More Related Content
Similar to Presentation1 (20)
More from ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์
More from ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์ (20)
Presentation1
- 3. หมู่บ้านเหล่ามะละกอได้รับการคัดเลือกจากกรมพัฒนาชุมชนกระทรวงมหาดไทย เป็นหมู่บ้านอยู่ดีมีสุข (
Smart Village) ปี 2549 ของจังหวัดราชบุรี ประชากรส่วนใหญ่มีอาชีพทางการเกษตร ปลูกผัก ผลไม้จาหน่ายที่ตลาด
ศรีเมือง ซึ่งเป็นตลาดกลางค้าส่งที่ใหญ่ ตั้งอยู่ในตัวจังหวัดราชบุรี และเลี้ยงวัว ปัจจุบันเกษตรกรได้มีการพัฒนาอาชีพ
ทางการเกษตรจากการใช้ปุ๋ ยเคมี ยาฆ่าแมลง หันมาทาการเกษตรแบบพึ่งพาตนเอง โดยได้รวมตัวกันตั้งเป้ นกลุ่ม
เกษตรอินทรีย์บ้านเหล่ามะละกอขึ้น มีสมาชิกจานวน 62 ครัวเรือน โดยมีวัตถุประสงค์
1. ผลิตปุ๋ ยหมักชีวภาพขึ้นใช้ทดแทนการใช้สารเคมี
2. ผลิตปุ๋ ยอินทรีย์น้า ฮอร์โมนไข่ ฮอร์โมนผลไม้ฮอร์โมนยอดผัก ขึ้นใช้แทนการใช้ฮอร์โมนเคมี
3. ผลิตสารสมุนไพรไล่แมลง ป้องกันโรคพืชขึ้นใช้แทนการใช้สารเคมี
4. ผลิตผักปลอดภัยไว้บริโภคและจาหน่าย
5. เป็นศูนย์เรียนรู้เพื่อพัฒนาอาชีพการเกษตร
- 4. กลุ่มเกษตรอินทรีย์บ้านเหล่ามะละกอ สามารถเป็นแหล่งที่ผลิตปุ๋ ยหมักชีวภาพให้กับสมาชิกเพื่อนาไปใช้โดยผลิตปีละ 6
ครั้ง ๆ ละ 60-70 ตัน ผลิตปุ๋ ยอินทรีย์น้า ฮอร์โมน สารสมุนไพรไล่แมลงให้กับสมาชิกเปลี่ยนไปใช้ในราคาถูก ทาให้
สมาชิกสามารถลดต้นทุนในการทาการเกษตรได้ประมาณ 30-50 %
ปัจจุบันกลุ่มเกษตรอินทรีย์บ้านเหล่ามะละกอ ได้รับการคัดเลือกจากสานักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดราชบุรี
ให้เป็นศูนย์เรียนรู้เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้าน มีเป้ าหมายในปีงบประมาณ 2551 จัดฝึกอบรมเกษตรกร ตามโครงการ
พัฒนาการเกษตรตามแนวทฤษฏีใหม่ โดยยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จานวน 10 รุ่นๆละ 50 คน จานวน 500 คน และ
ทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ได้ตั้งเป็นศูนย์เรียนรู้ ครูเกษตรกร ทาหน้าที่ฝึกอบรมเกษตรกรตามแนว
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้กับสมาชิกธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัดราชบุรี
โครงการอบรมเกษตรกรตามแนวทฤษฏีใหม่ โดยยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของศูนย์เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้าน มี
การใช้ความรู้ การศึกษาดูงาน การสาธิต การปฏิบัติจริง ที่ศูนย์มีหลักสูตร 1 ไร่ถวายในหลวง เป็นการทาการเกษตรตาม
แนวทฤษฏีใหม่ โดยจัดทาเกษตรแบบผสมผสานในพื้นที่ 1 ไร่ เพื่อให้เกษตรกรลดรายจ่ายในครัวเรือน โดยการปลูก
พืชผัก ผลไม้และแหล่งอาหารโปรตีน ไว้บริโภคเอง
- 5. ปัจจัยที่ทาให้หมู่บ้านเหล่ามะละกอประสบความสาเร็จ
1.เป็นชุมชนที่ดาเนินชีวิตโดยยึดหลักความพอประมาณ เดินทางสายกลาง ที่ไม่ฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ หรือตระหนี่
จนเกินไป ไม่ลุ่มหลงไปกับวัตถุนิยม ดารงตนให้เป็นต้นแบบกับคนรุ่นต่อไป มองงานกว้างไกล รู้จักมัธยัสถ์ และมี
ความพอประมาณในการประกอบอาชีพ
2.เป็นชุมชนที่มีการสร้างเกราะป้องกันภัยอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงมาดาเนินกิจกรรมในครัวเรือนและชุมชน
เช่น การผลิตเมล็ดพันธุ์ใช้เอง การรวมกลุ่มผลิตปุ๋ ยอินทรีย์ ปุ๋ ยชีวภาพ น้าหมักชีวภาพ เพื่อใช้ภายในชุมชน เพื่อที่จะ
ลดต้นทุนการผลิต การจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการเกษตร การจัดสวัสดิการต่าง ๆ ให้ชุมชน
3. ชุมชนมีการรณรงค์ลดรายจ่าย โดยได้ปลูกผักสวนครัว การลดสุรา การใช้รถยนต์คันเดียวกัน หากไปทาง
เดียวกัน และการส่งเสริมการใช้รถจักรยาน เพื่อประหยัดพลังงาน รวมทั้งการลดการใช้พลังงาน อาทิเช่น ใช้ฟืน ถ่าน
ในการประกอบอาหาร
- 6. 4. ณรงค์การประหยัด ให้กับครัวเรือนในชุมชน
- จัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต ซึ่งมีกิจกรรมการปล่อยเงินกู้ให้แก่สมาชิกกู้ โดยมีอัตราดอกเบี้ยต่า
- ดาเนินงานกองทุนหมู่บ้าน และกองทุนแก้ไขปัญหาความยากจน (กข.คจ.)
