SlideShare a Scribd company logo
โรงเรียนนวมินทราชินทศ สตรีวทยา ๒
                                                      - 1 -ู ิ     ิ
 เอกสารประกอบการเรียนการสอนวิชาชีววิทยา 4 (ว 30244)                                    เรื่อง เนื้อเยื่อสัตว
 ผูสอน ครูน้ําทิพย เที่ยงตรง                                                         กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร


                                                      เนื้อเยือสัตว
                                                              ่

         ลําดับโครงสรางของสิ่งมีชีวิตเริ่มจาก อะตอม (atom)         โมเลกุล (molecule)           เซลล (cell)
เนื้อเยื่อ (tissue)             อวัยวะ (organ)              ระบบอวัยวะ (organ system)

      เนื้อเยื่อสัตวแบงออกเปน 4 ชนิด แตละชนิดประกอบดวยเซลลที่มีขนาด รูปราง และการจัดตัวเปนแบบเฉพาะ ไดแก
      1. เนื้อเยื่อบุผิว (epithelial tissue หรือ epithelim)
      2. เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (connective tissue)
      3. เนื้อเยื่อกลามเนื้อ (muscle tissue)
      4. เนื้อเยื่อประสาท (nervous tissue)




      เนื้อเยื่อบุผิว
      ประกอบดวยเซลลอยูกันแนน เรียงชั้นตอเนื่องกันไป หรือเปน
ชิ้น หรือเปนแผนเซลลปกคลุมผิวรางกาย หรือบุชองวางภายในลําตัว
หรือยอมใหสารผานไดหรือไมได โดยผิวดานหนึ่งของเซลลจะติดกับเยื่อ
รองรับฐาน (basement membrane) ประกอบดวย เสนใย (fiber)
บาง ๆ เล็ก ๆ และพอลิแซ็กคาไรด ที่สรางจากเซลลของเนื้อเยื่อบุผิว
เอง เนื้อเยื่อชนิดนี้ ทําหนาที่ปองกัน ดูดซึมหลั่งสาร และรับความรูสึก
เชน เนื้อเยื่อบุผิวที่พบชั้นนอกของผิวหนังจะทําหนาที่ปกคลุมรางกาย
ทั้งหมดและปองกันอวัยวะขางใตจากสิ่งแวดลอมภายนอก รวมทั้งการ
บาดเจ็บทางกล สารเคมี การสูญเสียของเหลวจากรางกาย และเชื้อโรค
ตาง ๆ เชน แบคทีเรีย เยื่อบุทางเดินอาหาร จะดูดซึมสารอาหาร และน้ําเขาสูรางกาย ทุกอยางที่เขาและออกจากรางกาย
จะตองผานเนื้อเยื่อบุผิว 1 ชั้นเปนอยางนอย และนอกจากนี้เนื้อเยื่อบุผิวยังอาจดัดแปลงไปทําหนาที่อื่นพิเศษไดอีก เชน
-2-
เปนตอมเพื่อสรางผลิตภัณฑจากเซลล เยื่อหุมเซลลบุผิวหลายชนิดจะมีการสูญเสีย และหมด
สภาพไปตลอดเวลา ดังนั้นเซลลเหลานี้จะมีอัตราเร็วของการแบงตัวสูงมาก เซลลใหมจะแทนที่
เซลลเกาที่สูญเสียไปทันอยูเสมอ
       นักชีววิทยาไดแบงเนื้อเยื่อบุผิวออกเปนชนิดตาง ๆ แตกตางกันตามรูปรางของเซลล
และตามการจัดเรียงตัวของเซลล
       พิจารณาจากรูปรางเซลล แบงเนื้อเยื่อบุผิวไดเปน 3 ชนิด คือ
       1. squamous epithelium เซลลมีรูปรางแบนบาง
       2. cubiodal epithelium เซลลมีรูปรางทรงกระบอก ไมสูงมาก หรือคลายลูกบาศก
มองทางดานขางคลายลูกเตา แตแทจริงแลวมีรูปรางเปนทรงแปดเหลี่ยม
       3. columnar epithelium เซลลคลายทรงกระบอก หรือเสาเล็ก ๆ เมื่อมองทาง
ดานขาง นิวเคลียสมักใกลฐานของเซลล ถามีซีเลียที่ผิวหนาดานที่เปนอิสระ ทํา
หนาที่โบกพัดสาร ตางๆ ไปทิศทางเดียว ก็เรียกวาเปน ciliated columnar
epithelium เชนที่ทางเดินหายใจของคน
        พิจารณาจากการจัดตัวของเซลล แบงเนื้อเยื่อบุผิวไดเปน 3 ชนิด คือ
           ารณาจากการจั
        1. simple epithelium ประกอบดวยเซลลเรียงกันเปนชั้นเดียว มักพบใน
บริเวณที่สารตองแพรผานเนื้อเยื่อ หรือบริเวณที่สารตองถูกหลั่งหรือถูกกําจัด หรือถูก
ดูดซึม
        2. stratified epithelium ประกอบดวยเซลลเรียงซอนกัน 2 ชั้นขึ้นไป
พบที่ผิวหนัง และเยื่อบุหลอดอาหารของคนและสัตวมีกระดูกสันหลังอื่น ๆ
        3. Pseudostratified epithelium มีการเรียงตัวกันของเซลลที่มองดูเหมือนกับมีเซลลอยูซอนกันหลายชั้น แตความ
จริง ทุกเซลลยังติดอยูบนเยื่อรองรับฐานทั้งสิ้น เพียงแตบางเซลลไมสูงพอที่จะยื่นไปถึงผิวหนาอิสระของเนื้อเยื่อ และถูกเบียด
อยูดานลาง ทําใหเห็นเหมือนมี 2 ชั้นหรือมากกวานั้น พบที่ทางเดินหายใจบางสวน ซึ่งเซลลชั้นบนสุดมีซีเลีย และพบที่ทอ
ของตอมหลายชนิด
        ในการพิจารณาชนิดของเนื้อเยื่อบุผิว มักพิจารณาจากรูปราง และการจัดเรียงของเซลลควบคูกันไป และเรียกชื่อระบุ
ลักษณะทั้ง 2 ประการนี้ เชน
        - simple cubiodal epithelium หมายถึงเนื้อเยื่อบุผิวที่มีเซลลลูกบาศกเรียงตัวเปนชั้นเดียว
        - stratified squamous epithelium หมายถึง เนื้อเยื่อบุผิวชนิดที่มีเซลลแบบแบนบางเรียงตัวกันอยูหลาย ๆ ชั้น

       สําหรับเนื้อเยื่อบุผิวชนิด stratified ยัง พบชนิ ด พิ เ ศษชนิ ด หนึ่ง ซึ่ ง เซลล อาจเปลี่ ย นรู ปร า งได ชั่ว คราว หรื อเปลี่ ย น
รูปรางกลับไปกลับมาได เชน ที่ผนังกระเพาะปสสาวะ ซึ่งมีการยืดขยายตัวในบางครั้งเพื่อรองรับปริมาณปสสาวะที่เพิ่มขึ้น
เซลลที่บุผิวจะเปลี่ยนแปลงจากรูปลูกบาศก ที่แบนราบลงกวาเดิม เมื่อผนังกระเพาะปสสาวะขยายออก เรียกเนื้อเยื่อบุผิวชนิด
วา เปนแบบ stratified transitional epithelium
                                           epithelium
-3-
      เนื้อเยือเกียวพัน
              ่ ่
        ทําหนาที่สําคัญ คือ เปนตัวเชื่อมหรือประสานระหวางเนื้อเยื่ออื่น ๆ ในรางกาย ชวยค้ําจุนรางกายหรือโครงสรางตาง
ๆ และปองกันอวัยวะที่อยูขางใต โดยเกือบทุกอวัยวะในรางกายจะตองมีเนื้อเยื่อเกี่ยวพันเปนรางแหค้ําจุน ชวยทําหนาที่
คลายกันชน หรือหมอนกันกระเทือน เนื้อเยื่อเกี่ยวพันมีหลายชนิดหลัก ๆ 8 ชนิด ไดแก
         1.   เนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดโปรงบาง (loose หรือ areolar connective tissue)
         2.   เนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดแนนทึบ (dense connective tissue)
         3.   เนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดอิลาสติก (elastic connective tissue)
         4.   เนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดตาขาย (reticular connective tissue)
         5.   เนื้อเยื่อไขมัน (adipose tissue)
         6.   กระดูกออน (cartilage)
         7.   กระดูก (bone)
         8.   เลือด (blood)
          เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ประกอบดวยเซลล จํานวนไมมากนัก และมีสารภายนอกเซลลลอมรอบอยูเปนจํานวนมาก สาร
ภายนอกเซลลเหลานี้ประกอบดวยเสนใย (fiber) เล็กบางคลายเสนดายกระจายอยูทั่วไปในสารประกอบพวกพอลิแซ็กคาไรด
ซึ่งมีลักษณะเปนเจล (gel) บาง ๆ หลั่งจากเซลล ซึ่งเรียกวา เมทริกซ (metrix) เซลลของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันตางชนิดกัน จะ
ตางกันที่รูปรางและโครงสรางของเซลลและชนิดของเมทริกซที่เซลลสรางสมบัติและการทํางานของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของชนิด
สวนหนึ่งขึ้นกับโครงสรางและสมบัติสารระหวางเซลลหรือเมทริกซนี้ ดังนั้นเซลลของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันจึงทําหนาที่ค้ําจุนทางออม
โดยทําหนาที่เปนผูสรางเมทริกซที่แทจริง

ชนิดของเสนใยของเนื้อเยือเกียวพัน
      ของเส            ่ ่
        1. collagen fiber พบมีจํานวนมากที่สุด กระจายอยูทั่วไปทุกทิศทาง ประกอบดวยมัดของ fibril เล็ก ๆ เรียง
ขนานกันอยู มีสมบัติโคงงอได แตก็สามารถตานทานแรงตึงได เมื่อถูกดึงจะยืดไดนอยมาก และถาใชแรงดึงมาก ๆ ก็ขาดได
        2. elastic fiber มีลักษณะแตกแขนงเปนกิ่งกานสาขามากและเชื่อมกันเปนตาขาย เมื่อดูดวยกลองจุลทรรศน
                     fiber
อิเล็กตรอนจะเห็นประกอบดวย microfibril มากมาย แตไมเปนมัดอยาง collagen fiber สามารถดึงใหยืดได และเมื่อ
ปลอยจะกลับสูขนาดเดิมและรูปรางเดิมได
        3. reticular fiber มีขนาดเล็กมากและแตกแขนงเปนตาขายละเอียดมากมองไมเห็นดวยกลองจุลทรรศนแบบใช
แสงธรรมดาตองยอมดวยเงินจึงจะมองเห็นได
          collagen และ reticular fiber ประกอบดวยโปรตีนที่เรียกวา collagen ซึ่งประกอบดวยกรดอะมิโนหลายชนิด
เชน glycine, proline และ hydroxyproline ซึ่ง collagen นี้เปนโปรตีนที่แข็งและเหนียวมาก ดังนั้น ถาอยูในโครงสราง
ใด โครงสรางนั้นจะแข็งแรงมาก เชน เนื้อสัตว แตถาใสน้ํารอน collagen จะเปลี่ยนเปน gelatin ซึ่งเปนโปรตีนที่ละลายน้ํา
ได เราพบวา โปรตีนในสัตวเลี้ยงลูกดวยนมทุกชนิดเปน collagen เสียประมาณ 1/3 ของโปรตีนทั้งหมด

