More Related Content
Similar to Microsoft word สัปดาห์ที่ 11
Similar to Microsoft word สัปดาห์ที่ 11 (20)
More from ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์
More from ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์ (16)
Microsoft word สัปดาห์ที่ 11
- 1. แผนการสอนประจําสัปดาห์ที่ 11
หัวข้อเรื่อง การศึกษาในเชิงเศรษฐกิจพอเพียงและการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับหลักปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง
รายละเอียด กรณีศึกษาการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยบนพื้นฐานปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงทั้งในภาครัฐและเอกชน
จํานวนชั่วโมงที่สอน 3 ชั่วโมง
กิจกรรมการเรียนการสอน
1.การศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยนําผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาศึกษา
2.การนําเสนอกรณีศึกษาจากงานวิจัย
3.การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในรูปแบบการสัมมนา
4.การสรุปรวบยอดร่วมกันการจัดทําแผนพัฒนาพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนจากเหตุการณ์จําลองใน
ลักษณะWorkshop
สื่อการสอน
1.เอกสารงานวิจัย
2.MediaPowerPointWhitebroad
3.กิจกรรมจําลองเพื่อการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน
แผนการประเมินผลการเรียนรู้
1.ผลการเรียนรู้
1.1พฤติกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การแสดงความคิดเห็น
1.2การมีส่วนร่วมในกิจกรรมการสัมมนาการทํากิจกรรมWorkshop
1.3ความเข้าใจในภาพรวมของเนื้อหาวิชาและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์
2.วิธีการประเมินผลการเรียนรู้
2.1ประเมินผลจากผลลัพธ์การเรียนรู้จากกิจกรรม(Workshop)
2.2ความเข้าใจในเนื้อหาการประยุกต์ใช้ การสรุปรวบยอด
- 2. 118
3.สัดส่วนของการประเมิน(10คะแนน)
3.1ประเมินผลจากผลลัพธ์การเรียนรู้จากกิจกรรม(Workshopร้อยละ50)
3.2ความเข้าใจในเนื้อหาการประยุกต์ใช้ การสรุปรวบยอด(ร้อยละ50)
เนื้อหาที่สอน การศึกษาในเชิงเศรษฐกิจพอเพียงและการศึกษาที่เกี่ยวข้อง
กับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
แม้ว่าจะมีงานศึกษาที่ไม่มากนัก แต่งานศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนตาม
แนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงก็มีปรากฏให้เห็นและมีประเด็นที่น่าสนใจหลายประการ ทั้งในภาค
เกษตรกรรมและในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการอนุรักษ์และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม
11.1 กรณีศึกษาการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยบนพื้นฐานปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียง
งานศึกษาที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องกับประเด็นการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของไทย
คืองานศึกษาของ นิภา วิริยะพิพัฒน์ (2552)1
กล่าวถึงการนําหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อ
การประยุกต์ในการบริหารธุรกิจด้านต่างๆ ได้แก่ ด้านการผลิต ด้านการตลาด ด้านการเงิน ด้าน
ทรัพยากรบุคคล ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม งานศึกษาให้ความสําคัญต่อผู้นําธุรกิจซึ่งเชื่อว่าต้องมี
บทบาทในการผลักดันให้การประยุกต์ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเกิดผลในทางปฏิบัติ พร้อมทั้ง
บทบาทในการผลักดันให้บุคลากรของตนระดับนําหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ใน
หน้าที่และความรับผิดชอบอย่างเหมาะสมนําไปสู่การปลูกฝัง ปรับเปลี่ยนจิตสํานึกและกระบวนทัศน์
ในการดําเนินธุรกิจตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนั้นงานศึกษาได้สรุปถึงกลยุทธ์ขององค์กรตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 5
ประการคือ
1) Green Product หมายถึง สินค้าทุกชนิด ของบริษัทจะต้องประหยัดพลังงานและเป็นมิตร
ต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อสนับสนุนการลดภาวะโลกร้อน
2) Green Factory หมายถึง โรงงานของ บริษัทปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตที่เน้นการรักษา
สิ่งแวดล้อม โดยสินค้าเกือบทุกชนิดสามารถนํากลับมาใช้ใหม่ได้และใช้วัตถุดิบที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อ
สิ่งแวดล้อม
3) Green Office หมายถึง สภาพแวดล้อม ภายในองค์กรรวมถึงพนักงานทั้งหมดร่วมกัน
ปรับเปลี่ยนให้เป็นองค์กรสีเขียวที่ทุกฝ่ายร่วมรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น การรณรงค์ให้พนักงานช่วยกัน
ประหยัดไฟและประหยัดน้ํา
- 3. 119
4) Green Purchasing หมายถึง การซื้อการใช้วัตถุดิบที่รักษาสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้
กระดาษที่ใช้แล้ว (รีไซเคิล)
5) Green CSR หมายถึง การทําประโยชน์สูงสุดเพื่อสังคม (Corporate Social Respon –
sibility)
แม้ว่างานศึกษาไม่เน้นในประเด็นการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันด้านธุรกิจ
อุตสาหกรรมมากนัก แต่งานสะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาไปสู่ทิศทางที่สามารถพัฒนาขีดความสามารถ
ของการแข่งขันในเวทีการค้าทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกของธุรกิจซึ่งมีกรอบการแข่งขันภายใต้
กติกาและข้อตกลงทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกในด้านการผลิต การรักษาสภาพแวดล้อม การ
ประหยัดพลังงานและการให้สิ่งกลับคืนสู่สังคม
อย่างไรก็ตาม งานศึกษายังมีจุดอ่อนในด้านการไม่ให้ความสําคัญต่อการนําสิ่งที่เป็นปัจจัย
สําคัญในการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและระดับขั้นของการนําปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงทั้ง 3 ได้แก่ ระดับจิตสํานึก ระดับปฏิบัติและระดับปฏิเวธ มาเป็นแนวทางในการอธิบาย
งานศึกษาวิเคราะห์และการอภิปรายเพื่อชี้นําเรื่อง การพัฒนาสังคมไทยเพื่อเข้าสู่ประชาคม
อาเซียนในปี พ .ศ. 2558 ของ สุริยนต์ หลาบหนองแสง (2555) 2
ชี้ให้เห็นถึงปัญหาด้านเศรษฐกิจที่
ยังคงต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอกและยังคงมีปัญหาความยากจนอยู่อยู่ในสังคมไทย เนื่องจากการเปลี่ยน
แปลงของการพัฒนาที่หันไปพึ่งพาภาคอุตสาหกรรมมากว่าภาคการเกษตร นอกจากนั้น ความไม่มี
ประสิทธิภาพในการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ (ต้นทุนการคมนาคม) อันเนื่องมาจาก
คุณภาพของการบริหารจัดการ สภาพการเมืองที่ไม่ต่อเนื่อง การคํานึงถึงผลประโยชน์ทางการเมืองมาก
กว่าผลประโยชน์สวนรวมและการไม่คํานึงถึงการให้บริการที่ไม่คํานึงถึงผลประโยชน์ของผู้ให้บริการ
และผู้รับบริการ
ความเสื่อมถอยทางด้านสังคมและวัฒนธรรมมีมากขึ้น เช่น การคอรัปชั่นที่เพิ่มสูงขึ้น ปัญหา