- รวมกลุ่มแม่บ้านเพื่อดาเนินกิจกรรมขายข้าวสารในราคาถูก
- มีการบูรณาการระหว่างกองทุน กข.คจ. กทบ. และเงินบริจาคเงินสมทบกองทุน เพื่อนาไปดาเนิน
กิจกรรมของครัวเรือน ตามเวทีชาวบ้าน
- สนับสนุนกลุ่มอาชีพต่าง ๆ
5. เป็นชุมชนที่รู้รักสามัคคี ทุกครอบครัวในชุมชนมีส่วนร่วม ในการดาเนินกิจกรรมของชุมชน โดยยึดหลัก
เศรษฐกิจพอเพียงในการดาเนินชีวิต
- 8. สาเหตุที่เลือกทาโครงการ การผลิตปุ๋ ยหมักชีวภาพ
เพราะทางกลุ่มได้มีความเห็นว่า การผลิตปุ๋ ยหมักชีวภาพนั่นสามารถนาผลผลิตหรือปุ๋ ย
หมักที่ได้ไปใช้กับต้นไม้หรือผืชผักต่างๆซึ่งเหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่รอบตัวเราทั้งสิ้น ทั้งยัง
มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตประจาวันในเรื่องของการบริโภคพืชผักต่างๆ ซึ่งหากใช้ปุ้ ยหมัก
ชีวภาพที่ผลิตใช้เองตามธรรมชาติและปลอดภัยจากสารเคมีเมื่อนาไปใช้กับพืชผักต่างๆ เมื่อ
เรานาพืชผักต่างๆหล่านั่นมาบริโภคก็จะส่งผลดีต่อสุขภาพร่างการของเราเอง และนอกจากนั้น
แล้วแล้ว การผลิตปุ้ ยหมักชีวภาพยังมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของหลักปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพียงในเรื่องของการผลิตปุ๋ ยหมักชีวภาพด้วยตนเอง ซึ่งมีความสอดคล้องในหลักการของ
เศรษฐกิจพอเพียงในเรื่องของการพึ่งพาตนเองได้อีกด้วย
การผลิตปุ๋ ยหมักชีวภาพ
- 9. ปุ๋ ยหมักชีวภาพ
วิธีการทาปุ๋ ยหมักชีวภาพ
วัสดุ/ อุปกรณ์
)
1.มูลสัตว์(มูลโค มูลหมู หมูไก่ )
2.ละอองข้าว
3.กากอ้อย
4.ราละเอียด
5.กรดซิลิคอน
6.ตะกอนกุ้ง
7.กากน้าตาล
8.จุลินทรีย์ท้องถิ่น (หัวเชื้อ พด.1)
9.ปุ๋ ยอินทรีย์น้า (ปุ๋ ยปลา, ฮอร์โมนไข่ )
- 11. 3. นาวัตถุดิบต่างๆมาคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน จากนั้นทาการหมักทิ้งไว้ประมาณ 1-2 เดือน (ช่วงระหว่างทาการหมักทิ้งไว้
ควรหาวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ผ้ายาง มาคุมไว้เพื่อกันความชื้นไม่ให้ระบายออกมาได้
วิธีการสังเกตการผลิตปุ๋ ยหมักชีวภาพ
หลังจากครบระยะ1-2 เดือน ในการผลิตปุ๋ ยหมักชีวภาพจะสามารถรู้ได้อย่างไรว่าทาการมักสาเร็จหรือไม่
วิธีการสังเกตมีดังต่อไปนี้.
