Download free for 30 days
Sign in
Upload
Language (EN)
Support
Business
Mobile
Social Media
Marketing
Technology
Art & Photos
Career
Design
Education
Presentations & Public Speaking
Government & Nonprofit
Healthcare
Internet
Law
Leadership & Management
Automotive
Engineering
Software
Recruiting & HR
Retail
Sales
Services
Science
Small Business & Entrepreneurship
Food
Environment
Economy & Finance
Data & Analytics
Investor Relations
Sports
Spiritual
News & Politics
Travel
Self Improvement
Real Estate
Entertainment & Humor
Health & Medicine
Devices & Hardware
Lifestyle
Change Language
Language
English
Español
Português
Français
Deutsche
Cancel
Save
Submit search
EN
Uploaded by
eakbordin
53,090 views
การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
Read more
8
Save
Share
Embed
Embed presentation
Download
Downloaded 501 times
1
/ 31
2
/ 31
3
/ 31
4
/ 31
5
/ 31
Most read
6
/ 31
Most read
7
/ 31
8
/ 31
Most read
9
/ 31
10
/ 31
11
/ 31
12
/ 31
13
/ 31
14
/ 31
15
/ 31
16
/ 31
17
/ 31
18
/ 31
19
/ 31
20
/ 31
21
/ 31
22
/ 31
23
/ 31
24
/ 31
25
/ 31
26
/ 31
27
/ 31
28
/ 31
29
/ 31
30
/ 31
31
/ 31
More Related Content
PDF
กราฟของสมการเชิงเส้นสองตัวอปร
by
Jiraprapa Suwannajak
PDF
เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2
by
นายเค ครูกาย
PDF
การแก้อสมการ
by
Aon Narinchoti
DOC
แบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
by
sontayath
PDF
บทที่ 2 ทฤษฎีบทพีทาโกรัส
by
sawed kodnara
DOC
ข้อสอบกลางภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 ม.3 พื้นฐาน
by
kurpoo
PDF
พื้นฐานกรดเบส
by
Jariya Jaiyot
PDF
แบบฝึกหัดแยกตัวประกอบ
by
Mike Polsit
กราฟของสมการเชิงเส้นสองตัวอปร
by
Jiraprapa Suwannajak
เอกสารประกอบการเรียน พหุนาม ม.2
by
นายเค ครูกาย
การแก้อสมการ
by
Aon Narinchoti
แบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
by
sontayath
บทที่ 2 ทฤษฎีบทพีทาโกรัส
by
sawed kodnara
ข้อสอบกลางภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 ม.3 พื้นฐาน
by
kurpoo
พื้นฐานกรดเบส
by
Jariya Jaiyot
แบบฝึกหัดแยกตัวประกอบ
by
Mike Polsit
What's hot
PDF
ระบบสมการเชิงเส้น
by
Ritthinarongron School
PDF
ระบบสมการกำลังสอง
by
Ritthinarongron School
PDF
แบบทดสอบ เรื่องพหุนาม
by
ทับทิม เจริญตา
PDF
เรื่อง สมการกำลังสอง.pdf
by
ssusereb21c61
PDF
เอกสารประกอบการเรียนเรขาคณิตวิเคราะห์และภาคตัดกรวย
by
Aun Wny
PDF
เฉลยการวัดตำแหน่งและกระจาย
by
krurutsamee
PDF
การเขียนกราฟของอสมการ
by
ทับทิม เจริญตา
PDF
ข้อสอบเรื่องการบวกลบคูณหารพหุนาม
by
ทับทิม เจริญตา
PDF
Echem 1 redox
by
Saipanya school
PDF
ชุดที่ 1 แบบรูปและความสัมพันธ์
by
Aobinta In
PDF
work1
by
อ้อย ปิยาพร คงนาค
PDF
03แบบฝึกกฎการอนุรักษ์พลังงานกล
by
Phanuwat Somvongs
PDF
Slชุดฝึกเฉลยแบบฝึกทักษะ
by
krupornpana55
PDF
ฮิสโทแกรม
by
krookay2012
PDF
สอบกลางภาคชีวะ51 2m-5
by
Wichai Likitponrak
PDF
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง สารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน+...
by
Prachoom Rangkasikorn
PPTX
สารละลายกรดเบส
by
Supaluk Juntap
PDF
Lab 2 ปฏิกิริยาระหว่างกรดกับเบส
by
Jariya Jaiyot
DOC
แบบฝึกหัดที่ 2 เซลล์พืช และเซลล์สัตว์
by
Wann Rattiya
PDF
การแยกตัวประกอบพหุนามดีกรีสอง
by
ศศิชา ทรัพย์ล้น
ระบบสมการเชิงเส้น
by
Ritthinarongron School
ระบบสมการกำลังสอง
by
Ritthinarongron School
แบบทดสอบ เรื่องพหุนาม
by
ทับทิม เจริญตา
เรื่อง สมการกำลังสอง.pdf
by
ssusereb21c61
เอกสารประกอบการเรียนเรขาคณิตวิเคราะห์และภาคตัดกรวย
by
Aun Wny
เฉลยการวัดตำแหน่งและกระจาย
by
krurutsamee
การเขียนกราฟของอสมการ
by
ทับทิม เจริญตา
ข้อสอบเรื่องการบวกลบคูณหารพหุนาม
by
ทับทิม เจริญตา
Echem 1 redox
by
Saipanya school
ชุดที่ 1 แบบรูปและความสัมพันธ์
by
Aobinta In
work1
by
อ้อย ปิยาพร คงนาค
03แบบฝึกกฎการอนุรักษ์พลังงานกล
by
Phanuwat Somvongs
Slชุดฝึกเฉลยแบบฝึกทักษะ
by
krupornpana55
ฮิสโทแกรม
by
krookay2012
สอบกลางภาคชีวะ51 2m-5
by
Wichai Likitponrak
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง สารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน+...
by
Prachoom Rangkasikorn
สารละลายกรดเบส
by
Supaluk Juntap
Lab 2 ปฏิกิริยาระหว่างกรดกับเบส
by
Jariya Jaiyot
แบบฝึกหัดที่ 2 เซลล์พืช และเซลล์สัตว์
by
Wann Rattiya
การแยกตัวประกอบพหุนามดีกรีสอง
by
ศศิชา ทรัพย์ล้น
Viewers also liked
PDF
การแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร
by
พัน พัน
PDF
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
by
พัน พัน
PDF
ชุดการสอนที่ 2 เรื่อง เส้นขนานและมุมแย้ง
by
วิเชียร กีรติศักดิ์กุล
PDF
การแก้สมการ
by
Aon Narinchoti
PDF
การแก้ระบบสมการ
by
ทับทิม เจริญตา
PDF
แบบฝึกหัดเรื่องสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
by
Jirathorn Buenglee
DOCX
แบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
by
Destiny Nooppynuchy
PDF
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง
by
Ritthinarongron School
PDF
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
by
kroojaja
PDF
ทฤษฎีบทพีทาโกรัส
by
moohhack
DOC
แบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
by
sontayath
PDF
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง
by
Destiny Nooppynuchy
PDF
ใบงานสมการ
by
kanjana2536
PDF
บทที่ 4 สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
by
sawed kodnara
PDF
ชุดการสอนที่ 1 เรื่อง เส้นขนานและมุมภายใน
by
วิเชียร กีรติศักดิ์กุล
PDF
สมการและคำตอบของสมการ โดย krooann
by
kru_ann
DOCX
การแปลงทางเรขาคณิต
by
phunnika
PDF
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ทบทวนการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดี่ยว
by
ว่าที่ ร.ต. ชัยเมธี ใจคุ้มเก่า
PDF
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง
by
yingsinee
PDF
การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
by
krusongkran
การแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร
by
พัน พัน
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
by
พัน พัน
ชุดการสอนที่ 2 เรื่อง เส้นขนานและมุมแย้ง
by
วิเชียร กีรติศักดิ์กุล
การแก้สมการ
by
Aon Narinchoti
การแก้ระบบสมการ
by
ทับทิม เจริญตา
แบบฝึกหัดเรื่องสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
by
Jirathorn Buenglee
แบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
by
Destiny Nooppynuchy
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง
by
Ritthinarongron School
สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
by
kroojaja
ทฤษฎีบทพีทาโกรัส
by
moohhack
แบบทดสอบสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
by
sontayath
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง
by
Destiny Nooppynuchy
ใบงานสมการ
by
kanjana2536
บทที่ 4 สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
by
sawed kodnara
ชุดการสอนที่ 1 เรื่อง เส้นขนานและมุมภายใน
by
วิเชียร กีรติศักดิ์กุล
สมการและคำตอบของสมการ โดย krooann
by
kru_ann
การแปลงทางเรขาคณิต
by
phunnika
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ทบทวนการแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดี่ยว
by
ว่าที่ ร.ต. ชัยเมธี ใจคุ้มเก่า
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง
by
yingsinee
การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
by
krusongkran
Similar to การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
PDF
บทที่ 13 ระบบสมการ
by
krulerdboon
PDF
สมการที่มีกราฟเป็นเส้นตรง
by
ทับทิม เจริญตา
PDF
Basic algebra
by
เลิฟ บุญรอด
PDF
กราฟ ม.3
by
krookay2012
PDF
Math3
by
krusangduan54
PDF
พาราโบลา
by
Ritthinarongron School
PDF
Math1
by
krusangduan54
PDF
Graph
by
krookay2012
PDF
Basic m3-1-chapter3
by
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนอุตรดิตถ์
PDF
Onet math
by
Nuchy Geez
PDF
กราฟและการนำไปใช้
by
Jiraprapa Suwannajak
PDF
คณิตศาสตร์ม.31
by
krookay2012
PPT
Original sy eq-solve2
by
ไนซ์ ไนซ์
PDF
9789740329183
by
CUPress
PDF
บทที่ 1 เรื่องฟังก์ชันเอกซ์โปเนนเชียลและลอการิทึม
by
ภัชรณันติ์ ศรีประเสริฐ
PDF
แผนที่
by
Cha Rat
PDF
บทที่ 1 เรื่อง ระบบสมการ
by
Tin Savastham
PDF
Conic section2555
by
wongsrida
PDF
Test
by
crupor
PDF
Test
by
crupor
บทที่ 13 ระบบสมการ
by
krulerdboon
สมการที่มีกราฟเป็นเส้นตรง
by
ทับทิม เจริญตา
Basic algebra
by
เลิฟ บุญรอด
กราฟ ม.3
by
krookay2012
Math3
by
krusangduan54
พาราโบลา
by
Ritthinarongron School
Math1
by
krusangduan54
Graph
by
krookay2012
Basic m3-1-chapter3
by
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนอุตรดิตถ์
Onet math
by
Nuchy Geez
กราฟและการนำไปใช้
by
Jiraprapa Suwannajak
คณิตศาสตร์ม.31
by
krookay2012
Original sy eq-solve2
by
ไนซ์ ไนซ์
9789740329183
by
CUPress
บทที่ 1 เรื่องฟังก์ชันเอกซ์โปเนนเชียลและลอการิทึม
by
ภัชรณันติ์ ศรีประเสริฐ
แผนที่
by
Cha Rat
บทที่ 1 เรื่อง ระบบสมการ
by
Tin Savastham
Conic section2555
by
wongsrida
Test
by
crupor
Test
by
crupor
การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
1.
การประยุกตของสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว 1. ทบทวนการแกสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว
ความหมายของสมการ สมการ เปนประโยคที่แสดงการเทากันของจํานวน โดยมีสัญลักษณ = บอกการเทากัน สมการอาจมีตัวแปรหรือไมมีตัวแปรก็ได เชน 4x – 2 = 15 เปนสมการที่มี x เปนตัวแปร และ 12 – 25 = – 13 เปนสมการที่ไมมีตัวแปร det ทย สมการซึ่งมี x เปนตัวแปรและมีรูปทั่วไปเปน ax + b = 0 เมื่อ a, b เปนคาคงตัว และ a ≠ 0 เรียกวา “สมการเชิงเสนตัวแปรเดียว” ica ้อยไ .org ตอไปนี้เปนตัวอยางของสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว .tha ายร 1 1.) 4x = 0 2.) x – 4 = 0 3.) –1.5y + 1.5 = 0 4.) 2 – 3x = 0 3 www ซต์น * สมการเชิงเสนตัวแปรเดียวบอกอะไรแกเรา ? ตอบ จริง ๆ แลว เราใชอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพเล็ก เชน a, b, c, ..., x, y, z แทนตัวแปร แตที่เราพบเห็นอยูเสมอ ๆ คือ ไ ตัวแปร x และ y เพราะสามารถเขียนกราฟของสมการในระบบพิกดฉาก XY ได ั เว็บ ตัวอยางเชน 1. 4x = 0 นํา 4 มาหารทั้งสองขางของสมการ พิจารณาสมการ x = 0 จะเห็นวาไมวาคา y จะเปนเทาใด 4x 0 จะไดคา x = 0 เสมอ = 4 4 เชน ..., (0, -2), (0, -1), (0, 0), (0, 1), (0, 2), ... x =0 เขียนกราฟเสนตรงในระบบพิกัดฉาก XY ไดดังนี้ Y X=0 3 2 1 X -1 -2 -3 จะเห็นวา สมการ x = 0 ก็คือแกน Y นั่นเอง เพราะทุกพิกัดบนแกน Y มีคา x = 0
2.
1
2. x–4=0 3 นํา 4 มาบวกทั้งสองขางของสมการ พิจารณาสมการ x = 12 จะเห็นวาไมวาคา y จะเปนเทาใด 1 จะไดคา x = 12 เสมอ x–4+4 = 0+4 3 เชน ..., (12, -2), (12, -1), (12, 0), (12, 1), (12, 2), ... 1 x =0 เขียนกราฟเสนตรงในระบบพิกัดฉาก XY ไดดังนี้ 3 Y นํา 3 มาคูณทังสองขางของสมการ ้ x = 12 1 x (3) = 4 (3) X 3 -2 -1 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 x = 12 จะเห็นวา สมการ x = 12 ขนานแกน Y det ทย 3. –1.5y + 1.5 = 0 ica ้อยไ นํา 1.5 มาลบทั้งสองขางของสมการ .org –1.5y + 1.5 – 1.5 = 0 – 1.5 พิจารณาสมการ y = 1 จะเห็นวาไมวาคา x จะเปนเทาใด .tha ายร –1.5y = –1.5 จะไดคา y = 1 เสมอ นํา –1.5 มาหารทั้งสองขางของสมการ เชน ..., (-2, 1), (-1, 1), (0, 1), (1, 1), (2, 1), ... เขียนกราฟเสนตรงในระบบพิกัดฉาก XY ไดดังนี้ www ซต์น ( −1.5) y ( −1.5) = ( −1.5) ( −1.5) y =1 4 ไ 3 เว็บ 2 1 y=1 -1 -2 -3 จะเห็นวา สมการ y = 12 ขนานแกน X จากทั้งสามตัวอยางขางตน แสดงใหเห็นวา −1 • สมการ x = จํานวนจริงใด ๆ เชน x = 2, x = 5, x = เปนกราฟเสนตรงที่ขนานแกน Y 4 และสมการ x = 0 คือแกน Y นั่นเอง −1 • สมการ y = จํานวนจริงใด ๆ เชน y = 2, y = 5, y = เปนกราฟเสนตรงที่ขนานแกน X 4 และสมการ y = 0 คือแกน X นั่นเอง “มองภาพไดงายขึ้นแลวใชไหมครับ การที่เราสามารถมองภาพรวมของสมการ และรูวิธีแกสมการที่ถูกวิธี ทําใหเราหา คําตอบไดอยางรวดเร็ว และประหยัดเวลาในการคิดไดมากทีเดียว” ☺
3.
คําตอบของสมการ คือ จํานวนที่แทนตัวแปรในสมการแลว
ทําใหสมการเปนจริง ซึ่งการแกสมการ คือ การหาคําตอบของสมการนั่นเอง สามารถใชสมบัติของการเทากัน ไดแก สมบัติสมมาตร สมบัติถายทอด สมบัติการบวก และสมบัติการคูณ เพื่อหาคําตอบของสมการได สมบัติของการเทากัน มีดังนี้ 1. สมบัติสมมาตร ถา a = b แลว b = a เชน 68 = 4x ∴ 4x = 68 2. สมบัติถายทอด ถา a = b และ b = c แลว a = c det ทย เชน ถา x = 6 – 4 และ 6 – 4 = 2 แลว x = 2 4 4 ica ้อยไ ถา y = x และ x = 7 แลว y = 7 5 5 .org .tha ายร 3. สมบัติการบวก ถา a = b แลว a + c = b + c เชน ถา a = 5 แลว a + 7 = 5 + 7 www ซต์น ถา 2 – b = 4 แลว 2 – b – 2 = 4 – 2 4. สมบัติการคูณ ถา a = b แลว ac = bc ไ เว็บ เชน ถา 3 + n = 4m แลว 4 (3 + n) = 4(4m) ถา 8n – 2 = 12 แลว 2 (4n – 1) = 2 (6) การแยกตัวประกอบ ซึ่งเปนบทกลับของสมบัติการคูณ แตที่กลาวมาขางตนนั้นมันแคหลักการครับ เวลาแกสมการจริง ๆ แลว วิธีคิด “ใหไว” และ “ไดผล” ดังตอไปนี้ครับ 1. จัดรูปสมการไมใหติดเศษสวนหรือทศนิยม 2. จัดรูปสมการในขอ 1. ใหเปนรูปอยางงาย 4. ยายขางตัวเลขอยูสวนตัวเลข ตัวแปรอยูสวนตัวแปร โดยอาศัยหลักการเครื่องหมายตรงขาม ดังนี้ ยายขาง + ใหเปน – ยายขาง – ใหเปน + จํางายไหมครับ เครื่องหมายตรงขามนั่นเอง ยายขาง × ใหเปน ÷ ลองดูตัวอยางตอไปนี้ครับ ยายขาง ÷ ใหเปน ×
4.
1
2 1 ตัวอยางที่ 1 จงแกสมการ − y + = 2 3 2 วิธีทํา วิธีตามหนังสือ วิธีของเรา 1 2 1 1 2 1 − y+ = − y+ = 2 3 2 2 3 2 2 2 นํา มาลบทั้งสองขางของสมการ ยาย + จากบวกเปนลบ (ยายตัวเลขใหอยูฝงเดียวกัน) 3 3 1 2 2 1 2 1 1 2 1 จะได − y + – = – − y = – = − 2 3 3 2 3 2 2 3 6 1 1 ยาย – 2 จากหารเปนคูณ − y = − 2 6 1 1 นํา –2 มาคูณทั้งสองขางของสมการ y = − (– 2) = 6 3 1 1 จะได ⎛ − y ⎞ (– 2) = − (– 2) ⎜ ⎟ det ทย ⎝ 2 ⎠ 6 ขอนี้มันสั้นครับ ดูขอตอไปจะเห็นความแตกตางอยางชัดเจน 1 y = ica ้อยไ 3 .org .tha ายร 1 ตัวอยางที่ 2 จงแกสมการ (p – 5) = 2p – 1 3 www ซต์น วิธีทํา วิธีตามหนังสือ วิธีของเรา 1 1 (p – 5) = 2p – 1 (p – 5) = 2p – 1 3 3 ไ นํา 3 มาคูณทังสองขางของสมการ ้ p–5 = 3 (2p – 1) = 6p – 3 (ยาย 3 จากหารเปนคูณ) เว็บ 1 –5 + 3 = 6p – p (ยายเลขมาฝงเลข ตัวแปรมาฝงตัวแปร) จะได (p – 5) (3) = 3 (2p – 1) 3 –2 = 5p p – 5 = 6p – 3 5p = –2 (สมบัติสมมาตร) นํา –6 มาบวกทั้งสองขางของสมการ −2 จะได –6p + p – 5 = 6p – 3 – 6p p = (ยาย 5 จากคูณเปนหาร) 5 –5p – 3 = –3 6 บรรทัด สั้นและเร็วกวาไหมครับ? นํา 5 มาบวกทั้งสองขางของสมการ จะได –5p – 5 + 5 = –3 + 5 –5p = 2 นํา –5 มาหารทั้งสองขางของสมการ − 5p 2 จะได = −5 −5 −2 p = 5 13 บรรทัด ซึ่งยาวนะครับ.
5.
8
6 ตัวอยางที่ 3 จงแกสมการ x = x + 22 3 5 8 วิธีทํา จากโจทยจะเห็นวา เรายาย 5 จากหารไปคูณกับ x ไมได เพราะ 5 ไมใชตัวหารของเลขทั้งหมด 3 ตองยายชุดตัวแปรมาฝงเดียวกัน 8 6 จะได x – x = 22 3 5 8 6 x⎛ − ⎞ = ⎜ ⎟ 22 (ดึง x ที่เปนตัวประกอบรวมออกมา) ⎝3 5⎠ 40 − 18 ⎞ x⎛ ⎜ ⎟ = 22 (หา ค.ร.น. ของ 3 และ 5 เพื่อลบเศษสวน) ⎝ 15 ⎠ 15 x = 22 × (ยายขางหารเปนคูณ; คูณเปนหาร) 22 det ทย x = 15 ขอนี้เราทํา 5 บรรทัดครับ แตหนังสือทํา 11 บรรทัด ica ้อยไ ตอบ .org .tha ายร ตัวอยางที่ 4 จงแกสมการ 3 (y – 6) – 2 (5 + 3y) = 5 วิธีทํา คูณตัวประกอบรวมเขาไปใหไดเอกนามแตละตัว แลวจับตัวเลขคูตัวเลข ตัวแปรคูตวแปร ั www ซต์น 3y – 18 – 10 – 6y – 5 = 0 (ยาย 5 มาดวย เปน –5) –3y – 33 =0 บางคนเกงแลวทําอยางนีไดเลย ยาย –3y เปน 3y ้ จะได 0 = –3y – 33 –33 = 3y ไ − 33 เว็บ 3y = –33 =y 3 − 33 y = = –11 y = –11 ตอบ 3 x 2(x − 1) 4 − 5x ตัวอยางที่ 5 จงแกสมการ − = 9 3 6 วิธีทํา แกปญหาเศษสวนกอนเลยครับ หา ค.ร.น. ของ 9, 3 และ 6 ได 18 นํา 18 มาคูณทั้งสองขางของสมการ x (18)2(x − 1) (4 − 5x) (18) – = (18) 9 3 6 2x – 12x + 12 = 12 – 15x 2x – 12x + 15x = 12 – 12 ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร 5x = 0 x = 0 ตอบ
6.
