SlideShare a Scribd company logo
1 of 87
Download to read offline
บทที่ 7
การเคลื่อนที่ของสิ่ งมีชีวต
                          ิ
การเคลื่อนที่ของสิ่ งมีชีวต
                          ิ
การเคลื่อนที่ของสิ่ งมีชีวต
                                          ิ
 การเคลื่อนไหว     เป็ นการเคลื่อนย้ายเพียงบางส่ วนของ
  ร่ างกาย
 การเคลื่อนที่ เป็ นการเคลื่อนย้ายจากที่หนึ่ งไปยังอีกที่หนึ่ ง


* การเคลื่อนที่จะต้องมีการเคลื่อนไหวด้วยเสมอ แต่การเคลื่อนไหว
  ไม่จาเป็ นต้องมีการเคลื่อนที่ดวย
                                ้
โครงร่ างสั ตว์ (animal skeleton) แบ่ งออกเป็ น 2 ประเภท คือ
1. Hydroskeleton or hydrostatic skeleton
2. Hard skeleton
 2.1 Exoskeleton
 2.2 Endoskeleton
การเคลื่อนที่ของสิ่ งมีชีวตเซลล์เดียว
                                ิ
การเคลื่อนไหวโดยอาศัยการไหลของไซโทพลาสซึม
                 อมีบา(amoeba)
การเคลื่อนไหวของอมีบา

 การเคลื่อนไหวอาศัยการไหลของไซโทพลาสซึ ม โดยแบ่งเป็ น 2
  ส่ วน คือ ectoplasm(แข็ง) และ endoplasm(เหลว)
 Actin และ Miosin ประกอบกันเป็ น microfilament(
  เป็ นเส้นใยโปรตีนเล็กๆ) หดตัวและคลายตัวได้ ทาให้เกิดการไหล
  ของไซโทพลาสซึม
 ทาให้เกิดเท้าเทียม(pseudopodium)
 การเคลื่อนที่แบบอะมีบา (amoebiod movement)
 ได้แก่ อมีบา เม็ดเลือดขาว ราเมือก
ในเซลล์ อมีบา การยื่น pseudopodium ออกไปเกิดจากการ
ยืดและหดตัวของ actin filaments
การเคลื่อนไหวโดยการใช้แฟลกเจลลัม หรื อซิเลีย
            แฟลกเจลลัม(flagellum)
Euglena
ซิเลีย(cilia)
A comparison of the beating of flagella and cilia
Microtubules เป็ นแกนของ flagellum และ cilia
Centrosome containing a pair of centrioles
การเคลือนทีของไฮดรา
       ่ ่
(Hydra)

 ตีลงกา
     ั
 เคลือบคลานเหมือนหนอน
 ลอยไปตามน้ า
planaria
การเคลื่อนที่ของพลานาเรี ย(planaria)
 Phylum         platyhelminthes
 มีกล้ามเนื้ อ 3 ชนิ ด คือ circular muscle ,longitudinal
  muscle,oblique muscle
 เคลื่อนที่ไปโดยการลอยไปตามผิวน้ าหรื อคลืบคลาน
 ทางด้านล่างมีซิเลียช่วยในการโบกพัดช่วยให้เคลื่อนตัวได้ดียงขึ้น
                                                           ิ่
การเคลื่อนที่ของหนอนตัวกลม(round worm)
 Phylum       nematoda ได้แก่ พยาธิไส้เดือน พยาธิปากขอ
  พยาธิเส้นด้าย หนอนน้ าส้มสายชู
 มีเฉพาะกล้ามเนื้ อตามยาวของลาตัว(longitudinal
  muscle)
 การเคลื่อนที่ทาให้เกิดลักษณะส่ ายไปส่ ายมา
การเคลื่อนที่ของไส้เดือน(earth worm)
 การเคลื่อนที่ของไส้เดือน(earth   worm)