ยาเสพติดที่รุนแรง ปัญหาการเข้าถึงทรัพยากรและการบริการของคนในสังคม เกิดความเสื่อมถอยของ
คุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณ การขาดระเบียบวินัย การละเมิดกฎเกณฑ์หรือกฎหมาย รวมถึง
ความแตกต่างด้านการเมืองและการขาดความสามัคคีที่มีสูงขึ้น
เกิดความเสื่อมถอยของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อันเนื่องจากผลกระทบของการ
พัฒนาอุตสาหกรรมและการทําลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ได้มีการรณรงค์
ให้คนรุ่นใหม่ให้เกิดจิตสํานึกต่อการอนุรักษ์และดํารงรักษาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
แม้ว่าการเมืองการปกครองมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น แต่ความเหมาะสมของการ
บริหารบ้านเมืองยังไม่สอดคล้องต่อแนวทางการกระจายอํานาจ เนื่องจากการขาดนักการเมืองที่มี
คุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์ ตรงกันข้ามกับภาคธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความกรอบของ
- 4. 120
ความเป็นธรรมาภิบาล (บรรษัทภิบาล) โดยการส่งเสริม ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์ ความเอื้ออาทร
ต่อสังคมมากขึ้น
ต่อประเด็นการพัฒนาสู่การแข่งขันในเวทีระหว่างประเทศของไทย บทความอภิปราย
เสนอแนะให้แก้ไขข้อบกพร่องที่มีอยู่ โดยนําเสนอถึงปัจจัยขับเคลื่อนของแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงมาเป็นกลไกในการทําให้ประเทศไทยสามารถเข้าสู่เวทีภูมิภาคนี้ได้อย่างมั่นคง
งานศึกษาที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยบนพื้นฐาน
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง แม้ว่าจะยังมีไม่มากพอ ทั้งในรูปแบบบทความวิเคราะห์อภิปราย งาน
ศึกษาวิจัยโดยกระบวนการศึกษาที่อาศัยระเบียบวิธี แต่งานศึกษาที่มีอยู่ เป็นประโยชน์ต่อการ
เสนอแนะและนําไปสู่การสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ได้พอสมควร
ณดา จันทร์สม3
นําเสนอแนวคิด ความยั่งยืนในการพัฒนาเศรษฐกิจโดยให้ความสําคัญต่อ
การพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืนของไทยซึ่งเกิดจากความท้าทายจากการกีดกันทางการค้าที่เชื่อมโยงกับ
ประเด็นด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็มีมากขึ้น ประเทศไทยซึ่งพึ่งพาการส่งออกเป็น
สัดส่วนสําคัญของ GDP จึงต้องพยายามอย่างมากที่จะต้องยกระดับมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อม
ให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยต้องปกป้องฐานทรัพยากรเพื่อรักษาความสมดุลยั่งยืนของระบบนิเวศด้วยการ
พัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติให้มีประสิทธิภาพสูงสุดภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วม
และปรับรูปแบบการผลิตสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ขณะเดียวกัน ต้องเพิ่ม
ประสิทธิภาพการใช้พลังงานและพัฒนาพลังงานทางเลือก เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานใน
ประเทศ ซึ่งดาเนินการที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ายังต้องได้รับการพัฒนาอย่างมากในประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้
และต้องเป็นความร่วมมือกันในทุกภาคส่วน คํานิยาม “ ธุรกิจยั่งยืน ” (Corporate Sustainability
หรือ Business Sustainability) ยังไม่มีความชัดเจนมากนัก ทําให้ขาดความเข้าใจร่วมกันของความ