a+7
a −5 ตัวอยางที่ 6 จงแกสมการ − (2 − a ) = 3 6 วิธีทํา กําจัดตัวสวนโดยการคูณดวย ค.ร.น. ของ 3 และ 6 ทั้งสองขางของสมการ a+7⎞ a −5 ⎞ (6) ⎛ ⎜ ⎟ – 6 (2 – a) = 6⎛⎜ ⎟ ⎝ 3 ⎠ ⎝ 6 ⎠ 2a + 14 – 12 + 6a = a–5 2a + 6a – a = –5 – 14 + 12 ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร 7a = –7 −7 a = = –1 ตอบ 7 2x x + 6 3 ตัวอยางที่ 7 จงแกสมการ + = (x + 15) 15 12 10 det ทย วิธีทํา กําจัดตัวสวนโดยการคูณดวย ค.ร.น. ของ 15, 12 และ 10 นั่นคือ 60 ทั้งสองขางของสมการ 2x (x + 6) ica ้อยไ 3 (60) + 60 = (60) (x + 15) 15 12 10 .org 8x + 5x + 30 = 18x + 270 .tha ายร 8x + 5x – 18x = 270 – 30 –5x = 240 www ซต์น 240 x = = –48 ตอบ −5 ไ ตัวอยางที่ 8 จงแกสมการ 4.5 (2 – 3x) + 0.8x = 2.3 (x + 30) เว็บ วิธีทํา คูณตัวประกอบเขาไป เพื่อใหไดเอกนามแตละตัว (4.5) (2) – (4.5) (3x) + 0.8x = 2.3x + (2.3) (30) 9 – 13.5x + 0.8x = 2.3x + 69 –13.5x + 0.8x – 2.3x = 69 – 9 ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร –15x = 60 60 x = = –4 ตอบ − 15 ตัวอยางที่ 9 จงแกสมการ 0.12y – 1.6 (y – 2) = 6.8 – 1.28y วิธีทํา คูณตัวประกอบเขาไป เพื่อใหไดเอกนามแตละตัว 0.12y – 1.6y + 3.2 = 6.8 – 1.28y 0.12y – 1.6y + 1.28y = 6.8 – 3.2 ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร –0.2y = 3.6 3.6 y = = –18 ตอบ − 0.2
7.
2x − 5
5 + 3x 2x − 1 5x − 2 ตัวอยางที่ 10 จงแกสมการ − = − 2 4 2 8 วิธีทํา กําจัดตัวสวนโดยการคูณดวย ค.ร.น. ของ 2, 4 และ 8 นั่นคือ 8 ทั้งสองขางของสมการ 8(2x − 5) 8(5 + 3x) 8(2x − 1) 8(5x − 2) − = − 2 4 2 8 8x – 20 – 10 – 6x = 8x – 4 – 5x + 2 8x – 6x – 8x + 5x = –4 + 2 + 20 + 10 ยายตัวเลขมาฝงตัวเลข ตัวแปรไปฝงตัวแปร –x = 28 28 x = = –28 ตอบ −1 2. การนําไปใช det ทย ขั้นตอนการแกสมการจากประโยคสัญลักษณเปนดังนี้ ica ้อยไ ไมจริง .org วิเคราะหเงื่อนไขในโจทย เริ่มตน → อานและวิเคราะหโจทย → กําหนดตัวแปร → → แกสมการ และเขียนสมการ .tha ายร www ซต์น ตรวจคําตอบของสมการ จบ ← แสดงคําตอบ ← ตามเงื่อนไขโจทย ไ เว็บ 2.1 ปญหาเกี่ยวกับจํานวน ตัวอยางที่ 11 ผลบวกของจํานวนสองจํานวน คือ 14 ถาจํานวนหนึ่งนอยกวาอีกจํานวนหนึ่งอยู 40 จงหาจํานวนสองจํานวนนั้น วิธีทํา ให x แทนจํานวนเต็มจํานวนหนึ่ง อีกจํานวนหนึงนอยกวาจํานวนแรกอยู 40 แทนดวย x – 40 ่ เนื่องจากผลบวกของทั้งสองจํานวน คือ 14 จะไดสมการเปน x + (x – 40) = 14 x + x – 40 = 14 2x = 14 + 40 = 54 54 x = = 27 2 ดังนั้น จํานวนเต็มตัวแรก คือ 27 และจํานวนเต็มตัวที่สอง คือ 27 – 40 = –13 ตรวจคําตอบ โจทยกําหนดใหผลบวกของจํานวนสองจํานวน คือ 14 แทนคา 27 + (–13) = 27 – 13 = 14 จริง ดังนั้น จํานวนเต็มทั้งสองจํานวน คือ 27 และ –13 ตอบ
8.
ตัวอยางที่ 12 ผลบวกของจํานวนคูสี่จํานวนเรียงติดกันเทากับ
212 จงหาจํานวนทั้งสี่ วิธีทํา พิจารณาจํานวนคูเรียงติดกัน เชน 2, 4, 6, ... เราจะเขียนแทนจํานวนเหลานี้ไดวา 2, 2+2, 2+4, ... นั่นคือ ถาสมมติใหจํานวนแรกเปน x จะได x, x+2, x+4, ... ดังนั้น แปลงโจทยเปนประโยคสัญลักษณได x + (x + 2) + (x + 4) + (x + 6) = 212 x+x+2+x+4+x+6 = 212 4x + 12 = 212 4x = 212 – 12 = 200 200 x = = 50 4 ดังนั้น จํานวนคูที่เรียงติดกัน x, x + 2, x + 4 และ x + 6 คือ 50, 52, 54 และ 56 ตอบ det ทย ica ้อยไ .org อยางที่พี่เคยบอกวา .tha ายร การจะประสบความสําเร็จในการสอบได ตองตะลุยทําโจทยใหมาก ๆ www ซต์น งั้น...เรามาตะลุยทําโจทยกนดีกวาครับ. ั ไ เว็บ 1. จงหาจํานวนเต็มสามจํานวนเรียงติดกัน ซึ่งมีผลบวกเปน –255 วิธีทํา สมมติใหจํานวนเต็มตัวแรก คือ x ดังนั้น จํานวนเต็มสามจํานวนเรียงติดกัน คือ x, x + 1, x + 2 เขียนประโยคสัญลักษณ x + (x + 1) + (x + 2) = –255 x+x+1+x+2 = –255 3x + 3 = –255 3x = –255 – 3 = –258 − 258 x = = –86 3 ดังนั้น จํานวนเต็มสามจํานวน x, x + 1, x + 2 คือ –86, –86 + 1, –86 + 2 หรือ –86, –85, –84 ตอบ
9.
2. จงหาจํานวนคี่สามจํานวนที่เรียงติดกัน ซึ่งมีผลบวกเปน
–87 วิธีทํา สมมติใหจํานวนคี่ตวแรก คือ x ั ดังนั้น จํานวนคี่สามจํานวนเรียงติดกัน คือ x, x + 2, x + 4 จากโจทยเขียนประโยคสัญลักษณ x + (x + 2) + (x + 4) = –87 x+x+2+x+4 = –87 3x + 6 = –87 3x = –87 – 6 = –93 − 93 x = = –31 3 ดังนั้น จํานวนเต็มสามจํานวน x, x + 2, x + 4 คือ –31, –31 + 2, –31 + 4 หรือ –31, –29, –27 ตอบ det ทย จะเห็นวา แนวคิดของขอ 1 และ ขอ 2 นั้นเหมือนกัน ถาจํานวนเต็มเรียงติดกัน คือ x, x + 1, x + 2. ... ถาจํานวนเต็มคู หรือจํานวนเต็มคี่เรียงติดกัน คือ x, x+2, x+4, ... เพราะจํานวนคูหรือจํานวนคี่ที่เรียงติดกัน จะมีคาหางกัน 2 หนวย ica ้อยไ .org .tha ายร 3. ผลบวกของจํานวนเต็มสองจํานวนเปน –61 ถาจํานวนหนึ่งนอยกวาสามเทาของอีกจํานวนหนึงอยู 17 จงหาจํานวนสองจํานวนนัน ่ ้ วิธีทํา กําหนดใหจํานวนเต็มตัวแรก คือ x, ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่ง คือ –61 – x www ซต์น เพราะ จํานวนสองจํานวนบวกกัน = –61 หมายถึง x + (–61 – x) = x – 61 – x = –61 จริง กําหนดใหจํานวนที่มากกวา คือ x และจํานวนทีนอยกวา คือ –61 – x ่ ไ เว็บ ดังนั้น เขียน “จํานวนหนึ่งนอยกวาสามเทาของอีกจํานวนหนึ่งอยู 17” เปนประโยคสัญลักษณได 3x – (–61–x) = 17 จาก 3x – (–61 – x) = 17 3x + 61 + x = 17 4x = 17 – 61 = –44 x = –11 ถาจํานวนแรกคือ –11 อีกจํานวนหนึง คือ –61 – x ่ หรือ –61 – (–11) = –61 + 11 = –50 ตอบ ขอสังเกต ถาเรากําหนดให –61 – x เปนจํานวนทีมากกวา ่ และ x เปนจํานวนทีนอยกวา ่ ลองคํานวณแบบนี้ดูนะครับ ; 3 (–61 – x) – x = 17 –183 – 3x – x = 17 –4x = 17 + 183 = 200 200 x = = –50 −4 เมื่อ x = –50 ดังนั้น –61 – x คือ –61 – (–50) = –61 + 50 = –11 เชนกัน
10.
Hint : คําถามลักษณะใครมากกวาใคร
ใครนอยกวาใคร มากหรือมากนอยกวาอยูเทาไร ... นากลัวมาก!!! เพราะนอง ๆ ตีความกันไมเปน คนทั่วไปตีความอยางนี้ → พี่มีเงินมากกวาฉันอยู 3 บาท ตีความเปน พี่ > ฉัน = 3 บาท ซึ่งประโยคสัญลักษณ พี่ > ฉัน = 3 บาท นั้น มันใชแกปญหาไมไดครับ เพราะมีทั้งเครืองหมาย > และ = อยูในประโยคเดียวกัน ่ คนคิดเกงตีความอยางนี้ → พี่มีเงินมากกวาฉันอยู 3 บาท แปลวา เงินพี่ลบเงินฉันเทากับ 3 บาท เขียนเปนประโยคสัญลักษณได พี่ – ฉัน = 3 บาท อยางนี้จึงจะเรียกไดวา “คิดได” และ “คิดเปน” ครับ 4. จํานวนคูสองจํานวนเรียงติดกัน เมื่อนํา 6 มาลบออกจากจํานวนที่มากกวา แลวคูณดวย 3 จะไดผลลัพธเทากับเมื่อนํา 4 มาบวก กับจํานวนที่นอยกวา แลวคูณดวย 7 จงหาจํานวนคูสองจํานวนนั้น det ทย วิธีทํา จํานวนคูสองจํานวนเรียงติดกัน ใหจํานวนแรก คือ x ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่งคือ x + 2 ใหจํานวนที่มากกวา คือ x + 2 จํานวนที่นอยกวา คือ x ica ้อยไ จากประโยคภาษาขางตน เขียนเปนประโยคสัญลักษณไดดังนี้ .org [(x + 2) – 6] × 3 = [4 + x] × 7 .tha ายร แกสมการคา x ไดดังนี้ จาก [(x + 2) – 6] × 3 = [4 + x] × 7 www ซต์น (x – 4) (3) = (x + 4) 7 ; [4 + x = x + 4] 3x – 12 = 7x + 28 –12 – 28 = 7x – 3x ไ เว็บ 4x = –40 − 40 x = = –10 4 ถาจํานวนแรก คือ x = –10 ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่ง คือ x + 2 = –10 + 2 = –8 ตอบ 5. ถาผลบวกของจํานวนเต็มสองจํานวนเทากับ 20 และผลตางของสองจํานวนนั้นเทากับ 2 จงหาจํานวนสองจํานวนนั้น วิธีทํา สมมติใหจํานวนเต็มตัวแรก คือ x ดังนั้น จํานวนเต็มอีกตัวหนึ่ง คือ 20 – x จากโจทยเขียนเปนประโยคสัญลักษณได x – (20 – x) = 2 x – 20 + x = 2 2x = 2 + 20 = 22 22 x = = 11 2 ถาจํานวนแรก คือ 11 ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่ง คือ 20 – x = 20 – 11 = 9 ตอบ
11.