                      - Phylum annelida
                      - กล้ามเนื้อ 2 ชุดคือ กล้ามเนื้อวงกลม
                        (circular muscle) อยูทางด้าน  ่
                        นอก และกล้ามเนื้อตามยาว
                        (longitudinal muscle) ตลอด
                                 ่
                        ลาตัวอยูทางด้านใน
                      - เดือย(setae)
การเคลื่อนที่ของแมงกะพรุ น(jelly fish)
 Phylum coelenterata
 เคลื่อนที่โดยการหดตัวของ
                 ่
  เนื้อเยือที่อยูบริ เวณของร่ มและ
          ่
  ผนังลาตัวทาให้น้ าพ่นออกมา
  ทางด้านล่าง
การเคลื่อนที่ของหมึก(squid)
การเคลื่อนที่ของหมึก(squid)
การเคลื่อนที่ของดาวทะเล(sea star)
Exoskeleton
-พบในพวก mollusk และแมลง
-เป็ นโครงร่ างเปลือกแข็งหุ้มอยู่ภายนอกร่ างกาย โดย
ส่ วนประกอบของเปลือกเป็ นพวก crystallized mineral
salt และไม่ มีเซลล์ (acellular) เช่ น แคลเซียมคาร์ บอเนต
ใน mollusk, chitin ในแมลง
-exoskeleton นอกจากจะทาหน้ าที่คาจุนร่ างกายแล้ ว ยัง
                                       ้
ช่ วยปองกันการสูญเสียนา
       ้                   ้
-การเคลื่ อนไหวเกิดขึนโดยการหด-คลายตัวของกล้ ามเนือ
                      ้                                  ้
ที่ยดติดกับ exoskeleton
     ึ
-กล้ ามเนือทีทาให้ เกิดการเคลือนไหวมี 2 ชุด คือ
          ้ ่                 ่
1. Flexors ทาให้ เกิดการโค้ งงอของข้ อต่ อเมือหดตัว
                                                ่
2. Extensors ทาให้ เกิดการยืดตัวของข้ อต่ อเมือ   ่
  หดตัว
-กล้ ามเนือทั้งสองชุดนีจะทางานตรงข้ ามกัน เมือ
           ้            ้                     ่
  กล้ ามเนือชนิดหนึ่งหดตัว อีกชนิดหนึ่งจะคลายตัว
             ้
  (antagonism)
การเคลือนที่ของแมลง
       ่
insect

 Exoskeleton       เป็ นสารพวกไคติน
 ข้อต่อข้อแรกของขากับลาตัว แบบ ball and
  socket ส่ วนข้อต่ออื่นๆเป็ นแบบบานพับ
 การเคลื่อนไหวเกิดจาการทางานสลับกันของกล้ามเนื้อ
  flexer กับ extensor เป็ นแบบ
  antagonism
Moving the exoskeleton: Joints and muscle attachments




    Flexor = งอ
    Extensor = คลาย
การเคลือนที่ของปลา
       ่
 มีรูปร่ างแบนเพรี ยวบาง และเมือก มีเกล็ด ช่วยลดแรงเสี ยดทาน
 เมื่อกล้ามเนื้ อที่ยดติดกับกระดูกสันหลังด้านใดด้านหนึ่ งหดตัว(เริ่ ม
                      ึ
  จากส่ วนหัวมาทางหาง)ทาให้เกิดการโบกพัดของครี บหาง
                            ั ่
  (cadal fin) ดันให้ตวพุงไปข้างหน้าโดยมีครี บหลัง(drosal
  fin) ช่วยในการทรงตัวไม่ให้เสี ยทิศทาง
 เมื่อกล้ามเนื้ อที่ยดติดกระดูกสันหลังด้านหนึ่ งหดตัว(เริ่ มจากส่ วน
                      ึ
  หัวมาทางส่ วนหาง)
 ครี บอก(pectoral fin) และครี บตะโพก (pelvicfin) ซึ่ ง
  เทียบได้กบขาหน้าและขาหลังของสัตว์บก จะทาหน้าที่ช่วยพยุง
             ั
  ลาตัวปลา และช่วยให้เกิดการเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง
การเคลือนที่ของเต่ าทะเล แมวน้า และสิ งโตทะเล
       ่




 มีขาคู่หน้าที่เปลี่ยนแปลงไปมีลกษณะเป็ นพาย ที่เรี ยกว่า ฟลิบเปอร์
                                ั
   (flipper)
การเคลือนที่ของสั ตว์ ปีก
       ่
การเคลื่อนที่ของนก
 มีกระดูกที่กลวง ทาให้เบา
 มีกล้ามเนื้ อที่ใช้ในการขยับปี กที่แข็งแรง
  - กล้ามเนื้อ pectoralis major
  - กล้ามเนื้อ pectoralis minor
 มีถุงลม (air sac)
 มีขน (feather)
ถุงลม (air sac)
Endoskeleton
-พบในสัตว์ มีกระดูกสันหลังทุกชนิด
-เป็ นโครงร่ างแข็งที่แทรกตัวอยู่ในเนือเยื่อ (soft tissues) หรื อภายในร่ างกาย
                                      ้
-endoskeleton ประกอบด้ วย living and metabolizing cells (ต่ างจาก exoskeleton) แบ่ งเป็ น
 1. cartilage เป็ นส่ วนประกอบของ protein collagen และ complex polysaccharide
 2. bone ประกอบด้ วย collagen ปนอยู่กับ apatite (calcium and phosphate salt)
-นักกายวิภาคศาสตร์ แบ่ งกระดูกออกเป็ น 2 ส่ วน
 1. Axial skeleton: กระดูกกะโหลก (skull), กระดูกสันหลัง (vertebral column),
   กระดูกซี่โครง (rib)
 2. Appendicular skeleton: เป็ นกระดูกที่ต่อออกมาจาก axial skeleton แบ่ งเป็ น
   2.1 Fore-limb bone (กระดูกแขน) ยึดติดกับ axial skeleton โดยกระดูก pectoral
       girdle (clavicle, scapula)
  2.2 Hind-limb bone (กระดูกขา) ยึดติดกับ axial skeleton โดยกระดูก pelvic girdle
      (ilium, sacrum, pubis, ischium)
โครงสร้ างของกระดูก
การจาแนกชนิดกระดูก
1. กระดูกแท่งยาว (long bone) ได้แก่ ต้นแขน,ปลาย
   แขน,ต้นขา,หน้าแข้ง,กระดูกน่อง,ไหปลาร้า
2. กระดูกแท่งสั้น (short bone) ได้แก่ ข้อมือ,ข้อเท้า
3. กระดูกแบน (flat bone) ได้แก่ กะโหลก,เชิงกราน,
   สะบัก,อก,ซี่โครง
4. กระดูกรู ปร่ างไม่แน่นอน (irregular bone) ได้แก่
   สันหลัง,แก้ม,ขากรรไกร
(pectoral girdle)