ยั่งยืนทางธุรกิจจึงและปัญหาสําคัญในการกําหนดแนวทางในการจัดการที่จะนําไปสู่ความยั่งยืนอย่าง
เป็นรูปธรรม ดังนั้น เพื่อที่จะนาไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนสําหรับองค์กรธุรกิจ หลาย ๆ สถาบันพยายามที่
จะกําหนดคํานิยามของ “ องค์การธุรกิจที่ยั่งยืน ” ขึ้น เช่น กลุ่มธุรกิจเอเวอร์กรีนซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่
อุทิศตนสําหรับการเป็นองค์กรธุรกิจที่ยั่งยืนได้กําหนดนิยามของธุรกิจยั่งยืนว่าหมายถึง ธุรกิจที่มี
กระบวนการทางธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีกิจกรรม ผลิตภัณฑ์ และบริการของกิจการที่ไม่มี
ผลกระทบในทางลบกับสิ่งแวดล้อม
นอกจากนั้น คํานิยามมีความหมายรวมถึงธุรกิจที่มีส่วนในการสร้างเศรษฐกิจยั่งยืนทางด้าน
การสร้างความเสมอภาคและทางนิเวศวิทยา จากนิยามของธุรกิจที่ยั่งยืน ข้างต้นจึงหมายถึง ธุรกิจที่
ตอบสนองความต้องการสินค้าและบริการของลูกค้าและผู้บริโภคและในขณะเดียวกันจะต้องมีส่วน
ช่วยในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของสิ่งมีชีวิตอื่นบนโลกด้วย ธุรกิจแบบยั่งยืนเป็นเรื่องใหม่ที่ผู้บริหาร
องค์การต้องปรับกระบวนทัศน์ (paradigm shift) ในการบริหารจัดการองค์การทางธุรกิจที่จะต้อง
- 5. 121
มองผลกระทบเชิงนิเวศน์วิทยา สังคมและเศรษฐกิจ ในทิศทางที่จะคํานึงถึงความยั่งยืนสําหรับคนรุ่น
ต่อไปในอนาคตด้วย
การทําธุรกิจอย่างยั่งยืนจะต้องมีการสร้างความเป็นหนึ่งของประเด็นสําคัญสามประการซึ่ง
เรียกว่า Triple Bottom Line (TBL) ได้แก่ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม
1. ประเด็นทางด้านสิ่งแวดล้อม ประกอบไปด้วยผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง
กับการทํากิจกรรมต่าง ๆ ผลิตภัณฑ์และบริการขององค์กรธุรกิจ ตัวชี้วัดถึงผลกระทบทางด้าน
สิ่งแวดล้อมเหล่านี้ควรต้องระบุในทุกช่วงวงจรชีวิตของธุรกิจ เพราะมันจะต้องถูกใช้ในการติดตามการ
ดําเนินงานความก้าวหน้าทางด้านสิ่งแวดล้อมขององค์กรธุรกิจ เป็นข้อมูลที่จะสนับสนุนนโยบาย
ทางด้านสิ่งแวดล้อม และเปิดเผยและแจ้งให้สาธารณะรับทราบต่อประเด็นทางด้านสิ่งแวดล้อมที่
เกี่ยวข้องกับการดําเนินงานขององค์กรธุรกิจนั้น ตัวอย่างตัวชี้วัดทางด้านสิ่งแวดล้อม ได้แก่ การใช้
พลังงานและทรัพยากรน้ํา การสร้างมลภาวะทางอากาศ และปริมาณการผลิตของเสีย เป็นต้น
2. ประเด็นทางด้านเศรษฐกิจ หมายถึง มูลค่าทางเศรษฐกิจขององค์กรธุรกิจ และการดําเนิน
งานซึ่งอธิบายโดยใช้ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจขององค์กรธุรกิจ และรวมถึงตัวชี้วัดที่สะท้อนถึงแนวทางการ
ในการแก้ไขปัญหาและวิธีการที่ลงทุนเพื่อการป้องกันความเสียหายทางด้านสิ่งแวดล้อมและเพื่อการ
อนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติและการสร้างสรรค์สังคมที่ยั่งยืน ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจใน
กลุ่มนี้ ได้แก่ ผลประกอบการทางการเงิน งบลงทุนทางด้านวิจัยและพัฒนา ค่าปรับเงินชดเชย งบ
รายจ่ายทุน มูลค่าหุ้น และผลตอบแทนต่อปี เป็นต้น
3. ประเด็นทางด้านสังคม เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบต่อชุมชนที่องค์กรธุรกิจนั้นดําเนิน
กิจการอยู่ และต่อสังคมในวงกว้างโดยรวมทั้งในช่วงปัจจุบัน และขยายไปสู่รุ่นต่อไปในอนาคตด้วย
เนื่องจากความรับผิดชอบต่อสังคมและจริยธรรมในการดําเนินธุรกิจมีความสําคัญอย่างต่อเนื่อง ความ
