักเรียนทั้งหมด ชั้นปที่ 2 คิดเปน ํ เว็บ 80% ของนักเรียนชั้นปที่ 1 และที่เหลืออีก 118 คน เปนนักเรียนชั้นปที่ 3 จงหาจํานวนนักเรียนทั้งหมดของโรงเรียนนี้ วิธีทํา ใหโรงเรียนเตรียมทหารมีนกเรียนทั้งหมด ั x คน 50 นักเรียนชั้นปที่ 1 คิดเปน 50% ของนักเรียนทั้งหมด นันคือ่ x = 0.5x คน 100 80 50 นักเรียนชั้นปที่ 2 คิดเปน 80% ของนักเรียนชั้นปที่ 1 นันคือ ่ × x = 0.4x คน 100 100 นักเรียนชั้นปที่ 3 คิดเปน 118 คน เขียนเปนสมการไดวา นักเรียนทั้งหมด = ชั้นปที่ 3 + ชั้นปที่ 1 + ชั้นปที่ 2 x = 118 + 0.5x + 0.4x x = 118 + 0.9x x – 0.9x = 118 0.1x = 118 118 x = = 1,180 คน 0.1 ดังนั้น นักเรียนทั้งหมดของโรงเรียนเตรียมทหารมี 1,180 คน ตอบ
  • 16.
    2. แมคานําลูกชื้นเนื้อและลูกชิ้นหมูมาขายรวม 60กิโลกรัม ลูกชื้นเนื้อกิโลกรัมละ 60 บาท ลูกชิ้นหมูกิโลกรัมละ 50 บาท ปรากฏวาอัตราสวนของจํานวนเงินที่ซื้อลูกชื้นเนื้อตอจํานวนเงินที่ซื้อลูกชิ้นหมูเปน 6 : 7 จงหาวาแมคาซื้อลูกชิ้นแตละชนิด มาอยางละกีกโลกรัม ่ิ วิธีทํา กําหนดใหลกชิ้นเนื้อ เปนลูกชิ้น A ู กําหนดใหลกชิ้นหมู เปนลูกชิ้น B ู ซื้อลูกชิ้นทั้งสองชนิดรวมกัน 60 กิโลกรัม ถาซื้อชนิด A มา x กิโลกรัม จะซื้อชนิด B มา 60 – x กิโลกรัม ลูกชิ้น A ; จํานวน 1 กิโลกรัม ราคา 60 บาท ดังนั้น จํานวน x กิโลกรัม ราคา 60x บาท ลูกชิ้น B ; จํานวน 1 กิโลกรัม ราคา 50 บาท จํานวน 60 – x กิโลกรัม ราคา 50 (60 – x) บาท ดังนั้น เขาตองจายเงินซื้อลูกชิ้นตามอัตราสวนดังนั้น คาลูกชิ้นA 6 60x = = det ทย คาลูกชิ้นB 7 50(60 − x) จะไดสมการ 6 × 50 (60 – x) = ica ้อยไ 7 (60x) 18,000 – 300x = 420x .org 18,000 = 420x + 300x = 720x .tha ายร 720x = 18,000 18,000 x = = 25 www ซต์น 720 ดังนั้น พอคาซื้อลูกชื้นเนื้อมา 25 กิโลกรัม พอคาซื้อลูกชิ้นหมูมา 60 – x = 60 – 25 = 35 กิโลกรัม ตอบ ไ เว็บ 3. ดารุณเี ปดรานขายกระเปาและรองเทา เธอติดราคาขายกระเปาไวโดยคิดกําไร 25% แตเมื่อมีเพื่อนมาซื้อ ดารุณีจงลดราคาให 10% ึ และขายไปในราคา 900 บาท อยากทราบวาตนทุนของกระเปาใบนี้เปนเทาใด วิธีทํา สมมติใหกระเปาใบนี้มีตนทุน x บาท ขายของคิดกําไร 25% หมายความวา ซื้อมา 100 บาท ตองการขายใหไดเงิน 125 บาท 125x แสดงวา ซื้อมา x บาท ตองการขายใหไดเงิน = 1.25x บาท 100 แตพอเพื่อนมาซื้อ ลดให 10% หมายความวา ของราคา 100 บาท ตองการขายใหไดเงิน 90 บาท (90 ) แสดงวา ของราคา 1.25x บาท ตองการขายใหไดเงิน (1.25x) × = 1.125x บาท 100 และเมื่ออานโจทยแลวทําใหทราบวา 1.125x บาท ก็คือ 900 บาท จะได 1.125x = 900 900 x = = 800 บาท 1.125 แสดงวาตนทุนของกระเปาใบนี้คือ 800 บาท ตอบ
  • 17.