ชนิดของเซลลของเนื้อเยือเกียวพัน
                        ่ ่
      1. fibroblast ทําหนาที่สรางโปรตีนและคารโบไฮเดรตของเมทริกซและเสนใย และหลั่งสารประกอบโปรตีนเฉพาะ
ชนิด ซึ่งจะจัดตัวเปนเสนใย จะมีกิจกรรมมากเปนพิเศษในเนื้อเยื่อที่
      2. กําลังเจริญ และบาดแผลที่กําลังสมาน ขณะที่เนื้อเยื่อมีอายุมากขึ้น จํานวน fibroblast จะลดลง และทําหนาที่
นอยลง เรียกชื่อใหมวา fibrocyte
-4-
         3. pericyte เปนเซลลที่ไมมีการเปลี่ยนแปลงไปทําหนาที่เฉพาะ (differentiate) พบอยูตามผนังดานนอกของ
เสนเลือดฝอยที่กระจายไปทั่วเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เขาใจวาเปนผูสรางหรือใหกําเนิดเซลลอื่น เชน เมื่อมีบาดแผล pericyte จะ
แบงตัวไดเปน fibroblast
         4. macrophage พบไดทั่วไปในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เคลื่อนที่ทั่วไปในเนื้อเยื่อเพื่อเก็บเศษเซลลและจับกินสาร
แปลกปลอม เชน เชื้อโรค แบคทีเรีย
         5. mast cell ปลอยสาร เชน histamine ออกมาระหวางเกิดปฎิกิริยาการแพ
นอกจากเซลลทั้ง 4 ชนิดนี้แลวก็จะเปนเซลลเฉพาะที่พบในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
      1. เนื้อเยือเกียวพันชนิดโปรงบาง
                  ่ ่
           เปนเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่กระจายอยูมากที่สุดในรางกาย พบเปน
แถบบาง ๆ อยูระหวางสวน ตาง ๆ ของรางกาย ยึดอวัยวะไวดวยกัน
และทําหนาที่เปนแหลงเก็บสะสมหรือสํารองของเหลว และเกลือ เนื้อเยื่อ
ชนิดนี้หุมรอบเสนประสาท เสนเลือด และกลามเนื้อ สวนที่ผิวหนัง ชั้น
ของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันนี้รวมกับเนื้อเยื่อไขมัน ก็คือชั้น subcutaneous
หรือชั้นใตผิวหนัง และกลามเนื้อ รวมทั้งโครงสรางอื่นขางใต ในเมทริกซ
ซึ่งมีสารประกอบไกลโคโปรตีน จะมีเสนใย collagen และ elastic
กระจายทั่วไปทุกทิศทาง มีสมบัติโคงงอได ฉะนั้นจึงทําใหสวนที่ติดตอ
อยูเคลื่อนไหวไดดี
      2. เนื้อเยือเกียวพันชนิดทึบ
                   ่ ่
           เปนเนื้อเยื่อที่มีความแข็งแรงมาก และโคงงอได แตนอยกวาชนิดโปรงบาง ประกอบดวยcollagen fiber เปนสวน
ใหญ อาจแบงไดเปน 2 ชนิด คือ
           - แบบ irregular มีcollagen fiber จัดตัวเปนมัดกระจายทุกทิศทางทั่วไปในเนื้อเยื่อ พบที่ชั้น dermis ของ
               ผิวหนัง
           - แบบ regular มีcollagen fiber ที่เปนระเบียบแนนอน ทําใหเนื้อเยื่อแข็งแรงและตานทานแรงตาง ๆ ไดดี
               มาก ตัวอยาง คือ เอ็นทียดระหวางกลามเนื้อและกระดูก (tendon)
                                           ่ึ
-5-
    3. เนื้อเยือเกียวพันแบบอิลาสติก
               ่ ่
         ประกอบดวยมัดของ elastic fiber เรียงขนานกัน เปนสวนใหญ
พบที่เอ็นทียดระหวางกระดูกกับกระดูก (ligament) และพบที่โครงสรางที่
     เอ็ ่ ึ
ตองขยายและกลับสูสภาพเดิม เชน ผนังของเสนเลือดอารเทอรีขนาดใหญ
และเนื้อเยื่อปอด




      4. เนื้อเยือเกียวพันชนิดตาขาย
                   ่ ่
          ประกอบดวย reticular fiber สานกันไปมา ทําหนาที่ค้ําจุนอวัยวะหลายอยาง เชน ตับ มาม ตอมน้ําเหลือง
      5. เนื้อเยือไขมัน
                 ่
          แตละเซลลของเนื้อเยื่อชนิดนี้ มีไขมันพวก triglyceride สะสมอยูจํานวน
มาก และจะปลอยออกมาเมื่อรางกายตองการใชในการหายใจระดับเซลล พบในชั้น
ใตผิวหนัง และเนื้อเยื่อที่ปองกันอวัยวะภายใน เมื่อยังเจริญไมเต็มที่ เซลลมีรูปราง
คลายรูปดาว เมื่อมีไขมันมาสะสมในไซโทพลาซึม เซลลจึงมีรูปรางกลมขึ้น ๆ
เนื่องจากหยดไขมันมารวมกันใหญขึ้น จนเห็นเปนหยดเดียว มักจะกินเนื้อที่ หรือ
ปริมาตรเกือบทั้งหมดของเซลล (อาจถึง 90%) ทําใหดันไซโทพลาซึม และออร
แกเนลลไปที่ขอบเซลล และเห็นนิวเคลียสโปงออกมา เมื่อดูภาพตัดขวางดวยกลอง
จุลทรรศนแบบใชแสงธรรมดา จึงเห็นเหมือนเปนวงแหวนมีพลอย 1 เม็ด (โดยเรือนแหวนคือไซโทพลาซึมและเม็ดพลอย
คือนิวเคลียส) บางครั้งจึงเรียกวา signet ring cell สวนที่มไขมันอยูจนเกือบเต็มเซลลจะเห็นเปนเพียงชองวางขนาดใหญ
                                            ring           ี
ภายในเซลล เนื่องจากสีที่ยอมในการทําสไลดละลายไขมันออกไป
      6. กระดูกออน                                                                                         Matrix
          เปนแกนทําหนาที่ค้ําจุนในสัตวมีกระดูกสันหลังทุกชนิด ขณะที่                                      Lacuna
เปนเอมบริโอ แตสวนใหญเมื่อเปนตัวเต็มวัยจะถูกแทนที่ดวยกระดูก
ยกเวนในปลากระดูกออน เชน ฉลาม กระเบน ซึ่งมีกระดูกออนตลอดชีวิต
                                                                                                            Chondocyte
                                                                                                           Chondrocytes
มีลักษณะเหนียว แข็งแรงแตยืดหยุนได เซลลกระดูกออน เรียกวา
chondrocyte สรางเมทริกซ ซึ่งแข็งและเหนียวรอบ ๆ เซลล อยูใน
ชองวางเล็ก ๆ จะพบ chondocyte อยูเดี่ยวๆ หรืออาจเปนกลุม 2
หรือ 4 เซลล อยูในชองวางเล็กๆ เรียก lacuna ซึ่งอยูในเมทริกซและ
เซลลเหลานี้เปนเซลลที่มีชีวิต
-6-
        อาจแบงกระดูกออนไดเปน 3 ชนิดของเสนใยสวนใหญที่พบในเมทริกซ คือ
        - Hyaline cartilage Matrix ไมมีเสนใยอยู พบอยูตามขอตอของกระดูกตางๆ เยื่อกันจมูก (Nassal
                                                                                        ้
            septum) หลอดลม และกระดูกออนของซี่โครง
        -
                                                            - Elstic carilage Matrix เต็มไปดวย collagen
                                                              fiber + elastic fiber พบตามใบหู กลองเสียง
                                                              และฝาปดกลองเสียง