6. จํานวนเต็มสองจํานวน จํานวนแรกนอยกวาจํานวนที่สองอยู
15 ถาคูณจํานวนแรกดวย 3 และบวกดวยสองเทาของจํานวนที่สอง จะไดผลลัพธเปน 80 จงหาจํานวนสองจํานวนนั้น วิธีทํา โจทยกําหนดใหจํานวนแรกนอยกวาจํานวนที่สองอยู 15 สมมติใหจํานวนแรก คือ x จํานวนที่สอง คือ 15 + x จากโจทยเขียนเปนประโยคสัญลักษณได 3x + 2 (15 + x) = 80 แกสมการได 3x + 2 (15) + 2x = 80 5x = 80 – 30 = 50 50 x = = 10 5 ถาจํานวนแรก คือ 10 ดังนั้น อีกจํานวนหนึ่ง คือ 15 + x = 15 + 10 = 25 ตอบ 7. นตท.ผานฟา สอบแขงขันคณิตศาสตรสองครั้ง แตละครั้งคะแนนเต็ม 100 คะแนน ครั้งแรกเขาสอบได 75 คะแนน det ทย เขาตองสอบครั้งที่สองใหไดคะแนนเทาใด จึงจะไดคะแนนเฉลี่ยของการสอบทั้งสองครั้งเปน 80 คะแนน คะแนนสอบครั้งแรก + คะแนนสอบครั้งที่สอง วิธีทํา คะแนนเฉลี่ยของการสอบทั้งสองครั้ง = ica ้อยไ 2 .org 75+ คะแนนสอบครั้งที่สอง แทนคาได 80 = .tha ายร 2 ดังนั้น คะแนนสอบครั้งที่สอง = 80 (2) – 75 = 85 ∴ เขาตองทําคะแนนสอบครั้งที่สองใหได 85 คะแนน www ซต์น จึงจะไดคะแนนเฉลี่ยของการสอบทั้งสองครั้งเปน 80 คะแนน ตอบ ไ เว็บ 8. นักเรียนหองหนึ่งมีจํานวนนักเรียนหญิงเปนสองเทาของจํานวนนักเรียนชาย ถามีนักเรียนชายยายมาเพิ่ม 6 คน และนักเรียนหญิงยายออก 5 คน แลวนักเรียนชายกับนักเรียนหญิงจะมีจํานวนเทากัน จงหาจํานวนนักเรียนในหองนี้ วิธีทํา กําหนดใหมีจานวนนักเรียนชาย x คน ํ ดังนั้น มีจํานวนนักเรียนหญิง 2x คน นักเรียนชายเพิม 6 คน หมายถึง ่ x+6 นักเรียนหญิงลด 5 คน หมายถึง 2x – 5 โจทยกําหนดให x+6 = 2x – 5 แกสมการได 6+5 = 2x – x x = 11 ดังนั้น นักเรียนในหองนี้มีจานวน x + 2x = ํ 11 + 2 (11) = 11 + 22 = 33 คน ตอบ
12.
9. ลวดหนามขดหนึ่งยาว 36
เมตร นําไปลอมรั้วรอบพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมผืนผาที่มีดานกวางสั้นกวาดานยาว 4 เมตร ไดพอดี จงหาขนาดของรูปสี่เหลี่ยมผืนผานี้ วิธีทํา x+4 x x x+4 ถาสมมติใหความกวางของรูปสี่เหลี่ยมผืนผายาว x เมตร ดังนั้น ใหความยาวของรูปสี่เหลี่ยมผืนผายาว x+4 เมตร จากรูปและโจทย x + x + (x + 4) + (x + 4) = 36 เมตร x+x+x+4+x+4 = 36 4x + 8 = 36 det ทย 36 − 8 28 x = = = 7 เมตร 4 4 ica ้อยไ ดังนั้น สี่เหลี่ยมผืนผารูปนี้ กวาง 7 เมตร ยาว 7 + 4 หรือ 11 เมตร ตอบ .org .tha ายร 2 10. แมแบงทีนาใหลกสองคน คนแรกไดรับ ของที่มีอยู คนที่สองไดนอยกวาคนแรก 5 ไร ปรากฏวาแมยงเหลือทีนาอยูอก 15 ไร ่ ู ั ่ ี www ซต์น 5 จงหาวาเดิมแมมีที่นากี่ไร วิธีทํา ถาที่นาถูกแบงใหลูกสองคน ไ 2 2 เว็บ สมมติใหที่นาทั้งหมดมี x ไร ลูกคนแรกไดรับ x ไร คนที่สองไดรับ x – 5 ไร 5 5 2 ⎛2 จากโจทยเขียนเปนประโยคสัญลักษณได x = x + ⎜ x −5 ⎞ + 15 ⎟ 5 ⎝5 ⎠ 2 2 x = x + x – 5 + 15 5 5 2 2 x– x– x = –5 + 15 = 10 5 5 2 2 x ⎛1 − − ⎞ ⎜ ⎟ = 10 ⎝ 5 5⎠ 1 x = 10 5 x = 10 (5) = 50 ดังนั้น เดิมแมมีที่นารวม 50 ไร ตอบ
13.
11. สามปที่แลวบุตรมีอายุเทากับหนึ่งในหาของอายุปจจุบันของบิดา อีกหาปขางหนาบิดาจะมีอายุมากกวาอายุของบุตร
25 ป จงหาอายุปจจุบันของบิดาและบุตร x วิธีทํา กําหนดใหปจจุบันบิดาอายุ x ป ทําใหสามปที่แลวบุตรมีอายุ ป 5 x ดังนั้น ปจจุบันบุตรอายุ + 3 ป 5 x x ทําใหอีกหาปขางหนาบิดาอายุ x + 5 ป และบุตรอายุ ⎛ + 3 ⎞ + 5 = ⎜ ⎟ + 8 ป ⎝5 ⎠ 5 x จากโจทยเขียนเปนประโยคสัญลักษณไดวา (x + 5) – ⎛ + 8 ⎞ ⎜ ⎟ = 25 ⎝5 ⎠ x x+5– –8 = 25 5 x x– = 25 – 5 + 8 = 28 det ทย 5 4 ica ้อยไ x = 28 5 5 .org x = 28 × = 35 ป 4 .tha ายร x 35 ถาปจจุบันบิดาอายุ 35 ป ดังนั้น บุตรอายุ + 3 = +3 = 10 ป ตอบ 5 5 www ซต์น 12. ทอประปาทอหนึ่งวัดเสนผานศูนยกลางภายในได 6 เซนติเมตร ถาทอประปาทอนี้จุน้ําได 1,386 ลูกบาศกเซนติเมตร ไ จะมีความยาวเทาใด (ใชสูตร V = πr2ℓ เมื่อ V แทนปริมาตรของทรงกระบอก เว็บ r แทนรัศมีของฐานของทรงกระบอก 22 ℓ แทนความยาวของทรงกระบอก และกําหนดให π = ) 7 วิธีทํา จากสูตร V = πr2ℓ D 6 จากโจทย r = = = 3 cm 2 2 22 แทนคา V = 1,386 cm3, π= , r = 3 และเราตองหาคา ℓ 7 จาก V = πr2ℓ V 1,386 1,386 × 7 ดังนั้น ℓ = = 22 = = 49 cm πr 2 × 32 22 × 9 7 ดั้งนั้น ทอน้ํานี้มีความยาว 49 เซนติเมตร ตอบ
14.
2.2 ปญหาเกี่ยวกับอัตราสวนและรอยละ
นอง ๆ เคยแกโจทยปญหาเกี่ยวกับอัตราสวนและรอยละมาแลว แตในกรณีที่โจทยมความซับซอนยุงยาก ถาใชสมการ ี ชวยอาจทําไดรวดเร็วและงายกวา ดังตัวอยางตอไปนี้ ตัวอยางที่ 13 พอคาซื้อแปงสองชนิดมาผสมกันใหได 50 กิโลกรัม เขาซื้อแปงชนิดแรกกิโลกรัมละ 15 บาท ซื้อแปงชนิดที่สอง กิโลกรัมละ 25 บาท เมื่อนํามาผสมกันแลวเขาขายไปไดกําไร 25% คิดเปนเงินทั้งหมด 1,312.50 บาท อยากทราบวาพอคาซื้อแปงมาแตละชนิดอยางละกีกิโลกรัม ่ วิธีทํา ถาซื้อแปงชนิดแรก x กิโลกรัม ตองซื้อแปงชนิดที่สอง 50 – x กิโลกรัม แปงชนิดแรกราคากิโลกรัมละ 15 บาท คิดเปนเงิน 15x บาท แปงชนิดที่สองราคากิโลกรัมละ 25 บาท คิดเปนเงิน 25 (50 – x) บาท det ทย เขาขายไปไดกาไรํ 25% คิดเปนเงินรวมทั้งหมด 1,312.50 บาท แสดงวา ไดเงิน 125 บาท จากทุน 100 บาท ica ้อยไ 1,312.50 ×100 .org ไดเงิน 1,312.50 บาท จากทุน = 1,050 บาท 125 .tha ายร ทุน 1,050 บาท ก็คือทุน 15x + 25 (50 – x) บาท เขียนเปนสมการได 1,050 = 15x + 25 (50 – x) www ซต์น 15x + 1,250 – 25x = 1,050 –10x = 1,050 – 1,250 –10x = –200 ไ เว็บ − 200 x = = 20 − 10 ดังนั้น เขาซื้อแปงชนิดแรกมา 20 กิโลกรัม และ เขาซื้อแปงชนิดที่สองมา 50 – x = 50 – 20 = 30 กิโลกรัม ตอบ ตัวอยางที่ 14 มีน้ําเกลืออยูสองชนิด ชนิด A มีเกลือ 20% ชนิด B มีเกลือ 35% ตองการน้ําเกลือสองชนิดมาผสมกันใหได น้ําเกลือผสม 20 ลิตร และมีเกลือ 25% จงหาวาตองใชนาเกลือชนิด A และชนิด B อยางละเทาใด ้ํ 20 – x x ลิตร ลิตร ชนิด A ชนิด B
15.