    4. สนามหญารูปสี่เหลี่ยมผืนผาแหงหนึงมีอัตราสวนความยาวตอความกวางเปน 5: 3 ถาเพิ่มความยาวแตละดานอีก 20% ่ ของความยาวเดิม จะทําใหความยาวรอบสนามเทากับ 268.8 เมตร จงหาวาเดิมแตละดานของสนามยาวกี่เมตร วิธีทํา เขียนรูปสี่เหลียมผืนผาสมมติ ที่อัตราสวนความยาวตอความกวางเปน 5 : 3 ่ 5 3 120 ถาความยาวเพิม 20% จะไดความยาวใหม 120% ก็คอ ่ ื ×5 = 6 100 120 ถาความกวางเพิ่ม 20% จะไดความกวางใหม 120% ก็คือ × 3 = 3. 6 100 อัตราสวนความยาวตอความกวางใหมจะเปน 6 : 3.6 จากสนามสมมติ กับอัตราสวนความยาวใหม ความยาวรอบรูปสมมติจะได 6 + 6 + 3.6 + 3.6 = 19.2 det ทย ให x เปนจํานวนเทาที่เปนตัวคูณกับความยาวสมมติ แลวไดความยาวจริง ica ้อยไ (19.2)x = 268.8 268.8 .org x = = 14 19.2 .tha ายร ดังนั้น สนามจริง ๆ มิติใหมมีความกวาง 3.6 × 14 = 50.4 เมตร มีความยาว 6 × 14 = 84.0 เมตร www ซต์น เปรียบเทียบเปนเปอรเซ็นต ความกวาง 120% คือ 50.4 เมตร 50.4 ×100 ดังนั้น ความกวาง 100% คือ = 42 เมตร 120 ไ ความยาว 120% คือ 84 เมตร เว็บ 84×100 ดังนั้น ความยาว 100% คือ = 70 เมตร 120 แสดงวา แตเดิมสนามกวาง 42 เมตร และยาว 70 เมตร ตอบ 5. นตท.อิศระ ซอมวิ่งมาราธอนวันแรกวิงไป 20% ของระยะทางทั้งหมด วันที่สองวิ่งไปอีก 64 กิโลเมตร วันที่สามวิ่งตอไป ่ อีก 50% ของระยะทางที่เหลือ ปรากฏวาเขาวิ่งสามวันรวมกันไดระยะทาง 200 กิโลเมตร ระยะทางชวงสุดทายจะวิ่งในวันที่สี่ จงหาวาระยะทางที่ นตท.อิศระ ตองวิ่งทั้งหมดยาวกีกิโลเมตร ่ วิธีทํา สมมติใหเขาตองวิ่งระยะทางทั้งหมด x กิโลเมตร 20 วันแรกเขาจึงวิงไปไดระยะทาง ่ x = 0.2x กิโลเมตร 100 วันที่สองเขาวิงไปไดระยะทาง ่ 64 กิโลเมตร * แปลวาสองวันแรกเขาวิ่งไปไดระยะทาง 0.2x + 64 กิโลเมตร * เหลือระยะทางเทากับ x – 0.2x – 64 = 0.8x – 64 กิโลเมตร
  • 18.
    50 วันที่สามเขาวิงไปไดระยะทาง 50% ของระยะทางที่เหลือ คือ ่ (0.8x − 64) กิโลเมตร 100 = 0.5 (0.8x − 64) กิโลเมตร = 0.4x – 32 กิโลเมตร ระยะทางที่วิ่งรวมสามวัน คือ 0.2 + 64 + (0.4x – 32) = 200 กิโลเมตร แกสมการหาคา x จะได 0.2 + 64 + 0.4x – 32 = 200 กิโลเมตร 0.6x + 32 = 200 กิโลเมตร 0.6x = 200 – 32 กิโลเมตร 168 x = กิโลเมตร 0.6 x = 280 กิโลเมตร ดังนั้น ระยะทางที่ นตท.อิศระ ตองวิ่งทั้งหมดเทากับ 280 กิโลเมตร ตอบ det ทย ica ้อยไ 6. ถาตองการผสมน้ําเชื่อมใหมีน้ําตาล 40% โดยการผสมน้ําเชื่อมสองขวด ขวดแรกเปนน้ําเชื่อมที่มีน้ําตาล 90% และมีน้ําเชือม ่ .org อยูในขวด 250 ลูกบาศกเซนติเมตร น้ําเชื่อมขวดที่สองเปนน้าเชื่อมที่มีน้ําตาล 20% จะตองใชน้ําเชื่อมจากขวดที่สองปริมาณเทาใด ํ วิธีทํา ตองการน้ําเชือมผสมที่มีน้ําตาล 40% หมายความวา ่ .tha ายร น้ําเชื่อมผสมปริมาณ 100 cm3 จะมีน้ําตาล 40 cm3 40x www ซต์น ดังนั้น น้ําเชื่อมผสมปริมาณ x cm3 จะมีน้ําตาล = 0.4x cm3 100 3 น้ําเชื่อมผสมปริมาณ x cm เกิดจากการผสมน้ําเชื่อมสองขวด พิจารณาน้ําเชือมขวดแรก ่ มีน้ําตาล 90% หมายความวา ไ เว็บ โจทยกําหนดให น้ําเชื่อมปริมาณ 100 cm3 จะมีน้ําตาล 90 cm3 90× 250 น้ําเชื่อมปริมาณ 250 cm3 จะมีน้ําตาล = 225 cm3 100 พิจารณาน้ําเชือมขวดที่สอง ่ น้ําเชื่อมผสม = น้ําเชื่อมขวดแรก + น้ําเชื่อมขวดที่สอง x = 250 + น้ําเชื่อมขวดที่สอง ดังนั้น น้ําเชื่อมขวดทีสองมีปริมาณ = x – 250 ่ cm3 โจทยกําหนดให น้ําเชื่อมปริมาณ 100 cm3 จะมีน้ําตาล 20 cm3 20(x − 250) น้ําเชื่อมปริมาณ x – 250 cm3 จะมีน้ําตาล 100 = 0.2 (x – 250) = 0.2x - 50 cm3 มองภาพรวมแลว น้ําตาลผสม = น้ําตาลขวดแรก + น้ําตาลขวดที่สอง = 225 + 0.2x – 50 = 0.2x + 175 cm3
  • 19.
