SlideShare a Scribd company logo
1 of 10
Download to read offline
หมวด: ต ้นแบบเทศน์มหาชาติ ๑๓ กัณฑ์ ๑,๐๐๐ พระคาถา
เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์, 30 สิงหาคม 2556 16:54
เขียนโดย manop
ฮิต: 14769
กัณฑ์ที่ ๘ กุมาร ๑๐๑ พระคาถา
กัณฑ์กุมาร http://www.mahachat.com/index.php/kan-8?tmpl=component&...
1 of 10 26/5/2559 19:52
พระมหาชุมพล โชติพโล
เจ้าพระยาพระคลัง(หน)
------------------------------
ชูชโก ปิ อจฺจุตตาปเสน กถิตมคฺเคน ยาวจตุรสฺสโปกฺขรณีตีรํ ปตฺวา จินฺเตสิ อชฺชาติ-สายเณฺห อิทานิ มทฺที อรญฺญโต
อาคมิศฺสติ มาตุคาโมหิ นามทานสฺส อนฺตรายกโร โหติ เสฺวตสฺสา อรญฺญคตกาเล อสฺสมปทํคนฺตฺวา เวสฺสนฺตรํ อุปสงฺกมิตฺวา
ทารเก ยาจิตฺวา ตาย อนา-คตาย เอวนฺเต คเหตฺวา ปกฺกมิสฺสามีติ ฯ
(1) อสฺสโมอันว่าพระอาศรมบรมนิเวศน์วงกต เป็นที่เจริญพรตพรหมวิหาร แสนสนุกรมณิยะรโหฐานทิพพาวาส ดัง
ชะลอบัณฑุกัมพลศิลาลาดมาลอยลง สี่กษัตริย์เสด็จดํารงสํารวมกิจถือเพศผนวชเป็นนักสิทธิ์สืบโบราณ โดยอุปนิสสัยสมภาร
หน่อพุทธางกูร ท้าวเธอสู้เสียสละละซึ่งมไหศูรย์สวรรยางค์ออกมาก่อสร้างซึ่งพระสมติงสบารมี นํ้าพระทัยท้าวเธอโปร่งเปรม
ปรีดิ์ปราโมทย์ชูชโก ปิ แม้อันว่าเฒ่าหฤโหดหินชาติทาสสถุล คนฺตฺวา ตะแกก็มุมุ่มมุ่งเขม้น ถ่อกายเก่นตะเกียกเดิน โดยพนัส
แถวเถินทางจําเพาะตามคําพระอัจจุตเจ้าเจาะแจ้งคดี พอล่วงวิถีระยะโยชน์ ถึงสโรชโบษขรณีแนวพนัสแน่นหนาป่าระหง พอ
พระสุริยงค์เธอเยื้องรถ บทจรเย็นยอแสงสั่งทวีปฝูงทิชากรก็ร่อนรีบเข้ารังเรียง ได้ยินเสียงผีป่าโป่งโป้งเปิ่งกู่กระหึ่มผีผิวพึมฟัง
ขนพอง เสียงชะนีร้องอยู่โหวยโหวยวิเวกวะหวามอก พราหมณ์ก็หยุดยืนตื่นตกตะลึงนึกว่านี่กูมาถึงไหนแล้วสิหว่า เหลียวซ้าย
แลขวาเห็นช่อฟ้าอยู่ลิบๆ สองตาตะแกไม่กะพริบเพ่งเล็งแล หมายแน่ว่าโน่นแล้วสิหนอ อ่อพระอาศรมธชีก็มีมโนภิรมย์ปรารภ
รําพึงการ ว่าเวลาป่านฉะนี้น่าที่จะมิลุดังจุใจกูเจตน์จง ด้วยสมเด็จอนงค์นาฏมัทรี เธอคงจะจรลีกลับจากแสวงหาผลาผล เสด็จรีบ
ร้นเข้ามายังพระอาศรมสถาน อนึ่งก็เป็นคําบุราณท่านย่อมว่า ว่าช้าช้าจะได้พร้าสองเล่มงามด่วนได้สามผลามมักพลิกแพลง มาตุ
คาโมธรรมดาว่าสตรีนี้เป็นเกาะแก่งกีดกระแสกุศล มีมัจฉริยะมืดมนคือตัวมาร ยามเมื่อสามีจะทําทานมักทําลาย ด้วยแยบคายเข้า
ค้อนติง เข้าทักท้วงให้ทอดทิ้งเสียศรัทธาผล มาตรแม้นว่าอาตมจะรุกร้นโลภเข้าไปขอ ซึ่งพระปิยะบุตรน้อยหน่อผู้แนบอก ที่
ไหนพระนางเธอจะยอมยกซึ่งพระปิยบุตรทานบารมี น่าที่จะเสียทีทั้งสองทาง ฝ่ายพระองค์ผู้ทรงสร้างก็จะเสียศรัทธาผล ทั้งตัวกู
ผู้แสนจนก็จะปราศจากลาภคว้านํ้าเหลวอยู่ลังเล เสฺวเออต่อวันรุ่งพรุ่งนี้เถิดสินะคอยให้พระนางเธอหลีกละพระเจ้าลูกทั้งคู่เข้าสู่
ดง ยังแต่องค์สมเด็จพระชินวงศ์วรราช อุปสงฺกมิตฺวา เราจึงจะลีลาศลอดเลาะเข้าไปสู่เฉพาะพระเพ็ญพักตร์ จะทูลขอพระยอดรัก
ปิโยรส ได้แล้วก็จะบทจรมุ่งไปหาเมีย เห็นจะไม่เสียทีที่ถ่อร่างมาหอบรวน คิดแล้วเฒ่าก็หันหวนหาที่นอน พอจะปลิ้นปลอกซอก
ซอนให้พ้นสัตว์จัตุบาทเฒ่าก็ปีนทะลุทะลาดขึ้นสู่ชะง่อนเขา พราหมณ์ก็นั่งซบเซาคํานึงนึก เสียงสกุณร้องก้องกึกให้หวั่นหวาด
พระพายชายพัดบุปผชาติหอมระรวยมา เฒ่าก็เหวี่ยงย่ามละว้าลงต่างหมอน นอนไขว่ห้างทางสาธยายมนต์ตาแกก็กรนอยู่ครืด
ครอกบนซอกผา พระพายชายพัดมาอยู่ฉิวเฉื่อย พราหมณ์ก็นอนหลับเรื่อยบัดเดี๋ยวใจเหนือศิงขรเนินไศลนั้นแล
(2) ตํปน รตฺตึ ในเมื่อราตรีธชีนอน เหนือศิงขรขอบเขตพระอาวาส ส่วนสมเด็จพระนางนาฏมัทรีเสด็จบรรทม
ในห้องพระอาศรมบรรณศาลา ยังมิทันที่จะนิทราระงับพอหลับพระเนตร เกิดอาเพศเป็นลางหลาก ยามเมื่อจะจําจากพระลูกรักทั้ง
สองศรี พระอินทรีย์เธอสั่นระรัวริก สะดุ้งพระองค์พลิกดังใครผลักให้พลัดแพลง เสียวๆ สยะแสยงยะเยือกเย็น ว่าเอ๊ะจะเป็นพิกล
ฉันใด หรือว่าภัยจะบังเกิดมี เธอก็แผ่ไมตรีลงสู่ที่นิทรารมณ์บรมไสยาสน์ พระนางให้หวาดๆ จนเพลาปัจจุสมัยจึงม่อยผอยหลับ
เดิน
เดิน
กัณฑ์กุมาร http://www.mahachat.com/index.php/kan-8?tmpl=component&...
2 of 10 26/5/2559 19:52
สนิททรงพระสุบินนิมิตผิดประหลาดลามกธรรมว่า เอโก ปุริโส ยังมีบุรุษผู้หนึ่งนั้นเติบโตดําลํ่าสันเห็นพิลึก ผิวกายดําเป็น
หมอกหมึกมืดดังมหาเมฆดูนี่โกกเกกเก่งฉกาจปริทหิตฺวา นุ่งผ้าย้อมฝาดคาดกาสาว์สักกะสัน พันเป็นเกลียวเหนี่ยวเหน็บรั้ง คาด
พุงจั้งมั่งทะมัดทะแมง ปิลนฺธิตฺวา ทัดดอกไม้แดงทั้งสองหูดูสง่า อาวุธหตฺโถ มีหัตถ์เบื้องขวานั้นถือดาบคมเขียวเป็นมันปลาบละ
เลื่อมแสง แกว่งกวัดฉวัดเฉวียนวิ่งวู่จู่เข้ามาถึง ถีบทวารตึงทําลายลู่ ตชฺเชนฺโต กระทืบเท้าตะคอกขู่คํารามสําราก ฉวยชฎา
นางกระชากฉุดให้หลุดพลัด รวบพระกรกระหวัดทั้งซ้ายขวา ให้พระนางเธออุตตานภาพ ฟาดด้วยดาบเหวี่ยงลงตรงพระพาหา
ทั้งสองซ้ายขวาขาดเป็นสิน พระกรกระเด็นดิ้นอยู่แดดาน แล้วมิหนําซํ้าแขวะคว้านควักพระนัยน์เนตรทั้งสองปลิ้นให้วิ่นหวะอุรํ
ภินฺทิตฺวา เอาดาบฉะเชือดพระทรวงล้วงชําแหละแหวะหาพระหทัยพระนางนั้น ตสฺสา วิรวนฺติยา จนสุดสิ้นพระสุรเสียงสําเนียง
กรี๊ดกรีดวะหวีดหวาด ชายนั้นก็ประลาดแล่นไปมีหยาดพระโลหิตไหลละลุมลง สะดุ้งพระองค์ออกพระโอษฐ์โลดลอยพลอย
ผวาตื่นขึ้นทันที ในปัจฉิมราตรีนั้นแล ฯ
(3) สา ปพุชฺฌิตฺวา เมื่อนางพระยาผวาตื่นตระหนกตกประหม่าไม่มีขวัญ พระทัยนางเธอไหวหวั่นหวีดหวาด เจียน
หัวใจจะขาดอยู่ร่อแร่ สําคัญว่าเป็นแม่นแท้เหมือนความฝัน จึงสอดพระกรพัลวันลูบไล้หาพระกายายังปรากฏ จึงกําหนดแน่ว่า
นิมิต เอ๊ะอัศจรรย์จิตจริงเจียวสิหว่า จึงทรงพระจินตนาโดยเหตุ ว่าโอ้โอ๋อาเพศช่างผิดผวน มิบังควรเคยนิมิต ก็มาวิปริตผิด
ประหลาด จนตกไร้นิราศรัตน์บุรีเรือนจันทน์ ออกมาโศกศัลย์แสนทรพล เข็ญใจจนเหลือลําบาก แล้วมิหนําซํ้าจะยากระยํายับไป
ถึงไหน จะยื่นหน้าไปหาใครในกลางป่า ที่จะเป็นโหรารู้ทํานายทายทัก ให้แจ้งประจักษ์ว่าร้ายหรือดีไม่มีเนตร เห็นแต่พระปิ่น
ปกเกศผู้เพื่อนเข็ญ ท้าวเธอก็เป็นมิ่งมงคลฆราวาส คิดแล้วก็ลุกขึ้นจากอาสน์โอบอุ้มประคอง พระเจ้าลูกทั้งสองสายสุดสวาท
ประโลมให้ไสยาสน์หลับสนิทแล้วนางแก้วก็เสด็จมายังพระอาศรมบรมราชสามี น้อมพระเกศศีรษะมาโนชญ์ขออธิกรณ์โทษ
ทางคํานับทรงขยับยกพระกรขึ้นเคาะพระทวารดังกะเกาะก้องกึง ศัพท์สําเนียงสนั่นลั่นถึงพระกรรณตระหนัก ท้าวเธอจึงตรัส
ออกมาว่า โก เอโส ใครนั่นหนาใครนั่นสิหว่า พระพุทธิเจ้าข้าเกล้ากระหม่อมฉันมัทรี เอ๊ะเจ้ามาไยเวลาป่านฉะนี้พระน้องเอ่ย ผิด
เวลากาล ฤาเจ้าลืมคําปฏิญาณแรกนิยมว่าจะไม่คบหาสมาคมกันเป็นเชิงชั้นฉันฆราวาส เวลานี้นี่ก็ผิดประหลาดอยู่แล้วนะเจ้า ไย
เล่าจึงล่วงมา พระพุทธิเจ้าข้า เกล้ากระหม่อมฉันฝันพิกล จึงร้อนรนเป็นธุระครั้นว่าจะนิ่งเฉยเลยละก็เกรงว่าจะลืมหลง มานี่หวัง
จะให้พระองค์ทรงทํานายทายทัก อ้อกระนั้นดอกหรือพระน้องรัก เจ้าฝันประการใด อย่าเข้ามาข้างในนั่งอยู่แต่นอก บอกความ
ฝันเข้ามาเถิดนะพี่จะช่วยทํานาย สมเด็จพระมัทรีเธอก็ทูลถวายพระสุบินสิ้นทุกประการ แดพระราชสมภารนั้นแล
(4) โส โพธิสตฺโต ปางนั้นสมเด็จพระหน่อชินวงศ์องค์โพธิสัตว์เงี่ยพระโสตสดับอรรถตั้งแต่ต้นจนอวสาน ก็
ทรงทราบด้วยพระอนุมานปัญญาบารเมศว่า เสฺววันรุ่งพรุ่งนี้จะมีเหตุด้วยปฏิคาหก ยาจกจะมารับพระราชทาน โอ้สงสารด้วย
สองพระลูกเจ้าผู้เพื่อนยาก พรุ่งนี้เช้าเจ้าจะพลัดพราก พราหมณ์จะพาไปไกลจากอกพระบิดาแล้วสงสารด้วยนางแก้วเกศกษัตริย์
มัทรีเอ่ย จะเสวยพระทุกข์เพียงพินาศด้วยสองดรุณราชปิโยรสร่วมฤทัย ครั้นอาตมจะอาลัยหลงอยู่ด้วยความรัก ไหนจะหัก
เสน่หาให้เหือดหาย ด้วยอาตมจะมุ่งหมายพระโพธิญาณทานธุระจะเริดร้าง แม้อาตมจะทํานายทางบุพพนิมิตแต่ตามจริง ไหนนาง
จะทอดทิ้งพระลูกเล่าด้วยอาลัย ก็จะเป็นพาหิรกภัยแก่โพธิญาณ จําจะทํานายด้วยโวหารให้เหตุหาย จึงมีสุนทราธิบายด้วยพระ
ปัญญา ว่า ดูกรมัทรี เป็นเหตุทั้งนี้ด้วยเจ้าเป็นนางกษัตริย์เคยเสวยไอศุริยสมบัติอันอุดมเจ้าเคยสถิตบรรทมพระยี่ภู่อ่อนลออ
สําอาง ยามเมื่อเจ้าจะโสรจสรงเสวยล้วนแต่เครื่องสุพรรณภาชน์ ยามเมื่อเจ้าเยื้องยุรยาตรก็มิได้ย่างลงเหยียบดินกระเดื่องใจบัดนี้
เจ้ามาตกไร้นิราศปราศจากที่อันเจริญ ออกมาโศกศัลย์แสนกันดารเดินในดงดอนต้องแดดลมเสวยแต่ผลไม้อันเปรี้ยวขมเฝื่อน
ฝาด นอนเหนือใบไม้ลาดล้วนละอองทราย เทพยเจ้าย่อมยักย้ายซึ่งราศี ธาตุทั้งสี่นั้นวิปริต จึงเสวยสุบินนิมิตผิดประหลาดลามก
เจ้าจะสะดุ้งตกพระทัยไปไยมี จงกลับไปยังคันธกุฎีโดยสําราญ ส่วนสมเด็จพระมัทรีรับสุนทรสาส์นใส่เกศา ถวายบังคมลามา
ยังพระอาวาส พออรุณโอภาสรุ่งเรืองจํารัสฟ้า ฝูงสกุณาออกหากินบินเกริ่นก้องร้องอยู่แจ้วๆ พระนางก็ประโลมปลุกพระลูกแก้ว
ทั้งสองราเยาวเรศว่าเจ้าผู้ดวงนัยน์เนตรทั้งคู่ของแม่นี่นา ลุกขึ้นเถิดอย่านอนสายพระพักตราจะหมองศรี เธอจึงอุ้มแก้วกัณหาชาลี
ขึ้นใส่ตัก วักเอาวารีมาโสรจสรงสําอางองค์เอี่ยมละออง ทรงชโลมขมิ้นทองประเทืองผิวให้ผ่องผัด มุ่นพระเกศจุไรรัดร้อยสุมาลี
มาสอดแซมพระเกศีตามประสายาก นํ้าพระชลนัยน์เธอไหลลงพรากๆ แล้วก็พรํ่าเล่า ว่าโอ้พระทูลเกล้าของแม่เอ่ย คืนนี้แม่ฝัน
ร้ายผิดประหลาด ไปทูลถามพระบิตุราชท้าวเธอก็ตรัสว่ามิเป็นไรๆ แม่นี้ยังไม่ไว้ใจเลยนะพ่อๆ ชาลี เจ้าอยู่หลังระวังน้องให้จงดี
ผิดชอบอย่าด่าตีฟังแม่ว่า แม่กัณหาเอ่ย เจ้าอย่าหลงละเลิงเลยเล่นไปนักนะแม่ๆ จงเสงี่ยมอย่าตะลีตะเลียมชะล่าไปให้ไกลพี่ พ่อ
ชาลีเล่าก็อย่าเลินเล่อละพระน้องให้แล่นเล่นแต่ลําพัง จงฟังคําแม่พรํ่าสอนพรํ่าสั่งทุกสิ่งอัน เธอก็รับมิ่งรับขวัญพระลูกรักทั้งสอง
รา ว่ามาเถิดมาพ่อมาแม่มา แม่จะพาเจ้าไปเฝ้าฝากเสียยังแล้วตรัสพลางนางก็อุ้มแก้วกัณหา พระหัตถ์เบื้องขวาจูงพระชาลี มาสู่
สํานักพระราชสามีแล้วทูลฝากพระเจ้าลูกผู้เพื่อนยากว่า พระพุทธเจ้าข้า ได้โปรดกระหม่อมฉันด้วยช่วยเผื่อแผ่พระบารมีปกเกศ
ลูก เอาพระทัยผูกตรัสประภาษเรียกหา ให้เล่นแต่ใกล้ๆ พระบาทาทั้งพี่น้อง เจ้าสิทรามคะนองปองแต่ที่จะแล่นเล่นลีลาศเหมือน
โปดกมฤคมาศอันอ่อนแอ ครั้นพลัดแม่อยู่แต่ลําพัง แล้วก็จะตั้งแต่พากันผาดโผนโจนเล่นตามประสาสัตว์ไม่รู้ว่าภัยพาลพิบัติจะ
มาเบียดเบียนเมื่อปางใด กระหม่อมฉันมิไว้ใจเหมือนทุกคราวครั้ง พระคุณเอ่ย ได้โปรดด้วยช่วยระวังในครั้งนี้ เหมือนหนึ่งเห็น
เดิน
เดิน
ขึ้น
กัณฑ์กุมาร http://www.mahachat.com/index.php/kan-8?tmpl=component&...
3 of 10 26/5/2559 19:52
แก่ข้าพระบาทมัทรีเถิดนะว่าเป็นเพื่อนยาก พระนางเธอทูลฝากพระลูกแก้วแล้วถวายบังคมลา มาจัดหาขอเสียมกระเช้าสาน
สาแหรกคานขึ้นใส่พระอังสาเสด็จจร นํ้าพระทัยเธอข้อนๆ คิดไม่ขาด เสด็จนิวัติลีลาศคืนหลัง กลับมาทรงกรรแสงสั่งสองบังอร
อีกเล่า ว่าทูลเกล้าของแม่เอ่ย ถ้าอกแม่นี้แล่ได้ออกเป็นภาคพอที่จะแบ่ง แม่ก็จะจัดแจงแล่งออกไว้ภาคหนึ่งถึงจะไปภาคหนึ่งจะ
อยู่จะได้ประโลมเลี้ยงพระลูกรักทั้งคู่มิให้เคืองพระทัย โอ้ความเข็ญใจในครั้งนี้นี่เหลือขนาด เจ้าเกิดมากําพร้าญาติไร้พระประยูร
วงศา แต่จะได้เห็นหน้ามารดาเล่าก็ไม่เต็มวัน ต่อเพลาสายัณห์เย็นระย่อยํ่า แม่จึงจะได้กลับเข้ามาอุปถัมภ์ถนอมเชยให้ชื่นชู ครั้น
เช้าตรู่แล้วก็พลัดแม่เป็นกําพร้า จะมีใครเลี้ยงรักษาพระลูกเล่า เลี้ยงกันเองเถิดสินะเจ้าแต่พี่กับน้อง เห็นหน้ากันแต่สองตาม
ประสายาก เพราะมีกรรมแล้วจึงจําจากด้วยจําเป็น ใจแม่นี้จะเด็ดกระเด็นออกไปเสียแล้วนะทูลกระหม่อมแก้วจงค่อยอยู่โอ้เจ้า
ดวงเนตรทั้งคู่ของแม่เอ่ย แม่นี้จะขอลา พระนางก็ยาตราตรึกพลางทางเหลียวมาแลดู พระลูกทั้งคู่น้อยๆ ละห้อยไห้ นํ้าพระ
ชลนัยน์เธอไหลลงหลั่งๆ กลับหน้าสั่งกลับหลังสั่ง จนลับบังพระนัยน์เนตร ยิ่งสงสารสองดรุณเยาวเรศมิลืมเลย จนลับล่วงเข้าสู่
ป่า เพื่อจะแสวงหาผลไม้ที่ในดง มาปฏิบัติกษัตริย์ทั้งสามพระองค์นั้นแล
(5) โส ปาโต วครั้นอรุณรุ่งจํารัสพระเวหน พฤฒาเฒ่าหลับกรนอยู่ในซอกผา ได้ยินเสียงสกุณโกกิลาพะเพรียก
เรียกร้องก้องพนาเวศเฒ่าก็สังเกตว่าเอ๊ะเพลานี้รุ่งแล้วกระมัง ลุกขึ้นยืนหยัดดัดหลังอยู่เครียดๆ บิดขี้เกียจอยู่อึดอัด ฉวยย่ามละว้า
สลัดซัดขึ้นใส่ไหล่ หมายมุ่งไปยังพระอาศรมบรมศิวาวาส บทจรมุ่งมาดโดยมรรคา อถมหาสตฺโต ปางนั้น สมเด็จพระมหาสัตว์
เสด็จออกนั่งหน้าพระอาศรมบทงามปรากฏดุจรูปทองทั้งแท่ง อันบุคคลแกล้งหล่อแล้วมาตั้งไว้จินฺเตสิ มีนํ้าพระทัยรําพึงหา
ยาจกอันจะมารับพระราชทาน สุราโสณฺโฑ ปิ้มปานประหนึ่งว่า นักเลงสุราบานคอยหาเจ้าเหล้า ปุตฺตา ปิ แม้อันว่าพระโอรสเจ้า
ทั้งคู่ เล่นอยู่มิได้ห่างพระบิตุเรศส่วนพระโพธิสัตว์ทอดพระเนตรเห็นธชีก็ชื่นชมเชื้อเชิญภิรมย์เรียกพราหมณ์ด้วยความปรีดา ว่า
เอหิ วต โภพราหมณ์เอ่ย เชิญท่านผู้เป็นมหามงคลนิมิต อันจะนําเราไปยังทิศพระนิพพาน เชิญเถิดพฤฒาจารย์มาช่วยเรายกปิย
บุตรทานบารมี เมื่อท้าวเธอจะตรัสเรียกพระชาลีให้ออกไปรับพราหมณ์พฤฒา จึงกล่าวเป็นบาทพระคาถาดังนี้
อุฏฺเฐหิ ชาลิ ปติฏฺฐ ฯลฯ อติถี โน ภวิสฺสตีติ
(6) ตาต พ่อเอ่ย พ่อชาลีศรีสุริยะรู้พระทัยของบิดา เจ้าจงยืนขึ้นตรงหน้าโน่นพราหมณ์ฤาไร โปราณํวิย เหมือน
เมื่อเราอยู่ในพระพารา หมู่วณิพพกทั่วทิศามารับพระราชทาน นนฺทิโย เมาะโสมนสฺสา พระบิดามีความเกษมศานต์ภิรมย์โสมนัส