1.สังเกตจากสี ถ้าปุ๋ ยที่ได้เปลี่ยนสีเป็นสีดาหรือสีเทาแสดงว่าปุ๋ ยที่ผลิตนั้นใช้ได้
2.สังเกตจากอุณหภูมิ ความร้อน อุณหภูมิภายนอกกับอุณหภูมิภายในต้องมีความใกล้เคียงกัน
3.สังเกตจากกลิ่น กลิ่นจะค่อยๆลดลงจากเดิม
- 14. ข้อเปรียบเทียบระหว่างปุ๋ ยหมักชีวภาพกับปุ๋ ยเคมี
ปุ๋ ยหมักชีวภาพ ปุ๋ ยเคมี
ข้อดี ข้อเสีย ข้อดี ข้อเสีย
1. ช่วยปรับปรุงสมบัติทางกายภาพและ
ชีวภาพของดินได้ดีกว่าปุ๋ ยเคมี
เพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ดินบางชนิด
มากกว่าปุ๋ ยเคมี
1. ปริมาณธาตุอาหารต่า 1.สามารถใช้ในปริมาณเพียงเล็กน้อย ก็
สามารถให้ธาตุอาหารแก่พืชได้เพียงพอกับ
ความต้องการของพืช ทาให้ประหยัดทั้ง
แรงงานและธาตุอาหารที่ใส่
1. มีธาตุอาหารที่พืชต้องการอยู่ในปุ๋ ย
ไม่ครบถ้วน
2.มีธาตุอาหารเสริมอยู่มากกว่าปุ๋ ยเคมี 2. ใช้เวลานานกว่าจะเป็นประโยชน์ 2.สามารถปรับแต่งปริมาณธาตุอาหารใน
ปุ๋ ยเคมีให้เหมาะสมกับดินและพืชได้ช่วยให้
สามารถปรับปรุงให้ดินมีธาตุอาหารชนิดต่างๆ
ในสัดส่วนที่สมดุลได้
2. มีอิทธิพลต่อคุณสมบัติทางชีวภาพ
ของดิน คือจะ ไปเร่งการสลายตัวของ
อินทรีย์วัตถุในดิน และทาให้จุลินทรีย์
บางชนิดที่อาศัยอยู่ในดินลดลง
3. อยู่ในดินนาน (ค่อยๆ ปลดปล่อย
ธาตุอาหาร)
ส่งเสริมสิ่งมีชีวิตที่เป็นประโยชน์ใน
ดิน
3. ราคาแพงต่อหน่วยธาตุอาหารพืช 3.พืชใช้ธาตุอาหารจากปุ๋ ยได้ทันที จึงให้ผล
เร็ว
มีราคาถูกเมื่อคิดเทียบจากปริมาณของธาตุ
อาหารที่มีในปุ๋ ย
3. การสูญเสียธาตุอาหารโดยการถูก
ชะล้างจากดินมีมาก โดยเฉพาะใน
สภาพนาดินทรายและร่วนปนทราย
ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- 15. สรุปข้อเปรียบเทียบระหว่างปุ๋ ยชีวภาพกับปุ๋ ยเคมี
ปุ๋ ยเคมีกับปุ๋ ยหมักชีวภาพสามารถใช้ผสมกันได้ แต่ถ้าใช้ปุ๋ ยเคมีในปริมาณที่มากจนเกินไป ดิน
อาจจะเสื่อสภาพ แต่หากใช้หมักปุ๋ ยชีวภาพจะช่วยในเรื่องของการรักษาหน้าดิน ช่วยย่อยสลาย
อินทรีย์วัตถุในดินให้เป็นธาตุอาหารแก่พืชพืชสามารถดูดซึมไปใช้ได้เลย ช่วยเร่งการเจริญเติบโตของพืช
ให้สมบูรณ์ แข็งแรงตามธรรมชาติ ต้านทานโรคและแมลงพืชผักเจริญงอกงามช่วยให้ผลผลิตคงทน
สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน
- 17. สมาชิกในกลุ่ม
1. นางสาวกัลยรัตน์ ชูสาย รหัสนักศึกษา 55115100021
2. นางสาวสมสุดา พิศวงปราการ รหัสนักศึกษา 55115100034
3. นางสาว กัลยา เสียงวังเวง รหัสนักศึกษา 551115100038
4. นายสาริน ประสิทธิ์ รหัสนักศึกษา 55115100082
ตอนเรียน A1
วิชา การพัฒนาชุมชนตามแนวเศรษรฐกิจพอเพียง
เสนอ
อาจารย์ ศุภวัตน์ ปภัสสรากาญจน์
หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์
ปีการศึกษา 2557
มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต