1
ใบความรู้ ที่ 3.1
ความรู้พื้นฐานการแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร
การแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร
วิธีที่ 1 กาจัดตัวแปร x
วิธีที่ 2 กาจัดตัวแปร y
กรณีที่ 1 ถ้าตัวสัมประสิทธิ์ (ตัวเลข) ของตัวแปร x หรือตัวแปร y เท่ากัน
1.1 ถ้าเครื่องหมายเหมือนกันให้นาสมการทั้งสองมาลบกัน
1.2 ถ้าเครื่องหมายต่างกันให้นาสมการทั้งสองมาบวกกัน
กรณีที่ 2 ถ้าตัวสัมประสิทธิ์ (ตัวเลข) ของ ตัวแปร x หรือตัวแปร y ไม่เท่ากัน โดยต้องทาให้เท่ากัน
โดยทาให้เท่ากับค.ร.น.
1.1 ถ้าเครื่องหมายเหมือนกันให้นาสมการทั้งสองมาลบกัน
1.2 ถ้าเครื่องหมายต่างกันให้นาสมการทั้งสองมาบวกกัน
ตัวอย่างที่ 1 จงแก้ระบบสมการหาคาตอบโดยใช้กระบวนการของโพลยา
2x + 3y = 12 ……………(1)
2x - y = 4 ……………(2)
วิธีทา
ขั้นที่ 1 S(Search) ศึกษาโจทย์ปัญหา
1.1 สิ่งที่โจทย์กาหนด สมการเส้นตรง 2 สมการ
1.2 สิ่งที่โจทย์ถามหาอะไร หาคาตอบของระบบสมการ
ขั้นที่ 2 T(Translate) แปลงข้อมูลโจทย์ปัญหาไปสู่สัญลักษณ์คณิตศาสตร์
วิธีที 1 กาจัดตัวแปร x
วิธีที 2 กาจัดตัวแปร y
ขั้นที่ 3 A(Answer) หาคาตอบ
วิธีที่ 2.1 กาจัดตัวแปร x
2x + 3y = 12 ……………(1)
2x - y = 4 ……………(2)
(สมการที่ 1 , 2 มีเครื่องหมายเหมือนกัน )
(1) – (2) ; 3y - (- y) = 12 - 4
3y + y = 8
4y = 8
y = 2
แทนค่า y = 2 ในสมการที่ 2
2x - 2 = 4
2x = 6
จะได้ x =
2
6
= 3
จุดตัดกันของกราฟ คือ ( 3 , 2 )
วิธีที่ 2.2 กาจัดตัวแปร y
2x + 3y = 12 ……………(1)*
2x - y = 4 ……………(2)
ต้องทาตัวเลขหน้า y ให้เท่ากัน
(2)  3 ; 3(2x - y) = 4  3
6x - 3y = 12 ……………(3)*
(สมการที่ 1 , 3 มีเครื่องหมายต่างกัน )
(1)*
+ (3)*
; 2x + 6x = 12+12
8x = 24
x = 3
แทนค่า x = 3 ในสมการที่ 2
2(3) - y = 4
6 - y = 4
- y = - 2
จะได้ y = 2
จุดตัดกันของกราฟ คือ ( 3 , 2 )
2
ขั้นที่ 4 R(Review) ทบทวน ตรวจสอบผลที่ได้
4.1 ตรวจสอบผลที่ได้โดยวิธีแทนค่าตัวแปร
แทนค่า x = 3 , y = 2
2x + 3y = 12 ……………(1)
2x - y = 4 ……………(2)
2(3) + 3(2) = 12 ……………(1)
ดังนั้น 6 + 6 = 12 เป็นจริง
2(3) - 2 = 4 ……………(2)
ดังนั้น 6 - 2 = 4 เป็นจริง
4.2 โดยวิธีเขียนกราฟ(ใช้โปรแกรมGSP)
สมการ จัดรูป จุดตัดแกน X จุดตัดแกน Y
2x + 3y = 12
3
212 x
y

 (6 , 0) (0 , 4)
2x - y = 4 42  xy (2 , 0) (0 , -4)
1.1 จุดตัดแกน X ( แทนค่า y = 0 )
2x + 3y = 12
2x + 3(0) = 12
2x = 12
จะได้ x = 6
ดังนั้นจุดตัดแกน X คือ (6, 0)
1.2 จุดตัดแกน Y ( แทนค่า x = 0 )
2(0)+ 3y = 12
3y = 12
y = 4
ดังนั้นจุดตัดแกน Y คือ (0, 4)
2.1 จุดตัดแกน X ( แทนค่า y = 0 )
2x - y = 4
2x - 0 = 4
2x = 4
จะได้ x = 2
ดังนั้นจุดตัดแกน X คือ (2, 0)
2.2 จุดตัดแกน Y ( แทนค่า x = 0 )
2(0) - y = 4
- y = 4
y = -4
ดังนั้นจุดตัดแกน X คือ (0 , -4)
8
6
4
2
-2
-4
-6
-8
-10 -5 5 10
(3,2)
g x  =2x-4
f x  =
12-2x
3
3
ใบความรู้ที่ 3.2
ความรู้พื้นฐานการแก้ระบบสมการ 3 ตัวแปร
ขั้นตอนการแก้ระบบสมการเชิงเส้น 3 ตัวแปร
ขั้นที่ 1 ทาความเข้าใจกับปัญหา
1.1 สิ่งที่โจทย์กาหนด สมการเส้นตรง 3 สมการ
1.2 สิ่งที่โจทย์ถามหาอะไร หาคาตอบของระบบสมการ
ขั้นที่ 2 T(Translate) แปลงข้อมูลโจทย์ปัญหาไปสู่สัญลักษณ์คณิตศาสตร์
วิธีที่ 1 กาจัด x หรือ กาจัด y หรือ กาจัด z
วิธีที่ 2 แทนค่า x , y , z
วิธีที่ 3 ใช้เมตริกซ์(กฏของคราเมอร์)
ขั้นที่ 3 A(Answer) หาคาตอบ
วิธีที่ 1 กาจัด x หรือ กาจัด y หรือ กาจัด z
3.1 เลือกสมการสามตัวแปรมา 2 สมการ เช่น สมการ 1 กับ 2 และ สมการ 1 กับ 3
3.2 ทาสัมประสิทธิ์ของ x , y , zให้เท่ากัน(ตัวเลขหน้าตัวแปร)ให้เท่ากัน
ถ้าเครื่องหมายเหมือนกันให้นาสมการทั้งสองมาลบกัน
ถ้าเครื่องหมายต่างกันให้นาสมการทั้งสองมาบวกกัน
3.3 ถ้า กาจัด y สมการสองตัวแปร 2 สมการในรูป x , z
3.4 ถ้ากาจัด z แก้สมการจะได้ ค่า x = …..
3.5 แทนค่า ค่า x = ….. ในสมการสองตัวแปร แก้สมการ จะได้ค่า z = …..
3.6 แทนค่า ค่า x = ….. ค่า z = ….. ในสมการที่ 1 , 2 , 3 จะได้ค่า y = …..
ดังนั้นคาตอบของระบบสมการคือ x = ….. , y = ….. , z = …..
วิธีที่ 2 แทนค่า x , y , z (แทนค่า x ในรูปของ y , z )
1. เลือกสมการ x + y + z = 0 และจัดรูป x = ….. เช่น x = - y – z
2. แทนค่า x = ….. ในสมการที่เหลืออีก 2 สมการ
3. แทนค่าหาคาตอบไปเรื่อยๆ y = ….. , z = …..
วิธีที่ 3 ใช้เมตริกซ์(กฏของคราเมอร์)
x =
)det(
)det(
A
X
, y =
)det(
)det(
A
Y
, z =
)det(
)det(
A
Z
ขั้นที่ 4 R(Review) ทบทวน ตรวจสอบผลที่ได้
ตัวอย่างที่ 1.2 จงแก้ระบบสมการ
x + y + z = 0
2x – y – 4z = 15
x – 2y – z = 7
วิธีที่ 1 กาจัด y
x + y + z = 0 ……………(1)
2x – y – 4z = 15 ……………(2)
x – 2y – z = 7 ……………(3)*
(1) + (2) 3x - 3z = 15 ……………(4)**
(1) 2 2x + 2 y + 2z = 0 ……………(5)*
4
(3)*+ (5)* 3x + z = 7 ……………(6)**
(4)**- (6) ** - 4z = 8
z =
4
8

= - 2
แทนค่า z = - 2 ในสมการที่ (6) **
3x + (-2) = 7
3x = 9
x = 3
แทนค่า x = 3 , z = - 2 ในสมการที่ (1)
(3) + y + (- 2) = 0
y + 1 = 0
y = - 1
ดังนั้น คาตอบของระบบสมการคือ ( 3 , - 1 , -2 )
วิธีที่ 2 แทนค่า x , y , z (แทนค่า x )
x + y + z = 0 ……………(1)
2x - y - 4z = 15 ……………(2)
x - 2y - z = 7 ……………(3)
จากสมการที่ (1) แทนค่า x
x = - y - z ……………(4)
แทนค่า x = - y - z ในสมการที่ (2)
2(- y - z) - y - 4z= 15
- 2y - 2z - y - 4z = 15
- 3y - 6z = 15
นา - 3 หาร ทั้งสองข้างของสมการ
- y + 2z = - 5
y = - 2z - 5 ……………(5)
แทนค่า x = - y - z ในสมการที่ (3)
(- y - z ) - 2y - z = 7
- 3y - 2z = 7 ……………(6)
จากสมการที่ (5) แทนค่า y = - 2z - 5 ในสมการที่ (6)
- 3(- 2z - 5 )- 2z = 7
6z + 15 – 2z = 7
4z = - 8
z =
4
8
= - 2
แทนค่า z = - 2 ในสมการที่ (5)
y = - 2(-2) – 5
y = 4 – 5 = - 1
แทนค่า y = - 1 , z = - 2 ในสมการที่ (1)
x +(- 1) + (- 2) = 0
x - 3 = 0 จะได้ x= 3
5
ดังนั้น คาตอบของระบบสมการคือ ( 3 , - 1 , -2 )
วิธีที่ 3 ใช้เมตริกซ์(กฏของคราเมอร์)
หาดีเทอร์มินันท์ det(A) นาสัมประสิทธิ์ของสมการมาเขียนเป็นเมตริกซ์ดังนี้












121
412
111










z
y
x
=










7
15
0
A =












121
412
111
การหาดีเทอร์มินันท์ ต่อแถวและหลัก คูณขึ้นเป็นลบ คูณลงเป็นบวก(ตามแนวทแยงมุม)
A =












121
412
111
2
1
1
1
2
1


det(A) = - (-1 + 8 - 2) + (1 – 4 - 4) = - 5 – 7 = - 12
X =












127
4115
110
, det(X) = - 36
x =
)det(
)det(
A
X
=
12
36


= 3
Y =












171
4152
101
, det(Y) = 12
y =
)det(
)det(
A
Y
=
12
12

= - 1
Z =












721
1512
011
, det(Z) = 24
z =
)det(
)det(
A
Z
=
12
24

= - 2
ดังนั้น คาตอบของระบบสมการคือ ( 3 , - 1 , -2 )
6
โจทย์ใบกิจกรรมที่ 3.1
คาสั่ง ให้นักเรียน ทาโจทย์คนละ 1 ข้อ เรียง ตามเลขที่ โดยเลขที่ 1 – 20 ทาข้อ 1 – 20
คนที่ 21 – 40 ทาข้อ 1 – 20 เรียงตามลาดับ แสดงวิธีทาในใบกิจกรรมที่ 1.1
จงหาจุดตัดกันของสมการเส้นตรง (จงแก้ระบบสมการ)
จงแก้ระบบสมการ 2 ตัวแปรต่อไปนี้
1. x - y = 7
2x + y = 8
2. 3x + y = 12
x - y = 4
3. x + 3y = 9
2x - y = 4
4. 3x - 4y = 8
x + y = - 2
5. 3x + 4y = 16
9x + 7y = 13
6. x + 3 y = 10
x + 9y = 22
7. 3x - 4y = 0
3x + 4y = -24
1. 3x - y = 7
4x - 3y = 11
2. x + 7y = 8
3x + 2y = 5
10. 3x + 5y = - 2
2x + 15y = 22
11. x - 7y = 11
3x + 5y = 7
12. 4x + y = 5
2x - 3y = 13
13. 2x - y = 2
x + y = 4
14. 5x - 2y = 6
3x - y = 5
15. x - 2y = 6
2x + y = 7
16. x + 5y = 19
2x - y = 5
17. 2x + 3y = 12
3x - y = - 3
18. 3x - 4y = 18
2x + y = 1
19. 2x - y = 4
x + y = 5
20. 3x - y = 3
x + 2y = 8
2. จงแก้ระบบสมการ 3 ตัวแปรต่อไปนี้
1. 2x - y + z = 2
x + 2y - 3z = 11
3x + 4y - 2z = 4
2. 2x + 2y + z = 1
x - y + 6 z = 21
3x + 2y - z = 4
7
ใบกิจกรรม 3.2 จุดตัดกันของสมการเส้นตรง
วิชาคณิตศาสตร์รอบรู้ 5 รหัสวิชา ค33201 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
ชื่อ………………………………..ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ……….เลขที่………………
จงหาจุดตัดกันของสมการ เส้นตรง L1 : ………………………………………….
เส้นตรง L2 : ………………………………………….
สมการ จุดตัดแกน X จุดตัดแกน Y
วิธีที่ 1 เขียนกราฟ
วิธีที่ 2 แก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร ( กาจัดตัวแปร X หรือกาจัดตัวแปร Y )
…………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………….……………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………….…………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
8
บทที่ 3
ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูล
1. การวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูล
ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูลเพื่อศึกษาข้อมูลที่มีตัวแปรตั้งแต่สองตัวขึ้นไป เช่น รายได้และ
รายจ่าย ส่วนสูงและน้าหนัก ใช้ข้อมูลที่รวบรวมมาได้หาความสัมพันธ์ของตัวแปรในรูปสมการเชิงเส้นตรง เพื่อ
ทานายค่าของตัวแปรได้
1. ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นเส้นตรงหรือความสัมพันธ์เชิงเส้น
เมื่อ y เป็นตัวแปรตาม (dependent variable) และ x เป็นตัวแปรอิสระ (independent variable)
a และ b เป็นค่าคงตัวที่ต้องการหา
มีสมการเป็น Y = aX + b
สมการปกติคือ 
n
i
iy
1
= a 
n
i
ix
1
+ bn ………………(1)

n
i
ii yx
1
= a 
n
i
ix
1
2
+ b
n
i
ix
1
………………(2)
2. ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟไม่เป็นเส้นตรง
2.1 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันอยู่ในรูปพาราโบลา
เมื่อ y เป็นตัวแปรตาม และ x เป็นตัวแปรอิสระ a , b และ c เป็นค่าคงที่
มีสมการเป็น Y = aX2
+ bX + c
สมการปกติคือ 
n
i
iy
1
= a
2
1

n
i
ix + b 
n
i
ix
1
+ cn ………(1)

n
i
ii yx
1
= a 
n
i
ix
1
3
+ b
2
1

n
i
ix + c 
n
i
ix
1
………(2)

n
i
ii yx
1
2
= a 
n
i
ix
1
4
+ b
3
1

n
i
ix + c
2
1

n
i
ix ………(3)
2.2 ถ้าความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันอยู่ในรูปเอกซ์โพเนนเชียล
มีสมการเป็น Y = abt
หรือ log Y = loga + t log b
สมการปกติคือ 
n
i
iy
1
log = nloga + (logb) 
n
i
it
1
………………(1)

n
i
it
1
(log y) = (loga) 
n
i
it
1
+ (logb )
n
i
it
1
2
………………(2)
2. แผนภาพการกระจาย (Scatterplots)
ในการสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันของข้อมูลเชิงปริมาณที่ประกอบด้วยตัวแปรสองตัวจากข้อมูลที่มีอยู่
ทั้งหมด หรือจากตัวอย่างข้อมูลที่เลือกมาเป็นตัวแทนของข้อมูลที่มีอยู่ มีความจาเป็นที่จะต้องตรวจดูรูปแบบของ
ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างตัวแปรทั้งสอง เพื่อที่จะนามาใช้ในการกาหนดความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่จะสร้างขึ้น
รูปแบบของความสัมพันธ์นี้พิจารณาได้จากกราฟที่สร้างจากข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดหรือข้อมูลที่เลือกมาเป็นตัวแทนของ
ข้อมูลที่มีอยู่ ซึ่งเรียกว่าแผนภาพการกระจาย เนื่องจากลักษณะการกระจายของข้อมูลไม่สามารถจัดเข้าในรูป
ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันใดๆได้หรืออาจจะมีลักษณะของความสัมพันธ์ที่ใกล้เคียงกับรูปของความสัมพันธ์สองรูป
เช่น อาจจะอนุโลมให้อยู่ในรูปความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่เป็นเส้นตรง หรือเป็นเอกซ์โพเนนเชียลก็ได้ในกรณีนี้
ถ้าผู้สร้างความสัมพันธ์มีความชานาญเกี่ยวกับข้อมูลชนิดนั้นๆ อาจจะบอกได้ว่าควรสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชัน
ในรูปแบบใด จึงจะเหมาะสมกับสิ่งที่ควรจะเป็นมากที่สุด สรุปได้ว่าการกาหนดรูปแบบของความสัมพันธ์ระหว่างตัว
9
แปรเชิงปริมาณทั้งสองโดยพิจารณาจากแผนภาพการกระจาย (รูปที่ 1) จะขึ้นอยู่กับความรู้ความชานาญเกี่ยวกับเรื่อง
ที่นามาสร้างความสัมพันธ์ของผู้สร้างความสัมพันธ์นั้นและความละเอียดถูกต้องของค่าพยากรณ์ที่ต้องการเป็นสาคัญ
X
6543210
Y
4.5
4.0
3.5
3.0
2.5
2.0
1.5
1.0
.5
X
6543210
Y
9
8
7
6
5
4
3
2
รูปที่ 1
3. การประมาณค่าของค่าคงตัวโดยใช้ระเบียบวิธีกาลังสองที่น้อยที่สุด
ในการหาค่าคงตัวที่ปรากฏอยู่ในสมการทั่วไปนั้นหาได้โดยอาศัยหลักที่ว่า ถ้าจะให้สมการของความสัมพันธ์
ที่เกิดขึ้นจริงได้ดีแล้ว ผลรวมของความแตกต่างระหว่างค่าที่ได้จากความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่สร้างขึ้นกับค่าที่เกิดขึ้น
จริงๆทุกค่าควรจะน้อยที่สุดเพื่อไม่ให้ผลรวมของความแตกต่างที่เกิดขึ้นเป็นศูนย์ จึงต้องยกกาลังสองของความ
แตกต่างที่เกิดขึ้นเสียก่อน แล้วจึงหาผลรวมของความแตกต่างที่เกิดขึ้น ถ้าผลรวมนี้น้อยที่สุดถือว่าความสัมพันธ์เชิง
ฟังก์ชันนั้นเหมาะสมจะใช้การประมาณค่าตัวแปรตามมากที่สุด วิธีดังกล่าวเรียกว่า
วิธีกาลังสองที่น้อยที่สุด กล่าวคือ
ถ้าให้ Yi เป็นค่าของตัวแปรหรือค่าจากการสังเกตที่เกิดขึ้นจริงตัวที่ i , i { 1, 2 , 3 , …,n}
Yˆ เป็นค่าของตัวแปรตาม Y ที่ได้จากความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างตัวแปรตาม Y กับ
ตัวแปรอิสระ X ที่ได้จากการแทนค่าตัวแปร X ด้วย Xi
ต้องการทาให้มี
2
1
)ˆ(

n
i
i YY ค่าน้อยที่สุด
(เมื่อ n เป็นจานวนตัวอย่างที่ใช้หรือจานวนข้อมูลทั้งหมดที่นามาสร้างความสัมพันธ์)
4. ข้อมูลที่อยู่ในรูปอนุกรมเวลา คือ ข้อมูลที่แสดงความเปลี่ยนแปลงตามลาดับเวลาที่เกิดขึ้น ซึ่งความสัมพันธ์อยู่ใน
รูป y = f(t) โดยที่ t แทนเวลา เช่น วัน เดือน ปี พ.ศ. เป็นต้น
ซึ่ง t เป็นตัวแปรอิสระ แทนค่าของข้อมูล Y เป็นตัวแปรตาม
การกาหนดระยะเวลา (t)
ก. ถ้าจานวนระยะเวลา (t) ที่กาหนดให้เป็นจานวนคี่ *** ให้ระยะเวลาที่อยู่ตรงกลางเป็น 0 โดยเรียง
ตามลาดับก่อนหลังดังนี้ … , - 3 , - 2 , - 1 , 0 , 1 , 2 , 3 , …
ข. ถ้าจานวนระยะเวลา (t) ที่กาหนดให้เป็นจานวนคู่ *** ให้ระยะเวลาที่อยู่คู่กลางเป็น
- 1 และ 1 โดยเรียงตามลาดับก่อนหลังดังนี้ … , - 5 , - 3 , - 1 , 1 , 3 , 5 , …
10
ลักษณะของความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันในรูปอนุกรมเวลามี 2 แบบ
4.1 ถ้าความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่เป็นเส้นตรงหรือความสัมพันธ์เชิงเส้น
มีสมการเป็น Y = at + b
สมการปกติคือ 
n
i
iy
1
= a 
n
i
it
1
+ bn ………………(1)

n
i
ii yt
1
= a 
n
i
it
1
2
+ b 
n
i
it
1
………………(2)
4.2 ถ้าความสัมพันธ์อยู่ในรูปเอกซ์โพเนนเชียล
มีสมการเป็น Y = abt
หรือ log Y = loga + t log b
สมการปกติคือ 
n
i
iy
1
log = nloga + (logb) 
n
i
it
1
………………(1)

n
i
it
1
(log y) = (loga) 
n
i
it
1
+ (logb )
n
i
it
1
2
………………(2)
5. การวิเคราะห์การถดถอย (ประกายรัตน์ สุวรรณ. 2548 : 278-279) กล่าวว่า
การวิเคราะห์การถดถอย (Regression Analysis) เป็นวิธีทางสถิติอย่างหนึ่งที่ใช้ตรวจสอบและสร้างรูปแบบ
ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ตัวแปร หรือมากกว่า โดยที่ตัวแปรหนึ่งเรียกว่า ตัวแปรตาม(Dependent variable) และ
ตัวแปรอื่นๆหรือมากกว่าหนึ่งตัว เรียกว่า ตัวแปรอิสระหรือตัวพยากรณ์ (Independent variable หรือ Predictor)
วัตถุประสงค์ของการวิเคราะห์การถดถอย เพื่อที่จะอธิบายตัวแปรตามในรูปฟังก์ชันของตัวแปรอิสระกล่าวคือ
วิธีการหาสมการที่สามารถประมาณหรือพยากรณ์ตัวแปรตามจากตัวแปรอิสระ
ในการวิเคราะห์การถดถอย จะต้องทราบว่าตัวแปรใดเป็นตัวแปรตามและตัวแปรใดเป็นตัวแปรอิสระ
นอกจากนี้จะต้องกาหนดรูปแบบแบบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรตามและตัวแปรอิสระให้เหมาะสมกับ
ความสัมพันธ์ที่แท้จริง ในการพิจารณาความสัมพันธ์ของตัวแปรนั้นสามารถพิจารณาได้จากแผนภาพการกระจาย
(Scatterplots)
แผนภาพการกระจายเป็นการพิจารณาอย่างคร่าวๆ ว่าตัวแปรที่สนใจศึกษามีความสัมพันธ์กันหรือไม่ และมี
ความสัมพันธ์กันแบบใด เป็นเส้นตรง หรือเส้นโค้ง ซึ่งวิธีพิจารณา ก็คือนาข้อมูลมาเขียนแผนภาพการกระจาย หรือจุด
ของการกระจาย โดยให้แกนตั้งแทนตัวแปรตามและแกนนอนแทนด้วยตัวแปรอิสระ
LOGY
X
6420-2-4-6
1.2
1.1
1.0
.9
.8
Observed
Exponential
6. ตรวจสอบผลที่ได้โดยใช้โปรแกรม สาเร็จรูป
ข้อตกลงในการใช้โปรแกรมสาเร็จรูป
6.1 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นเส้นตรงหรือความสัมพันธ์เชิงเส้น
ถ้า ให้ b0 หรือ b1 = b แทน b ระยะตัดแกน Y และ
Constant หรือ b0 = a แทน ความชันของเส้นตรง
สมการเส้นตรงแทนสมการถดถอย
คือ สมการเส้นตรง Y = aX + b
11
สมการถดถอย yˆ = b1X + b0
สมการปกติ คือ

n
i
iy
1
= b1 
n
i
ix
1
+ b0n ………………(1)

n
i
ii yx
1
= b1 
n
i
ix
1
2
+ b0 
n
i
ix
1
………………(2)
6.2 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันอยู่ในรูปพาราโบลา
ถ้า ให้ b0 , b1 และb2 เป็นค่าคงตัว
สมการพาราโบลาแทนสมการถดถอย คือ
สมการพาราโบลา Y = aX2
+ bX + c
สมการถดถอย yˆ = b2 X2
+ b1 X + b0
สมการปกติคือ 
n
i
iy
1
= b2
2
1

n
i
ix + b1 
n
i
ix
1
+ b0 n ………(1)

n
i
ii yx
1
= b2 
n
i
ix
1
3
+ b1
2
1

n
i
ix + b0 
n
i
ix
1
………(2)

n
i
ii yx
1
2
= b2 
n
i
ix
1
4
+ b1
3
1

n
i
ix + b0
2
1

n
i
ix ………(3)
6.3 ถ้าความสัมพันธ์อยู่ในรูปเอกซ์โพเนนเชียล
ให้ log a และlog b เป็นค่าคงตัว
มีสมการเป็น Y = abt
หรือ log Y = loga + t log b
สมการปกติคือ 
n
i
iy
1
log = nloga + (logb) 
n
i
it
1
………………(1)

n
i
it
1
(log y) = (loga) 
n
i
it
1
+ (logb )
n
i
it
1
2
………………(2)
ขั้นตอนการใช้โปรแกรมสาเร็จรูป
1. เข้าโปรแกรมสาเร็จรูป
2. กาหนดตัวแปร(Variable View) x และ y หรือ (log y)
12
3. กรอกข้อมูล(Data View) ในช่อง x และ y
4. วิเคราะห์ข้อมูล Analyze เลือก Regresion และ Curve Estimate
5. จะปรากฏหน้าต่าง Curve Estimate
13
เลือกให้ y เป็น dependent และ x เป็น independent
5.1 ถ้าความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันเป็นกราฟเส้นตรงเลือก Linear
6. คลิก OK มี Output ดังนี้
Independent: X
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1
Y LIN 1.000 3 . . -2.0000 2.0000
สมการประมาณค่า คือ Yˆ = 2 Xˆ - 2
5.2 ถ้าความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันเป็นกราฟพาราโบลา และเลือก Models เป็น Quadratic
คลิก OK มี Output ดังนี้
Independent: X
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 b2
Y QUA .960 1 12.00 .200 -1.5000 5.4000 -1.0000
สมการประมาณค่า คือ Yˆ = - 2ˆX + 5.4 Xˆ - 1.5
14
5.3 ถ้าความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันเป็นกราฟเอกซ์โพเนนเชียล
ให้ log y เป็น dependent และ x เป็น independent และเลือก Models เป็น Exponential
คลิก OK มี Output ดังนี้
Independent: X
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1
LOGY EXP .947 3 53.81 .005 1.0083 .1507
สมการประมาณค่า คือ log Y = 0.1507X + 1.0083
ใบความรู้ที่ 2.2
ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นเส้นตรง
ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่เป็นกราฟเส้นตรงหรือความสัมพันธ์เชิงเส้น
ก. เมื่อ y เป็นตัวแปรตาม และ x เป็นตัวแปรอิสระ a และ b เป็นค่าคงตัวที่ต้องการหา
มีสมการเป็น Y = aX + b
สมการปกติคือ 
n
i
iy
1
= a 
n
i
ix
1
+ bn ………………(1)

n
i
ii yx
1
= a 
n
i
ix
1
2
+ b 
n
i
ix
1
………………(2)
ตัวอย่างที่ 1 ข้อมูลต่อไปนี้เป็นความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณปุ๋ ย (กิโลกรัมต่อไร่)
กับผลผลิต (กิโลกรัมต่อไร่)
ปริมาณปุ๋ ย(กิโลกรัมต่อไร่): X 1 2 3 4 5
ผลผลิต (กิโลกรัมต่อไร่) : Y 8 9 10 12 15
จงใช้กระบวนการแก้ปัญหาโดยใช้กลวิธีSTARประมาณค่า
1. จงสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างปริมาณปุ๋ ยและผลผลิตและประมาณค่า
2. ถ้าปริมาณปุ๋ ยเท่ากับ 4.5 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วจะได้ผลผลิตเป็นเท่าไร
3. ถ้าผลผลิตเท่ากับ 100 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วจะต้องใช้ปริมาณปุ๋ ยเป็นเท่าไร
15
ขั้นที่ 1 S(Search) ศึกษาโจทย์ปัญหา
1.1 สิ่งที่โจทย์กาหนดปริมาณปุ๋ ย ความสัมพันธ์ระหว่าง (กิโลกรัมต่อไร่) กับ
ผลผลิต (กิโลกรัมต่อไร่) ถ้าปริมาณปุ๋ ยเท่ากับ 4.5 กิโลกรัมต่อไร่( บอกค่า x )
1.2 สิ่งที่โจทย์ถามหาอะไร จะได้ผลผลิตเป็นเท่าไร (หาค่า y )
ขั้นที่ 2 T(Translate) แปลงข้อมูลโจทย์ปัญหาไปสู่สัญลักษณ์คณิตศาสตร์
2.1 เขียนแผนภาพการกระจาย
2.2 สร้างตาราง
2.3 สร้างสมการปกติ
2.4 แก้สมการ หาค่าคงตัว คือ a และ b
ขั้นที่ 3 A(Answer) หาคาตอบ เขียนแผนภาพการกระจายและกราฟที่เป็นตัวแทนของความสัมพันธ์
X
6543210
Y
16
14
12
10
8
6
Y
X
6543210
16
14
12
10
8
6
Observed
Linear
ตารางที่ 2.2 ก
xi yi xi
2
yi
2
xi yi
1 8 1 64 8
2 9 4 81 18
3 10 9 100 30
4 12 16 144 48
5 15 25 225 75