วิธีทํา น้ําเกลือชนิด A
; น้ําเกลือ 20% คือ มีน้ําเกลือ 100 ลิตร คิดเปนเกลือ 20 ลิตร 20x ดังนั้น มีน้ําเกลือ x ลิตร คิดเปนเกลือ = 0.2x ลิตร 100 น้ําเกลือชนิด B ; น้ําเกลือ 35% คือ มีน้ําเกลือ 100 ลิตร คิดเปนเกลือ 35 ลิตร 35( 20 − x ) 7 ดังนั้น มีน้ําเกลือ 20 – x ลิตร คิดเปนเกลือ = (20 – x) ลิตร 100 20 25 น้ําเกลือผสม 20 ลิตร มีเกลือ 25% ดังนั้น มีเกลือ × 20 = 5 ลิตร 100 7 จะไดสมการเปน 0.2x + (20 – x) = 5 20 7 0.2x + 7 – x = 5 20 0.2x – 0.35x = 5–7 det ทย – 0.15x = –2 −2 ica ้อยไx = = 13.33 − 0.15 .org ดังนั้น น้ําเกลือชนิด A มี 13.33 ลิตร น้ําเกลือชนิด B มี 20 – 13.33 = 6.66 ลิตร ตอบ .tha ายร www ซต์น ทีนี้...พี่จะทําแบบฝกหัดใหดูเปนตัวอยางนะครับ ไ 1. โรงเรียนเตรียมทหารมีจานวนนักเรียนในระดับชั้นตาง ๆ ดังนี้ ชั้นปที่ 1 คิดเปน 50% ของนักเรียนทั้งหมด ชั้นปที่ 2 คิดเปน ํ เว็บ 80% ของนักเรียนชั้นปที่ 1 และที่เหลืออีก 118 คน เปนนักเรียนชั้นปที่ 3 จงหาจํานวนนักเรียนทั้งหมดของโรงเรียนนี้ วิธีทํา ใหโรงเรียนเตรียมทหารมีนกเรียนทั้งหมด ั x คน 50 นักเรียนชั้นปที่ 1 คิดเปน 50% ของนักเรียนทั้งหมด นันคือ่ x = 0.5x คน 100 80 50 นักเรียนชั้นปที่ 2 คิดเปน 80% ของนักเรียนชั้นปที่ 1 นันคือ ่ × x = 0.4x คน 100 100 นักเรียนชั้นปที่ 3 คิดเปน 118 คน เขียนเปนสมการไดวา นักเรียนทั้งหมด = ชั้นปที่ 3 + ชั้นปที่ 1 + ชั้นปที่ 2 x = 118 + 0.5x + 0.4x x = 118 + 0.9x x – 0.9x = 118 0.1x = 118 118 x = = 1,180 คน 0.1 ดังนั้น นักเรียนทั้งหมดของโรงเรียนเตรียมทหารมี 1,180 คน ตอบ
16.
2. แมคานําลูกชื้นเนื้อและลูกชิ้นหมูมาขายรวม 60
กิโลกรัม ลูกชื้นเนื้อกิโลกรัมละ 60 บาท ลูกชิ้นหมูกิโลกรัมละ 50 บาท ปรากฏวาอัตราสวนของจํานวนเงินที่ซื้อลูกชื้นเนื้อตอจํานวนเงินที่ซื้อลูกชิ้นหมูเปน 6 : 7 จงหาวาแมคาซื้อลูกชิ้นแตละชนิด มาอยางละกีกโลกรัม ่ิ วิธีทํา กําหนดใหลกชิ้นเนื้อ เปนลูกชิ้น A ู กําหนดใหลกชิ้นหมู เปนลูกชิ้น B ู ซื้อลูกชิ้นทั้งสองชนิดรวมกัน 60 กิโลกรัม ถาซื้อชนิด A มา x กิโลกรัม จะซื้อชนิด B มา 60 – x กิโลกรัม ลูกชิ้น A ; จํานวน 1 กิโลกรัม ราคา 60 บาท ดังนั้น จํานวน x กิโลกรัม ราคา 60x บาท ลูกชิ้น B ; จํานวน 1 กิโลกรัม ราคา 50 บาท จํานวน 60 – x กิโลกรัม ราคา 50 (60 – x) บาท ดังนั้น เขาตองจายเงินซื้อลูกชิ้นตามอัตราสวนดังนั้น คาลูกชิ้นA 6 60x = = det ทย คาลูกชิ้นB 7 50(60 − x) จะไดสมการ 6 × 50 (60 – x) = ica ้อยไ 7 (60x) 18,000 – 300x = 420x .org 18,000 = 420x + 300x = 720x .tha ายร 720x = 18,000 18,000 x = = 25 www ซต์น 720 ดังนั้น พอคาซื้อลูกชื้นเนื้อมา 25 กิโลกรัม พอคาซื้อลูกชิ้นหมูมา 60 – x = 60 – 25 = 35 กิโลกรัม ตอบ ไ เว็บ 3. ดารุณเี ปดรานขายกระเปาและรองเทา เธอติดราคาขายกระเปาไวโดยคิดกําไร 25% แตเมื่อมีเพื่อนมาซื้อ ดารุณีจงลดราคาให 10% ึ และขายไปในราคา 900 บาท อยากทราบวาตนทุนของกระเปาใบนี้เปนเทาใด วิธีทํา สมมติใหกระเปาใบนี้มีตนทุน x บาท ขายของคิดกําไร 25% หมายความวา ซื้อมา 100 บาท ตองการขายใหไดเงิน 125 บาท 125x แสดงวา ซื้อมา x บาท ตองการขายใหไดเงิน = 1.25x บาท 100 แตพอเพื่อนมาซื้อ ลดให 10% หมายความวา ของราคา 100 บาท ตองการขายใหไดเงิน 90 บาท (90 ) แสดงวา ของราคา 1.25x บาท ตองการขายใหไดเงิน (1.25x) × = 1.125x บาท 100 และเมื่ออานโจทยแลวทําใหทราบวา 1.125x บาท ก็คือ 900 บาท จะได 1.125x = 900 900 x = = 800 บาท 1.125 แสดงวาตนทุนของกระเปาใบนี้คือ 800 บาท ตอบ
17.
4. สนามหญารูปสี่เหลี่ยมผืนผาแหงหนึงมีอัตราสวนความยาวตอความกวางเปน 5
: 3 ถาเพิ่มความยาวแตละดานอีก 20% ่ ของความยาวเดิม จะทําใหความยาวรอบสนามเทากับ 268.8 เมตร จงหาวาเดิมแตละดานของสนามยาวกี่เมตร วิธีทํา เขียนรูปสี่เหลียมผืนผาสมมติ ที่อัตราสวนความยาวตอความกวางเปน 5 : 3 ่ 5 3 120 ถาความยาวเพิม 20% จะไดความยาวใหม 120% ก็คอ ่ ื ×5 = 6 100 120 ถาความกวางเพิ่ม 20% จะไดความกวางใหม 120% ก็คือ × 3 = 3. 6 100 อัตราสวนความยาวตอความกวางใหมจะเปน 6 : 3.6 จากสนามสมมติ กับอัตราสวนความยาวใหม ความยาวรอบรูปสมมติจะได 6 + 6 + 3.6 + 3.6 = 19.2 det ทย ให x เปนจํานวนเทาที่เปนตัวคูณกับความยาวสมมติ แลวไดความยาวจริง ica ้อยไ (19.2)x = 268.8 268.8 .org x = = 14 19.2 .tha ายร ดังนั้น สนามจริง ๆ มิติใหมมีความกวาง 3.6 × 14 = 50.4 เมตร มีความยาว 6 × 14 = 84.0 เมตร www ซต์น เปรียบเทียบเปนเปอรเซ็นต ความกวาง 120% คือ 50.4 เมตร 50.4 ×100 ดังนั้น ความกวาง 100% คือ = 42 เมตร 120 ไ ความยาว 120% คือ 84 เมตร เว็บ 84×100 ดังนั้น ความยาว 100% คือ = 70 เมตร 120 แสดงวา แตเดิมสนามกวาง 42 เมตร และยาว 70 เมตร ตอบ 5. นตท.อิศระ ซอมวิ่งมาราธอนวันแรกวิงไป 20% ของระยะทางทั้งหมด วันที่สองวิ่งไปอีก 64 กิโลเมตร วันที่สามวิ่งตอไป ่ อีก 50% ของระยะทางที่เหลือ ปรากฏวาเขาวิ่งสามวันรวมกันไดระยะทาง 200 กิโลเมตร ระยะทางชวงสุดทายจะวิ่งในวันที่สี่ จงหาวาระยะทางที่ นตท.อิศระ ตองวิ่งทั้งหมดยาวกีกิโลเมตร ่ วิธีทํา สมมติใหเขาตองวิ่งระยะทางทั้งหมด x กิโลเมตร 20 วันแรกเขาจึงวิงไปไดระยะทาง ่ x = 0.2x กิโลเมตร 100 วันที่สองเขาวิงไปไดระยะทาง ่ 64 กิโลเมตร * แปลวาสองวันแรกเขาวิ่งไปไดระยะทาง 0.2x + 64 กิโลเมตร * เหลือระยะทางเทากับ x – 0.2x – 64 = 0.8x – 64 กิโลเมตร
18.
50
วันที่สามเขาวิงไปไดระยะทาง 50% ของระยะทางที่เหลือ คือ ่ (0.8x − 64) กิโลเมตร 100 = 0.5 (0.8x − 64) กิโลเมตร = 0.4x – 32 กิโลเมตร ระยะทางที่วิ่งรวมสามวัน คือ 0.2 + 64 + (0.4x – 32) = 200 กิโลเมตร แกสมการหาคา x จะได 0.2 + 64 + 0.4x – 32 = 200 กิโลเมตร 0.6x + 32 = 200 กิโลเมตร 0.6x = 200 – 32 กิโลเมตร 168 x = กิโลเมตร 0.6 x = 280 กิโลเมตร ดังนั้น ระยะทางที่ นตท.อิศระ ตองวิ่งทั้งหมดเทากับ 280 กิโลเมตร ตอบ det ทย ica ้อยไ 6. ถาตองการผสมน้ําเชื่อมใหมีน้ําตาล 40% โดยการผสมน้ําเชื่อมสองขวด ขวดแรกเปนน้ําเชื่อมที่มีน้ําตาล 90% และมีน้ําเชือม ่ .org อยูในขวด 250 ลูกบาศกเซนติเมตร น้ําเชื่อมขวดที่สองเปนน้าเชื่อมที่มีน้ําตาล 20% จะตองใชน้ําเชื่อมจากขวดที่สองปริมาณเทาใด ํ วิธีทํา ตองการน้ําเชือมผสมที่มีน้ําตาล 40% หมายความวา ่ .tha ายร น้ําเชื่อมผสมปริมาณ 100 cm3 จะมีน้ําตาล 40 cm3 40x www ซต์น ดังนั้น น้ําเชื่อมผสมปริมาณ x cm3 จะมีน้ําตาล = 0.4x cm3 100 3 น้ําเชื่อมผสมปริมาณ x cm เกิดจากการผสมน้ําเชื่อมสองขวด พิจารณาน้ําเชือมขวดแรก ่ มีน้ําตาล 90% หมายความวา ไ เว็บ โจทยกําหนดให น้ําเชื่อมปริมาณ 100 cm3 จะมีน้ําตาล 90 cm3 90× 250 น้ําเชื่อมปริมาณ 250 cm3 จะมีน้ําตาล = 225 cm3 100 พิจารณาน้ําเชือมขวดที่สอง ่ น้ําเชื่อมผสม = น้ําเชื่อมขวดแรก + น้ําเชื่อมขวดที่สอง x = 250 + น้ําเชื่อมขวดที่สอง ดังนั้น น้ําเชื่อมขวดทีสองมีปริมาณ = x – 250 ่ cm3 โจทยกําหนดให น้ําเชื่อมปริมาณ 100 cm3 จะมีน้ําตาล 20 cm3 20(x − 250) น้ําเชื่อมปริมาณ x – 250 cm3 จะมีน้ําตาล 100 = 0.2 (x – 250) = 0.2x - 50 cm3 มองภาพรวมแลว น้ําตาลผสม = น้ําตาลขวดแรก + น้ําตาลขวดที่สอง = 225 + 0.2x – 50 = 0.2x + 175 cm3
19.