           - Fibrocartilage Matrix เต็มไปดวย collagen fiber พบ
               ตามขอตอของกระดูกสันหลัง (intervertebral disk) และ
               ขอตอของกระดูกอื่นๆ
      7. กระดูก
           คลายกระดูกออนตรงที่ประกอบดวยเมทริกซเปนสวนใหญซึ่งมี lacuna และมีเซลลที่สราง เมทริกซ แตตางกันที่
เมทริกซ มิไดมีแต collagen, mucopolysaccharide และสารอินทรียอื่นเทานั้น ยังมีแรธาตุ apatite ซึ่งเปนสารประกอบ
ของแคลเซียมฟอสเฟตอยูดวย ดังนั้น การแพรจะเกิดไดชามาก การสารอาหาร และออกซิเจนโดยอาศัยการแพรอยางเดียวไม
เพียงพอที่จะเลี้ยงเซลลกระดูกได เซลลกระดูกหรือ Osteocyte จึงมีการติดตอกันเอง และการติดตอกับเสนเลือดฝอย โดย
ทางชองเล็ก ๆ บางๆ ของเซลลเอง ทําใหเห็นเปนเซลลรูปดาว อาจเรียกวา Osteoblast ดังนั้น เซลลกระดูกจะตองอยูใกล
เสนเลือดใหมากที่สุดเพื่อชวยการแพรของสาร จึงพบวาในกระดูกสวนใหญ เซลลกระดูกจัดตัวรอบเสนเลือดฝอยเสนหนึ่ง และ
อยูเปนชั้น ๆ รอบวงกลมที่มีเสนเลือดฝอยอยูตรงกลาง ชั้นเหลานี้ เรียกวา lamella ซึ่งจัดตัวเปนหนวยรูปกระสวยเรียกวา
osteon สวนชองกลางที่เปนที่อยูหรือทางผานของเสนเลือดฝอยและเสนประสาท เรียกวา Haversian canal กระดูกยัง
ประกอบดวยเซลลขนาดใหญซึ่งมีหลายนิวเคลียสเรียก osteoclast ซึ่งสามารถละลายและดึงสารประกอบของกระดูกออกได
รูปรางและโครงสรางภายในของกระดูกอาจคอยๆ เปลี่ยนตามกระบวนการ
เติบโตปกติ และตอแรงกดดันทางกายภาพ โดยเกลือแคลเซียมทําให
เมทริกซของกระดูกแข็งมาก สวน Collagen ชวยไมใหเปราะเกินไป
ดังนั้นกระดูกจึงเบา และแข็งแรงอยางไมนาเชื่อ โครงสรางทั้งหมดเหลานี้
เปนลักษณะเฉพาะของกระดูกแข็งที่เรียก compact bone ซึ่งเปนกระดูก
ที่พบทั่วไปในรางกาย เชน กระดูกทอนยาวที่ขา แขน เปนตน ภายใน
กระดูกแข็งแบบนี้มีไขกระดูก (bone marrow) ขนาดใหญ 1 อันอยูตรง
กลาง ซึ่งอาจเปน yellow marrow ซึ่งสวนใหญเปนไขมัน หรือ red
marrow             ซึ่งเปนแหลงสรางเม็ดเลือดแดงหรือเม็ดเลือดขาวบางชนิด
นอกจากนี้ ยังมีกระดูกอีกชนิดหนึ่ง คือ spongy bone ซึ่งแนนและแข็งนอยกวา compact bone แตจัดตัวเปนรางแหของ
ชั้นกระดูกตอกัน ปกติพบที่สวนปลายของกระดูกแข็งที่เรียก epiphysis
-7-
      8. เลือด
           ประกอบดวยเม็ดเลือดแดง (erythrocyth) ,เม็ดเลือดขาว (leucocyte) และเกล็ดเลือด (platelet) แขวนลอย
อยูในพลาสมาซึ่งเปนของเหลว นักชีววิทยาสวนใหญถือวาเลือดเปนเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เพราะการทํางานของเลือดใกลเคียงกับ
เนื้อเยื่อเกี่ยวพันโดยทั่วไปแตบางคนแยกเปนกลุมตางหาก เพราะตามคําจํากัดความ เซลลเนื้อเยื่อเกี่ยวพันจะตองสรางเมท
ริกซออกมารอบ ๆ แตเซลลเม็ดเลือดไมไดสรางพลาสมา สามารถแยกความแตกตางของเม็ดเลือดทั้ง 2 ชนิด และเกล็ดเลือด
ได ภายใตกลองจุลทรรศนแบบใชแสงธรรมดา
           -        เม็ดเลือดแดง ในสัตวเลี้ยงลูกดวยน้ํานมสวนใหญ เมื่อเจริญ
เต็มที่จะไมมีนิวเคลียส จึงเห็นเปนลักษณะเวา 2 ดาน สวนของสัตวมีกระดูกสัน
หลังอื่นจะเปนเซลลรูปไขและมีนิวเคลียส ในสัตวที่ไมมีกระดูกสันหลังสวนใหญ
รงควัตถุที่จับออกซิเจนได จะไมอยูที่เม็ดเลือด แตอยูในพลาสมามีสีแดง หรือสี
ฟาขึ้นกับชนิดของรงควัตถุ         สวนในสัตวมีกระดูกสันหลังสวนใหญรงควัตถุจับ
ออกซิเจน คือ ฮีโมโกลบิน ซึ่งเกาะอยูที่เม็ดเลือดแดง
           -        เม็ดเลือดขาว ในคนมีหลายชนิด ตางกันที่รูปราง โครงสราง
นิวเคลียส การติดสีและหนาที่
           -        เกล็ดเลือด ไมใชเซลลทั้งเซลล แตเปนชิ้นสวนเล็ก ๆ ที่แตกจากเซลลในไขกระดูก

         เนื้อเยือกลามเนื้อ
                 ่
           การเคลื่อนไหวของสัตวสวนใหญเกิดจากการหดตัวของ
เซลลรูปยาว            หรือทรงกระบอกหรือรูปกระสวยของเนื้อเยื่อ
กลามเนื้อ เซลลกลามเนื้อแตละเซลลซึ่งมักเรียกวา muscle
fiber ประกอบดวยเสนใยขนาดเล็กยาว เรียงขนานกัน และ
สามารถหดตัวได เรียก myofibril ซึ่งมีโปรตีน actin และ
myosin เปนสารประกอบสําคัญ ในสัตวมีกระดูกสันหลัง พบ
เนื้อเยื่อกลามเนื้อ มี 3 ชนิด ไดแก กลามเนื้อเรียบ
(smooth muscle) กลามเนื้อสเกเลตัล (skeleton muscle)
และกลามเนื้อหัวใจ (cardiac muscle)
         1. กลามเนือเรียบ(Smooth muscle) พบที่อวัยวะ
                       ้ บ(Smooth
ภายใน เชนที่ผนังของทางเดินอาหาร มดลูก เสนเลือด และ
อวัยวะภายในอื่น ๆ รูปรางของเซลลมีลักษณะยาว ปลายแหลม
คลายกระสวย มีนิวเคลียสอันเดียวอยูตรงกลางเซลล เมื่อมอง
ดวยกลองจุลทรรศนแบบใชแสงธรรมดา จะไมเห็นมีลาย แต
เห็นเปนเนื้อเยื่อเดียวกันหมด เพราะ actin และmyosin มี
การจัดตัวตางจากกลามเนื้อสเกเลตัล กลามเนื้อเรียบหดตัวไดชา แตหดตัวไดนานมาก และการทํางานอยูนอกอํานาจจิตใจ
         2. กลามเนือสเกเลตัล (Skeletal muscle) เปนกลามเนื้อขนาดใหญอยูติดกับกระดูก เชน กลามเนื้อที่แขนขา มี
                        ้
ลักษณะสําคัญ คือ แตละ muscle fiber มีหลายนิวเคลียสซึ่งเรียงกันอยูทางดานขาง ใตเยื่อหุมเซลล สวนที่เหลือตรงกลาง
เซลลทั้งหมดเปนที่อยูของ myofibril ซึ่งทําหนาที่หดตัว แตละเซลลอาจมีขนาดยาวไดถึง 2-3 เซนติเมตร เมื่อดูภายใต
กลองจุลทรรศนชนิดใชแสงธรรมดา จะเห็นแถบสีเขมและจางพาดขวางสลับกันไป เรียกวา ลาย (striation) ซึ่งขณะที่หดตัว
                                                                                           striation)
-8-
จะมีการเปลี่ยนแปลงไป โดยสีเขมจะคงมี่ แตสีจางแคบลงกลามเนื้อชนิดนี้หดตัวไดรวดเร็ว แตจะตองคลายตัวและพักระยะ
หนึ่งกอนที่จะสามารถหดตัวไดอีก การทํางานของกลามเนื้อ สเกเลตัลยูภายใตอํานาจจิตใจ
       3. กลามเนือหัวใจ (Cardiac muscle) พบที่ผนังหัวใจ เซลลมีรูปรางยาวทรงกระบอก มีนิวเคลียสอันเดียวอยูตรง
                   ้
กลางเซลลมีการแตกแขนงและแขนงกลับมาเชื่อมกันอีกเปนชวง ๆ เมื่อมองดวยกลองจุลทรรศนแบบใชแสงธรรมดาจะเห็น
เปนลาย แตการทํางานไมเหมือนของเซลลกลามเนื้อสเกเลตัลเพราะอยูนอกอํานาจจิตใจ เซลลติดตอกันดวย gap junction
ซึ่งยอมใหสัญญาณกระแสไฟฟากระจายทั่วผนังหัวใจอยางรวดเร็ว

        เนื้อเยือประสาท
                ่
          มีรูปรางและขนาดตาง ๆ มากมาย แตโดยทั่วไปจะมีตัวเซลลขนาดใหญประกอบดวยนิวเคลียสอยูตรงกลาง มี
Nissl’s granule อยูในไซโทพลาสซึม และสวนยื่นเล็ก ๆ บางๆ 2 ชนิดยื่นออกมาจากตัวเซลลเปนแขนงประสาท คือเดน
ไดรต (dendrite) เปนเสนใยทําหนาที่เฉพาะในการรับกระแสความรูสึกจากสิ่งเราจากสิ่งแวดลอม หรือจากเซลลอื่น ตัวเซลล
ประสาทอาจมีสาขาบาง อาจยาวตั้งแต 1 หรือ 2 มิลลิเมตร               Nissl’s granules (              cytoplasm)
จนถึงมากกวา 1 เมตรก็มี เชนเสนที่ยื่นยาวจากไขสันหลังลงไปที่                                         Neuron
แขน หรือขาของคน เปนตน ที่ปลายจะมีสาขาเปนกิ่งกานเล็ก ๆ
เปนกระจุก แอกซอนที่มีเยื่อหุมเรียกวา ใยประสาท (nerve
                                                                                                     Glial cell
fiber) แบงออกเปน 2 ชนิด คือ 1) ชนิดที่ไมมีเยื่อไมอีลิน
(myelin sheath) หุม มีเพียงเยื่อหุม Schwann cell หุมรอบ
เพียงชั้นเดียวเรียก นิวริเลมมา (neurilemma) 2) ชนิดที่มีเยื่อ
ไมอีลินหุมยื่นแผออกมาจาก Schwann cell หุมรอบแอกซอนที่
รอยตอระหวาง Schwann cell จะเห็นเปนรอยคอดซึ่งมีแตนิวริเลมมา เรียกวา node of Ranvier เซลลประสาทจะตอกันที่
บริเวณรอยตอที่เรียกวา ไซแนปส (synapse) เพื่อสงตอกระแสความรูสึกไปทั่วตัว สวนปลายประสาท (motor nerve
ending) จะไปสิ้นสุดที่กลามเนื้อสเกเลตัล กลามเนื้อเรียบ และตอมตาง ๆ โดยแอกซอนแตกแขนงแผออกเปนแผนบาง ๆ
(motor end plate)

       เซลลเกียวพันประสาท
                ่
       อยูลอมรอบและค้ําจุนเซลลประสาทยึดไวกับเสนเลือด และอาจชวยปองกันเซลลประสาทไดดวย เซลลนี้มีความสําคัญ
ในทางการแพทย เนื่องจากเนื้องอกสวนใหญของระบบประสาทมักเกิดขึ้นที่นี่ เซลลเกี่ยวพันประสาท แบงออกเปน 3 ชนิด
ใหญ ๆ ตามรูปรางและการทํางาน ไดแก
       1. astrocyte เปนเซลลรูปดาว มีแขนงยื่นมากมาย อาจพบอยูระหวางใยประสาทในสมองและไขสันหลัง หรือ
ระหวางเซลลประสาทและเสนเลือด
       2. oligodendroglia เปนเซลลที่มีขนาดเล็กกวา และมีแขนงนอยกวา astrocyte ทําหนาที่ยึดเสนประสาทไวดวยกัน
และที่สําคัญเชื่อวา เปนผูสรางเยื่อหุมไมอีลินที่หุมเสนใยประสาทในสมองและไขสันหลัง
       3. microglia เปนเซลลขนาดเล็กและมักอยูกับที่ แตในเนื้อเยื่อสมองที่บวมหรือกําลังเสื่อม เซลลนี้จะขยายใหญและ
เคลื่อนที่และมี phagocytosis เพื่อกินและทําลายจุลินทรียและเศษเซลล