5
1i
ix = 15 
5
1i
iy = 54 
5
1
2
i
ix = 55 
5
1
2
i
iy = 614 
5
1i
ii yx = 179
1. จงสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างปริมาณปุ๋ ยและผลผลิตและประมาณค่า
จากแผนภาพการกระจาย เป็นความสัมพันธ์ชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นเส้นตรง
เมื่อ y เป็นตัวแปรตาม (dependent variables) และ x เป็นตัวแปรอิสระ (independent variables)
a และ b เป็นค่าคงตัวที่ต้องการหา
มีสมการเป็น Y = aX + b
สมการปกติคือ 
n
i
iy
1
= a 
n
i
ix
1
+ bn

n
i
ii yx
1
= a 
n
i
ix
1
2
+ b
n
i
ix
1
แทนค่าในสมการปกติ 54 = 15a + 5b ………………(1)
179 = 55a + 15b ………………(2)
16
(1) 3 ; 162 = 45a + 15b ………………(3)
(2) – (3) ; 17 = 10a
1.7 = a
แทนค่า a = 1.7 ในสมการที่ (1)
54 = 15(1.7) + 5b
54 = 25.5 + 5b
28.5 = 5b
5.7 = b
ดังนั้นสมการประมาณค่าคือ Yˆ = 1.7 Xˆ + 5.7 *
2. ถ้าปริมาณปุ๋ ยเท่ากับ 4.5 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วจะได้ผลผลิตเป็นเท่าไร
ค่า x = 4.5
Yˆ = 1.7 (4.5) + 5.7
= 13.35
ดังนั้น ถ้าปริมาณปุ๋ ยเท่ากับ 4.5 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วจะได้ผลผลิตเท่ากับ 13.35 กิโลกรัมต่อไร่
* ชุดกิจกรรมเล่มนี้จะใช้ Xˆ และ Yˆ ในสมการที่ใช้พยากรณ์หรือประมาณค่า
(อ้างถึงใน หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้ เพิ่มเติมคณิตศาสตร์เล่ม 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 6 ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 หน้า 124 )
ขั้นที่ 4 R(Review) ทบทวนตรวจสอบผลที่ได้โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป
ขั้นตอนการใช้โปรแกรม
1. เข้าโปรแกรมสาเร็จรูป
2. กาหนดตัวแปร(Variable View) x และ y
3. กรอกข้อมูล(Data View) ในช่อง x และ y
4. วิเคราะห์ข้อมูล Analyze เลือก Regresion และ Curve Estimate
จะปรากฏหน้าต่าง Curve Estimate
เลือกให้ y เป็น dependent และ x เป็น independent
และเลือก Linear
17
5. คลิก OK จะได้ Output ดังนี้
Independent: X
Dependent Ath Rsq d.f. F Sigf b0 b1
Y LIN .938 3 45.63 .007 5.7000 1.7000
จากตารางการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมสาเร็จรูป
จะได้ค่า a = b1 = 1.7000
b = b0 = 5.7000
ผลการตรวจคาตอบ ได้คาตอบตรงกัน
ใบความรู้ที่ 2.3
ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่เป็นเส้นตรง
ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่เป็นเส้นตรงหรือความสัมพันธ์เชิงเส้น
2.3 เมื่อ x เป็นตัวแปรตาม และ y เป็นตัวแปรอิสระ a และ b เป็นค่าคงตัวที่ต้องการหา
มีสมการเป็น X = aY + b
สมการปกติคือ 
n
i
ix
1
= a 
n
i
iy
1
+ bn ………………(1)

n
i
ii yx
1
= a 
n
i
iy
1
2
+ b 
n
i
iy
1
………………(2)
ตัวอย่างที่ 2.3 ข้อมูลต่อไปนี้เป็นความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณปุ๋ ย (กิโลกรัมต่อไร่) กับ ผลผลิต (กิโลกรัมต่อไร่)
ปริมาณปุ๋ ย(กิโลกรัมต่อไร่): X 1 2 3 4 5
ผลผลิต (กิโลกรัมต่อไร่) : Y 8 9 10 12 15
จงใช้กระบวนการแก้ปัญหาโดยใช้กลวิธีSTARประมาณค่า
ถ้าผลผลิตเท่ากับ 100 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วจะต้องใช้ปริมาณปุ๋ ยเป็นเท่าไร
ขั้นที่ 1 S(Search) ศึกษาโจทย์ปัญหา
1.1 สิ่งที่โจทย์กาหนด ความสัมพันธ์ระหว่าง ปริมาณปุ๋ ย(กิโลกรัมต่อไร่) กับ
ผลผลิต (กิโลกรัมต่อไร่) ถ้าผลผลิตเท่ากับ 100 กิโลกรัมต่อไร่ ( บอกค่า y )
1.2 สิ่งที่โจทย์ถามหาอะไร จะต้องใช้ปริมาณปุ๋ ยเป็นเท่าไร (ถามค่า x )
ขั้นที่ 2 T(Translate) แปลงข้อมูลโจทย์ปัญหาไปสู่สัญลักษณ์คณิตศาสตร์
2.1 เขียนแผนภาพการกระจาย
2.2 สร้างตาราง
2.3 สร้างสมการปกติ
2.4 แก้สมการ หาค่าคงตัว คือ a และ b
18
ขั้นที่ 3 A(Answer) หาคาตอบ เขียนแผนภาพการกระจาย และกราฟที่เป็นตัวแทนของความสัมพันธ์
Y
1614121086
X
6
5
4
3
2
1
0
X
Y
1614121086
6
5
4
3
2
1
0
Observed
Linear
ตารางที่ 2.3 ก
xi yi xi
2
yi
2
xi yi
1 8 1 64 8
2 9 4 81 18
3 10 9 100 30
4 12 16 144 48
5 15 25 225 75

5
1i
ix = 15 
5
1i
iy = 54 
5
1
2
i
ix = 55 
5
1
2
i
iy = 614 
5
1i
ii yx = 179
1. ถ้าผลผลิตเท่ากับ 100 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วจะต้องใช้ปริมาณปุ๋ ยเป็นเท่าไร
จากแผนภาพการกระจาย เป็นความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นเส้นตรง
เมื่อ x เป็นตัวแปรตาม และ y เป็นตัวแปรอิสระ a และ b เป็นค่าคงตัวที่ต้องการหา
มีสมการเป็น X = aY + b
สมการปกติคือ 
n
i
ix
1
= a 
n
i
iy
1
+ bn ………………(1)

n
i
ii yx
1
= a 
n
i
iy
1
2
+ b 
n
i
iy
1
………………(2)
แทนค่าในสมการปกติ 15 = 54a + 5b ………………(1)
179 = 614a + 54b ………………(2)
(1) 10.8 ; 162 = 583.2a + 54b ………………(3)
(2) – (3) ; 17 = 30.8a
0.55 = a
แทนค่า a = 0.55 ในสมการที่ (1)
19
15 = 54(0.55) + 5b
15 = 29.7 + 5b
- 14.7 = 5b
- 2.94 = b
ดังนั้นสมการประมาณค่าคือ Xˆ = 0.55Yˆ - 2.94
ถ้าผลผลิตเท่ากับ 100 กิโลกรัมต่อไร่ ค่า y = 100
Xˆ = 0.55(100) - 2.94
= 55 – 2.94 = 52.06
ดังนั้น ถ้าผลผลิตเท่ากับ 100 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วจะต้องใช้ปริมาณปุ๋ ยเท่ากับ 52.06 กิโลกรัมต่อไร่
ขั้นที่ 4 R(Review) ทบทวนตรวจสอบผลที่ได้โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป
ขั้นตอนการใช้โปรแกรม
1. เข้าโปรแกรมสาเร็จรูป
2. กาหนดตัวแปร(Variable View) x และ y
3. กรอกข้อมูล(Data View) ในช่อง x และ y
4. วิเคราะห์ข้อมูล Analyze เลือก Regresion และ Curve Estimate
จะปรากฏหน้าต่าง Curve Estimate
เลือกให้ x เป็น dependent และ y เป็น independent และเลือก Linear
5. คลิก OK จะได้ Output ดังนี้
Independent: Y
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1
X LIN .938 3 45.63 .007 -2.9610 .5519
ผลการตรวจคาตอบ ได้คาตอบตรงกัน
20
2.4 การประมาณค่าของค่าคงตัวโดยใช้ระเบียบวิธีกาลังสองที่น้อยที่สุด
ในการหาค่าคงตัวที่ปรากฏอยู่ในสมการทั่วไปนั้นหาได้โดยอาศัยหลักที่ว่า ถ้าจะให้สมการของความสัมพันธ์
ที่เกิดขึ้นจริงได้ดีแล้ว ผลรวมของความแตกต่างระหว่างค่าที่ได้จากความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่สร้างขึ้นกับค่าที่เกิดขึ้น
จริงๆทุกค่าควรจะน้อยที่สุดเพื่อไม่ให้ผลรวมของความแตกต่างที่เกิดขึ้นเป็นศูนย์ จึงต้องยกกาลังสองของความ
แตกต่างที่เกิดขึ้นเสียก่อน แล้วจึงหาผลรวมของความแตกต่างที่เกิดขึ้น ถ้าผลรวมนี้น้อยที่สุดถือว่าความสัมพันธ์เชิง
ฟังก์ชันนั้นเหมาะสมจะใช้การประมาณค่าตัวแปรตามมากที่สุด วิธีดังกล่าวเรียกว่า วิธีกาลังสองที่น้อยที่สุด กล่าวคือ
ถ้าให้ Yi เป็นค่าของตัวแปรหรือค่าจากการสังเกตที่เกิดขึ้นจริงตัวที่ i , i { 1, 2 , 3 , …,n}
Yˆ เป็นค่าของตัวแปรตาม Y ที่ได้จากความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างตัวแปรตาม Y กับ
ตัวแปรอิสระ X ที่ได้จากการแทนค่าตัวแปร X ด้วย Xi
ต้องการทาให้มี
2
1
)ˆ(

n
i
i YY ค่าน้อยที่สุด
(เมื่อ n เป็นจานวนตัวอย่างที่ใช้หรือจานวนข้อมูลทั้งหมดที่นามาสร้างความสัมพันธ์)
จากตัวอย่างในใบความรู้ที่ 2.2 พิจารณาค่าของ Y และ Yˆ
ตาราง 2.4 ก
X Y Yˆ = 1.7x + 5.7 Y - Yˆ (Y - Yˆ )2
1 8 1.7(1) + 5.7 = 7.4 8 – 7.4 = 0.6 0.36
2 9 1.7(2) + 5.7 = 9.1 9 – 9.1 = - 0.1 0.01
3 10 1.7(3) + 5.7 = 10.8 10 – 10.8 = - 0.8 0.64
4 12 1.7(4) + 5.7 = 12.5 12 – 12.5 = - 0.5 0.25
5 15 1.7(5) + 5.7 = 14.2 15 – 14.2 = 0.8 0.64

5
1i
ix = 15 
5
1i
iy = 54 - 

5
1
)ˆ(
i
i YY = 0
25
1
)ˆ(

i
i YY = 1.9
ลักษณะของเส้นตรงดังกล่าวต้องเป็นไปตามเงื่อนไข 3 ประการ ดังนี้
1. 

n
i
i YY
1
)ˆ( = 0
2.
2n
1i
i
)YˆY( 

มีค่าน้อยที่สุด
3. (x , y ) ต้องเป็นจุดอยู่บนเส้นตรง Y = aX + b ซึ่งเป็นสมการเส้นตรงที่สร้างขึ้นมาเป็นตัวแทนของ
ข้อมูลนั้นคือ y = ax + b จะได้
x =
5
15
= 3 , y =
5
54
= 10.8 , a = 1.7 , b = 5.7
ดังนั้น y = a x + b
10.8 = 1.7(3) + 5.7
= 5.1 + 5.7
10.8 = 10.8 เป็นจริง
21
แบบฝึกทักษะเพิ่มเติม
ตารางต่อไปนี้เป็นความสัมพันธ์ระหว่าง X กับ Y
X 2 3 5 7 9 10
Y 1 3 7 11 15 17
1. จงสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูล
2. จงประมาณค่า Y เมื่อ X = 5
วิธีทา
1. จงสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูล
Y
X
121086420
20
10
0
Observed
Linear
จากแผนภาพการกระจาย เป็นความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นเส้นตรง
เมื่อ y เป็นตัวแปรตาม (dependent variables) และ x เป็นตัวแปรอิสระ (independent variables)
a และ b เป็นค่าคงตัวที่ต้องการหา
มีสมการเป็น Y = aX + b
สมการปกติคือ 
n
i
iy
1
= a 
n
i
ix
1
+ bn

n
i
ii yx
1
= a 
n
i
ix
1
2
+ b
n
i
ix
1
54 = 36a + 6b ……………(1)
428 = 268a + 36b ……………(2)
(1) 6 324 = 216a + 36b ……………(3)
22
(2) - (3) 104 = 52a
a = 2
แทนค่า a = 2 ในสมการที่ 1
54 = 36(2) + 6b
54 = 72 + 6b
-18 = 6b
- 3 = b
สมการประมาณค่าคือ
2. จงประมาณค่า Y เมื่อ X = 5
Independent: X
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1
Y LIN 1.000 4 . . -3.0000 2.0000
3.1 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นพาราโบลา
ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นพาราโบลา
เมื่อ y เป็นตัวแปรตาม และ x เป็นตัวแปรอิสระ a , b และ c เป็นค่าคงตัวที่ต้องการหา
มีสมการเป็น Y = aX2
+ bX + c
สมการปกติคือ 
n
i
iy
1
= a 
n
i
ix
1
2
+ b 
n
i
ix
1
+ cn ………(1)

n
i
ii yx
1
= a 
n
i
ix
1
3
+ b 
n
i
ix
1
2
+ c 
n
i
ix
1
………(2)

n
i
ii yx
1
2
= a 
n
i
ix
1
4
+ b 
n
i
ix
1
3
+ c
n
i
ix
1
2
………(3)
ตัวอย่างที่ 3.1 จากการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสารับทารกที่มีอายุต่างๆกัน
ในการรักษาโรค
อายุ(เดือน) : X 1 2 3 4
ปริมาณยา(มิลลิกรัม) : Y 4 3 2 3
จงใช้กระบวนการแก้ปัญหาโดยใช้กลวิธีSTARประมาณค่า
1) จงหาความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสารับทารกที่มีอายุต่างๆกันในการรักษาโรค
2) จงทานายปริมาณยาที่ใช้สาหรับทารกที่มีอายุ 5.5 เดือน
ขั้นที่ 1 S(Search) ศึกษาโจทย์ปัญหา
1.1 สิ่งที่โจทย์กาหนด ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสารับทารกที่มีอายุต่างๆกันในการ
รักษาโรค และทารกที่มีอายุ 5.5 เดือน ( บอกค่า x = 5.5 เดือน )
1.2 สิ่งที่โจทย์ถามหาอะไร จงทานายปริมาณยา (หาค่า y )
ขั้นที่ 2 T(Translate) แปลงข้อมูลโจทย์ปัญหาไปสู่สัญลักษณ์คณิตศาสตร์
2.1 เขียนแผนภาพการกระจาย
23
2.2 สร้างตาราง
2.3 สร้างสมการปกติ
2.4 แก้สมการ หาค่าคงตัว คือ a , b และ c
ขั้นที่ 3 A(Answer) หาคาตอบ เขียนแผนภาพการกระจายและกราฟที่เป็นตัวแทนของความสัมพันธ์
X
4.54.03.53.02.52.01.51.0.5
Y
4.5
4.0
3.5
3.0
2.5
2.0
1.5
Y
X
4.54.03.53.02.52.01.51.0.5
4.5
4.0
3.5
3.0
2.5
2.0
1.5
Observed
Quadratic
ตารางที่ 3.1 ก
xi yi xi
2
xi
3
xi
4
xi yi xi
2
yi
1 4 1 1 1 4 4
2 3 4 8 16 6 12
3 2 9 27 81 8 18
4 3 16 64 256 12 18

5
1i
ix = 10 
5
1i
iy =12 
5
1
2
i
ix = 30 
5
1
3
i
ix = 100 
5
1
4
i
ix = 354 
5
1i
ii yx =28 
5
1
2
i
ii yx =82
จงทานายปริมาณยาที่ใช้สาหรับทารกที่มีอายุ 5.5 เดือน
จากแผนภาพการกระจาย เป็นความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟที่เป็นรูปพาราโบลา
เมื่อ y เป็นตัวแปรตาม และ x เป็นตัวแปรอิสระ a , b และ c เป็นค่าคงตัวที่ตองการหา
มีสมการเป็น Y = aX2
+ bX + c
สมการปกติคือ 
n
i
iy
1
= a 
n
i
ix
1
2
+ b 
n
i
ix
1
+ cn ………(1)

n
i
ii yx
1
= a 
n
i
ix
1
3
+ b 
n
i
ix
1
2
+ c 
n
i
ix
1
………(2)

n
i
ii yx
1
2
= a 
n
i
ix
1
4
+ b 
n
i
ix
1
3
+ c
n
i
ix
1
2
………(3)
แทนค่าในสมการปกติ
12 = 30a + 10b + 4c ………………(1)
28 = 100a + 30b + 10c ………………(2)
82 = 354a + 100b + 30c ………………(3)
แก้สมการหาค่าของ a = 0.5 , b = - 2.9 , c = 6.5
ดังนั้นสมการประมาณค่าคือ Yˆ = 0.5 2ˆX – 2.9 Xˆ + 6.5
จงทานายปริมาณยาที่ใช้สาหรับทารกที่มีอายุ 5.5 เดือน (x = 5.5 )
Yˆ = 0.5(5.5)2
– 2.9(5.5) + 6.5
24
= 0.5(30.25) – 15.95 + 6.5
= 5.675
ดังนั้น ทารกที่มีอายุ 5.5 เดือน ต้องใช้ปริมาณยา 5.675 มิลลิกรัม
ขั้นที่ 4 R(Review) ทบทวนตรวจสอบผลที่ได้โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป
ขั้นตอนการใช้โปรแกรม
1. เข้าโปรแกรมสาเร็จรูป
2. กาหนดตัวแปร(Variable View) x และ y
3. กรอกข้อมูล(Data View) ในช่อง x และ y
4. วิเคราะห์ข้อมูล Analyze เลือก Regresion และ Curve Estimate
จะปรากฏหน้าต่าง Curve Estimate
เลือกให้ y เป็น dependent และ x เป็น independent
และเลือก Quadratic
5. คลิก OK จะได้ Output ดังนี้
Independent: X
Dependent Ath Rsq d.f. F Sigf b0 b1 b2
Y QUA .900 1 4.50 .316 6.5000 -2.9000 .5000
ผลการตรวจคาตอบ ได้คาตอบตรงกัน
3.2 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันในรูปพาราโบลา (ต่อ)
เมื่อ x เป็นตัวแปรตาม และ y เป็นตัวแปรอิสระ a , b และ c เป็นค่าคงที่
มีสมการเป็น X = aY2
+ bY + c
สมการปกติคือ 
n
i
ix
1
= a 
n
i
iy
1
2
+ b 
n
i
iy
1
+ cn ………(1)

n
i
ii yx
1
= a 
n
i
iy
1
3
+ b 
n
i
iy
1
2
+ c 
n
i
iy
1
………(2)

n
i
ii yx
1
2
= a 
n
i
y
1
4
+ b
n
i
iy
1
3
+ c
n
i
iy
1
2
………(3)
25
ตัวอย่างที่ 3.2 จากการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสารับทารกที่มีอายุต่างๆกัน
ในการรักษาโรค
อายุ(เดือน) : X 1 2 3 4
ปริมาณยา(มิลลิกรัม) : Y 4 3 2 3
จงใช้กระบวนการแก้ปัญหาโดยใช้กลวิธีSTARประมาณค่า
1) จงหาความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสารับทารกที่มีอายุต่างๆกันในการรักษาโรค
2) จงทานายปริมาณยา 2.5 มิลลิกรัมใช้สาหรับทารกที่มีอายุกี่เดือน
ขั้นที่ 1 S(Search) ศึกษาโจทย์ปัญหา
1.1 สิ่งที่โจทย์กาหนด ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสาหรับทารกที่มีอายุ
ต่างๆกันในการรักษาโรค
1.2 จงทานายปริมาณยา 2.5 มิลลิกรัม ( บอกค่า y = 2.5 มิลลิกรัม )
1.2 สิ่งที่โจทย์ถามหาอะไร จงทานายปริมาณยา 2.5 มิลลิกรัม ใช้สาหรับอายุทารกที่มี
อายุกี่เดือน (หาค่า x )
ขั้นที่ 2 T(Translate) แปลงข้อมูลโจทย์ปัญหาไปสู่สัญลักษณ์คณิตศาสตร์
2.1 เขียนแผนภาพการกระจาย
2.2 สร้างตาราง
2.3 สร้างสมการปกติ
2.4 แก้สมการ หาค่าคงตัว คือ a , b และ c
ขั้นที่ 3 A(Answer) หาคาตอบ เขียนแผนภาพการกระจายและกราฟที่เป็นตัวแทนของความสัมพันธ์
Y
4.54.03.53.02.52.01.5
X
4.5
4.0
3.5
3.0
2.5
2.0
1.5
1.0
.5
X
Y
4.54.03.53.02.52.01.5
4.5
4.0
3.5
3.0
2.5
2.0
1.5
1.0
.5
Observed
Quadratic
ตารางที่ 3.2 ก
xi yi yi
2
yi
3
yi
4
xi yi xi yi
2
1 4 16 64 256 4 16
2 3 9 27 81 6 18
3 2 4 8 16 8 12
4 3 9 27 81 12 36

5
1i
ix = 10 
5
1i
iy =12 
5
1
2
i
ix = 38 
5
1
3
i
ix = 126 
5
1
4
i
ix = 434 
5
1i
ii yx =28 
5
1
2
i
ii yx =82
1) ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสารับทารกที่มีอายุต่างๆกันในการรักษาโรค
จากแผนภาพการกระจาย เป็นความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นรูปพาราโบลา
26
เมื่อ x เป็นตัวแปรตาม และ y เป็นตัวแปรอิสระ a , b และ c เป็นค่าคงที่
มีสมการเป็น X = aY2
+ bY + c
สมการปกติคือ 
n
i
ix
1
= a 
n
i
iy
1
2
+ b 
n
i
iy
1
+ cn ………(1)

n
i
ii yx
1
= a 
n
i
iy
1
3
+ b 
n
i
iy
1
2
+ c 
n
i
iy
1
………(2)

n
i
ii yx
1
2
= a 
n
i
y
1
4
+ b
n
i
iy
1
3
+ c
n
i
iy
1
2
………(3)
แทนค่าในสมการปกติ
10 = 38a + 12b + 4c ………………(1)
28 = 126a + 38b + 12c ………………(2)
82 = 434a + 126b + 38c ………………(3)
แก้สมการหาค่าของ a = - 1 , b = 5 , c = - 3
ดังนั้นสมการประมาณค่าคือ Xˆ = - Yˆ 2
+ 5Yˆ - 3
จงทานายปริมาณยา 2.5 มิลลิกรัม (y = 2.5 ) ที่ใช้สาหรับทารกที่มีอายุกี่เดือน
Xˆ = - Yˆ 2
+ 5Yˆ - 3
= - (2.5)2
+ 5(2.5) - 3
= - 6.25 + 12.5 – 3
= 3.25
ดังนั้น ปริมาณยา 2.5 มิลลิกรัม ใช้สาหรับทารกที่มีอายุ 3.25 เดือน
ขั้นที่ 4 R(Review) ทบทวนตรวจสอบผลที่ได้โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป
ขั้นตอนการใช้โปรแกรม
1. เข้าโปรแกรมสาเร็จรูป
2. กาหนดตัวแปร(Variable View) x และ y
3. กรอกข้อมูล(Data View) ในช่อง x และ y
4. วิเคราะห์ข้อมูล Analyze เลือก Regresion และ Curve Estimate
จะปรากฏหน้าต่าง Curve Estimate
เลือกให้ x เป็น dependent และ y เป็น independent
และเลือก Quadratic
5. คลิก OK จะได้ Output ดังนี้
27
Independent: Y
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 b2
X QUA .600 1 .75 .632 -3.0000 5.0000 -1.0000
ผลการตรวจคาตอบ ได้คาตอบตรงกัน
4.1 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูลที่อยู่ในรูปอนุกรมเวลา
4.1 ข้อมูลที่อยู่ในรูปอนุกรมเวลา (time series) คือ ข้อมูลที่แสดงความเปลี่ยนแปลงตามลาดับเวลาที่เกิดขึ้น
ก่อนหลังของช่วงเวลาที่ข้อมูลชุดนั้นเกิดขึ้น ซึ่งปกติแล้วข้อมูลนั้นๆมักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาเท่าๆกัน เช่น ปริมาณ
ข้าวที่ประเทศไทยผลิตได้ในแต่ละปี จานวนเงินที่ร้านค่าแห่งหนึ่งขายได้ในแต่ละเดือน หรืออุณหภูมิเฉลี่ยในแต่ละ
วันของจังหวัดกาญจนบุรี แล้วข้อมูลนั้นๆจะปกติความสัมพันธ์อยู่ในรูป Y = f(t)
โดยที่ t แทนเวลา เช่น วัน เดือน ปี พ.ศ. เป็นต้น
เมื่อ t เป็นตัวแปรอิสระ และ Y เป็นตัวแปรตาม
การกาหนดระยะเวลา (t)
ก. ถ้าจานวนระยะเวลา (t) ที่กาหนดให้เป็นจานวนคี่ *** ให้ระยะเวลาที่อยู่ตรงกลางเป็น 0 โดยเรียง
ตามลาดับก่อนหลังดังนี้ … , - 3 , - 2 , - 1 , 0 , 1 , 2 , 3 , …
การสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูลกราฟเป็นรูปเส้นตรง
เมื่อ y เป็นตัวแปรตาม และ t เป็นตัวแปรอิสระ a และ b เป็นค่าคงตัวที่ต้องการหา
มีสมการเป็น Y = at + b
สมการปกติคือ 
n
i
iy
1
= a 
n
i
it
1
+ bn ………………(1)

n
i
ii yt
1
= a 
n
i
it
1
2
+ b 
n
i
it
1
………………(2)
ข้อสังเกต 
n
i
it
1
= 0
จาก สมการ(1) จะได้ b =
n
y
n
i
i1
จาก สมการ(2) จะได้ a =




n
i
i
n
i
ii
t
yt
1
2
1
28
ตัวอย่างที่ 4.1 มูลค่าอุตสาหกรรมสิ่งทอการส่งออกที่ประเทศไทยส่งออกไปขายยังต่างประเทศ
มีความสัมพันธ์กับเวลาในรูปเส้นตรง ระหว่าง ปี 2550 – 2554 ดังนี้
ปี พ.ศ. 2550 2551 2552 2553 2554
มูลค่า (ล้านบาท) 6 8 12 15 19
จงใช้ประบวนการแก้ปัญหาของโพลยาประมาณค่า
1. จงหาสมการเพื่อใช้ประมาณมูลค่าการส่งออกในเวลาต่างๆ
2. จงประมาณมูลค่าการส่งออกในปี พ.ศ. 2562
ขั้นที่ 1 S(Search) ศึกษาโจทย์ปัญหา
1.1 สิ่งที่โจทย์กาหนด มูลค่าอุตสาหกรรมสิ่งทอการส่งออกที่ประเทศไทยส่งออกไปขายยังต่างประเทศมี
ความสัมพันธ์กับเวลา( บอกค่า t )
1.2 สิ่งที่โจทย์ถามหาอะไร จงประมาณมูลค่าการส่งออกในปี พ.ศ. 2558 (หาค่า y )
ขั้นที่ 2 T(Translate) แปลงข้อมูลโจทย์ปัญหาไปสู่สัญลักษณ์คณิตศาสตร์
2.1 เขียนแผนภาพการกระจาย
2.2 สร้างตาราง
2.3 สร้างสมการปกติ
2.4 แก้สมการ หาค่าคงตัว คือ a และ b
ขั้นที่ 3 A(Answer) หาคาตอบ เขียนแผนภาพการกระจายและกราฟที่เป็นตัวแทนของความสัมพันธ์
T
3210-1-2-3
Y
20
18
16
14
12
10
8
6
4
Y
T
3210-1-2-3
20
18
16
14
12
10
8
6
4
Observed
Linear
ตาราง 4.1 ก
ปี พ.ศ. มูลค่า (y ) t t2
ty
2550 6 - 2 4 - 12
2551 8 - 1 1 - 8
2552 12 0 0 0
2553 15 1 1 15
2554 19 2 4 38
รวม y = 60 t = 0  2
t = 10 ty = 33
ความสัมพันธ์อยู่ในรูปเส้นตรง
สมการ Y = at + b
29
สมการปกติคือ 
n
i
iy
1
= a 
n
i
it
1
+ bn ………………(1)

