More Related Content
More from Kanyanee Srisuksai
More from Kanyanee Srisuksai (6)
งานไทย
- 3. จอมทัพมาคธราษฎร์ ธ ยาตรพยุหกรี
ธาสู่ สาลี นคร
จอมทัพแห่ งแคว้ นมคธกรีธาทัพเข้ าเมืองเวสาลี
โดยทางอันพระทวารเปิ ดนรนิกร
ฤารอจะต่อรอน อะไร
ทางประตูเมืองทีเ่ ปิ ดอยู่โดยไม่ มีผ้ ูคนหรือทหารต่ อสู้
ประการใด
เบื้องนั้นท่านคุรุวสสการทิชก็ไป
ั
นาทัพชเนนทร์ ไท มคธ
ขณะนั้นวัสสการพราหมณ์ ผ้ ูเป็ นอาจารย์ กไปนาทัพ
็
ของกษัตริย์แห่ งมคธ
- 4. เข้าปราบลิจฉวิขตติยรัฐชนบท
ั ์
สู ้เงื้อมพระหัตถ์หมด และโดย
เข้ ามาปราบกษัตริย์ลจฉวี อาณาจักรทั้งหมดก็ตกอยู่ใน
ิ
เงือมพระหัตถ์
้
ไป่ พักต้องจะกะเกณฑ์นิกายพหลโรย
แรงเปลืองระดมโปรย ประยุทธ์
โดยทีกองทัพไม่ ต้องเปลืองแรงในการต่ อสู้
่
ราบคาบเสร็ จ ธ เสด็จลุราชคฤหอุต
ดมเขตบุเรศดุจ ณ เดิม
ปราบราบคาบแล้วเสด็จยังราชคฤห์ เมืองยิงใหญ่ ดงเดิม
่ ั
- 5. ชิต บุรทัตได้ ยกพุทธภาษิต แสดงคุณและโทษความสามัคคี ดังนี้
พุทธทิบณฑิต ั พิเคราะห์คิดพินิจปรา
รภสรรเสริ ญ ธุสมัครภาพผล
ผู้ร้ ู ท้งหลายมีพระพุทธเจ้ าเป็ นต้ น ได้ ใคร่ ครวญพิจารณา
ั
กล่าวสรรเสริญว่ าชอบแล้วในเรื่องผลแห่ งความพร้ อมเพรียงกัน
ว่าอาจจะอวยพรผา สุ กภาวมาดล
ดีสู่ ณ หมู่ตน บ นิราศนิรันดร
ความสามัคคีอาจอานวยให้ ถึงซึ่งสภาพแห่ งความผาสุ ก ณ
หมู่ของตนไม่ เสื่ อมคลายตลอดไป
- 6. หมู่ใดผิสามัค คยพรรคสโมสร
ไปปราศนิราศรอน คุณไร้ไฉนดล
หากหมู่ใดมีความสามัคคีร่วมชุ มนุมกัน ไม่ ห่างเหินกัน สิ่ งทีไร้
่
ประโยชน์ จะมาสู่ ได้ อย่ างไร
พร้อมเพรี ยงประเสริ ฐครัน เพราะฉะนั้นแหละบุคคล
ผูหวังเจริ ญตน
้ ธุระเกี่ยวกะหมู่เขา
ความพร้ อมเพรี ยงนั้นประเสริฐยิง นัก เพราะฉะนั้นบุคคลใดหวัง
่
ทีจะได้ รับความเจริญแห่ งตนและมีกจธุระอันเป็ นส่ วนรวม
่ ิ
พึงหมายสมัครเป็ น มุขเป็ นประธานเอา
ธูรทัว ณ ตัวเรา
่ บ มิเห็น ณ ฝ่ ายเดียว
ก็พงตั้งใจเป็ นหัวหน้ าเอาเป็ นธุระด้ วยตัวของเราเองโดยมิเห็น
ึ
ประโยชน์ ตนแต่ ฝ่ายเดียว
- 7. ควรยกประโยชน์ยน ื่ นครอื่นก็แลเหลียว
ดูบางและกลมเกลียว
้ มิตรภาพประดุจครอง
ควรยกประโยชน์ ให้ บุคคลอืนบ้ าง นึกถึงผู้อนบ้ าง ต้ องกลมเกลียว
่ ื่
มีความเป็ นมิตรกันไว้
ยั้งทิฐิมานหย่อน ทมผ่อนผจงจอง
อารี มิมีหมอง มนเมื่อจะทาใด
ต้ องลดทิฐิมานะ รู้ จักข่ มใจ จะทาสิ่ งใดก็เอือเฟื้ อกันไม่ มีความ
้
บาดหมางใจ
ลาภผลสกลบรร ็
ลุกปันก็แบ่งไป
ตามน้อยมากใจ สุ จริ ตนิยมธรรม
ผลประโยชน์ ท้งหลายทีเ่ กิดขึนก็แบ่ งปันกันไป มากบ้ างน้ อยบ้ าง
ั ้
อย่างเป็ นธรรม
- 8. พึงมารยาทยึด สุ ประพฤติสงวนพรรค์
รื้ อริ ษยาอัน อุปเฉทไมตรี
ควรยึดมันในมารยาทและความประพฤติที่ดีงาม รักษาหมู่
่
คณะโดยไม่ มีความริษยากันอันจะตัดรอนไมตรี
ดังนั้น ณ หมู่ใด
่ ผิ บ ไร้สมัครมี
พร้อมเพรี ยงนิพทธ์นี
ั รวิวาทระแวงกัน