จนถึงมหิทธิสิโรเพศดังบุคคลเดินทางประเทศทางกันดารแดดร้อน มีผู้เอาชโลธรมาทุ่มเทรดให้เย็นใจเออกระนั้นฤากระไรพระ
ลูกแก้ว พระชาลีฟังรับสั่งแล้วทูลสนองด้วยพระปัญญา ซึ่งโปรดมาทั้งนี้ก็ชอบด้วยเกล้า แต่พราหมณ์ผู้เฒ่านี้ถือเพศเป็นดาบส
พาเหียร ดีร้ายจะมาเบียดเบียนขออะไรสักสิ่ง ทูลแล้วพระชาลีรับรับสั่งวิ่งออกไปรับพราหมณ์ ครั้นถึงจึงถามว่าท่านตาท่านลุงถุง
ไถ้อะไรหนัก ส่งมาเถิดหลานรักจะช่วยรับเอาไปชูชกเฉลียวใจจุปากอยู่เจาะๆ ว่าฉะกุมารนี้ช่างฉอเลาะคมสันนี้สิ้นที น่าที่จะเป็น
เจ้าชาลีลูกกษัตริย์แล้วธรรมดาว่านกยูงย่อมมีแววไม่รู้หาย ดังหนามไม้ไม่เสี้ยมปลายก็แหลมเอง แม้นขอได้จะโฉงเฉงใช้จะยาก
ทั้งรู้หลักนักปราชญ์มากปากจะกล้า จําจะสําทับด้วยวาจาแต่แรกพบอจฺเฉรํ ปหริ ธชีก็ดีดนิ้วมือดังถะถบถะถับร้องสําทับด้วย
วาจา ว่าฮ้าเฮ้ย ลูกใครนี่หวาใจแข็ง เข้ามาเดินเคียงแข่งผู้ใหญ่ อปฺเปหิ จงหลีกออกไปไปเสียอย่าอยู่ว่าแล้วยังแลดูตาอยู่อีกเล่า กู
เหวี่ยงลงด้วยไม้เท้านี่เถิดฤา ตาแกก็ทําฮึดฮือฮึกฮัก ยกเท้าแยกขาทําท่าจะตี พระชาลีก็หลีกออกไปเธอคิดว่าพราหมณ์ผู้นี้ไฉน
หนอจึงใจร้ายกาจดูก็เห็นรูปชั่วชาติหฤโหด ประกอบด้วยบุรุษโทษแทบทุกสิ่ง เออมันชั่วกระนี้จริงเจียวสิหว่า พระชาลีผู้ปรีชาก็
นิ่งไว้แต่ในพระทัย ส่วนเฒ่าจัญไรตาแกได้ช่อง ก็เหยาะย่องยอบกายหมายภิมุขหมอบประณมมือถวายบังคมพระเวสสันดร
เอื้อนโอษฐ์ถวายพระพรศรัทธาผล ทูลถามถึงกังวลแต่วันท้าวเธอนิราศพระราไชย มาผนวชในพนาวาส ก็กล่าวเป็นบาทพระ
คาถาว่า
กจฺจิ นุ โภโต กุสลํ ฯลฯ ชาลี กณฺหาชินา จุโภติ
(7) เมื่อชูชกธชีเข้าไปถึงแล้ว เฒ่าใจแกล้วกระทําประพฤติปราศรัย เป็นสัมโมทนียนัยกถาธรรมสวัสดิ์ พระ
บรมโพธิสัตว์ก็เปรมปรีดิ์ ปราศรัยตอบโดยระบอบประเพณี เชิญธชีฉันผลไม้อันโอชา เฒ่าชราได้โอกาส ด้วยตาแกฉลาดในเชิง
ภิกขาจาร เมื่อจะทูลสนองดรุณราชกุมาร เฒ่าก็พูดหว่านล้อมด้วยคํายอ ชักเอาแม่นํ้าทั้งห้าเข้ามาล่ออุปมาถวายเสียก่อน แล้วจึง
หวนย้อนขอต่อเมื่อภายหลัง ว่า พระพุทธเจ้าข้า วาริวโห เมาะ ปญฺจ มหานทีโย พระคุณเจ้าเอ่ย อันว่าแม่นํ้าทั้งห้ากระแสสาย
ชลชลา ไหลมาจากห้วงคงคาเป็นห้าแถว นองไปด้วยนํ้าแนวเต็มฝั่งฝา นามชื่อว่าคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู นที มหิมหาสาคเรศ จึง
แตกเป็นนิทเทสกุนทีน้อยๆ ประมาณห้าร้อยโดยสังขยา ปูโร ไหลหลั่งถั่งมาลบล้นกะทบกะทั่งฟากฝั่งเป็นฝอยฝน บ้างก็เป็น
วังวนวุ้งชะวากเวิ้ง บ้างก็เป็นกะพักกะเพิงกะพังพุ บ้างก็ดั้นดุกระเด็นดาษดังดวงแก้วตามทางแถวแนวท่อธาร ไหลซ่าซ่าซ่าน
ซะเซาะโซม เสียงระระระโรมโครมครื้นครั่น พิลึกลั่นบันลือหฤหรรษ์ บ้างก็เลี้ยวลัดดัดดั้นชลาไหล บ่าไปสู่บ่อบึงบางน้อยใหญ่
เดิน
ขึ้น
เดิน
เดิน
ขึ้น
กัณฑ์กุมาร http://www.mahachat.com/index.php/kan-8?tmpl=component&...
4 of 10 26/5/2559 19:52
นับอเนกอนันต์ เป็นคลื่นหมื่นมหันต์มไหไหลฟุ้งซ่านสุดที่จะพรรณนา ย่อมเป็นที่อาศัยทั่วไปแก่ฝูงปลานานาสรรพสัตว์ ในภูมิ
พื้นจังหวัดมงคลทวีป ฝูงชนได้เลี้ยงชีพก็ชุ่มชื่น ถึงจะวิดวักตักตวงทุกคํ่าคืนทิวาวัน ถึงจะทดท่อระหัดหันเข้าทุ่งนาป่าและดง นํ้า
ในสาครจะน้อยลงก็หามิได้ เสมือนหนึ่งนํ้าพระทัยพระทูลกระหม่อมแก้ว อันยาจกมาถึงแล้วไม่เลือกหน้า ตามแต่จะปรารถนา
ทุกยวดยานกาญจนอลงกตรถรัตน์ อัศวสรรพสารพัดพิพิธโภไคย จนกระทั่งถึงภายในปัญจมหาบริจาค อันเป็นยอดยากยิ่งทาน
ไม่ท้อถอย ด้วยพระองค์หมายมั่นพระสร้อยสรรเพ็ชญ์ดาญาณ พระคุณเจ้าเอ่ย ข้าพระราชสมภารนี่เป็นคนจนทุพพลภาพสุดเข็ญ
จะหาเช้าได้กินเย็นก็ทั้งยาก ครั้งนี้อุตส่าห์บ่ายบากบุกป่าฝ่าดงพงพนัสแสนกันดาร หวังจะรับพระราชทานพระชาลีกัณหาไปเป็น
ทาสาทาสี ขอพระองค์จงทรงยกยอดปิยบุตรทานบารมีให้แก่ข้าธชีนี้เถิด
(8) โส โพธิสตฺโต ปางนั้นสมเด็จพระบรมนราพิสุทธิ์พุทธางกูร ได้ฟังพราหมณ์อธิบายทูลขอสองกุมาร มีนํ้า
พระทัยชื่นบานเอิบอาบด้วยกุศลลาภอันเลิศฟ้า อุปมาเหมือนบุรุษอันยากไร้ มีผู้นําทรัพย์มานับให้พันตําลึงถึงมือแล้วเมื่อใด นํ้า
พระทัยท้าวเธอปราโมทย์เหมือนฉะนั้น เมื่อจะยังเขาวงกตให้บันลือลั่นกัมปนาทท้าวเธอจึงตรัสประภาษว่า พราหมณ์เอ่ย ท่านมา
ออกปากขอสองกุมารพระลูกรักดังดวงตา เราก็จะตัดห่วงเสน่หาให้แก่พราหมณ์เฒ่า แต่ทว่าเราขอทุเลาเลื่อนสักราตรี พอให้ทัน
พระมัทรีเธอตามสนอง เสียแรงนางได้อุ้มท้องทนเทวษ ถนอมเลี้ยงบังเกิดเกศสองกุมารมา อนึ่งนางจะได้อนุโมทนาสามิภักดิ์
บําเพ็ญเพิ่มพระบารมี แล้วจะได้ขัดสีสระสรงสองดรุณมุ่นจุกไร ร้อยมาลัยประดับเกศแก้วกุมาร จะได้มอบให้เป็นทานถึงมือธชี
เราเห็นแล้วว่าดีสะดวกงามงดก่อนเถิดฤานะพราหมณ์พรุ่งนี่จึงไปหามิได้พระพุทธเจ้าข้า ซึ่งพระองค์แนะสนองชักช่องมาหนัก
หน่วงถ่วงให้อยู่ช้าคอยท่าพระมัทรี ข้อนี้ยังติดใจอยู่จริงๆ อิตฺถิโย มนฺตํขึ้นชื่อว่ามารยาหญิงนี้แสนแยบดีแต่ว่าจะคิดแคบ
เสียดายของ เคยครอบครองภิรมย์รื่น ยากที่จะยกหยิบเอาออกยื่นเป็นยอดทาน ชื่อว่าสามานย์มัจฉริยะเกิดกันกั้นกุศล หมื่นแสน
จะได้ดีแต่ละคนนี่ยากแล้วอันสมเด็จพระนางแก้วมิ่งมัทรี จะเหมือนดังสตรีทั้งปวงก็หามิได้เกลือกว่าพระนางจะอาลัยด้วยพระ
ลูกรัก จะมิหักเสน่หาให้เหือดหาย จะมุ่งหมายพระบารมีเป็นแม่นมั่น เสมอเหมือนพระองค์ผู้นําจํานงซึ่งทางสวรรค์แล้วแลฤา
พระพุทธเจ้าข้า แม้พระองค์ทรงพระศรัทธาแท้แล้วจงโปรดเรียกพระลูกแก้วมาพระราชทาน กระหม่อมฉันจะพาไปเป็นทาสช่วง
ใช้ให้นางอมิตตดาผู้โฉมตรู เห็นว่าจะดีกว่าอยู่นี่แล้วแล
(9) โส โพธิสตฺโต ปางนั้นสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ได้ฟังคําพราหมณ์ทูลทัดขัดแข็งโต้แย้งด้วยวาจา จึงตรัสว่า
พราหมณ์เอ่ย ท่านมิอยู่ช้าท่ามัทรีแล้วก็ทําเนา แต่ทว่าจงพาสองกุมารเจ้าเข้าไปสู่สํานักพระอัยกา ให้ท้าวเธอทราบว่าพระ
นัดดาดวงสวาทเข้าไปสู่พระราชธานี ท้าวเธอก็จะพระราชทานเงินทองของดีๆ หลากเหลือหลาย ทั้งวัวควายช้างม้าข้าใช้สอย
ศฤงคารเครื่องบริโภค ตาแกก็จะมีโชครวยฉุยเสียอีกนะธชี เฒ่าก็ทูลตอบคดีในทันใด ว่าไม่ได้ไม่ได้พระพุทธเจ้าข้า ซึ่งจะทรง
พระกรุณาไม่เห็นด้วย ฉวยว่าเสียทีสิมิเป็นการ คําโบราณท่านกล่าวไว้แต่ก่อนปลาย ขุนนางใช่พ่อแม่หินแง่ใช่ตายาย อันจะให้
พาสองกุมารถ่อกายเข้าไปยังสํานักพระเจ้าปู่ ท้าวเธอก็จะให้มีพระกะทู้ซักถามซํ้า จะละลักละลํ่าว่าหน้าเป็นหลังตกตะลึงลืมตัว
ด้วยความกลัวใช่พอดี เธอก็จะลงเอาว่าข้าธชีนี่ลักพระเจ้าหลานหลวง แล้วจะให้ทําตามกระทรวงพระราชกิจสมเด็จบพิตรท้าว
เธอจะลงพระราชทัณฑ์เฆี่ยนด้วยหวาย ถ้ารอดตายตาเฒ่าก็จะยับเยินเป็นฟันสี ไปเมื่อหน้าอีปากกล้าตามันแสนคมมันจะขู่ข่มด่า
เอาเปรี้ยงๆ ตาเฒ่าก็ไม่อาจจะเถียงสักคําเดียวจะเหลียวหน้าไปหาใครเมื่อลาภที่ได้ก็จะกลับเสีย เมียนี้ก็จะด่า กระหม่อมฉันมาทั้ง
นี้ด้วยว่ารักนาง หวังจะเอาชีวามาวางไว้ใต้ฝ่าพระบาทแม้มาตรว่าพระองค์ทรงพระราชศรัทธาแล้วจงเรียกสองพระลูกแก้วมา
พระราชทาน ในกาลบัดนี้เถิด
(10) เต กุมารา ควรจะสงสารเอ่ย ด้วยพระชาลีและนางกัณหา สุตฺวา เมื่อได้ฟัง ผรุสวจนํซึ่งถ้อยคําอันหยาบช้า ภี
ตา เจ้าก็สะดุ้งตระหนกตกพระทัยไหวหวั่นขวัญไม่มี ดังโปดกมฤคีอันอ่อนแอ ได้ยินเสียงพยัคฆ์คํารามแฮ่เร่งตระหนกหนี ปลายิ
ตฺวา เจ้าก็พาพระน้องจรลีลาศลงจากอาสน์พระอาศรมเข้าไปซ่อนอยู่ในสุมทุมพุ่มไม้ร่มอันรกชิด ยังกลัวว่าจะไม่มิดพราหมณ์จะ
แลเห็น อกใจนี่ฤาเต้นอยู่ทึกทัก พระพักตร์สองกุมารเผือดผัน พระกายสั่นระรัวริกดังตีปลา พระชาลีจึงกระซิบบอกแก้วกัณหา
ว่า กัณหาเอ่ยเจ้าค่อยๆ ย่อง ครั้นเหยียบต้องใบไม้ไหวกริบเจ้าขยิบตาให้แก้วกัณหาหมอบครั้นเหยียบต้องใบไม้ไหวกรอบเจ้าก็
พากันหมอบอยู่แน่นิ่ง เตน เตน ปธาวึสุ สองเจ้าก็วิ่งวนจนถึงมงคลสระศรี สองกุมารีทรงผ้าคากรองเข้าให้มั่นคง แล้วเสียรอย
ถอยหลังลงสู่สระศรี เอาวารีนั้นบังองค์เอาใบบุษบงบังพระเกศหวังจะซ่อนพระบิตุเรศกับพราหมณ์ด้วยความกลัวอยู่ในสระบัว
นั้นแล
(11) โส ชูชโก ส่วนชูชกใจจองหอง อทิสฺวา เมื่อมิได้เห็นสองกุมารในสถานที่นั้น เฒ่าอาธรรม์ให้นึกแหนงใน
ดําริ จึงกล่าวติเตียนตัดพ้อด้วยลมพาลอยู่ฉานฉะว่า โภเวสฺสนฺตร ดูกรพระมหาเวสสันดร เขาขึ้นชื่อลือขจรว่าใจบุญบริสุทธิ์ แต่
เดิน
เดิน
ขึ้น
เดิน
กัณฑ์กุมาร http://www.mahachat.com/index.php/kan-8?tmpl=component&...
5 of 10 26/5/2559 19:52
เดิมที่ยุติจริงใจศรัทธาไม่ย่อท้อ เรามาเอ่ยปากขอคําเดียวก็ให้ลูก ถูกกับคําเขาลือเล่าว่าเลิศกษัตริย์บัดเดี๋ยวสิผลัดจะให้อยู่ท่าพระ
มัทรี ครั้นว่าธชีมิยอมอยู่กลับจะให้พาไปสู่สํานักพระเจ้ากรุงสญชัย ครั้นรู้เท่าว่าเขามิไปเหมือนใจคิด ก็จนจิตนั่งนิ่งทําหน้าเฉย
ขยิบตาชําเลืองเลยลอบแลลอด สอดพยักหน้าให้ลูกหนี ฉะออชาลีก็ไวเหลือลูกประสมเห็นพ่อทําตาคมคอยขยับพอเบือนหงับ
ก็ไปเงียบไม่ทันเงย ตยา สทิโส เจ้าข้าเอ่ย บุคคลผู้ใดเลยในโลกนี้ ที่จะเจรจาตลบเลี้ยวลดสดๆ ร้อนๆ เหมือนเจ้าพระยาเวสสันดร
ชีไพร เป็นอันว่าหามิได้นี้แล้วแล
(12) โส โพธิสตฺโต ปางนั้นสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ตรัสได้ทรงฟังพราหมณ์บริภาษ กมฺปมาโน ตกพระทัยไหว
หวาดไปทั้งพระองค์ทรงพระจินตนาในเหตุว่า สองดรุณเรศนี้กลัวภัย จึงทรงตรัสประภาษไปว่าพราหมณ์เอ่ย อย่าเพ่อเลยน้อยใจ
แก่เราก่อน เราจะพาสองกุมารบังอรมาให้จงได้ตรัสแล้วก็เสด็จไปมะนิมมะนา ตามรอยบทวลัญชาสองกุมาร จนถึงสถานสระ
โบกขรณี ก็แจ้งว่ากัณหาชาลีอยู่ในสระสรง เมื่อพระองค์จะตรัสเรียกว่าพระลูกยา ก็กล่าวเป็นสาระพระคาถาดังนี้
เอหิ ตาต ปิยปุตฺต ฯลฯ โสกํ ปฏิวิเนสฺสตีติ
(13) ตาต พ่อเอ่ย เจ้าชาลีศรีสุริยวงศ์เยาวเรศเจ้าก็เกิดในมกุฎเกศกรุงสีวิราฐ ไยพ่อไม่องอาจย่อมย่อท้อทิ้งพระบิดา
ให้พราหมณ์มันจ้วงจาบหยาบช้า เจ้าเห็นชอบอยู่แล้วฤาหนาพ่อสายใจเราก็เป็นขัตติยมไหมหาสมมติวงศ์วิเศษสุทธิกษัตริย์ไม่มี
ใครที่จะมาพ้อตัดติเตียนเลย พระลูกเอ่ย เจ้าไม่รู้ฤาคือพระบิตุรงค์บรรจงรักพระโพธิญาณ หวังจะยังสัตว์ให้ข้ามห้วงมหรรณพ
ภพสงสารให้ถึงฝั่งฟาก เป็นเยี่ยงอย่างยอดยากที่จะข้ามได้สําเภาลําใดของพานิช ซึ่งตกแต่งต่อติดเป็นกงวานประกอบประกับ
กระดานตอกตึง ตะปูตะปริงยิงกรึงกระชับชิด พืดเหล็กตีติดตอกหมันโซมนํ้ามันชันเคี่ยวแล้วเยียวยา กระดานดาดเป็นดาดฟ้า
จังกอบกว้านสมอขัน เสากระโดงยืนยันยึดด้วยพืดพวนผูกขึงรัดรึงตายติดกับเสารอกดูนี่เรี่ยวแรง เสากระโดงสายระโยงรยางค์
แย่งอยู่มั่นคง ปักทวนธงอยู่ริ้วๆ ธงตะขาบปลิวสะบัดปลาย นายช่างจําลองจําหลักลายรายด้วยรูปสัตว์ราชสีห์สิงห์อัดยืดแอ่นอก
กอดกระหนกกระหนาบคาบแก้วกุมครั้นได้ฤดูเดือนมรสุมแล้วก็แซ่ซ้อง บรรทุกสิ่งของลงต่างๆ ไว้ระวางทางวิดนํ้าทําเป็น
โชงโลง อับเฉากันโคลงประจุเรียบสําเภานี่ก็พาบเพียบเพียงราโทครั้นได้ฤกษ์แล้วให้เลิกโห่ขึ้นสามลา ยิงปืนปากปลาเสียงผาง
ผึงตึงตัง คนการยืนสะพรั่งอยู่พร้อมเพรียง ศัพท์สําเนียงเสียงเฮโลแลเฮล่า เข้าฉุดคร่าสายสมอตีม้าล่ออยู่ฉ่างๆ โบกธงอยู่คว้างๆ
แล้วแกว่งกวัด พอพระพายชายพัดติดใบบน ล้าต้าแลต้นหนก็มุ่งมองตั้งเข็มส่องกล้องสลัด โดยกําหนดขนัดคะเนหมาย นายท้าย
ก็ยักย้ายบ่ายเบี่ยงเฉลียงแล่นออกทะเลลึกแลไม่เห็นฝั่ง ครั้นบังเกิดลมสลาตันตั้งตีเป็นลูกคลื่นอยู่ครื้นเครง สําเภาก็โคลงเคลงไป
ตามคลื่นตื่นเต้น เสากระโดงหักกระเด็นกระดานแตก คลื่นใหญ่โยนกระทบกระแทกกระทั่งผะผังผาง สําเภาก็อับปางลงในท่าม
กลางทะเลหลวง ฝูงมนุษย์ทั้งปวงไม่หลอเหลือล้วนเป็นเหยื่อแก่เต่าปลา ด้วยเป็นโลกิยนาวาไม่จิรังเลย พระลูกเอ่ย พ่อเห็นแต่
หน้าเจ้าพระพี่น้อง เจ้าจงมาเป็นสําเภาทองธรรมชาติ อันนายช่างชาญฉลาดจําลองทํา ด้วยกงแก้วประกําตรึงด้วยเพชรแน่นหนา
แก้วประพาฬแผ่เป็นดาดฟ้าฝาระเบิดเปิดช่องนํ้า แก้วไพฑูรย์กระทําเป็นราโทโมราประทับสลับสลัก กรอบลายรายดอกรัก
เนาวรัตน์ ฉลุฉลักเป็นรูปสัตว์ภาพเพชรนิลแนมแกมหงส์วิหคกระหนกคาบลดารัด มังกรกัดกอดแก้วเกี่ยวเป็นก้านขดดูสดใส
ครั้นสําเร็จแล้วเมื่อใด พระบิดาจะทรงเครื่องต้นมงคลพิชัยสําหรับกษัตริย์จะเอาพระสมาบัติกระหวัดทรงเป็นสร้อยสังวาลวงอยู่
สรรพเสร็จจะเอาพระขันตีต่างพระขรรค์เพชรอันคมกล้า สุนทรจะย่างเยื้องลงเภตราสู่ที่นั่งท้ายอันสูงระหง ปักทวนธงเศวตฉัตร
ครั้นเวลาวายุพัดมาเฉื่อยฉิวสําเภาทองก็จะล่องลิ่วไปตามลมสรรพสัตว์ก็จะชื่นชมโสมนัส ถึงจะเกิดลมกาฬพานกระพือพัดคือ
โลโภถึงจะโตสักแสนโตตั้งตีเป็นลูกคลื่นอยู่ครื้นโครมโถมกระแทก สําเภานี้ก็มิได้วอกแวกวาบหวั่นไหวก็จะแล่นระรี่เรื่อย
เฉื่อยไปจนถึงเมืองแก้วอันกล่าวแล้วคือพระอมตมหานครนฤพาน พระลูกเอ่ย เจ้าจะนิ่งนานอยู่ไยในสระศรี จงขึ้นมาช่วยยก
ยอดปิยบุตรทานบารมี แต่ในครั้งเดียวนี้เถิด
(14) ชาลีกุมาโร ปิ แม้อันว่าพระชาลีราชกุมาร เมื่อได้สดับวโรงการพระบิตุราช จึงคิดว่าอาตมนี่เป็นลูกกษัตริย์
ขัตติยะยอดยิ่ง อะไรจะมานั่งนิ่งให้พระบิดาเรียกถึงสองคํามิบังควรนัก ถึงว่าอ้ายเฒ่าทรลักษณ์มันจะตีด่าฆ่าเสียก็ตามเถิด คิดแล้ว
เธอก็เปิดใบบัวขึ้นมา กอดพระบาทเบื้องขวาพระปิตุรงค์ทรงพระกรรแสงเศร้า ท้าวเธอตรัสถามว่าพระน้องอยู่ไหนเล่าพ่อชาลี
เธอก็กราบทูลคดีโดยคํากลาง ว่าพระพุทธเจ้า อิเม สตฺตา เยี่ยงอย่างสัตว์ทั้งหลาย ภัยจะมาถึงกายย่อมเอาตัวหนี ท้าวเธอก็ทราบคดี