    ซึ่งน้ําตาลผสมเปนปริมาณ 40% ของน้ําเชื่อมผสม น้ําตาลผสม 40 สวน จากน้ําเชื่อม 100 สวน 100 น้ําตาลผสม 0.2x + 175 สวน จากน้ําเชื่อม (0.2x + 175) 40 = 2.5 (0.2x + 175) = 0.5x + 437.5 สวน ซึ่งน้ําเชื่อม 100 สวน (หรือ 100%) ก็คือน้ําเชื่อมปริมาณ x cm3 จะไดสมการ x = 0.5x + 437.5 x – 0.5x = 437.5 0.5x = 437.5 437.5 x = = 875 det ทย 0.5 แสดงวา น้ําเชื่อมผสมมีปริมาณ x ica ้อยไ cm3 หรือ 875 cm3 ตองใชน้ําเชื่อมจากขวดที่สองเทากับ x – 250 = 875 – 250 = 625 cm3 ตอบ .org .tha ายร 2.3 ปญหาเกี่ยวกับอัตราเร็ว www ซต์น โจทยปญหาเกียวกับระยะทาง อัตราเร็ว และเวลา เปนอีกเรื่องหนึ่งที่เราสามารถหาคําตอบได โดยใชความรูเรื่องสมการ ่ ความเกียวของกันของปริมาณทั้งสามเปนดังนี้ ่ ไ เว็บ ระยะทาง = อัตราเร็ว × เวลา ซึ่งอัตราเร็วที่กลาวถึงขางตนนั้น คือ อัตราเร็วเฉลี่ย ถาทราบแลว...ลองมาทําแบบฝกหัดตอไปนีนะครับ ้
  • 20.
    1. ตอและติ๊กนัดพบกับเพือนที่หนาโรงเรียนนายเรือ ซึ่งอยูกึ่งกลางของระยะทางระหวางบานของตอและติ๊กพอดีตอขี่จักรยานยนต ่ สวนติ๊กขับอีแตน ซึ่งอัตราเร็วของรถจักรยานยนตของตอมากกวาอัตราเร็วของรถอีแตนของติ๊ก 24 กิโลเมตรตอชั่วโมง ตอใชเวลาเดินทาง 12 นาที และติ๊กใชเวลาเดินทาง 20 นาที จงหา 1.) อัตราเร็วของรถทั้งสองคัน 2.) ระยะทางระหวางบานของทั้งสองคน วิธีทํา 1.) มาทําความเขาใจสูตรกอนนะครับ 1 ระยะทาง = อัตราเร็ว × เวลา ; 12 นาที = ชั่วโมง 5 ระยะทาง 1 ดังนั้น อัตราเร็ว = 20 นาที = ชั่วโมง เวลา 3 ถาระยะทางจากบานตอไปโรงเรียนนายเรือ = ระยะทางจากบานติ๊กไปโรงเรียนนายเรือ โจทยกําหนดใหอัตราเร็วของตอมากกวาอัตราเร็วของติ๊ก 24 กิโลเมตร / ชั่วโมง นั่นคือ อัตราเร็ว (ตอ) – อัตราเร็ว (ติก) = ๊ 24 km / hr det ทย ทําให อัตราเร็ว (ติ๊ก) = อัตราเร็ว (ตอ) – 24 ถาให ica ้อยไ อัตราเร็ว (ตอ) = x km / hr อัตราเร็ว (ติ๊ก) = x – 24 km / hr .org พิจารณาการเดินทางของตอ ระยะทาง = อัตราเร็ว (ตอ) × เวลา .tha ายร 1 = x⎛ ⎞ ⎜ ⎟ ----------① ⎝5⎠ www ซต์น พิจารณาการเดินทางของติ๊ก ระยะทาง = อัตราเร็ว (ติ๊ก) × เวลา 1 = (x – 24) ⎛ ⎞ - - - - - - - - - - ② ⎜ ⎟ ⎝3⎠ ไ เว็บ เนื่องจากทั้งสองเดินทางดวยระยะทางที่เทากัน ดังนั้น ① = ② 1 1 x = (x – 24) 5 3 3x = 5 (x – 24) 3x = 5x – 120 120 = 5x – 3x 2x = 120 x = 60 km / hr ตอบ 1.) แสดงวา อัตราเร็วของตอ คือ 60 km / hr และ อัตราเร็วของตอ คือ x – 24 = 60 – 24 = 36 km / hr 2.) ตอไปหาระยะทางระหวางบานของทั้งสอง = ระยะทางจากบานตอไปโรงเรียนนายเรือ + ระยะทางจากบานติ๊กไปโรงเรียนนายเรือ = [ความเร็ว (ตอ) × เวลา] + [ความเร็ว (ติ๊ก) × เวลา] = ⎛ 60 × 1 ⎞ + ⎛ 36 × 1 ⎞ ⎜ ⎟ ⎜ ⎟ ⎝ 5⎠ ⎝ 3⎠ = 12 + 12 = 24 km ดังนั้น ระยะทางระหวางบานของคนทั้งสอง = 24 กิโลเมตร ตอบ 2.)
  • 21.
    2. นตท.รวิน วิ่งดวยอัตราเร็ว13 กิโลเมตรตอชั่วโมง นตท.ปรีชา วิ่งดวยอัตราเร็ว 11 กิโลเมตรตอชัวโมง และวิ่งนานกวา นตท.รวิน ่ 1 20 นาที ไดระยะทางไกลกวา นตท.รวิน 2 กิโลเมตร จงหาวา นตท.ปรีชา วิ่งไดระยะทางเทาใด (20 นาที = ชั่วโมง) 3 วิธีทํา จากสูตร ระยะทาง = อัตราเร็ว × เวลา 1 ถาให นตท.รวิน วิ่งนาน x ชั่วโมง ปรีชาจะวิ่งนาน x + ชั่วโมง 3 พิจารณา นตท.รวิน ; ระยะทาง = อัตราเร็ว × เวลา = 13x km พิจารณา นตท.ปรีชา ; ระยะทาง = อัตราเร็ว × เวลา 1 = 11 (x + ) km 3 เพราะ นตท.ปรีชา วิ่งไดไกลกวา นตท.รวิน 2 km ดังนั้น ระยะทาง (นตท.ปรีชา) – ระยะทาง (นตท.รวิน) = 2 km det ทย 1 11 (x + ) – 13x = 2 3 ica ้อยไ 11 .org 11x + – 13x = 2 3 .tha ายร 11 –2x = 2– 3 −5 www ซต์น –2x = 3 −5 1 x = × 3 −2 ไ 5 เว็บ = ชั่วโมง 6 5 เมื่อแกสมการแลวจะไดวา นตท.รวิน วิ่งไดนาน ชั่วโมง หรือ 50 นาที 6 1 5 1 นตท.ปรีชา วิงไดนาน x + = + ่ 3 6 3 7 = ชั่วโมง หรือ 70 นาที 6 1 ดังนั้น นตท.ปรีชา วิ่งไดระยะทาง = 11⎛ x + ⎞ ⎜ ⎟ ⎝ 3⎠ 5 1 = 11⎛ + ⎞ ⎜ ⎟ ⎝6 3⎠ 7 = 11⎛ ⎞ ⎜ ⎟ ⎝6⎠ 77 = 6 5 = 12 กิโลเมตร ตอบ 6
  • 22.