n
i
ii yt
1
= a 
n
i
it
1
2
+ b 
n
i
it
1
………………(2)
แทนค่า 60 = 0 + 5 b ………………..(1)
33 = 10 a + 0 …………………(2)
จาก (1) b =
5
60
= 12
จาก (2) a =
10
33
= 3.3
ดังนั้นสมการที่ใช้ประมาณคือ Y = 3.3 t + 12
2. จงประมาณมูลค่าการส่งออกในปี พ.ศ. 2562 ( t = 10 )
แทนค่า t = 10 ในสมการประมาณค่า
Y = 3.3 (10 ) + 12
= 33 + 12 = 45
ดังนั้น มูลค่าการส่งออกในปี พ.ศ. 2562 เท่ากับ 45 ล้านบาท
ขั้นที่ 4 R(Review) ทบทวนตรวจสอบผลที่ได้โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป
ขั้นตอนการใช้โปรแกรมสาเร็จรูป
วิเคราะห์ข้อมูล Analyze เลือก Regresion และ Curve Estimate
จะปรากฏหน้าต่าง Curve Estimate
เลือกให้ y เป็น dependent และ t เป็น independent
Models และเลือก Linear
5. คลิก OK จะได้ Output ดังนี้
Independent: T
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1
Y LIN .990 3 297.00 .000 12.0000 3.3000
ผลการตรวจคาตอบ ได้คาตอบตรงกัน
30
4.2 ข้อมูลที่อยู่ในรูปอนุกรมเวลา ถ้าความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่เป็นเส้นตรง
การกาหนดระยะเวลา (t)
ถ้าจานวนระยะเวลา (t) ที่กาหนดให้เป็นจานวนคู่ *** ให้ระยะเวลาที่อยู่คู่กลางเป็น
- 1 และ 1 โดยเรียงตามลาดับก่อนหลังดังนี้ … , - 5 , - 3 , - 1 , 1 , 3 , 5 , …
การสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูลกราฟเป็นรูปเส้นตรง
เมื่อ y เป็นตัวแปรตาม และ t เป็นตัวแปรอิสระ a และ b เป็นค่าคงตัวที่ต้องการหา
มีสมการเป็น Y = at + b
สมการปกติคือ 
n
i
iy
1
= a 
n
i
it
1
+ bn ………………(1)

n
i
ii yt
1
= a 
n
i
it
1
2
+ b 
n
i
it
1
………………(2)
ข้อสังเกต 
n
i
it
1
= 0
จาก สมการ(1) จะได้ b =
n
y
n
i
i1
จาก สมการ(2) จะได้ a =




n
i
i
n
i
ii
t
yt
1
2
1
ตัวอย่างที่ 4.2 จานวนสินค้าที่โรงงานแห่งหนึ่งผลิตได้ความสัมพันธ์กับเวลาในรูปเส้นตรง
ระหว่าง ปี พ.ศ. 2552 – 2557
ปี พ.ศ. 2552 2553 2554 2555 2556 2557
จานวนสินค้า(ร้อยชิ้น) 170 184 200 210 216 220
จงใช้ประบวนการแก้ปัญหาของโพลยาประมาณค่า
1. จงหาสมการเพื่อใช้ประมาณจานวนสินค้าที่โรงงานอุตสาหกรรมแห่งนี้ผลิตได้ในเวลาต่างๆ
2. จงประมาณจานวนสินค้าที่โรงงานอุตสาหกรรมแห่งนี้ผลิตได้ในปี พ.ศ. 2559
ขั้นที่ 1 S(Search) ศึกษาโจทย์ปัญหา
1.1 สิ่งที่โจทย์กาหนด จานวนสินค้าที่โรงงานแห่งหนึ่งผลิตได้ความสัมพันธ์กับเวลา
( บอกค่า t )
1.2 สิ่งที่โจทย์ถามหาอะไร จงประมาณจานวนสินค้าที่โรงงานอุตสาหกรรมแห่งนี้ผลิตได้ในปี
พ.ศ. 2559 (หาค่า y )
ขั้นที่ 2 T(Translate) แปลงข้อมูลโจทย์ปัญหาไปสู่สัญลักษณ์คณิตศาสตร์
2.1 เขียนแผนภาพการกระจาย
2.2 สร้างตาราง
2.3 สร้างสมการปกติ
2.4 แก้สมการ หาค่าคงตัว คือ a และ b
31
ขั้นที่ 3 A(Answer) หาคาตอบ เขียนแผนภาพการกระจายและกราฟที่เป็นตัวแทนของความสัมพันธ์
T
6420-2-4-6
Y
230
220
210
200
190
180
170
160
Y
T
6420-2-4-6
230
220
210
200
190
180
170
160
Observed
Linear
ตาราง 4.2 ก
ปี พ.ศ. จานวนสินค้า (Y) t t2
tY
2552 170 - 5 25 - 850
2553 184 - 3 9 - 552
2554 200 - 1 1 - 200
2555 210 1 1 210
2556 216 3 9 648
2557 220 5 25 1100
รวม Y = 1200 t = 0  2
t = 70 tY = 356
จากแผนภาพการกระจายความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูลอยู่ในรูปเส้นตรง
เมื่อ y เป็นตัวแปรตาม และ t เป็นตัวแปรอิสระ a และ b เป็นค่าคงตัวที่ต้องการหา
สมการคือ Y = at + b
สมการปกติคือ 
n
i
iy
1
= a 
n
i
it
1
+ bn ………………(1)

n
i
ii yt
1
= a 
n
i
it
1
2
+ b 
n
i
it
1
………………(2)
แทนค่า 1200 = 0 + 6 b ………………..(1)
356 = 70 a + 0 …………………(2)
จาก (1) b =
6
1200
= 200
จาก (2) a =
70
356
= 5.09
ดังนั้นสมการที่ใช้ประมาณคือ Y = 5.09 t + 200
2. จงประมาณจานวนสินค้าที่ผลิตได้ในปี พ.ศ. 2559 ( t = 9 )
แทนค่า t = 9 ในสมการทานาย
Y = 5.09 (9 ) + 200
= 45.81 + 200 = 245.81 ร้อยชิ้น
ดังนั้น จานวนสินค้าที่ผลิตได้ในปี พ.ศ. 2559 เท่ากับ 24,581 ชิ้น
32
ขั้นที่ 4 R(Review) ทบทวนตรวจสอบผลที่ได้โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป
5. คลิก OK จะได้ Output ดังนี้
Independent: T
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1
Y LIN .947 4 71.36 .001 200.000 5.0857
ผลการตรวจคาตอบ ได้คาตอบตรงกัน
5.1 ข้อมูลที่อยู่ในรูปอนุกรมเวลา ถ้าความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นรูปเอกซ์โพเนนเชียล
ข้อมูลที่อยู่ในรูปอนุกรมเวลา คือ ข้อมูลที่แสดงความเปลี่ยนแปลงตามลาดับเวลาที่เกิดขึ้น ซึ่งความสัมพันธ์อยู่ในรูป
y = f(t) โดยที่ t แทนเวลา เช่น วัน เดือน ปี พ.ศ. เป็นต้น
เมื่อ t เป็นตัวแปรอิสระ แทนค่าของข้อมูล Y เป็นตัวแปรตาม
การกาหนดระยะเวลา (t)
ก. ถ้าจานวนระยะเวลา (t) ที่กาหนดให้เป็นจานวนคี่ *** ให้ระยะเวลาที่อยู่ตรงกลางเป็น 0
โดยเรียงตามลาดับก่อนหลังดังนี้ … , - 3 , - 2 , - 1 , 0 , 1 , 2 , 3 , …
ถ้าความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นรูปเอกซ์โพเนนเชียล
ให้ log a และlog b เป็นค่าคงตัว
มีสมการเป็น Y = abt
หรือ log Y = loga + t log b
สมการปกติคือ 
n
i
iy
1
log = nloga + (logb) 
n
i
it
1
………………(1)

n
i
it
1
(log y) = (loga) 
n
i
it
1
+ (logb )
n
i
it
1
2
………………(2)
ข้อสังเกต 
n
i
it
1
= 0
33
จาก สมการ(1) จะได้ log a =
n
y
n
i
i1
log
จาก สมการ(2) จะได้ log b =




n
i
i
n
i
ii
t
yt
1
2
1
)(log
ตัวอย่างที่ 5.1 จงสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันของจานวนประชากรโดยประมาณของประเทศไทย
จากข้อมูลระหว่าง ปี พ.ศ. 2551 – 2555 ดังนี้
ปี พ.ศ. 2551 2552 2553 2554 2555
จานวนประชากร (ล้านคน) 63.3 63.5 63.8 64 64.4
ที่มา http://www.th.wikipedia.org/. ข้อมูลจาก กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย.
จงใช้กระบวนการแก้ปัญหาโดยใช้กลวิธีSTARประมาณค่า
1. จงหาสมการเพื่อใช้ประมาณประชากรในเวลาต่างๆ
2. จงประมาณประชากรของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2565
ขั้นที่ 1 S(Search) ศึกษาโจทย์ปัญหา
1.1 สิ่งที่โจทย์กาหนด จานวนประชากรโดยประมาณของประเทศไทย จากข้อมูลระหว่าง
ปี พ.ศ. 2551 – 2555 ( บอกค่า t )
1.2 สิ่งที่โจทย์ถามหาอะไร จงประมาณประชากรของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2565
(หาค่า y )
ขั้นที่ 2 T(Translate) แปลงข้อมูลโจทย์ปัญหาไปสู่สัญลักษณ์คณิตศาสตร์
2.1 เขียนแผนภาพการกระจาย
2.2 สร้างตาราง
2.3 สร้างสมการปกติ
2.4 แก้สมการ หาค่าคงตัว คือ log a และ log b
ขั้นที่ 3 A(Answer) หาคาตอบ เขียนแผนภาพการกระจายและกราฟที่เป็นตัวแทนของความสัมพันธ์
T
3210-1-2-3
LOGY
1.800
1.798
1.796
1.794
1.792
1.790
1.788
LOGY
T
3210-1-2-3
1.800
1.798
1.796
1.794
1.792
1.790
1.788
1.786
Observed
Linear
34
ตารางที่ 5.1 ก
ปี พ.ศ. จานวนประชากร (y ) log yi t t^2 t logyi
2551 63.8 1.8014 -2 4 -3.6028
2552 63.5 1.8028 -1 1 -1.8028
2553 63.8 1.8048 0 0 0
2554 64 1.8062 1 1 1.8062
2555 64.4 1.8089 2 4 3.6178
รวม - 9.0241 0 10 0.0184
1. จงหาสมการเพื่อใช้ประมาณประชากรในเวลาต่างๆ
ความสัมพันธ์อยู่ในรูปเอกซ์โพเนนเชียล
มีสมการเป็น Y = abt
หรือ log Y = loga + t log b
สมการปกติคือ 
n
i
iy
1
log = nloga + (logb) 
n
i
it
1
………………(1)

n
i
it
1
(log y) = (loga) 
n
i
it
1
+ (logb )
n
i
it
1
2
………………(2)
แทนค่า 9.0241 = 5log a ………………..(1)
-1.9816 = 10 log b …………………(2)
จาก (1) log a =
5
02149.
= 1.8048
จาก (2) log b =
10
01840.
= 0.0018
ดังนั้นสมการที่ใช้ประมาณคือ log Y = loga + t log b = 1.8048 + = 0.0018 t
2. จงประมาณจานวนประชากรในปี พ.ศ. 2565 ( t = 12 )
ดังนั้นสมการที่ใช้ประมาณคือ log Y = loga + t log b
= 1.8048 + 0.0018 (12)
= 1.8048 + 0.0216 = 1.8264
log Y = 1 + 0.8264
( การประมาณค่าของแอนตี้ลอกฯ log 6.705  0.8264 )
log Y = log 10 + log 6.705
antilog Y = 6.705 10 = 67.05
ดังนั้น จานวนประชากรในปี พ.ศ. 2565 เท่ากับ 67.05 ล้านคน
การประมาณค่าของลอก (log M )
log 6.7 = 0.8261
log M = 0.8264
log 6.71 = 0.8267
ใช้อัตราส่วน
76716
76
..
.M


=
8261082670
8261082640
..
..


35
010
76
.
.M
=
00060
00030
.
.
M - 6.7 =
00060
00030
.
.
010.  0.005
M  6.7 + 0.005  6.705
ขั้นที่ 4 R(Review) ทบทวนตรวจสอบผลที่ได้โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป
ขั้นตอนการใช้โปรแกรม
1. เข้าโปรแกรมสาเร็จรูป
2. กาหนดตัวแปร(Variable View) t และ log y
3. กรอกข้อมูล(Data View) ในช่อง t และ log y
4. วิเคราะห์ข้อมูล Analyze เลือก Regresion และ Curve Estimate
จะปรากฏหน้าต่าง Curve Estimation
เลือกให้ log y เป็น dependent และ t เป็น independent และเลือก Exponential ดังรูป
5. คลิก OK จะได้ Output ดังนี้
Independent: T
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1
LOGY EXP .986 3 217.19 .001 1.8048 .0010
ผลการตรวจคาตอบ ได้คาตอบใกล้เคียงกัน เพราะเป็นค่าประมาณของลอกการิทึม
5.2 ข้อมูลที่อยู่ในรูปอนุกรมเวลา ถ้าความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นรูปเอกซ์โพเนนเชียล
ข้อมูลที่อยู่ในรูปอนุกรมเวลา คือ ข้อมูลที่แสดงความเปลี่ยนแปลงตามลาดับเวลาที่เกิดขึ้น ซึ่งความสัมพันธ์อยู่ในรูป
y = f(t) โดยที่ t แทนเวลา เช่น วัน เดือน ปี พ.ศ. เป็นต้น
ซึ่ง t เป็นตัวแปรอิสระ แทนค่าของข้อมูล Y เป็นตัวแปรตาม
การกาหนดระยะเวลา (t)
ข. ถ้าจานวนระยะเวลา (t) ที่กาหนดให้เป็นจานวนคู่ *** ให้ระยะเวลาที่อยู่คู่กลางเป็น - 1 และ 1 โดยเรียง
ตามลาดับก่อนหลังดังนี้ … , - 5 , - 3 , - 1 , 1 , 3 , 5 , …
ถ้าความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นรูปเอกซ์โพเนนเชียล
ให้ log a และlog b เป็นค่าคงตัว
มีสมการเป็น Y = abt
หรือ log Y = loga + t log b
36
สมการปกติคือ 
n
i
iy
1
log = nloga + (logb) 
n
i
it
1
………………(1)

n
i
it
1
(log y) = (loga) 
n
i
it
1
+ (logb )
n
i
it
1
2
………………(2)
ข้อสังเกต 
n
i
it
1
= 0
จาก สมการ(1) จะได้ log a =
n
y
n
i
i1
log
จาก สมการ(2) จะได้ log b =




n
i
i
n
i
ii
t
yt
1
2
1
)(log
ตัวอย่างที่ 5.2 จงสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันของจานวนประชากรโดยประมาณของจังหวัดอุตรดิตถ์
จากข้อมูลระหว่าง ปี พ.ศ. 2545 – 2554 ดังนี้
ปี พ.ศ. 2545 2546 2547 2548 2549 2550 2551 2552 2553 2554
จานวนประชากร (แสนคน) 4.85 4.82 4.7 4.69 4.67 4.65 4.64 4.63 4.62 4.61
ที่มา http://www.th.wikipedia.org/. ข้อมูลจาก กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย.
1. จงหาสมการเพื่อใช้ประมาณประชากรในเวลาต่างๆ
2. จงประมาณประมาณประชากรของจังหวัดอุตรดิตถ์ในปี พ.ศ. 2560
ขั้นที่ 1 S(Search) ศึกษาโจทย์ปัญหา
1.1 สิ่งที่โจทย์กาหนด จานวนประชากรโดยประมาณของจังหวัดอุตรดิตถ์
จากข้อมูลระหว่าง ปี พ.ศ. 2545 – 2554 ( บอกค่า t )
1.2 สิ่งที่โจทย์ถามหาอะไร ในปี พ.ศ. 2560 (หาค่า y )
ขั้นที่ 2 T(Translate) แปลงข้อมูลโจทย์ปัญหาไปสู่สัญลักษณ์คณิตศาสตร์
2.1 เขียนแผนภาพการกระจาย
2.2 สร้างตาราง
2.3 สร้างสมการปกติ
2.4 แก้สมการ หาค่าคงตัว คือ log a และ log b
ขั้นที่ 3 A(Answer) หาคาตอบ เขียนแผนภาพการกระจายและกราฟที่เป็นตัวแทนของความสัมพันธ์
T
100-10
LOGY
.69
.68
.67
.66
LOGY
T
100-10
.69
.68
.67
.66
Observed
Exponential
37
ตารางที่ 5.2 ก
1. จงหาสมการเพื่อใช้ประมาณประชากรในเวลาต่างๆ
ความสัมพันธ์อยู่ในรูปเอกซ์โพเนนเชียล
ให้ log a และlog b เป็นค่าคงตัว
มีสมการเป็น Y = abt
หรือ log Y = loga + t log b
สมการปกติคือ 
n
i
iy
1
log = nloga + (logb) 
n
i
it
1
………………(1)

n
i
it
1
(log y) = (loga) 
n
i
it
1
+ (logb )
n
i
it
1
2
………………(2)
แทนค่า 6.7092 = 10log a ………………..(1)
-0.3752 = 330 log b …………………(2)
จาก (1) log a =
10
70296.
= 0.6709
จาก (2) log b =
330
3752.
= - 0.0011
ดังนั้นสมการที่ใช้ประมาณคือ log Y = loga + t log b
= 0.6709 – 0.0011t
2. จงประมาณจานวนประชากรในปี พ.ศ. 2565 ( t = 21 )
แทนค่า t = 21 ในสมการทานาย
log Y = 0.6709 – 0.0011t = 0.6709 – 0.0231= 0.6478
log Y = 0.6478
(การประมาณค่าของแอนตี้ลอกฯ log 4.467  0.6478)
log Y = log 4.467
Y = 4.4467
ดังนั้น จานวนประชากรของจังหวัดอุตรดิตถ์ในปี พ.ศ. 2565 เท่ากับ 4.467 แสนคน หรือ 444,670 คน
การประมาณค่าของลอก (log M )
log 4.44 = 0.6474
log M = 0.6478
log 4.45 = 0.6484
38
ใช้อัตราส่วน
444454
444
..
.M


=
6478064840
6474064780
..
..


010
444
.
.M
=
00060
00040
.
.
444.M =
00060
00040
.
.
0.01 = 0.0067
M = 4.44 + 0.0067  4.4467
M  4.4467
ขั้นที่ 4 R(Review) ทบทวนตรวจสอบผลที่ได้โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป
ขั้นตอนการใช้โปรแกรม
1. เข้าโปรแกรมสาเร็จรูป
2. กาหนดตัวแปร(Variable View) t และ log y
3. กรอกข้อมูล(Data View) ในช่อง t และ log y
4. วิเคราะห์ข้อมูล Analyze เลือก Regresion และ Curve Estimate
จะปรากฏหน้าต่าง Curve Estimation
เลือกให้ log y เป็น dependent และ t เป็น independent และเลือก Exponential
5. คลิก OK จะได้ Output ดังนี้
Independent: T
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1
LOGY EXP .823 8 37.25 .000 .6709 -.0017
ผลการตรวจคาตอบ ได้คาตอบใกล้เคียงกัน เพราะเป็นค่าประมาณของลอกการิทึม
39
ใบกิจกรรมที่ 2.1
ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูล
ผลการเรียนรู้ สร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันของข้อมูลที่ประกอบด้วยสองตัวแปร
คาสั่ง จงเลือกคาตอบที่ถูกที่สุดเพียงข้อเดียว
1. ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูลดังนี้
x 1 2 3 4 5
y 1 3 5 7 9
ถ้าให้ X เป็นตัวแปรอิสระและ Y เป็นตัวแปรตาม
ความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลมีลักษณะเป็นแบบใด
ก. เส้นตรง ข. พาราโบลา
ค. ไฮเปอร์โบลา ง. เอกซ์โพเนนเชียล
2. ถ้าให้ X เป็นตัวแปรอิสระและ Y เป็นตัวแปรตาม
ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูลเป็นเส้นตรง
สมการประมาณค่าคือข้อใด
ก. Y = aX + b
ข. X = aY + b
ค. Y = aX2
+ bX + c
ง. X = aY2
+ bY + c
3. ถ้าให้ Y เป็นตัวแปรอิสระและ X เป็นตัวแปรตาม
ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูลเป็นพาราโบลา
สมการประมาณค่าคือข้อใด
ก. Y = aX + b
ข. X = aY + b
ค. Y = aX2
+ bX + c
ง. X = aY2
+ bY + c
ผลการวิเคราะห์( Output) ตอบคาถามข้อ 4 - 5
ถ้าให้ X เป็นตัวแปรอิสระและ Y เป็นตัวแปรตาม
การวิเคราะห์การถดถอยด้วยโปรแกรมสาเร็จรูป
ได้ผลการวิเคราะห์( Output) ดังตาราง
Independent: X
Dependent Mth Rsq d.f F Sigf b0 b1
Y LIN .996 3 729.00 .000 -.5000 2.7000
4. จากตารางผลการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้การประมาณค่าโดยใช้
ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันในข้อใด
ก. เส้นตรง ข. พาราโบลา
ค. ไฮเปอร์โบลา ง. เอกซ์โพเนนเชียล
5. จากตารางผลการวิเคราะห์ข้อมูล
จงหาสมการประมาณค่า
ก. Y = 5X – 2.7 ข. Y = - 5X + 2.7
ค. Y = 2.7X – 5 ง. Y = 2.7X + 5
6. จากตารางผลการวิเคราะห์ข้อมูล
ถ้าให้ X เป็นตัวแปรอิสระและ Y เป็นตัวแปรตาม
ใช้การประมาณค่าโดยใช้ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันในข้อใด
ก. เส้นตรง ข. พาราโบลา
ค. ไฮเปอร์โบลา ง. เอกซ์โพเนนเชียล
7. จงหาสมการประมาณค่า
ก. Y = - 2X2
+ 7.3X – 1.5
ข. Y = - 2X2
+ 1.5X - 7.3
ค. Y = - 1.5 X2
+ 7.3X + 2
ง. Y = - 1.5 X2
+ 7.3X - 2
กาหนดข้อมูลต่อไปนี้ตอบคาถามข้อ 8 – 10
ข้อมูลต่อไปนี้แสดงเงินเดือนของชายคนหนึ่ง
ตั้งแต่พ.ศ. 2548 – 2552 เป็นดังนี้
พ.ศ. 2548 2549 2550 2551 2552
เงินเดือน(พันบาท) 18 19.8 20.2 21.4 22.5
8. การกาหนดอนุกรมเวลา (X) แทนข้อมูลข้อใดถูก
ก. 1 , 2 , 3 , 4 , 5
ข. – 2 , - 1 , 0 , 1 , 2
ค. – 3 , - 1 , 0 , 1 , 3
ง. – 4 , - 2 , 0 , 2 , 4
ผลการวิเคราะห์( Output) ตอบคาถาม ข้อ 9 - 10
การวิเคราะห์การถดถอยด้วยโปรแกรมสาเร็จรูป
ได้ผลการวิเคราะห์( Output) ดังตาราง
Independent: X
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1
LOGY EXP .961 3 74.66 .003 1.3076 .0174
9. จากตารางผลการวิเคราะห์ข้อมูล
ใช้การประมาณค่าโดยใช้ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันในข้อใด
ก. เส้นตรง ข. พาราโบลา
ค. ไฮเปอร์โบลา ง. เอกซ์โพเนนเชียล
10. ถ้าให้ X เป็นตัวแปรอิสระและ Y เป็นตัวแปรตาม
สมการประมาณค่าคือข้อใด
ก. log Y = 0.0174X + 1.3076
ข. log Y = 1.3076X + 0.0174
ค. log Y = 0.0751X + 0.3062
ง. log Y = 0.3062X + 0.0751
40
ใบกิจกรรมชุดที่ 3
คาสั่ง จงใช้กระบวนการแก้ปัญหาโดยใช้กลวิธีSTARแก้โจทย์ปัญหาต่อไปนี้
1. ในการหาความสัมพันธ์ระหว่างเงินเดือนกับค่าใช้จ่ายของพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเงินเดือนต่างๆกัน
โดยการสุ่มพนักงานของบริษัทนี้มา 5 คน แล้วสอบถามเกี่ยวกับเงินเดือนและค่าใช้จ่ายได้ผลดังตารางต่อไปนี้
เงินเดือน (หมื่นบาท) 1 2 3 4 5
ค่าใช้จ่าย (หมื่นบาท) 1 1 2 2 4
1) จงสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูลและประมาณค่า
2) ถ้าพนักงานมีเงินเดือน 80,000 บาท เขาจะมีค่าใช้จ่ายเดือนละกี่บาท
2. ในการหาความสัมพันธ์ระหว่างเงินเดือนกับค่าใช้จ่ายของพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเงินเดือนต่างๆกัน โดยการ
สุ่มพนักงานของบริษัทนี้มา 5 คน แล้วสอบถามเกี่ยวกับเงินเดือนและค่าใช้จ่ายได้ผลดังตารางต่อไปนี้
เงินเดือน (หมื่นบาท)
1 2 3 4 5
ค่าใช้จ่าย (หมื่นบาท) 1 1 2 2 4
1) จงสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูลและประมาณค่า
2) ถ้าพนักงานมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 30,000 บาท เขาจะต้องมีเงินเดือนๆละกี่บาท
3. คาสั่ง จงใช้การประมาณค่าของค่าคงตัวโดยใช้ระเบียบวิธีกาลังสองที่น้อยที่สุด
จากใบกิจกรรมชุดที่ 3 ข้อ1 พิจารณาค่าของ Y และ Yˆ
ตาราง 2.4 ข
X Y Yˆ = Y - Yˆ (Y - Yˆ )2
1 1
2 1
3 2
4 2
5 4

5
1i
ix = 
5
1i
iy = - 

5
1
)ˆ(
i
i YY = 0
25
1
)ˆ(

i
i YY =
ลักษณะของเส้นตรงดังกล่าวต้องเป็นไปตามเงื่อนไข 3 ประการดังนี้
1. 