                @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

More Related Content

What's hot

กล้องจุลทรรศน์ (Microscope)
กล้องจุลทรรศน์ (Microscope)กล้องจุลทรรศน์ (Microscope)
กล้องจุลทรรศน์ (Microscope)
ครูเสกสรรค์ สุวรรณสุข
 
แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพแบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพyangclang22
 
แบบทดสอบพฤติกรรมสัตว์
แบบทดสอบพฤติกรรมสัตว์แบบทดสอบพฤติกรรมสัตว์
แบบทดสอบพฤติกรรมสัตว์
Wichai Likitponrak
 
6แบบทดสอบการลำเลียงสารผ่านเซลล์
6แบบทดสอบการลำเลียงสารผ่านเซลล์6แบบทดสอบการลำเลียงสารผ่านเซลล์
6แบบทดสอบการลำเลียงสารผ่านเซลล์สำเร็จ นางสีคุณ
 
ใบงานการย่อยอาหาร Version นักเรียนค่ะ
ใบงานการย่อยอาหาร Version นักเรียนค่ะใบงานการย่อยอาหาร Version นักเรียนค่ะ
ใบงานการย่อยอาหาร Version นักเรียนค่ะ
กมลรัตน์ ฉิมพาลี
 
4.ข้อสอบ a net วิชาชีววิทยา ปีการศึกษา 2549 new
4.ข้อสอบ a net วิชาชีววิทยา ปีการศึกษา 2549 new4.ข้อสอบ a net วิชาชีววิทยา ปีการศึกษา 2549 new
4.ข้อสอบ a net วิชาชีววิทยา ปีการศึกษา 2549 newเลิกเสี่ยง. ป่าน
 
ระบบย่อยอาหาร
ระบบย่อยอาหารระบบย่อยอาหาร
ระบบย่อยอาหารพัน พัน
 
Evolution Plan : การคัดเลือกตามธรรมชาติ
Evolution Plan : การคัดเลือกตามธรรมชาติEvolution Plan : การคัดเลือกตามธรรมชาติ
Evolution Plan : การคัดเลือกตามธรรมชาติ
กมลรัตน์ ฉิมพาลี
 
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศแบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศdnavaroj
 
Taxonomy 2
Taxonomy 2Taxonomy 2
Taxonomy 2
just2miwz
 
โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
Kittiya GenEnjoy
 
สถานะของสาร ม.1
สถานะของสาร ม.1สถานะของสาร ม.1
สถานะของสาร ม.1
Wuttipong Tubkrathok
 
ใบงานที่ 13 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส
ใบงานที่ 13 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสใบงานที่ 13 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส
ใบงานที่ 13 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสAomiko Wipaporn
 
การศึกษาโครงสร้างของหัวใจหมู โครงสร้างอวัยวะแลกเปลี่ยนแก๊ส และการวัดปริมาตรปอด
การศึกษาโครงสร้างของหัวใจหมู โครงสร้างอวัยวะแลกเปลี่ยนแก๊ส และการวัดปริมาตรปอดการศึกษาโครงสร้างของหัวใจหมู โครงสร้างอวัยวะแลกเปลี่ยนแก๊ส และการวัดปริมาตรปอด
การศึกษาโครงสร้างของหัวใจหมู โครงสร้างอวัยวะแลกเปลี่ยนแก๊ส และการวัดปริมาตรปอด
pitsanu duangkartok
 
ใบกิจกรรมที่ 10 กลไกภูมิคุ้มกัน
ใบกิจกรรมที่ 10 กลไกภูมิคุ้มกันใบกิจกรรมที่ 10 กลไกภูมิคุ้มกัน
ใบกิจกรรมที่ 10 กลไกภูมิคุ้มกันAomiko Wipaporn
 
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช
บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืชบทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช
Pinutchaya Nakchumroon
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมและความหลากหลายทางชีว...
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมและความหลากหลายทางชีว...ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมและความหลากหลายทางชีว...
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมและความหลากหลายทางชีว...
surapha97
 
มัลติเปิล อัลลีล (Multiple allele)
มัลติเปิล อัลลีล (Multiple allele)มัลติเปิล อัลลีล (Multiple allele)
มัลติเปิล อัลลีล (Multiple allele)
Waridchaya Charoensombut
 
การสืบพันธ์
การสืบพันธ์การสืบพันธ์
การสืบพันธ์
Wuttipong Tubkrathok
 

What's hot (20)

กล้องจุลทรรศน์ (Microscope)
กล้องจุลทรรศน์ (Microscope)กล้องจุลทรรศน์ (Microscope)
กล้องจุลทรรศน์ (Microscope)
 
แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพแบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
แบบทดสอบความหลากหลายทางชีวภาพ
 
แบบทดสอบพฤติกรรมสัตว์
แบบทดสอบพฤติกรรมสัตว์แบบทดสอบพฤติกรรมสัตว์
แบบทดสอบพฤติกรรมสัตว์
 
6แบบทดสอบการลำเลียงสารผ่านเซลล์
6แบบทดสอบการลำเลียงสารผ่านเซลล์6แบบทดสอบการลำเลียงสารผ่านเซลล์
6แบบทดสอบการลำเลียงสารผ่านเซลล์
 
ใบงานการย่อยอาหาร Version นักเรียนค่ะ
ใบงานการย่อยอาหาร Version นักเรียนค่ะใบงานการย่อยอาหาร Version นักเรียนค่ะ
ใบงานการย่อยอาหาร Version นักเรียนค่ะ
 
4.ข้อสอบ a net วิชาชีววิทยา ปีการศึกษา 2549 new
4.ข้อสอบ a net วิชาชีววิทยา ปีการศึกษา 2549 new4.ข้อสอบ a net วิชาชีววิทยา ปีการศึกษา 2549 new
4.ข้อสอบ a net วิชาชีววิทยา ปีการศึกษา 2549 new
 
ระบบย่อยอาหาร
ระบบย่อยอาหารระบบย่อยอาหาร
ระบบย่อยอาหาร
 
Evolution Plan : การคัดเลือกตามธรรมชาติ
Evolution Plan : การคัดเลือกตามธรรมชาติEvolution Plan : การคัดเลือกตามธรรมชาติ
Evolution Plan : การคัดเลือกตามธรรมชาติ
 
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศแบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
 
Taxonomy 2
Taxonomy 2Taxonomy 2
Taxonomy 2
 
โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
 
สถานะของสาร ม.1
สถานะของสาร ม.1สถานะของสาร ม.1
สถานะของสาร ม.1
 
12แบบทดสอบการแบ่งเซลล์
12แบบทดสอบการแบ่งเซลล์12แบบทดสอบการแบ่งเซลล์
12แบบทดสอบการแบ่งเซลล์
 
ใบงานที่ 13 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส
ใบงานที่ 13 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสใบงานที่ 13 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส
ใบงานที่ 13 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส
 
การศึกษาโครงสร้างของหัวใจหมู โครงสร้างอวัยวะแลกเปลี่ยนแก๊ส และการวัดปริมาตรปอด
การศึกษาโครงสร้างของหัวใจหมู โครงสร้างอวัยวะแลกเปลี่ยนแก๊ส และการวัดปริมาตรปอดการศึกษาโครงสร้างของหัวใจหมู โครงสร้างอวัยวะแลกเปลี่ยนแก๊ส และการวัดปริมาตรปอด
การศึกษาโครงสร้างของหัวใจหมู โครงสร้างอวัยวะแลกเปลี่ยนแก๊ส และการวัดปริมาตรปอด
 
ใบกิจกรรมที่ 10 กลไกภูมิคุ้มกัน
ใบกิจกรรมที่ 10 กลไกภูมิคุ้มกันใบกิจกรรมที่ 10 กลไกภูมิคุ้มกัน
ใบกิจกรรมที่ 10 กลไกภูมิคุ้มกัน
 
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช
บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืชบทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมและความหลากหลายทางชีว...
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมและความหลากหลายทางชีว...ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมและความหลากหลายทางชีว...
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมและความหลากหลายทางชีว...
 
มัลติเปิล อัลลีล (Multiple allele)
มัลติเปิล อัลลีล (Multiple allele)มัลติเปิล อัลลีล (Multiple allele)
มัลติเปิล อัลลีล (Multiple allele)
 
การสืบพันธ์
การสืบพันธ์การสืบพันธ์
การสืบพันธ์
 

Viewers also liked

Lesson 1 homeostasis
Lesson 1 homeostasisLesson 1 homeostasis
Lesson 1 homeostasis
Namthip Theangtrong
 
พฤติกรรมสัตว์
พฤติกรรมสัตว์พฤติกรรมสัตว์
พฤติกรรมสัตว์
pronpron
 
การรับรู้และตอบสนอง2012
การรับรู้และตอบสนอง2012การรับรู้และตอบสนอง2012
การรับรู้และตอบสนอง2012Namthip Theangtrong
 
ติวสบายชีววิทยา (เพิ่มเติม) บทที่ 02 เคมีเป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
ติวสบายชีววิทยา (เพิ่มเติม) บทที่ 02 เคมีเป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตติวสบายชีววิทยา (เพิ่มเติม) บทที่ 02 เคมีเป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
ติวสบายชีววิทยา (เพิ่มเติม) บทที่ 02 เคมีเป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
Bally Achimar
 
ระบบประสาทส่วนกลางและรอบนอก
ระบบประสาทส่วนกลางและรอบนอกระบบประสาทส่วนกลางและรอบนอก
ระบบประสาทส่วนกลางและรอบนอกThanyamon Chat.
 
พฤติกรรมสัตว์
พฤติกรรมสัตว์พฤติกรรมสัตว์
พฤติกรรมสัตว์Pattiya Lasutti
 
ศูนย์ควบคุมระบบประสาท
ศูนย์ควบคุมระบบประสาทศูนย์ควบคุมระบบประสาท
ศูนย์ควบคุมระบบประสาท
สุรินทร์ ดีแก้วเกษ
 
Nervous system
Nervous systemNervous system
Nervous system
Nattha Phutthaarun
 
ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก
ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึกระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก
ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึกไผ่ไผ่ อยากเด่น
 
อวัยวะรับความรู้สึก
อวัยวะรับความรู้สึกอวัยวะรับความรู้สึก
อวัยวะรับความรู้สึก
Thitaree Samphao
 
การทำงานของระบบประสาท
การทำงานของระบบประสาทการทำงานของระบบประสาท
การทำงานของระบบประสาท
Thitaree Samphao
 
เซลล์ประสาทและการทำงาน
เซลล์ประสาทและการทำงาน เซลล์ประสาทและการทำงาน
เซลล์ประสาทและการทำงาน
Thitaree Samphao
 
ระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่าย ระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่าย
Thitaree Samphao
 
ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน
ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน
ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน
Thitaree Samphao
 
การรับรู้และตอบสนอง
การรับรู้และตอบสนอง การรับรู้และตอบสนอง
การรับรู้และตอบสนอง
Thitaree Samphao
 
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต - Movement system
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต - Movement systemการเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต - Movement system
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต - Movement systemsupreechafkk
 
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต
Thitaree Samphao
 
ชีววิทยาเรื่องระบบประสาท Nervous system
ชีววิทยาเรื่องระบบประสาท Nervous system ชีววิทยาเรื่องระบบประสาท Nervous system
ชีววิทยาเรื่องระบบประสาท Nervous system
kasidid20309
 

Viewers also liked (20)

Movement
MovementMovement
Movement
 
Lesson 1 homeostasis
Lesson 1 homeostasisLesson 1 homeostasis
Lesson 1 homeostasis
 
พฤติกรรมสัตว์
พฤติกรรมสัตว์พฤติกรรมสัตว์
พฤติกรรมสัตว์
 
การรับรู้และตอบสนอง2012
การรับรู้และตอบสนอง2012การรับรู้และตอบสนอง2012
การรับรู้และตอบสนอง2012
 
ติวสบายชีววิทยา (เพิ่มเติม) บทที่ 02 เคมีเป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
ติวสบายชีววิทยา (เพิ่มเติม) บทที่ 02 เคมีเป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตติวสบายชีววิทยา (เพิ่มเติม) บทที่ 02 เคมีเป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
ติวสบายชีววิทยา (เพิ่มเติม) บทที่ 02 เคมีเป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
 
Endocrine system
Endocrine systemEndocrine system
Endocrine system
 
ระบบประสาทส่วนกลางและรอบนอก
ระบบประสาทส่วนกลางและรอบนอกระบบประสาทส่วนกลางและรอบนอก
ระบบประสาทส่วนกลางและรอบนอก
 
พฤติกรรมสัตว์
พฤติกรรมสัตว์พฤติกรรมสัตว์
พฤติกรรมสัตว์
 
ศูนย์ควบคุมระบบประสาท
ศูนย์ควบคุมระบบประสาทศูนย์ควบคุมระบบประสาท
ศูนย์ควบคุมระบบประสาท
 
Nervous system
Nervous systemNervous system
Nervous system
 
ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก
ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึกระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก
ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก
 
อวัยวะรับความรู้สึก
อวัยวะรับความรู้สึกอวัยวะรับความรู้สึก
อวัยวะรับความรู้สึก
 
การทำงานของระบบประสาท
การทำงานของระบบประสาทการทำงานของระบบประสาท
การทำงานของระบบประสาท
 
เซลล์ประสาทและการทำงาน
เซลล์ประสาทและการทำงาน เซลล์ประสาทและการทำงาน
เซลล์ประสาทและการทำงาน
 
ระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่าย ระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่าย
 
ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน
ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน
ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน
 
การรับรู้และตอบสนอง
การรับรู้และตอบสนอง การรับรู้และตอบสนอง
การรับรู้และตอบสนอง
 
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต - Movement system
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต - Movement systemการเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต - Movement system
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต - Movement system
 
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต
 
ชีววิทยาเรื่องระบบประสาท Nervous system
ชีววิทยาเรื่องระบบประสาท Nervous system ชีววิทยาเรื่องระบบประสาท Nervous system
ชีววิทยาเรื่องระบบประสาท Nervous system
 

Similar to Animal tissue

เรื่อง เนื้อเยื่อ tissue น้องๆสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ slide ด้านล่่า...
เรื่อง เนื้อเยื่อ tissue น้องๆสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ slide ด้านล่่า...เรื่อง เนื้อเยื่อ tissue น้องๆสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ slide ด้านล่่า...
เรื่อง เนื้อเยื่อ tissue น้องๆสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ slide ด้านล่่า...
kasidid20309
 
เนื้อเยื่อชั้นต่างๆ ของราก
เนื้อเยื่อชั้นต่างๆ ของรากเนื้อเยื่อชั้นต่างๆ ของราก
เนื้อเยื่อชั้นต่างๆ ของรากBiobiome
 
เนื้อเยื่อพืช Annanet
เนื้อเยื่อพืช Annanetเนื้อเยื่อพืช Annanet
เนื้อเยื่อพืช AnnanetAnana Anana
 
เนื้อเยื่อพืช Annanet
เนื้อเยื่อพืช Annanetเนื้อเยื่อพืช Annanet
เนื้อเยื่อพืช AnnanetAnana Anana
 
Tissue oui
Tissue ouiTissue oui
Tissue oui
Oui Nuchanart
 
อาณาจักรสัตว์
อาณาจักรสัตว์อาณาจักรสัตว์
อาณาจักรสัตว์tarcharee1980
 
โครงสร้างและหน้าที่ของพืช
โครงสร้างและหน้าที่ของพืชโครงสร้างและหน้าที่ของพืช
โครงสร้างและหน้าที่ของพืช
เข็มชาติ วรนุช
 
บทที่ 12 โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอก
บทที่ 12 โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอกบทที่ 12 โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอก
บทที่ 12 โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอกฟลุ๊ค ลำพูน
 
B08
B08B08
เนื้อเยื่อ
เนื้อเยื่อเนื้อเยื่อ
เนื้อเยื่อOui Nuchanart
 
9.เนื้อเยื่อพืช
9.เนื้อเยื่อพืช9.เนื้อเยื่อพืช
9.เนื้อเยื่อพืช
Wichai Likitponrak
 
โครงสร้างและหน้าที่ของผิวหนัง
โครงสร้างและหน้าที่ของผิวหนังโครงสร้างและหน้าที่ของผิวหนัง
โครงสร้างและหน้าที่ของผิวหนังKang ZenEasy
 
Animal kingdom
Animal kingdomAnimal kingdom
Animal kingdomIssara Mo
 
Animal kingdom
Animal kingdomAnimal kingdom
Animal kingdomIssara Mo
 
9789740328049
97897403280499789740328049
9789740328049
Chirawat Wangka
 
โอลิมปิก สอวน.
โอลิมปิก สอวน.โอลิมปิก สอวน.
โอลิมปิก สอวน.itualeksuriya
 
โครงสร้างของเซลล์
โครงสร้างของเซลล์โครงสร้างของเซลล์
โครงสร้างของเซลล์
chawisa44361
 

Similar to Animal tissue (20)

เรื่อง เนื้อเยื่อ tissue น้องๆสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ slide ด้านล่่า...
เรื่อง เนื้อเยื่อ tissue น้องๆสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ slide ด้านล่่า...เรื่อง เนื้อเยื่อ tissue น้องๆสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ slide ด้านล่่า...
เรื่อง เนื้อเยื่อ tissue น้องๆสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ slide ด้านล่่า...
 
Body
BodyBody
Body
 
เนื้อเยื่อชั้นต่างๆ ของราก
เนื้อเยื่อชั้นต่างๆ ของรากเนื้อเยื่อชั้นต่างๆ ของราก
เนื้อเยื่อชั้นต่างๆ ของราก
 
เนื้อเยื่อพืช Annanet
เนื้อเยื่อพืช Annanetเนื้อเยื่อพืช Annanet
เนื้อเยื่อพืช Annanet
 
เนื้อเยื่อพืช Annanet
เนื้อเยื่อพืช Annanetเนื้อเยื่อพืช Annanet
เนื้อเยื่อพืช Annanet
 
Tissue oui
Tissue ouiTissue oui
Tissue oui
 
อาณาจักรสัตว์
อาณาจักรสัตว์อาณาจักรสัตว์
อาณาจักรสัตว์
 
โครงสร้างและหน้าที่ของพืช
โครงสร้างและหน้าที่ของพืชโครงสร้างและหน้าที่ของพืช
โครงสร้างและหน้าที่ของพืช
 
บทที่ 12 โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอก
บทที่ 12 โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอกบทที่ 12 โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอก
บทที่ 12 โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอก
 
B08
B08B08
B08
 
เนื้อเยื่อ
เนื้อเยื่อเนื้อเยื่อ
เนื้อเยื่อ
 
Body system
Body systemBody system
Body system
 
9.เนื้อเยื่อพืช
9.เนื้อเยื่อพืช9.เนื้อเยื่อพืช
9.เนื้อเยื่อพืช
 
โครงสร้างและหน้าที่ของผิวหนัง
โครงสร้างและหน้าที่ของผิวหนังโครงสร้างและหน้าที่ของผิวหนัง
โครงสร้างและหน้าที่ของผิวหนัง
 
Cartilage
CartilageCartilage
Cartilage
 
Animal kingdom
Animal kingdomAnimal kingdom
Animal kingdom
 
Animal kingdom
Animal kingdomAnimal kingdom
Animal kingdom
 
9789740328049
97897403280499789740328049
9789740328049
 
โอลิมปิก สอวน.
โอลิมปิก สอวน.โอลิมปิก สอวน.
โอลิมปิก สอวน.
 
โครงสร้างของเซลล์
โครงสร้างของเซลล์โครงสร้างของเซลล์
โครงสร้างของเซลล์
 

Recently uploaded

4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
รายงานโครงงานการออกแบบลายเสื่อโดยใช้รูปเรขาคณิต ระดับประเทศ.pdf
รายงานโครงงานการออกแบบลายเสื่อโดยใช้รูปเรขาคณิต ระดับประเทศ.pdfรายงานโครงงานการออกแบบลายเสื่อโดยใช้รูปเรขาคณิต ระดับประเทศ.pdf
รายงานโครงงานการออกแบบลายเสื่อโดยใช้รูปเรขาคณิต ระดับประเทศ.pdf
NitayataNuansri
 
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdfแนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
Faculty of BuddhismMahachulalongkornrajavidyalaya Roi Et Buddhist College
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
Prachyanun Nilsook
 
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนาภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
Faculty of BuddhismMahachulalongkornrajavidyalaya Roi Et Buddhist College
 

Recently uploaded (9)

4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
 
รายงานโครงงานการออกแบบลายเสื่อโดยใช้รูปเรขาคณิต ระดับประเทศ.pdf
รายงานโครงงานการออกแบบลายเสื่อโดยใช้รูปเรขาคณิต ระดับประเทศ.pdfรายงานโครงงานการออกแบบลายเสื่อโดยใช้รูปเรขาคณิต ระดับประเทศ.pdf
รายงานโครงงานการออกแบบลายเสื่อโดยใช้รูปเรขาคณิต ระดับประเทศ.pdf
 
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdfแนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
 
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
 
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนาภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
 