    3. รถบดถนนสองคันอยูหางกัน 66เมตร บนถนนสายหนึ่งและเคลื่อนสวนทางกัน คันหนึ่งเคลื่อนที่ดวยความเร็ว 10 เมตรตอนาที  อีกคันหนึ่งเคลื่อนที่ดวยความเร็ว 12 เมตรตอนาที ถาใหรถบดทั้งสองคันเริ่มเคลื่อนเวลา 07.00 น. พรอมกัน รถทั้งสอง จะเคลื่อนที่มาพบกันเมื่อเวลาผานไปกี่นาที และเปนเวลาเทาใด วิธีทํา จากโจทยขอนี้ แมรถทั้งสองคันจะมีความเร็วไมเทากัน ทําใหไดระยะทางไมเทากัน แตรถทั้งสองใชเวลาในการเคลื่อนที่เทากัน จากสูตร ระยะทาง = อัตราความเร็ว × เวลา 12x = 10 (66 – x) = 660 – 10x 12x + 10x = 660 22x = 660 660 x = = 30 เมตร 22 x 30 ดังนั้น รถคันแรกใชเวลาในการเคลื่อนที่ = = = 3 นาที det ทย 10 10 66 − x 66 − 30 36 เทากับ รถคันที่สองใชเวลาในการเคลื่อนที่ = ica ้อยไ = = = 3 นาที เชนกัน 12 12 12 ดังนั้น รถบดทั้งสองคันจะใชเวลา 3 นาที ในการเคลื่อนที่มาเจอกัน และจะเจอกันเวลา 07.03 น. .org ตอบ .tha ายร 4. นตท.รักชาติ ออกเดินดวยอัตราเร็ว 5 กิโลเมตรตอชั่วโมง เมื่อเวลา 09.00 อีก 2 ชั่วโมงตอมา นตท.นักรบ เดินตามมาดวย www ซต์น อัตราเร็ว 10 กิโลเมตรตอชั่วโมง เมื่อเวลาเทาไร ชายทั่งสองจึงจะเดินทางทันกันพอดี (โจทยขอนี้เหมือนขอสอบเรียนตอ  ปริญญาเอก ของมหาวิทยาลัยมหิดล ป 48 เปะ ๆ เลยครับ) ไ วิธีทํา การที่ นตท. ทังสองคนเดินทันกัน ในขณะที่ นตท.รักชาติ ออกเดินกอน แมจะมีความเร็วชากวา ้ เว็บ * แต นตท. ทังสองคนใชระยะทางในการเดินเทากัน ้ จากสูตร ระยะทาง = ความเร็ว × เวลา พิจารณา นตท.รักชาติ สมมติใหเขาใชเวลาเดิน x ชั่วโมง ดังนั้น ระยะทางของ นตท.รักชาติ = ความเร็ว × เวลา = 5x กิโลเมตร ---------① พิจารณา นตท.นักรบ สมมติใหเขาใชเวลาเดิน x – 2 ชั่วโมง (เพราะออกเดินหลัง นตท.รักชาติ 2 ชั่วโมง) ดังนั้น ระยะทางของ นตท.นักรบ = ความเร็ว × เวลา = 10 (x – 2) ---------② เนื่องจากทั้งสองเดินดวยระยะทางที่เทากัน หรือ ① – ② ดังนั้น 5x = 10 (x – 2) แกสมการได 5x = 10x – 20 20 = 10x – 5x = 5x 20 x = = 4 ชั่วโมง 5 ถา นตท.รักชาติ ออกเดินเวลา 09.00 ดังนั้น เขาจะเจอกันเวลา 09.00 + 4 ชั่วโมง = 13.00 น. ตอบ
  • 23.