รับผิดชอบต่อสังคมจึงเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่มีบทบาทสําคัญอย่างมากและขาดไม่ได้ที่ชุมชนและ
สังคมคาดหวังจากองค์กรธุรกิจในยุคปัจจุบัน องค์การระหว่างประเทศหลายแห่งได้กําหนดมาตรฐานที่
เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบต่อสังคมและจริยธรรมในการดําเนินธุรกิจขององค์กรธุรกิจ อาทิเช่น
European Commission (EC) ได้พัฒนามาตรฐานที่กําหนดบทบาทความรับผิดชอบต่อสังคมและ
จริยธรรมทางธุรกิจสาหรับการทําธุรกิจทั่วโลกตามมาตรฐานความรับผิดรับชอบต่อสังคม 8000
(Social Accountability: SA 8000) ซึ่งเน้น 2 ประเด็นสําคัญทางด้านสังคม และจริยธรรมในความ
รับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรธุรกิจ (Corporate Social Responsibility: CSR) อย่างไรก็ดี เป็น
เรื่องไม่ง่ายนักที่จะกําหนดตัวชี้วัดเชิงปริมาณสาหรับประเด็นทางด้านสังคมและจริยธรรม
เช่นเดียวกับตัวชี้วัดประเด็นทางสิ่งแวดล้อมหรือทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี หลาย ๆ องค์กรธุรกิจ ได้
พยายามที่จะกําหนดเป้าหมายที่มีความเป็นจริงจับต้องได้ เพื่อที่จะใช้เป็นตัวชี้วัดประเด็นทางด้าน
สังคมเหล่านี้ โดยพัฒนามาจากตัวชี้วัดของการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเชิงคุณภาพที่จะใช้
- 6. 122
ประเมินความยั่งยืนทางสังคมของธุรกิจ ตัวอย่างตัวชี้วัดเหล่านั้น ได้แก่ ประการแรก การพัฒนา
มนุษย์ (human development) และสวัสดิการ (welfare) เช่น การศึกษา การฝึกอบรม สุขภาพ
อนามัย และความปลอดภัย ประการที่สอง ความเสมอภาค (equity) เช่น ค่าจ้างแรงงาน โอกาสที่
เท่าเทียมกันและการไม่แบ่งแยก (non-discrimination) และ ประการที่สาม การให้ความสําคัญ
ทางด้านจริยธรรม เช่น สิทธิมนุษยชน การใช้แรงงานเด็ก และการล่วงละเมิด เป็นต้น
อาจกล่าวได้ว่า การที่ธุรกิจจะสะท้อนความยั่งยืนในการดําเนินกิจการเพื่อไปสู่การเป็นธุรกิจ
ยั่งยืนจําเป็นที่จะให้ความสําคัญกับองค์ประกอบทั้งสามองค์ประกอบอย่างจริงจัง และสะท้อนการ
ดําเนินงานในทุกกิจกรรมต่อสิ่งสําคัญทั้งสามประการนั้น คือ การคํานึงถึงสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม
ตลอดช่วงอายุของกิจการ กล่าวอีกนัยหนึ่ง กิจกรรมทางเศรษฐกิจของธุรกิจนั้นสามารถตอบสนอง
ความต้องการของคนรุ่นปัจจุบัน แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่ส่งผลร้ายต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนรุ่น
ต่อไป กิจกรรมของธุรกิจนั้นคํานึงถึงการกระจายผลประโยชน์แก่คนในสังคมอย่างเสมอภาคกัน
(fairness) กิจกรรมของธุรกิจนั้นต้องมีส่วนส่งเสริมสภาวะความเป็นอยู่ที่ดี (wellbeing) ของคนใน
สังคม และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมไม่ทางตรงก็ทางอ้อม และต้องไม่ส่งผลกระทบในทาง
ลบกับสิ่งแวดล้อม หากจะกล่าวให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น กิจกรรมทางเศรษฐกิจของธุรกิจต้องคํานึงถึง
กลุ่มคนในสังคมที่ธุรกิจควรมีส่วนร่วมรับผิดชอบโดยตรง ได้แก่ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มต่าง ๆ
(stakeholders) ขององค์กรธุรกิจนั้น กล่าวคือกลุ่มที่สามารถสร้างผลกระทบ โดยตรงต่อธุรกิจ หรือผู้
ที่รับผลกระทบโดยตรงจากธุรกิจ ซึ่งครอบคลุมไม่เพียงแต่ผู้ถือหุ้น แต่รวมถึงพนักงาน ลูกค้า คู่ค้า
เจ้าหนี้ หน่วยงานรัฐ รวมถึง ชุมชนใกล้เคียง และสังคมโดยรวมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจนั้น ยิ่งธุรกิจ
สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดียึดหลักการบริหารจัดการที่ดี (Good Corporate Governance) ใน
การสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียผ่านการสร้างความเชื่อถือไว้ใจ ความเคารพซึ่งกัน
และกันและการมีส่วนร่วม ธุรกิจนั้นก็จะยิ่งได้รับการยอมรับจากสังคมและจะสามารถดําเนินไปได้
อย่างต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น
ตัวชี้วัดของ “ ธุรกิจยั่งยืน ” คือการวัดผลการดําเนินงานของธุรกิจในกระบวนทัศน์ใหม่ของ
ธุรกิจยั่งยืนนี้จะมีขอบเขตความหมายที่กว้างกว่าเพียงการวัดผลสําเร็จทางธุรกิจในแง่ของรายได้และ
ผลกําไร แต่จะรวมถึงตัวชี้วัดอื่น ๆ ที่สะท้อนความยั่งยืนของธุรกิจเข้าไปด้วย ในช่วงทศวรรษ 1990 มี
การพัฒนาระบบการจัดการทางด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อใช้ในองค์กร เช่น ISO14001 เพื่อช่วยองค์กรทุก
ประเภทในการสร้างระบบการจัดการทางด้านสิ่งแวดล้อมโดยการกําหนดนโยบาย แนวปฏิบัติ
วัตถุประสงค์ และเป้าหมายในการจัดการสิ่งแวดล้อม และที่ผ่านมามีองค์กรจํานวนมากที่ผ่านการ
รับรองการจัดการทางด้านสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐาน ISO 14001 จากจานวน 13,368 องค์กรในเดือน
ธันวาคม ค.ศ. 1999 เป็นจานวน 129,031 องค์กรในธันวาคม ค.ศ. 2006 (Corporate Risk
Management Company, 2000-2007) แต่ชัดเจนว่ามาตรฐานทางด้านสิ่งแวดล้อมดังกล่าวอาจไม่
- 7. 123
สามารถสะท้อนได้อย่างชัดเจนว่าองค์กรที่ผ่านการรับรองจะจัดเป็นองค์กรธุรกิจยั่งยืน เนื่องจาก
มาตรฐานดังกล่าวไม่ได้เพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่องค์กรในการจัดการกับการประเด็นทางสิ่งแวดล้อมที่
เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและส่วนมากจะเน้นที่การควบคุมและผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก
มากกว่าประเด็นทางด้านสังคมและจริยธรรม ดังนั้น การกําหนดมาตรฐานที่จะพัฒนา ISO 14001 ให้
นําไปสู่ความยั่งยืนขององค์กรได้ต้องเน้น 3 ประเด็นสําคัญ ได้แก่ ประเด็นแรก ผลกระทบทางสังคม
และแนวทางสําหรับการควบคุมผลกระทบนั้น ประเด็นที่สอง แนวปฏิบัติสาหรับการจัดการทางด้าน
สิ่งแวดล้อมที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ประเด็นที่สาม วิธีการที่จะสื่อสารข้อมูลผลการดําเนินงาน
ทางด้านสิ่งแวดล้อมกับกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอองค์กรและผู้มีอํานาจในการตัดสินใจ ดังนั้น
เพื่อจะบรรลุตามกรอบแนวทางที่เสนอ องค์กรธุรกิจต้องมีการดําเนินการที่มากกว่าระบบการจัดการ
ทางด้านสิ่งแวดล้อม และมีวิธีการในการดําเนินธุรกิจแนวใหม่ที่จะบรรลุตามเป้าหมายความยั่งยืนนั้น
นอกจากนั้น กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มต่าง ๆ รัฐบาล ผู้บริโภคและนักลงทุนที่คํานึงถึงสิ่งแวดล้อม
มากขึ้น (“ Green ” consumers and investors) มีแนวโน้มที่จะเรียกร้องจากองค์กรธุรกิจมากขึ้น
ที่จะต้องมีระบบการจัดการทางด้านสิ่งแวดล้อมและดําเนินกิจการให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนา
ที่ยั่งยืน โดยต้องอยู่ในกระบวนการตัดสินใจและการกําหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาขององค์กร จาก
ความต้องการกระแสการพัฒนาที่ยั่งยืนที่จะเพิ่มมากขึ้นนี้จึงเป็นสิ่งจําเป็นที่องค์กรธุรกิจที่ต้องการจะมี