ดังนั้นถ้ าหมู่คณะใดไม่ ขาดซึ่งความสามัคคี มีความพร้ อม
เพรียงกันอยู่เสมอ ไม่ มการวิวาท และระแวงกัน
ี
หวังเทอญมิตองสง ้ สยคงประสบพลัน
ซึ่ งสุ ขเกษมสันต์ หิ ตะกอบทวีการ
ก็หวังได้ โดยไม่ ต้องสงสั ยว่ า คงจะพบซึ่งความสุ ข ความ
สงบ และประกอบด้ วยประโยชน์ มากมาย
- 9. ใครเล่าจะสามารถ มนอาจระรานหาญ
หักล้าง บ แหลกลาญ ก็เพราะพร้อมเพราะเพรี ยงกัน
ใครเล่าจะมีใจกล้าคิดทาสงครามด้ วย หวังจะทาลายล้างก็
ไม่ ได้ ทั้งนีเ้ พราะความพร้ อมเพรียงกันนั่นเอง
ป่ วยกล่าวอะไรฝูง นรสูงประเสริ ฐครัน
ฤาสรรพสัตวือนั เฉพาะมีชีวีครอง
กล่ าวไปไยกับมนุษย์ ผ้ ประเสริฐหรือสรรพสั ตว์ ทมชีวิต
ู ี่ ี
แม้มากผิกิ่งไม้ ผิวใครจะใคร่ ลอง
มัดกากระนั้นปอง พลหักก็เต็มทน
แม้ แต่ กงไม้ หากใครจะใคร่ ลองเอามามัดเป็ นกา ตั้งใจใช้ กาลัง
ิ่
หักก็ยากเต็มทน
- 10. เหล่านั้นผิไมตรี สละลี้ ณ หมู่ตน
กิจใดจะขวายขวน บ มิพร้อมมิเพรี ยงกัน
หากหมู่ใดไม่ มความสามัคคีในหมู่คณะของตน และกิจการอันใดที่
ี
จะต้ องขวนขวายทาก็มิพร้ อมเพรียงกัน
อย่าปรารถนาหวัง สุ ขทั้งเจริ ญอัน
มวลมาอุบติบรร
ั ลุไฉน บ ได้มี
ก็อย่ าได้ หวังเลยความสุ ขความเจริญจะเกิดขึนได้ อย่ างไร
้
ปวงทุกข์พิบติสรร ั พภยันตรายกลี
แม้ปราศนิยมปรี ็
ติประสงค์กคงสม
ความทุกข์ พบัตอนตรายและความชั่วร้ ายทั้งปวง ถึงแม้ จะไม่ ต้องการก็
ิ ิั
จะต้ องได้ รับเป็ นแน่ แท้
- 11. ควรชนประชุมเช่น คณะเป็ นสมาคม
สามัคคิปรารม ภนิพทธราพึง
ั
ผู้ทอยู่รวมกันเป็ นหมู่คณะหรือสมาคม ควรคานึงถึงความสามัคคี
ี่
อยู่เป็ นนิจ
็
ไป่ มีกให้มี ้
ผิวมีกคานึง
เนื่องเพื่ออภิยโยจึง จะประสบสุ ขาลัยฯฯ
ถ้ ายังไม่ มีกควรจะมีขึน ถ้ ามีอยู่แล้ วก็ควรให้ เจริญรุ่ งเรือง
็ ้
ยิงขึนไปจึงจะถึงซึ่งความสุ ขความสบาย
่ ้
- 12. คุณค่ าด้ านวรรณศิลป์
1) การสรรคา เป็ นการเลือกใช้คาที่สื่อความคิดและอารมณ์ได้อย่าง
ถาวร และศักดิ์สิทธิ์
ตัวอย่าง
จอมทัพมาคธราษฎร์ ธ ยาตรพยุหกรี
ธาสู่ สาลี นคร
โดยทางอันพระทวารเปิ ดนรนิกร
ฤารอจะต่ อรอน อะไร
- 13. 2) การใช้ โวหาร สามัคคีเภทคาฉันท์มีความไพเราะงดงามอันเกิดจาก
กวีใช้ศิลปะในการถ่ายทอดความหมายของเนื้อหาโดยการใช้
บรรยายโวหารและพรรณนาโวหารเพื่อให้ผอ่านจินตนาการเห็น
ู้
ภาพ เข้าใจง่ายและเกิดอารมณ์คล้อยตามดังนี้
บรรยายโวหาร ใช้คาให้เห็นภาพชัดเจนตามลาดับเหตุการณ์
รวดเร็ วไม่เยิยเย้อ เข้าใจง่าย
่
ตัวอย่าง
หมูใดผิสามัค
่ คยพรรคสโมสร
ไปปราศนิราศรอน คุณไร้ ไฉนดล
พร้ อมเพรี ยงประเสริฐครัน เพราะฉะนันแหละบุคคล
้
ผู้หวังเจริญตน ธุระเกี่ยวกะหมูเ่ ขา
- 14. พรรณนาโวหาร เป็ นการสร้างมโนภาพ ให้ผอ่านเกิดภาพขึ้น
ู้
ในใจหรื อมองเห็นภาพ บรรยายตามที่กวีตองการที่จะสื่ อ
้
ตัวอย่าง
ป่ วยกล่าวอะไรฝูง นรสูงประเสริ ฐครัน
ฤาสรรพสัตวือนั เฉพาะมีชีวีครอง
แม้มากผิกิ่งไม้ ผิวใครจะใคร่ ลอง
มัดกากระนั้นปอง พลหักก็เต็มทน