ซึ่งน้ําตาลผสมเปนปริมาณ
40% ของน้ําเชื่อมผสม น้ําตาลผสม 40 สวน จากน้ําเชื่อม 100 สวน 100 น้ําตาลผสม 0.2x + 175 สวน จากน้ําเชื่อม (0.2x + 175) 40 = 2.5 (0.2x + 175) = 0.5x + 437.5 สวน ซึ่งน้ําเชื่อม 100 สวน (หรือ 100%) ก็คือน้ําเชื่อมปริมาณ x cm3 จะไดสมการ x = 0.5x + 437.5 x – 0.5x = 437.5 0.5x = 437.5 437.5 x = = 875 det ทย 0.5 แสดงวา น้ําเชื่อมผสมมีปริมาณ x ica ้อยไ cm3 หรือ 875 cm3 ตองใชน้ําเชื่อมจากขวดที่สองเทากับ x – 250 = 875 – 250 = 625 cm3 ตอบ .org .tha ายร 2.3 ปญหาเกี่ยวกับอัตราเร็ว www ซต์น โจทยปญหาเกียวกับระยะทาง อัตราเร็ว และเวลา เปนอีกเรื่องหนึ่งที่เราสามารถหาคําตอบได โดยใชความรูเรื่องสมการ ่ ความเกียวของกันของปริมาณทั้งสามเปนดังนี้ ่ ไ เว็บ ระยะทาง = อัตราเร็ว × เวลา ซึ่งอัตราเร็วที่กลาวถึงขางตนนั้น คือ อัตราเร็วเฉลี่ย ถาทราบแลว...ลองมาทําแบบฝกหัดตอไปนีนะครับ ้
20.
1. ตอและติ๊กนัดพบกับเพือนที่หนาโรงเรียนนายเรือ ซึ่งอยูกึ่งกลางของระยะทางระหวางบานของตอและติ๊กพอดี
ตอขี่จักรยานยนต ่ สวนติ๊กขับอีแตน ซึ่งอัตราเร็วของรถจักรยานยนตของตอมากกวาอัตราเร็วของรถอีแตนของติ๊ก 24 กิโลเมตรตอชั่วโมง ตอใชเวลาเดินทาง 12 นาที และติ๊กใชเวลาเดินทาง 20 นาที จงหา 1.) อัตราเร็วของรถทั้งสองคัน 2.) ระยะทางระหวางบานของทั้งสองคน วิธีทํา 1.) มาทําความเขาใจสูตรกอนนะครับ 1 ระยะทาง = อัตราเร็ว × เวลา ; 12 นาที = ชั่วโมง 5 ระยะทาง 1 ดังนั้น อัตราเร็ว = 20 นาที = ชั่วโมง เวลา 3 ถาระยะทางจากบานตอไปโรงเรียนนายเรือ = ระยะทางจากบานติ๊กไปโรงเรียนนายเรือ โจทยกําหนดใหอัตราเร็วของตอมากกวาอัตราเร็วของติ๊ก 24 กิโลเมตร / ชั่วโมง นั่นคือ อัตราเร็ว (ตอ) – อัตราเร็ว (ติก) = ๊ 24 km / hr det ทย ทําให อัตราเร็ว (ติ๊ก) = อัตราเร็ว (ตอ) – 24 ถาให ica ้อยไ อัตราเร็ว (ตอ) = x km / hr อัตราเร็ว (ติ๊ก) = x – 24 km / hr .org พิจารณาการเดินทางของตอ ระยะทาง = อัตราเร็ว (ตอ) × เวลา .tha ายร 1 = x⎛ ⎞ ⎜ ⎟ ----------① ⎝5⎠ www ซต์น พิจารณาการเดินทางของติ๊ก ระยะทาง = อัตราเร็ว (ติ๊ก) × เวลา 1 = (x – 24) ⎛ ⎞ - - - - - - - - - - ② ⎜ ⎟ ⎝3⎠ ไ เว็บ เนื่องจากทั้งสองเดินทางดวยระยะทางที่เทากัน ดังนั้น ① = ② 1 1 x = (x – 24) 5 3 3x = 5 (x – 24) 3x = 5x – 120 120 = 5x – 3x 2x = 120 x = 60 km / hr ตอบ 1.) แสดงวา อัตราเร็วของตอ คือ 60 km / hr และ อัตราเร็วของตอ คือ x – 24 = 60 – 24 = 36 km / hr 2.) ตอไปหาระยะทางระหวางบานของทั้งสอง = ระยะทางจากบานตอไปโรงเรียนนายเรือ + ระยะทางจากบานติ๊กไปโรงเรียนนายเรือ = [ความเร็ว (ตอ) × เวลา] + [ความเร็ว (ติ๊ก) × เวลา] = ⎛ 60 × 1 ⎞ + ⎛ 36 × 1 ⎞ ⎜ ⎟ ⎜ ⎟ ⎝ 5⎠ ⎝ 3⎠ = 12 + 12 = 24 km ดังนั้น ระยะทางระหวางบานของคนทั้งสอง = 24 กิโลเมตร ตอบ 2.)
21.
2. นตท.รวิน วิ่งดวยอัตราเร็ว
13 กิโลเมตรตอชั่วโมง นตท.ปรีชา วิ่งดวยอัตราเร็ว 11 กิโลเมตรตอชัวโมง และวิ่งนานกวา นตท.รวิน ่ 1 20 นาที ไดระยะทางไกลกวา นตท.รวิน 2 กิโลเมตร จงหาวา นตท.ปรีชา วิ่งไดระยะทางเทาใด (20 นาที = ชั่วโมง) 3 วิธีทํา จากสูตร ระยะทาง = อัตราเร็ว × เวลา 1 ถาให นตท.รวิน วิ่งนาน x ชั่วโมง ปรีชาจะวิ่งนาน x + ชั่วโมง 3 พิจารณา นตท.รวิน ; ระยะทาง = อัตราเร็ว × เวลา = 13x km พิจารณา นตท.ปรีชา ; ระยะทาง = อัตราเร็ว × เวลา 1 = 11 (x + ) km 3 เพราะ นตท.ปรีชา วิ่งไดไกลกวา นตท.รวิน 2 km ดังนั้น ระยะทาง (นตท.ปรีชา) – ระยะทาง (นตท.รวิน) = 2 km det ทย 1 11 (x + ) – 13x = 2 3 ica ้อยไ 11 .org 11x + – 13x = 2 3 .tha ายร 11 –2x = 2– 3 −5 www ซต์น –2x = 3 −5 1 x = × 3 −2 ไ 5 เว็บ = ชั่วโมง 6 5 เมื่อแกสมการแลวจะไดวา นตท.รวิน วิ่งไดนาน ชั่วโมง หรือ 50 นาที 6 1 5 1 นตท.ปรีชา วิงไดนาน x + = + ่ 3 6 3 7 = ชั่วโมง หรือ 70 นาที 6 1 ดังนั้น นตท.ปรีชา วิ่งไดระยะทาง = 11⎛ x + ⎞ ⎜ ⎟ ⎝ 3⎠ 5 1 = 11⎛ + ⎞ ⎜ ⎟ ⎝6 3⎠ 7 = 11⎛ ⎞ ⎜ ⎟ ⎝6⎠ 77 = 6 5 = 12 กิโลเมตร ตอบ 6
22.
3. รถบดถนนสองคันอยูหางกัน 66
เมตร บนถนนสายหนึ่งและเคลื่อนสวนทางกัน คันหนึ่งเคลื่อนที่ดวยความเร็ว 10 เมตรตอนาที อีกคันหนึ่งเคลื่อนที่ดวยความเร็ว 12 เมตรตอนาที ถาใหรถบดทั้งสองคันเริ่มเคลื่อนเวลา 07.00 น. พรอมกัน รถทั้งสอง จะเคลื่อนที่มาพบกันเมื่อเวลาผานไปกี่นาที และเปนเวลาเทาใด วิธีทํา จากโจทยขอนี้ แมรถทั้งสองคันจะมีความเร็วไมเทากัน ทําใหไดระยะทางไมเทากัน แตรถทั้งสองใชเวลาในการเคลื่อนที่เทากัน จากสูตร ระยะทาง = อัตราความเร็ว × เวลา 12x = 10 (66 – x) = 660 – 10x 12x + 10x = 660 22x = 660 660 x = = 30 เมตร 22 x 30 ดังนั้น รถคันแรกใชเวลาในการเคลื่อนที่ = = = 3 นาที det ทย 10 10 66 − x 66 − 30 36 เทากับ รถคันที่สองใชเวลาในการเคลื่อนที่ = ica ้อยไ = = = 3 นาที เชนกัน 12 12 12 ดังนั้น รถบดทั้งสองคันจะใชเวลา 3 นาที ในการเคลื่อนที่มาเจอกัน และจะเจอกันเวลา 07.03 น. .org ตอบ .tha ายร 4. นตท.รักชาติ ออกเดินดวยอัตราเร็ว 5 กิโลเมตรตอชั่วโมง เมื่อเวลา 09.00 อีก 2 ชั่วโมงตอมา นตท.นักรบ เดินตามมาดวย www ซต์น อัตราเร็ว 10 กิโลเมตรตอชั่วโมง เมื่อเวลาเทาไร ชายทั่งสองจึงจะเดินทางทันกันพอดี (โจทยขอนี้เหมือนขอสอบเรียนตอ ปริญญาเอก ของมหาวิทยาลัยมหิดล ป 48 เปะ ๆ เลยครับ) ไ วิธีทํา การที่ นตท. ทังสองคนเดินทันกัน ในขณะที่ นตท.รักชาติ ออกเดินกอน แมจะมีความเร็วชากวา ้ เว็บ * แต นตท. ทังสองคนใชระยะทางในการเดินเทากัน ้ จากสูตร ระยะทาง = ความเร็ว × เวลา พิจารณา นตท.รักชาติ สมมติใหเขาใชเวลาเดิน x ชั่วโมง ดังนั้น ระยะทางของ นตท.รักชาติ = ความเร็ว × เวลา = 5x กิโลเมตร ---------① พิจารณา นตท.นักรบ สมมติใหเขาใชเวลาเดิน x – 2 ชั่วโมง (เพราะออกเดินหลัง นตท.รักชาติ 2 ชั่วโมง) ดังนั้น ระยะทางของ นตท.นักรบ = ความเร็ว × เวลา = 10 (x – 2) ---------② เนื่องจากทั้งสองเดินดวยระยะทางที่เทากัน หรือ ① – ② ดังนั้น 5x = 10 (x – 2) แกสมการได 5x = 10x – 20 20 = 10x – 5x = 5x 20 x = = 4 ชั่วโมง 5 ถา นตท.รักชาติ ออกเดินเวลา 09.00 ดังนั้น เขาจะเจอกันเวลา 09.00 + 4 ชั่วโมง = 13.00 น. ตอบ
23.
