จัดทาโดย
นางสาวบุญวิไล ทองดียง เลขที่ 27
                        ิ่
นางสาวกัญญาณี ศรี สุกใส เลขที่ 28
            ชั้น ม. 6/1
              เสนอ
       อาจารย์นิตยา ทองดียงิ่
  โรงเรี ยนรัษฏานุประดิษฐ์อนุสรณ์
 จอมทัพมาคธราษฎร์ ธ ยาตรพยุหกรี
ธาสู่ สาลี                                นคร
จอมทัพแห่ งแคว้ นมคธกรีธาทัพเข้ าเมืองเวสาลี

 โดยทางอันพระทวารเปิ ดนรนิกร
ฤารอจะต่อรอน                                 อะไร
ทางประตูเมืองทีเ่ ปิ ดอยู่โดยไม่ มผ้คนหรือทหารต่ อสู้
                                   ี ู
ประการใด

 เบื้องนั้นท่านคุรุวสสการทิชก็ไป
                     ั
นาทัพชเนนทร์ไท                             มคธ
 ขณะนั้นวัสสการพราหมณ์ ผู้เป็ นอาจารย์ กไปนาทัพ
                                         ็
ของกษัตริย์แห่ งมคธ
 เข้าปราบลิจฉวิขตติยรัฐชนบท
                     ั ์
สูเ้ งื้อมพระหัตถ์หมด                   และโดย
 เข้ ามาปราบกษัตริย์ลจฉวี อาณาจักรทั้งหมดก็ตกอยู่ใน
                         ิ
เงือมพระหัตถ์
    ้

 ไป่ พักต้องจะกะเกณฑ์นิกายพหลโรย
แรงเปลืองระดมโปรย                          ประยุทธ์
 โดยทีกองทัพไม่ ต้องเปลืองแรงในการต่ อสู้
         ่

 ราบคาบเสร็ จ ธ เสด็จลุราชคฤหอุต
ดมเขตบุเรศดุจ                          ณ เดิม
 ปราบราบคาบแล้ วเสด็จยังราชคฤห์ เมืองยิงใหญ่ ดงเดิม
                                        ่      ั
ชิต บุรทัตได้ ยกพุทธภาษิต แสดงคุณและโทษความสามัคคี ดังนี้


 พุทธทิบณฑิตั               พิเคราะห์คิดพินิจปรา
รภสรรเสริ ญ                  ธุสมัครภาพผล
 ผู้รู้ ท้งหลายมีพระพุทธเจ้ าเป็ นต้ น ได้ ใคร่ ครวญพิจารณา
           ั
กล่ าวสรรเสริญว่ าชอบแล้ วในเรื่องผลแห่ งความพร้ อมเพรียงกัน

 ว่าอาจจะอวยพรผา          สุ กภาวมาดล
ดีสู่ณ หมู่ตน              บ นิราศนิรันดร
 ความสามัคคีอาจอานวยให้ ถึงซึ่งสภาพแห่ งความผาสุ ก ณ
หมู่ของตนไม่ เสื่อมคลายตลอดไป
 หมู่ใดผิสามัค                คยพรรคสโมสร
ไปปราศนิราศรอน                 คุณไร้ไฉนดล
 หากหมู่ใดมีความสามัคคีร่วมชุมนุมกัน ไม่ ห่างเหินกัน สิ่งทีไร้
                                                            ่
ประโยชน์ จะมาสู่ ได้ อย่ างไร

 พร้อมเพรี ยงประเสริ ฐครัน        เพราะฉะนั้นแหละบุคคล
ผูหวังเจริ ญตน
    ้                           ธุระเกี่ยวกะหมู่เขา
 ความพร้ อมเพรี ยงนั้นประเสริฐยิง นัก เพราะฉะนั้นบุคคลใดหวัง
                                    ่
ทีจะได้ รับความเจริญแห่ งตนและมีกจธุระอันเป็ นส่ วนรวม
  ่                              ิ

 พึงหมายสมัครเป็ น                  มุขเป็ นประธานเอา
ธูรทัว ณ ตัวเรา
     ่                              บ มิเห็น ณ ฝ่ ายเดียว
 ก็พงตั้งใจเป็ นหัวหน้ าเอาเป็ นธุระด้ วยตัวของเราเองโดยมิเห็น
       ึ
ประโยชน์ ตนแต่ ฝ่ายเดียว
 ควรยกประโยชน์ยน     ื่           นครอื่นก็แลเหลียว
ดูบางและกลมเกลียว
   ้                              มิตรภาพประดุจครอง
 ควรยกประโยชน์ ให้ บุคคลอืนบ้ าง นึกถึงผู้อนบ้ าง ต้ องกลมเกลียว
                           ่                ื่
มีความเป็ นมิตรกันไว้

 ยั้งทิฐิมานหย่อน                    ทมผ่อนผจงจอง
อารี มิมีหมอง                     มนเมื่อจะทาใด
 ต้ องลดทิฐิมานะ รู้ จกข่ มใจ จะทาสิ่งใดก็เอือเฟื้ อกันไม่มความ
                       ั                      ้             ี
บาดหมางใจ

 ลาภผลสกลบรร                           ็
                                     ลุกปันก็แบ่งไป
ตามน้อยมากใจ                       สุจริ ตนิยมธรรม
 ผลประโยชน์ ท้งหลายทีเ่ กิดขึนก็แบ่ งปันกันไป มากบ้ างน้ อยบ้ าง
                ั             ้
อย่ างเป็ นธรรม
 พึงมารยาทยึด            สุประพฤติสงวนพรรค์
รื้ อริ ษยาอัน            อุปเฉทไมตรี
 ควรยึดมันในมารยาทและความประพฤติทดงาม รักษาหมู่
               ่                      ี่ ี
คณะโดยไม่ มความริษยากันอันจะตัดรอนไมตรี
                 ี

 ดังนั้น ณ หมู่ใด
     ่                       ผิ บ ไร้สมัครมี
พร้อมเพรี ยงนิพทธ์นี
                ั            รวิวาทระแวงกัน
 ดังนั้นถ้ าหมู่คณะใดไม่ ขาดซึ่งความสามัคคี มีความพร้ อม
เพรียงกันอยู่เสมอ ไม่มการวิวาท และระแวงกัน
                      ี

 หวังเทอญมิตองสง้             สยคงประสบพลัน
ซึ่งสุขเกษมสันต์               หิ ตะกอบทวีการ
 ก็หวังได้ โดยไม่ ต้องสงสัยว่ า คงจะพบซึ่งความสุ ข ความ
สงบ และประกอบด้ วยประโยชน์ มากมาย
 ใครเล่าจะสามารถ               มนอาจระรานหาญ
หักล้าง บ แหลกลาญ              ก็เพราะพร้อมเพราะเพรี ยงกัน
 ใครเล่ าจะมีใจกล้ าคิดทาสงครามด้ วย หวังจะทาลายล้ างก็
ไม่ ได้ ทั้งนีเ้ พราะความพร้ อมเพรียงกันนั่นเอง

 ป่ วยกล่าวอะไรฝูง          นรสูงประเสริ ฐครัน
ฤาสรรพสัตวือนั               เฉพาะมีชีวครอง
                                       ี
 กล่ าวไปไยกับมนุษย์ ผู้ประเสริฐหรือสรรพสัตว์ ทมชีวต
                                                ี่ ี ิ

 แม้มากผิกิ่งไม้            ผิวใครจะใคร่ ลอง
มัดกากระนั้นปอง              พลหักก็เต็มทน
 แม้ แต่ กงไม้ หากใครจะใคร่ ลองเอามามัดเป็ นกา ตั้งใจใช้ กาลัง
           ิ่
หักก็ยากเต็มทน
 เหล่านั้นผิไมตรี        สละลี้ ณ หมู่ตน
กิจใดจะขวายขวน           บ มิพร้อมมิเพรี ยงกัน
 หากหมู่ใดไม่มความสามัคคีในหมู่คณะของตน และกิจการอันใดที่
                ี
จะต้ องขวนขวายทาก็มพร้ อมเพรียงกัน
                   ิ

 อย่าปรารถนาหวัง           สุขทั้งเจริ ญอัน
มวลมาอุบติบรร
          ั                 ลุไฉน บ ได้มี
 ก็อย่ าได้ หวังเลยความสุ ขความเจริญจะเกิดขึนได้ อย่ างไร
                                             ้

 ปวงทุกข์พิบติสรร  ั       พภยันตรายกลี
แม้ปราศนิยมปรี             ติประสงค์ก็คงสม
 ความทุกข์ พบัตอนตรายและความชั่วร้ ายทั้งปวง ถึงแม้ จะไม่ ต้องการก็
                   ิ ิั
จะต้ องได้ รับเป็ นแน่ แท้
 ควรชนประชุมเช่น           คณะเป็ นสมาคม
สามัคคิปรารม               ภนิ พทธราพึง
                                ั
 ผู้ทอยู่รวมกันเป็ นหมู่คณะหรือสมาคม ควรคานึงถึงความสามัคคี
         ี่
อยู่เป็ นนิจ

 ไป่ มีก็ให้มี                    ้
                             ผิวมีกคานึง
เนื่องเพื่ออภิยโยจึง        จะประสบสุขาลัยฯฯ
 ถ้ ายังไม่ มกควรจะมีขน ถ้ ามีอยู่แล้ วก็ควรให้ เจริญรุ่งเรือง
               ี็       ึ้
ยิงขึนไปจึงจะถึงซึ่งความสุ ขความสบาย
  ่ ้
คุณค่ าด้ านวรรณศิลป์


1) การสรรคา เป็ นการเลือกใช้คาที่สื่อความคิดและอารมณ์ได้อย่าง
       ถาวร และศักดิ์สิทธิ์
ตัวอย่ าง
จอมทัพมาคธราษฎร์ ธ ยาตรพยุหกรี
ธาสู่ สาลี                               นคร

 โดยทางอันพระทวารเปิ ดนรนิกร
ฤารอจะต่ อรอน                               อะไร
2) การใช้ โวหาร สามัคคีเภทคาฉันท์มีความไพเราะงดงามอันเกิดจาก
     กวีใช้ศิลปะในการถ่ายทอดความหมายของเนื้อหาโดยการใช้
     บรรยายโวหารและพรรณนาโวหารเพื่อให้ผอ่านจินตนาการเห็น
                                               ู้
     ภาพ เข้าใจง่ายและเกิดอารมณ์คล้อยตามดังนี้
 บรรยายโวหาร ใช้คาให้เห็นภาพชัดเจนตามลาดับเหตุการณ์
     รวดเร็ วไม่เยิยเย้อ เข้าใจง่าย
                   ่
ตัวอย่ าง
 หมูใดผิสามัค
        ่                           คยพรรคสโมสร
ไปปราศนิราศรอน                      คุณไร้ ไฉนดล

 พร้ อมเพรี ยงประเสริ ฐครัน    เพราะฉะนันแหละบุคคล
                                            ้
ผู้หวังเจริ ญตน                 ธุระเกี่ยวกะหมูเ่ ขา
พรรณนาโวหาร เป็ นการสร้างมโนภาพ ให้ผอ่านเกิดภาพขึ้น
                                         ู้
ในใจหรื อมองเห็นภาพ บรรยายตามที่กวีตองการที่จะสื่ อ
                                      ้
ตัวอย่ าง
 ป่ วยกล่าวอะไรฝูง      นรสูงประเสริ ฐครัน
ฤาสรรพสัตวือนั           เฉพาะมีชีวครอง
                                    ี

 แม้มากผิกิ่งไม้       ผิวใครจะใคร่ ลอง
มัดกากระนั้นปอง         พลหักก็เต็มทน
งานไทย

งานไทย

  • 2.
    จัดทาโดย นางสาวบุญวิไล ทองดียง เลขที่27 ิ่ นางสาวกัญญาณี ศรี สุกใส เลขที่ 28 ชั้น ม. 6/1 เสนอ อาจารย์นิตยา ทองดียงิ่ โรงเรี ยนรัษฏานุประดิษฐ์อนุสรณ์
  • 3.
     จอมทัพมาคธราษฎร์ ธยาตรพยุหกรี ธาสู่ สาลี นคร จอมทัพแห่ งแคว้ นมคธกรีธาทัพเข้ าเมืองเวสาลี  โดยทางอันพระทวารเปิ ดนรนิกร ฤารอจะต่อรอน อะไร ทางประตูเมืองทีเ่ ปิ ดอยู่โดยไม่ มผ้คนหรือทหารต่ อสู้ ี ู ประการใด  เบื้องนั้นท่านคุรุวสสการทิชก็ไป ั นาทัพชเนนทร์ไท มคธ  ขณะนั้นวัสสการพราหมณ์ ผู้เป็ นอาจารย์ กไปนาทัพ ็ ของกษัตริย์แห่ งมคธ
  • 4.
     เข้าปราบลิจฉวิขตติยรัฐชนบท ั ์ สูเ้ งื้อมพระหัตถ์หมด และโดย  เข้ ามาปราบกษัตริย์ลจฉวี อาณาจักรทั้งหมดก็ตกอยู่ใน ิ เงือมพระหัตถ์ ้  ไป่ พักต้องจะกะเกณฑ์นิกายพหลโรย แรงเปลืองระดมโปรย ประยุทธ์  โดยทีกองทัพไม่ ต้องเปลืองแรงในการต่ อสู้ ่  ราบคาบเสร็ จ ธ เสด็จลุราชคฤหอุต ดมเขตบุเรศดุจ ณ เดิม  ปราบราบคาบแล้ วเสด็จยังราชคฤห์ เมืองยิงใหญ่ ดงเดิม ่ ั
  • 5.
    ชิต บุรทัตได้ ยกพุทธภาษิตแสดงคุณและโทษความสามัคคี ดังนี้  พุทธทิบณฑิตั พิเคราะห์คิดพินิจปรา รภสรรเสริ ญ ธุสมัครภาพผล  ผู้รู้ ท้งหลายมีพระพุทธเจ้ าเป็ นต้ น ได้ ใคร่ ครวญพิจารณา ั กล่ าวสรรเสริญว่ าชอบแล้ วในเรื่องผลแห่ งความพร้ อมเพรียงกัน  ว่าอาจจะอวยพรผา สุ กภาวมาดล ดีสู่ณ หมู่ตน บ นิราศนิรันดร  ความสามัคคีอาจอานวยให้ ถึงซึ่งสภาพแห่ งความผาสุ ก ณ หมู่ของตนไม่ เสื่อมคลายตลอดไป
  • 6.
     หมู่ใดผิสามัค คยพรรคสโมสร ไปปราศนิราศรอน คุณไร้ไฉนดล  หากหมู่ใดมีความสามัคคีร่วมชุมนุมกัน ไม่ ห่างเหินกัน สิ่งทีไร้ ่ ประโยชน์ จะมาสู่ ได้ อย่ างไร  พร้อมเพรี ยงประเสริ ฐครัน เพราะฉะนั้นแหละบุคคล ผูหวังเจริ ญตน ้ ธุระเกี่ยวกะหมู่เขา  ความพร้ อมเพรี ยงนั้นประเสริฐยิง นัก เพราะฉะนั้นบุคคลใดหวัง ่ ทีจะได้ รับความเจริญแห่ งตนและมีกจธุระอันเป็ นส่ วนรวม ่ ิ  พึงหมายสมัครเป็ น มุขเป็ นประธานเอา ธูรทัว ณ ตัวเรา ่ บ มิเห็น ณ ฝ่ ายเดียว  ก็พงตั้งใจเป็ นหัวหน้ าเอาเป็ นธุระด้ วยตัวของเราเองโดยมิเห็น ึ ประโยชน์ ตนแต่ ฝ่ายเดียว
  • 7.
     ควรยกประโยชน์ยน ื่ นครอื่นก็แลเหลียว ดูบางและกลมเกลียว ้ มิตรภาพประดุจครอง  ควรยกประโยชน์ ให้ บุคคลอืนบ้ าง นึกถึงผู้อนบ้ าง ต้ องกลมเกลียว ่ ื่ มีความเป็ นมิตรกันไว้  ยั้งทิฐิมานหย่อน ทมผ่อนผจงจอง อารี มิมีหมอง มนเมื่อจะทาใด  ต้ องลดทิฐิมานะ รู้ จกข่ มใจ จะทาสิ่งใดก็เอือเฟื้ อกันไม่มความ ั ้ ี บาดหมางใจ  ลาภผลสกลบรร ็ ลุกปันก็แบ่งไป ตามน้อยมากใจ สุจริ ตนิยมธรรม  ผลประโยชน์ ท้งหลายทีเ่ กิดขึนก็แบ่ งปันกันไป มากบ้ างน้ อยบ้ าง ั ้ อย่ างเป็ นธรรม
  • 8.
     พึงมารยาทยึด สุประพฤติสงวนพรรค์ รื้ อริ ษยาอัน อุปเฉทไมตรี  ควรยึดมันในมารยาทและความประพฤติทดงาม รักษาหมู่ ่ ี่ ี คณะโดยไม่ มความริษยากันอันจะตัดรอนไมตรี ี  ดังนั้น ณ หมู่ใด ่ ผิ บ ไร้สมัครมี พร้อมเพรี ยงนิพทธ์นี ั รวิวาทระแวงกัน  ดังนั้นถ้ าหมู่คณะใดไม่ ขาดซึ่งความสามัคคี มีความพร้ อม เพรียงกันอยู่เสมอ ไม่มการวิวาท และระแวงกัน ี  หวังเทอญมิตองสง้ สยคงประสบพลัน ซึ่งสุขเกษมสันต์ หิ ตะกอบทวีการ  ก็หวังได้ โดยไม่ ต้องสงสัยว่ า คงจะพบซึ่งความสุ ข ความ สงบ และประกอบด้ วยประโยชน์ มากมาย
  • 9.
     ใครเล่าจะสามารถ มนอาจระรานหาญ หักล้าง บ แหลกลาญ ก็เพราะพร้อมเพราะเพรี ยงกัน  ใครเล่ าจะมีใจกล้ าคิดทาสงครามด้ วย หวังจะทาลายล้ างก็ ไม่ ได้ ทั้งนีเ้ พราะความพร้ อมเพรียงกันนั่นเอง  ป่ วยกล่าวอะไรฝูง นรสูงประเสริ ฐครัน ฤาสรรพสัตวือนั เฉพาะมีชีวครอง ี  กล่ าวไปไยกับมนุษย์ ผู้ประเสริฐหรือสรรพสัตว์ ทมชีวต ี่ ี ิ  แม้มากผิกิ่งไม้ ผิวใครจะใคร่ ลอง มัดกากระนั้นปอง พลหักก็เต็มทน  แม้ แต่ กงไม้ หากใครจะใคร่ ลองเอามามัดเป็ นกา ตั้งใจใช้ กาลัง ิ่ หักก็ยากเต็มทน
  • 10.
     เหล่านั้นผิไมตรี สละลี้ ณ หมู่ตน กิจใดจะขวายขวน บ มิพร้อมมิเพรี ยงกัน  หากหมู่ใดไม่มความสามัคคีในหมู่คณะของตน และกิจการอันใดที่ ี จะต้ องขวนขวายทาก็มพร้ อมเพรียงกัน ิ  อย่าปรารถนาหวัง สุขทั้งเจริ ญอัน มวลมาอุบติบรร ั ลุไฉน บ ได้มี  ก็อย่ าได้ หวังเลยความสุ ขความเจริญจะเกิดขึนได้ อย่ างไร ้  ปวงทุกข์พิบติสรร ั พภยันตรายกลี แม้ปราศนิยมปรี ติประสงค์ก็คงสม  ความทุกข์ พบัตอนตรายและความชั่วร้ ายทั้งปวง ถึงแม้ จะไม่ ต้องการก็ ิ ิั จะต้ องได้ รับเป็ นแน่ แท้
  • 11.
     ควรชนประชุมเช่น คณะเป็ นสมาคม สามัคคิปรารม ภนิ พทธราพึง ั  ผู้ทอยู่รวมกันเป็ นหมู่คณะหรือสมาคม ควรคานึงถึงความสามัคคี ี่ อยู่เป็ นนิจ  ไป่ มีก็ให้มี ้ ผิวมีกคานึง เนื่องเพื่ออภิยโยจึง จะประสบสุขาลัยฯฯ  ถ้ ายังไม่ มกควรจะมีขน ถ้ ามีอยู่แล้ วก็ควรให้ เจริญรุ่งเรือง ี็ ึ้ ยิงขึนไปจึงจะถึงซึ่งความสุ ขความสบาย ่ ้
  • 12.
    คุณค่ าด้ านวรรณศิลป์ 1)การสรรคา เป็ นการเลือกใช้คาที่สื่อความคิดและอารมณ์ได้อย่าง ถาวร และศักดิ์สิทธิ์ ตัวอย่ าง จอมทัพมาคธราษฎร์ ธ ยาตรพยุหกรี ธาสู่ สาลี นคร  โดยทางอันพระทวารเปิ ดนรนิกร ฤารอจะต่ อรอน อะไร
  • 13.
    2) การใช้ โวหารสามัคคีเภทคาฉันท์มีความไพเราะงดงามอันเกิดจาก กวีใช้ศิลปะในการถ่ายทอดความหมายของเนื้อหาโดยการใช้ บรรยายโวหารและพรรณนาโวหารเพื่อให้ผอ่านจินตนาการเห็น ู้ ภาพ เข้าใจง่ายและเกิดอารมณ์คล้อยตามดังนี้  บรรยายโวหาร ใช้คาให้เห็นภาพชัดเจนตามลาดับเหตุการณ์ รวดเร็ วไม่เยิยเย้อ เข้าใจง่าย ่ ตัวอย่ าง  หมูใดผิสามัค ่ คยพรรคสโมสร ไปปราศนิราศรอน คุณไร้ ไฉนดล  พร้ อมเพรี ยงประเสริ ฐครัน เพราะฉะนันแหละบุคคล ้ ผู้หวังเจริ ญตน ธุระเกี่ยวกะหมูเ่ ขา
  • 14.
    พรรณนาโวหาร เป็ นการสร้างมโนภาพให้ผอ่านเกิดภาพขึ้น ู้ ในใจหรื อมองเห็นภาพ บรรยายตามที่กวีตองการที่จะสื่ อ ้ ตัวอย่ าง  ป่ วยกล่าวอะไรฝูง นรสูงประเสริ ฐครัน ฤาสรรพสัตวือนั เฉพาะมีชีวครอง ี  แม้มากผิกิ่งไม้ ผิวใครจะใคร่ ลอง มัดกากระนั้นปอง พลหักก็เต็มทน