    5. นักกีฬาขีจักรยานทางไกลในระยะทาง 57กิโลเมตร โดยใชอัตราเร็วชวงแรก 12 กิโลเมตรตอชั่วโมง และชวงตอไป 16 ่ กิโลเมตรตอชั่วโมง ถาเขาใชเวลาในการขี่จกรยานตลอดทางรวม 4 ชั่วโมง จงหาระยะทางและเวลาที่ขี่จักรยานของแตละชวง ั วิธีทํา เริ่มตน สิ้นสุด x km 57 – x km ชวงอัตราเร็ว 12 km/hr ชวงอัตราเร็ว 16 km/hr ชวงที่ 1 ชวงที่ 2 ชวงที่ 1 อัตราเร็ว 12 km/hr แสดงวา ระยะทาง 12 km ใชเวลา 1 hr x ดังนั้น ระยะทาง x km ใชเวลา hr ---------① 12 ชวงที่ 2 อัตราเร็ว 16 km/hr แสดงวา ระยะทาง 16 km ใชเวลา 1 hr 57 - x det ทย ดังนั้น ระยะทาง 57 – x km ใชเวลา hr ---------② 16 จากโจทยจะได เวลาชวงที่ 1 + เวลาชวงที่ 2 ica ้อยไ = 4 hr x 57 − x + .org จะไดสมการ = 4 12 16 4x + 3(57 − x) .tha ายร แกสมการได = 4 48 4x + 171 – 3x = 4 × 48 = 192 www ซต์น 4x – 3x = 192 – 171 x = 21 km ไ ดังนั้น ชวงที่ 1 ระยะทางที่เขาขี่จักรยาน คือ 21 กิโลเมตร เว็บ และ ชวงที่ 2 ระยะทางที่เขาขี่จักรยาน คือ 57 – x = 57 – 21 = 36 กิโลเมตร ตอบ 6. พรชัยและศรัญมีบานอยูหางกัน 20 กิโลเมตร ทั้งสองคนนัดกันออกจากบานเวลา 07.00 น. พรอมกัน เพื่อไปสมัครสอบที่ โรงเรียนนายเรืออากาศ ซึ่งอยูใกลบานศรัญมากกวาบานพรชัย ถาพรชัย ขับรถดวยความเร็ว 80 กิโลเมตรตอชั่วโมง และศรัญ ขับรถดวยอัตราเร็ว 60 กิโลเมตรตอชั่วโมง พรชัย ถึงโรงเรียนนายเรืออากาศกอนศรัญ 10 นาที จงหาวาโรงเรียนนายเรือ อากาศอยูหางจากบานของศรัญกี่กิโลเมตร วิธีทํา x km 20 – x km บานศรัญ โรงเรียนนายเรืออากาศ บานพรชัย สมมติ ใหบานศรัญอยูหางจากโรงเรียนฯ x km ดังนั้น ใหบานพรชัยอยูหางจากโรงเรียนฯ 20 – x km พิจารณาศรัญ ที่ขับรถดวยอัตราเร็ว 60 km/hr ไปโรงเรียนฯ ระยะทาง 60 km เขาใชเวลา 1 hr x ดังนั้น ระยะทาง x km เขาใชเวลา hr 60
  • 24.
    พิจารณาพรชัย ที่ขับรถดวยอัตราเร็ว 80 km/hr ไปโรงเรียนฯ ระยะทาง 80 km เขาใชเวลา 1 hr 20 - x ดังนั้น ระยะทาง 20 – x km เขาใชเวลา hr 80 โจทยกําหนดให พรชัยถึงโรงเรียนฯ กอนศรัญ 10 นาที 1 หมายความวา ศรัญใชเวลามากกวาพรชัยอยู 10 นาที หรือ ชั่วโมง 6 1 นั่นคือ เวลาศรัญ – เวลาพรชัย = hr 6 x 20 - x 1 – = 60 80 6 x 20 x 1 20 1 – + = ; ⎡ = ⎤ 60 80 80 6 ⎢ 80 4 ⎥ ⎣ ⎦ det ทย x x 1 1 + = + 60 80 6 4 4x + 3x 2+3 ica ้อยไ = .org 240 12 5 7x = × 240 .tha ายร 12 7x = 100 www ซต์น 100 2 x = = 14 km 7 7 2 5 ดังนัน โรงเรียนนายเรืออากาศอยูหางจากบานศรัญ 14 กิโลเมตร และโรงเรียนนายเรืออากาศอยูหางจากบานพรชัย 5 ้   ไ 7 7 เว็บ กิโลเมตร “แตทําไม” คําตอบไมตรงกับขอกําหนดของโจทยที่บอกวา โรงเรียนนายเรืออากาศอยูใกลบานศรัญมากกวาบานของ พรชัย “ขอนี้ตองมีการตรวจคําตอบครับ” ;  ศรัญขับรถ 60 กิโลเมตร ใชเวลา 1 ชั่วโมง 2 2 1 100 1 5 ดังนั้น ศรัญขับรถ 14 กิโลเมตร ใชเวลา 14 × = × = ชั่วโมง 7 7 6 7 6 21 พรชัยขับรถ 80 กิโลกรัม ใชเวลา 1 ชั่วโมง 5 5 1 40 1 1 ดังนั้น พรชัยขับรถ 5 กิโลเมตร ใชเวลา 5 × = × = ชั่วโมง 7 7 80 7 80 14 5 1 10 − 3 7 1 ดังนั้น ศรัญใชเวลามากกวาพรชัย = − = = = ชั่วโมง 21 14 42 42 6 1 ซึ่ง ชั่วโมง ก็คือ 10 นาที จริง 6 ดังนั้น เราคํานวณถูกตองแลวครับ แตพี่เองแหละที่ตั้งโจทยไมถกตอง ู ตอบ
  • 25.