5. นักกีฬาขีจักรยานทางไกลในระยะทาง 57
กิโลเมตร โดยใชอัตราเร็วชวงแรก 12 กิโลเมตรตอชั่วโมง และชวงตอไป 16 ่ กิโลเมตรตอชั่วโมง ถาเขาใชเวลาในการขี่จกรยานตลอดทางรวม 4 ชั่วโมง จงหาระยะทางและเวลาที่ขี่จักรยานของแตละชวง ั วิธีทํา เริ่มตน สิ้นสุด x km 57 – x km ชวงอัตราเร็ว 12 km/hr ชวงอัตราเร็ว 16 km/hr ชวงที่ 1 ชวงที่ 2 ชวงที่ 1 อัตราเร็ว 12 km/hr แสดงวา ระยะทาง 12 km ใชเวลา 1 hr x ดังนั้น ระยะทาง x km ใชเวลา hr ---------① 12 ชวงที่ 2 อัตราเร็ว 16 km/hr แสดงวา ระยะทาง 16 km ใชเวลา 1 hr 57 - x det ทย ดังนั้น ระยะทาง 57 – x km ใชเวลา hr ---------② 16 จากโจทยจะได เวลาชวงที่ 1 + เวลาชวงที่ 2 ica ้อยไ = 4 hr x 57 − x + .org จะไดสมการ = 4 12 16 4x + 3(57 − x) .tha ายร แกสมการได = 4 48 4x + 171 – 3x = 4 × 48 = 192 www ซต์น 4x – 3x = 192 – 171 x = 21 km ไ ดังนั้น ชวงที่ 1 ระยะทางที่เขาขี่จักรยาน คือ 21 กิโลเมตร เว็บ และ ชวงที่ 2 ระยะทางที่เขาขี่จักรยาน คือ 57 – x = 57 – 21 = 36 กิโลเมตร ตอบ 6. พรชัยและศรัญมีบานอยูหางกัน 20 กิโลเมตร ทั้งสองคนนัดกันออกจากบานเวลา 07.00 น. พรอมกัน เพื่อไปสมัครสอบที่ โรงเรียนนายเรืออากาศ ซึ่งอยูใกลบานศรัญมากกวาบานพรชัย ถาพรชัย ขับรถดวยความเร็ว 80 กิโลเมตรตอชั่วโมง และศรัญ ขับรถดวยอัตราเร็ว 60 กิโลเมตรตอชั่วโมง พรชัย ถึงโรงเรียนนายเรืออากาศกอนศรัญ 10 นาที จงหาวาโรงเรียนนายเรือ อากาศอยูหางจากบานของศรัญกี่กิโลเมตร วิธีทํา x km 20 – x km บานศรัญ โรงเรียนนายเรืออากาศ บานพรชัย สมมติ ใหบานศรัญอยูหางจากโรงเรียนฯ x km ดังนั้น ใหบานพรชัยอยูหางจากโรงเรียนฯ 20 – x km พิจารณาศรัญ ที่ขับรถดวยอัตราเร็ว 60 km/hr ไปโรงเรียนฯ ระยะทาง 60 km เขาใชเวลา 1 hr x ดังนั้น ระยะทาง x km เขาใชเวลา hr 60
24.
พิจารณาพรชัย ที่ขับรถดวยอัตราเร็ว
80 km/hr ไปโรงเรียนฯ ระยะทาง 80 km เขาใชเวลา 1 hr 20 - x ดังนั้น ระยะทาง 20 – x km เขาใชเวลา hr 80 โจทยกําหนดให พรชัยถึงโรงเรียนฯ กอนศรัญ 10 นาที 1 หมายความวา ศรัญใชเวลามากกวาพรชัยอยู 10 นาที หรือ ชั่วโมง 6 1 นั่นคือ เวลาศรัญ – เวลาพรชัย = hr 6 x 20 - x 1 – = 60 80 6 x 20 x 1 20 1 – + = ; ⎡ = ⎤ 60 80 80 6 ⎢ 80 4 ⎥ ⎣ ⎦ det ทย x x 1 1 + = + 60 80 6 4 4x + 3x 2+3 ica ้อยไ = .org 240 12 5 7x = × 240 .tha ายร 12 7x = 100 www ซต์น 100 2 x = = 14 km 7 7 2 5 ดังนัน โรงเรียนนายเรืออากาศอยูหางจากบานศรัญ 14 กิโลเมตร และโรงเรียนนายเรืออากาศอยูหางจากบานพรชัย 5 ้ ไ 7 7 เว็บ กิโลเมตร “แตทําไม” คําตอบไมตรงกับขอกําหนดของโจทยที่บอกวา โรงเรียนนายเรืออากาศอยูใกลบานศรัญมากกวาบานของ พรชัย “ขอนี้ตองมีการตรวจคําตอบครับ” ; ศรัญขับรถ 60 กิโลเมตร ใชเวลา 1 ชั่วโมง 2 2 1 100 1 5 ดังนั้น ศรัญขับรถ 14 กิโลเมตร ใชเวลา 14 × = × = ชั่วโมง 7 7 6 7 6 21 พรชัยขับรถ 80 กิโลกรัม ใชเวลา 1 ชั่วโมง 5 5 1 40 1 1 ดังนั้น พรชัยขับรถ 5 กิโลเมตร ใชเวลา 5 × = × = ชั่วโมง 7 7 80 7 80 14 5 1 10 − 3 7 1 ดังนั้น ศรัญใชเวลามากกวาพรชัย = − = = = ชั่วโมง 21 14 42 42 6 1 ซึ่ง ชั่วโมง ก็คือ 10 นาที จริง 6 ดังนั้น เราคํานวณถูกตองแลวครับ แตพี่เองแหละที่ตั้งโจทยไมถกตอง ู ตอบ
25.
1 7. ชายคนหนึงขับรถไดระยะทาง 235
กิโลเมตร เขาใชเวลาขับรถในชวงกลางวัน 2 ชั่วโมง และในชวงกลางคืน 1 ชั่วโมง โดย ่ 2 ลดอัตราเร็วลงนอยกวากลางวันชัวโมงละ 16 กิโลเมตร จงหา ่ 1.) อัตราเร็วเฉลี่ยของรถในชวงกลางวัน 2.) ระยะทางที่เขาขับรถในชวงกลางคืน 1 3 วิธีทํา ระยะทาง 235 กิโลเมตร ใชเวลาขับรถชวงกลางวัน 2 ชั่วโมง และชวงกลางคืน 1 รวม 3 ชั่วโมง 2 2 สมมติใหชวงเวลากลางวัน รถวิ่งดวยอัตราเร็ว x km / hr ดังนั้น ชวงเวลากลางคืน รถวิ่งดวยอัตราเร็ว x – 16 km / hr ระยะทางทั้งหมด = ชวงเวลากลางวัน + ระยะทางชวงเวลากลางคืน = (อัตราเร็ว × เวลาชวงกลางวัน) + (อัตราเร็ว × เวลาชวงกลางคืน) 1 เขียนเปนสมการได 235 = x (2) + (x – 16) ⎛ 1 ⎞ ⎜ ⎟ ⎝ 2⎠ det ทย 3 2x + (x − 16) = 235 2 3 ica ้อยไ .org 2x + x − 24 = 235 2 .tha ายร 7 x = 235 + 24 = 259 2 2 www ซต์น x = 259× = 37x2 = 74 km / hr 7 และอัตราเร็วเฉลี่ยของรถในชวงกลางคืน คือ x – 16 = 74 – 16 = 58 km / hr ชวงเวลากลางคืน เวลา 1 ชั่วโมง เขาขับรถไดระยะทาง 58 km ไ เว็บ 1 3 3 58 ดังนั้น เวลา 1 หรือ ชั่วโมง เขาขับรถไดระยะทาง × = 87 km 2 2 2 1 ดังนั้น ระยะทางที่เขาขับรถในชวงกลางคืนเทากับ 87 กิโลเมตร ตอบ 8. รถไฟขบวน ก. และขบวน ข. ออกจากสถานีรถไฟหัวหิน โดยแลนตามกันไปยังสถานีปลายทางที่เดี่ยวกัน ถารถไฟขบวน ก. ออกจากสถานีเมื่อเวลา 0600 น. ดวยอัตราเร็ว 40 กิโลเมตรตอชั่วโมง รถไฟขบวน ข. ออกจากสถานีเมื่อเวลา 0830 น. ดวย อัตราเร็ว 60 กิโลเมตรตอชั่วโมง จงหาวารถไฟขบวน ข. แลนไปทันรถไฟขบวน ก. เมื่อเวลาใด และจุกที่รถไฟทั้งสองแลน ทันกันนันอยูหางจากสถานีหัวหินกีกิโลเมตร ้ ่ วิธีทํา ตองพิจารณาใหไดวา รถไฟทั้งสองขบวนแลนไปทันกัน แตออกดวยเวลาไมเทากัน และความเร็วไมเทากันดวย แตมีสิ่งที่เทากันอยู นั่นคือระยะทางทีแลน ่ ตองใชความสัมพันธตรงจุดนี้ หาคําตอบของโจทยใหได เวลา 0600 น. รถไฟขบวน ก. สถานีหัวหิน ปลายทาง รถไฟขบวน ข. เวลา 0830 น.
26.
พิจารณารถไฟขบวน ก.
ระยะทาง = อัตราเร็ว × เวลา ใหรถไฟใชเวลาวิ่ง x ชั่วโมง จะไดระยะทาง = 40x km ---------① พิจารณารถไฟขบวน ข. ระยะทาง = อัตราเร็ว × เวลา 1 1 ใหรถไฟใชเวลาวิ่ง x – 2 ชั่วโมง จะไดระยะทาง = 60⎛ x − 2 ⎞ ⎜ ⎟ 2 ⎝ 2⎠ 5 = 60⎛ x − ⎞ km ⎜ ⎟ ---------② ⎝ 2⎠ 5 เนื่องจาก ① = ② ดังนั้น 40x = 60⎛ x − ⎞ ⎜ ⎟ ⎝ 2⎠ แกสมการได 40x = 60x – 150 150 = (60 – 40) x 150 ดังนั้น x = = 7.5 det ทย 20 1 1 15 ดังนั้น รถไฟขบวน ก. ใชเวลาวิ่ง 7.5 หรือ 7 ชั่วโมง ; ⎡7 ⎤ = ชั่วโมง ⎢ 2⎥ ica ้อยไ 2 ⎣ ⎦ 2 ถารถไฟขบวน ก. ออกจากสถานีเมื่อ 06.00 น. จะวิ่งทันและเจอกับรถไฟขบวน ข. .org 1 .tha ายร ที่เวลา 06.00 + 7 ชั่วโมง = 13.30 น. 2 และรถไฟทั้งสองจะวิ่งทันกัน และเจอกันที่ระยะทาง 40x = 40 (7.5) www ซต์น = 300 กิโลเมตรจากจุดเริ่มตน ตอบ ไ เว็บ 9. รถไฟขบวน ก. และขบวน ข. แลนสวนทางกัน และมาพบกันที่สถานีบางซื่อ รถไฟขบวน ก. ออกจากสถานีนเี้ มื่อเวลา 0700 น. ดวยอัตราเร็ว 45 กิโลเมตรตอชั่วโมง รถไฟขบวน ข. ออกจากสถานีนี้หลังจากขบวน ก. ออกไปแลว 3 นาที และไปถึงสถานี ปลายทางอยุธยา เมื่อเวลา 0815 น. ซึ่งถึงกอนรถไฟขบวน ก. ถึงสถานีปลายทางนครปฐม 5 นาที ถาสถานีปลายทางทั้งสอง อยูหางกัน 150 กิโลเมตร จงหาวารถไฟขบวน ข. แลนดวยอัตราเร็วเทาใด วิธีทํา กอนอื่นตองเขียนรูปเพื่อใหงายตอความเขาใจครับ สถานีอยุธยา สถานีบางซื่อ สถานีนครปฐม ขบวน ข. ขบวน ข. ขบวน ก. ขบวน ก. ถึงเวลา 08.15 น. ถึงเวลา 08.20 น. ออกเวลา 0730 น. ออกเวลา 0700 น. อัตราเร็ว x km/hr อัตราเร็ว 45 km/hr
27.
ดูจากรูปแลว เราสามารถใชขอมูลจากรถไฟขบวน ก.