Animal tissue

  • 1. โรงเรียนนวมินทราชินทศ สตรีวทยา ๒ - 1 -ู ิ ิ เอกสารประกอบการเรียนการสอนวิชาชีววิทยา 4 (ว 30244) เรื่อง เนื้อเยื่อสัตว ผูสอน ครูน้ําทิพย เที่ยงตรง กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร เนื้อเยือสัตว ่ ลําดับโครงสรางของสิ่งมีชีวิตเริ่มจาก อะตอม (atom) โมเลกุล (molecule) เซลล (cell) เนื้อเยื่อ (tissue) อวัยวะ (organ) ระบบอวัยวะ (organ system) เนื้อเยื่อสัตวแบงออกเปน 4 ชนิด แตละชนิดประกอบดวยเซลลที่มีขนาด รูปราง และการจัดตัวเปนแบบเฉพาะ ไดแก 1. เนื้อเยื่อบุผิว (epithelial tissue หรือ epithelim) 2. เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (connective tissue) 3. เนื้อเยื่อกลามเนื้อ (muscle tissue) 4. เนื้อเยื่อประสาท (nervous tissue) เนื้อเยื่อบุผิว ประกอบดวยเซลลอยูกันแนน เรียงชั้นตอเนื่องกันไป หรือเปน ชิ้น หรือเปนแผนเซลลปกคลุมผิวรางกาย หรือบุชองวางภายในลําตัว หรือยอมใหสารผานไดหรือไมได โดยผิวดานหนึ่งของเซลลจะติดกับเยื่อ รองรับฐาน (basement membrane) ประกอบดวย เสนใย (fiber) บาง ๆ เล็ก ๆ และพอลิแซ็กคาไรด ที่สรางจากเซลลของเนื้อเยื่อบุผิว เอง เนื้อเยื่อชนิดนี้ ทําหนาที่ปองกัน ดูดซึมหลั่งสาร และรับความรูสึก เชน เนื้อเยื่อบุผิวที่พบชั้นนอกของผิวหนังจะทําหนาที่ปกคลุมรางกาย ทั้งหมดและปองกันอวัยวะขางใตจากสิ่งแวดลอมภายนอก รวมทั้งการ บาดเจ็บทางกล สารเคมี การสูญเสียของเหลวจากรางกาย และเชื้อโรค ตาง ๆ เชน แบคทีเรีย เยื่อบุทางเดินอาหาร จะดูดซึมสารอาหาร และน้ําเขาสูรางกาย ทุกอยางที่เขาและออกจากรางกาย จะตองผานเนื้อเยื่อบุผิว 1 ชั้นเปนอยางนอย และนอกจากนี้เนื้อเยื่อบุผิวยังอาจดัดแปลงไปทําหนาที่อื่นพิเศษไดอีก เชน
  • 2. -2- เปนตอมเพื่อสรางผลิตภัณฑจากเซลล เยื่อหุมเซลลบุผิวหลายชนิดจะมีการสูญเสีย และหมด สภาพไปตลอดเวลา ดังนั้นเซลลเหลานี้จะมีอัตราเร็วของการแบงตัวสูงมาก เซลลใหมจะแทนที่ เซลลเกาที่สูญเสียไปทันอยูเสมอ นักชีววิทยาไดแบงเนื้อเยื่อบุผิวออกเปนชนิดตาง ๆ แตกตางกันตามรูปรางของเซลล และตามการจัดเรียงตัวของเซลล พิจารณาจากรูปรางเซลล แบงเนื้อเยื่อบุผิวไดเปน 3 ชนิด คือ 1. squamous epithelium เซลลมีรูปรางแบนบาง 2. cubiodal epithelium เซลลมีรูปรางทรงกระบอก ไมสูงมาก หรือคลายลูกบาศก มองทางดานขางคลายลูกเตา แตแทจริงแลวมีรูปรางเปนทรงแปดเหลี่ยม 3. columnar epithelium เซลลคลายทรงกระบอก หรือเสาเล็ก ๆ เมื่อมองทาง ดานขาง นิวเคลียสมักใกลฐานของเซลล ถามีซีเลียที่ผิวหนาดานที่เปนอิสระ ทํา หนาที่โบกพัดสาร ตางๆ ไปทิศทางเดียว ก็เรียกวาเปน ciliated columnar epithelium เชนที่ทางเดินหายใจของคน พิจารณาจากการจัดตัวของเซลล แบงเนื้อเยื่อบุผิวไดเปน 3 ชนิด คือ ารณาจากการจั 1. simple epithelium ประกอบดวยเซลลเรียงกันเปนชั้นเดียว มักพบใน บริเวณที่สารตองแพรผานเนื้อเยื่อ หรือบริเวณที่สารตองถูกหลั่งหรือถูกกําจัด หรือถูก ดูดซึม 2. stratified epithelium ประกอบดวยเซลลเรียงซอนกัน 2 ชั้นขึ้นไป พบที่ผิวหนัง และเยื่อบุหลอดอาหารของคนและสัตวมีกระดูกสันหลังอื่น ๆ 3. Pseudostratified epithelium มีการเรียงตัวกันของเซลลที่มองดูเหมือนกับมีเซลลอยูซอนกันหลายชั้น แตความ จริง ทุกเซลลยังติดอยูบนเยื่อรองรับฐานทั้งสิ้น เพียงแตบางเซลลไมสูงพอที่จะยื่นไปถึงผิวหนาอิสระของเนื้อเยื่อ และถูกเบียด อยูดานลาง ทําใหเห็นเหมือนมี 2 ชั้นหรือมากกวานั้น พบที่ทางเดินหายใจบางสวน ซึ่งเซลลชั้นบนสุดมีซีเลีย และพบที่ทอ ของตอมหลายชนิด ในการพิจารณาชนิดของเนื้อเยื่อบุผิว มักพิจารณาจากรูปราง และการจัดเรียงของเซลลควบคูกันไป และเรียกชื่อระบุ ลักษณะทั้ง 2 ประการนี้ เชน - simple cubiodal epithelium หมายถึงเนื้อเยื่อบุผิวที่มีเซลลลูกบาศกเรียงตัวเปนชั้นเดียว - stratified squamous epithelium หมายถึง เนื้อเยื่อบุผิวชนิดที่มีเซลลแบบแบนบางเรียงตัวกันอยูหลาย ๆ ชั้น สําหรับเนื้อเยื่อบุผิวชนิด stratified ยัง พบชนิ ด พิ เ ศษชนิ ด หนึ่ง ซึ่ ง เซลล อาจเปลี่ ย นรู ปร า งได ชั่ว คราว หรื อเปลี่ ย น รูปรางกลับไปกลับมาได เชน ที่ผนังกระเพาะปสสาวะ ซึ่งมีการยืดขยายตัวในบางครั้งเพื่อรองรับปริมาณปสสาวะที่เพิ่มขึ้น เซลลที่บุผิวจะเปลี่ยนแปลงจากรูปลูกบาศก ที่แบนราบลงกวาเดิม เมื่อผนังกระเพาะปสสาวะขยายออก เรียกเนื้อเยื่อบุผิวชนิด วา เปนแบบ stratified transitional epithelium epithelium
  • 3. -3- เนื้อเยือเกียวพัน ่ ่ ทําหนาที่สําคัญ คือ เปนตัวเชื่อมหรือประสานระหวางเนื้อเยื่ออื่น ๆ ในรางกาย ชวยค้ําจุนรางกายหรือโครงสรางตาง ๆ และปองกันอวัยวะที่อยูขางใต โดยเกือบทุกอวัยวะในรางกายจะตองมีเนื้อเยื่อเกี่ยวพันเปนรางแหค้ําจุน ชวยทําหนาที่ คลายกันชน หรือหมอนกันกระเทือน เนื้อเยื่อเกี่ยวพันมีหลายชนิดหลัก ๆ 8 ชนิด ไดแก 1. เนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดโปรงบาง (loose หรือ areolar connective tissue) 2. เนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดแนนทึบ (dense connective tissue) 3. เนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดอิลาสติก (elastic connective tissue) 4. เนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดตาขาย (reticular connective tissue) 5. เนื้อเยื่อไขมัน (adipose tissue) 6. กระดูกออน (cartilage) 7. กระดูก (bone) 8. เลือด (blood) เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ประกอบดวยเซลล จํานวนไมมากนัก และมีสารภายนอกเซลลลอมรอบอยูเปนจํานวนมาก สาร ภายนอกเซลลเหลานี้ประกอบดวยเสนใย (fiber) เล็กบางคลายเสนดายกระจายอยูทั่วไปในสารประกอบพวกพอลิแซ็กคาไรด ซึ่งมีลักษณะเปนเจล (gel) บาง ๆ หลั่งจากเซลล ซึ่งเรียกวา เมทริกซ (metrix) เซลลของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันตางชนิดกัน จะ ตางกันที่รูปรางและโครงสรางของเซลลและชนิดของเมทริกซที่เซลลสรางสมบัติและการทํางานของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของชนิด สวนหนึ่งขึ้นกับโครงสรางและสมบัติสารระหวางเซลลหรือเมทริกซนี้ ดังนั้นเซลลของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันจึงทําหนาที่ค้ําจุนทางออม โดยทําหนาที่เปนผูสรางเมทริกซที่แทจริง ชนิดของเสนใยของเนื้อเยือเกียวพัน ของเส ่ ่ 1. collagen fiber พบมีจํานวนมากที่สุด กระจายอยูทั่วไปทุกทิศทาง ประกอบดวยมัดของ fibril เล็ก ๆ เรียง ขนานกันอยู มีสมบัติโคงงอได แตก็สามารถตานทานแรงตึงได เมื่อถูกดึงจะยืดไดนอยมาก และถาใชแรงดึงมาก ๆ ก็ขาดได 2. elastic fiber มีลักษณะแตกแขนงเปนกิ่งกานสาขามากและเชื่อมกันเปนตาขาย เมื่อดูดวยกลองจุลทรรศน fiber อิเล็กตรอนจะเห็นประกอบดวย microfibril มากมาย แตไมเปนมัดอยาง collagen fiber สามารถดึงใหยืดได และเมื่อ ปลอยจะกลับสูขนาดเดิมและรูปรางเดิมได 3. reticular fiber มีขนาดเล็กมากและแตกแขนงเปนตาขายละเอียดมากมองไมเห็นดวยกลองจุลทรรศนแบบใช แสงธรรมดาตองยอมดวยเงินจึงจะมองเห็นได collagen และ reticular fiber ประกอบดวยโปรตีนที่เรียกวา collagen ซึ่งประกอบดวยกรดอะมิโนหลายชนิด เชน glycine, proline และ hydroxyproline ซึ่ง collagen นี้เปนโปรตีนที่แข็งและเหนียวมาก ดังนั้น ถาอยูในโครงสราง ใด โครงสรางนั้นจะแข็งแรงมาก เชน เนื้อสัตว แตถาใสน้ํารอน collagen จะเปลี่ยนเปน gelatin ซึ่งเปนโปรตีนที่ละลายน้ํา ได เราพบวา โปรตีนในสัตวเลี้ยงลูกดวยนมทุกชนิดเปน collagen เสียประมาณ 1/3 ของโปรตีนทั้งหมด ชนิดของเซลลของเนื้อเยือเกียวพัน ่ ่ 1. fibroblast ทําหนาที่สรางโปรตีนและคารโบไฮเดรตของเมทริกซและเสนใย และหลั่งสารประกอบโปรตีนเฉพาะ ชนิด ซึ่งจะจัดตัวเปนเสนใย จะมีกิจกรรมมากเปนพิเศษในเนื้อเยื่อที่ 2. กําลังเจริญ และบาดแผลที่กําลังสมาน ขณะที่เนื้อเยื่อมีอายุมากขึ้น จํานวน fibroblast จะลดลง และทําหนาที่ นอยลง เรียกชื่อใหมวา fibrocyte
  • 4. -4- 3. pericyte เปนเซลลที่ไมมีการเปลี่ยนแปลงไปทําหนาที่เฉพาะ (differentiate) พบอยูตามผนังดานนอกของ เสนเลือดฝอยที่กระจายไปทั่วเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เขาใจวาเปนผูสรางหรือใหกําเนิดเซลลอื่น เชน เมื่อมีบาดแผล pericyte จะ แบงตัวไดเปน fibroblast 4. macrophage พบไดทั่วไปในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เคลื่อนที่ทั่วไปในเนื้อเยื่อเพื่อเก็บเศษเซลลและจับกินสาร แปลกปลอม เชน เชื้อโรค แบคทีเรีย 5. mast cell ปลอยสาร เชน histamine ออกมาระหวางเกิดปฎิกิริยาการแพ นอกจากเซลลทั้ง 4 ชนิดนี้แลวก็จะเปนเซลลเฉพาะที่พบในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน 1. เนื้อเยือเกียวพันชนิดโปรงบาง ่ ่ เปนเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่กระจายอยูมากที่สุดในรางกาย พบเปน แถบบาง ๆ อยูระหวางสวน ตาง ๆ ของรางกาย ยึดอวัยวะไวดวยกัน และทําหนาที่เปนแหลงเก็บสะสมหรือสํารองของเหลว และเกลือ เนื้อเยื่อ ชนิดนี้หุมรอบเสนประสาท เสนเลือด และกลามเนื้อ สวนที่ผิวหนัง ชั้น ของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันนี้รวมกับเนื้อเยื่อไขมัน ก็คือชั้น subcutaneous หรือชั้นใตผิวหนัง และกลามเนื้อ รวมทั้งโครงสรางอื่นขางใต ในเมทริกซ ซึ่งมีสารประกอบไกลโคโปรตีน จะมีเสนใย collagen และ elastic กระจายทั่วไปทุกทิศทาง มีสมบัติโคงงอได ฉะนั้นจึงทําใหสวนที่ติดตอ อยูเคลื่อนไหวไดดี 2. เนื้อเยือเกียวพันชนิดทึบ ่ ่ เปนเนื้อเยื่อที่มีความแข็งแรงมาก และโคงงอได แตนอยกวาชนิดโปรงบาง ประกอบดวยcollagen fiber เปนสวน ใหญ อาจแบงไดเปน 2 ชนิด คือ - แบบ irregular มีcollagen fiber จัดตัวเปนมัดกระจายทุกทิศทางทั่วไปในเนื้อเยื่อ พบที่ชั้น dermis ของ ผิวหนัง - แบบ regular มีcollagen fiber ที่เปนระเบียบแนนอน ทําใหเนื้อเยื่อแข็งแรงและตานทานแรงตาง ๆ ไดดี มาก ตัวอยาง คือ เอ็นทียดระหวางกลามเนื้อและกระดูก (tendon) ่ึ