    1 7. ชายคนหนึงขับรถไดระยะทาง 235กิโลเมตร เขาใชเวลาขับรถในชวงกลางวัน 2 ชั่วโมง และในชวงกลางคืน 1 ชั่วโมง โดย ่ 2 ลดอัตราเร็วลงนอยกวากลางวันชัวโมงละ 16 กิโลเมตร จงหา ่ 1.) อัตราเร็วเฉลี่ยของรถในชวงกลางวัน 2.) ระยะทางที่เขาขับรถในชวงกลางคืน 1 3 วิธีทํา ระยะทาง 235 กิโลเมตร ใชเวลาขับรถชวงกลางวัน 2 ชั่วโมง และชวงกลางคืน 1 รวม 3 ชั่วโมง 2 2 สมมติใหชวงเวลากลางวัน รถวิ่งดวยอัตราเร็ว x km / hr ดังนั้น ชวงเวลากลางคืน รถวิ่งดวยอัตราเร็ว x – 16 km / hr ระยะทางทั้งหมด = ชวงเวลากลางวัน + ระยะทางชวงเวลากลางคืน = (อัตราเร็ว × เวลาชวงกลางวัน) + (อัตราเร็ว × เวลาชวงกลางคืน) 1 เขียนเปนสมการได 235 = x (2) + (x – 16) ⎛ 1 ⎞ ⎜ ⎟ ⎝ 2⎠ det ทย 3 2x + (x − 16) = 235 2 3 ica ้อยไ .org 2x + x − 24 = 235 2 .tha ายร 7 x = 235 + 24 = 259 2 2 www ซต์น x = 259× = 37x2 = 74 km / hr 7 และอัตราเร็วเฉลี่ยของรถในชวงกลางคืน คือ x – 16 = 74 – 16 = 58 km / hr ชวงเวลากลางคืน เวลา 1 ชั่วโมง เขาขับรถไดระยะทาง 58 km ไ เว็บ 1 3 3 58 ดังนั้น เวลา 1 หรือ ชั่วโมง เขาขับรถไดระยะทาง × = 87 km 2 2 2 1 ดังนั้น ระยะทางที่เขาขับรถในชวงกลางคืนเทากับ 87 กิโลเมตร ตอบ 8. รถไฟขบวน ก. และขบวน ข. ออกจากสถานีรถไฟหัวหิน โดยแลนตามกันไปยังสถานีปลายทางที่เดี่ยวกัน ถารถไฟขบวน ก. ออกจากสถานีเมื่อเวลา 0600 น. ดวยอัตราเร็ว 40 กิโลเมตรตอชั่วโมง รถไฟขบวน ข. ออกจากสถานีเมื่อเวลา 0830 น. ดวย อัตราเร็ว 60 กิโลเมตรตอชั่วโมง จงหาวารถไฟขบวน ข. แลนไปทันรถไฟขบวน ก. เมื่อเวลาใด และจุกที่รถไฟทั้งสองแลน ทันกันนันอยูหางจากสถานีหัวหินกีกิโลเมตร ้  ่ วิธีทํา ตองพิจารณาใหไดวา รถไฟทั้งสองขบวนแลนไปทันกัน แตออกดวยเวลาไมเทากัน และความเร็วไมเทากันดวย แตมีสิ่งที่เทากันอยู นั่นคือระยะทางทีแลน ่ ตองใชความสัมพันธตรงจุดนี้ หาคําตอบของโจทยใหได เวลา 0600 น. รถไฟขบวน ก. สถานีหัวหิน ปลายทาง รถไฟขบวน ข. เวลา 0830 น.
  • 26.
    พิจารณารถไฟขบวน ก. ระยะทาง = อัตราเร็ว × เวลา ใหรถไฟใชเวลาวิ่ง x ชั่วโมง จะไดระยะทาง = 40x km ---------① พิจารณารถไฟขบวน ข. ระยะทาง = อัตราเร็ว × เวลา 1 1 ใหรถไฟใชเวลาวิ่ง x – 2 ชั่วโมง จะไดระยะทาง = 60⎛ x − 2 ⎞ ⎜ ⎟ 2 ⎝ 2⎠ 5 = 60⎛ x − ⎞ km ⎜ ⎟ ---------② ⎝ 2⎠ 5 เนื่องจาก ① = ② ดังนั้น 40x = 60⎛ x − ⎞ ⎜ ⎟ ⎝ 2⎠ แกสมการได 40x = 60x – 150 150 = (60 – 40) x 150 ดังนั้น x = = 7.5 det ทย 20 1 1 15 ดังนั้น รถไฟขบวน ก. ใชเวลาวิ่ง 7.5 หรือ 7 ชั่วโมง ; ⎡7 ⎤ = ชั่วโมง ⎢ 2⎥ ica ้อยไ 2 ⎣ ⎦ 2 ถารถไฟขบวน ก. ออกจากสถานีเมื่อ 06.00 น. จะวิ่งทันและเจอกับรถไฟขบวน ข. .org 1 .tha ายร ที่เวลา 06.00 + 7 ชั่วโมง = 13.30 น. 2 และรถไฟทั้งสองจะวิ่งทันกัน และเจอกันที่ระยะทาง 40x = 40 (7.5) www ซต์น = 300 กิโลเมตรจากจุดเริ่มตน ตอบ ไ เว็บ 9. รถไฟขบวน ก. และขบวน ข. แลนสวนทางกัน และมาพบกันที่สถานีบางซื่อ รถไฟขบวน ก. ออกจากสถานีนเี้ มื่อเวลา 0700 น. ดวยอัตราเร็ว 45 กิโลเมตรตอชั่วโมง รถไฟขบวน ข. ออกจากสถานีนี้หลังจากขบวน ก. ออกไปแลว 3 นาที และไปถึงสถานี ปลายทางอยุธยา เมื่อเวลา 0815 น. ซึ่งถึงกอนรถไฟขบวน ก. ถึงสถานีปลายทางนครปฐม 5 นาที ถาสถานีปลายทางทั้งสอง อยูหางกัน 150 กิโลเมตร จงหาวารถไฟขบวน ข. แลนดวยอัตราเร็วเทาใด วิธีทํา กอนอื่นตองเขียนรูปเพื่อใหงายตอความเขาใจครับ  สถานีอยุธยา สถานีบางซื่อ สถานีนครปฐม ขบวน ข. ขบวน ข. ขบวน ก. ขบวน ก. ถึงเวลา 08.15 น. ถึงเวลา 08.20 น. ออกเวลา 0730 น. ออกเวลา 0700 น. อัตราเร็ว x km/hr อัตราเร็ว 45 km/hr
  • 27.