ด้วยปรีชา จึงตรัสเรียกแก้วกัณหาดุจตรัสเรียกพระชาลี พระเจ้าน้องก็คิดเหมือนพระพี่ไม่ผิดเพี้ยน ขึ้นมาซบพระเศียรกอดพระ
บาทเบื้องซ้ายสมเด็จพระบิดา เต กุมารา ควรจะสงสารเอ่ยด้วยสองดรุณทรามรักน้อยๆ ทั้งคู่ พิศแลดูหน้ากันแล้วก็ตั้งแต่ว่าจะ
ร้องไห้ นํ้าพระอัสสุชลนัยน์เธอไหลลงหลั่งๆ ตกต้องหลังพระบาทพระบรมราชฤษี ดังกลีบบุษมาลีปทุเมศ มารองนํ้าพระ
ชลเนตรสองกุมารพระเจ้าลูกท้าวเธอไว้ สมเด็จพระนราธิปไตยพิสุทธิชินวงศ์ ท้าวเธอก็พลอยทรงกรรแสงไห้ จนพระ
อัสสุชลนัยน์ไหลลงรินๆ โซมพระพักตร์ ตกต้องพระปฤษฎางค์พระลูกรักทั้งสอง ดุจแผ่นกระดานทองมารองรับไว้ทั้งคู่
กมฺปมานโส นํ้าพระทัยเธอห่อหู่ยู่ย่นสลดลง ประหนึ่งว่าจะดํารงพระทานนั้นมิได้ ปรามสนฺโต เธอลูบหลังสองอรดนัยพระลูก
เดิน
ขึ้น
เดิน
ขึ้น
กัณฑ์กุมาร http://www.mahachat.com/index.php/kan-8?tmpl=component&...
6 of 10 26/5/2559 19:52
แก้วแล้วก็รับขวัญ กุมพระกรพระลูกรักทั้งสองนั้นให้ทรงยืนประดิษฐาน พลางประโลมปลอบปิยกุมารทั้งสองว่า พระลูกเอ่ย ยืน
ขึ้นเถิดสินะเจ้าฟังบิดาว่า กัณหาเอ่ย เงยหน้าขึ้นเถิดนะแม่ แลดูหน้าพระบิดาเสียยังแล้วให้ชื่นมื่น เจ้าจะมัวสะอึกสะอื่นไปว่าไร
พระบิดานี่มีฤาหาไม่ เจ้าก็ย่อมแจ้งอยู่แก่ใจเจ้าแล้วทั้งสอง มาตรว่าบิดานี้มีเงินแลทองเล่าเถิดรา มิให้ลูกกําพร้าต้องระเหินระหก
ตกไปไกล โอ้ครั้งนี้บิดานี่ยากไร้สิ้นร้ายเสียที่สุด เห็นแต่พระปิยบุตรเจ้าทั้งสอง ยิ่งกว่าเงินแลทองได้ร้อยเท่าพันทวี พระบรม
ราชฤษีเธอจึงคาดค่าสองกุมาร เหมือนนายโคบาลอันสันทัดคาดค่าโค โส กิร ปุตฺโต จึงตรัสว่าพระลูกเอ่ยเจ้าจงจําคําของบิดาไว้
สเจ ภุชิสฺโส มาตรว่าเจ้าอยู่มิได้จะใคร่พ้นทาสวิสัยให้พ้นธชี พ่อชาลีจะเพียรพยายาม หาทองทุนทรัพย์ตามให้ถ้วนถึง นับตําลึง
ได้พันเท่า นั่นแลส่วนค่าตัวเจ้านะชาลี ส่วนพระน้องกัณหานี้พระเจ้าพี่อย่าลืมหนา หตฺถิอาทิสเตนวา จําบิดาจะคาดค่าแก้วกัณหา
ไว้มิให้น้อย สิ่งละร้อยละร้อยทั้งโคอุสุภราช ทาสทาสีรถพาหนะลงกตคชสารม้ามิ่ง ครบทุกสิ่งสินสุวรรณทองร้อยตําลึง ยื่นให้
ถึงมือธชีแล้วเมื่อใด กัณหาพระน้องเจ้าจึงจะได้ไปเป็นไทขึ้นเมื่อนั้น อย่าโศกศัลย์เศร้าสร้อยน้อยพระทัยไปนักเลย พระลูกเอ่ย
อย่าว่าบิดานี้ลําเอียง รักลูกเล่าก็ไม่เที่ยงเสมอกัน ใช่กระนั้นดอกหนาพ่อชาลี พระบรมราชฤษีเธอจึงตรัสประโลมเล้าว่า พระลูก
เอ่ย มาเถิดนะเจ้าอย่าช้านักพราหมณ์จะคอย เธอก็จูงกรพระลูกน้อยพาเข้ามาสู่อรัญญิกาวาส นั่งเหนือศิลาอาสน์หน้ามุขพระ
อาศรม ทรงพระเต้าอันอุดมเต็มด้วยวารี จึงตรัสเรียกธชีชราจารย์ ว่า เอหิ วต โภ พราหมณ์เอ่ย จงมารับพระราชทานสองกุมารแต่
โดยดี เธอก็หล่อหลั่งอุทกวารีลงในมือพราหมณ์ ตั้งพระทัยไว้ให้งามดังดวงแก้ว แล้วก็ออกอุทานวาจาอันแจ่มใสว่า พราหมณ์
เอ่ย ลูกทั้งสองของเรานี้ไซร้ เรารักดังดวงใจนัยนเนตร เหตุว่าเรารักพระโพธิญาณ ยิ่งกว่าสองกุมารได้ร้อยเท่าพันทวี อิทํทานํ
เดชะผลทานในครั้งนี้จงสําเร็จแด่พระสร้อยสรรเพ็ชญ์พุทธรัตน์อนาวรณญาณ ในอนาคตกาลโน้นเถิด
(15) ภิกฺขเวดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสมาธิปัญญา เวสฺสนฺตโร ราชา อันว่าพระมหาเวสสันดรอดุลดวงดิลก เมื่อพระองค์
ทรงยอยกปิยบุตรทานมิทันช้า จึงหล่อหลั่งอุทกธาราให้ตกลงเหนือมือทิชาจารย์อัศจรรย์ก็บันดาลบังเกิดมี อยํมหาปฐวีอันว่า
ภาคพื้นพระธรณีอันหนาแน่นได้สองแสนสี่หมื่นโยชน์ เสียงอุโฆษครื้นครั่นดังไฟบรรลัยกัลป์จะผลาญโลกให้ทําลายวายวินาศ
ฝูงสัตว์จัตุบาทก็ตื่นเต้นเผ่นโผนโจนดิ้น ประหนึ่งว่าปัฐพินจะพลิกควํ่าพลํ้าแพลงให้พลิกหงาย อกนางพระธรณีจะแยกแตก
กระจายอยู่รอนๆ สะท้อนสะเทือนเลื่อนลั่นอยู่ครืนๆ ดุจหนึ่งว่าปืนสักแสนนัดมากระหนํ่า ซํ้ายิงอยู่เปรี้ยงๆ เสียงฉะฉาดฉาน
ประแปร๋แปร๋แปร้นแล่นทะลวงงวงคว้างาเงย ประหนึ่งว่าจะสอยเสยเอาดวงดาวเหี้ยมห้าวกระหึมตกมันอยู่ฮัดๆ ดังว่าใครมา
ยุแยงแกล้งผัดพาน เดือดทะยานอยู่ฮักฮัก สะอึกเข้าไล่แทงเงาอยู่ผลุงผลัง ไม้ไล่พังผะผางโผงล้มพินาศทั้งพระยาพาลมฤคราช
เสือโคร่งคํารามครึมกระหึ่มเสียงสําเนียงก้อง ร้องปะเปิบปีบถีบทะยานย่องแยกเขี้ยวเคี้ยวฟันตัวสั่นอยู่ริกๆ ประหนึ่งว่าจะถาโถม
โจมจิกจับเอาสัตว์ในไพรวัน มาคาบคั้นกินเสียคําเดียวเป็นภักษา ทั้งพระยากาสรตัวกล้าก็ลับเขาโขยดโลดลองเชิง เริงฤทธิไกร
ไล่ขวิดควิ้วอยู่ฉานๆ ประหนึ่งว่าจะควานควักตักแผ่นดินดอน สิเนรุปพฺพตราชา ทั้งพระยาเขาพระสุเมรุก็เอนอ่อนอยู่ทบเทา แก้ว
เก้าเนาวรัตน์แสนสัตตรัตน์เรืองรองซ้องสาธุการอยู่อึงมี่ ทั้งพระยาครุฑราชปักษีก็โผผินบินขึ้นเวหน เล่นลมบนอยู่ลิบลิ่วเมฆ
หมอกปลิวอยู่เกลื่อนกลาด บนอากาศก็วิกลเป็นหมอกกลุ้มอัมพรชอุ่มอับอลเวง เสียงคระโครงเครงครื้นครั่น ฝนสวรรค์ก็เฟื่อง
ฟุ้งเป็นฟองฝอย เมขลาเหาะลอยล่อแก้วอยู่แวววับรามสูรขยับขยิกขยี้ แสงสายมณีแวบวาบวาวสว่าง อสูรก็ขว้างขวานประหาร
อยู่เปรี้ยงๆ เสียงสนั่นลั่นโลกวิจลจลาจล นาคราชในเบื้องบนก็เบือนบิดนฤมิตกาย ชูเศียรถวายสักการบูชา เทพดานิกรนับโกฏิ
ต่างน้อมเศียรศิโรตม์อยู่ไสวยอพระกรไหว้อยู่แออัด ว่าเจ้าประคุณของสัตว์ผู้ยากเอ่ย อันทานนี้ยากที่บุคคลผู้ใดเลยจะกระทําได้
เว้นไว้แต่หน่อพระชินสีห์ อันทรงสร้างพระบารมีมามากแล้วขอให้พระทูลกระหม่อมแก้วจงสําเร็จแด่พระวิสุทธิสร้อยสรร
เพ็ชญ์พุทธอัครอนาวรณญาณ ในอนาคตกาลโน้นเถิด
(16) ภิกฺขเวดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสมาธิปัญญา โส พฺราหฺมโณ อันว่าเฒ่าชราทิชาชาติ เมื่อได้รับพระราชทานสอง
กุมารได้แล้ว เฒ่าใจแกล้วก็ฉุดลากกระชากสองกุมารมา เอกโต พนฺธิตฺวา ผูกพันพระพาหาพี่น้องสองกระสันเข้าให้มั่นกับมือ
ปลายเชือกข้างหนึ่งนั้นถือตามตีต้อนสองบังอรมา ต่อหน้าสมเด็จพระบิดาไม่ปรานี ฝ่ายพระชาลีจึงกราบบังคมทูล ว่าข้าแต่
นเรนทรสูรสมเด็จพระบิดาเจ้าข้าเอ่ย กระไรเลยไม่ปรานี ว่าพระแม่มัทรีนี้เป็นเพื่อนยาก เมื่อเช้าพระแม่เจ้าจะจากไปสู่ป่า ก็พาลูก
ทั้งสองรามาฝากฝัง ทรงพระกรรแสงสั่งแสนเทวษ ควรแลฤๅพระบิตุเรศมานิ่งได้ให้เฒ่าจัญไรตาแกมาตีด่าไปต่อหน้าพระที่นั่ง
ฝีไม้กระไรดังอยู่ควับเควี้ยวเสียวแสบแทบจะบรรลัย เจ้าประคุณของลูกเอ่ย ลูกนี้ยกมือขึ้นไหว้ตาแกยิ่งโกรธ ลูกร้องขอโทษตา
แกยิ่งตี แตกทุกทีทุกทีทุกฝีไม้เลือดนี้ไหลลงหยดย้อย พระบิดาเจ้าเอ่ย โปรดทอดพระเนตรหลังลูกน้อยๆ นี้บ้าง ถูกที่ขัดที่ขวาง
ตาแกช่างไม่คิดเลย เจ้าประคุณของลูกเอ่ย สุดที่ลูกนี้จะกลั้นจะทนพ้นกําลังแล้วแต่คอยๆ พระชนนีจะวี่แววมาก็หามิได้พระบิดา
เจ้าเอ่ย ช่วยโปรดห้ามพราหมณ์ไว้ให้สงบอยู่ท่าพระมารดา ทั้งเวลานี้เล่าก็บ่าย ดีร้ายพระแม่จะมาทัน เออนี่ก็ยังวันอยู่อักโข ยาว
อมฺมา ปิ เอติ โน โอ้เวลาป่านฉะนี้พระแม่มัทรีจะมิกลับมาแล้วแลฤๅถึงกลางทาง แม้นพระบิตุรงค์ทรงแย้มพระโอษฐ์โปรด
ประภาษบ้างก็จะยังชั่วตาแกจะได้เกรงกลัวพระราชอาญา ถึงจะตีจะด่าก็จะอัชฌาสัย นี่ตาแกทําเล่นตามอําเภอใจของตาแกเอง
พราหมณ์จะกลัวจะเกรงใครมีเล่า ด้วยพระทูลเกล้ามานิ่งเฉย กัณหาพระน้องเอ่ย จะเอาพระคุณของใครมาปกเกล้า จะพึ่งพระบิดา
เล่าก็หลากแล้วเจ้าประคุณทูลกระหม่อมแก้วของลูกเอ่ย มิโปรดข้าชาลีแล้วก็ทําเนา จงโปรดเกล้าแต่เจ้ากัณหา พระน้องของข้า
เดิน
ขึ้น
เดิน
ขึ้น
เดิน
ขึ้น
กัณฑ์กุมาร http://www.mahachat.com/index.php/kan-8?tmpl=component&...
7 of 10 26/5/2559 19:52
ยังเยาว์นัก ทรามรักพระมารดามิได้ทรงพระกรุณาทํานิ่งขึง ดุจแผ่นกระดานอันตรึงกระหนํ่าแน่นมิได้หวาดไหวทูลพลางทาง
พิไรรํ่าว่า กัณหาพระน้องเอ่ย ที่ไหนเลยจะได้กลับมาเห็นหน้าสมเด็จพระบิดาและมาตุเรศจะต้องทนทุกขเทวษมอดม้วยด้วย
อาชญา ของธชีชรานี้แล้วแล
(17) เมื่อพระชาลีศรีดรุณราชโอรส ทรงพระกําสรดทูลพระบิตุราช ท้าวเธอตั้งสมาธิมัธยัสถ์มิได้ตรัสจํานรรจา
สงสารพระชาลีเหลียวมาดูพระน้องแก้วกัณหา แล้วก็ทรงพระโศกาพิไรรํ่า ว่า กเณฺห ดูกรเจ้าแก้วกัณหาเอ๋ย หญิงชายผู้ใดเลย
เกิดมาในห้วงมหรรณพภพสงสาร ยังมิถึงซึ่งพระนิพพานตราบใด ก็ย่อมต้องทุกข์โพยภัยประหาร ปานประหนึ่งว่าตัวเรานะเจ้าพี่
ตถา ทุกฺขํทุกข์ทั้งนี้ก็มิสู้ทุกข์เท่าทุกข์ถึงพระแม่เจ้าจะกลับเข้ามาแต่ป่า เมื่อมิได้เห็นหน้าเราพี่น้องแล้วก็จะทรงกรรแสงไห้ด้วย
ว่าลูกเพื่อนไร้มาจากอก จะทรงพระวิตกมิวายเลย พระคุณเจ้าเอ่ย พระคุณเคยได้เชยชมแก้วกัณหาชาลีทุกเวลา กปณา จะเป็น
กําพร้าพลัดพระลูกแล้วนะพระแม่เจ้า โส นูน กปโณ ตาโต ทั้งสมเด็จพระปิตุนรินทร์ปิ่นเกล้าของเรา อปสฺสนฺโต เมื่อมิได้เห็นเจ้า
แก้วกัณหาในอาศรมท้าวเธอก็จะทรงพระปรารมภ์ละห้อยหา อิเมโน หตฺถิกา อสฺสา โอ้คิดขึ้นมาก็น่าเสียดาย แต่รูปสัตว์ทั้ง
หลาย คือ กระต่ายโตโคถึกเถื่อน ใส่ล้อลากเลื่อนเขยื้อนยัน พระบิตุรงค์บรรจงปั้นให้เราเล่น โอ้ทีนี้จะนานเห็น เมื่อใดจะได้กลับ
มาเล่นของเราอีกเล่า กัณหาเอ่ย เราพี่น้องนี้ตั้งแต่ว่าจะโศกเศร้าไปเป็นข้าพฤฒาจารย์ในมรรคากันดารนั้นแล
ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห
ตโต เวสฺสนฺตโร ราชา ฯลฯ ชาลี กณฺหาชินา จุโภติ
(18) โส โพธิสตฺโต ปางนั้นสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ตรัสได้ทรงฟังพระลูกน้อย ทรงพระกรรแสงทูลละห้อยวัน
นั้นกลั้นพระโศกมิได้ละอายพระทัยแก่เทพดา ปณฺณสาลํปวิสิตวา เสด็จเข้าสู่ภายในพระบรรณศาลา ซบพระพักตราทรงพระ
กรรแสงสะอื้นไห้ ว่าโอ้เจ้าเพื่อนเข็ญใจของพ่อเอ่ย เจ้าเคยกระทํากรรมไว้เป็นไฉน จึงมาตกเข็ญใจไร้ยากอนาถา ให้พราหมณ์
ชราร่างร้ายกาจตาแกมาทําสีหนาทโพยโบยตี โอ้เวลาป่านฉะนี้ก็สายัณห์ คนทั้งหลายเขาเรียกกันกินอาหาร บ้างก็เล้าโลมลูก
หลานให้อาบนํ้าแล้วหลับนอน แต่สองบังอรของพ่อนี้ใครจะปรานีให้นมนํ้า ก็จะตรากตรําลําบากใจที่ไหนจะเดินได้ด้วยพระ
บาทเปล่า ทั้งไอแดดจะแผดเผาให้พุพอง จะชอกชํ้าคลํ้าเป็นหนองลงลามไหล สองสุริยวงศ์ตั้งแต่ว่าจะทรงพระกรรแสงไห้สุด
อาลัยของพ่อแล้วที่จะติดตามจะบ่ายหน้าไปหาพราหมณ์เมื่อยามเย็น เฒ่าจัญไรไหนเลยจะเห็นแก่สองเจ้า มีแต่จะรุกเร้าคํารามตี
ธชีเอ่ย กระไรเลยไม่เกรงขามเราบ้างเมื่อยามจน จะคิดดูบ้างเป็นไรว่าลูกทั้งสองคนคู่ชีวาตม์ยังตัดใจให้ขาดมิให้เสีย
ประโยชน์ แต่ก่อนโสดถึงข้าสินไถ่ได้สี่ต่อ ผู้อื่นรู้ก็ยังย่อท้อกลัวเกรง ใครไม่ข่มเหงเหมือนพราหมณ์ผู้นี้ วาริชสฺเวเมสโต
เสมือนหนึ่งพรานเบ็ดมาตีปลาที่หน้าไซ บรรดาปลาจะเข้าไปให้แตกซ่าน ตัวเราผู้ทําทานเหมือนตัวปลา พระโพธิญาณในภาย
หน้านั้นคือไซ ปรารถนาจะเข้าไปจึงยกพระลูกให้เป็นทานบารมี พระลูกรักทั้งสองศรีดังกระแสสินธุ์ พราหมณ์ประมาทหมิ่นมา
ด่าตี เสมือนกระทุ่มวารีให้ปลาตื่น นํ้าพระทัยท้าวเธอฟื้นจากอุเบกษา บังเกิดอวิชชามาห่อหุ้มพระปัญญานั้นกลัดกลุ้มไปด้วย
โมโหให้ลุ่มหลง โทโสเข้าซํ้าส่งให้บังเกิดวิหิงสาขึ้นทันที ว่าอุเหม่อุเหม่พราหมณ์ผู้นี้อาจองทะนงหนอ มาตีลูกต่อหน้าพ่อไม่
เกรงใจธชีเอ่ย กูมาอยู่ป่าเปล่าเมื่อไร ทั้งพระขรรค์ศิลป์ไชยก็ถือมา ธนุจาปํ คเหตฺวา ก็ทรงคว้าพระแสงธนูศรกระสันมั่นกับมือ
ฆ่าพราหมณ์ผู้นี้เสียเถิดหรือ เธอฮึดฮื่ออยู่แต่ในพระทัย ภายหลังจึงตั้งจิตพิจารณาในพระอริยประเพณีหน่อพุทธางกูร ก็รู้ว่าอาตม
นี่เพิ่มพูนมหาปุตตบริจจาคเจียวสิหว่า เมื่อพระปัญญาบังเกิดมี พระบรมราชฤษีเธอจึงตรัสสอนพระองค์เองว่า โภเวสฺสนฺตร ดูกร
พระมหาเวสสันดร อย่าอาวรณ์โว้เว้ทําเนาเขา ข้ากับเจ้าเขาจะตีกันไม่ต้องการ ให้ลูกเป็นทานแล้วยังมาสอดแคล้วเมื่อภายหลัง
ท้าวเธอก็ตั้งสมาธิระงับดับพระวิโยค กลั้นพระโศกสงบแล้วพระพักตร์ก็ผ่องแผ้วแจ่มใส ดุจทองอุไรทั้งแท่ง อันบุคคลแกล้ง
หล่อแล้วมาวางไว้ในพระอาศรมตั้งแต่จะเชยชมพระปิยบุตรทานบารมี แห่งหน่อพระชินสีห์นั้นแล
(19) เมื่อชูชกพฤฒาจารย์พาสองกุมารไปในวันนั้น เฒ่าอาธรรม์ล้มแล้วลุกขึ้นได้ตาแกฉวยเรียวไม้ไล่ตีต้อนสอง
บังอรมาต่อหน้าพระที่นั่งสมเด็จพระบิดาไม่ช้าที ควรจะสงสารเอ่ยด้วยพระชาลีศรีดรุณเยาวลักษณ์ ผันพระพักตร์มาทูลลา
พระมาตุเรศอยู่แจ้วๆ แล้วก็ทรงพระกรรแสงละห้อย ทรงปรึกษาพระน้องน้อยกนิษฐาว่า กณฺเห ดูกรแก้วกัณหาเอ่ย พี่ได้ยินเนื้อ
ความท่านเล่าสืบกันมา ว่า กําพร้าสองประการสืบสันดานโดยประเพณี นรา เอกจฺจิยา กุมารกุมารีใดไร้นิราศปราศจากพ่อยังแต่
แม่ผู้เดียวก็พอแลพอเหลียวชื่อว่าอยู่พร้อมทั้งบิดาและมารดา ทารกา ทารกผู้ใดไร้นิราศปราศจากแม่ยังแต่พ่อผู้เดียวก็เปล่า
เปลี่ยวได้ชื่อว่าสูญสิ้นทั้งบิดาแลมารดา ถึงจะประโลมเลี้ยงรักษาเล่าก็ไม่ถึงใจถึงจะได้ทุกข์ภัยสักร้อยสิ่ง อันบิดาแล้วก็นิ่งได้ไม่
นําพา อันคุณของพระมารดาท่านพรรณนาไว้ว่าเป็นที่ยิ่ง สจฺจํคําที่ว่ามานั้นก็จริงสมอยู่แล้วนะพระน้องแก้วกัณหา เหมือนหนึ่ง
เราทั้งสองราในครั้งนี้ พระชนนีไม่อยู่อ้ายพราหมณ์มันจึงข่มขู่เคี่ยวเข็ญกระทําโทษ นตฺถตฺโถ ชีวิเตน โน โอ้จะประโยชน์อันใด
กับด้วยชีวิตเราเท่านี้นี่นา พระน้องเอ๋ยกัณหาเจ้าพี่ผู้เพื่อนไร้ จะอยู่ไปไยให้ทนทุกข์ทรมาน เมื่อมาได้ความรําคาญเคืองแค้น
เดิน
ขึ้น
เดิน
ขึ้น
เดิน
เดิน
ขึ้น
กัณฑ์กุมาร http://www.mahachat.com/index.php/kan-8?tmpl=component&...
8 of 10 26/5/2559 19:52
8. กัณฑ์ที่ ๘ กุมาร ๑๐๑ พระคาถา
8. กัณฑ์ที่ ๘ กุมาร ๑๐๑ พระคาถา