n
i
i YY
1
)ˆ( = 0
2.
2n
1i
i
)YˆY( 

มีค่าน้อยที่สุด
3. (x , y ) ต้องเป็นจุดอยู่บนเส้นตรง Y = aX + b ซึ่งเป็นสมการเส้นตรงที่สร้างขึ้นมาเป็นตัวแทนของ
ข้อมูลนั้นคือ y = ax + b จะได้
x = ……… , y = ……. , a = ……… , b = ………..
ดังนั้น y = a x + b
41
4. จากการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการให้นมชนิดหนึ่งต่อวันสาหรับทารกที่มี
อายุต่าง ๆ กัน
อายุ(เดือน): X 1 2 3 4
ปริมาณนม(กรัม) : Y 4 6 7 5
1) จงหาสมการของความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูล
2) จงทานายถ้าปริมาณนมที่ใช้สาหรับทารกที่มีอายุ 2.5 เดือน
5. จากการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการให้นมชนิดหนึ่งสาหรับทารกที่มีอายุต่าง ๆ กัน
อายุ(เดือน): X 1 2 3 4
ปริมาณนม(กรัม) : Y 4 6 7 5
1) จงหาสมการของความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูล
2) จงทานายถ้าปริมาณนม 4.5 มิลลิกรัม ที่ใช้สาหรับทารกที่มีอายุกี่เดือน
6. จากการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสารับทารกที่มีอายุต่างๆกัน
ในการรักษาโรค
อายุ(เดือน) : X 1 2 3 4
ปริมาณยา(มิลลิกรัม) : Y 3 5 6 4
1) จงหาความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสารับทารกที่มีอายุต่างๆกันในการรักษาโรค
2) จงทานายปริมาณยาที่ใช้สาหรับทารกที่มีอายุ 2.5 เดือน
3) จงทานายปริมาณยา 5.5 มิลลิกรัมใช้สาหรับทารกที่มีอายุกี่เดือน
7. ข้อมูลต่อไปนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างเวลากับเงินเดือนของชายคนหนึ่งในรูปเส้นตรง ตั้งแต่
พ.ศ. 2550 – 2554 ดังนี้
ปี พ.ศ. 2550 2551 2552 2553 2554
เงินเดือน(พันบาท) 7.5 8 9.5 11.2 12.8
1. จงเขียนแผนภาพการกระจาย
2. จงหาสมการของความสัมพันธ์ระหว่างเวลากับเงินเดือน
3. จงประมาณเงินเดือนของชายคนนี้ในปี 2559
8. จานวนรถยนต์ที่บริษัทแห่งหนึ่งขายได้ ( ร้อยคัน ) มีความสัมพันธ์กับเวลาในรูปเส้นตรง ระหว่าง
ปี 2550 – 2555 ดังนี้
ปี พ.ศ. 2550 2551 2552 2553 2554 2555
จานวนรถยนต์(ร้อยคัน) 12 16 20 22 24 26
1. จงเขียนแผนภาพการกระจาย
2. จงหาสมการเพื่อใช้ประมาณจานวนรถยนต์ที่ขายได้ในเวลาต่างๆ
3. จงประมาณจานวนรถยนต์ที่ขายได้ในปี พ.ศ. 2558
42
9. ข้อมูลต่อไปนี้แสดงเงินเดือนของชายคนหนึ่ง มีความสัมพันธ์กับเวลาในรูปเส้นตรง
ตั้งแต่ พ.ศ. 2551 – 2555 เป็นดังนี้
พ.ศ. 2551 2552 2553 2554 2555
เงินเดือน (พันบาท) 18 19.8 20.2 21.4 22.5
1. จงหาสมการของความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างเงินเดือนในเวลาต่างๆ
2. จงประมาณเงินเดือนของชายคนนี้ในปี พ.ศ. 2558 เป็นเงินกี่บาท
10. จานวนรถยนต์ที่บริษัทแห่งหนึ่งขายได้(ร้อยคัน) มีความสัมพันธ์กับเวลาในรูปเส้นตรงระหว่าง
ปี พ.ศ. 2550 – 2555 ดังนี้
ปี พ.ศ. 2550 2551 2552 2553 2554 2555
จานวนรถยนต์(ร้อยคัน) 12 14 20 24 30 32
1. จงหาสมการของความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างรถยนต์ที่ขายได้ในเวลาต่างๆ
2. จงประมาณจานวนรถยนต์ที่ขายได้ในปี พ.ศ. 2560
11. ข้อมูลต่อไปนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างเวลากับเงินเดือนของชายคนหนึ่งใน
รูปเอกซ์โพเนนเชียล ตั้งแต่ พ.ศ. 2551 – 2555 ดังนี้
ปี พ.ศ. : X 2551 2552 2553 2554 2555
เงินเดือน(พันบาท) : Y 7.5 8 9.5 11.2 12.8
1. จงเขียนแผนภาพการกระจาย
2. จงหาสมการของความสัมพันธ์ระหว่างเวลากับเงินเดือน
3. จงประมาณเงินเดือนของชายคนนี้ในปี 2560
12. กาหนดข้อมูลซึ่งเป็นกาไรสุทธิ (ล้านบาท) ของบริษัทแห่งหนึ่งในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา
มีความสัมพันธ์กับเวลาในรูปเอกซ์โพเนนเชียลระหว่าง ปี 2550 – 2555 ดังนี้
ปี พ.ศ. 2550 2551 2552 2553 2554 2555
กาไรสุทธิ (ล้านบาท) 8 9.5 10 11.5 13 15
1. จงเขียนแผนภาพการกระจาย
2. จงหาสมการเพื่อใช้ประมาณกาไรสุทธิ (ล้านบาท)ในเวลาต่างๆ
3. จงประมาณกาไรสุทธิ (ล้านบาท)ในปี พ.ศ. 2557
13. จงสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันแบบเอกซ์โพเนนเชียลของกับประชากรระหว่าง
ปี พ.ศ. 2547 – 2555ดังนี้
ปี พ.ศ. 2547 2548 2549 2550 2551 2552 2553 2554 2555
จานวนประชากร
(ล้านคน)
24.9 25.6 26.4 27.2 28.0 28.8 29.7 30.6 31.5
จงหาความสัมพันธ์ประมาณจานวนประชากรของท้องถิ่นแห่งนี้ในปี พ.ศ. 2565
กาหนดให้
log 2.49 = 0.3962 log 2.72 = 0.4346 log 2.97 = 0.4728 log 4.26 = 0.6294
log 2.56 = 0.4082 log 2.8 = 0.4472 log 3.06 = 0.4857 log 4.23 = 0.6263
log 2.64 = 0.4216 log 2.88 = 0.4594 log 3.15 = 0.4983 log 5.26 = 0.7210
43
14. ข้อมูลต่อไปนี้แสดงเงินเดือนของชายคนหนึ่ง ตั้งแต่ พ.ศ. 2551 – 2555 เป็นดังนี้
พ.ศ. 2551 2552 2553 2554 2555
เงินเดือน (พันบาท) 18 19.8 20.2 21.4 22.5
ให้ log 1.8 = 0.2553 log 1.98 = 0.2967 log 2.02 = 0.3054
log 2.14 = 0.3304 log 2.25 = 0.3522 log 2.48 = 0.3946
log 2.582 = 0.4120 log 2.64 = 0.4218 log 4.13 = 0.6061
log 4.805 = 0.6817
ถ้าใช้ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันในรูปเอกซ์โพเนนเชียล ประมาณค่า
จงประมาณเงินเดือนของชายคนนี้ในปี พ.ศ. 2558 เป็นเงินกี่บาท
บรรณานุกรม
กานดา ลือสุทธิวิบูลย์อาจารย์ยุพิน จิรสุขานนท์ , ( ……..)SHORT CUT TO MATHEMATICS .
กรุงเทพมานคร : สานักพิมพ์เดอะบุคส์
กมล เอกไทยเจริญ , ( 2533) , คณิตศาสตร์ ม. 5 เล่ม 4 ค014 .กรุงเทพ : สานักพิมพ์ไฮเอ็ดพับลิชชิ่ง
กรมวิชาการ. (2544 ). หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2544 . กรุงเทพมหานคร :
คุรุสภาลาดพร้าว.
. (2545 ). คู่มือการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระคณิตศาสตร์ . กรุงเทพมหานคร :
คุรุสภาลาดพร้าว.
จักรินทร์ วรรณโพธิ์กลาง. (2553). คัมภีร์คณิตศาสตร์ ENTRANCE ม.4 - ม.6 ฉบับสมบูรณ์.
นนทบุรี: โรงพิมพ์เพิ่มทรัพย์การพิมพ์.
ฉวีวรรณ เศวตมาลย์, ( 2546 ) , คณิตศาสตร์ ช่วงชั้นที่ 4 .กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์ประสานมิตร
ประกายรัตน์ สุวรรณ. (2548). คู่มือการใช้โปรแกรมSPSS เวอร์ชัน12 สาหรับ Window.
กรุงเทพมหานคร: บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่นจากัด มหาชน.
ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, สถาบัน. (2553). คู่มือครูสาระการเรียนรู้
เพิ่มเติมคณิตศาสตร์เล่ม 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร:
โรงพิมพ์สกสค ลาดพร้าว.
. (2553). หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม คณิตศาสตร์ เล่ม 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร :
โรงพิมพ์สกสค ลาดพร้าว.
สมัย เหล่าวานิชย์และพัวพรรณ เหล่าวานิชย์. (2547). คณิตศาสตร์ ม.6 เล่ม 5. กรุงเทพมหานคร:
บริษัทไฮเอ็ดพับลิชชิ่งจากัด.
44
45
46
47
48
49
เฉลยใบกิจกรรมที่ 1.1
กระบวนการแก้ปัญหาของ Polya ซึ่งประกอบด้วยกระบวนการ 4 ขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่ 1 S(Search) ศึกษาโจทย์ปัญหา
1.1 สิ่งที่โจทย์กาหนด เช่น ปริมาณปุ๋ ย ความสัมพันธ์ระหว่าง (กิโลกรัมต่อไร่) กับ
ผลผลิต (กิโลกรัมต่อไร่) ถ้าผลผลิตเท่ากับ 100 กิโลกรัมต่อไร่ ( บอกค่า y )
1.2 สิ่งที่โจทย์ถามหาอะไร จะต้องใช้ปริมาณปุ๋ ยเป็นเท่าไร (ถามค่า x )
ขั้นที่ 2 T(Translate) แปลงข้อมูลโจทย์ปัญหาไปสู่สัญลักษณ์คณิตศาสตร์
2.1 เขียนแผนภาพการกระจาย
2.2 สร้างตาราง
2.3 สร้างสมการปกติ
2.4 แก้สมการ หาค่าคงตัว คือ a และ b
ขั้นที่ 3 A(Answer) หาคาตอบ เขียนแผนภาพการกระจาย
ขั้นที่ 4 R(Review) ทบทวนตรวจสอบผลที่ได้โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป
เฉลยใบกิจกรรมที่ 1.2
คาตอบของระบบสมการ คือ (5 , - 2 ) 2. คาตอบของระบบสมการ คือ ( 2 , - 3 )
เฉลยใบกิจกรรมที่ 1.3
คาตอบของระบบสมการ คือ ( 2 , - 3 , 4 )
เฉลยใบกิจกรรมที่ 1.4
1. ให้ log 2 = 0.3010 log 3 = 0.4771 จงใช้ค่าของ log 2 และ log 3
จงประมาณค่าของ log ต่อไปนี้
1. log 6 = 0.7781
2. log 5 = 0.6990
3. log 8 = 0.9030
4. log 9 = 0.9542
5. log 100 = 2
6. log 1 = 0
เฉลยใบกิจกรรมที่ 1.4 (ต่อ)
2. จงเปิดตารางหาค่าของ log ต่อไปนี้
1. log 2.48 = 0.3445
2. log 3.4 = 0.5315
3. log 4.62 = 0.6637
4. log 5.37 = 0.7300
5. log 6.59 = 0.8289
6. log 7.15 = 0.8543
7. log 8.23 = 0.9154
8. log 9.09 = 0.9586
9. log 5.426 = 0.7345
10. log 8.125 = 0.9099
3. จงหาค่าของ log ต่อไปนี้
50
1. log 421 = 2.6243
2. log 3570 = 3.5527
3. log 0.0432 = - 1.3645
4. log 0.00786 = -2.1043
4. จงหาค่า N (antilogarithm ของ log N )
1. log N = 1.9212
N = 83.4
2. log N = 3.4564
N = 2860
3. log N = - 1.2125
N = 0.0613
4. log N = - 2.1630
N = 0.00687
เฉลยแบบทดสอบท้ายชุดกิจกรรมที่ 1
1. ข 2. ข 3. ง 4. ค 5. ข
6. ค 7. ก 8. ค 9. ง 10. ค
11. ง 12. ค 13. ข 14. ก 15. ข
16. ค 17. ข 18. ค 19. ง 20. ค
เฉลยใบกิจกรรมที่ 2.1
1. ก 2. ก 3. ง 4. ก 5. ค
6. ข 7. ง 8. ข 9. ง 10. ก
เฉลยใบกิจกรรมชุดที่ 3
1. ในการหาความสัมพันธ์ระหว่างเงินเดือนกับค่าใช้จ่ายของพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเงินเดือนต่างๆกัน โดยการ
สุ่มพนักงานของบริษัทนี้มา 5 คน แล้วสอบถามเกี่ยวกับเงินเดือนและค่าใช้จ่ายได้ผลดังตารางต่อไปนี้
เงินเดือน (หมื่นบาท) 1 2 3 4 5
ค่าใช้จ่าย (หมื่นบาท) 1 1 2 2 4
จงใช้กระบวนการแก้ปัญหาโดยใช้กลวิธีSTAR
1) จงสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูลและประมาณค่า
ถ้า y เป็นตัวแปรตาม (รายจ่าย) และ x เป็นตัวแปรอิสระ (รายได้)
ตอบ สมการประมาณค่า คือ Yˆ = 0.7X - 0.1
51
2) ถ้าพนักงานมีเงินเดือน 80,000 บาท เขาจะมีค่าใช้จ่ายเดือนละกี่บาท
ตอบ รายจ่ายเดือนละ 55,000 บาท
Independent: X
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1
Y LIN .817 3 13.36 .035 -.1000 .7000
เฉลยใบกิจกรรมที่ 2.3
2. ถ้าพนักงานมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 30,000 บาท เขาจะต้องมีเงินเดือนๆละกี่บาท
ถ้า x เป็นตัวแปรตาม (รายได้) และ y เป็นตัวแปรอิสระ (รายจ่าย)
สมการประมาณค่า คือ Xˆ = 1.67 Y + 0.66
ตอบ เงินเดือนๆละ 41,700 บาท
Independent: Y
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1
X LIN .817 3 13.36 .035 .6667 1.1667
3. คาสั่ง จงใช้การประมาณค่าของค่าคงตัวโดยใช้ระเบียบวิธีกาลังสองที่น้อยที่สุด
จากใบกิจกรรมชุดที่ 3 ข้อ1 พิจารณาค่าของ Y และ Yˆ
52
ลักษณะของเส้นตรงดังกล่าวต้องเป็นไปตามเงื่อนไข 3 ประการดังนี้
1. 

n
i
i YY
1
)ˆ( = 0
2.
2n
1i
i
)YˆY( 

มีค่าน้อยที่สุด
3. (x , y ) ต้องเป็นจุดอยู่บนเส้นตรง Y = aX + b ซึ่งเป็นสมการเส้นตรงที่สร้างขึ้นมาเป็นตัวแทนของ
ข้อมูลนั้นคือ y = ax + b จะได้
x = 3 , y = 2 , a = 0.7 , b = - 0.1
ดังนั้น y = a x + b
2 = 0.7(3) - 0.1
= 2.1 – 0.1 = 2 เป็นจริง
4. จากการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการให้นมชนิดหนึ่งต่อวันสาหรับทารกที่มี
อายุต่าง ๆ กัน
อายุ(เดือน): X 1 2 3 4
ปริมาณนม(กรัม) : Y 4 6 7 5
1) จงหาสมการของความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูล
ถ้า y เป็นตัวแปรตาม (ปริมาณนม) และ x เป็นตัวแปรอิสระ (อายุ)
ตอบ สมการประมาณค่า คือ Yˆ = -X2
+ 5.4 X - 0.5
2) จงทานายถ้าทารกอายุ 2.5 เดือน จะใช้นมปริมาณกี่กรัม
ตอบ จะใช้ปริมาณนมประมาณ 6.75 กรัม
Independent: X
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 b2
Y QUA .960 1 12.00 .200 -.5000 5.4000 -1.0000
1) จงหาสมการของความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูล
2) จงทานายถ้าปริมาณนม 4.5 มิลลิกรัม ที่ใช้สาหรับทารกที่มีอายุกี่เดือน
53
Independent: X
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 b2
Y QUA .960 1 12.00 .200 -.5000 5.4000 -1.0000
Y
X
4.54.03.53.02.52.01.51.0.5
7.5
7.0
6.5
6.0
5.5
5.0
4.5
4.0
3.5
Observed
Quadratic
5. จากการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการให้นมชนิดหนึ่งต่อวันสาหรับทารกที่มี
อายุต่าง ๆ กัน
1) จงหาสมการของความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูล
ถ้า x เป็นตัวแปรตาม (อายุ) และ y เป็นตัวแปรอิสระ(ปริมาณนม)
สมการประมาณค่า คือ Xˆ = -0.5Y 2
+ 5.9Y - 14.2
2) จงทานายถ้าปริมาณนม 4.5 กรัม ที่ใช้สาหรับทารกที่มีอายุกี่เดือน
ตอบ ใช้สาหรับทารกที่มีอายุ 2.10 เดือน
Independent: Y
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 b2
X QUA .360 1 .28 .800 -14.200 5.9000 -.5000
X
Y
7.57.06.56.05.55.04.54.03.5
4.5
4.0
3.5
3.0
2.5
2.0
1.5
1.0
.5
Observed
Quadratic
54
6. จากการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสารับทารกที่มีอายุต่างๆกัน
ในการรักษาโรค
อายุ(เดือน) : X 1 2 3 4
ปริมาณยา(มิลลิกรัม) : Y 3 5 6 4
1) จงหาความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสารับทารกที่มีอายุต่างๆกันในการรักษาโรค
2) จงทานายปริมาณยาที่ใช้สาหรับทารกที่มีอายุ 2.5 เดือน
3) จงทานายปริมาณยา 5.5 มิลลิกรัมใช้สาหรับทารกที่มีอายุกี่เดือน
Independent: X
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 b2
Y QUA .960 1 12.00 .200 -1.5000 5.4000 -1.0000
Y
X
4.54.03.53.02.52.01.51.0.5
6.5
6.0
5.5
5.0
4.5
4.0
3.5
3.0
2.5
Observed
Quadratic
Independent: Y
55
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 b2
X QUA .360 1 .28 .800 -8.8000 4.9000 -.5000
X
Y
6.56.05.55.04.54.03.53.02.5
4.5
4.0
3.5
3.0
2.5
2.0
1.5
1.0
.5
Observed
Quadratic
7. ข้อมูลต่อไปนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างเวลากับเงินเดือนของชายคนหนึ่งในรูปเส้นตรง
ตั้งแต่ พ.ศ. 2550 – 2554 ดังนี้
ปี พ.ศ. : t 2550 2551 2552 2553 2554
เงินเดือน(พันบาท) : Y 7.5 8 9.5 11.2 12.8
1. จงเขียนแผนภาพการกระจาย
2. จงหาสมการของความสัมพันธ์ระหว่างเวลากับเงินเดือน
ถ้า y เป็นตัวแปรตาม(เงินเดือน) และ t เป็นตัวแปรอิสระ (ระยะเวลา)
ตอบ สมการประมาณค่า คือ Yˆ = 1.38 t + 9.8
3. จงประมาณเงินเดือนของชายคนนี้ในปี 2559
ในปี พ.ศ. 2559 ค่า t = 7
ตอบ เงินเดือนของชายคนนี้ประมาณ 19.46 พันบาทหรือ 19,460 บาท
Independent: T
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1
Y LIN .973 3 106.59 .002 9.8000 1.3800
56
8. จานวนรถยนต์ที่บริษัทแห่งหนึ่งขายได้(ร้อยคัน) มีความสัมพันธ์กับเวลาในรูปเส้นตรงระหว่าง
ปี พ.ศ. 2550 – 2555 ดังนี้
ปี พ.ศ. 2550 2551 2552 2553 2554 2555
จานวนรถยนต์(ร้อยคัน) 12 16 20 22 24 26
1. จงหาสมการของความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างรถยนต์ที่ขายได้ในเวลาต่างๆ
ถ้า y เป็นตัวแปรตาม(จานวนรถยนต์) และ t เป็นตัวแปรอิสระ (ระยะเวลา)
ตอบ สมการประมาณค่า คือ Yˆ = 1.37 t + 20
2. จงประมาณจานวนรถยนต์ที่ขายได้ในปี พ.ศ. 2557
ในปี พ.ศ. 2557 ค่า t = 11
ตอบ จานวนรถยนต์ที่ขายได้ประมาณ 35.07 ร้อยคันหรือ 3507 คัน
Independent: T
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1
Y LIN .968 4 121.26 .000 20.0000 1.3714
9. ข้อมูลต่อไปนี้แสดงเงินเดือนของชายคนหนึ่ง ตั้งแต่ พ.ศ. 2551 – 2555 เป็นดังนี้
พ.ศ. 2551 2552 2553 2554 2555
เงินเดือน (พันบาท) 18 19.8 20.2 21.4 22.5
1. จงหาสมการของความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างเงินเดือนในเวลาต่างๆ
ตอบ สมการประมาณค่า คือ Yˆ = 1.06 t + 20.38
2. จงประมาณเงินเดือนของชายคนนี้ในปี พ.ศ. 2558 เป็นเงินกี่บาท
ในปี พ.ศ. 2558 ค่า t = 5
ตอบ เงินเดือนของชายคนนี้ในปี พ.ศ. 2558 ประมาณ 2.68 พันบาท หรือ 26,800 บาท
57
Independent: T
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1
Y LIN .971 3 101.53 .002 20.3800 1.0600
10. จานวนรถยนต์ที่บริษัทแห่งหนึ่งขายได้(ร้อยคัน) มีความสัมพันธ์กับเวลาในรูปเส้นตรงระหว่าง
ปี พ.ศ. 2551 – 2555 ดังนี้
ปี พ.ศ. 2550 2551 2552 2553 2554 2555
จานวนรถยนต์(ร้อยคัน) 12 14 20 24 30 32
1. จงหาสมการของความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างรถยนต์ที่ขายได้ในเวลาต่างๆ
ถ้า y เป็นตัวแปรตาม(จานวนรถยนต์) และ t เป็นตัวแปรอิสระ (ระยะเวลา)
ตอบ สมการประมาณค่า คือ Yˆ = 2.17 t + 22
2. จงประมาณจานวนรถยนต์ที่ขายได้ในปี พ.ศ. 2560
ในปี พ.ศ. 2557 ค่า t = 15
ตอบ จานวนรถยนต์ที่ขายได้ประมาณ 54.55 ร้อยคันหรือ 5,455 คัน
Independent: T
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1
Y LIN .982 4 222.15 .000 22.0000 2.1714
58
11. ข้อมูลต่อไปนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างเวลากับเงินเดือนของชายคนหนึ่งใน
รูปเอกซ์โพเนนเชียล ตั้งแต่ พ.ศ. 2551 – 2555 ดังนี้
ปี พ.ศ. : t 2551 2552 2553 2554 2555
เงินเดือน(พันบาท) : Y 7.5 8 9.5 11.2 12.8
1. จงเขียนแผนภาพการกระจาย
2. จงหาสมการของความสัมพันธ์ระหว่างเวลากับเงินเดือน
ตอบ สมการประมาณค่าคือ log y = 0.9825 + 0.0610x
3. จงประมาณเงินเดือนของชายคนนี้ในปี พ.ศ. 2560
ในปี พ.ศ. 2560 ค่า t = 7
ตอบเงินเดือนของชายคนนี้ในปี พ.ศ. 2557 ประมาณ 25.68 พันบาท หรือ 25,680 บาท
Independent: T
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1
LOGY EXP .986 3 211.92 .001 .9785 .0620
12. กาหนดข้อมูลซึ่งเป็นกาไรสุทธิ (ล้านบาท) ของบริษัทแห่งหนึ่งในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา
มีความสัมพันธ์กับเวลาในรูปเอกซ์โพเนนเชียลระหว่าง ปี 2550 – 2555 ดังนี้
ปี พ.ศ. 2550 2551 2552 2553 2554 2555
กาไรสุทธิ (ล้านบาท) 8 9.5 10 11.5 13 15
1. จงเขียนแผนภาพการกระจาย
59
2. จงหาสมการเพื่อใช้ประมาณกาไรสุทธิ (ล้านบาท)ในเวลาต่างๆ
ตอบ สมการประมาณค่า คือ log y = 1.0386 + 0.0262 t
3. จงประมาณกาไรสุทธิ (ล้านบาท)ในปี พ.ศ. 2557
ในปี พ.ศ. 2557 ค่า t = 7
ตอบ กาไรสุทธิประมาณ 18.81 ล้านบาท
Independent: T
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1
LOGY EXP .988 4 328.23 .000 1.0347 .0253
13. จงสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันแบบเอกซ์โพเนนเชียลของประชากรกับเวลา
ระหว่าง ปี พ.ศ. 2547 – 2555 ดังนี้
ปี พ.ศ. 2547 2548 2549 2550 2551 2552 2553 2554 2555
จานวนประชากร
(ล้านคน)
24.9 25.6 26.4 27.2 28.0 28.8 29.7 30.6 31.5
จงหาความสัมพันธ์ประมาณจานวนประชากรของท้องถิ่นแห่งนี้ในปี พ.ศ. 2565
ตอบ สมการประมาณค่าคือ log y = 1.4471 + 0.0128 t
ในปี พ.ศ. 2565 ค่า t = 14
จานวนประชากรของท้องถิ่นแห่งนี้ในปี พ.ศ. 2565ประมาณ 42.3 ล้านคน
Independent: T
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1
LOGY EXP 1.000 7 45340.0 .000 1.4436 .0102
60
14. ข้อมูลต่อไปนี้แสดงเงินเดือนของชายคนหนึ่ง ตั้งแต่ พ.ศ. 2551 – 2555 เป็นดังนี้
พ.ศ. 2551 2552 2553 2554 2555
เงินเดือน (พันบาท) 18 19.8 20.2 21.4 22.5
ถ้าใช้ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันในรูปเอกซ์โพเนนเชียล ประมาณค่า
จงประมาณเงินเดือนของชายคนนี้ในปี พ.ศ. 2558 เป็นเงินกี่บาท
ตอบ สมการประมาณค่า คือ log y = 1.3082 + 0.0179 t
จงประมาณเงินเดือนของชายคนนี้ในปี พ.ศ. 2558
ในปี พ.ศ. 2558 ค่า t = 5
ตอบ เงินเดือนของชายคนนี้ในปี พ.ศ. 2558 ประมาณ 2.64 พันบาท หรือ 26,400 บาท
Independent: T
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1
LOGY EXP .963 3 78.10 .003 1.3082 .0179
61
เฉลยแบบทดสอบท้ายชุดกิจกรรมที่ 2
1. ข้อมูลต่อไปนี้แสดงปริมาณปุ๋ ยที่ใช้ (กิโลกรัม) กับผลผลิตที่ได้(ตันต่อไร่)
ของสวนลางสาดแห่งหนึ่ง
ปริมาณปุ๋ ย( กก.ต่อไร่) : X 2 4 6 8 10
ผลผลิต(ตันต่อไร่) : Y 4 6 8 9 13
1) จงหาความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างปุ๋ ยกับผลผลิตที่ได้ของสวนแห่งนี้
ถ้า y เป็นตัวแปรตาม(ผลผลิต) และ x เป็นตัวแปรอิสระ (ปริมาณปุ๋ ย)
ตอบ สมการประมาณค่า คือ Yˆ = 1.05 Xˆ + 1.7
2) ถ้าปริมาณปุ๋ ยเท่ากับ 7 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วผลผลิตลางสาดจะเป็นเท่าไร
ตอบ ผลผลิตลางสาดประมาณ 9.05 ตันต่อไร่
Independent: X
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1
Y LIN .959 3 69.63 .004 1.7000 1.0500
3) ถ้าต้องการให้ผลผลิตลางสาดได้ 15 ตันต่อไร่ ต้องใช้ปริมาณปุ๋ ยเท่าไร
ตอบ ถ้า x เป็นตัวแปรตาม(ปริมาณปุ๋ ย) และ y เป็นตัวแปรอิสระ (ผลผลิต)
สมการประมาณค่า คือ Xˆ = 0.91Yˆ - 1.30
ใช้ปริมาณปุ๋ ยประมาณ 12.35 กิโลกรัมต่อไร่
Independent: Y
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1
X LIN .959 3 69.63 .004 -1.3043 .9130
พิจารณาค่าของ Y และ Yˆ
X Y Yˆ = 1.05X + 1.7 Y - Yˆ (Y - Yˆ )2
62
2 4 2.1 + 1.7 = 3.8 0.2 0.04
4 6 4.2 + 1.7 = 5.9 0.1 0.01
6 8 6.3 + 1.7 = 8 0 0
8 9 8.4 + 1.7 = 10.1 - 1.1 1.21
10 13 10.5 + 1.7 = 12.2 0.8 0.64

5
1i
ix = 30 
5
1i
iy = 40 - 

5
1
)ˆ(
i
i YY = 0
25
1
)ˆ(

i
i YY = 1.9
ลักษณะของเส้นตรงดังกล่าวต้องเป็นไปตามเงื่อนไข 3 ประการดังนี้
1. 

n
i
i YY
1
)ˆ( = 0
2.
2
1
 

n
i
i )YˆY( มีค่าน้อยที่สุด
3. (x , y ) ต้องเป็นจุดอยู่บนเส้นตรง Y = aX + b ซึ่งเป็นสมการเส้นตรงที่สร้างขึ้นมาเป็นตัวแทนของ
ข้อมูลนั้นคือ y = ax + b จะได้
x =
5
30
= 6 , y =
5
40
= 8 , a = 1.05 , b = 1.7
ดังนั้น y = a x + b
8 = 1.05(6) + 1.7
8 = 6.3 + 1.7
= 8 เป็นจริง
เฉลยแบบทดสอบท้ายชุดกิจกรรมชุดที่ 3
จากการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสารับทารกที่มีอายุต่างๆกัน
ในการรักษาโรค
อายุ(เดือน) : X 1 2 3 4
ปริมาณยา(มิลลิกรัม) : Y 3 5 6 4
1) จงหาความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสารับทารกที่มีอายุต่างๆกัน
ในการรักษาโรค
ถ้า y เป็นตัวแปรตาม (ปริมาณยา) และ x เป็นตัวแปรอิสระ (อายุ)
ตอบ สมการประมาณค่า คือ Yˆ = -X 2
+ 5.4 X- 1.5
Independent: X
63
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 b2
Y QUA .960 1 12.00 .200 -1.5000 5.4000 -1.0000
2) จงทานายปริมาณยาที่ใช้สาหรับทารกที่มีอายุ 2.5 เดือน
ตอบ จะใช้ปริมาณยาประมาณ 5.75 มิลลิกรัม
3) จงทานายปริมาณยา 5.5 มิลลิกรัมใช้สาหรับทารกที่มีอายุกี่เดือน
ถ้า x เป็นตัวแปรตาม (อายุ) และ y เป็นตัวแปรอิสระ(ปริมาณยา)
สมการประมาณค่า คือ Xˆ = -0.5Yˆ 2
+ 4.9Yˆ - 8.8
Independent: Y
Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 b2
X QUA .360 1 .28 .800 -8.8000 4.9000 -.5000
ตอบ ใช้สาหรับทารกที่มีอายุประมาณ 3.125 เดือน

เอกสารความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชัน

  • 1.
    1 ใบความรู้ ที่ 3.1 ความรู้พื้นฐานการแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร การแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร วิธีที่1 กาจัดตัวแปร x วิธีที่ 2 กาจัดตัวแปร y กรณีที่ 1 ถ้าตัวสัมประสิทธิ์ (ตัวเลข) ของตัวแปร x หรือตัวแปร y เท่ากัน 1.1 ถ้าเครื่องหมายเหมือนกันให้นาสมการทั้งสองมาลบกัน 1.2 ถ้าเครื่องหมายต่างกันให้นาสมการทั้งสองมาบวกกัน กรณีที่ 2 ถ้าตัวสัมประสิทธิ์ (ตัวเลข) ของ ตัวแปร x หรือตัวแปร y ไม่เท่ากัน โดยต้องทาให้เท่ากัน โดยทาให้เท่ากับค.ร.น. 1.1 ถ้าเครื่องหมายเหมือนกันให้นาสมการทั้งสองมาลบกัน 1.2 ถ้าเครื่องหมายต่างกันให้นาสมการทั้งสองมาบวกกัน ตัวอย่างที่ 1 จงแก้ระบบสมการหาคาตอบโดยใช้กระบวนการของโพลยา 2x + 3y = 12 ……………(1) 2x - y = 4 ……………(2) วิธีทา ขั้นที่ 1 S(Search) ศึกษาโจทย์ปัญหา 1.1 สิ่งที่โจทย์กาหนด สมการเส้นตรง 2 สมการ 1.2 สิ่งที่โจทย์ถามหาอะไร หาคาตอบของระบบสมการ ขั้นที่ 2 T(Translate) แปลงข้อมูลโจทย์ปัญหาไปสู่สัญลักษณ์คณิตศาสตร์ วิธีที 1 กาจัดตัวแปร x วิธีที 2 กาจัดตัวแปร y ขั้นที่ 3 A(Answer) หาคาตอบ วิธีที่ 2.1 กาจัดตัวแปร x 2x + 3y = 12 ……………(1) 2x - y = 4 ……………(2) (สมการที่ 1 , 2 มีเครื่องหมายเหมือนกัน ) (1) – (2) ; 3y - (- y) = 12 - 4 3y + y = 8 4y = 8 y = 2 แทนค่า y = 2 ในสมการที่ 2 2x - 2 = 4 2x = 6 จะได้ x = 2 6 = 3 จุดตัดกันของกราฟ คือ ( 3 , 2 ) วิธีที่ 2.2 กาจัดตัวแปร y 2x + 3y = 12 ……………(1)* 2x - y = 4 ……………(2) ต้องทาตัวเลขหน้า y ให้เท่ากัน (2)  3 ; 3(2x - y) = 4  3 6x - 3y = 12 ……………(3)* (สมการที่ 1 , 3 มีเครื่องหมายต่างกัน ) (1)* + (3)* ; 2x + 6x = 12+12 8x = 24 x = 3 แทนค่า x = 3 ในสมการที่ 2 2(3) - y = 4 6 - y = 4 - y = - 2 จะได้ y = 2 จุดตัดกันของกราฟ คือ ( 3 , 2 )
  • 2.
    2 ขั้นที่ 4 R(Review)ทบทวน ตรวจสอบผลที่ได้ 4.1 ตรวจสอบผลที่ได้โดยวิธีแทนค่าตัวแปร แทนค่า x = 3 , y = 2 2x + 3y = 12 ……………(1) 2x - y = 4 ……………(2) 2(3) + 3(2) = 12 ……………(1) ดังนั้น 6 + 6 = 12 เป็นจริง 2(3) - 2 = 4 ……………(2) ดังนั้น 6 - 2 = 4 เป็นจริง 4.2 โดยวิธีเขียนกราฟ(ใช้โปรแกรมGSP) สมการ จัดรูป จุดตัดแกน X จุดตัดแกน Y 2x + 3y = 12 3 212 x y   (6 , 0) (0 , 4) 2x - y = 4 42  xy (2 , 0) (0 , -4) 1.1 จุดตัดแกน X ( แทนค่า y = 0 ) 2x + 3y = 12 2x + 3(0) = 12 2x = 12 จะได้ x = 6 ดังนั้นจุดตัดแกน X คือ (6, 0) 1.2 จุดตัดแกน Y ( แทนค่า x = 0 ) 2(0)+ 3y = 12 3y = 12 y = 4 ดังนั้นจุดตัดแกน Y คือ (0, 4) 2.1 จุดตัดแกน X ( แทนค่า y = 0 ) 2x - y = 4 2x - 0 = 4 2x = 4 จะได้ x = 2 ดังนั้นจุดตัดแกน X คือ (2, 0) 2.2 จุดตัดแกน Y ( แทนค่า x = 0 ) 2(0) - y = 4 - y = 4 y = -4 ดังนั้นจุดตัดแกน X คือ (0 , -4) 8 6 4 2 -2 -4 -6 -8 -10 -5 5 10 (3,2) g x  =2x-4 f x  = 12-2x 3
  • 3.
    3 ใบความรู้ที่ 3.2 ความรู้พื้นฐานการแก้ระบบสมการ 3ตัวแปร ขั้นตอนการแก้ระบบสมการเชิงเส้น 3 ตัวแปร ขั้นที่ 1 ทาความเข้าใจกับปัญหา 1.1 สิ่งที่โจทย์กาหนด สมการเส้นตรง 3 สมการ 1.2 สิ่งที่โจทย์ถามหาอะไร หาคาตอบของระบบสมการ ขั้นที่ 2 T(Translate) แปลงข้อมูลโจทย์ปัญหาไปสู่สัญลักษณ์คณิตศาสตร์ วิธีที่ 1 กาจัด x หรือ กาจัด y หรือ กาจัด z วิธีที่ 2 แทนค่า x , y , z วิธีที่ 3 ใช้เมตริกซ์(กฏของคราเมอร์) ขั้นที่ 3 A(Answer) หาคาตอบ วิธีที่ 1 กาจัด x หรือ กาจัด y หรือ กาจัด z 3.1 เลือกสมการสามตัวแปรมา 2 สมการ เช่น สมการ 1 กับ 2 และ สมการ 1 กับ 3 3.2 ทาสัมประสิทธิ์ของ x , y , zให้เท่ากัน(ตัวเลขหน้าตัวแปร)ให้เท่ากัน ถ้าเครื่องหมายเหมือนกันให้นาสมการทั้งสองมาลบกัน ถ้าเครื่องหมายต่างกันให้นาสมการทั้งสองมาบวกกัน 3.3 ถ้า กาจัด y สมการสองตัวแปร 2 สมการในรูป x , z 3.4 ถ้ากาจัด z แก้สมการจะได้ ค่า x = ….. 3.5 แทนค่า ค่า x = ….. ในสมการสองตัวแปร แก้สมการ จะได้ค่า z = ….. 3.6 แทนค่า ค่า x = ….. ค่า z = ….. ในสมการที่ 1 , 2 , 3 จะได้ค่า y = ….. ดังนั้นคาตอบของระบบสมการคือ x = ….. , y = ….. , z = ….. วิธีที่ 2 แทนค่า x , y , z (แทนค่า x ในรูปของ y , z ) 1. เลือกสมการ x + y + z = 0 และจัดรูป x = ….. เช่น x = - y – z 2. แทนค่า x = ….. ในสมการที่เหลืออีก 2 สมการ 3. แทนค่าหาคาตอบไปเรื่อยๆ y = ….. , z = ….. วิธีที่ 3 ใช้เมตริกซ์(กฏของคราเมอร์) x = )det( )det( A X , y = )det( )det( A Y , z = )det( )det( A Z ขั้นที่ 4 R(Review) ทบทวน ตรวจสอบผลที่ได้ ตัวอย่างที่ 1.2 จงแก้ระบบสมการ x + y + z = 0 2x – y – 4z = 15 x – 2y – z = 7 วิธีที่ 1 กาจัด y x + y + z = 0 ……………(1) 2x – y – 4z = 15 ……………(2) x – 2y – z = 7 ……………(3)* (1) + (2) 3x - 3z = 15 ……………(4)** (1) 2 2x + 2 y + 2z = 0 ……………(5)*
  • 4.
    4 (3)*+ (5)* 3x+ z = 7 ……………(6)** (4)**- (6) ** - 4z = 8 z = 4 8  = - 2 แทนค่า z = - 2 ในสมการที่ (6) ** 3x + (-2) = 7 3x = 9 x = 3 แทนค่า x = 3 , z = - 2 ในสมการที่ (1) (3) + y + (- 2) = 0 y + 1 = 0 y = - 1 ดังนั้น คาตอบของระบบสมการคือ ( 3 , - 1 , -2 ) วิธีที่ 2 แทนค่า x , y , z (แทนค่า x ) x + y + z = 0 ……………(1) 2x - y - 4z = 15 ……………(2) x - 2y - z = 7 ……………(3) จากสมการที่ (1) แทนค่า x x = - y - z ……………(4) แทนค่า x = - y - z ในสมการที่ (2) 2(- y - z) - y - 4z= 15 - 2y - 2z - y - 4z = 15 - 3y - 6z = 15 นา - 3 หาร ทั้งสองข้างของสมการ - y + 2z = - 5 y = - 2z - 5 ……………(5) แทนค่า x = - y - z ในสมการที่ (3) (- y - z ) - 2y - z = 7 - 3y - 2z = 7 ……………(6) จากสมการที่ (5) แทนค่า y = - 2z - 5 ในสมการที่ (6) - 3(- 2z - 5 )- 2z = 7 6z + 15 – 2z = 7 4z = - 8 z = 4 8 = - 2 แทนค่า z = - 2 ในสมการที่ (5) y = - 2(-2) – 5 y = 4 – 5 = - 1 แทนค่า y = - 1 , z = - 2 ในสมการที่ (1) x +(- 1) + (- 2) = 0 x - 3 = 0 จะได้ x= 3
  • 5.
    5 ดังนั้น คาตอบของระบบสมการคือ (3 , - 1 , -2 ) วิธีที่ 3 ใช้เมตริกซ์(กฏของคราเมอร์) หาดีเทอร์มินันท์ det(A) นาสัมประสิทธิ์ของสมการมาเขียนเป็นเมตริกซ์ดังนี้             121 412 111           z y x =           7 15 0 A =             121 412 111 การหาดีเทอร์มินันท์ ต่อแถวและหลัก คูณขึ้นเป็นลบ คูณลงเป็นบวก(ตามแนวทแยงมุม) A =             121 412 111 2 1 1 1 2 1   det(A) = - (-1 + 8 - 2) + (1 – 4 - 4) = - 5 – 7 = - 12 X =             127 4115 110 , det(X) = - 36 x = )det( )det( A X = 12 36   = 3 Y =             171 4152 101 , det(Y) = 12 y = )det( )det( A Y = 12 12  = - 1 Z =             721 1512 011 , det(Z) = 24 z = )det( )det( A Z = 12 24  = - 2 ดังนั้น คาตอบของระบบสมการคือ ( 3 , - 1 , -2 )
  • 6.
    6 โจทย์ใบกิจกรรมที่ 3.1 คาสั่ง ให้นักเรียนทาโจทย์คนละ 1 ข้อ เรียง ตามเลขที่ โดยเลขที่ 1 – 20 ทาข้อ 1 – 20 คนที่ 21 – 40 ทาข้อ 1 – 20 เรียงตามลาดับ แสดงวิธีทาในใบกิจกรรมที่ 1.1 จงหาจุดตัดกันของสมการเส้นตรง (จงแก้ระบบสมการ) จงแก้ระบบสมการ 2 ตัวแปรต่อไปนี้ 1. x - y = 7 2x + y = 8 2. 3x + y = 12 x - y = 4 3. x + 3y = 9 2x - y = 4 4. 3x - 4y = 8 x + y = - 2 5. 3x + 4y = 16 9x + 7y = 13 6. x + 3 y = 10 x + 9y = 22 7. 3x - 4y = 0 3x + 4y = -24 1. 3x - y = 7 4x - 3y = 11 2. x + 7y = 8 3x + 2y = 5 10. 3x + 5y = - 2 2x + 15y = 22 11. x - 7y = 11 3x + 5y = 7 12. 4x + y = 5 2x - 3y = 13 13. 2x - y = 2 x + y = 4 14. 5x - 2y = 6 3x - y = 5 15. x - 2y = 6 2x + y = 7 16. x + 5y = 19 2x - y = 5 17. 2x + 3y = 12 3x - y = - 3 18. 3x - 4y = 18 2x + y = 1 19. 2x - y = 4 x + y = 5 20. 3x - y = 3 x + 2y = 8 2. จงแก้ระบบสมการ 3 ตัวแปรต่อไปนี้ 1. 2x - y + z = 2 x + 2y - 3z = 11 3x + 4y - 2z = 4 2. 2x + 2y + z = 1 x - y + 6 z = 21 3x + 2y - z = 4
  • 7.
    7 ใบกิจกรรม 3.2 จุดตัดกันของสมการเส้นตรง วิชาคณิตศาสตร์รอบรู้5 รหัสวิชา ค33201 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ชื่อ………………………………..ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ……….เลขที่……………… จงหาจุดตัดกันของสมการ เส้นตรง L1 : …………………………………………. เส้นตรง L2 : …………………………………………. สมการ จุดตัดแกน X จุดตัดแกน Y วิธีที่ 1 เขียนกราฟ วิธีที่ 2 แก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร ( กาจัดตัวแปร X หรือกาจัดตัวแปร Y ) ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………….…………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………….………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………
  • 8.
    8 บทที่ 3 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูล 1. การวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูล ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูลเพื่อศึกษาข้อมูลที่มีตัวแปรตั้งแต่สองตัวขึ้นไปเช่น รายได้และ รายจ่าย ส่วนสูงและน้าหนัก ใช้ข้อมูลที่รวบรวมมาได้หาความสัมพันธ์ของตัวแปรในรูปสมการเชิงเส้นตรง เพื่อ ทานายค่าของตัวแปรได้ 1. ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นเส้นตรงหรือความสัมพันธ์เชิงเส้น เมื่อ y เป็นตัวแปรตาม (dependent variable) และ x เป็นตัวแปรอิสระ (independent variable) a และ b เป็นค่าคงตัวที่ต้องการหา มีสมการเป็น Y = aX + b สมการปกติคือ  n i iy 1 = a  n i ix 1 + bn ………………(1)  n i ii yx 1 = a  n i ix 1 2 + b n i ix 1 ………………(2) 2. ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟไม่เป็นเส้นตรง 2.1 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันอยู่ในรูปพาราโบลา เมื่อ y เป็นตัวแปรตาม และ x เป็นตัวแปรอิสระ a , b และ c เป็นค่าคงที่ มีสมการเป็น Y = aX2 + bX + c สมการปกติคือ  n i iy 1 = a 2 1  n i ix + b  n i ix 1 + cn ………(1)  n i ii yx 1 = a  n i ix 1 3 + b 2 1  n i ix + c  n i ix 1 ………(2)  n i ii yx 1 2 = a  n i ix 1 4 + b 3 1  n i ix + c 2 1  n i ix ………(3) 2.2 ถ้าความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันอยู่ในรูปเอกซ์โพเนนเชียล มีสมการเป็น Y = abt หรือ log Y = loga + t log b สมการปกติคือ  n i iy 1 log = nloga + (logb)  n i it 1 ………………(1)  n i it 1 (log y) = (loga)  n i it 1 + (logb ) n i it 1 2 ………………(2) 2. แผนภาพการกระจาย (Scatterplots) ในการสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันของข้อมูลเชิงปริมาณที่ประกอบด้วยตัวแปรสองตัวจากข้อมูลที่มีอยู่ ทั้งหมด หรือจากตัวอย่างข้อมูลที่เลือกมาเป็นตัวแทนของข้อมูลที่มีอยู่ มีความจาเป็นที่จะต้องตรวจดูรูปแบบของ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างตัวแปรทั้งสอง เพื่อที่จะนามาใช้ในการกาหนดความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่จะสร้างขึ้น รูปแบบของความสัมพันธ์นี้พิจารณาได้จากกราฟที่สร้างจากข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดหรือข้อมูลที่เลือกมาเป็นตัวแทนของ ข้อมูลที่มีอยู่ ซึ่งเรียกว่าแผนภาพการกระจาย เนื่องจากลักษณะการกระจายของข้อมูลไม่สามารถจัดเข้าในรูป ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันใดๆได้หรืออาจจะมีลักษณะของความสัมพันธ์ที่ใกล้เคียงกับรูปของความสัมพันธ์สองรูป เช่น อาจจะอนุโลมให้อยู่ในรูปความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่เป็นเส้นตรง หรือเป็นเอกซ์โพเนนเชียลก็ได้ในกรณีนี้ ถ้าผู้สร้างความสัมพันธ์มีความชานาญเกี่ยวกับข้อมูลชนิดนั้นๆ อาจจะบอกได้ว่าควรสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชัน ในรูปแบบใด จึงจะเหมาะสมกับสิ่งที่ควรจะเป็นมากที่สุด สรุปได้ว่าการกาหนดรูปแบบของความสัมพันธ์ระหว่างตัว
  • 9.
    9 แปรเชิงปริมาณทั้งสองโดยพิจารณาจากแผนภาพการกระจาย (รูปที่ 1)จะขึ้นอยู่กับความรู้ความชานาญเกี่ยวกับเรื่อง ที่นามาสร้างความสัมพันธ์ของผู้สร้างความสัมพันธ์นั้นและความละเอียดถูกต้องของค่าพยากรณ์ที่ต้องการเป็นสาคัญ X 6543210 Y 4.5 4.0 3.5 3.0 2.5 2.0 1.5 1.0 .5 X 6543210 Y 9 8 7 6 5 4 3 2 รูปที่ 1 3. การประมาณค่าของค่าคงตัวโดยใช้ระเบียบวิธีกาลังสองที่น้อยที่สุด ในการหาค่าคงตัวที่ปรากฏอยู่ในสมการทั่วไปนั้นหาได้โดยอาศัยหลักที่ว่า ถ้าจะให้สมการของความสัมพันธ์ ที่เกิดขึ้นจริงได้ดีแล้ว ผลรวมของความแตกต่างระหว่างค่าที่ได้จากความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่สร้างขึ้นกับค่าที่เกิดขึ้น จริงๆทุกค่าควรจะน้อยที่สุดเพื่อไม่ให้ผลรวมของความแตกต่างที่เกิดขึ้นเป็นศูนย์ จึงต้องยกกาลังสองของความ แตกต่างที่เกิดขึ้นเสียก่อน แล้วจึงหาผลรวมของความแตกต่างที่เกิดขึ้น ถ้าผลรวมนี้น้อยที่สุดถือว่าความสัมพันธ์เชิง ฟังก์ชันนั้นเหมาะสมจะใช้การประมาณค่าตัวแปรตามมากที่สุด วิธีดังกล่าวเรียกว่า วิธีกาลังสองที่น้อยที่สุด กล่าวคือ ถ้าให้ Yi เป็นค่าของตัวแปรหรือค่าจากการสังเกตที่เกิดขึ้นจริงตัวที่ i , i { 1, 2 , 3 , …,n} Yˆ เป็นค่าของตัวแปรตาม Y ที่ได้จากความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างตัวแปรตาม Y กับ ตัวแปรอิสระ X ที่ได้จากการแทนค่าตัวแปร X ด้วย Xi ต้องการทาให้มี 2 1 )ˆ(  n i i YY ค่าน้อยที่สุด (เมื่อ n เป็นจานวนตัวอย่างที่ใช้หรือจานวนข้อมูลทั้งหมดที่นามาสร้างความสัมพันธ์) 4. ข้อมูลที่อยู่ในรูปอนุกรมเวลา คือ ข้อมูลที่แสดงความเปลี่ยนแปลงตามลาดับเวลาที่เกิดขึ้น ซึ่งความสัมพันธ์อยู่ใน รูป y = f(t) โดยที่ t แทนเวลา เช่น วัน เดือน ปี พ.ศ. เป็นต้น ซึ่ง t เป็นตัวแปรอิสระ แทนค่าของข้อมูล Y เป็นตัวแปรตาม การกาหนดระยะเวลา (t) ก. ถ้าจานวนระยะเวลา (t) ที่กาหนดให้เป็นจานวนคี่ *** ให้ระยะเวลาที่อยู่ตรงกลางเป็น 0 โดยเรียง ตามลาดับก่อนหลังดังนี้ … , - 3 , - 2 , - 1 , 0 , 1 , 2 , 3 , … ข. ถ้าจานวนระยะเวลา (t) ที่กาหนดให้เป็นจานวนคู่ *** ให้ระยะเวลาที่อยู่คู่กลางเป็น - 1 และ 1 โดยเรียงตามลาดับก่อนหลังดังนี้ … , - 5 , - 3 , - 1 , 1 , 3 , 5 , …
  • 10.
    10 ลักษณะของความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันในรูปอนุกรมเวลามี 2 แบบ 4.1ถ้าความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่เป็นเส้นตรงหรือความสัมพันธ์เชิงเส้น มีสมการเป็น Y = at + b สมการปกติคือ  n i iy 1 = a  n i it 1 + bn ………………(1)  n i ii yt 1 = a  n i it 1 2 + b  n i it 1 ………………(2) 4.2 ถ้าความสัมพันธ์อยู่ในรูปเอกซ์โพเนนเชียล มีสมการเป็น Y = abt หรือ log Y = loga + t log b สมการปกติคือ  n i iy 1 log = nloga + (logb)  n i it 1 ………………(1)  n i it 1 (log y) = (loga)  n i it 1 + (logb ) n i it 1 2 ………………(2) 5. การวิเคราะห์การถดถอย (ประกายรัตน์ สุวรรณ. 2548 : 278-279) กล่าวว่า การวิเคราะห์การถดถอย (Regression Analysis) เป็นวิธีทางสถิติอย่างหนึ่งที่ใช้ตรวจสอบและสร้างรูปแบบ ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ตัวแปร หรือมากกว่า โดยที่ตัวแปรหนึ่งเรียกว่า ตัวแปรตาม(Dependent variable) และ ตัวแปรอื่นๆหรือมากกว่าหนึ่งตัว เรียกว่า ตัวแปรอิสระหรือตัวพยากรณ์ (Independent variable หรือ Predictor) วัตถุประสงค์ของการวิเคราะห์การถดถอย เพื่อที่จะอธิบายตัวแปรตามในรูปฟังก์ชันของตัวแปรอิสระกล่าวคือ วิธีการหาสมการที่สามารถประมาณหรือพยากรณ์ตัวแปรตามจากตัวแปรอิสระ ในการวิเคราะห์การถดถอย จะต้องทราบว่าตัวแปรใดเป็นตัวแปรตามและตัวแปรใดเป็นตัวแปรอิสระ นอกจากนี้จะต้องกาหนดรูปแบบแบบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรตามและตัวแปรอิสระให้เหมาะสมกับ ความสัมพันธ์ที่แท้จริง ในการพิจารณาความสัมพันธ์ของตัวแปรนั้นสามารถพิจารณาได้จากแผนภาพการกระจาย (Scatterplots) แผนภาพการกระจายเป็นการพิจารณาอย่างคร่าวๆ ว่าตัวแปรที่สนใจศึกษามีความสัมพันธ์กันหรือไม่ และมี ความสัมพันธ์กันแบบใด เป็นเส้นตรง หรือเส้นโค้ง ซึ่งวิธีพิจารณา ก็คือนาข้อมูลมาเขียนแผนภาพการกระจาย หรือจุด ของการกระจาย โดยให้แกนตั้งแทนตัวแปรตามและแกนนอนแทนด้วยตัวแปรอิสระ LOGY X 6420-2-4-6 1.2 1.1 1.0 .9 .8 Observed Exponential 6. ตรวจสอบผลที่ได้โดยใช้โปรแกรม สาเร็จรูป ข้อตกลงในการใช้โปรแกรมสาเร็จรูป 6.1 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นเส้นตรงหรือความสัมพันธ์เชิงเส้น ถ้า ให้ b0 หรือ b1 = b แทน b ระยะตัดแกน Y และ Constant หรือ b0 = a แทน ความชันของเส้นตรง สมการเส้นตรงแทนสมการถดถอย คือ สมการเส้นตรง Y = aX + b
  • 11.
    11 สมการถดถอย yˆ =b1X + b0 สมการปกติ คือ  n i iy 1 = b1  n i ix 1 + b0n ………………(1)  n i ii yx 1 = b1  n i ix 1 2 + b0  n i ix 1 ………………(2) 6.2 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันอยู่ในรูปพาราโบลา ถ้า ให้ b0 , b1 และb2 เป็นค่าคงตัว สมการพาราโบลาแทนสมการถดถอย คือ สมการพาราโบลา Y = aX2 + bX + c สมการถดถอย yˆ = b2 X2 + b1 X + b0 สมการปกติคือ  n i iy 1 = b2 2 1  n i ix + b1  n i ix 1 + b0 n ………(1)  n i ii yx 1 = b2  n i ix 1 3 + b1 2 1  n i ix + b0  n i ix 1 ………(2)  n i ii yx 1 2 = b2  n i ix 1 4 + b1 3 1  n i ix + b0 2 1  n i ix ………(3) 6.3 ถ้าความสัมพันธ์อยู่ในรูปเอกซ์โพเนนเชียล ให้ log a และlog b เป็นค่าคงตัว มีสมการเป็น Y = abt หรือ log Y = loga + t log b สมการปกติคือ  n i iy 1 log = nloga + (logb)  n i it 1 ………………(1)  n i it 1 (log y) = (loga)  n i it 1 + (logb ) n i it 1 2 ………………(2) ขั้นตอนการใช้โปรแกรมสาเร็จรูป 1. เข้าโปรแกรมสาเร็จรูป 2. กาหนดตัวแปร(Variable View) x และ y หรือ (log y)
  • 12.
    12 3. กรอกข้อมูล(Data View)ในช่อง x และ y 4. วิเคราะห์ข้อมูล Analyze เลือก Regresion และ Curve Estimate 5. จะปรากฏหน้าต่าง Curve Estimate
  • 13.
    13 เลือกให้ y เป็นdependent และ x เป็น independent 5.1 ถ้าความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันเป็นกราฟเส้นตรงเลือก Linear 6. คลิก OK มี Output ดังนี้ Independent: X Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 Y LIN 1.000 3 . . -2.0000 2.0000 สมการประมาณค่า คือ Yˆ = 2 Xˆ - 2 5.2 ถ้าความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันเป็นกราฟพาราโบลา และเลือก Models เป็น Quadratic คลิก OK มี Output ดังนี้ Independent: X Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 b2 Y QUA .960 1 12.00 .200 -1.5000 5.4000 -1.0000 สมการประมาณค่า คือ Yˆ = - 2ˆX + 5.4 Xˆ - 1.5
  • 14.
    14 5.3 ถ้าความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันเป็นกราฟเอกซ์โพเนนเชียล ให้ logy เป็น dependent และ x เป็น independent และเลือก Models เป็น Exponential คลิก OK มี Output ดังนี้ Independent: X Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 LOGY EXP .947 3 53.81 .005 1.0083 .1507 สมการประมาณค่า คือ log Y = 0.1507X + 1.0083 ใบความรู้ที่ 2.2 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นเส้นตรง ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่เป็นกราฟเส้นตรงหรือความสัมพันธ์เชิงเส้น ก. เมื่อ y เป็นตัวแปรตาม และ x เป็นตัวแปรอิสระ a และ b เป็นค่าคงตัวที่ต้องการหา มีสมการเป็น Y = aX + b สมการปกติคือ  n i iy 1 = a  n i ix 1 + bn ………………(1)  n i ii yx 1 = a  n i ix 1 2 + b  n i ix 1 ………………(2) ตัวอย่างที่ 1 ข้อมูลต่อไปนี้เป็นความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณปุ๋ ย (กิโลกรัมต่อไร่) กับผลผลิต (กิโลกรัมต่อไร่) ปริมาณปุ๋ ย(กิโลกรัมต่อไร่): X 1 2 3 4 5 ผลผลิต (กิโลกรัมต่อไร่) : Y 8 9 10 12 15 จงใช้กระบวนการแก้ปัญหาโดยใช้กลวิธีSTARประมาณค่า 1. จงสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างปริมาณปุ๋ ยและผลผลิตและประมาณค่า 2. ถ้าปริมาณปุ๋ ยเท่ากับ 4.5 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วจะได้ผลผลิตเป็นเท่าไร 3. ถ้าผลผลิตเท่ากับ 100 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วจะต้องใช้ปริมาณปุ๋ ยเป็นเท่าไร
  • 15.