    ดูจากรูปแลว เราสามารถใชขอมูลจากรถไฟขบวน ก.มาคํานวณหาได รถไฟขบวน ก. ออกเดินทางเวลา 07.00 น. ถึงที่หมายเวลา 08.20 น. 1 4 แสดงวาใชเวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 20 นาที 1 = ชั่วโมง หรือ 3 3 อัตราเร็ว 45 km / hr แสดงวา 1 hr ไปไดระยะทาง 45 km 4 4 แสดงวา hr ไปไดระยะทาง 45× = 60 km 3 3 แสดงวาสถานีบางซื่อหางจากสถานีหลักสี่เปนระยะทาง 60 กิโลเมตร โจทยบอกวา สถานีนครปฐมกับสถานีอยุธยาหางกัน 150 กิโลเมตร แตเราหาไดแลววาสถานีบางซื่อหางจากสถานีนครปฐม 60 กิโลเมตร ดังนั้น สถานีอยุธยาหางจากสถานีบางซื่อ = 150 – 60 = 90 กิโลเมตร ตอบ รถไฟขบวน ข. ออกเดินทางเวลา 0703 น. ถึงที่หมายเวลา 08.15 น. 1 6 det ทย แสดงวาใชเวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 12 นาที หรือ 1 = ชั่วโมง 5 5 6 ica ้อยไ รถไฟเดินทางระยะทาง 90 กิโลเมตร ภายในเวลา 5 ชั่วโมง .org ระยะทาง 90 5 อัตราเร็ว = = = 90 × = 75 km / hr .tha ายร เวลา 6 6 5 จะไดวา รถไฟขบวน ข. แลนดวยอัตราเร็ว 75 กิโลเมตรตอชั่วโมง ตอบ www ซต์น จากโจทยรูปแบบตาง ๆ ที่เราไดทํากันมามากมาย นอง ๆ เห็นแนวทางในการแกปญหาไหมครับ อยางงั้น...ลองอาน ไ แนวคิดตอไปนี้ครับ เว็บ 1. โจทยถามอะไร ใหสมมติสิ่งที่โจทยถามเปนตัวแปร 2. มองภาพรวมใหออกวา วิธีจะเขาถึงการแกปญหานี้ตองทําอยางไร บางทีตองเขียนภาพขึ้นมาเพื่อใหตีความงาย ๆ 3. หาความสัมพันธจากสิ่งที่โจทยใหมาใหได บางที รถสองคันเคลื่อนที่ ไมมีอะไรเหมือนกันเลย แตใชเวลาเทากัน รถสองคันวิ่งเร็วไมเทากัน เวลาก็ไมเทากัน แตระยะทางเทากัน (ออกชากวา หรือเร็วกวา แตวิ่งทันกัน) รถคันหนึ่ง ถึงวิงเร็วกวาอีกคันหนึ่ง จะได เวลาของรถที่ถึงชากวา – เวลาของรถที่ถึงเร็วกวา = ผลตางของเวลาของรถทั้งสองคัน ่ 4. การคิดเวลาไมเหมือนการคิดเปอรเซ็นตนะครับ พิจารณาใหดวา 60 นาที คือ ี 1 ชั่วโมง 1×1 1 ดังนั้น 1 นาที คือ = ชั่วโมง 60 6 20×1 1 20 นาที คือ = ชั่วโมง 60 3 30×1 1 30 นาที คือ = ชั่วโมง 60 2 x(1) x แสดงวา x นาที คือ = ชั่วโมง 60 60
  • 28.
    ทั้งนี้ โจทยกําหนดกี่นาที ก็กําหนดแบบขางตนครับ 5.ความสัมพันธระหวางอัตราเร็ว ระยะทาง และเวลา ระยะทาง อัตราเร็ว = เวลา ระยะทาง = อัตราเร็ว × เวลา ระยะทาง เวลา = อัตราเร็ว ไมตองทองทุกสูตรนะครับ แคเปลี่ยนคูณเปนหาร แตตองทองสูตรแรก ใหได แลวแกสมการเอาก็ไดครับ...งายดี ☺ 6. สุดทาย วิธที่จะทําใหแกสมการได “เกง” และ “ดี” คือการทําแบบฝกหัดบอย ๆ ครับ ี ทําใหเยอะ ๆ จากของาย ๆ เชน x + 2 = 5 แลวคอยไปดึงขอยาก ๆ อยางแบบทดสอบที่พี่ใหไว แลวนองจะ “เกงขึ้น เกงขึ้น” อยางไมนาเชือครับ ่ เพราะพี่คนพิมพเองตอนเรียนมัธยมก็ตกเลข แตเมื่อไดพมพบทเรียนบอย ๆ หรืออานตรวจความถูกตองก็ยังเขาใจได ิ det ทย เอาหละครับ...ตัวอยางทั้งหมดที่นอง ๆ ไดอานนี้ ครอบคุลมการแกปญหาสมการในเกือบทุกรูปแบบ (ในระดับชันนี้) ica ้อยไ ้ นองแกสมการได แตคนอืนทําไมได แคนนอง ๆ ก็สอบติดแลวครับ. ่ ี้ .org .tha ายร ไ www ซต์น เว็บ
  • 29.