แนวปฏิบัติที่ยั่งยืนจะต้องมีตัวชี้วัดที่สะท้อนถึงแนวปฏิบัติทางธุรกิจที่ยั่งยืนได้
เหตุผลในการสร้างตัวชี้วัดของ “ ธุรกิจยั่งยืน ” ก็เพื่อ ประการแรก กํากับติดตามและ
ประเมินประสิทธิผลของการดาเนินงานตามเป้าหมายของการเป็น “ ธุรกิจยั่งยืน ” ประการที่สอง
เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการสื่อสารไปยังกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
รวมถึงสาธารณะ ผู้ทําหน้าที่ในการตัดสินใจ และฝ่ายจัดการ มีข้อมูลสําหรับการตัดสินใจที่สอดคล้อง
กับการดําเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ประการที่สาม เพื่อเปรียบเทียบการกระทําหรือผลการดําเนินงานของ
องค์กรธุรกิจที่สอดคล้องหรือไม่สอดคล้องกับการเป็นแนวปฏิบัติเพื่อธุรกิจยั่งยืน
ดังนั้น การประยุกต์ปรัชญาของเศรษฐกิจในองค์กรธุรกิจเพื่อความยั่งยืนจึงได้สรุปแนวทาง
การดําเนินกิจกรรมทางธุรกิจไว้ 7 ประการคือ
1. ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม กล่าวคือ เทคโนโลยีที่ราคาไม่แพงแต่ถูกตามหลักวิชาการ
2. มีขนาดการผลิตที่เหมาะสม สอดคล้องกับความสามารถในการบริหารจัดการ
3. ไม่โลภเกินไปและไม่เน้นกําไรในระยะสั้น
4. ซื่อสัตย์สุจริตในการประกอบการ ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค แรงงาน ลูกค้า ตลอดจนผู้
จําหน่ายวัตถุดิบ
- 8. 124
5. เน้นการกระจายความเสี่ยง โดยมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และ/หรือ มีความสามารถใน
การปรับเปลี่ยนผลผลิตได้ง่าย
6. เน้นการบริหารความเสี่ยงต่ํา โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ก่อหนี้จนเกินขีดความสามารถในการ
บริหารจัดการ
7. เน้นการตอบสนองตลาดทั้งภายในท้องถิ่น ภายในภูมิภาค ตลาดภายในและตลาดต่าง
ประเทศตามลําดับ เป็นหลัก
11.2 สรุป
งานศึกษาและแนวคิดจากการรวบรวมและสํารวจการพัฒนาตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
ทั้งในระดับพื้นที่ชุมชน ท้องถิ่นและระดับประเทศรวมซึ่งถึงภาคธุรกิจเอกชน สะท้อนถึงการประยุกต์
แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงที่มีอย่างแพร่หลาย ทั้งในพื้นที่การเกษตร อุตสาหกรรมทั้งอุตสาหกรรมการ
ผลิตและการบริการซึ่งมักมีการดําเนินงานภายในชุมชนและท้องถิ่น จึงเป็นประเด็นของการพัฒนา
ชุมชน โดยแนวคิดต่าง ๆ ดังกล่าวได้นําหลักกว้างขององค์ประกอบ สามห่วงสองเงื่อนไขมาตีความแล้ว
นํามาประยุกต์กับแนวคิดไม่ว่าจะเป็นแนวคิดที่มีพื้นฐานจากวัฒนธรรมชุมชน แนวคิดการบริหาร
จัดการภาครัฐและเอกชน
การขับเคลื่อนโดยใช้กลไกภาคีทุกภาคส่วน ทําให้การพัฒนาตามแนวทางดังกล่าว สามารถ
ขยายไปยังทุกภาคส่วนอย่างค่อยเป็นค่อยไป
อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจต่อแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในปัจจุบัน ยังมีความ
คลาดเคลื่อนและไม่สามารถทําความเข้าใจได้เนื่องจากความมีอคติ การไม่ยอมรับ ทําให้เกิดแนวคิดที่
ขัดแย้ง และแนวคิดที่เกิดจากความไม่แน่ใจต่อการประยุกต์และความเชื่อของค่านิยมแนวคิดปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียงดังกล่าว
แบบฝึกหัด
ให้นักศึกษาค้นคว้างานวิจัยในประเด็นต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ แล้วนําเสนอพร้อมทั้งสรุปประเด็นของ
องค์ประกอบของแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1. งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยบนพื้นฐาน