  • 5. -5- 3. เนื้อเยือเกียวพันแบบอิลาสติก ่ ่ ประกอบดวยมัดของ elastic fiber เรียงขนานกัน เปนสวนใหญ พบที่เอ็นทียดระหวางกระดูกกับกระดูก (ligament) และพบที่โครงสรางที่ เอ็ ่ ึ ตองขยายและกลับสูสภาพเดิม เชน ผนังของเสนเลือดอารเทอรีขนาดใหญ และเนื้อเยื่อปอด 4. เนื้อเยือเกียวพันชนิดตาขาย ่ ่ ประกอบดวย reticular fiber สานกันไปมา ทําหนาที่ค้ําจุนอวัยวะหลายอยาง เชน ตับ มาม ตอมน้ําเหลือง 5. เนื้อเยือไขมัน ่ แตละเซลลของเนื้อเยื่อชนิดนี้ มีไขมันพวก triglyceride สะสมอยูจํานวน มาก และจะปลอยออกมาเมื่อรางกายตองการใชในการหายใจระดับเซลล พบในชั้น ใตผิวหนัง และเนื้อเยื่อที่ปองกันอวัยวะภายใน เมื่อยังเจริญไมเต็มที่ เซลลมีรูปราง คลายรูปดาว เมื่อมีไขมันมาสะสมในไซโทพลาซึม เซลลจึงมีรูปรางกลมขึ้น ๆ เนื่องจากหยดไขมันมารวมกันใหญขึ้น จนเห็นเปนหยดเดียว มักจะกินเนื้อที่ หรือ ปริมาตรเกือบทั้งหมดของเซลล (อาจถึง 90%) ทําใหดันไซโทพลาซึม และออร แกเนลลไปที่ขอบเซลล และเห็นนิวเคลียสโปงออกมา เมื่อดูภาพตัดขวางดวยกลอง จุลทรรศนแบบใชแสงธรรมดา จึงเห็นเหมือนเปนวงแหวนมีพลอย 1 เม็ด (โดยเรือนแหวนคือไซโทพลาซึมและเม็ดพลอย คือนิวเคลียส) บางครั้งจึงเรียกวา signet ring cell สวนที่มไขมันอยูจนเกือบเต็มเซลลจะเห็นเปนเพียงชองวางขนาดใหญ ring ี ภายในเซลล เนื่องจากสีที่ยอมในการทําสไลดละลายไขมันออกไป 6. กระดูกออน Matrix เปนแกนทําหนาที่ค้ําจุนในสัตวมีกระดูกสันหลังทุกชนิด ขณะที่ Lacuna เปนเอมบริโอ แตสวนใหญเมื่อเปนตัวเต็มวัยจะถูกแทนที่ดวยกระดูก ยกเวนในปลากระดูกออน เชน ฉลาม กระเบน ซึ่งมีกระดูกออนตลอดชีวิต Chondocyte Chondrocytes มีลักษณะเหนียว แข็งแรงแตยืดหยุนได เซลลกระดูกออน เรียกวา chondrocyte สรางเมทริกซ ซึ่งแข็งและเหนียวรอบ ๆ เซลล อยูใน ชองวางเล็ก ๆ จะพบ chondocyte อยูเดี่ยวๆ หรืออาจเปนกลุม 2 หรือ 4 เซลล อยูในชองวางเล็กๆ เรียก lacuna ซึ่งอยูในเมทริกซและ เซลลเหลานี้เปนเซลลที่มีชีวิต
  • 6. -6- อาจแบงกระดูกออนไดเปน 3 ชนิดของเสนใยสวนใหญที่พบในเมทริกซ คือ - Hyaline cartilage Matrix ไมมีเสนใยอยู พบอยูตามขอตอของกระดูกตางๆ เยื่อกันจมูก (Nassal ้ septum) หลอดลม และกระดูกออนของซี่โครง - - Elstic carilage Matrix เต็มไปดวย collagen fiber + elastic fiber พบตามใบหู กลองเสียง และฝาปดกลองเสียง - Fibrocartilage Matrix เต็มไปดวย collagen fiber พบ ตามขอตอของกระดูกสันหลัง (intervertebral disk) และ ขอตอของกระดูกอื่นๆ 7. กระดูก คลายกระดูกออนตรงที่ประกอบดวยเมทริกซเปนสวนใหญซึ่งมี lacuna และมีเซลลที่สราง เมทริกซ แตตางกันที่ เมทริกซ มิไดมีแต collagen, mucopolysaccharide และสารอินทรียอื่นเทานั้น ยังมีแรธาตุ apatite ซึ่งเปนสารประกอบ ของแคลเซียมฟอสเฟตอยูดวย ดังนั้น การแพรจะเกิดไดชามาก การสารอาหาร และออกซิเจนโดยอาศัยการแพรอยางเดียวไม เพียงพอที่จะเลี้ยงเซลลกระดูกได เซลลกระดูกหรือ Osteocyte จึงมีการติดตอกันเอง และการติดตอกับเสนเลือดฝอย โดย ทางชองเล็ก ๆ บางๆ ของเซลลเอง ทําใหเห็นเปนเซลลรูปดาว อาจเรียกวา Osteoblast ดังนั้น เซลลกระดูกจะตองอยูใกล เสนเลือดใหมากที่สุดเพื่อชวยการแพรของสาร จึงพบวาในกระดูกสวนใหญ เซลลกระดูกจัดตัวรอบเสนเลือดฝอยเสนหนึ่ง และ อยูเปนชั้น ๆ รอบวงกลมที่มีเสนเลือดฝอยอยูตรงกลาง ชั้นเหลานี้ เรียกวา lamella ซึ่งจัดตัวเปนหนวยรูปกระสวยเรียกวา osteon สวนชองกลางที่เปนที่อยูหรือทางผานของเสนเลือดฝอยและเสนประสาท เรียกวา Haversian canal กระดูกยัง ประกอบดวยเซลลขนาดใหญซึ่งมีหลายนิวเคลียสเรียก osteoclast ซึ่งสามารถละลายและดึงสารประกอบของกระดูกออกได รูปรางและโครงสรางภายในของกระดูกอาจคอยๆ เปลี่ยนตามกระบวนการ เติบโตปกติ และตอแรงกดดันทางกายภาพ โดยเกลือแคลเซียมทําให เมทริกซของกระดูกแข็งมาก สวน Collagen ชวยไมใหเปราะเกินไป ดังนั้นกระดูกจึงเบา และแข็งแรงอยางไมนาเชื่อ โครงสรางทั้งหมดเหลานี้ เปนลักษณะเฉพาะของกระดูกแข็งที่เรียก compact bone ซึ่งเปนกระดูก ที่พบทั่วไปในรางกาย เชน กระดูกทอนยาวที่ขา แขน เปนตน ภายใน กระดูกแข็งแบบนี้มีไขกระดูก (bone marrow) ขนาดใหญ 1 อันอยูตรง กลาง ซึ่งอาจเปน yellow marrow ซึ่งสวนใหญเปนไขมัน หรือ red marrow ซึ่งเปนแหลงสรางเม็ดเลือดแดงหรือเม็ดเลือดขาวบางชนิด นอกจากนี้ ยังมีกระดูกอีกชนิดหนึ่ง คือ spongy bone ซึ่งแนนและแข็งนอยกวา compact bone แตจัดตัวเปนรางแหของ ชั้นกระดูกตอกัน ปกติพบที่สวนปลายของกระดูกแข็งที่เรียก epiphysis
  • 7. -7- 8. เลือด ประกอบดวยเม็ดเลือดแดง (erythrocyth) ,เม็ดเลือดขาว (leucocyte) และเกล็ดเลือด (platelet) แขวนลอย อยูในพลาสมาซึ่งเปนของเหลว นักชีววิทยาสวนใหญถือวาเลือดเปนเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เพราะการทํางานของเลือดใกลเคียงกับ เนื้อเยื่อเกี่ยวพันโดยทั่วไปแตบางคนแยกเปนกลุมตางหาก เพราะตามคําจํากัดความ เซลลเนื้อเยื่อเกี่ยวพันจะตองสรางเมท ริกซออกมารอบ ๆ แตเซลลเม็ดเลือดไมไดสรางพลาสมา สามารถแยกความแตกตางของเม็ดเลือดทั้ง 2 ชนิด และเกล็ดเลือด ได ภายใตกลองจุลทรรศนแบบใชแสงธรรมดา - เม็ดเลือดแดง ในสัตวเลี้ยงลูกดวยน้ํานมสวนใหญ เมื่อเจริญ เต็มที่จะไมมีนิวเคลียส จึงเห็นเปนลักษณะเวา 2 ดาน สวนของสัตวมีกระดูกสัน หลังอื่นจะเปนเซลลรูปไขและมีนิวเคลียส ในสัตวที่ไมมีกระดูกสันหลังสวนใหญ รงควัตถุที่จับออกซิเจนได จะไมอยูที่เม็ดเลือด แตอยูในพลาสมามีสีแดง หรือสี ฟาขึ้นกับชนิดของรงควัตถุ สวนในสัตวมีกระดูกสันหลังสวนใหญรงควัตถุจับ ออกซิเจน คือ ฮีโมโกลบิน ซึ่งเกาะอยูที่เม็ดเลือดแดง - เม็ดเลือดขาว ในคนมีหลายชนิด ตางกันที่รูปราง โครงสราง นิวเคลียส การติดสีและหนาที่ - เกล็ดเลือด ไมใชเซลลทั้งเซลล แตเปนชิ้นสวนเล็ก ๆ ที่แตกจากเซลลในไขกระดูก เนื้อเยือกลามเนื้อ ่ การเคลื่อนไหวของสัตวสวนใหญเกิดจากการหดตัวของ เซลลรูปยาว หรือทรงกระบอกหรือรูปกระสวยของเนื้อเยื่อ กลามเนื้อ เซลลกลามเนื้อแตละเซลลซึ่งมักเรียกวา muscle fiber ประกอบดวยเสนใยขนาดเล็กยาว เรียงขนานกัน และ สามารถหดตัวได เรียก myofibril ซึ่งมีโปรตีน actin และ myosin เปนสารประกอบสําคัญ ในสัตวมีกระดูกสันหลัง พบ เนื้อเยื่อกลามเนื้อ มี 3 ชนิด ไดแก กลามเนื้อเรียบ (smooth muscle) กลามเนื้อสเกเลตัล (skeleton muscle) และกลามเนื้อหัวใจ (cardiac muscle) 1. กลามเนือเรียบ(Smooth muscle) พบที่อวัยวะ ้ บ(Smooth ภายใน เชนที่ผนังของทางเดินอาหาร มดลูก เสนเลือด และ อวัยวะภายในอื่น ๆ รูปรางของเซลลมีลักษณะยาว ปลายแหลม คลายกระสวย มีนิวเคลียสอันเดียวอยูตรงกลางเซลล เมื่อมอง ดวยกลองจุลทรรศนแบบใชแสงธรรมดา จะไมเห็นมีลาย แต เห็นเปนเนื้อเยื่อเดียวกันหมด เพราะ actin และmyosin มี การจัดตัวตางจากกลามเนื้อสเกเลตัล กลามเนื้อเรียบหดตัวไดชา แตหดตัวไดนานมาก และการทํางานอยูนอกอํานาจจิตใจ 2. กลามเนือสเกเลตัล (Skeletal muscle) เปนกลามเนื้อขนาดใหญอยูติดกับกระดูก เชน กลามเนื้อที่แขนขา มี ้ ลักษณะสําคัญ คือ แตละ muscle fiber มีหลายนิวเคลียสซึ่งเรียงกันอยูทางดานขาง ใตเยื่อหุมเซลล สวนที่เหลือตรงกลาง เซลลทั้งหมดเปนที่อยูของ myofibril ซึ่งทําหนาที่หดตัว แตละเซลลอาจมีขนาดยาวไดถึง 2-3 เซนติเมตร เมื่อดูภายใต กลองจุลทรรศนชนิดใชแสงธรรมดา จะเห็นแถบสีเขมและจางพาดขวางสลับกันไป เรียกวา ลาย (striation) ซึ่งขณะที่หดตัว striation)
  • 8. -8- จะมีการเปลี่ยนแปลงไป โดยสีเขมจะคงมี่ แตสีจางแคบลงกลามเนื้อชนิดนี้หดตัวไดรวดเร็ว แตจะตองคลายตัวและพักระยะ หนึ่งกอนที่จะสามารถหดตัวไดอีก การทํางานของกลามเนื้อ สเกเลตัลยูภายใตอํานาจจิตใจ 3. กลามเนือหัวใจ (Cardiac muscle) พบที่ผนังหัวใจ เซลลมีรูปรางยาวทรงกระบอก มีนิวเคลียสอันเดียวอยูตรง ้ กลางเซลลมีการแตกแขนงและแขนงกลับมาเชื่อมกันอีกเปนชวง ๆ เมื่อมองดวยกลองจุลทรรศนแบบใชแสงธรรมดาจะเห็น เปนลาย แตการทํางานไมเหมือนของเซลลกลามเนื้อสเกเลตัลเพราะอยูนอกอํานาจจิตใจ เซลลติดตอกันดวย gap junction ซึ่งยอมใหสัญญาณกระแสไฟฟากระจายทั่วผนังหัวใจอยางรวดเร็ว เนื้อเยือประสาท ่ มีรูปรางและขนาดตาง ๆ มากมาย แตโดยทั่วไปจะมีตัวเซลลขนาดใหญประกอบดวยนิวเคลียสอยูตรงกลาง มี Nissl’s granule อยูในไซโทพลาสซึม และสวนยื่นเล็ก ๆ บางๆ 2 ชนิดยื่นออกมาจากตัวเซลลเปนแขนงประสาท คือเดน ไดรต (dendrite) เปนเสนใยทําหนาที่เฉพาะในการรับกระแสความรูสึกจากสิ่งเราจากสิ่งแวดลอม หรือจากเซลลอื่น ตัวเซลล ประสาทอาจมีสาขาบาง อาจยาวตั้งแต 1 หรือ 2 มิลลิเมตร Nissl’s granules ( cytoplasm) จนถึงมากกวา 1 เมตรก็มี เชนเสนที่ยื่นยาวจากไขสันหลังลงไปที่ Neuron แขน หรือขาของคน เปนตน ที่ปลายจะมีสาขาเปนกิ่งกานเล็ก ๆ เปนกระจุก แอกซอนที่มีเยื่อหุมเรียกวา ใยประสาท (nerve Glial cell fiber) แบงออกเปน 2 ชนิด คือ 1) ชนิดที่ไมมีเยื่อไมอีลิน (myelin sheath) หุม มีเพียงเยื่อหุม Schwann cell หุมรอบ เพียงชั้นเดียวเรียก นิวริเลมมา (neurilemma) 2) ชนิดที่มีเยื่อ ไมอีลินหุมยื่นแผออกมาจาก Schwann cell หุมรอบแอกซอนที่ รอยตอระหวาง Schwann cell จะเห็นเปนรอยคอดซึ่งมีแตนิวริเลมมา เรียกวา node of Ranvier เซลลประสาทจะตอกันที่ บริเวณรอยตอที่เรียกวา ไซแนปส (synapse) เพื่อสงตอกระแสความรูสึกไปทั่วตัว สวนปลายประสาท (motor nerve ending) จะไปสิ้นสุดที่กลามเนื้อสเกเลตัล กลามเนื้อเรียบ และตอมตาง ๆ โดยแอกซอนแตกแขนงแผออกเปนแผนบาง ๆ (motor end plate) เซลลเกียวพันประสาท ่ อยูลอมรอบและค้ําจุนเซลลประสาทยึดไวกับเสนเลือด และอาจชวยปองกันเซลลประสาทไดดวย เซลลนี้มีความสําคัญ ในทางการแพทย เนื่องจากเนื้องอกสวนใหญของระบบประสาทมักเกิดขึ้นที่นี่ เซลลเกี่ยวพันประสาท แบงออกเปน 3 ชนิด ใหญ ๆ ตามรูปรางและการทํางาน ไดแก 1. astrocyte เปนเซลลรูปดาว มีแขนงยื่นมากมาย อาจพบอยูระหวางใยประสาทในสมองและไขสันหลัง หรือ ระหวางเซลลประสาทและเสนเลือด 2. oligodendroglia เปนเซลลที่มีขนาดเล็กกวา และมีแขนงนอยกวา astrocyte ทําหนาที่ยึดเสนประสาทไวดวยกัน และที่สําคัญเชื่อวา เปนผูสรางเยื่อหุมไมอีลินที่หุมเสนใยประสาทในสมองและไขสันหลัง 3. microglia เปนเซลลขนาดเล็กและมักอยูกับที่ แตในเนื้อเยื่อสมองที่บวมหรือกําลังเสื่อม เซลลนี้จะขยายใหญและ เคลื่อนที่และมี phagocytosis เพื่อกินและทําลายจุลินทรียและเศษเซลล @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@