More Related Content

What's hot

สรุปนิราศภูเขาทอง
สรุปนิราศภูเขาทองสรุปนิราศภูเขาทอง
สรุปนิราศภูเขาทองkanchana13
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์Jariya Huangjing
 
อารยธรรมอินเดีย
อารยธรรมอินเดียอารยธรรมอินเดีย
อารยธรรมอินเดียHercule Poirot
 
งานนำเสนอลิลิตเตลงพ่าย
งานนำเสนอลิลิตเตลงพ่ายงานนำเสนอลิลิตเตลงพ่าย
งานนำเสนอลิลิตเตลงพ่ายSantichon Islamic School
 
สามัคคีเภทคำฉันท์Pdf
สามัคคีเภทคำฉันท์Pdfสามัคคีเภทคำฉันท์Pdf
สามัคคีเภทคำฉันท์PdfMind Candle Ka
 
วิชชุมมาลา ฉันท์ ๘ เสร็จ
วิชชุมมาลา ฉันท์ ๘ เสร็จวิชชุมมาลา ฉันท์ ๘ เสร็จ
วิชชุมมาลา ฉันท์ ๘ เสร็จNat Ty
 
สามัคคีเภทคำฉันท์ (อินทรวิเชียร)2
สามัคคีเภทคำฉันท์ (อินทรวิเชียร)2สามัคคีเภทคำฉันท์ (อินทรวิเชียร)2
สามัคคีเภทคำฉันท์ (อินทรวิเชียร)2B'Ben Rattanarat
 
กลอนมงคล๓๘ ประการ
กลอนมงคล๓๘ ประการกลอนมงคล๓๘ ประการ
กลอนมงคล๓๘ ประการniralai
 
สามัคคีคำฉันท์.Ppt 34
สามัคคีคำฉันท์.Ppt 34สามัคคีคำฉันท์.Ppt 34
สามัคคีคำฉันท์.Ppt 34Kittisak Chumnumset
 
พระเวสสันดร กัณฑ์มัทรี 30 35
พระเวสสันดร กัณฑ์มัทรี 30 35พระเวสสันดร กัณฑ์มัทรี 30 35
พระเวสสันดร กัณฑ์มัทรี 30 35Milky' __
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์Sudarat Makon
 
คำกลอนสอนศิษย์
คำกลอนสอนศิษย์คำกลอนสอนศิษย์
คำกลอนสอนศิษย์PomPam Comsci
 
พัฒนาการของอาณาจักรธนบุรี
พัฒนาการของอาณาจักรธนบุรีพัฒนาการของอาณาจักรธนบุรี
พัฒนาการของอาณาจักรธนบุรีพัน พัน
 
๑๐. ฉันทลักษณ์และคำประพันธ์ประเภทกาพย์[1]
๑๐. ฉันทลักษณ์และคำประพันธ์ประเภทกาพย์[1]๑๐. ฉันทลักษณ์และคำประพันธ์ประเภทกาพย์[1]
๑๐. ฉันทลักษณ์และคำประพันธ์ประเภทกาพย์[1]นิตยา ทองดียิ่ง
 

What's hot (20)

สรุปนิราศภูเขาทอง
สรุปนิราศภูเขาทองสรุปนิราศภูเขาทอง
สรุปนิราศภูเขาทอง
 
2. กัณฑ์ที่ ๒ หิมพานต์ ๑๓๔ พระคาถา
2. กัณฑ์ที่ ๒ หิมพานต์ ๑๓๔ พระคาถา2. กัณฑ์ที่ ๒ หิมพานต์ ๑๓๔ พระคาถา
2. กัณฑ์ที่ ๒ หิมพานต์ ๑๓๔ พระคาถา
 
6. กัณฑ์ที่ ๖ จุลพน ๓๕ พระคาถา
6. กัณฑ์ที่ ๖ จุลพน ๓๕ พระคาถา6. กัณฑ์ที่ ๖ จุลพน ๓๕ พระคาถา
6. กัณฑ์ที่ ๖ จุลพน ๓๕ พระคาถา
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์
 
ไทย
ไทยไทย
ไทย
 
Key of sheet 8 56x
Key of sheet 8 56xKey of sheet 8 56x
Key of sheet 8 56x
 
อารยธรรมอินเดีย
อารยธรรมอินเดียอารยธรรมอินเดีย
อารยธรรมอินเดีย
 
งานนำเสนอลิลิตเตลงพ่าย
งานนำเสนอลิลิตเตลงพ่ายงานนำเสนอลิลิตเตลงพ่าย
งานนำเสนอลิลิตเตลงพ่าย
 
สามัคคีเภทคำฉันท์Pdf
สามัคคีเภทคำฉันท์Pdfสามัคคีเภทคำฉันท์Pdf
สามัคคีเภทคำฉันท์Pdf
 
วิชชุมมาลา ฉันท์ ๘ เสร็จ
วิชชุมมาลา ฉันท์ ๘ เสร็จวิชชุมมาลา ฉันท์ ๘ เสร็จ
วิชชุมมาลา ฉันท์ ๘ เสร็จ
 
สามัคคีเภทคำฉันท์ (อินทรวิเชียร)2
สามัคคีเภทคำฉันท์ (อินทรวิเชียร)2สามัคคีเภทคำฉันท์ (อินทรวิเชียร)2
สามัคคีเภทคำฉันท์ (อินทรวิเชียร)2
 
ลิลิตตะเลงพ่าย (สอน Ppt)[1]
ลิลิตตะเลงพ่าย (สอน Ppt)[1]ลิลิตตะเลงพ่าย (สอน Ppt)[1]
ลิลิตตะเลงพ่าย (สอน Ppt)[1]
 
กลอนมงคล๓๘ ประการ
กลอนมงคล๓๘ ประการกลอนมงคล๓๘ ประการ
กลอนมงคล๓๘ ประการ
 
สามัคคีคำฉันท์.Ppt 34
สามัคคีคำฉันท์.Ppt 34สามัคคีคำฉันท์.Ppt 34
สามัคคีคำฉันท์.Ppt 34
 
พระเวสสันดร กัณฑ์มัทรี 30 35
พระเวสสันดร กัณฑ์มัทรี 30 35พระเวสสันดร กัณฑ์มัทรี 30 35
พระเวสสันดร กัณฑ์มัทรี 30 35
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์
 
4. กัณฑ์ที่ ๔ วนปเวสน์ ๕๗ พระคาถา
4. กัณฑ์ที่ ๔ วนปเวสน์  ๕๗ พระคาถา4. กัณฑ์ที่ ๔ วนปเวสน์  ๕๗ พระคาถา
4. กัณฑ์ที่ ๔ วนปเวสน์ ๕๗ พระคาถา
 
คำกลอนสอนศิษย์
คำกลอนสอนศิษย์คำกลอนสอนศิษย์
คำกลอนสอนศิษย์
 
พัฒนาการของอาณาจักรธนบุรี
พัฒนาการของอาณาจักรธนบุรีพัฒนาการของอาณาจักรธนบุรี
พัฒนาการของอาณาจักรธนบุรี
 
๑๐. ฉันทลักษณ์และคำประพันธ์ประเภทกาพย์[1]
๑๐. ฉันทลักษณ์และคำประพันธ์ประเภทกาพย์[1]๑๐. ฉันทลักษณ์และคำประพันธ์ประเภทกาพย์[1]
๑๐. ฉันทลักษณ์และคำประพันธ์ประเภทกาพย์[1]
 

Viewers also liked

Viewers also liked (7)

พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลศัพท์
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลศัพท์พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลศัพท์
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลศัพท์
 
ភាសាកូរ៉េ
ភាសាកូរ៉េភាសាកូរ៉េ
ភាសាកូរ៉េ
 
ศัพท์ที่ควรรู้จากเรื่องมหาเวสสันดรชาดก
ศัพท์ที่ควรรู้จากเรื่องมหาเวสสันดรชาดกศัพท์ที่ควรรู้จากเรื่องมหาเวสสันดรชาดก
ศัพท์ที่ควรรู้จากเรื่องมหาเวสสันดรชาดก
 
มงคลวิเสสกถา
มงคลวิเสสกถามงคลวิเสสกถา
มงคลวิเสสกถา
 
បទានុក្រមខ្មែរ ៣​ Padanukram dhammapada vol.3
បទានុក្រមខ្មែរ ៣​ Padanukram dhammapada vol.3បទានុក្រមខ្មែរ ៣​ Padanukram dhammapada vol.3
បទានុក្រមខ្មែរ ៣​ Padanukram dhammapada vol.3
 
แต่งไทย ป.ธ. 9 พระมหานพพร อริยญาโณ
แต่งไทย ป.ธ. 9 พระมหานพพร อริยญาโณแต่งไทย ป.ธ. 9 พระมหานพพร อริยญาโณ
แต่งไทย ป.ธ. 9 พระมหานพพร อริยญาโณ
 
ไอน์สไตน์ ในพุทธปรัชญา
ไอน์สไตน์ ในพุทธปรัชญาไอน์สไตน์ ในพุทธปรัชญา
ไอน์สไตน์ ในพุทธปรัชญา
 

Similar to 8. กัณฑ์ที่ ๘ กุมาร ๑๐๑ พระคาถา

9789740336389
97897403363899789740336389
9789740336389CUPress
 
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต    ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต    ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมTongsamut vorasan
 
แหล่ให้ทานช้าง
แหล่ให้ทานช้างแหล่ให้ทานช้าง
แหล่ให้ทานช้างTongsamut vorasan
 
Tri91 21+มัชฌิมนิกาย+มัชฌิมปัณณาสก์+เล่ม+๒+ภาค+๒
Tri91 21+มัชฌิมนิกาย+มัชฌิมปัณณาสก์+เล่ม+๒+ภาค+๒Tri91 21+มัชฌิมนิกาย+มัชฌิมปัณณาสก์+เล่ม+๒+ภาค+๒
Tri91 21+มัชฌิมนิกาย+มัชฌิมปัณณาสก์+เล่ม+๒+ภาค+๒Tongsamut vorasan
 

Similar to 8. กัณฑ์ที่ ๘ กุมาร ๑๐๑ พระคาถา (7)

11. กัณฑ์ที่ ๑๑ มหาราช ๖๙ พระคาถา
11. กัณฑ์ที่ ๑๑ มหาราช  ๖๙ พระคาถา11. กัณฑ์ที่ ๑๑ มหาราช  ๖๙ พระคาถา
11. กัณฑ์ที่ ๑๑ มหาราช ๖๙ พระคาถา
 
7. กัณฑ์ที่ ๗ มหาพน ๘๐ พระคาถา
7. กัณฑ์ที่ ๗ มหาพน ๘๐ พระคาถา7. กัณฑ์ที่ ๗ มหาพน ๘๐ พระคาถา
7. กัณฑ์ที่ ๗ มหาพน ๘๐ พระคาถา
 