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
2. งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการแปลงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปสู่การปฏิบัติ
3. งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับโครงการพัฒนาข้อมูลข่าวสารและระบบเครือข่ายทุนทางสังคม
- 9. 125
4. งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนความร่วมมอระหว่างภาคีการพัฒนาในการจัดทํา
แผนชุมชน
5. งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการเพื่อขยายเครือข่ายการพัฒนาในระดับพื้นที่บน
พื้นฐานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
6. นักศึกษาแบ่งกลุ่มกลุ่มละ 5 คน ทําการศึกษาข้อมูลต่างๆ ทั้งในชุมชนภาคเกษตรกรรม การ
บริหารการพัฒนาภาครัฐ การบริหารในภาคเอกชน แล้วนํามาวิเคราะห์องค์ประกอบและปัจจัยขับเคลื่อน
ของแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
7. นักศึกษาแบ่งกลุ่มละ 5 คน เพื่อศึกษาข้อมูลจากสถานที่จริง ข้อมูลเอกสารต่าง ๆ เพื่อจัดทํา
แบบจําลองในการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
8. ประเด็นที่จะนําไปสู่ความยั่งยืนขององค์กรภายใต้มาตรฐาน ISO 14001 มีอะไรบ้าง
9. แนวทางในการดําเนินงานด้วยการประยุกต์แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการประกอบ
ธุรกิจเพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยเฉพาะวิสาหกิจชุมชนและวิสาหกิจขนาดย่อม มีอะไรบ้าง
10. ให้นักศึกษาอธิบายประเด็นความรับผิดชอบต่อสังคมในการประกอบธุรกิจที่ยั่งยืน และ
นักศึกษาคิดว่า วิสาหกิจชุมชนต้องมีองค์ประกอบนี้หรือไม่
11. ให้นักศึกษาอธิบายกลยุทธ์ขององค์กรตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
เชิงอรรถ
1
อ่านรายละเอียดใน นิภา วิริยะพิพัฒน์. (2552). ผู้นําธุรกิจกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงใน
องค์กร. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, 29(4), 147-162.
2
อ่านรายละเอียดใน สุริยนต์ หลาบหนองแสง. (2555). การพัฒนาสังคมไทยเพื่อเข้าสู่ประชาคม
อาเซียนในปี พ.ศ. 2558. วารสารการศึกษาและพัฒนาสังคม, 8 (1), 6-18.
3
บทความเพื่อนําเสนอในการประชุมวิชาการ “15 ปี จากวิกฤตเศรษฐกิจ: เศรษฐกิจพอเพียงกับความ
ยั่งยืนของสังคมไทย” วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน 2555 ณ ห้องประชุมจีระ บุญมาก อาคารสยาม
บรมราชกุมารี สถาบันบัณฑิตพัฒน-บริหารศาสตร์ จัดโดย ศูนย์ศึกษาเศรษฐกิจพอเพียง สถาบัน
บัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร
- 10. 126
เอกสารอ้างอิง
นิภา วิริยะพิพัฒน์. (2552). ผู้นําธุรกิจกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงในองค์กร. วารสารวิชาการ
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, 29(4), 147-162.
สุริยนต์ หลาบหนองแสง. (2555). การพัฒนาสังคมไทยเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. 2558.
วารสารการศึกษาและพัฒนาสังคม, 8 (1), 6-18.
ณดา จันทร์สม.(2555). บทความเพื่อนําเสนอในการประชุมวิชาการ “15 ปี จากวิกฤตเศรษฐกิจ:
เศรษฐกิจพอเพียงกับความยั่งยืนของสังคมไทย. บทความเพื่อนําเสนอในการประชุมวิชาการ
“15 ปี วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน 2555 ณ ห้องประชุมจีระ บุญมาก อาคารสยามบรมราช
กุมารี สถาบันบัณฑิตพัฒน-บริหาร.