มาคํานวณหาได รถไฟขบวน ก. ออกเดินทางเวลา 07.00 น. ถึงที่หมายเวลา 08.20 น. 1 4 แสดงวาใชเวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 20 นาที 1 = ชั่วโมง หรือ 3 3 อัตราเร็ว 45 km / hr แสดงวา 1 hr ไปไดระยะทาง 45 km 4 4 แสดงวา hr ไปไดระยะทาง 45× = 60 km 3 3 แสดงวาสถานีบางซื่อหางจากสถานีหลักสี่เปนระยะทาง 60 กิโลเมตร โจทยบอกวา สถานีนครปฐมกับสถานีอยุธยาหางกัน 150 กิโลเมตร แตเราหาไดแลววาสถานีบางซื่อหางจากสถานีนครปฐม 60 กิโลเมตร ดังนั้น สถานีอยุธยาหางจากสถานีบางซื่อ = 150 – 60 = 90 กิโลเมตร ตอบ รถไฟขบวน ข. ออกเดินทางเวลา 0703 น. ถึงที่หมายเวลา 08.15 น. 1 6 det ทย แสดงวาใชเวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 12 นาที หรือ 1 = ชั่วโมง 5 5 6 ica ้อยไ รถไฟเดินทางระยะทาง 90 กิโลเมตร ภายในเวลา 5 ชั่วโมง .org ระยะทาง 90 5 อัตราเร็ว = = = 90 × = 75 km / hr .tha ายร เวลา 6 6 5 จะไดวา รถไฟขบวน ข. แลนดวยอัตราเร็ว 75 กิโลเมตรตอชั่วโมง ตอบ www ซต์น จากโจทยรูปแบบตาง ๆ ที่เราไดทํากันมามากมาย นอง ๆ เห็นแนวทางในการแกปญหาไหมครับ อยางงั้น...ลองอาน ไ แนวคิดตอไปนี้ครับ เว็บ 1. โจทยถามอะไร ใหสมมติสิ่งที่โจทยถามเปนตัวแปร 2. มองภาพรวมใหออกวา วิธีจะเขาถึงการแกปญหานี้ตองทําอยางไร บางทีตองเขียนภาพขึ้นมาเพื่อใหตีความงาย ๆ 3. หาความสัมพันธจากสิ่งที่โจทยใหมาใหได บางที รถสองคันเคลื่อนที่ ไมมีอะไรเหมือนกันเลย แตใชเวลาเทากัน รถสองคันวิ่งเร็วไมเทากัน เวลาก็ไมเทากัน แตระยะทางเทากัน (ออกชากวา หรือเร็วกวา แตวิ่งทันกัน) รถคันหนึ่ง ถึงวิงเร็วกวาอีกคันหนึ่ง จะได เวลาของรถที่ถึงชากวา – เวลาของรถที่ถึงเร็วกวา = ผลตางของเวลาของรถทั้งสองคัน ่ 4. การคิดเวลาไมเหมือนการคิดเปอรเซ็นตนะครับ พิจารณาใหดวา 60 นาที คือ ี 1 ชั่วโมง 1×1 1 ดังนั้น 1 นาที คือ = ชั่วโมง 60 6 20×1 1 20 นาที คือ = ชั่วโมง 60 3 30×1 1 30 นาที คือ = ชั่วโมง 60 2 x(1) x แสดงวา x นาที คือ = ชั่วโมง 60 60
28.
ทั้งนี้ โจทยกําหนดกี่นาที ก็กําหนดแบบขางตนครับ 5.
ความสัมพันธระหวางอัตราเร็ว ระยะทาง และเวลา ระยะทาง อัตราเร็ว = เวลา ระยะทาง = อัตราเร็ว × เวลา ระยะทาง เวลา = อัตราเร็ว ไมตองทองทุกสูตรนะครับ แคเปลี่ยนคูณเปนหาร แตตองทองสูตรแรก ใหได แลวแกสมการเอาก็ไดครับ...งายดี ☺ 6. สุดทาย วิธที่จะทําใหแกสมการได “เกง” และ “ดี” คือการทําแบบฝกหัดบอย ๆ ครับ ี ทําใหเยอะ ๆ จากของาย ๆ เชน x + 2 = 5 แลวคอยไปดึงขอยาก ๆ อยางแบบทดสอบที่พี่ใหไว แลวนองจะ “เกงขึ้น เกงขึ้น” อยางไมนาเชือครับ ่ เพราะพี่คนพิมพเองตอนเรียนมัธยมก็ตกเลข แตเมื่อไดพมพบทเรียนบอย ๆ หรืออานตรวจความถูกตองก็ยังเขาใจได ิ det ทย เอาหละครับ...ตัวอยางทั้งหมดที่นอง ๆ ไดอานนี้ ครอบคุลมการแกปญหาสมการในเกือบทุกรูปแบบ (ในระดับชันนี้) ica ้อยไ ้ นองแกสมการได แตคนอืนทําไมได แคนนอง ๆ ก็สอบติดแลวครับ. ่ ี้ .org .tha ายร ไ www ซต์น เว็บ
29.
1. การแกสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว
สมการ คือประโยคสัญลักษณที่กลาวถึงความสัมพันธของจํานวน โดยมี “ = ” เปนสัญลักษณแสดงความสัมพันธระหวาง จํานวนรูปแบบของสมการ มีทั้งแบบมีตัวแปร เชน 3x + 7 = 15; และแบบไมมีตัวแปร เชน 15 + 6 = 21 เปนตน เราแทนคาตัวแปร แลวทําใหสมการเปนจริง คานั้นจะเปนคําตอบของสมการ การแกสมการ ตองใชสมบัติของการเทากัน (Properties of Equality) ตอไปนี้ เมื่อกําหนดให a, b และ c เปนจํานวนจริงใด ๆ 1. สมบัติสมมาตร ถา a = b แลว b = a 2. สมบัติถายทอด ถา a = b และ b = c แลว a = c 3. สมบัติการบวก ถา a = b แลว a + c = b + a 4. สมบัติการคูณ ถา a = b แลว ac = bc สมการเชิงเสนตัวแปรเดียว (Linear Equation with One Variable) คือ สมการที่มีตัวแปรเพียงตัวเดียว และตัวแปรนั้นมี det ทย degree = 1 เขียนในรูปแบบทั่วไปไดวา ax + b = 0 เมื่อ a และ b เปนคาคงตัว และ a ≠ 0 ica ้อยไ .org หลักการแกสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว แยกตามรูปแบบตาง ๆ ไดดงนี้ ั .tha ายร 1. ถาสัมประสิทธิ์และคาคงตัวเปนจํานวนเต็ม ใหใชการยายขาง โดยพิจารณาเครื่องหมายเปนสําคัญ เมื่อยายขางจํานวนใด ใหเปลี่ยนเปนเครื่องหมายตรงขาม ตัวอยางที่ 1 จงหาคา x จากสมการ 9x + 18 = 24 – 3x www ซต์น วิธีทํา จาก 9x + 18 = 24 – 3x (ยายตัวเลขมาดานเดียวกัน และยายตัวแปรใหมาดานเดียวกัน) 9x + 3x = 24 – 18 ไ 12x = 6 เว็บ 6 1 x = = 12 2 1 ดังนั้น x = ตอบ 2 2. ถาสมการเปนทศนิยม ใหแกปญหาโดยการยายขางสมการ และทําทศนิยมใหเปนจํานวนเต็ม ตัวอยางที่ 2 จงแกสมการ 2.25x – 1.25 = 3x + 3.75 วิธีทํา ยายขางสมการ – 1.25 – 3.75 = 3x – 2.25x –5 = 0.75x 0.75x = –5 −5 x = 0.75 − 500 x = 75 2 ดังนั้น x = −6 ตอบ 3
30.
3. ถาสมการเปนเศษสวน ตองยายขางสมการ
เปลี่ยนตัวหารใหเปนตัวคูณ โดยใหพจารณาเทอมการบวก – ลบกันเปนพิเศษ ิ 3 5x 1 x ตัวอยางที่ 3 จงแกสมการ x – = + − 4 2 4 2 3 5x 1 x วิธีทํา ยายตัวแปรมาดานเดียวกัน x– = + − 4 2 4 2 5x x 1 3 x– + = + + 2 2 4 4 2x − 5x + 1x 4 = =1 2 4 − 2x +1 = 2 1 ดังนั้น x = –1 ตอบ det ทย 2. โจทยสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว ica ้อยไ .org การแกปญหาโจทยสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว มีขั้นตอนการคิดดังนี้ 1. อานโจทย แลววิเคราะหวาโจทยกําหนดอะไร และตองการทราบคาอะไร .tha ายร 2. สมมติสิ่งที่โจทยตองการทราบคาใหเปนตัวแปรหนึ่ง 3. พิจารณาความสัมพันธของตัวแปร และเงื่อนไขที่โจทยกําหนดให www ซต์น 4. สรางสมการเชิงเสนตัวแปรเดียว จากเงือนไขที่โจทยกําหนดมาให ่ 5. แกสมการเพื่อหาคาตัวแปร ตามวิธีที่กลาวมาแลว ไ เว็บ ตัวอยางที่ 4 เลขจํานวนคูบวก 5 จํานวนเรียงกัน มีผลรวมได 230 จงหาผลบวกของเลขที่มีคามากเปนลําดับที่สอง และลําดับที่สี่ วิธีทํา ใหจํานวนที่มคานอยที่สุดเปน x ี ดังนั้น จํานวนคู 5 จํานวน เรียงกัน จึงไดเปน x + (x + 2) + (x + 4) + (x + 6) + (x + 8) = 230 เขียนเปนสมการไดวา x + (x + 2) + (x + 4) + (x + 6) + (x + 8) = 230 5x + 20 = 230 5x = 230 – 20 210 ดังนั้น x = = 42 5 เมื่อ x หรือจํานวนทีนอยที่สดมีคาเทากับ 42 แลว จํานวนทั้งหาเรียงจากนอยไปมากคือ 42, 44, 46, 48 และ 50 ่ ุ ดังนั้น ผลบวกของจํานวนที่มีคามากเปนลําดับทีสอง และลําดับที่สี่คือ 48 + 44 ่ = 92 ตอบ
31.
ตัวอยางที่ 5
พอคาซื้อผาเช็ดหนามาจํานวนหนึ่ง ถาขายผืนละ 65 บาท จํานวนครึ่งหนึ่งของที่ซื้อมาจะเทาทุนพอดี แตถาขายผืน ละ 31 บาท ของจํานวนหนึ่งในสีจากจํานวนที่ซื้อมา และขายผืนละ 36 บาท ของที่เหลือ จะไดกําไร 1,440 บาท ่ อยากทราบวาซื้อผาเช็ดหนามาทั้งหมดกี่ผน ื วิธีทํา ใหกําหนดวา พอคาซื้อผาเช็ดหนามา x ผืน x x ถาขายไปผืนละ 65 บาท ในจํานวนครึ่งหนึง หรือ จะไดเงินเทาทุน หรือเงินทุน = (65) บาท ่ 2 2 1x 31x 31x 108 ถาขายไปผืนละ 31 บาท ของ จะไดเงิน บาท ซึ่ง + x 4 4 4 4 3x 3x 108x และ ถาขายไปผืนละ 36 บาท ของ จะไดเงิน 36 × = บาท ทําใหไดกําไร 1,440 บาท 4 4 4 จากสมการที่วา ราคาขาย – ตนทุน = กําไร (หรือขาดทุน) 31x 108x ⎞ 65x จะไดสมการ ⎛ + ⎜ ⎟− = 1,440 ⎝ 4 4 ⎠ 2 det ทย 31x 108x 130x + − = 1,440 4 ica ้อยไ 4 4 (31 + 108 + 130)x = 1,440 .org 4 9x .tha ายร = 1,440 4 1,440 × 4 x = www ซต์น 9 x = 640 ดังนั้น พอคาซื้อผาเช็ดหนามาจํานวน 640 ผืน ตอบ ไ เว็บ
Download