    15 ขั้นที่ 1 S(Search)ศึกษาโจทย์ปัญหา 1.1 สิ่งที่โจทย์กาหนดปริมาณปุ๋ ย ความสัมพันธ์ระหว่าง (กิโลกรัมต่อไร่) กับ ผลผลิต (กิโลกรัมต่อไร่) ถ้าปริมาณปุ๋ ยเท่ากับ 4.5 กิโลกรัมต่อไร่( บอกค่า x ) 1.2 สิ่งที่โจทย์ถามหาอะไร จะได้ผลผลิตเป็นเท่าไร (หาค่า y ) ขั้นที่ 2 T(Translate) แปลงข้อมูลโจทย์ปัญหาไปสู่สัญลักษณ์คณิตศาสตร์ 2.1 เขียนแผนภาพการกระจาย 2.2 สร้างตาราง 2.3 สร้างสมการปกติ 2.4 แก้สมการ หาค่าคงตัว คือ a และ b ขั้นที่ 3 A(Answer) หาคาตอบ เขียนแผนภาพการกระจายและกราฟที่เป็นตัวแทนของความสัมพันธ์ X 6543210 Y 16 14 12 10 8 6 Y X 6543210 16 14 12 10 8 6 Observed Linear ตารางที่ 2.2 ก xi yi xi 2 yi 2 xi yi 1 8 1 64 8 2 9 4 81 18 3 10 9 100 30 4 12 16 144 48 5 15 25 225 75  5 1i ix = 15  5 1i iy = 54  5 1 2 i ix = 55  5 1 2 i iy = 614  5 1i ii yx = 179 1. จงสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างปริมาณปุ๋ ยและผลผลิตและประมาณค่า จากแผนภาพการกระจาย เป็นความสัมพันธ์ชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นเส้นตรง เมื่อ y เป็นตัวแปรตาม (dependent variables) และ x เป็นตัวแปรอิสระ (independent variables) a และ b เป็นค่าคงตัวที่ต้องการหา มีสมการเป็น Y = aX + b สมการปกติคือ  n i iy 1 = a  n i ix 1 + bn  n i ii yx 1 = a  n i ix 1 2 + b n i ix 1 แทนค่าในสมการปกติ 54 = 15a + 5b ………………(1) 179 = 55a + 15b ………………(2)
  • 16.
    16 (1) 3 ;162 = 45a + 15b ………………(3) (2) – (3) ; 17 = 10a 1.7 = a แทนค่า a = 1.7 ในสมการที่ (1) 54 = 15(1.7) + 5b 54 = 25.5 + 5b 28.5 = 5b 5.7 = b ดังนั้นสมการประมาณค่าคือ Yˆ = 1.7 Xˆ + 5.7 * 2. ถ้าปริมาณปุ๋ ยเท่ากับ 4.5 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วจะได้ผลผลิตเป็นเท่าไร ค่า x = 4.5 Yˆ = 1.7 (4.5) + 5.7 = 13.35 ดังนั้น ถ้าปริมาณปุ๋ ยเท่ากับ 4.5 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วจะได้ผลผลิตเท่ากับ 13.35 กิโลกรัมต่อไร่ * ชุดกิจกรรมเล่มนี้จะใช้ Xˆ และ Yˆ ในสมการที่ใช้พยากรณ์หรือประมาณค่า (อ้างถึงใน หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้ เพิ่มเติมคณิตศาสตร์เล่ม 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 6 ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 หน้า 124 ) ขั้นที่ 4 R(Review) ทบทวนตรวจสอบผลที่ได้โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป ขั้นตอนการใช้โปรแกรม 1. เข้าโปรแกรมสาเร็จรูป 2. กาหนดตัวแปร(Variable View) x และ y 3. กรอกข้อมูล(Data View) ในช่อง x และ y 4. วิเคราะห์ข้อมูล Analyze เลือก Regresion และ Curve Estimate จะปรากฏหน้าต่าง Curve Estimate เลือกให้ y เป็น dependent และ x เป็น independent และเลือก Linear
  • 17.
    17 5. คลิก OKจะได้ Output ดังนี้ Independent: X Dependent Ath Rsq d.f. F Sigf b0 b1 Y LIN .938 3 45.63 .007 5.7000 1.7000 จากตารางการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมสาเร็จรูป จะได้ค่า a = b1 = 1.7000 b = b0 = 5.7000 ผลการตรวจคาตอบ ได้คาตอบตรงกัน ใบความรู้ที่ 2.3 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่เป็นเส้นตรง ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่เป็นเส้นตรงหรือความสัมพันธ์เชิงเส้น 2.3 เมื่อ x เป็นตัวแปรตาม และ y เป็นตัวแปรอิสระ a และ b เป็นค่าคงตัวที่ต้องการหา มีสมการเป็น X = aY + b สมการปกติคือ  n i ix 1 = a  n i iy 1 + bn ………………(1)  n i ii yx 1 = a  n i iy 1 2 + b  n i iy 1 ………………(2) ตัวอย่างที่ 2.3 ข้อมูลต่อไปนี้เป็นความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณปุ๋ ย (กิโลกรัมต่อไร่) กับ ผลผลิต (กิโลกรัมต่อไร่) ปริมาณปุ๋ ย(กิโลกรัมต่อไร่): X 1 2 3 4 5 ผลผลิต (กิโลกรัมต่อไร่) : Y 8 9 10 12 15 จงใช้กระบวนการแก้ปัญหาโดยใช้กลวิธีSTARประมาณค่า ถ้าผลผลิตเท่ากับ 100 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วจะต้องใช้ปริมาณปุ๋ ยเป็นเท่าไร ขั้นที่ 1 S(Search) ศึกษาโจทย์ปัญหา 1.1 สิ่งที่โจทย์กาหนด ความสัมพันธ์ระหว่าง ปริมาณปุ๋ ย(กิโลกรัมต่อไร่) กับ ผลผลิต (กิโลกรัมต่อไร่) ถ้าผลผลิตเท่ากับ 100 กิโลกรัมต่อไร่ ( บอกค่า y ) 1.2 สิ่งที่โจทย์ถามหาอะไร จะต้องใช้ปริมาณปุ๋ ยเป็นเท่าไร (ถามค่า x ) ขั้นที่ 2 T(Translate) แปลงข้อมูลโจทย์ปัญหาไปสู่สัญลักษณ์คณิตศาสตร์ 2.1 เขียนแผนภาพการกระจาย 2.2 สร้างตาราง 2.3 สร้างสมการปกติ 2.4 แก้สมการ หาค่าคงตัว คือ a และ b
  • 18.
    18 ขั้นที่ 3 A(Answer)หาคาตอบ เขียนแผนภาพการกระจาย และกราฟที่เป็นตัวแทนของความสัมพันธ์ Y 1614121086 X 6 5 4 3 2 1 0 X Y 1614121086 6 5 4 3 2 1 0 Observed Linear ตารางที่ 2.3 ก xi yi xi 2 yi 2 xi yi 1 8 1 64 8 2 9 4 81 18 3 10 9 100 30 4 12 16 144 48 5 15 25 225 75  5 1i ix = 15  5 1i iy = 54  5 1 2 i ix = 55  5 1 2 i iy = 614  5 1i ii yx = 179 1. ถ้าผลผลิตเท่ากับ 100 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วจะต้องใช้ปริมาณปุ๋ ยเป็นเท่าไร จากแผนภาพการกระจาย เป็นความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นเส้นตรง เมื่อ x เป็นตัวแปรตาม และ y เป็นตัวแปรอิสระ a และ b เป็นค่าคงตัวที่ต้องการหา มีสมการเป็น X = aY + b สมการปกติคือ  n i ix 1 = a  n i iy 1 + bn ………………(1)  n i ii yx 1 = a  n i iy 1 2 + b  n i iy 1 ………………(2) แทนค่าในสมการปกติ 15 = 54a + 5b ………………(1) 179 = 614a + 54b ………………(2) (1) 10.8 ; 162 = 583.2a + 54b ………………(3) (2) – (3) ; 17 = 30.8a 0.55 = a แทนค่า a = 0.55 ในสมการที่ (1)
  • 19.
    19 15 = 54(0.55)+ 5b 15 = 29.7 + 5b - 14.7 = 5b - 2.94 = b ดังนั้นสมการประมาณค่าคือ Xˆ = 0.55Yˆ - 2.94 ถ้าผลผลิตเท่ากับ 100 กิโลกรัมต่อไร่ ค่า y = 100 Xˆ = 0.55(100) - 2.94 = 55 – 2.94 = 52.06 ดังนั้น ถ้าผลผลิตเท่ากับ 100 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วจะต้องใช้ปริมาณปุ๋ ยเท่ากับ 52.06 กิโลกรัมต่อไร่ ขั้นที่ 4 R(Review) ทบทวนตรวจสอบผลที่ได้โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป ขั้นตอนการใช้โปรแกรม 1. เข้าโปรแกรมสาเร็จรูป 2. กาหนดตัวแปร(Variable View) x และ y 3. กรอกข้อมูล(Data View) ในช่อง x และ y 4. วิเคราะห์ข้อมูล Analyze เลือก Regresion และ Curve Estimate จะปรากฏหน้าต่าง Curve Estimate เลือกให้ x เป็น dependent และ y เป็น independent และเลือก Linear 5. คลิก OK จะได้ Output ดังนี้ Independent: Y Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 X LIN .938 3 45.63 .007 -2.9610 .5519 ผลการตรวจคาตอบ ได้คาตอบตรงกัน
  • 20.
    20 2.4 การประมาณค่าของค่าคงตัวโดยใช้ระเบียบวิธีกาลังสองที่น้อยที่สุด ในการหาค่าคงตัวที่ปรากฏอยู่ในสมการทั่วไปนั้นหาได้โดยอาศัยหลักที่ว่า ถ้าจะให้สมการของความสัมพันธ์ ที่เกิดขึ้นจริงได้ดีแล้วผลรวมของความแตกต่างระหว่างค่าที่ได้จากความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่สร้างขึ้นกับค่าที่เกิดขึ้น จริงๆทุกค่าควรจะน้อยที่สุดเพื่อไม่ให้ผลรวมของความแตกต่างที่เกิดขึ้นเป็นศูนย์ จึงต้องยกกาลังสองของความ แตกต่างที่เกิดขึ้นเสียก่อน แล้วจึงหาผลรวมของความแตกต่างที่เกิดขึ้น ถ้าผลรวมนี้น้อยที่สุดถือว่าความสัมพันธ์เชิง ฟังก์ชันนั้นเหมาะสมจะใช้การประมาณค่าตัวแปรตามมากที่สุด วิธีดังกล่าวเรียกว่า วิธีกาลังสองที่น้อยที่สุด กล่าวคือ ถ้าให้ Yi เป็นค่าของตัวแปรหรือค่าจากการสังเกตที่เกิดขึ้นจริงตัวที่ i , i { 1, 2 , 3 , …,n} Yˆ เป็นค่าของตัวแปรตาม Y ที่ได้จากความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างตัวแปรตาม Y กับ ตัวแปรอิสระ X ที่ได้จากการแทนค่าตัวแปร X ด้วย Xi ต้องการทาให้มี 2 1 )ˆ(  n i i YY ค่าน้อยที่สุด (เมื่อ n เป็นจานวนตัวอย่างที่ใช้หรือจานวนข้อมูลทั้งหมดที่นามาสร้างความสัมพันธ์) จากตัวอย่างในใบความรู้ที่ 2.2 พิจารณาค่าของ Y และ Yˆ ตาราง 2.4 ก X Y Yˆ = 1.7x + 5.7 Y - Yˆ (Y - Yˆ )2 1 8 1.7(1) + 5.7 = 7.4 8 – 7.4 = 0.6 0.36 2 9 1.7(2) + 5.7 = 9.1 9 – 9.1 = - 0.1 0.01 3 10 1.7(3) + 5.7 = 10.8 10 – 10.8 = - 0.8 0.64 4 12 1.7(4) + 5.7 = 12.5 12 – 12.5 = - 0.5 0.25 5 15 1.7(5) + 5.7 = 14.2 15 – 14.2 = 0.8 0.64  5 1i ix = 15  5 1i iy = 54 -   5 1 )ˆ( i i YY = 0 25 1 )ˆ(  i i YY = 1.9 ลักษณะของเส้นตรงดังกล่าวต้องเป็นไปตามเงื่อนไข 3 ประการ ดังนี้ 1.   n i i YY 1 )ˆ( = 0 2. 2n 1i i )YˆY(   มีค่าน้อยที่สุด 3. (x , y ) ต้องเป็นจุดอยู่บนเส้นตรง Y = aX + b ซึ่งเป็นสมการเส้นตรงที่สร้างขึ้นมาเป็นตัวแทนของ ข้อมูลนั้นคือ y = ax + b จะได้ x = 5 15 = 3 , y = 5 54 = 10.8 , a = 1.7 , b = 5.7 ดังนั้น y = a x + b 10.8 = 1.7(3) + 5.7 = 5.1 + 5.7 10.8 = 10.8 เป็นจริง
  • 21.
    21 แบบฝึกทักษะเพิ่มเติม ตารางต่อไปนี้เป็นความสัมพันธ์ระหว่าง X กับY X 2 3 5 7 9 10 Y 1 3 7 11 15 17 1. จงสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูล 2. จงประมาณค่า Y เมื่อ X = 5 วิธีทา 1. จงสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูล Y X 121086420 20 10 0 Observed Linear จากแผนภาพการกระจาย เป็นความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นเส้นตรง เมื่อ y เป็นตัวแปรตาม (dependent variables) และ x เป็นตัวแปรอิสระ (independent variables) a และ b เป็นค่าคงตัวที่ต้องการหา มีสมการเป็น Y = aX + b สมการปกติคือ  n i iy 1 = a  n i ix 1 + bn  n i ii yx 1 = a  n i ix 1 2 + b n i ix 1 54 = 36a + 6b ……………(1) 428 = 268a + 36b ……………(2) (1) 6 324 = 216a + 36b ……………(3)
  • 22.
    22 (2) - (3)104 = 52a a = 2 แทนค่า a = 2 ในสมการที่ 1 54 = 36(2) + 6b 54 = 72 + 6b -18 = 6b - 3 = b สมการประมาณค่าคือ 2. จงประมาณค่า Y เมื่อ X = 5 Independent: X Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 Y LIN 1.000 4 . . -3.0000 2.0000 3.1 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นพาราโบลา ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นพาราโบลา เมื่อ y เป็นตัวแปรตาม และ x เป็นตัวแปรอิสระ a , b และ c เป็นค่าคงตัวที่ต้องการหา มีสมการเป็น Y = aX2 + bX + c สมการปกติคือ  n i iy 1 = a  n i ix 1 2 + b  n i ix 1 + cn ………(1)  n i ii yx 1 = a  n i ix 1 3 + b  n i ix 1 2 + c  n i ix 1 ………(2)  n i ii yx 1 2 = a  n i ix 1 4 + b  n i ix 1 3 + c n i ix 1 2 ………(3) ตัวอย่างที่ 3.1 จากการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสารับทารกที่มีอายุต่างๆกัน ในการรักษาโรค อายุ(เดือน) : X 1 2 3 4 ปริมาณยา(มิลลิกรัม) : Y 4 3 2 3 จงใช้กระบวนการแก้ปัญหาโดยใช้กลวิธีSTARประมาณค่า 1) จงหาความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสารับทารกที่มีอายุต่างๆกันในการรักษาโรค 2) จงทานายปริมาณยาที่ใช้สาหรับทารกที่มีอายุ 5.5 เดือน ขั้นที่ 1 S(Search) ศึกษาโจทย์ปัญหา 1.1 สิ่งที่โจทย์กาหนด ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสารับทารกที่มีอายุต่างๆกันในการ รักษาโรค และทารกที่มีอายุ 5.5 เดือน ( บอกค่า x = 5.5 เดือน ) 1.2 สิ่งที่โจทย์ถามหาอะไร จงทานายปริมาณยา (หาค่า y ) ขั้นที่ 2 T(Translate) แปลงข้อมูลโจทย์ปัญหาไปสู่สัญลักษณ์คณิตศาสตร์ 2.1 เขียนแผนภาพการกระจาย
  • 23.
    23 2.2 สร้างตาราง 2.3 สร้างสมการปกติ 2.4แก้สมการ หาค่าคงตัว คือ a , b และ c ขั้นที่ 3 A(Answer) หาคาตอบ เขียนแผนภาพการกระจายและกราฟที่เป็นตัวแทนของความสัมพันธ์ X 4.54.03.53.02.52.01.51.0.5 Y 4.5 4.0 3.5 3.0 2.5 2.0 1.5 Y X 4.54.03.53.02.52.01.51.0.5 4.5 4.0 3.5 3.0 2.5 2.0 1.5 Observed Quadratic ตารางที่ 3.1 ก xi yi xi 2 xi 3 xi 4 xi yi xi 2 yi 1 4 1 1 1 4 4 2 3 4 8 16 6 12 3 2 9 27 81 8 18 4 3 16 64 256 12 18  5 1i ix = 10  5 1i iy =12  5 1 2 i ix = 30  5 1 3 i ix = 100  5 1 4 i ix = 354  5 1i ii yx =28  5 1 2 i ii yx =82 จงทานายปริมาณยาที่ใช้สาหรับทารกที่มีอายุ 5.5 เดือน จากแผนภาพการกระจาย เป็นความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟที่เป็นรูปพาราโบลา เมื่อ y เป็นตัวแปรตาม และ x เป็นตัวแปรอิสระ a , b และ c เป็นค่าคงตัวที่ตองการหา มีสมการเป็น Y = aX2 + bX + c สมการปกติคือ  n i iy 1 = a  n i ix 1 2 + b  n i ix 1 + cn ………(1)  n i ii yx 1 = a  n i ix 1 3 + b  n i ix 1 2 + c  n i ix 1 ………(2)  n i ii yx 1 2 = a  n i ix 1 4 + b  n i ix 1 3 + c n i ix 1 2 ………(3) แทนค่าในสมการปกติ 12 = 30a + 10b + 4c ………………(1) 28 = 100a + 30b + 10c ………………(2) 82 = 354a + 100b + 30c ………………(3) แก้สมการหาค่าของ a = 0.5 , b = - 2.9 , c = 6.5 ดังนั้นสมการประมาณค่าคือ Yˆ = 0.5 2ˆX – 2.9 Xˆ + 6.5 จงทานายปริมาณยาที่ใช้สาหรับทารกที่มีอายุ 5.5 เดือน (x = 5.5 ) Yˆ = 0.5(5.5)2 – 2.9(5.5) + 6.5
  • 24.
    24 = 0.5(30.25) –15.95 + 6.5 = 5.675 ดังนั้น ทารกที่มีอายุ 5.5 เดือน ต้องใช้ปริมาณยา 5.675 มิลลิกรัม ขั้นที่ 4 R(Review) ทบทวนตรวจสอบผลที่ได้โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป ขั้นตอนการใช้โปรแกรม 1. เข้าโปรแกรมสาเร็จรูป 2. กาหนดตัวแปร(Variable View) x และ y 3. กรอกข้อมูล(Data View) ในช่อง x และ y 4. วิเคราะห์ข้อมูล Analyze เลือก Regresion และ Curve Estimate จะปรากฏหน้าต่าง Curve Estimate เลือกให้ y เป็น dependent และ x เป็น independent และเลือก Quadratic 5. คลิก OK จะได้ Output ดังนี้ Independent: X Dependent Ath Rsq d.f. F Sigf b0 b1 b2 Y QUA .900 1 4.50 .316 6.5000 -2.9000 .5000 ผลการตรวจคาตอบ ได้คาตอบตรงกัน 3.2 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันในรูปพาราโบลา (ต่อ) เมื่อ x เป็นตัวแปรตาม และ y เป็นตัวแปรอิสระ a , b และ c เป็นค่าคงที่ มีสมการเป็น X = aY2 + bY + c สมการปกติคือ  n i ix 1 = a  n i iy 1 2 + b  n i iy 1 + cn ………(1)  n i ii yx 1 = a  n i iy 1 3 + b  n i iy 1 2 + c  n i iy 1 ………(2)  n i ii yx 1 2 = a  n i y 1 4 + b n i iy 1 3 + c n i iy 1 2 ………(3)
  • 25.
    25 ตัวอย่างที่ 3.2 จากการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสารับทารกที่มีอายุต่างๆกัน ในการรักษาโรค อายุ(เดือน): X 1 2 3 4 ปริมาณยา(มิลลิกรัม) : Y 4 3 2 3 จงใช้กระบวนการแก้ปัญหาโดยใช้กลวิธีSTARประมาณค่า 1) จงหาความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสารับทารกที่มีอายุต่างๆกันในการรักษาโรค 2) จงทานายปริมาณยา 2.5 มิลลิกรัมใช้สาหรับทารกที่มีอายุกี่เดือน ขั้นที่ 1 S(Search) ศึกษาโจทย์ปัญหา 1.1 สิ่งที่โจทย์กาหนด ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสาหรับทารกที่มีอายุ ต่างๆกันในการรักษาโรค 1.2 จงทานายปริมาณยา 2.5 มิลลิกรัม ( บอกค่า y = 2.5 มิลลิกรัม ) 1.2 สิ่งที่โจทย์ถามหาอะไร จงทานายปริมาณยา 2.5 มิลลิกรัม ใช้สาหรับอายุทารกที่มี อายุกี่เดือน (หาค่า x ) ขั้นที่ 2 T(Translate) แปลงข้อมูลโจทย์ปัญหาไปสู่สัญลักษณ์คณิตศาสตร์ 2.1 เขียนแผนภาพการกระจาย 2.2 สร้างตาราง 2.3 สร้างสมการปกติ 2.4 แก้สมการ หาค่าคงตัว คือ a , b และ c ขั้นที่ 3 A(Answer) หาคาตอบ เขียนแผนภาพการกระจายและกราฟที่เป็นตัวแทนของความสัมพันธ์ Y 4.54.03.53.02.52.01.5 X 4.5 4.0 3.5 3.0 2.5 2.0 1.5 1.0 .5 X Y 4.54.03.53.02.52.01.5 4.5 4.0 3.5 3.0 2.5 2.0 1.5 1.0 .5 Observed Quadratic ตารางที่ 3.2 ก xi yi yi 2 yi 3 yi 4 xi yi xi yi 2 1 4 16 64 256 4 16 2 3 9 27 81 6 18 3 2 4 8 16 8 12 4 3 9 27 81 12 36  5 1i ix = 10  5 1i iy =12  5 1 2 i ix = 38  5 1 3 i ix = 126  5 1 4 i ix = 434  5 1i ii yx =28  5 1 2 i ii yx =82 1) ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสารับทารกที่มีอายุต่างๆกันในการรักษาโรค จากแผนภาพการกระจาย เป็นความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นรูปพาราโบลา
  • 26.
    26 เมื่อ x เป็นตัวแปรตามและ y เป็นตัวแปรอิสระ a , b และ c เป็นค่าคงที่ มีสมการเป็น X = aY2 + bY + c สมการปกติคือ  n i ix 1 = a  n i iy 1 2 + b  n i iy 1 + cn ………(1)  n i ii yx 1 = a  n i iy 1 3 + b  n i iy 1 2 + c  n i iy 1 ………(2)  n i ii yx 1 2 = a  n i y 1 4 + b n i iy 1 3 + c n i iy 1 2 ………(3) แทนค่าในสมการปกติ 10 = 38a + 12b + 4c ………………(1) 28 = 126a + 38b + 12c ………………(2) 82 = 434a + 126b + 38c ………………(3) แก้สมการหาค่าของ a = - 1 , b = 5 , c = - 3 ดังนั้นสมการประมาณค่าคือ Xˆ = - Yˆ 2 + 5Yˆ - 3 จงทานายปริมาณยา 2.5 มิลลิกรัม (y = 2.5 ) ที่ใช้สาหรับทารกที่มีอายุกี่เดือน Xˆ = - Yˆ 2 + 5Yˆ - 3 = - (2.5)2 + 5(2.5) - 3 = - 6.25 + 12.5 – 3 = 3.25 ดังนั้น ปริมาณยา 2.5 มิลลิกรัม ใช้สาหรับทารกที่มีอายุ 3.25 เดือน ขั้นที่ 4 R(Review) ทบทวนตรวจสอบผลที่ได้โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป ขั้นตอนการใช้โปรแกรม 1. เข้าโปรแกรมสาเร็จรูป 2. กาหนดตัวแปร(Variable View) x และ y 3. กรอกข้อมูล(Data View) ในช่อง x และ y 4. วิเคราะห์ข้อมูล Analyze เลือก Regresion และ Curve Estimate จะปรากฏหน้าต่าง Curve Estimate เลือกให้ x เป็น dependent และ y เป็น independent และเลือก Quadratic 5. คลิก OK จะได้ Output ดังนี้
  • 27.
    27 Independent: Y Dependent MthRsq d.f. F Sigf b0 b1 b2 X QUA .600 1 .75 .632 -3.0000 5.0000 -1.0000 ผลการตรวจคาตอบ ได้คาตอบตรงกัน 4.1 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูลที่อยู่ในรูปอนุกรมเวลา 4.1 ข้อมูลที่อยู่ในรูปอนุกรมเวลา (time series) คือ ข้อมูลที่แสดงความเปลี่ยนแปลงตามลาดับเวลาที่เกิดขึ้น ก่อนหลังของช่วงเวลาที่ข้อมูลชุดนั้นเกิดขึ้น ซึ่งปกติแล้วข้อมูลนั้นๆมักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาเท่าๆกัน เช่น ปริมาณ ข้าวที่ประเทศไทยผลิตได้ในแต่ละปี จานวนเงินที่ร้านค่าแห่งหนึ่งขายได้ในแต่ละเดือน หรืออุณหภูมิเฉลี่ยในแต่ละ วันของจังหวัดกาญจนบุรี แล้วข้อมูลนั้นๆจะปกติความสัมพันธ์อยู่ในรูป Y = f(t) โดยที่ t แทนเวลา เช่น วัน เดือน ปี พ.ศ. เป็นต้น เมื่อ t เป็นตัวแปรอิสระ และ Y เป็นตัวแปรตาม การกาหนดระยะเวลา (t) ก. ถ้าจานวนระยะเวลา (t) ที่กาหนดให้เป็นจานวนคี่ *** ให้ระยะเวลาที่อยู่ตรงกลางเป็น 0 โดยเรียง ตามลาดับก่อนหลังดังนี้ … , - 3 , - 2 , - 1 , 0 , 1 , 2 , 3 , … การสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูลกราฟเป็นรูปเส้นตรง เมื่อ y เป็นตัวแปรตาม และ t เป็นตัวแปรอิสระ a และ b เป็นค่าคงตัวที่ต้องการหา มีสมการเป็น Y = at + b สมการปกติคือ  n i iy 1 = a  n i it 1 + bn ………………(1)  n i ii yt 1 = a  n i it 1 2 + b  n i it 1 ………………(2) ข้อสังเกต  n i it 1 = 0 จาก สมการ(1) จะได้ b = n y n i i1 จาก สมการ(2) จะได้ a =     n i i n i ii t yt 1 2 1
  • 28.
    28 ตัวอย่างที่ 4.1 มูลค่าอุตสาหกรรมสิ่งทอการส่งออกที่ประเทศไทยส่งออกไปขายยังต่างประเทศ มีความสัมพันธ์กับเวลาในรูปเส้นตรงระหว่าง ปี 2550 – 2554 ดังนี้ ปี พ.ศ. 2550 2551 2552 2553 2554 มูลค่า (ล้านบาท) 6 8 12 15 19 จงใช้ประบวนการแก้ปัญหาของโพลยาประมาณค่า 1. จงหาสมการเพื่อใช้ประมาณมูลค่าการส่งออกในเวลาต่างๆ 2. จงประมาณมูลค่าการส่งออกในปี พ.ศ. 2562 ขั้นที่ 1 S(Search) ศึกษาโจทย์ปัญหา 1.1 สิ่งที่โจทย์กาหนด มูลค่าอุตสาหกรรมสิ่งทอการส่งออกที่ประเทศไทยส่งออกไปขายยังต่างประเทศมี ความสัมพันธ์กับเวลา( บอกค่า t ) 1.2 สิ่งที่โจทย์ถามหาอะไร จงประมาณมูลค่าการส่งออกในปี พ.ศ. 2558 (หาค่า y ) ขั้นที่ 2 T(Translate) แปลงข้อมูลโจทย์ปัญหาไปสู่สัญลักษณ์คณิตศาสตร์ 2.1 เขียนแผนภาพการกระจาย 2.2 สร้างตาราง 2.3 สร้างสมการปกติ 2.4 แก้สมการ หาค่าคงตัว คือ a และ b ขั้นที่ 3 A(Answer) หาคาตอบ เขียนแผนภาพการกระจายและกราฟที่เป็นตัวแทนของความสัมพันธ์ T 3210-1-2-3 Y 20 18 16 14 12 10 8 6 4 Y T 3210-1-2-3 20 18 16 14 12 10 8 6 4 Observed Linear ตาราง 4.1 ก ปี พ.ศ. มูลค่า (y ) t t2 ty 2550 6 - 2 4 - 12 2551 8 - 1 1 - 8 2552 12 0 0 0 2553 15 1 1 15 2554 19 2 4 38 รวม y = 60 t = 0  2 t = 10 ty = 33 ความสัมพันธ์อยู่ในรูปเส้นตรง สมการ Y = at + b
  • 29.