    1. การแกสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว สมการ คือประโยคสัญลักษณที่กลาวถึงความสัมพันธของจํานวน โดยมี “ = ” เปนสัญลักษณแสดงความสัมพันธระหวาง จํานวนรูปแบบของสมการ มีทั้งแบบมีตัวแปร เชน 3x + 7 = 15; และแบบไมมีตัวแปร เชน 15 + 6 = 21 เปนตน เราแทนคาตัวแปร แลวทําใหสมการเปนจริง คานั้นจะเปนคําตอบของสมการ การแกสมการ ตองใชสมบัติของการเทากัน (Properties of Equality) ตอไปนี้ เมื่อกําหนดให a, b และ c เปนจํานวนจริงใด ๆ 1. สมบัติสมมาตร ถา a = b แลว b = a 2. สมบัติถายทอด ถา a = b และ b = c แลว a = c 3. สมบัติการบวก ถา a = b แลว a + c = b + a 4. สมบัติการคูณ ถา a = b แลว ac = bc สมการเชิงเสนตัวแปรเดียว (Linear Equation with One Variable) คือ สมการที่มีตัวแปรเพียงตัวเดียว และตัวแปรนั้นมี det ทย degree = 1 เขียนในรูปแบบทั่วไปไดวา ax + b = 0 เมื่อ a และ b เปนคาคงตัว และ a ≠ 0 ica ้อยไ .org หลักการแกสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว แยกตามรูปแบบตาง ๆ ไดดงนี้ ั .tha ายร 1. ถาสัมประสิทธิ์และคาคงตัวเปนจํานวนเต็ม ใหใชการยายขาง โดยพิจารณาเครื่องหมายเปนสําคัญ เมื่อยายขางจํานวนใด ใหเปลี่ยนเปนเครื่องหมายตรงขาม ตัวอยางที่ 1 จงหาคา x จากสมการ 9x + 18 = 24 – 3x www ซต์น วิธีทํา จาก 9x + 18 = 24 – 3x (ยายตัวเลขมาดานเดียวกัน และยายตัวแปรใหมาดานเดียวกัน) 9x + 3x = 24 – 18 ไ 12x = 6 เว็บ 6 1 x = = 12 2 1 ดังนั้น x = ตอบ 2 2. ถาสมการเปนทศนิยม ใหแกปญหาโดยการยายขางสมการ และทําทศนิยมใหเปนจํานวนเต็ม ตัวอยางที่ 2 จงแกสมการ 2.25x – 1.25 = 3x + 3.75 วิธีทํา ยายขางสมการ – 1.25 – 3.75 = 3x – 2.25x –5 = 0.75x 0.75x = –5 −5 x = 0.75 − 500 x = 75 2 ดังนั้น x = −6 ตอบ 3
  • 30.
    3. ถาสมการเปนเศษสวน ตองยายขางสมการเปลี่ยนตัวหารใหเปนตัวคูณ โดยใหพจารณาเทอมการบวก – ลบกันเปนพิเศษ ิ 3 5x 1 x ตัวอยางที่ 3 จงแกสมการ x – = + − 4 2 4 2 3 5x 1 x วิธีทํา ยายตัวแปรมาดานเดียวกัน x– = + − 4 2 4 2 5x x 1 3 x– + = + + 2 2 4 4 2x − 5x + 1x 4 = =1 2 4 − 2x +1 = 2 1 ดังนั้น x = –1 ตอบ det ทย 2. โจทยสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว ica ้อยไ .org การแกปญหาโจทยสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว มีขั้นตอนการคิดดังนี้ 1. อานโจทย แลววิเคราะหวาโจทยกําหนดอะไร และตองการทราบคาอะไร .tha ายร 2. สมมติสิ่งที่โจทยตองการทราบคาใหเปนตัวแปรหนึ่ง 3. พิจารณาความสัมพันธของตัวแปร และเงื่อนไขที่โจทยกําหนดให www ซต์น 4. สรางสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว จากเงือนไขที่โจทยกําหนดมาให ่ 5. แกสมการเพื่อหาคาตัวแปร ตามวิธีที่กลาวมาแลว ไ เว็บ ตัวอยางที่ 4 เลขจํานวนคูบวก 5 จํานวนเรียงกัน มีผลรวมได 230 จงหาผลบวกของเลขที่มีคามากเปนลําดับที่สอง และลําดับที่สี่ วิธีทํา ใหจํานวนที่มคานอยที่สุดเปน x ี ดังนั้น จํานวนคู 5 จํานวน เรียงกัน จึงไดเปน x + (x + 2) + (x + 4) + (x + 6) + (x + 8) = 230 เขียนเปนสมการไดวา x + (x + 2) + (x + 4) + (x + 6) + (x + 8) = 230 5x + 20 = 230 5x = 230 – 20 210 ดังนั้น x = = 42 5 เมื่อ x หรือจํานวนทีนอยที่สดมีคาเทากับ 42 แลว จํานวนทั้งหาเรียงจากนอยไปมากคือ 42, 44, 46, 48 และ 50 ่ ุ ดังนั้น ผลบวกของจํานวนที่มีคามากเปนลําดับทีสอง และลําดับที่สี่คือ 48 + 44 ่ = 92 ตอบ
  • 31.
    ตัวอยางที่ 5 พอคาซื้อผาเช็ดหนามาจํานวนหนึ่ง ถาขายผืนละ 65 บาท จํานวนครึ่งหนึ่งของที่ซื้อมาจะเทาทุนพอดี แตถาขายผืน ละ 31 บาท ของจํานวนหนึ่งในสีจากจํานวนที่ซื้อมา และขายผืนละ 36 บาท ของที่เหลือ จะไดกําไร 1,440 บาท ่ อยากทราบวาซื้อผาเช็ดหนามาทั้งหมดกี่ผน ื วิธีทํา ใหกําหนดวา พอคาซื้อผาเช็ดหนามา x ผืน x x ถาขายไปผืนละ 65 บาท ในจํานวนครึ่งหนึง หรือ จะไดเงินเทาทุน หรือเงินทุน = (65) บาท ่ 2 2 1x 31x 31x 108 ถาขายไปผืนละ 31 บาท ของ จะไดเงิน บาท ซึ่ง + x 4 4 4 4 3x 3x 108x และ ถาขายไปผืนละ 36 บาท ของ จะไดเงิน 36 × = บาท ทําใหไดกําไร 1,440 บาท 4 4 4 จากสมการที่วา ราคาขาย – ตนทุน = กําไร (หรือขาดทุน)  31x 108x ⎞ 65x จะไดสมการ ⎛ + ⎜ ⎟− = 1,440 ⎝ 4 4 ⎠ 2 det ทย 31x 108x 130x + − = 1,440 4 ica ้อยไ 4 4 (31 + 108 + 130)x = 1,440 .org 4 9x .tha ายร = 1,440 4 1,440 × 4 x = www ซต์น 9 x = 640 ดังนั้น พอคาซื้อผาเช็ดหนามาจํานวน 640 ผืน ตอบ ไ เว็บ