9789740336389
97897403363899789740336389
9789740336389
 
3. กัณฑ์ที่ ๓ ทานกัณฑ์ ๒๐๙ พระคาถา
3. กัณฑ์ที่ ๓ ทานกัณฑ์ ๒๐๙ พระคาถา3. กัณฑ์ที่ ๓ ทานกัณฑ์ ๒๐๙ พระคาถา
3. กัณฑ์ที่ ๓ ทานกัณฑ์ ๒๐๙ พระคาถา
 
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต    ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต    ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
 
แหล่ให้ทานช้าง
แหล่ให้ทานช้างแหล่ให้ทานช้าง
แหล่ให้ทานช้าง
 
Tri91 21+มัชฌิมนิกาย+มัชฌิมปัณณาสก์+เล่ม+๒+ภาค+๒
Tri91 21+มัชฌิมนิกาย+มัชฌิมปัณณาสก์+เล่ม+๒+ภาค+๒Tri91 21+มัชฌิมนิกาย+มัชฌิมปัณณาสก์+เล่ม+๒+ภาค+๒
Tri91 21+มัชฌิมนิกาย+มัชฌิมปัณณาสก์+เล่ม+๒+ภาค+๒
 

More from สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)

More from สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral) (20)

ทำตัวกิริยาศัพท์ ตามขั้นตอน อย่างง่าย _ Step By Step _Pali Verb Building
ทำตัวกิริยาศัพท์ ตามขั้นตอน อย่างง่าย _ Step By Step _Pali Verb Buildingทำตัวกิริยาศัพท์ ตามขั้นตอน อย่างง่าย _ Step By Step _Pali Verb Building
ทำตัวกิริยาศัพท์ ตามขั้นตอน อย่างง่าย _ Step By Step _Pali Verb Building
 
ประโยคโบราณ ในพระธัมมปทัฏฐกถา _ _การใช้ภาษาบาลี.pdf
ประโยคโบราณ ในพระธัมมปทัฏฐกถา _ _การใช้ภาษาบาลี.pdfประโยคโบราณ ในพระธัมมปทัฏฐกถา _ _การใช้ภาษาบาลี.pdf
ประโยคโบราณ ในพระธัมมปทัฏฐกถา _ _การใช้ภาษาบาลี.pdf
 
ประโยคแบบ ในภาษาบาลี _ _การใช้ภาษาบาลี.pdf
ประโยคแบบ ในภาษาบาลี _ _การใช้ภาษาบาลี.pdfประโยคแบบ ในภาษาบาลี _ _การใช้ภาษาบาลี.pdf
ประโยคแบบ ในภาษาบาลี _ _การใช้ภาษาบาลี.pdf
 
การใช้ สเจ ศัพท์ ในประโยคเงื่อนไข _ การใช้ภาษาบาลี
การใช้ สเจ ศัพท์ ในประโยคเงื่อนไข _ การใช้ภาษาบาลีการใช้ สเจ ศัพท์ ในประโยคเงื่อนไข _ การใช้ภาษาบาลี
การใช้ สเจ ศัพท์ ในประโยคเงื่อนไข _ การใช้ภาษาบาลี
 
การสร้างประโยคคำถามในภาษาบาลี_การใช้ภาษาบาลี
การสร้างประโยคคำถามในภาษาบาลี_การใช้ภาษาบาลีการสร้างประโยคคำถามในภาษาบาลี_การใช้ภาษาบาลี
การสร้างประโยคคำถามในภาษาบาลี_การใช้ภาษาบาลี
 
ประโยคที่กิริยาซ้อนกัน และหลักการแปลมคธเป็นไทย.pdf
ประโยคที่กิริยาซ้อนกัน และหลักการแปลมคธเป็นไทย.pdfประโยคที่กิริยาซ้อนกัน และหลักการแปลมคธเป็นไทย.pdf
ประโยคที่กิริยาซ้อนกัน และหลักการแปลมคธเป็นไทย.pdf
 
การแปลบทสมาสที่สัมพันธ์กับบทอื่นๆ_Samasa Relating To Other Words
การแปลบทสมาสที่สัมพันธ์กับบทอื่นๆ_Samasa Relating To Other Wordsการแปลบทสมาสที่สัมพันธ์กับบทอื่นๆ_Samasa Relating To Other Words
การแปลบทสมาสที่สัมพันธ์กับบทอื่นๆ_Samasa Relating To Other Words
 
คําเรียกญาติ (บาลี-ไทย-อังกฤษ)_Family Tree Pali.pdf
คําเรียกญาติ (บาลี-ไทย-อังกฤษ)_Family Tree Pali.pdfคําเรียกญาติ (บาลี-ไทย-อังกฤษ)_Family Tree Pali.pdf
คําเรียกญาติ (บาลี-ไทย-อังกฤษ)_Family Tree Pali.pdf
 
ประมวลศัพท์บาลี ตามหมวดหมู่ _ Pali_Vocab
ประมวลศัพท์บาลี ตามหมวดหมู่ _ Pali_Vocabประมวลศัพท์บาลี ตามหมวดหมู่ _ Pali_Vocab
ประมวลศัพท์บาลี ตามหมวดหมู่ _ Pali_Vocab
 
การแปล อนฺต, มาน, ต, ตฺวา ปัจจัย_Anta-Mana-Ta-Tva_Translation
การแปล  อนฺต,  มาน,  ต,  ตฺวา  ปัจจัย_Anta-Mana-Ta-Tva_Translationการแปล  อนฺต,  มาน,  ต,  ตฺวา  ปัจจัย_Anta-Mana-Ta-Tva_Translation
การแปล อนฺต, มาน, ต, ตฺวา ปัจจัย_Anta-Mana-Ta-Tva_Translation
 
ปัญหาและเฉลย วิชาบาลีไวยากรณ์ ป.ธ.3 พ.ศ.2550-2566 (17 ปี)_Pali grammar Exam A...
ปัญหาและเฉลย วิชาบาลีไวยากรณ์ ป.ธ.3 พ.ศ.2550-2566 (17 ปี)_Pali grammar Exam A...ปัญหาและเฉลย วิชาบาลีไวยากรณ์ ป.ธ.3 พ.ศ.2550-2566 (17 ปี)_Pali grammar Exam A...
ปัญหาและเฉลย วิชาบาลีไวยากรณ์ ป.ธ.3 พ.ศ.2550-2566 (17 ปี)_Pali grammar Exam A...
 
ปัญหาและเฉลย วิชาบาลีไวยากรณ์ ป.ย.1-2 พ.ศ.2511-2566 (56 ปี)_Pali grammar Exam...
ปัญหาและเฉลย วิชาบาลีไวยากรณ์ ป.ย.1-2 พ.ศ.2511-2566 (56 ปี)_Pali grammar Exam...ปัญหาและเฉลย วิชาบาลีไวยากรณ์ ป.ย.1-2 พ.ศ.2511-2566 (56 ปี)_Pali grammar Exam...
ปัญหาและเฉลย วิชาบาลีไวยากรณ์ ป.ย.1-2 พ.ศ.2511-2566 (56 ปี)_Pali grammar Exam...
 
หลักการแปลบาลี 8 ประการ _ หลักการแปลมคธเป็นไทย 8 ประการ
หลักการแปลบาลี 8 ประการ _  หลักการแปลมคธเป็นไทย 8 ประการหลักการแปลบาลี 8 ประการ _  หลักการแปลมคธเป็นไทย 8 ประการ
หลักการแปลบาลี 8 ประการ _ หลักการแปลมคธเป็นไทย 8 ประการ
 
ปัญหาและเฉลยข้อสอบ ป.ธ.3 วิชาไวยากรณ์ฉบับปรับปรุง_ปี ๒๕๑๑-๒๕๖๑.pdf
ปัญหาและเฉลยข้อสอบ ป.ธ.3 วิชาไวยากรณ์ฉบับปรับปรุง_ปี ๒๕๑๑-๒๕๖๑.pdfปัญหาและเฉลยข้อสอบ ป.ธ.3 วิชาไวยากรณ์ฉบับปรับปรุง_ปี ๒๕๑๑-๒๕๖๑.pdf
ปัญหาและเฉลยข้อสอบ ป.ธ.3 วิชาไวยากรณ์ฉบับปรับปรุง_ปี ๒๕๑๑-๒๕๖๑.pdf
 
ปัญหาและเฉลยบาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 ปี ๒๕๑๑-๒๕๖๑.pdf
ปัญหาและเฉลยบาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 ปี ๒๕๑๑-๒๕๖๑.pdfปัญหาและเฉลยบาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 ปี ๒๕๑๑-๒๕๖๑.pdf
ปัญหาและเฉลยบาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 ปี ๒๕๑๑-๒๕๖๑.pdf
 
ธมฺมปทฏฺฐกถา (๘ ภาค รวมเล่ม)_ธรรมบท ภาคที่ 1-8 รวมเล่ม ฉบับภาษาบาลี
ธมฺมปทฏฺฐกถา (๘ ภาค รวมเล่ม)_ธรรมบท ภาคที่ 1-8 รวมเล่ม  ฉบับภาษาบาลีธมฺมปทฏฺฐกถา (๘ ภาค รวมเล่ม)_ธรรมบท ภาคที่ 1-8 รวมเล่ม  ฉบับภาษาบาลี
ธมฺมปทฏฺฐกถา (๘ ภาค รวมเล่ม)_ธรรมบท ภาคที่ 1-8 รวมเล่ม ฉบับภาษาบาลี
 
อภิธานวรรณนา_พจนานุกรมว่าด้วยศัพท์ที่เป็นนามบัญญัติของเนื้อความที่มีปรากฏอยู่...
อภิธานวรรณนา_พจนานุกรมว่าด้วยศัพท์ที่เป็นนามบัญญัติของเนื้อความที่มีปรากฏอยู่...อภิธานวรรณนา_พจนานุกรมว่าด้วยศัพท์ที่เป็นนามบัญญัติของเนื้อความที่มีปรากฏอยู่...
อภิธานวรรณนา_พจนานุกรมว่าด้วยศัพท์ที่เป็นนามบัญญัติของเนื้อความที่มีปรากฏอยู่...
 
สำนวนแต่งไทยเป็นมคธ สำนักงานแม่กองบาลี & กองพุทธศาสนศึกษา (1)_(2).pdf
สำนวนแต่งไทยเป็นมคธ  สำนักงานแม่กองบาลี & กองพุทธศาสนศึกษา (1)_(2).pdfสำนวนแต่งไทยเป็นมคธ  สำนักงานแม่กองบาลี & กองพุทธศาสนศึกษา (1)_(2).pdf
สำนวนแต่งไทยเป็นมคธ สำนักงานแม่กองบาลี & กองพุทธศาสนศึกษา (1)_(2).pdf
 
จูฬธาตุปัจจยโชติกา _ พจนานุกรมบาลี-บาลี
จูฬธาตุปัจจยโชติกา  _  พจนานุกรมบาลี-บาลีจูฬธาตุปัจจยโชติกา  _  พจนานุกรมบาลี-บาลี
จูฬธาตุปัจจยโชติกา _ พจนานุกรมบาลี-บาลี
 
ธรรมบท ภาคที่ 8 แปลโดยพยัญชนะ ฉบับสองภาษา (ไทย-บาลี).pdf
ธรรมบท ภาคที่ 8 แปลโดยพยัญชนะ ฉบับสองภาษา (ไทย-บาลี).pdfธรรมบท ภาคที่ 8 แปลโดยพยัญชนะ ฉบับสองภาษา (ไทย-บาลี).pdf
ธรรมบท ภาคที่ 8 แปลโดยพยัญชนะ ฉบับสองภาษา (ไทย-บาลี).pdf
 