    29 สมการปกติคือ  n i iy 1 = a n i it 1 + bn ………………(1)  n i ii yt 1 = a  n i it 1 2 + b  n i it 1 ………………(2) แทนค่า 60 = 0 + 5 b ………………..(1) 33 = 10 a + 0 …………………(2) จาก (1) b = 5 60 = 12 จาก (2) a = 10 33 = 3.3 ดังนั้นสมการที่ใช้ประมาณคือ Y = 3.3 t + 12 2. จงประมาณมูลค่าการส่งออกในปี พ.ศ. 2562 ( t = 10 ) แทนค่า t = 10 ในสมการประมาณค่า Y = 3.3 (10 ) + 12 = 33 + 12 = 45 ดังนั้น มูลค่าการส่งออกในปี พ.ศ. 2562 เท่ากับ 45 ล้านบาท ขั้นที่ 4 R(Review) ทบทวนตรวจสอบผลที่ได้โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป ขั้นตอนการใช้โปรแกรมสาเร็จรูป วิเคราะห์ข้อมูล Analyze เลือก Regresion และ Curve Estimate จะปรากฏหน้าต่าง Curve Estimate เลือกให้ y เป็น dependent และ t เป็น independent Models และเลือก Linear 5. คลิก OK จะได้ Output ดังนี้ Independent: T Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 Y LIN .990 3 297.00 .000 12.0000 3.3000 ผลการตรวจคาตอบ ได้คาตอบตรงกัน
  • 30.
    30 4.2 ข้อมูลที่อยู่ในรูปอนุกรมเวลา ถ้าความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่เป็นเส้นตรง การกาหนดระยะเวลา(t) ถ้าจานวนระยะเวลา (t) ที่กาหนดให้เป็นจานวนคู่ *** ให้ระยะเวลาที่อยู่คู่กลางเป็น - 1 และ 1 โดยเรียงตามลาดับก่อนหลังดังนี้ … , - 5 , - 3 , - 1 , 1 , 3 , 5 , … การสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูลกราฟเป็นรูปเส้นตรง เมื่อ y เป็นตัวแปรตาม และ t เป็นตัวแปรอิสระ a และ b เป็นค่าคงตัวที่ต้องการหา มีสมการเป็น Y = at + b สมการปกติคือ  n i iy 1 = a  n i it 1 + bn ………………(1)  n i ii yt 1 = a  n i it 1 2 + b  n i it 1 ………………(2) ข้อสังเกต  n i it 1 = 0 จาก สมการ(1) จะได้ b = n y n i i1 จาก สมการ(2) จะได้ a =     n i i n i ii t yt 1 2 1 ตัวอย่างที่ 4.2 จานวนสินค้าที่โรงงานแห่งหนึ่งผลิตได้ความสัมพันธ์กับเวลาในรูปเส้นตรง ระหว่าง ปี พ.ศ. 2552 – 2557 ปี พ.ศ. 2552 2553 2554 2555 2556 2557 จานวนสินค้า(ร้อยชิ้น) 170 184 200 210 216 220 จงใช้ประบวนการแก้ปัญหาของโพลยาประมาณค่า 1. จงหาสมการเพื่อใช้ประมาณจานวนสินค้าที่โรงงานอุตสาหกรรมแห่งนี้ผลิตได้ในเวลาต่างๆ 2. จงประมาณจานวนสินค้าที่โรงงานอุตสาหกรรมแห่งนี้ผลิตได้ในปี พ.ศ. 2559 ขั้นที่ 1 S(Search) ศึกษาโจทย์ปัญหา 1.1 สิ่งที่โจทย์กาหนด จานวนสินค้าที่โรงงานแห่งหนึ่งผลิตได้ความสัมพันธ์กับเวลา ( บอกค่า t ) 1.2 สิ่งที่โจทย์ถามหาอะไร จงประมาณจานวนสินค้าที่โรงงานอุตสาหกรรมแห่งนี้ผลิตได้ในปี พ.ศ. 2559 (หาค่า y ) ขั้นที่ 2 T(Translate) แปลงข้อมูลโจทย์ปัญหาไปสู่สัญลักษณ์คณิตศาสตร์ 2.1 เขียนแผนภาพการกระจาย 2.2 สร้างตาราง 2.3 สร้างสมการปกติ 2.4 แก้สมการ หาค่าคงตัว คือ a และ b
  • 31.
    31 ขั้นที่ 3 A(Answer)หาคาตอบ เขียนแผนภาพการกระจายและกราฟที่เป็นตัวแทนของความสัมพันธ์ T 6420-2-4-6 Y 230 220 210 200 190 180 170 160 Y T 6420-2-4-6 230 220 210 200 190 180 170 160 Observed Linear ตาราง 4.2 ก ปี พ.ศ. จานวนสินค้า (Y) t t2 tY 2552 170 - 5 25 - 850 2553 184 - 3 9 - 552 2554 200 - 1 1 - 200 2555 210 1 1 210 2556 216 3 9 648 2557 220 5 25 1100 รวม Y = 1200 t = 0  2 t = 70 tY = 356 จากแผนภาพการกระจายความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูลอยู่ในรูปเส้นตรง เมื่อ y เป็นตัวแปรตาม และ t เป็นตัวแปรอิสระ a และ b เป็นค่าคงตัวที่ต้องการหา สมการคือ Y = at + b สมการปกติคือ  n i iy 1 = a  n i it 1 + bn ………………(1)  n i ii yt 1 = a  n i it 1 2 + b  n i it 1 ………………(2) แทนค่า 1200 = 0 + 6 b ………………..(1) 356 = 70 a + 0 …………………(2) จาก (1) b = 6 1200 = 200 จาก (2) a = 70 356 = 5.09 ดังนั้นสมการที่ใช้ประมาณคือ Y = 5.09 t + 200 2. จงประมาณจานวนสินค้าที่ผลิตได้ในปี พ.ศ. 2559 ( t = 9 ) แทนค่า t = 9 ในสมการทานาย Y = 5.09 (9 ) + 200 = 45.81 + 200 = 245.81 ร้อยชิ้น ดังนั้น จานวนสินค้าที่ผลิตได้ในปี พ.ศ. 2559 เท่ากับ 24,581 ชิ้น
  • 32.
    32 ขั้นที่ 4 R(Review)ทบทวนตรวจสอบผลที่ได้โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป 5. คลิก OK จะได้ Output ดังนี้ Independent: T Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 Y LIN .947 4 71.36 .001 200.000 5.0857 ผลการตรวจคาตอบ ได้คาตอบตรงกัน 5.1 ข้อมูลที่อยู่ในรูปอนุกรมเวลา ถ้าความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นรูปเอกซ์โพเนนเชียล ข้อมูลที่อยู่ในรูปอนุกรมเวลา คือ ข้อมูลที่แสดงความเปลี่ยนแปลงตามลาดับเวลาที่เกิดขึ้น ซึ่งความสัมพันธ์อยู่ในรูป y = f(t) โดยที่ t แทนเวลา เช่น วัน เดือน ปี พ.ศ. เป็นต้น เมื่อ t เป็นตัวแปรอิสระ แทนค่าของข้อมูล Y เป็นตัวแปรตาม การกาหนดระยะเวลา (t) ก. ถ้าจานวนระยะเวลา (t) ที่กาหนดให้เป็นจานวนคี่ *** ให้ระยะเวลาที่อยู่ตรงกลางเป็น 0 โดยเรียงตามลาดับก่อนหลังดังนี้ … , - 3 , - 2 , - 1 , 0 , 1 , 2 , 3 , … ถ้าความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นรูปเอกซ์โพเนนเชียล ให้ log a และlog b เป็นค่าคงตัว มีสมการเป็น Y = abt หรือ log Y = loga + t log b สมการปกติคือ  n i iy 1 log = nloga + (logb)  n i it 1 ………………(1)  n i it 1 (log y) = (loga)  n i it 1 + (logb ) n i it 1 2 ………………(2) ข้อสังเกต  n i it 1 = 0
  • 33.
    33 จาก สมการ(1) จะได้log a = n y n i i1 log จาก สมการ(2) จะได้ log b =     n i i n i ii t yt 1 2 1 )(log ตัวอย่างที่ 5.1 จงสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันของจานวนประชากรโดยประมาณของประเทศไทย จากข้อมูลระหว่าง ปี พ.ศ. 2551 – 2555 ดังนี้ ปี พ.ศ. 2551 2552 2553 2554 2555 จานวนประชากร (ล้านคน) 63.3 63.5 63.8 64 64.4 ที่มา http://www.th.wikipedia.org/. ข้อมูลจาก กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย. จงใช้กระบวนการแก้ปัญหาโดยใช้กลวิธีSTARประมาณค่า 1. จงหาสมการเพื่อใช้ประมาณประชากรในเวลาต่างๆ 2. จงประมาณประชากรของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2565 ขั้นที่ 1 S(Search) ศึกษาโจทย์ปัญหา 1.1 สิ่งที่โจทย์กาหนด จานวนประชากรโดยประมาณของประเทศไทย จากข้อมูลระหว่าง ปี พ.ศ. 2551 – 2555 ( บอกค่า t ) 1.2 สิ่งที่โจทย์ถามหาอะไร จงประมาณประชากรของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2565 (หาค่า y ) ขั้นที่ 2 T(Translate) แปลงข้อมูลโจทย์ปัญหาไปสู่สัญลักษณ์คณิตศาสตร์ 2.1 เขียนแผนภาพการกระจาย 2.2 สร้างตาราง 2.3 สร้างสมการปกติ 2.4 แก้สมการ หาค่าคงตัว คือ log a และ log b ขั้นที่ 3 A(Answer) หาคาตอบ เขียนแผนภาพการกระจายและกราฟที่เป็นตัวแทนของความสัมพันธ์ T 3210-1-2-3 LOGY 1.800 1.798 1.796 1.794 1.792 1.790 1.788 LOGY T 3210-1-2-3 1.800 1.798 1.796 1.794 1.792 1.790 1.788 1.786 Observed Linear
  • 34.
    34 ตารางที่ 5.1 ก ปีพ.ศ. จานวนประชากร (y ) log yi t t^2 t logyi 2551 63.8 1.8014 -2 4 -3.6028 2552 63.5 1.8028 -1 1 -1.8028 2553 63.8 1.8048 0 0 0 2554 64 1.8062 1 1 1.8062 2555 64.4 1.8089 2 4 3.6178 รวม - 9.0241 0 10 0.0184 1. จงหาสมการเพื่อใช้ประมาณประชากรในเวลาต่างๆ ความสัมพันธ์อยู่ในรูปเอกซ์โพเนนเชียล มีสมการเป็น Y = abt หรือ log Y = loga + t log b สมการปกติคือ  n i iy 1 log = nloga + (logb)  n i it 1 ………………(1)  n i it 1 (log y) = (loga)  n i it 1 + (logb ) n i it 1 2 ………………(2) แทนค่า 9.0241 = 5log a ………………..(1) -1.9816 = 10 log b …………………(2) จาก (1) log a = 5 02149. = 1.8048 จาก (2) log b = 10 01840. = 0.0018 ดังนั้นสมการที่ใช้ประมาณคือ log Y = loga + t log b = 1.8048 + = 0.0018 t 2. จงประมาณจานวนประชากรในปี พ.ศ. 2565 ( t = 12 ) ดังนั้นสมการที่ใช้ประมาณคือ log Y = loga + t log b = 1.8048 + 0.0018 (12) = 1.8048 + 0.0216 = 1.8264 log Y = 1 + 0.8264 ( การประมาณค่าของแอนตี้ลอกฯ log 6.705  0.8264 ) log Y = log 10 + log 6.705 antilog Y = 6.705 10 = 67.05 ดังนั้น จานวนประชากรในปี พ.ศ. 2565 เท่ากับ 67.05 ล้านคน การประมาณค่าของลอก (log M ) log 6.7 = 0.8261 log M = 0.8264 log 6.71 = 0.8267 ใช้อัตราส่วน 76716 76 .. .M   = 8261082670 8261082640 .. ..  
  • 35.
    35 010 76 . .M = 00060 00030 . . M - 6.7= 00060 00030 . . 010.  0.005 M  6.7 + 0.005  6.705 ขั้นที่ 4 R(Review) ทบทวนตรวจสอบผลที่ได้โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป ขั้นตอนการใช้โปรแกรม 1. เข้าโปรแกรมสาเร็จรูป 2. กาหนดตัวแปร(Variable View) t และ log y 3. กรอกข้อมูล(Data View) ในช่อง t และ log y 4. วิเคราะห์ข้อมูล Analyze เลือก Regresion และ Curve Estimate จะปรากฏหน้าต่าง Curve Estimation เลือกให้ log y เป็น dependent และ t เป็น independent และเลือก Exponential ดังรูป 5. คลิก OK จะได้ Output ดังนี้ Independent: T Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 LOGY EXP .986 3 217.19 .001 1.8048 .0010 ผลการตรวจคาตอบ ได้คาตอบใกล้เคียงกัน เพราะเป็นค่าประมาณของลอกการิทึม 5.2 ข้อมูลที่อยู่ในรูปอนุกรมเวลา ถ้าความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นรูปเอกซ์โพเนนเชียล ข้อมูลที่อยู่ในรูปอนุกรมเวลา คือ ข้อมูลที่แสดงความเปลี่ยนแปลงตามลาดับเวลาที่เกิดขึ้น ซึ่งความสัมพันธ์อยู่ในรูป y = f(t) โดยที่ t แทนเวลา เช่น วัน เดือน ปี พ.ศ. เป็นต้น ซึ่ง t เป็นตัวแปรอิสระ แทนค่าของข้อมูล Y เป็นตัวแปรตาม การกาหนดระยะเวลา (t) ข. ถ้าจานวนระยะเวลา (t) ที่กาหนดให้เป็นจานวนคู่ *** ให้ระยะเวลาที่อยู่คู่กลางเป็น - 1 และ 1 โดยเรียง ตามลาดับก่อนหลังดังนี้ … , - 5 , - 3 , - 1 , 1 , 3 , 5 , … ถ้าความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันที่กราฟเป็นรูปเอกซ์โพเนนเชียล ให้ log a และlog b เป็นค่าคงตัว มีสมการเป็น Y = abt หรือ log Y = loga + t log b
  • 36.
    36 สมการปกติคือ  n i iy 1 log =nloga + (logb)  n i it 1 ………………(1)  n i it 1 (log y) = (loga)  n i it 1 + (logb ) n i it 1 2 ………………(2) ข้อสังเกต  n i it 1 = 0 จาก สมการ(1) จะได้ log a = n y n i i1 log จาก สมการ(2) จะได้ log b =     n i i n i ii t yt 1 2 1 )(log ตัวอย่างที่ 5.2 จงสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันของจานวนประชากรโดยประมาณของจังหวัดอุตรดิตถ์ จากข้อมูลระหว่าง ปี พ.ศ. 2545 – 2554 ดังนี้ ปี พ.ศ. 2545 2546 2547 2548 2549 2550 2551 2552 2553 2554 จานวนประชากร (แสนคน) 4.85 4.82 4.7 4.69 4.67 4.65 4.64 4.63 4.62 4.61 ที่มา http://www.th.wikipedia.org/. ข้อมูลจาก กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย. 1. จงหาสมการเพื่อใช้ประมาณประชากรในเวลาต่างๆ 2. จงประมาณประมาณประชากรของจังหวัดอุตรดิตถ์ในปี พ.ศ. 2560 ขั้นที่ 1 S(Search) ศึกษาโจทย์ปัญหา 1.1 สิ่งที่โจทย์กาหนด จานวนประชากรโดยประมาณของจังหวัดอุตรดิตถ์ จากข้อมูลระหว่าง ปี พ.ศ. 2545 – 2554 ( บอกค่า t ) 1.2 สิ่งที่โจทย์ถามหาอะไร ในปี พ.ศ. 2560 (หาค่า y ) ขั้นที่ 2 T(Translate) แปลงข้อมูลโจทย์ปัญหาไปสู่สัญลักษณ์คณิตศาสตร์ 2.1 เขียนแผนภาพการกระจาย 2.2 สร้างตาราง 2.3 สร้างสมการปกติ 2.4 แก้สมการ หาค่าคงตัว คือ log a และ log b ขั้นที่ 3 A(Answer) หาคาตอบ เขียนแผนภาพการกระจายและกราฟที่เป็นตัวแทนของความสัมพันธ์ T 100-10 LOGY .69 .68 .67 .66 LOGY T 100-10 .69 .68 .67 .66 Observed Exponential
  • 37.
    37 ตารางที่ 5.2 ก 1.จงหาสมการเพื่อใช้ประมาณประชากรในเวลาต่างๆ ความสัมพันธ์อยู่ในรูปเอกซ์โพเนนเชียล ให้ log a และlog b เป็นค่าคงตัว มีสมการเป็น Y = abt หรือ log Y = loga + t log b สมการปกติคือ  n i iy 1 log = nloga + (logb)  n i it 1 ………………(1)  n i it 1 (log y) = (loga)  n i it 1 + (logb ) n i it 1 2 ………………(2) แทนค่า 6.7092 = 10log a ………………..(1) -0.3752 = 330 log b …………………(2) จาก (1) log a = 10 70296. = 0.6709 จาก (2) log b = 330 3752. = - 0.0011 ดังนั้นสมการที่ใช้ประมาณคือ log Y = loga + t log b = 0.6709 – 0.0011t 2. จงประมาณจานวนประชากรในปี พ.ศ. 2565 ( t = 21 ) แทนค่า t = 21 ในสมการทานาย log Y = 0.6709 – 0.0011t = 0.6709 – 0.0231= 0.6478 log Y = 0.6478 (การประมาณค่าของแอนตี้ลอกฯ log 4.467  0.6478) log Y = log 4.467 Y = 4.4467 ดังนั้น จานวนประชากรของจังหวัดอุตรดิตถ์ในปี พ.ศ. 2565 เท่ากับ 4.467 แสนคน หรือ 444,670 คน การประมาณค่าของลอก (log M ) log 4.44 = 0.6474 log M = 0.6478 log 4.45 = 0.6484
  • 38.
    38 ใช้อัตราส่วน 444454 444 .. .M   = 6478064840 6474064780 .. ..   010 444 . .M = 00060 00040 . . 444.M = 00060 00040 . . 0.01 =0.0067 M = 4.44 + 0.0067  4.4467 M  4.4467 ขั้นที่ 4 R(Review) ทบทวนตรวจสอบผลที่ได้โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป ขั้นตอนการใช้โปรแกรม 1. เข้าโปรแกรมสาเร็จรูป 2. กาหนดตัวแปร(Variable View) t และ log y 3. กรอกข้อมูล(Data View) ในช่อง t และ log y 4. วิเคราะห์ข้อมูล Analyze เลือก Regresion และ Curve Estimate จะปรากฏหน้าต่าง Curve Estimation เลือกให้ log y เป็น dependent และ t เป็น independent และเลือก Exponential 5. คลิก OK จะได้ Output ดังนี้ Independent: T Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 LOGY EXP .823 8 37.25 .000 .6709 -.0017 ผลการตรวจคาตอบ ได้คาตอบใกล้เคียงกัน เพราะเป็นค่าประมาณของลอกการิทึม
  • 39.
    39 ใบกิจกรรมที่ 2.1 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูล ผลการเรียนรู้ สร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันของข้อมูลที่ประกอบด้วยสองตัวแปร คาสั่งจงเลือกคาตอบที่ถูกที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูลดังนี้ x 1 2 3 4 5 y 1 3 5 7 9 ถ้าให้ X เป็นตัวแปรอิสระและ Y เป็นตัวแปรตาม ความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลมีลักษณะเป็นแบบใด ก. เส้นตรง ข. พาราโบลา ค. ไฮเปอร์โบลา ง. เอกซ์โพเนนเชียล 2. ถ้าให้ X เป็นตัวแปรอิสระและ Y เป็นตัวแปรตาม ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูลเป็นเส้นตรง สมการประมาณค่าคือข้อใด ก. Y = aX + b ข. X = aY + b ค. Y = aX2 + bX + c ง. X = aY2 + bY + c 3. ถ้าให้ Y เป็นตัวแปรอิสระและ X เป็นตัวแปรตาม ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูลเป็นพาราโบลา สมการประมาณค่าคือข้อใด ก. Y = aX + b ข. X = aY + b ค. Y = aX2 + bX + c ง. X = aY2 + bY + c ผลการวิเคราะห์( Output) ตอบคาถามข้อ 4 - 5 ถ้าให้ X เป็นตัวแปรอิสระและ Y เป็นตัวแปรตาม การวิเคราะห์การถดถอยด้วยโปรแกรมสาเร็จรูป ได้ผลการวิเคราะห์( Output) ดังตาราง Independent: X Dependent Mth Rsq d.f F Sigf b0 b1 Y LIN .996 3 729.00 .000 -.5000 2.7000 4. จากตารางผลการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้การประมาณค่าโดยใช้ ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันในข้อใด ก. เส้นตรง ข. พาราโบลา ค. ไฮเปอร์โบลา ง. เอกซ์โพเนนเชียล 5. จากตารางผลการวิเคราะห์ข้อมูล จงหาสมการประมาณค่า ก. Y = 5X – 2.7 ข. Y = - 5X + 2.7 ค. Y = 2.7X – 5 ง. Y = 2.7X + 5 6. จากตารางผลการวิเคราะห์ข้อมูล ถ้าให้ X เป็นตัวแปรอิสระและ Y เป็นตัวแปรตาม ใช้การประมาณค่าโดยใช้ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันในข้อใด ก. เส้นตรง ข. พาราโบลา ค. ไฮเปอร์โบลา ง. เอกซ์โพเนนเชียล 7. จงหาสมการประมาณค่า ก. Y = - 2X2 + 7.3X – 1.5 ข. Y = - 2X2 + 1.5X - 7.3 ค. Y = - 1.5 X2 + 7.3X + 2 ง. Y = - 1.5 X2 + 7.3X - 2 กาหนดข้อมูลต่อไปนี้ตอบคาถามข้อ 8 – 10 ข้อมูลต่อไปนี้แสดงเงินเดือนของชายคนหนึ่ง ตั้งแต่พ.ศ. 2548 – 2552 เป็นดังนี้ พ.ศ. 2548 2549 2550 2551 2552 เงินเดือน(พันบาท) 18 19.8 20.2 21.4 22.5 8. การกาหนดอนุกรมเวลา (X) แทนข้อมูลข้อใดถูก ก. 1 , 2 , 3 , 4 , 5 ข. – 2 , - 1 , 0 , 1 , 2 ค. – 3 , - 1 , 0 , 1 , 3 ง. – 4 , - 2 , 0 , 2 , 4 ผลการวิเคราะห์( Output) ตอบคาถาม ข้อ 9 - 10 การวิเคราะห์การถดถอยด้วยโปรแกรมสาเร็จรูป ได้ผลการวิเคราะห์( Output) ดังตาราง Independent: X Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 LOGY EXP .961 3 74.66 .003 1.3076 .0174 9. จากตารางผลการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้การประมาณค่าโดยใช้ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันในข้อใด ก. เส้นตรง ข. พาราโบลา ค. ไฮเปอร์โบลา ง. เอกซ์โพเนนเชียล 10. ถ้าให้ X เป็นตัวแปรอิสระและ Y เป็นตัวแปรตาม สมการประมาณค่าคือข้อใด ก. log Y = 0.0174X + 1.3076 ข. log Y = 1.3076X + 0.0174 ค. log Y = 0.0751X + 0.3062 ง. log Y = 0.3062X + 0.0751
  • 40.
    40 ใบกิจกรรมชุดที่ 3 คาสั่ง จงใช้กระบวนการแก้ปัญหาโดยใช้กลวิธีSTARแก้โจทย์ปัญหาต่อไปนี้ 1.ในการหาความสัมพันธ์ระหว่างเงินเดือนกับค่าใช้จ่ายของพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเงินเดือนต่างๆกัน โดยการสุ่มพนักงานของบริษัทนี้มา 5 คน แล้วสอบถามเกี่ยวกับเงินเดือนและค่าใช้จ่ายได้ผลดังตารางต่อไปนี้ เงินเดือน (หมื่นบาท) 1 2 3 4 5 ค่าใช้จ่าย (หมื่นบาท) 1 1 2 2 4 1) จงสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูลและประมาณค่า 2) ถ้าพนักงานมีเงินเดือน 80,000 บาท เขาจะมีค่าใช้จ่ายเดือนละกี่บาท 2. ในการหาความสัมพันธ์ระหว่างเงินเดือนกับค่าใช้จ่ายของพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเงินเดือนต่างๆกัน โดยการ สุ่มพนักงานของบริษัทนี้มา 5 คน แล้วสอบถามเกี่ยวกับเงินเดือนและค่าใช้จ่ายได้ผลดังตารางต่อไปนี้ เงินเดือน (หมื่นบาท) 1 2 3 4 5 ค่าใช้จ่าย (หมื่นบาท) 1 1 2 2 4 1) จงสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูลและประมาณค่า 2) ถ้าพนักงานมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 30,000 บาท เขาจะต้องมีเงินเดือนๆละกี่บาท 3. คาสั่ง จงใช้การประมาณค่าของค่าคงตัวโดยใช้ระเบียบวิธีกาลังสองที่น้อยที่สุด จากใบกิจกรรมชุดที่ 3 ข้อ1 พิจารณาค่าของ Y และ Yˆ ตาราง 2.4 ข X Y Yˆ = Y - Yˆ (Y - Yˆ )2 1 1 2 1 3 2 4 2 5 4  5 1i ix =  5 1i iy = -   5 1 )ˆ( i i YY = 0 25 1 )ˆ(  i i YY = ลักษณะของเส้นตรงดังกล่าวต้องเป็นไปตามเงื่อนไข 3 ประการดังนี้ 1.   n i i YY 1 )ˆ( = 0 2. 2n 1i i )YˆY(   มีค่าน้อยที่สุด 3. (x , y ) ต้องเป็นจุดอยู่บนเส้นตรง Y = aX + b ซึ่งเป็นสมการเส้นตรงที่สร้างขึ้นมาเป็นตัวแทนของ ข้อมูลนั้นคือ y = ax + b จะได้ x = ……… , y = ……. , a = ……… , b = ……….. ดังนั้น y = a x + b
  • 41.
    41 4. จากการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการให้นมชนิดหนึ่งต่อวันสาหรับทารกที่มี อายุต่าง ๆกัน อายุ(เดือน): X 1 2 3 4 ปริมาณนม(กรัม) : Y 4 6 7 5 1) จงหาสมการของความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูล 2) จงทานายถ้าปริมาณนมที่ใช้สาหรับทารกที่มีอายุ 2.5 เดือน 5. จากการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการให้นมชนิดหนึ่งสาหรับทารกที่มีอายุต่าง ๆ กัน อายุ(เดือน): X 1 2 3 4 ปริมาณนม(กรัม) : Y 4 6 7 5 1) จงหาสมการของความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูล 2) จงทานายถ้าปริมาณนม 4.5 มิลลิกรัม ที่ใช้สาหรับทารกที่มีอายุกี่เดือน 6. จากการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสารับทารกที่มีอายุต่างๆกัน ในการรักษาโรค อายุ(เดือน) : X 1 2 3 4 ปริมาณยา(มิลลิกรัม) : Y 3 5 6 4 1) จงหาความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสารับทารกที่มีอายุต่างๆกันในการรักษาโรค 2) จงทานายปริมาณยาที่ใช้สาหรับทารกที่มีอายุ 2.5 เดือน 3) จงทานายปริมาณยา 5.5 มิลลิกรัมใช้สาหรับทารกที่มีอายุกี่เดือน 7. ข้อมูลต่อไปนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างเวลากับเงินเดือนของชายคนหนึ่งในรูปเส้นตรง ตั้งแต่ พ.ศ. 2550 – 2554 ดังนี้ ปี พ.ศ. 2550 2551 2552 2553 2554 เงินเดือน(พันบาท) 7.5 8 9.5 11.2 12.8 1. จงเขียนแผนภาพการกระจาย 2. จงหาสมการของความสัมพันธ์ระหว่างเวลากับเงินเดือน 3. จงประมาณเงินเดือนของชายคนนี้ในปี 2559 8. จานวนรถยนต์ที่บริษัทแห่งหนึ่งขายได้ ( ร้อยคัน ) มีความสัมพันธ์กับเวลาในรูปเส้นตรง ระหว่าง ปี 2550 – 2555 ดังนี้ ปี พ.ศ. 2550 2551 2552 2553 2554 2555 จานวนรถยนต์(ร้อยคัน) 12 16 20 22 24 26 1. จงเขียนแผนภาพการกระจาย 2. จงหาสมการเพื่อใช้ประมาณจานวนรถยนต์ที่ขายได้ในเวลาต่างๆ 3. จงประมาณจานวนรถยนต์ที่ขายได้ในปี พ.ศ. 2558
  • 42.
    42 9. ข้อมูลต่อไปนี้แสดงเงินเดือนของชายคนหนึ่ง มีความสัมพันธ์กับเวลาในรูปเส้นตรง ตั้งแต่พ.ศ. 2551 – 2555 เป็นดังนี้ พ.ศ. 2551 2552 2553 2554 2555 เงินเดือน (พันบาท) 18 19.8 20.2 21.4 22.5 1. จงหาสมการของความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างเงินเดือนในเวลาต่างๆ 2. จงประมาณเงินเดือนของชายคนนี้ในปี พ.ศ. 2558 เป็นเงินกี่บาท 10. จานวนรถยนต์ที่บริษัทแห่งหนึ่งขายได้(ร้อยคัน) มีความสัมพันธ์กับเวลาในรูปเส้นตรงระหว่าง ปี พ.ศ. 2550 – 2555 ดังนี้ ปี พ.ศ. 2550 2551 2552 2553 2554 2555 จานวนรถยนต์(ร้อยคัน) 12 14 20 24 30 32 1. จงหาสมการของความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างรถยนต์ที่ขายได้ในเวลาต่างๆ 2. จงประมาณจานวนรถยนต์ที่ขายได้ในปี พ.ศ. 2560 11. ข้อมูลต่อไปนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างเวลากับเงินเดือนของชายคนหนึ่งใน รูปเอกซ์โพเนนเชียล ตั้งแต่ พ.ศ. 2551 – 2555 ดังนี้ ปี พ.ศ. : X 2551 2552 2553 2554 2555 เงินเดือน(พันบาท) : Y 7.5 8 9.5 11.2 12.8 1. จงเขียนแผนภาพการกระจาย 2. จงหาสมการของความสัมพันธ์ระหว่างเวลากับเงินเดือน 3. จงประมาณเงินเดือนของชายคนนี้ในปี 2560 12. กาหนดข้อมูลซึ่งเป็นกาไรสุทธิ (ล้านบาท) ของบริษัทแห่งหนึ่งในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา มีความสัมพันธ์กับเวลาในรูปเอกซ์โพเนนเชียลระหว่าง ปี 2550 – 2555 ดังนี้ ปี พ.ศ. 2550 2551 2552 2553 2554 2555 กาไรสุทธิ (ล้านบาท) 8 9.5 10 11.5 13 15 1. จงเขียนแผนภาพการกระจาย 2. จงหาสมการเพื่อใช้ประมาณกาไรสุทธิ (ล้านบาท)ในเวลาต่างๆ 3. จงประมาณกาไรสุทธิ (ล้านบาท)ในปี พ.ศ. 2557 13. จงสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันแบบเอกซ์โพเนนเชียลของกับประชากรระหว่าง ปี พ.ศ. 2547 – 2555ดังนี้ ปี พ.ศ. 2547 2548 2549 2550 2551 2552 2553 2554 2555 จานวนประชากร (ล้านคน) 24.9 25.6 26.4 27.2 28.0 28.8 29.7 30.6 31.5 จงหาความสัมพันธ์ประมาณจานวนประชากรของท้องถิ่นแห่งนี้ในปี พ.ศ. 2565 กาหนดให้ log 2.49 = 0.3962 log 2.72 = 0.4346 log 2.97 = 0.4728 log 4.26 = 0.6294 log 2.56 = 0.4082 log 2.8 = 0.4472 log 3.06 = 0.4857 log 4.23 = 0.6263 log 2.64 = 0.4216 log 2.88 = 0.4594 log 3.15 = 0.4983 log 5.26 = 0.7210
  • 43.
    43 14. ข้อมูลต่อไปนี้แสดงเงินเดือนของชายคนหนึ่ง ตั้งแต่พ.ศ. 2551 – 2555 เป็นดังนี้ พ.ศ. 2551 2552 2553 2554 2555 เงินเดือน (พันบาท) 18 19.8 20.2 21.4 22.5 ให้ log 1.8 = 0.2553 log 1.98 = 0.2967 log 2.02 = 0.3054 log 2.14 = 0.3304 log 2.25 = 0.3522 log 2.48 = 0.3946 log 2.582 = 0.4120 log 2.64 = 0.4218 log 4.13 = 0.6061 log 4.805 = 0.6817 ถ้าใช้ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันในรูปเอกซ์โพเนนเชียล ประมาณค่า จงประมาณเงินเดือนของชายคนนี้ในปี พ.ศ. 2558 เป็นเงินกี่บาท บรรณานุกรม กานดา ลือสุทธิวิบูลย์อาจารย์ยุพิน จิรสุขานนท์ , ( ……..)SHORT CUT TO MATHEMATICS . กรุงเทพมานคร : สานักพิมพ์เดอะบุคส์ กมล เอกไทยเจริญ , ( 2533) , คณิตศาสตร์ ม. 5 เล่ม 4 ค014 .กรุงเทพ : สานักพิมพ์ไฮเอ็ดพับลิชชิ่ง กรมวิชาการ. (2544 ). หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2544 . กรุงเทพมหานคร : คุรุสภาลาดพร้าว. . (2545 ). คู่มือการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระคณิตศาสตร์ . กรุงเทพมหานคร : คุรุสภาลาดพร้าว. จักรินทร์ วรรณโพธิ์กลาง. (2553). คัมภีร์คณิตศาสตร์ ENTRANCE ม.4 - ม.6 ฉบับสมบูรณ์. นนทบุรี: โรงพิมพ์เพิ่มทรัพย์การพิมพ์. ฉวีวรรณ เศวตมาลย์, ( 2546 ) , คณิตศาสตร์ ช่วงชั้นที่ 4 .กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์ประสานมิตร ประกายรัตน์ สุวรรณ. (2548). คู่มือการใช้โปรแกรมSPSS เวอร์ชัน12 สาหรับ Window. กรุงเทพมหานคร: บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่นจากัด มหาชน. ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, สถาบัน. (2553). คู่มือครูสาระการเรียนรู้ เพิ่มเติมคณิตศาสตร์เล่ม 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์สกสค ลาดพร้าว. . (2553). หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม คณิตศาสตร์ เล่ม 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์สกสค ลาดพร้าว. สมัย เหล่าวานิชย์และพัวพรรณ เหล่าวานิชย์. (2547). คณิตศาสตร์ ม.6 เล่ม 5. กรุงเทพมหานคร: บริษัทไฮเอ็ดพับลิชชิ่งจากัด.
  • 44.
  • 45.
  • 46.
  • 47.
  • 48.
  • 49.
    49 เฉลยใบกิจกรรมที่ 1.1 กระบวนการแก้ปัญหาของ Polyaซึ่งประกอบด้วยกระบวนการ 4 ขั้นตอนดังนี้ ขั้นที่ 1 S(Search) ศึกษาโจทย์ปัญหา 1.1 สิ่งที่โจทย์กาหนด เช่น ปริมาณปุ๋ ย ความสัมพันธ์ระหว่าง (กิโลกรัมต่อไร่) กับ ผลผลิต (กิโลกรัมต่อไร่) ถ้าผลผลิตเท่ากับ 100 กิโลกรัมต่อไร่ ( บอกค่า y ) 1.2 สิ่งที่โจทย์ถามหาอะไร จะต้องใช้ปริมาณปุ๋ ยเป็นเท่าไร (ถามค่า x ) ขั้นที่ 2 T(Translate) แปลงข้อมูลโจทย์ปัญหาไปสู่สัญลักษณ์คณิตศาสตร์ 2.1 เขียนแผนภาพการกระจาย 2.2 สร้างตาราง 2.3 สร้างสมการปกติ 2.4 แก้สมการ หาค่าคงตัว คือ a และ b ขั้นที่ 3 A(Answer) หาคาตอบ เขียนแผนภาพการกระจาย ขั้นที่ 4 R(Review) ทบทวนตรวจสอบผลที่ได้โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป เฉลยใบกิจกรรมที่ 1.2 คาตอบของระบบสมการ คือ (5 , - 2 ) 2. คาตอบของระบบสมการ คือ ( 2 , - 3 ) เฉลยใบกิจกรรมที่ 1.3 คาตอบของระบบสมการ คือ ( 2 , - 3 , 4 ) เฉลยใบกิจกรรมที่ 1.4 1. ให้ log 2 = 0.3010 log 3 = 0.4771 จงใช้ค่าของ log 2 และ log 3 จงประมาณค่าของ log ต่อไปนี้ 1. log 6 = 0.7781 2. log 5 = 0.6990 3. log 8 = 0.9030 4. log 9 = 0.9542 5. log 100 = 2 6. log 1 = 0 เฉลยใบกิจกรรมที่ 1.4 (ต่อ) 2. จงเปิดตารางหาค่าของ log ต่อไปนี้ 1. log 2.48 = 0.3445 2. log 3.4 = 0.5315 3. log 4.62 = 0.6637 4. log 5.37 = 0.7300 5. log 6.59 = 0.8289 6. log 7.15 = 0.8543 7. log 8.23 = 0.9154 8. log 9.09 = 0.9586 9. log 5.426 = 0.7345 10. log 8.125 = 0.9099 3. จงหาค่าของ log ต่อไปนี้
  • 50.
    50 1. log 421= 2.6243 2. log 3570 = 3.5527 3. log 0.0432 = - 1.3645 4. log 0.00786 = -2.1043 4. จงหาค่า N (antilogarithm ของ log N ) 1. log N = 1.9212 N = 83.4 2. log N = 3.4564 N = 2860 3. log N = - 1.2125 N = 0.0613 4. log N = - 2.1630 N = 0.00687 เฉลยแบบทดสอบท้ายชุดกิจกรรมที่ 1 1. ข 2. ข 3. ง 4. ค 5. ข 6. ค 7. ก 8. ค 9. ง 10. ค 11. ง 12. ค 13. ข 14. ก 15. ข 16. ค 17. ข 18. ค 19. ง 20. ค เฉลยใบกิจกรรมที่ 2.1 1. ก 2. ก 3. ง 4. ก 5. ค 6. ข 7. ง 8. ข 9. ง 10. ก เฉลยใบกิจกรรมชุดที่ 3 1. ในการหาความสัมพันธ์ระหว่างเงินเดือนกับค่าใช้จ่ายของพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเงินเดือนต่างๆกัน โดยการ สุ่มพนักงานของบริษัทนี้มา 5 คน แล้วสอบถามเกี่ยวกับเงินเดือนและค่าใช้จ่ายได้ผลดังตารางต่อไปนี้ เงินเดือน (หมื่นบาท) 1 2 3 4 5 ค่าใช้จ่าย (หมื่นบาท) 1 1 2 2 4 จงใช้กระบวนการแก้ปัญหาโดยใช้กลวิธีSTAR 1) จงสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูลและประมาณค่า ถ้า y เป็นตัวแปรตาม (รายจ่าย) และ x เป็นตัวแปรอิสระ (รายได้) ตอบ สมการประมาณค่า คือ Yˆ = 0.7X - 0.1
  • 51.
    51 2) ถ้าพนักงานมีเงินเดือน 80,000บาท เขาจะมีค่าใช้จ่ายเดือนละกี่บาท ตอบ รายจ่ายเดือนละ 55,000 บาท Independent: X Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 Y LIN .817 3 13.36 .035 -.1000 .7000 เฉลยใบกิจกรรมที่ 2.3 2. ถ้าพนักงานมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 30,000 บาท เขาจะต้องมีเงินเดือนๆละกี่บาท ถ้า x เป็นตัวแปรตาม (รายได้) และ y เป็นตัวแปรอิสระ (รายจ่าย) สมการประมาณค่า คือ Xˆ = 1.67 Y + 0.66 ตอบ เงินเดือนๆละ 41,700 บาท Independent: Y Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 X LIN .817 3 13.36 .035 .6667 1.1667 3. คาสั่ง จงใช้การประมาณค่าของค่าคงตัวโดยใช้ระเบียบวิธีกาลังสองที่น้อยที่สุด จากใบกิจกรรมชุดที่ 3 ข้อ1 พิจารณาค่าของ Y และ Yˆ
  • 52.
    52 ลักษณะของเส้นตรงดังกล่าวต้องเป็นไปตามเงื่อนไข 3 ประการดังนี้ 1.  n i i YY 1 )ˆ( = 0 2. 2n 1i i )YˆY(   มีค่าน้อยที่สุด 3. (x , y ) ต้องเป็นจุดอยู่บนเส้นตรง Y = aX + b ซึ่งเป็นสมการเส้นตรงที่สร้างขึ้นมาเป็นตัวแทนของ ข้อมูลนั้นคือ y = ax + b จะได้ x = 3 , y = 2 , a = 0.7 , b = - 0.1 ดังนั้น y = a x + b 2 = 0.7(3) - 0.1 = 2.1 – 0.1 = 2 เป็นจริง 4. จากการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการให้นมชนิดหนึ่งต่อวันสาหรับทารกที่มี อายุต่าง ๆ กัน อายุ(เดือน): X 1 2 3 4 ปริมาณนม(กรัม) : Y 4 6 7 5 1) จงหาสมการของความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูล ถ้า y เป็นตัวแปรตาม (ปริมาณนม) และ x เป็นตัวแปรอิสระ (อายุ) ตอบ สมการประมาณค่า คือ Yˆ = -X2 + 5.4 X - 0.5 2) จงทานายถ้าทารกอายุ 2.5 เดือน จะใช้นมปริมาณกี่กรัม ตอบ จะใช้ปริมาณนมประมาณ 6.75 กรัม Independent: X Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 b2 Y QUA .960 1 12.00 .200 -.5000 5.4000 -1.0000 1) จงหาสมการของความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูล 2) จงทานายถ้าปริมาณนม 4.5 มิลลิกรัม ที่ใช้สาหรับทารกที่มีอายุกี่เดือน
  • 53.
    53 Independent: X Dependent MthRsq d.f. F Sigf b0 b1 b2 Y QUA .960 1 12.00 .200 -.5000 5.4000 -1.0000 Y X 4.54.03.53.02.52.01.51.0.5 7.5 7.0 6.5 6.0 5.5 5.0 4.5 4.0 3.5 Observed Quadratic 5. จากการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการให้นมชนิดหนึ่งต่อวันสาหรับทารกที่มี อายุต่าง ๆ กัน 1) จงหาสมการของความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูล ถ้า x เป็นตัวแปรตาม (อายุ) และ y เป็นตัวแปรอิสระ(ปริมาณนม) สมการประมาณค่า คือ Xˆ = -0.5Y 2 + 5.9Y - 14.2 2) จงทานายถ้าปริมาณนม 4.5 กรัม ที่ใช้สาหรับทารกที่มีอายุกี่เดือน ตอบ ใช้สาหรับทารกที่มีอายุ 2.10 เดือน Independent: Y Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 b2 X QUA .360 1 .28 .800 -14.200 5.9000 -.5000 X Y 7.57.06.56.05.55.04.54.03.5 4.5 4.0 3.5 3.0 2.5 2.0 1.5 1.0 .5 Observed Quadratic
  • 54.
    54 6. จากการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสารับทารกที่มีอายุต่างๆกัน ในการรักษาโรค อายุ(เดือน) :X 1 2 3 4 ปริมาณยา(มิลลิกรัม) : Y 3 5 6 4 1) จงหาความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสารับทารกที่มีอายุต่างๆกันในการรักษาโรค 2) จงทานายปริมาณยาที่ใช้สาหรับทารกที่มีอายุ 2.5 เดือน 3) จงทานายปริมาณยา 5.5 มิลลิกรัมใช้สาหรับทารกที่มีอายุกี่เดือน Independent: X Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 b2 Y QUA .960 1 12.00 .200 -1.5000 5.4000 -1.0000 Y X 4.54.03.53.02.52.01.51.0.5 6.5 6.0 5.5 5.0 4.5 4.0 3.5 3.0 2.5 Observed Quadratic Independent: Y
  • 55.
    55 Dependent Mth Rsqd.f. F Sigf b0 b1 b2 X QUA .360 1 .28 .800 -8.8000 4.9000 -.5000 X Y 6.56.05.55.04.54.03.53.02.5 4.5 4.0 3.5 3.0 2.5 2.0 1.5 1.0 .5 Observed Quadratic 7. ข้อมูลต่อไปนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างเวลากับเงินเดือนของชายคนหนึ่งในรูปเส้นตรง ตั้งแต่ พ.ศ. 2550 – 2554 ดังนี้ ปี พ.ศ. : t 2550 2551 2552 2553 2554 เงินเดือน(พันบาท) : Y 7.5 8 9.5 11.2 12.8 1. จงเขียนแผนภาพการกระจาย 2. จงหาสมการของความสัมพันธ์ระหว่างเวลากับเงินเดือน ถ้า y เป็นตัวแปรตาม(เงินเดือน) และ t เป็นตัวแปรอิสระ (ระยะเวลา) ตอบ สมการประมาณค่า คือ Yˆ = 1.38 t + 9.8 3. จงประมาณเงินเดือนของชายคนนี้ในปี 2559 ในปี พ.ศ. 2559 ค่า t = 7 ตอบ เงินเดือนของชายคนนี้ประมาณ 19.46 พันบาทหรือ 19,460 บาท Independent: T Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 Y LIN .973 3 106.59 .002 9.8000 1.3800
  • 56.
    56 8. จานวนรถยนต์ที่บริษัทแห่งหนึ่งขายได้(ร้อยคัน) มีความสัมพันธ์กับเวลาในรูปเส้นตรงระหว่าง ปีพ.ศ. 2550 – 2555 ดังนี้ ปี พ.ศ. 2550 2551 2552 2553 2554 2555 จานวนรถยนต์(ร้อยคัน) 12 16 20 22 24 26 1. จงหาสมการของความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างรถยนต์ที่ขายได้ในเวลาต่างๆ ถ้า y เป็นตัวแปรตาม(จานวนรถยนต์) และ t เป็นตัวแปรอิสระ (ระยะเวลา) ตอบ สมการประมาณค่า คือ Yˆ = 1.37 t + 20 2. จงประมาณจานวนรถยนต์ที่ขายได้ในปี พ.ศ. 2557 ในปี พ.ศ. 2557 ค่า t = 11 ตอบ จานวนรถยนต์ที่ขายได้ประมาณ 35.07 ร้อยคันหรือ 3507 คัน Independent: T Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 Y LIN .968 4 121.26 .000 20.0000 1.3714 9. ข้อมูลต่อไปนี้แสดงเงินเดือนของชายคนหนึ่ง ตั้งแต่ พ.ศ. 2551 – 2555 เป็นดังนี้ พ.ศ. 2551 2552 2553 2554 2555 เงินเดือน (พันบาท) 18 19.8 20.2 21.4 22.5 1. จงหาสมการของความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างเงินเดือนในเวลาต่างๆ ตอบ สมการประมาณค่า คือ Yˆ = 1.06 t + 20.38 2. จงประมาณเงินเดือนของชายคนนี้ในปี พ.ศ. 2558 เป็นเงินกี่บาท ในปี พ.ศ. 2558 ค่า t = 5 ตอบ เงินเดือนของชายคนนี้ในปี พ.ศ. 2558 ประมาณ 2.68 พันบาท หรือ 26,800 บาท
  • 57.
    57 Independent: T Dependent MthRsq d.f. F Sigf b0 b1 Y LIN .971 3 101.53 .002 20.3800 1.0600 10. จานวนรถยนต์ที่บริษัทแห่งหนึ่งขายได้(ร้อยคัน) มีความสัมพันธ์กับเวลาในรูปเส้นตรงระหว่าง ปี พ.ศ. 2551 – 2555 ดังนี้ ปี พ.ศ. 2550 2551 2552 2553 2554 2555 จานวนรถยนต์(ร้อยคัน) 12 14 20 24 30 32 1. จงหาสมการของความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างรถยนต์ที่ขายได้ในเวลาต่างๆ ถ้า y เป็นตัวแปรตาม(จานวนรถยนต์) และ t เป็นตัวแปรอิสระ (ระยะเวลา) ตอบ สมการประมาณค่า คือ Yˆ = 2.17 t + 22 2. จงประมาณจานวนรถยนต์ที่ขายได้ในปี พ.ศ. 2560 ในปี พ.ศ. 2557 ค่า t = 15 ตอบ จานวนรถยนต์ที่ขายได้ประมาณ 54.55 ร้อยคันหรือ 5,455 คัน Independent: T Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 Y LIN .982 4 222.15 .000 22.0000 2.1714
  • 58.
    58 11. ข้อมูลต่อไปนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างเวลากับเงินเดือนของชายคนหนึ่งใน รูปเอกซ์โพเนนเชียล ตั้งแต่พ.ศ. 2551 – 2555 ดังนี้ ปี พ.ศ. : t 2551 2552 2553 2554 2555 เงินเดือน(พันบาท) : Y 7.5 8 9.5 11.2 12.8 1. จงเขียนแผนภาพการกระจาย 2. จงหาสมการของความสัมพันธ์ระหว่างเวลากับเงินเดือน ตอบ สมการประมาณค่าคือ log y = 0.9825 + 0.0610x 3. จงประมาณเงินเดือนของชายคนนี้ในปี พ.ศ. 2560 ในปี พ.ศ. 2560 ค่า t = 7 ตอบเงินเดือนของชายคนนี้ในปี พ.ศ. 2557 ประมาณ 25.68 พันบาท หรือ 25,680 บาท Independent: T Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 LOGY EXP .986 3 211.92 .001 .9785 .0620 12. กาหนดข้อมูลซึ่งเป็นกาไรสุทธิ (ล้านบาท) ของบริษัทแห่งหนึ่งในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา มีความสัมพันธ์กับเวลาในรูปเอกซ์โพเนนเชียลระหว่าง ปี 2550 – 2555 ดังนี้ ปี พ.ศ. 2550 2551 2552 2553 2554 2555 กาไรสุทธิ (ล้านบาท) 8 9.5 10 11.5 13 15 1. จงเขียนแผนภาพการกระจาย
  • 59.
    59 2. จงหาสมการเพื่อใช้ประมาณกาไรสุทธิ (ล้านบาท)ในเวลาต่างๆ ตอบสมการประมาณค่า คือ log y = 1.0386 + 0.0262 t 3. จงประมาณกาไรสุทธิ (ล้านบาท)ในปี พ.ศ. 2557 ในปี พ.ศ. 2557 ค่า t = 7 ตอบ กาไรสุทธิประมาณ 18.81 ล้านบาท Independent: T Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 LOGY EXP .988 4 328.23 .000 1.0347 .0253 13. จงสร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันแบบเอกซ์โพเนนเชียลของประชากรกับเวลา ระหว่าง ปี พ.ศ. 2547 – 2555 ดังนี้ ปี พ.ศ. 2547 2548 2549 2550 2551 2552 2553 2554 2555 จานวนประชากร (ล้านคน) 24.9 25.6 26.4 27.2 28.0 28.8 29.7 30.6 31.5 จงหาความสัมพันธ์ประมาณจานวนประชากรของท้องถิ่นแห่งนี้ในปี พ.ศ. 2565 ตอบ สมการประมาณค่าคือ log y = 1.4471 + 0.0128 t ในปี พ.ศ. 2565 ค่า t = 14 จานวนประชากรของท้องถิ่นแห่งนี้ในปี พ.ศ. 2565ประมาณ 42.3 ล้านคน Independent: T Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 LOGY EXP 1.000 7 45340.0 .000 1.4436 .0102
  • 60.
    60 14. ข้อมูลต่อไปนี้แสดงเงินเดือนของชายคนหนึ่ง ตั้งแต่พ.ศ. 2551 – 2555 เป็นดังนี้ พ.ศ. 2551 2552 2553 2554 2555 เงินเดือน (พันบาท) 18 19.8 20.2 21.4 22.5 ถ้าใช้ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันในรูปเอกซ์โพเนนเชียล ประมาณค่า จงประมาณเงินเดือนของชายคนนี้ในปี พ.ศ. 2558 เป็นเงินกี่บาท ตอบ สมการประมาณค่า คือ log y = 1.3082 + 0.0179 t จงประมาณเงินเดือนของชายคนนี้ในปี พ.ศ. 2558 ในปี พ.ศ. 2558 ค่า t = 5 ตอบ เงินเดือนของชายคนนี้ในปี พ.ศ. 2558 ประมาณ 2.64 พันบาท หรือ 26,400 บาท Independent: T Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 LOGY EXP .963 3 78.10 .003 1.3082 .0179
  • 61.
    61 เฉลยแบบทดสอบท้ายชุดกิจกรรมที่ 2 1. ข้อมูลต่อไปนี้แสดงปริมาณปุ๋ยที่ใช้ (กิโลกรัม) กับผลผลิตที่ได้(ตันต่อไร่) ของสวนลางสาดแห่งหนึ่ง ปริมาณปุ๋ ย( กก.ต่อไร่) : X 2 4 6 8 10 ผลผลิต(ตันต่อไร่) : Y 4 6 8 9 13 1) จงหาความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างปุ๋ ยกับผลผลิตที่ได้ของสวนแห่งนี้ ถ้า y เป็นตัวแปรตาม(ผลผลิต) และ x เป็นตัวแปรอิสระ (ปริมาณปุ๋ ย) ตอบ สมการประมาณค่า คือ Yˆ = 1.05 Xˆ + 1.7 2) ถ้าปริมาณปุ๋ ยเท่ากับ 7 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วผลผลิตลางสาดจะเป็นเท่าไร ตอบ ผลผลิตลางสาดประมาณ 9.05 ตันต่อไร่ Independent: X Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 Y LIN .959 3 69.63 .004 1.7000 1.0500 3) ถ้าต้องการให้ผลผลิตลางสาดได้ 15 ตันต่อไร่ ต้องใช้ปริมาณปุ๋ ยเท่าไร ตอบ ถ้า x เป็นตัวแปรตาม(ปริมาณปุ๋ ย) และ y เป็นตัวแปรอิสระ (ผลผลิต) สมการประมาณค่า คือ Xˆ = 0.91Yˆ - 1.30 ใช้ปริมาณปุ๋ ยประมาณ 12.35 กิโลกรัมต่อไร่ Independent: Y Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 X LIN .959 3 69.63 .004 -1.3043 .9130 พิจารณาค่าของ Y และ Yˆ X Y Yˆ = 1.05X + 1.7 Y - Yˆ (Y - Yˆ )2
  • 62.
    62 2 4 2.1+ 1.7 = 3.8 0.2 0.04 4 6 4.2 + 1.7 = 5.9 0.1 0.01 6 8 6.3 + 1.7 = 8 0 0 8 9 8.4 + 1.7 = 10.1 - 1.1 1.21 10 13 10.5 + 1.7 = 12.2 0.8 0.64  5 1i ix = 30  5 1i iy = 40 -   5 1 )ˆ( i i YY = 0 25 1 )ˆ(  i i YY = 1.9 ลักษณะของเส้นตรงดังกล่าวต้องเป็นไปตามเงื่อนไข 3 ประการดังนี้ 1.   n i i YY 1 )ˆ( = 0 2. 2 1    n i i )YˆY( มีค่าน้อยที่สุด 3. (x , y ) ต้องเป็นจุดอยู่บนเส้นตรง Y = aX + b ซึ่งเป็นสมการเส้นตรงที่สร้างขึ้นมาเป็นตัวแทนของ ข้อมูลนั้นคือ y = ax + b จะได้ x = 5 30 = 6 , y = 5 40 = 8 , a = 1.05 , b = 1.7 ดังนั้น y = a x + b 8 = 1.05(6) + 1.7 8 = 6.3 + 1.7 = 8 เป็นจริง เฉลยแบบทดสอบท้ายชุดกิจกรรมชุดที่ 3 จากการศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสารับทารกที่มีอายุต่างๆกัน ในการรักษาโรค อายุ(เดือน) : X 1 2 3 4 ปริมาณยา(มิลลิกรัม) : Y 3 5 6 4 1) จงหาความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างปริมาณการใช้ยาชนิดหนึ่งสารับทารกที่มีอายุต่างๆกัน ในการรักษาโรค ถ้า y เป็นตัวแปรตาม (ปริมาณยา) และ x เป็นตัวแปรอิสระ (อายุ) ตอบ สมการประมาณค่า คือ Yˆ = -X 2 + 5.4 X- 1.5 Independent: X
  • 63.
    63 Dependent Mth Rsqd.f. F Sigf b0 b1 b2 Y QUA .960 1 12.00 .200 -1.5000 5.4000 -1.0000 2) จงทานายปริมาณยาที่ใช้สาหรับทารกที่มีอายุ 2.5 เดือน ตอบ จะใช้ปริมาณยาประมาณ 5.75 มิลลิกรัม 3) จงทานายปริมาณยา 5.5 มิลลิกรัมใช้สาหรับทารกที่มีอายุกี่เดือน ถ้า x เป็นตัวแปรตาม (อายุ) และ y เป็นตัวแปรอิสระ(ปริมาณยา) สมการประมาณค่า คือ Xˆ = -0.5Yˆ 2 + 4.9Yˆ - 8.8 Independent: Y Dependent Mth Rsq d.f. F Sigf b0 b1 b2 X QUA .360 1 .28 .800 -8.8000 4.9000 -.5000 ตอบ ใช้สาหรับทารกที่มีอายุประมาณ 3.125 เดือน