8. กัณฑ์ที่ ๘ กุมาร ๑๐๑ พระคาถา

  • 1. หมวด: ต ้นแบบเทศน์มหาชาติ ๑๓ กัณฑ์ ๑,๐๐๐ พระคาถา เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์, 30 สิงหาคม 2556 16:54 เขียนโดย manop ฮิต: 14769 กัณฑ์ที่ ๘ กุมาร ๑๐๑ พระคาถา กัณฑ์กุมาร http://www.mahachat.com/index.php/kan-8?tmpl=component&... 1 of 10 26/5/2559 19:52
  • 2. พระมหาชุมพล โชติพโล เจ้าพระยาพระคลัง(หน) ------------------------------ ชูชโก ปิ อจฺจุตตาปเสน กถิตมคฺเคน ยาวจตุรสฺสโปกฺขรณีตีรํ ปตฺวา จินฺเตสิ อชฺชาติ-สายเณฺห อิทานิ มทฺที อรญฺญโต อาคมิศฺสติ มาตุคาโมหิ นามทานสฺส อนฺตรายกโร โหติ เสฺวตสฺสา อรญฺญคตกาเล อสฺสมปทํคนฺตฺวา เวสฺสนฺตรํ อุปสงฺกมิตฺวา ทารเก ยาจิตฺวา ตาย อนา-คตาย เอวนฺเต คเหตฺวา ปกฺกมิสฺสามีติ ฯ (1) อสฺสโมอันว่าพระอาศรมบรมนิเวศน์วงกต เป็นที่เจริญพรตพรหมวิหาร แสนสนุกรมณิยะรโหฐานทิพพาวาส ดัง ชะลอบัณฑุกัมพลศิลาลาดมาลอยลง สี่กษัตริย์เสด็จดํารงสํารวมกิจถือเพศผนวชเป็นนักสิทธิ์สืบโบราณ โดยอุปนิสสัยสมภาร หน่อพุทธางกูร ท้าวเธอสู้เสียสละละซึ่งมไหศูรย์สวรรยางค์ออกมาก่อสร้างซึ่งพระสมติงสบารมี นํ้าพระทัยท้าวเธอโปร่งเปรม ปรีดิ์ปราโมทย์ชูชโก ปิ แม้อันว่าเฒ่าหฤโหดหินชาติทาสสถุล คนฺตฺวา ตะแกก็มุมุ่มมุ่งเขม้น ถ่อกายเก่นตะเกียกเดิน โดยพนัส แถวเถินทางจําเพาะตามคําพระอัจจุตเจ้าเจาะแจ้งคดี พอล่วงวิถีระยะโยชน์ ถึงสโรชโบษขรณีแนวพนัสแน่นหนาป่าระหง พอ พระสุริยงค์เธอเยื้องรถ บทจรเย็นยอแสงสั่งทวีปฝูงทิชากรก็ร่อนรีบเข้ารังเรียง ได้ยินเสียงผีป่าโป่งโป้งเปิ่งกู่กระหึ่มผีผิวพึมฟัง ขนพอง เสียงชะนีร้องอยู่โหวยโหวยวิเวกวะหวามอก พราหมณ์ก็หยุดยืนตื่นตกตะลึงนึกว่านี่กูมาถึงไหนแล้วสิหว่า เหลียวซ้าย แลขวาเห็นช่อฟ้าอยู่ลิบๆ สองตาตะแกไม่กะพริบเพ่งเล็งแล หมายแน่ว่าโน่นแล้วสิหนอ อ่อพระอาศรมธชีก็มีมโนภิรมย์ปรารภ รําพึงการ ว่าเวลาป่านฉะนี้น่าที่จะมิลุดังจุใจกูเจตน์จง ด้วยสมเด็จอนงค์นาฏมัทรี เธอคงจะจรลีกลับจากแสวงหาผลาผล เสด็จรีบ ร้นเข้ามายังพระอาศรมสถาน อนึ่งก็เป็นคําบุราณท่านย่อมว่า ว่าช้าช้าจะได้พร้าสองเล่มงามด่วนได้สามผลามมักพลิกแพลง มาตุ คาโมธรรมดาว่าสตรีนี้เป็นเกาะแก่งกีดกระแสกุศล มีมัจฉริยะมืดมนคือตัวมาร ยามเมื่อสามีจะทําทานมักทําลาย ด้วยแยบคายเข้า ค้อนติง เข้าทักท้วงให้ทอดทิ้งเสียศรัทธาผล มาตรแม้นว่าอาตมจะรุกร้นโลภเข้าไปขอ ซึ่งพระปิยะบุตรน้อยหน่อผู้แนบอก ที่ ไหนพระนางเธอจะยอมยกซึ่งพระปิยบุตรทานบารมี น่าที่จะเสียทีทั้งสองทาง ฝ่ายพระองค์ผู้ทรงสร้างก็จะเสียศรัทธาผล ทั้งตัวกู ผู้แสนจนก็จะปราศจากลาภคว้านํ้าเหลวอยู่ลังเล เสฺวเออต่อวันรุ่งพรุ่งนี้เถิดสินะคอยให้พระนางเธอหลีกละพระเจ้าลูกทั้งคู่เข้าสู่ ดง ยังแต่องค์สมเด็จพระชินวงศ์วรราช อุปสงฺกมิตฺวา เราจึงจะลีลาศลอดเลาะเข้าไปสู่เฉพาะพระเพ็ญพักตร์ จะทูลขอพระยอดรัก ปิโยรส ได้แล้วก็จะบทจรมุ่งไปหาเมีย เห็นจะไม่เสียทีที่ถ่อร่างมาหอบรวน คิดแล้วเฒ่าก็หันหวนหาที่นอน พอจะปลิ้นปลอกซอก ซอนให้พ้นสัตว์จัตุบาทเฒ่าก็ปีนทะลุทะลาดขึ้นสู่ชะง่อนเขา พราหมณ์ก็นั่งซบเซาคํานึงนึก เสียงสกุณร้องก้องกึกให้หวั่นหวาด พระพายชายพัดบุปผชาติหอมระรวยมา เฒ่าก็เหวี่ยงย่ามละว้าลงต่างหมอน นอนไขว่ห้างทางสาธยายมนต์ตาแกก็กรนอยู่ครืด ครอกบนซอกผา พระพายชายพัดมาอยู่ฉิวเฉื่อย พราหมณ์ก็นอนหลับเรื่อยบัดเดี๋ยวใจเหนือศิงขรเนินไศลนั้นแล (2) ตํปน รตฺตึ ในเมื่อราตรีธชีนอน เหนือศิงขรขอบเขตพระอาวาส ส่วนสมเด็จพระนางนาฏมัทรีเสด็จบรรทม ในห้องพระอาศรมบรรณศาลา ยังมิทันที่จะนิทราระงับพอหลับพระเนตร เกิดอาเพศเป็นลางหลาก ยามเมื่อจะจําจากพระลูกรักทั้ง สองศรี พระอินทรีย์เธอสั่นระรัวริก สะดุ้งพระองค์พลิกดังใครผลักให้พลัดแพลง เสียวๆ สยะแสยงยะเยือกเย็น ว่าเอ๊ะจะเป็นพิกล ฉันใด หรือว่าภัยจะบังเกิดมี เธอก็แผ่ไมตรีลงสู่ที่นิทรารมณ์บรมไสยาสน์ พระนางให้หวาดๆ จนเพลาปัจจุสมัยจึงม่อยผอยหลับ เดิน เดิน กัณฑ์กุมาร http://www.mahachat.com/index.php/kan-8?tmpl=component&... 2 of 10 26/5/2559 19:52
  • 3. สนิททรงพระสุบินนิมิตผิดประหลาดลามกธรรมว่า เอโก ปุริโส ยังมีบุรุษผู้หนึ่งนั้นเติบโตดําลํ่าสันเห็นพิลึก ผิวกายดําเป็น หมอกหมึกมืดดังมหาเมฆดูนี่โกกเกกเก่งฉกาจปริทหิตฺวา นุ่งผ้าย้อมฝาดคาดกาสาว์สักกะสัน พันเป็นเกลียวเหนี่ยวเหน็บรั้ง คาด พุงจั้งมั่งทะมัดทะแมง ปิลนฺธิตฺวา ทัดดอกไม้แดงทั้งสองหูดูสง่า อาวุธหตฺโถ มีหัตถ์เบื้องขวานั้นถือดาบคมเขียวเป็นมันปลาบละ เลื่อมแสง แกว่งกวัดฉวัดเฉวียนวิ่งวู่จู่เข้ามาถึง ถีบทวารตึงทําลายลู่ ตชฺเชนฺโต กระทืบเท้าตะคอกขู่คํารามสําราก ฉวยชฎา นางกระชากฉุดให้หลุดพลัด รวบพระกรกระหวัดทั้งซ้ายขวา ให้พระนางเธออุตตานภาพ ฟาดด้วยดาบเหวี่ยงลงตรงพระพาหา ทั้งสองซ้ายขวาขาดเป็นสิน พระกรกระเด็นดิ้นอยู่แดดาน แล้วมิหนําซํ้าแขวะคว้านควักพระนัยน์เนตรทั้งสองปลิ้นให้วิ่นหวะอุรํ ภินฺทิตฺวา เอาดาบฉะเชือดพระทรวงล้วงชําแหละแหวะหาพระหทัยพระนางนั้น ตสฺสา วิรวนฺติยา จนสุดสิ้นพระสุรเสียงสําเนียง กรี๊ดกรีดวะหวีดหวาด ชายนั้นก็ประลาดแล่นไปมีหยาดพระโลหิตไหลละลุมลง สะดุ้งพระองค์ออกพระโอษฐ์โลดลอยพลอย ผวาตื่นขึ้นทันที ในปัจฉิมราตรีนั้นแล ฯ (3) สา ปพุชฺฌิตฺวา เมื่อนางพระยาผวาตื่นตระหนกตกประหม่าไม่มีขวัญ พระทัยนางเธอไหวหวั่นหวีดหวาด เจียน หัวใจจะขาดอยู่ร่อแร่ สําคัญว่าเป็นแม่นแท้เหมือนความฝัน จึงสอดพระกรพัลวันลูบไล้หาพระกายายังปรากฏ จึงกําหนดแน่ว่า นิมิต เอ๊ะอัศจรรย์จิตจริงเจียวสิหว่า จึงทรงพระจินตนาโดยเหตุ ว่าโอ้โอ๋อาเพศช่างผิดผวน มิบังควรเคยนิมิต ก็มาวิปริตผิด ประหลาด จนตกไร้นิราศรัตน์บุรีเรือนจันทน์ ออกมาโศกศัลย์แสนทรพล เข็ญใจจนเหลือลําบาก แล้วมิหนําซํ้าจะยากระยํายับไป ถึงไหน จะยื่นหน้าไปหาใครในกลางป่า ที่จะเป็นโหรารู้ทํานายทายทัก ให้แจ้งประจักษ์ว่าร้ายหรือดีไม่มีเนตร เห็นแต่พระปิ่น ปกเกศผู้เพื่อนเข็ญ ท้าวเธอก็เป็นมิ่งมงคลฆราวาส คิดแล้วก็ลุกขึ้นจากอาสน์โอบอุ้มประคอง พระเจ้าลูกทั้งสองสายสุดสวาท ประโลมให้ไสยาสน์หลับสนิทแล้วนางแก้วก็เสด็จมายังพระอาศรมบรมราชสามี น้อมพระเกศศีรษะมาโนชญ์ขออธิกรณ์โทษ ทางคํานับทรงขยับยกพระกรขึ้นเคาะพระทวารดังกะเกาะก้องกึง ศัพท์สําเนียงสนั่นลั่นถึงพระกรรณตระหนัก ท้าวเธอจึงตรัส ออกมาว่า โก เอโส ใครนั่นหนาใครนั่นสิหว่า พระพุทธิเจ้าข้าเกล้ากระหม่อมฉันมัทรี เอ๊ะเจ้ามาไยเวลาป่านฉะนี้พระน้องเอ่ย ผิด เวลากาล ฤาเจ้าลืมคําปฏิญาณแรกนิยมว่าจะไม่คบหาสมาคมกันเป็นเชิงชั้นฉันฆราวาส เวลานี้นี่ก็ผิดประหลาดอยู่แล้วนะเจ้า ไย เล่าจึงล่วงมา พระพุทธิเจ้าข้า เกล้ากระหม่อมฉันฝันพิกล จึงร้อนรนเป็นธุระครั้นว่าจะนิ่งเฉยเลยละก็เกรงว่าจะลืมหลง มานี่หวัง จะให้พระองค์ทรงทํานายทายทัก อ้อกระนั้นดอกหรือพระน้องรัก เจ้าฝันประการใด อย่าเข้ามาข้างในนั่งอยู่แต่นอก บอกความ ฝันเข้ามาเถิดนะพี่จะช่วยทํานาย สมเด็จพระมัทรีเธอก็ทูลถวายพระสุบินสิ้นทุกประการ แดพระราชสมภารนั้นแล (4) โส โพธิสตฺโต ปางนั้นสมเด็จพระหน่อชินวงศ์องค์โพธิสัตว์เงี่ยพระโสตสดับอรรถตั้งแต่ต้นจนอวสาน ก็ ทรงทราบด้วยพระอนุมานปัญญาบารเมศว่า เสฺววันรุ่งพรุ่งนี้จะมีเหตุด้วยปฏิคาหก ยาจกจะมารับพระราชทาน โอ้สงสารด้วย สองพระลูกเจ้าผู้เพื่อนยาก พรุ่งนี้เช้าเจ้าจะพลัดพราก พราหมณ์จะพาไปไกลจากอกพระบิดาแล้วสงสารด้วยนางแก้วเกศกษัตริย์ มัทรีเอ่ย จะเสวยพระทุกข์เพียงพินาศด้วยสองดรุณราชปิโยรสร่วมฤทัย ครั้นอาตมจะอาลัยหลงอยู่ด้วยความรัก ไหนจะหัก เสน่หาให้เหือดหาย ด้วยอาตมจะมุ่งหมายพระโพธิญาณทานธุระจะเริดร้าง แม้อาตมจะทํานายทางบุพพนิมิตแต่ตามจริง ไหนนาง จะทอดทิ้งพระลูกเล่าด้วยอาลัย ก็จะเป็นพาหิรกภัยแก่โพธิญาณ จําจะทํานายด้วยโวหารให้เหตุหาย จึงมีสุนทราธิบายด้วยพระ ปัญญา ว่า ดูกรมัทรี เป็นเหตุทั้งนี้ด้วยเจ้าเป็นนางกษัตริย์เคยเสวยไอศุริยสมบัติอันอุดมเจ้าเคยสถิตบรรทมพระยี่ภู่อ่อนลออ สําอาง ยามเมื่อเจ้าจะโสรจสรงเสวยล้วนแต่เครื่องสุพรรณภาชน์ ยามเมื่อเจ้าเยื้องยุรยาตรก็มิได้ย่างลงเหยียบดินกระเดื่องใจบัดนี้ เจ้ามาตกไร้นิราศปราศจากที่อันเจริญ ออกมาโศกศัลย์แสนกันดารเดินในดงดอนต้องแดดลมเสวยแต่ผลไม้อันเปรี้ยวขมเฝื่อน ฝาด นอนเหนือใบไม้ลาดล้วนละอองทราย เทพยเจ้าย่อมยักย้ายซึ่งราศี ธาตุทั้งสี่นั้นวิปริต จึงเสวยสุบินนิมิตผิดประหลาดลามก เจ้าจะสะดุ้งตกพระทัยไปไยมี จงกลับไปยังคันธกุฎีโดยสําราญ ส่วนสมเด็จพระมัทรีรับสุนทรสาส์นใส่เกศา ถวายบังคมลามา ยังพระอาวาส พออรุณโอภาสรุ่งเรืองจํารัสฟ้า ฝูงสกุณาออกหากินบินเกริ่นก้องร้องอยู่แจ้วๆ พระนางก็ประโลมปลุกพระลูกแก้ว ทั้งสองราเยาวเรศว่าเจ้าผู้ดวงนัยน์เนตรทั้งคู่ของแม่นี่นา ลุกขึ้นเถิดอย่านอนสายพระพักตราจะหมองศรี เธอจึงอุ้มแก้วกัณหาชาลี ขึ้นใส่ตัก วักเอาวารีมาโสรจสรงสําอางองค์เอี่ยมละออง ทรงชโลมขมิ้นทองประเทืองผิวให้ผ่องผัด มุ่นพระเกศจุไรรัดร้อยสุมาลี มาสอดแซมพระเกศีตามประสายาก นํ้าพระชลนัยน์เธอไหลลงพรากๆ แล้วก็พรํ่าเล่า ว่าโอ้พระทูลเกล้าของแม่เอ่ย คืนนี้แม่ฝัน ร้ายผิดประหลาด ไปทูลถามพระบิตุราชท้าวเธอก็ตรัสว่ามิเป็นไรๆ แม่นี้ยังไม่ไว้ใจเลยนะพ่อๆ ชาลี เจ้าอยู่หลังระวังน้องให้จงดี ผิดชอบอย่าด่าตีฟังแม่ว่า แม่กัณหาเอ่ย เจ้าอย่าหลงละเลิงเลยเล่นไปนักนะแม่ๆ จงเสงี่ยมอย่าตะลีตะเลียมชะล่าไปให้ไกลพี่ พ่อ ชาลีเล่าก็อย่าเลินเล่อละพระน้องให้แล่นเล่นแต่ลําพัง จงฟังคําแม่พรํ่าสอนพรํ่าสั่งทุกสิ่งอัน เธอก็รับมิ่งรับขวัญพระลูกรักทั้งสอง รา ว่ามาเถิดมาพ่อมาแม่มา แม่จะพาเจ้าไปเฝ้าฝากเสียยังแล้วตรัสพลางนางก็อุ้มแก้วกัณหา พระหัตถ์เบื้องขวาจูงพระชาลี มาสู่ สํานักพระราชสามีแล้วทูลฝากพระเจ้าลูกผู้เพื่อนยากว่า พระพุทธเจ้าข้า ได้โปรดกระหม่อมฉันด้วยช่วยเผื่อแผ่พระบารมีปกเกศ ลูก เอาพระทัยผูกตรัสประภาษเรียกหา ให้เล่นแต่ใกล้ๆ พระบาทาทั้งพี่น้อง เจ้าสิทรามคะนองปองแต่ที่จะแล่นเล่นลีลาศเหมือน โปดกมฤคมาศอันอ่อนแอ ครั้นพลัดแม่อยู่แต่ลําพัง แล้วก็จะตั้งแต่พากันผาดโผนโจนเล่นตามประสาสัตว์ไม่รู้ว่าภัยพาลพิบัติจะ มาเบียดเบียนเมื่อปางใด กระหม่อมฉันมิไว้ใจเหมือนทุกคราวครั้ง พระคุณเอ่ย ได้โปรดด้วยช่วยระวังในครั้งนี้ เหมือนหนึ่งเห็น เดิน เดิน ขึ้น กัณฑ์กุมาร http://www.mahachat.com/index.php/kan-8?tmpl=component&... 3 of 10 26/5/2559 19:52
  • 4. แก่ข้าพระบาทมัทรีเถิดนะว่าเป็นเพื่อนยาก พระนางเธอทูลฝากพระลูกแก้วแล้วถวายบังคมลา มาจัดหาขอเสียมกระเช้าสาน สาแหรกคานขึ้นใส่พระอังสาเสด็จจร นํ้าพระทัยเธอข้อนๆ คิดไม่ขาด เสด็จนิวัติลีลาศคืนหลัง กลับมาทรงกรรแสงสั่งสองบังอร อีกเล่า ว่าทูลเกล้าของแม่เอ่ย ถ้าอกแม่นี้แล่ได้ออกเป็นภาคพอที่จะแบ่ง แม่ก็จะจัดแจงแล่งออกไว้ภาคหนึ่งถึงจะไปภาคหนึ่งจะ อยู่จะได้ประโลมเลี้ยงพระลูกรักทั้งคู่มิให้เคืองพระทัย โอ้ความเข็ญใจในครั้งนี้นี่เหลือขนาด เจ้าเกิดมากําพร้าญาติไร้พระประยูร วงศา แต่จะได้เห็นหน้ามารดาเล่าก็ไม่เต็มวัน ต่อเพลาสายัณห์เย็นระย่อยํ่า แม่จึงจะได้กลับเข้ามาอุปถัมภ์ถนอมเชยให้ชื่นชู ครั้น เช้าตรู่แล้วก็พลัดแม่เป็นกําพร้า จะมีใครเลี้ยงรักษาพระลูกเล่า เลี้ยงกันเองเถิดสินะเจ้าแต่พี่กับน้อง เห็นหน้ากันแต่สองตาม ประสายาก เพราะมีกรรมแล้วจึงจําจากด้วยจําเป็น ใจแม่นี้จะเด็ดกระเด็นออกไปเสียแล้วนะทูลกระหม่อมแก้วจงค่อยอยู่โอ้เจ้า ดวงเนตรทั้งคู่ของแม่เอ่ย แม่นี้จะขอลา พระนางก็ยาตราตรึกพลางทางเหลียวมาแลดู พระลูกทั้งคู่น้อยๆ ละห้อยไห้ นํ้าพระ ชลนัยน์เธอไหลลงหลั่งๆ กลับหน้าสั่งกลับหลังสั่ง จนลับบังพระนัยน์เนตร ยิ่งสงสารสองดรุณเยาวเรศมิลืมเลย จนลับล่วงเข้าสู่ ป่า เพื่อจะแสวงหาผลไม้ที่ในดง มาปฏิบัติกษัตริย์ทั้งสามพระองค์นั้นแล (5) โส ปาโต วครั้นอรุณรุ่งจํารัสพระเวหน พฤฒาเฒ่าหลับกรนอยู่ในซอกผา ได้ยินเสียงสกุณโกกิลาพะเพรียก เรียกร้องก้องพนาเวศเฒ่าก็สังเกตว่าเอ๊ะเพลานี้รุ่งแล้วกระมัง ลุกขึ้นยืนหยัดดัดหลังอยู่เครียดๆ บิดขี้เกียจอยู่อึดอัด ฉวยย่ามละว้า สลัดซัดขึ้นใส่ไหล่ หมายมุ่งไปยังพระอาศรมบรมศิวาวาส บทจรมุ่งมาดโดยมรรคา อถมหาสตฺโต ปางนั้น สมเด็จพระมหาสัตว์ เสด็จออกนั่งหน้าพระอาศรมบทงามปรากฏดุจรูปทองทั้งแท่ง อันบุคคลแกล้งหล่อแล้วมาตั้งไว้จินฺเตสิ มีนํ้าพระทัยรําพึงหา ยาจกอันจะมารับพระราชทาน สุราโสณฺโฑ ปิ้มปานประหนึ่งว่า นักเลงสุราบานคอยหาเจ้าเหล้า ปุตฺตา ปิ แม้อันว่าพระโอรสเจ้า ทั้งคู่ เล่นอยู่มิได้ห่างพระบิตุเรศส่วนพระโพธิสัตว์ทอดพระเนตรเห็นธชีก็ชื่นชมเชื้อเชิญภิรมย์เรียกพราหมณ์ด้วยความปรีดา ว่า เอหิ วต โภพราหมณ์เอ่ย เชิญท่านผู้เป็นมหามงคลนิมิต อันจะนําเราไปยังทิศพระนิพพาน เชิญเถิดพฤฒาจารย์มาช่วยเรายกปิย บุตรทานบารมี เมื่อท้าวเธอจะตรัสเรียกพระชาลีให้ออกไปรับพราหมณ์พฤฒา จึงกล่าวเป็นบาทพระคาถาดังนี้ อุฏฺเฐหิ ชาลิ ปติฏฺฐ ฯลฯ อติถี โน ภวิสฺสตีติ (6) ตาต พ่อเอ่ย พ่อชาลีศรีสุริยะรู้พระทัยของบิดา เจ้าจงยืนขึ้นตรงหน้าโน่นพราหมณ์ฤาไร โปราณํวิย เหมือน เมื่อเราอยู่ในพระพารา หมู่วณิพพกทั่วทิศามารับพระราชทาน นนฺทิโย เมาะโสมนสฺสา พระบิดามีความเกษมศานต์ภิรมย์โสมนัส จนถึงมหิทธิสิโรเพศดังบุคคลเดินทางประเทศทางกันดารแดดร้อน มีผู้เอาชโลธรมาทุ่มเทรดให้เย็นใจเออกระนั้นฤากระไรพระ ลูกแก้ว พระชาลีฟังรับสั่งแล้วทูลสนองด้วยพระปัญญา ซึ่งโปรดมาทั้งนี้ก็ชอบด้วยเกล้า แต่พราหมณ์ผู้เฒ่านี้ถือเพศเป็นดาบส พาเหียร ดีร้ายจะมาเบียดเบียนขออะไรสักสิ่ง ทูลแล้วพระชาลีรับรับสั่งวิ่งออกไปรับพราหมณ์ ครั้นถึงจึงถามว่าท่านตาท่านลุงถุง ไถ้อะไรหนัก ส่งมาเถิดหลานรักจะช่วยรับเอาไปชูชกเฉลียวใจจุปากอยู่เจาะๆ ว่าฉะกุมารนี้ช่างฉอเลาะคมสันนี้สิ้นที น่าที่จะเป็น เจ้าชาลีลูกกษัตริย์แล้วธรรมดาว่านกยูงย่อมมีแววไม่รู้หาย ดังหนามไม้ไม่เสี้ยมปลายก็แหลมเอง แม้นขอได้จะโฉงเฉงใช้จะยาก ทั้งรู้หลักนักปราชญ์มากปากจะกล้า จําจะสําทับด้วยวาจาแต่แรกพบอจฺเฉรํ ปหริ ธชีก็ดีดนิ้วมือดังถะถบถะถับร้องสําทับด้วย วาจา ว่าฮ้าเฮ้ย ลูกใครนี่หวาใจแข็ง เข้ามาเดินเคียงแข่งผู้ใหญ่ อปฺเปหิ จงหลีกออกไปไปเสียอย่าอยู่ว่าแล้วยังแลดูตาอยู่อีกเล่า กู เหวี่ยงลงด้วยไม้เท้านี่เถิดฤา ตาแกก็ทําฮึดฮือฮึกฮัก ยกเท้าแยกขาทําท่าจะตี พระชาลีก็หลีกออกไปเธอคิดว่าพราหมณ์ผู้นี้ไฉน หนอจึงใจร้ายกาจดูก็เห็นรูปชั่วชาติหฤโหด ประกอบด้วยบุรุษโทษแทบทุกสิ่ง เออมันชั่วกระนี้จริงเจียวสิหว่า พระชาลีผู้ปรีชาก็ นิ่งไว้แต่ในพระทัย ส่วนเฒ่าจัญไรตาแกได้ช่อง ก็เหยาะย่องยอบกายหมายภิมุขหมอบประณมมือถวายบังคมพระเวสสันดร เอื้อนโอษฐ์ถวายพระพรศรัทธาผล ทูลถามถึงกังวลแต่วันท้าวเธอนิราศพระราไชย มาผนวชในพนาวาส ก็กล่าวเป็นบาทพระ คาถาว่า กจฺจิ นุ โภโต กุสลํ ฯลฯ ชาลี กณฺหาชินา จุโภติ (7) เมื่อชูชกธชีเข้าไปถึงแล้ว เฒ่าใจแกล้วกระทําประพฤติปราศรัย เป็นสัมโมทนียนัยกถาธรรมสวัสดิ์ พระ บรมโพธิสัตว์ก็เปรมปรีดิ์ ปราศรัยตอบโดยระบอบประเพณี เชิญธชีฉันผลไม้อันโอชา เฒ่าชราได้โอกาส ด้วยตาแกฉลาดในเชิง ภิกขาจาร เมื่อจะทูลสนองดรุณราชกุมาร เฒ่าก็พูดหว่านล้อมด้วยคํายอ ชักเอาแม่นํ้าทั้งห้าเข้ามาล่ออุปมาถวายเสียก่อน แล้วจึง หวนย้อนขอต่อเมื่อภายหลัง ว่า พระพุทธเจ้าข้า วาริวโห เมาะ ปญฺจ มหานทีโย พระคุณเจ้าเอ่ย อันว่าแม่นํ้าทั้งห้ากระแสสาย ชลชลา ไหลมาจากห้วงคงคาเป็นห้าแถว นองไปด้วยนํ้าแนวเต็มฝั่งฝา นามชื่อว่าคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู นที มหิมหาสาคเรศ จึง แตกเป็นนิทเทสกุนทีน้อยๆ ประมาณห้าร้อยโดยสังขยา ปูโร ไหลหลั่งถั่งมาลบล้นกะทบกะทั่งฟากฝั่งเป็นฝอยฝน บ้างก็เป็น วังวนวุ้งชะวากเวิ้ง บ้างก็เป็นกะพักกะเพิงกะพังพุ บ้างก็ดั้นดุกระเด็นดาษดังดวงแก้วตามทางแถวแนวท่อธาร ไหลซ่าซ่าซ่าน ซะเซาะโซม เสียงระระระโรมโครมครื้นครั่น พิลึกลั่นบันลือหฤหรรษ์ บ้างก็เลี้ยวลัดดัดดั้นชลาไหล บ่าไปสู่บ่อบึงบางน้อยใหญ่ เดิน ขึ้น เดิน เดิน ขึ้น กัณฑ์กุมาร http://www.mahachat.com/index.php/kan-8?tmpl=component&... 4 of 10 26/5/2559 19:52
  • 5. นับอเนกอนันต์ เป็นคลื่นหมื่นมหันต์มไหไหลฟุ้งซ่านสุดที่จะพรรณนา ย่อมเป็นที่อาศัยทั่วไปแก่ฝูงปลานานาสรรพสัตว์ ในภูมิ พื้นจังหวัดมงคลทวีป ฝูงชนได้เลี้ยงชีพก็ชุ่มชื่น ถึงจะวิดวักตักตวงทุกคํ่าคืนทิวาวัน ถึงจะทดท่อระหัดหันเข้าทุ่งนาป่าและดง นํ้า ในสาครจะน้อยลงก็หามิได้ เสมือนหนึ่งนํ้าพระทัยพระทูลกระหม่อมแก้ว อันยาจกมาถึงแล้วไม่เลือกหน้า ตามแต่จะปรารถนา ทุกยวดยานกาญจนอลงกตรถรัตน์ อัศวสรรพสารพัดพิพิธโภไคย จนกระทั่งถึงภายในปัญจมหาบริจาค อันเป็นยอดยากยิ่งทาน ไม่ท้อถอย ด้วยพระองค์หมายมั่นพระสร้อยสรรเพ็ชญ์ดาญาณ พระคุณเจ้าเอ่ย ข้าพระราชสมภารนี่เป็นคนจนทุพพลภาพสุดเข็ญ จะหาเช้าได้กินเย็นก็ทั้งยาก ครั้งนี้อุตส่าห์บ่ายบากบุกป่าฝ่าดงพงพนัสแสนกันดาร หวังจะรับพระราชทานพระชาลีกัณหาไปเป็น ทาสาทาสี ขอพระองค์จงทรงยกยอดปิยบุตรทานบารมีให้แก่ข้าธชีนี้เถิด (8) โส โพธิสตฺโต ปางนั้นสมเด็จพระบรมนราพิสุทธิ์พุทธางกูร ได้ฟังพราหมณ์อธิบายทูลขอสองกุมาร มีนํ้า พระทัยชื่นบานเอิบอาบด้วยกุศลลาภอันเลิศฟ้า อุปมาเหมือนบุรุษอันยากไร้ มีผู้นําทรัพย์มานับให้พันตําลึงถึงมือแล้วเมื่อใด นํ้า พระทัยท้าวเธอปราโมทย์เหมือนฉะนั้น เมื่อจะยังเขาวงกตให้บันลือลั่นกัมปนาทท้าวเธอจึงตรัสประภาษว่า พราหมณ์เอ่ย ท่านมา ออกปากขอสองกุมารพระลูกรักดังดวงตา เราก็จะตัดห่วงเสน่หาให้แก่พราหมณ์เฒ่า แต่ทว่าเราขอทุเลาเลื่อนสักราตรี พอให้ทัน พระมัทรีเธอตามสนอง เสียแรงนางได้อุ้มท้องทนเทวษ ถนอมเลี้ยงบังเกิดเกศสองกุมารมา อนึ่งนางจะได้อนุโมทนาสามิภักดิ์ บําเพ็ญเพิ่มพระบารมี แล้วจะได้ขัดสีสระสรงสองดรุณมุ่นจุกไร ร้อยมาลัยประดับเกศแก้วกุมาร จะได้มอบให้เป็นทานถึงมือธชี เราเห็นแล้วว่าดีสะดวกงามงดก่อนเถิดฤานะพราหมณ์พรุ่งนี่จึงไปหามิได้พระพุทธเจ้าข้า ซึ่งพระองค์แนะสนองชักช่องมาหนัก หน่วงถ่วงให้อยู่ช้าคอยท่าพระมัทรี ข้อนี้ยังติดใจอยู่จริงๆ อิตฺถิโย มนฺตํขึ้นชื่อว่ามารยาหญิงนี้แสนแยบดีแต่ว่าจะคิดแคบ เสียดายของ เคยครอบครองภิรมย์รื่น ยากที่จะยกหยิบเอาออกยื่นเป็นยอดทาน ชื่อว่าสามานย์มัจฉริยะเกิดกันกั้นกุศล หมื่นแสน จะได้ดีแต่ละคนนี่ยากแล้วอันสมเด็จพระนางแก้วมิ่งมัทรี จะเหมือนดังสตรีทั้งปวงก็หามิได้เกลือกว่าพระนางจะอาลัยด้วยพระ ลูกรัก จะมิหักเสน่หาให้เหือดหาย จะมุ่งหมายพระบารมีเป็นแม่นมั่น เสมอเหมือนพระองค์ผู้นําจํานงซึ่งทางสวรรค์แล้วแลฤา พระพุทธเจ้าข้า แม้พระองค์ทรงพระศรัทธาแท้แล้วจงโปรดเรียกพระลูกแก้วมาพระราชทาน กระหม่อมฉันจะพาไปเป็นทาสช่วง ใช้ให้นางอมิตตดาผู้โฉมตรู เห็นว่าจะดีกว่าอยู่นี่แล้วแล (9) โส โพธิสตฺโต ปางนั้นสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ได้ฟังคําพราหมณ์ทูลทัดขัดแข็งโต้แย้งด้วยวาจา จึงตรัสว่า พราหมณ์เอ่ย ท่านมิอยู่ช้าท่ามัทรีแล้วก็ทําเนา แต่ทว่าจงพาสองกุมารเจ้าเข้าไปสู่สํานักพระอัยกา ให้ท้าวเธอทราบว่าพระ นัดดาดวงสวาทเข้าไปสู่พระราชธานี ท้าวเธอก็จะพระราชทานเงินทองของดีๆ หลากเหลือหลาย ทั้งวัวควายช้างม้าข้าใช้สอย ศฤงคารเครื่องบริโภค ตาแกก็จะมีโชครวยฉุยเสียอีกนะธชี เฒ่าก็ทูลตอบคดีในทันใด ว่าไม่ได้ไม่ได้พระพุทธเจ้าข้า ซึ่งจะทรง พระกรุณาไม่เห็นด้วย ฉวยว่าเสียทีสิมิเป็นการ คําโบราณท่านกล่าวไว้แต่ก่อนปลาย ขุนนางใช่พ่อแม่หินแง่ใช่ตายาย อันจะให้ พาสองกุมารถ่อกายเข้าไปยังสํานักพระเจ้าปู่ ท้าวเธอก็จะให้มีพระกะทู้ซักถามซํ้า จะละลักละลํ่าว่าหน้าเป็นหลังตกตะลึงลืมตัว ด้วยความกลัวใช่พอดี เธอก็จะลงเอาว่าข้าธชีนี่ลักพระเจ้าหลานหลวง แล้วจะให้ทําตามกระทรวงพระราชกิจสมเด็จบพิตรท้าว เธอจะลงพระราชทัณฑ์เฆี่ยนด้วยหวาย ถ้ารอดตายตาเฒ่าก็จะยับเยินเป็นฟันสี ไปเมื่อหน้าอีปากกล้าตามันแสนคมมันจะขู่ข่มด่า เอาเปรี้ยงๆ ตาเฒ่าก็ไม่อาจจะเถียงสักคําเดียวจะเหลียวหน้าไปหาใครเมื่อลาภที่ได้ก็จะกลับเสีย เมียนี้ก็จะด่า กระหม่อมฉันมาทั้ง นี้ด้วยว่ารักนาง หวังจะเอาชีวามาวางไว้ใต้ฝ่าพระบาทแม้มาตรว่าพระองค์ทรงพระราชศรัทธาแล้วจงเรียกสองพระลูกแก้วมา พระราชทาน ในกาลบัดนี้เถิด (10) เต กุมารา ควรจะสงสารเอ่ย ด้วยพระชาลีและนางกัณหา สุตฺวา เมื่อได้ฟัง ผรุสวจนํซึ่งถ้อยคําอันหยาบช้า ภี ตา เจ้าก็สะดุ้งตระหนกตกพระทัยไหวหวั่นขวัญไม่มี ดังโปดกมฤคีอันอ่อนแอ ได้ยินเสียงพยัคฆ์คํารามแฮ่เร่งตระหนกหนี ปลายิ ตฺวา เจ้าก็พาพระน้องจรลีลาศลงจากอาสน์พระอาศรมเข้าไปซ่อนอยู่ในสุมทุมพุ่มไม้ร่มอันรกชิด ยังกลัวว่าจะไม่มิดพราหมณ์จะ แลเห็น อกใจนี่ฤาเต้นอยู่ทึกทัก พระพักตร์สองกุมารเผือดผัน พระกายสั่นระรัวริกดังตีปลา พระชาลีจึงกระซิบบอกแก้วกัณหา ว่า กัณหาเอ่ยเจ้าค่อยๆ ย่อง ครั้นเหยียบต้องใบไม้ไหวกริบเจ้าขยิบตาให้แก้วกัณหาหมอบครั้นเหยียบต้องใบไม้ไหวกรอบเจ้าก็ พากันหมอบอยู่แน่นิ่ง เตน เตน ปธาวึสุ สองเจ้าก็วิ่งวนจนถึงมงคลสระศรี สองกุมารีทรงผ้าคากรองเข้าให้มั่นคง แล้วเสียรอย ถอยหลังลงสู่สระศรี เอาวารีนั้นบังองค์เอาใบบุษบงบังพระเกศหวังจะซ่อนพระบิตุเรศกับพราหมณ์ด้วยความกลัวอยู่ในสระบัว นั้นแล (11) โส ชูชโก ส่วนชูชกใจจองหอง อทิสฺวา เมื่อมิได้เห็นสองกุมารในสถานที่นั้น เฒ่าอาธรรม์ให้นึกแหนงใน ดําริ จึงกล่าวติเตียนตัดพ้อด้วยลมพาลอยู่ฉานฉะว่า โภเวสฺสนฺตร ดูกรพระมหาเวสสันดร เขาขึ้นชื่อลือขจรว่าใจบุญบริสุทธิ์ แต่ เดิน เดิน ขึ้น เดิน กัณฑ์กุมาร http://www.mahachat.com/index.php/kan-8?tmpl=component&... 5 of 10 26/5/2559 19:52
  • 6. เดิมที่ยุติจริงใจศรัทธาไม่ย่อท้อ เรามาเอ่ยปากขอคําเดียวก็ให้ลูก ถูกกับคําเขาลือเล่าว่าเลิศกษัตริย์บัดเดี๋ยวสิผลัดจะให้อยู่ท่าพระ มัทรี ครั้นว่าธชีมิยอมอยู่กลับจะให้พาไปสู่สํานักพระเจ้ากรุงสญชัย ครั้นรู้เท่าว่าเขามิไปเหมือนใจคิด ก็จนจิตนั่งนิ่งทําหน้าเฉย ขยิบตาชําเลืองเลยลอบแลลอด สอดพยักหน้าให้ลูกหนี ฉะออชาลีก็ไวเหลือลูกประสมเห็นพ่อทําตาคมคอยขยับพอเบือนหงับ ก็ไปเงียบไม่ทันเงย ตยา สทิโส เจ้าข้าเอ่ย บุคคลผู้ใดเลยในโลกนี้ ที่จะเจรจาตลบเลี้ยวลดสดๆ ร้อนๆ เหมือนเจ้าพระยาเวสสันดร ชีไพร เป็นอันว่าหามิได้นี้แล้วแล (12) โส โพธิสตฺโต ปางนั้นสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ตรัสได้ทรงฟังพราหมณ์บริภาษ กมฺปมาโน ตกพระทัยไหว หวาดไปทั้งพระองค์ทรงพระจินตนาในเหตุว่า สองดรุณเรศนี้กลัวภัย จึงทรงตรัสประภาษไปว่าพราหมณ์เอ่ย อย่าเพ่อเลยน้อยใจ แก่เราก่อน เราจะพาสองกุมารบังอรมาให้จงได้ตรัสแล้วก็เสด็จไปมะนิมมะนา ตามรอยบทวลัญชาสองกุมาร จนถึงสถานสระ โบกขรณี ก็แจ้งว่ากัณหาชาลีอยู่ในสระสรง เมื่อพระองค์จะตรัสเรียกว่าพระลูกยา ก็กล่าวเป็นสาระพระคาถาดังนี้ เอหิ ตาต ปิยปุตฺต ฯลฯ โสกํ ปฏิวิเนสฺสตีติ (13) ตาต พ่อเอ่ย เจ้าชาลีศรีสุริยวงศ์เยาวเรศเจ้าก็เกิดในมกุฎเกศกรุงสีวิราฐ ไยพ่อไม่องอาจย่อมย่อท้อทิ้งพระบิดา ให้พราหมณ์มันจ้วงจาบหยาบช้า เจ้าเห็นชอบอยู่แล้วฤาหนาพ่อสายใจเราก็เป็นขัตติยมไหมหาสมมติวงศ์วิเศษสุทธิกษัตริย์ไม่มี ใครที่จะมาพ้อตัดติเตียนเลย พระลูกเอ่ย เจ้าไม่รู้ฤาคือพระบิตุรงค์บรรจงรักพระโพธิญาณ หวังจะยังสัตว์ให้ข้ามห้วงมหรรณพ ภพสงสารให้ถึงฝั่งฟาก เป็นเยี่ยงอย่างยอดยากที่จะข้ามได้สําเภาลําใดของพานิช ซึ่งตกแต่งต่อติดเป็นกงวานประกอบประกับ กระดานตอกตึง ตะปูตะปริงยิงกรึงกระชับชิด พืดเหล็กตีติดตอกหมันโซมนํ้ามันชันเคี่ยวแล้วเยียวยา กระดานดาดเป็นดาดฟ้า จังกอบกว้านสมอขัน เสากระโดงยืนยันยึดด้วยพืดพวนผูกขึงรัดรึงตายติดกับเสารอกดูนี่เรี่ยวแรง เสากระโดงสายระโยงรยางค์ แย่งอยู่มั่นคง ปักทวนธงอยู่ริ้วๆ ธงตะขาบปลิวสะบัดปลาย นายช่างจําลองจําหลักลายรายด้วยรูปสัตว์ราชสีห์สิงห์อัดยืดแอ่นอก กอดกระหนกกระหนาบคาบแก้วกุมครั้นได้ฤดูเดือนมรสุมแล้วก็แซ่ซ้อง บรรทุกสิ่งของลงต่างๆ ไว้ระวางทางวิดนํ้าทําเป็น โชงโลง อับเฉากันโคลงประจุเรียบสําเภานี่ก็พาบเพียบเพียงราโทครั้นได้ฤกษ์แล้วให้เลิกโห่ขึ้นสามลา ยิงปืนปากปลาเสียงผาง ผึงตึงตัง คนการยืนสะพรั่งอยู่พร้อมเพรียง ศัพท์สําเนียงเสียงเฮโลแลเฮล่า เข้าฉุดคร่าสายสมอตีม้าล่ออยู่ฉ่างๆ โบกธงอยู่คว้างๆ แล้วแกว่งกวัด พอพระพายชายพัดติดใบบน ล้าต้าแลต้นหนก็มุ่งมองตั้งเข็มส่องกล้องสลัด โดยกําหนดขนัดคะเนหมาย นายท้าย ก็ยักย้ายบ่ายเบี่ยงเฉลียงแล่นออกทะเลลึกแลไม่เห็นฝั่ง ครั้นบังเกิดลมสลาตันตั้งตีเป็นลูกคลื่นอยู่ครื้นเครง สําเภาก็โคลงเคลงไป ตามคลื่นตื่นเต้น เสากระโดงหักกระเด็นกระดานแตก คลื่นใหญ่โยนกระทบกระแทกกระทั่งผะผังผาง สําเภาก็อับปางลงในท่าม กลางทะเลหลวง ฝูงมนุษย์ทั้งปวงไม่หลอเหลือล้วนเป็นเหยื่อแก่เต่าปลา ด้วยเป็นโลกิยนาวาไม่จิรังเลย พระลูกเอ่ย พ่อเห็นแต่ หน้าเจ้าพระพี่น้อง เจ้าจงมาเป็นสําเภาทองธรรมชาติ อันนายช่างชาญฉลาดจําลองทํา ด้วยกงแก้วประกําตรึงด้วยเพชรแน่นหนา แก้วประพาฬแผ่เป็นดาดฟ้าฝาระเบิดเปิดช่องนํ้า แก้วไพฑูรย์กระทําเป็นราโทโมราประทับสลับสลัก กรอบลายรายดอกรัก เนาวรัตน์ ฉลุฉลักเป็นรูปสัตว์ภาพเพชรนิลแนมแกมหงส์วิหคกระหนกคาบลดารัด มังกรกัดกอดแก้วเกี่ยวเป็นก้านขดดูสดใส ครั้นสําเร็จแล้วเมื่อใด พระบิดาจะทรงเครื่องต้นมงคลพิชัยสําหรับกษัตริย์จะเอาพระสมาบัติกระหวัดทรงเป็นสร้อยสังวาลวงอยู่ สรรพเสร็จจะเอาพระขันตีต่างพระขรรค์เพชรอันคมกล้า สุนทรจะย่างเยื้องลงเภตราสู่ที่นั่งท้ายอันสูงระหง ปักทวนธงเศวตฉัตร ครั้นเวลาวายุพัดมาเฉื่อยฉิวสําเภาทองก็จะล่องลิ่วไปตามลมสรรพสัตว์ก็จะชื่นชมโสมนัส ถึงจะเกิดลมกาฬพานกระพือพัดคือ โลโภถึงจะโตสักแสนโตตั้งตีเป็นลูกคลื่นอยู่ครื้นโครมโถมกระแทก สําเภานี้ก็มิได้วอกแวกวาบหวั่นไหวก็จะแล่นระรี่เรื่อย เฉื่อยไปจนถึงเมืองแก้วอันกล่าวแล้วคือพระอมตมหานครนฤพาน พระลูกเอ่ย เจ้าจะนิ่งนานอยู่ไยในสระศรี จงขึ้นมาช่วยยก ยอดปิยบุตรทานบารมี แต่ในครั้งเดียวนี้เถิด (14) ชาลีกุมาโร ปิ แม้อันว่าพระชาลีราชกุมาร เมื่อได้สดับวโรงการพระบิตุราช จึงคิดว่าอาตมนี่เป็นลูกกษัตริย์ ขัตติยะยอดยิ่ง อะไรจะมานั่งนิ่งให้พระบิดาเรียกถึงสองคํามิบังควรนัก ถึงว่าอ้ายเฒ่าทรลักษณ์มันจะตีด่าฆ่าเสียก็ตามเถิด คิดแล้ว เธอก็เปิดใบบัวขึ้นมา กอดพระบาทเบื้องขวาพระปิตุรงค์ทรงพระกรรแสงเศร้า ท้าวเธอตรัสถามว่าพระน้องอยู่ไหนเล่าพ่อชาลี เธอก็กราบทูลคดีโดยคํากลาง ว่าพระพุทธเจ้า อิเม สตฺตา เยี่ยงอย่างสัตว์ทั้งหลาย ภัยจะมาถึงกายย่อมเอาตัวหนี ท้าวเธอก็ทราบคดี ด้วยปรีชา จึงตรัสเรียกแก้วกัณหาดุจตรัสเรียกพระชาลี พระเจ้าน้องก็คิดเหมือนพระพี่ไม่ผิดเพี้ยน ขึ้นมาซบพระเศียรกอดพระ บาทเบื้องซ้ายสมเด็จพระบิดา เต กุมารา ควรจะสงสารเอ่ยด้วยสองดรุณทรามรักน้อยๆ ทั้งคู่ พิศแลดูหน้ากันแล้วก็ตั้งแต่ว่าจะ ร้องไห้ นํ้าพระอัสสุชลนัยน์เธอไหลลงหลั่งๆ ตกต้องหลังพระบาทพระบรมราชฤษี ดังกลีบบุษมาลีปทุเมศ มารองนํ้าพระ ชลเนตรสองกุมารพระเจ้าลูกท้าวเธอไว้ สมเด็จพระนราธิปไตยพิสุทธิชินวงศ์ ท้าวเธอก็พลอยทรงกรรแสงไห้ จนพระ อัสสุชลนัยน์ไหลลงรินๆ โซมพระพักตร์ ตกต้องพระปฤษฎางค์พระลูกรักทั้งสอง ดุจแผ่นกระดานทองมารองรับไว้ทั้งคู่ กมฺปมานโส นํ้าพระทัยเธอห่อหู่ยู่ย่นสลดลง ประหนึ่งว่าจะดํารงพระทานนั้นมิได้ ปรามสนฺโต เธอลูบหลังสองอรดนัยพระลูก เดิน ขึ้น เดิน ขึ้น กัณฑ์กุมาร http://www.mahachat.com/index.php/kan-8?tmpl=component&... 6 of 10 26/5/2559 19:52
  • 7. แก้วแล้วก็รับขวัญ กุมพระกรพระลูกรักทั้งสองนั้นให้ทรงยืนประดิษฐาน พลางประโลมปลอบปิยกุมารทั้งสองว่า พระลูกเอ่ย ยืน ขึ้นเถิดสินะเจ้าฟังบิดาว่า กัณหาเอ่ย เงยหน้าขึ้นเถิดนะแม่ แลดูหน้าพระบิดาเสียยังแล้วให้ชื่นมื่น เจ้าจะมัวสะอึกสะอื่นไปว่าไร พระบิดานี่มีฤาหาไม่ เจ้าก็ย่อมแจ้งอยู่แก่ใจเจ้าแล้วทั้งสอง มาตรว่าบิดานี้มีเงินแลทองเล่าเถิดรา มิให้ลูกกําพร้าต้องระเหินระหก ตกไปไกล โอ้ครั้งนี้บิดานี่ยากไร้สิ้นร้ายเสียที่สุด เห็นแต่พระปิยบุตรเจ้าทั้งสอง ยิ่งกว่าเงินแลทองได้ร้อยเท่าพันทวี พระบรม ราชฤษีเธอจึงคาดค่าสองกุมาร เหมือนนายโคบาลอันสันทัดคาดค่าโค โส กิร ปุตฺโต จึงตรัสว่าพระลูกเอ่ยเจ้าจงจําคําของบิดาไว้ สเจ ภุชิสฺโส มาตรว่าเจ้าอยู่มิได้จะใคร่พ้นทาสวิสัยให้พ้นธชี พ่อชาลีจะเพียรพยายาม หาทองทุนทรัพย์ตามให้ถ้วนถึง นับตําลึง ได้พันเท่า นั่นแลส่วนค่าตัวเจ้านะชาลี ส่วนพระน้องกัณหานี้พระเจ้าพี่อย่าลืมหนา หตฺถิอาทิสเตนวา จําบิดาจะคาดค่าแก้วกัณหา ไว้มิให้น้อย สิ่งละร้อยละร้อยทั้งโคอุสุภราช ทาสทาสีรถพาหนะลงกตคชสารม้ามิ่ง ครบทุกสิ่งสินสุวรรณทองร้อยตําลึง ยื่นให้ ถึงมือธชีแล้วเมื่อใด กัณหาพระน้องเจ้าจึงจะได้ไปเป็นไทขึ้นเมื่อนั้น อย่าโศกศัลย์เศร้าสร้อยน้อยพระทัยไปนักเลย พระลูกเอ่ย อย่าว่าบิดานี้ลําเอียง รักลูกเล่าก็ไม่เที่ยงเสมอกัน ใช่กระนั้นดอกหนาพ่อชาลี พระบรมราชฤษีเธอจึงตรัสประโลมเล้าว่า พระลูก เอ่ย มาเถิดนะเจ้าอย่าช้านักพราหมณ์จะคอย เธอก็จูงกรพระลูกน้อยพาเข้ามาสู่อรัญญิกาวาส นั่งเหนือศิลาอาสน์หน้ามุขพระ อาศรม ทรงพระเต้าอันอุดมเต็มด้วยวารี จึงตรัสเรียกธชีชราจารย์ ว่า เอหิ วต โภ พราหมณ์เอ่ย จงมารับพระราชทานสองกุมารแต่ โดยดี เธอก็หล่อหลั่งอุทกวารีลงในมือพราหมณ์ ตั้งพระทัยไว้ให้งามดังดวงแก้ว แล้วก็ออกอุทานวาจาอันแจ่มใสว่า พราหมณ์ เอ่ย ลูกทั้งสองของเรานี้ไซร้ เรารักดังดวงใจนัยนเนตร เหตุว่าเรารักพระโพธิญาณ ยิ่งกว่าสองกุมารได้ร้อยเท่าพันทวี อิทํทานํ เดชะผลทานในครั้งนี้จงสําเร็จแด่พระสร้อยสรรเพ็ชญ์พุทธรัตน์อนาวรณญาณ ในอนาคตกาลโน้นเถิด (15) ภิกฺขเวดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสมาธิปัญญา เวสฺสนฺตโร ราชา อันว่าพระมหาเวสสันดรอดุลดวงดิลก เมื่อพระองค์ ทรงยอยกปิยบุตรทานมิทันช้า จึงหล่อหลั่งอุทกธาราให้ตกลงเหนือมือทิชาจารย์อัศจรรย์ก็บันดาลบังเกิดมี อยํมหาปฐวีอันว่า ภาคพื้นพระธรณีอันหนาแน่นได้สองแสนสี่หมื่นโยชน์ เสียงอุโฆษครื้นครั่นดังไฟบรรลัยกัลป์จะผลาญโลกให้ทําลายวายวินาศ ฝูงสัตว์จัตุบาทก็ตื่นเต้นเผ่นโผนโจนดิ้น ประหนึ่งว่าปัฐพินจะพลิกควํ่าพลํ้าแพลงให้พลิกหงาย อกนางพระธรณีจะแยกแตก กระจายอยู่รอนๆ สะท้อนสะเทือนเลื่อนลั่นอยู่ครืนๆ ดุจหนึ่งว่าปืนสักแสนนัดมากระหนํ่า ซํ้ายิงอยู่เปรี้ยงๆ เสียงฉะฉาดฉาน ประแปร๋แปร๋แปร้นแล่นทะลวงงวงคว้างาเงย ประหนึ่งว่าจะสอยเสยเอาดวงดาวเหี้ยมห้าวกระหึมตกมันอยู่ฮัดๆ ดังว่าใครมา ยุแยงแกล้งผัดพาน เดือดทะยานอยู่ฮักฮัก สะอึกเข้าไล่แทงเงาอยู่ผลุงผลัง ไม้ไล่พังผะผางโผงล้มพินาศทั้งพระยาพาลมฤคราช เสือโคร่งคํารามครึมกระหึ่มเสียงสําเนียงก้อง ร้องปะเปิบปีบถีบทะยานย่องแยกเขี้ยวเคี้ยวฟันตัวสั่นอยู่ริกๆ ประหนึ่งว่าจะถาโถม โจมจิกจับเอาสัตว์ในไพรวัน มาคาบคั้นกินเสียคําเดียวเป็นภักษา ทั้งพระยากาสรตัวกล้าก็ลับเขาโขยดโลดลองเชิง เริงฤทธิไกร ไล่ขวิดควิ้วอยู่ฉานๆ ประหนึ่งว่าจะควานควักตักแผ่นดินดอน สิเนรุปพฺพตราชา ทั้งพระยาเขาพระสุเมรุก็เอนอ่อนอยู่ทบเทา แก้ว เก้าเนาวรัตน์แสนสัตตรัตน์เรืองรองซ้องสาธุการอยู่อึงมี่ ทั้งพระยาครุฑราชปักษีก็โผผินบินขึ้นเวหน เล่นลมบนอยู่ลิบลิ่วเมฆ หมอกปลิวอยู่เกลื่อนกลาด บนอากาศก็วิกลเป็นหมอกกลุ้มอัมพรชอุ่มอับอลเวง เสียงคระโครงเครงครื้นครั่น ฝนสวรรค์ก็เฟื่อง ฟุ้งเป็นฟองฝอย เมขลาเหาะลอยล่อแก้วอยู่แวววับรามสูรขยับขยิกขยี้ แสงสายมณีแวบวาบวาวสว่าง อสูรก็ขว้างขวานประหาร อยู่เปรี้ยงๆ เสียงสนั่นลั่นโลกวิจลจลาจล นาคราชในเบื้องบนก็เบือนบิดนฤมิตกาย ชูเศียรถวายสักการบูชา เทพดานิกรนับโกฏิ ต่างน้อมเศียรศิโรตม์อยู่ไสวยอพระกรไหว้อยู่แออัด ว่าเจ้าประคุณของสัตว์ผู้ยากเอ่ย อันทานนี้ยากที่บุคคลผู้ใดเลยจะกระทําได้ เว้นไว้แต่หน่อพระชินสีห์ อันทรงสร้างพระบารมีมามากแล้วขอให้พระทูลกระหม่อมแก้วจงสําเร็จแด่พระวิสุทธิสร้อยสรร เพ็ชญ์พุทธอัครอนาวรณญาณ ในอนาคตกาลโน้นเถิด (16) ภิกฺขเวดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสมาธิปัญญา โส พฺราหฺมโณ อันว่าเฒ่าชราทิชาชาติ เมื่อได้รับพระราชทานสอง กุมารได้แล้ว เฒ่าใจแกล้วก็ฉุดลากกระชากสองกุมารมา เอกโต พนฺธิตฺวา ผูกพันพระพาหาพี่น้องสองกระสันเข้าให้มั่นกับมือ ปลายเชือกข้างหนึ่งนั้นถือตามตีต้อนสองบังอรมา ต่อหน้าสมเด็จพระบิดาไม่ปรานี ฝ่ายพระชาลีจึงกราบบังคมทูล ว่าข้าแต่ นเรนทรสูรสมเด็จพระบิดาเจ้าข้าเอ่ย กระไรเลยไม่ปรานี ว่าพระแม่มัทรีนี้เป็นเพื่อนยาก เมื่อเช้าพระแม่เจ้าจะจากไปสู่ป่า ก็พาลูก ทั้งสองรามาฝากฝัง ทรงพระกรรแสงสั่งแสนเทวษ ควรแลฤๅพระบิตุเรศมานิ่งได้ให้เฒ่าจัญไรตาแกมาตีด่าไปต่อหน้าพระที่นั่ง ฝีไม้กระไรดังอยู่ควับเควี้ยวเสียวแสบแทบจะบรรลัย เจ้าประคุณของลูกเอ่ย ลูกนี้ยกมือขึ้นไหว้ตาแกยิ่งโกรธ ลูกร้องขอโทษตา แกยิ่งตี แตกทุกทีทุกทีทุกฝีไม้เลือดนี้ไหลลงหยดย้อย พระบิดาเจ้าเอ่ย โปรดทอดพระเนตรหลังลูกน้อยๆ นี้บ้าง ถูกที่ขัดที่ขวาง ตาแกช่างไม่คิดเลย เจ้าประคุณของลูกเอ่ย สุดที่ลูกนี้จะกลั้นจะทนพ้นกําลังแล้วแต่คอยๆ พระชนนีจะวี่แววมาก็หามิได้พระบิดา เจ้าเอ่ย ช่วยโปรดห้ามพราหมณ์ไว้ให้สงบอยู่ท่าพระมารดา ทั้งเวลานี้เล่าก็บ่าย ดีร้ายพระแม่จะมาทัน เออนี่ก็ยังวันอยู่อักโข ยาว อมฺมา ปิ เอติ โน โอ้เวลาป่านฉะนี้พระแม่มัทรีจะมิกลับมาแล้วแลฤๅถึงกลางทาง แม้นพระบิตุรงค์ทรงแย้มพระโอษฐ์โปรด ประภาษบ้างก็จะยังชั่วตาแกจะได้เกรงกลัวพระราชอาญา ถึงจะตีจะด่าก็จะอัชฌาสัย นี่ตาแกทําเล่นตามอําเภอใจของตาแกเอง พราหมณ์จะกลัวจะเกรงใครมีเล่า ด้วยพระทูลเกล้ามานิ่งเฉย กัณหาพระน้องเอ่ย จะเอาพระคุณของใครมาปกเกล้า จะพึ่งพระบิดา เล่าก็หลากแล้วเจ้าประคุณทูลกระหม่อมแก้วของลูกเอ่ย มิโปรดข้าชาลีแล้วก็ทําเนา จงโปรดเกล้าแต่เจ้ากัณหา พระน้องของข้า เดิน ขึ้น เดิน ขึ้น เดิน ขึ้น กัณฑ์กุมาร http://www.mahachat.com/index.php/kan-8?tmpl=component&... 7 of 10 26/5/2559 19:52
  • 8. ยังเยาว์นัก ทรามรักพระมารดามิได้ทรงพระกรุณาทํานิ่งขึง ดุจแผ่นกระดานอันตรึงกระหนํ่าแน่นมิได้หวาดไหวทูลพลางทาง พิไรรํ่าว่า กัณหาพระน้องเอ่ย ที่ไหนเลยจะได้กลับมาเห็นหน้าสมเด็จพระบิดาและมาตุเรศจะต้องทนทุกขเทวษมอดม้วยด้วย อาชญา ของธชีชรานี้แล้วแล (17) เมื่อพระชาลีศรีดรุณราชโอรส ทรงพระกําสรดทูลพระบิตุราช ท้าวเธอตั้งสมาธิมัธยัสถ์มิได้ตรัสจํานรรจา สงสารพระชาลีเหลียวมาดูพระน้องแก้วกัณหา แล้วก็ทรงพระโศกาพิไรรํ่า ว่า กเณฺห ดูกรเจ้าแก้วกัณหาเอ๋ย หญิงชายผู้ใดเลย เกิดมาในห้วงมหรรณพภพสงสาร ยังมิถึงซึ่งพระนิพพานตราบใด ก็ย่อมต้องทุกข์โพยภัยประหาร ปานประหนึ่งว่าตัวเรานะเจ้าพี่ ตถา ทุกฺขํทุกข์ทั้งนี้ก็มิสู้ทุกข์เท่าทุกข์ถึงพระแม่เจ้าจะกลับเข้ามาแต่ป่า เมื่อมิได้เห็นหน้าเราพี่น้องแล้วก็จะทรงกรรแสงไห้ด้วย ว่าลูกเพื่อนไร้มาจากอก จะทรงพระวิตกมิวายเลย พระคุณเจ้าเอ่ย พระคุณเคยได้เชยชมแก้วกัณหาชาลีทุกเวลา กปณา จะเป็น กําพร้าพลัดพระลูกแล้วนะพระแม่เจ้า โส นูน กปโณ ตาโต ทั้งสมเด็จพระปิตุนรินทร์ปิ่นเกล้าของเรา อปสฺสนฺโต เมื่อมิได้เห็นเจ้า แก้วกัณหาในอาศรมท้าวเธอก็จะทรงพระปรารมภ์ละห้อยหา อิเมโน หตฺถิกา อสฺสา โอ้คิดขึ้นมาก็น่าเสียดาย แต่รูปสัตว์ทั้ง หลาย คือ กระต่ายโตโคถึกเถื่อน ใส่ล้อลากเลื่อนเขยื้อนยัน พระบิตุรงค์บรรจงปั้นให้เราเล่น โอ้ทีนี้จะนานเห็น เมื่อใดจะได้กลับ มาเล่นของเราอีกเล่า กัณหาเอ่ย เราพี่น้องนี้ตั้งแต่ว่าจะโศกเศร้าไปเป็นข้าพฤฒาจารย์ในมรรคากันดารนั้นแล ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห ตโต เวสฺสนฺตโร ราชา ฯลฯ ชาลี กณฺหาชินา จุโภติ (18) โส โพธิสตฺโต ปางนั้นสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ตรัสได้ทรงฟังพระลูกน้อย ทรงพระกรรแสงทูลละห้อยวัน นั้นกลั้นพระโศกมิได้ละอายพระทัยแก่เทพดา ปณฺณสาลํปวิสิตวา เสด็จเข้าสู่ภายในพระบรรณศาลา ซบพระพักตราทรงพระ กรรแสงสะอื้นไห้ ว่าโอ้เจ้าเพื่อนเข็ญใจของพ่อเอ่ย เจ้าเคยกระทํากรรมไว้เป็นไฉน จึงมาตกเข็ญใจไร้ยากอนาถา ให้พราหมณ์ ชราร่างร้ายกาจตาแกมาทําสีหนาทโพยโบยตี โอ้เวลาป่านฉะนี้ก็สายัณห์ คนทั้งหลายเขาเรียกกันกินอาหาร บ้างก็เล้าโลมลูก หลานให้อาบนํ้าแล้วหลับนอน แต่สองบังอรของพ่อนี้ใครจะปรานีให้นมนํ้า ก็จะตรากตรําลําบากใจที่ไหนจะเดินได้ด้วยพระ บาทเปล่า ทั้งไอแดดจะแผดเผาให้พุพอง จะชอกชํ้าคลํ้าเป็นหนองลงลามไหล สองสุริยวงศ์ตั้งแต่ว่าจะทรงพระกรรแสงไห้สุด อาลัยของพ่อแล้วที่จะติดตามจะบ่ายหน้าไปหาพราหมณ์เมื่อยามเย็น เฒ่าจัญไรไหนเลยจะเห็นแก่สองเจ้า มีแต่จะรุกเร้าคํารามตี ธชีเอ่ย กระไรเลยไม่เกรงขามเราบ้างเมื่อยามจน จะคิดดูบ้างเป็นไรว่าลูกทั้งสองคนคู่ชีวาตม์ยังตัดใจให้ขาดมิให้เสีย ประโยชน์ แต่ก่อนโสดถึงข้าสินไถ่ได้สี่ต่อ ผู้อื่นรู้ก็ยังย่อท้อกลัวเกรง ใครไม่ข่มเหงเหมือนพราหมณ์ผู้นี้ วาริชสฺเวเมสโต เสมือนหนึ่งพรานเบ็ดมาตีปลาที่หน้าไซ บรรดาปลาจะเข้าไปให้แตกซ่าน ตัวเราผู้ทําทานเหมือนตัวปลา พระโพธิญาณในภาย หน้านั้นคือไซ ปรารถนาจะเข้าไปจึงยกพระลูกให้เป็นทานบารมี พระลูกรักทั้งสองศรีดังกระแสสินธุ์ พราหมณ์ประมาทหมิ่นมา ด่าตี เสมือนกระทุ่มวารีให้ปลาตื่น นํ้าพระทัยท้าวเธอฟื้นจากอุเบกษา บังเกิดอวิชชามาห่อหุ้มพระปัญญานั้นกลัดกลุ้มไปด้วย โมโหให้ลุ่มหลง โทโสเข้าซํ้าส่งให้บังเกิดวิหิงสาขึ้นทันที ว่าอุเหม่อุเหม่พราหมณ์ผู้นี้อาจองทะนงหนอ มาตีลูกต่อหน้าพ่อไม่ เกรงใจธชีเอ่ย กูมาอยู่ป่าเปล่าเมื่อไร ทั้งพระขรรค์ศิลป์ไชยก็ถือมา ธนุจาปํ คเหตฺวา ก็ทรงคว้าพระแสงธนูศรกระสันมั่นกับมือ ฆ่าพราหมณ์ผู้นี้เสียเถิดหรือ เธอฮึดฮื่ออยู่แต่ในพระทัย ภายหลังจึงตั้งจิตพิจารณาในพระอริยประเพณีหน่อพุทธางกูร ก็รู้ว่าอาตม นี่เพิ่มพูนมหาปุตตบริจจาคเจียวสิหว่า เมื่อพระปัญญาบังเกิดมี พระบรมราชฤษีเธอจึงตรัสสอนพระองค์เองว่า โภเวสฺสนฺตร ดูกร พระมหาเวสสันดร อย่าอาวรณ์โว้เว้ทําเนาเขา ข้ากับเจ้าเขาจะตีกันไม่ต้องการ ให้ลูกเป็นทานแล้วยังมาสอดแคล้วเมื่อภายหลัง ท้าวเธอก็ตั้งสมาธิระงับดับพระวิโยค กลั้นพระโศกสงบแล้วพระพักตร์ก็ผ่องแผ้วแจ่มใส ดุจทองอุไรทั้งแท่ง อันบุคคลแกล้ง หล่อแล้วมาวางไว้ในพระอาศรมตั้งแต่จะเชยชมพระปิยบุตรทานบารมี แห่งหน่อพระชินสีห์นั้นแล (19) เมื่อชูชกพฤฒาจารย์พาสองกุมารไปในวันนั้น เฒ่าอาธรรม์ล้มแล้วลุกขึ้นได้ตาแกฉวยเรียวไม้ไล่ตีต้อนสอง บังอรมาต่อหน้าพระที่นั่งสมเด็จพระบิดาไม่ช้าที ควรจะสงสารเอ่ยด้วยพระชาลีศรีดรุณเยาวลักษณ์ ผันพระพักตร์มาทูลลา พระมาตุเรศอยู่แจ้วๆ แล้วก็ทรงพระกรรแสงละห้อย ทรงปรึกษาพระน้องน้อยกนิษฐาว่า กณฺเห ดูกรแก้วกัณหาเอ่ย พี่ได้ยินเนื้อ ความท่านเล่าสืบกันมา ว่า กําพร้าสองประการสืบสันดานโดยประเพณี นรา เอกจฺจิยา กุมารกุมารีใดไร้นิราศปราศจากพ่อยังแต่ แม่ผู้เดียวก็พอแลพอเหลียวชื่อว่าอยู่พร้อมทั้งบิดาและมารดา ทารกา ทารกผู้ใดไร้นิราศปราศจากแม่ยังแต่พ่อผู้เดียวก็เปล่า เปลี่ยวได้ชื่อว่าสูญสิ้นทั้งบิดาแลมารดา ถึงจะประโลมเลี้ยงรักษาเล่าก็ไม่ถึงใจถึงจะได้ทุกข์ภัยสักร้อยสิ่ง อันบิดาแล้วก็นิ่งได้ไม่ นําพา อันคุณของพระมารดาท่านพรรณนาไว้ว่าเป็นที่ยิ่ง สจฺจํคําที่ว่ามานั้นก็จริงสมอยู่แล้วนะพระน้องแก้วกัณหา เหมือนหนึ่ง เราทั้งสองราในครั้งนี้ พระชนนีไม่อยู่อ้ายพราหมณ์มันจึงข่มขู่เคี่ยวเข็ญกระทําโทษ นตฺถตฺโถ ชีวิเตน โน โอ้จะประโยชน์อันใด กับด้วยชีวิตเราเท่านี้นี่นา พระน้องเอ๋ยกัณหาเจ้าพี่ผู้เพื่อนไร้ จะอยู่ไปไยให้ทนทุกข์ทรมาน เมื่อมาได้ความรําคาญเคืองแค้น เดิน ขึ้น เดิน ขึ้น เดิน เดิน ขึ้น กัณฑ์กุมาร http://www.mahachat.com/index.php/kan-8?tmpl=component&... 8 of 10 26/5/2559 19:52