สี น้ าเงิน คือ กระดูกแกน 80 ชิ้น                   ilium
                                                   sacrum
                                                        pubis
สี เหลือง คือ กระดูกรยางค์ 126 ชิ้น                  ischium
ข้ อต่ อ (articulation หรือ Joint)
-ข้ อต่ อ: เป็ นบริเวณที่กระดูกมาต่ อกับ
 กระดูก มี synovial memebranes
 มาหุ้มบริเวณข้ อต่ อ เพื่อปองกันการ
                              ้
 เสียดสีระหว่ างกระดูก จะมีกระดูก
 อ่ อนมาทาหน้ าที่เป็ นหมอนรอง และ
 มี synovial fluid ทาหน้ าที่เป็ นสาร
 หล่ อลื่น
-Ligament: เป็ นเอ็นที่ยดระหว่ าง
                          ึ
 กระดูกกับกระดูก
-Tendon: เป็ นเอ็นที่ยดระหว่ าง
                       ึ
 กล้ ามเนือกับกระดูก
            ้
ชนิดข้อต่อ
1.   ข้อต่อไฟบรัส (fibrous joint) เป็ นข้อต่อที่เคลื่อนไหวไม่ได้
     และมีเนื้อเยือเกี่ยวพันบางๆ ยึดกระดูกสองชิ้นไว้ หรื ออาจหุม
                  ่                                              ้
     ภายนอกไว้ เช่น กระดูกกะโหลกศรี ษะ
2.   ข้อต่อกระดูกอ่อน (cartilagenous joint) เป็ นข้อต่อที่
     เคลื่อนไหวได้เล็กน้อย เช่นข้ อต่ อระหว่ างกระดูกซี่ โครงกับ
     กระดูกอก ข้ อต่ อระหว่ างท่ อนกระดูกสันหลัง ข้ อต่ อระหว่ าง
     กระดูกเชิ งกรานซี กซ้ ายกับซี กขวาทางด้ านหั วหน่ าว
3.   ข้อต่อซิลโนเวียล (sylnovial joint) เป็ นข้อต่อที่เคลื่อนไหว
     ได้มาก ประกอบด้วยกระดูกอย่างน้อย 2 ชิ้น
ข้ อต่ อซิลโนเวียล (sylnovial joint)
    แบบต่ างๆ

1    แบบที่ 1 พบที่ใดของร่ างกาย..........
     แบบที่ 2 พบที่ใดของร่ างกาย..........
     แบบที่ 3 พบที่ใดของร่ างกาย..........



2



3
The skeleton-muscle connection
-การเคลื่ อนไหวส่ วนต่ าง ๆ ของ
 ร่ างกายเกิดจากการทางานร่ วมกัน
 ของ nerves, bones, muscles
-การหด-คลายตัวของกล้ ามเนือ    ้
 เป็ นการทางานร่ วมกันของ
 กล้ ามเนือ 2 ชุด ที่ทางานตรงข้ าม
            ้
 กัน เช่ น การงอแขน
 :กล้ ามเนือ biceps (flexor) หดตัว
              ้
 (เป็ น agonist)
 :กล้ ามเนือ triceps(extensor) คลาย
                ้
  ตัว (เป็ น antagonist)
The power arm-load arm concept
-ในการเคลื่ อนของกระดูก จะมีกระดูกท่ อนหนึ่ง
 ทาหน้ าที่เป็ นจุดหมุน (falcum)
-ความเร็วในการเคลื่อนที่ หรื อความสามารถใน
 การรองรั บนาหนักของกระดูกขึนอยู่กับ
                ้                 ้
 อัตราส่ วนของ power arm ต่ อ load arm
-power arm: ระยะทางระหว่ างจุดที่กล้ ามเนือยึด
                                             ้
 กับกระดูกถึงจุดหมุน
-load arm: ระยะทางระหว่ างจุดหมุนถึงบริเวณที่
 ใช้ ในการเคลื่อนไหว เช่ น เท้ า หรื อมือ
-ถ้ าอัตราส่ วน power arm/load arm ต่า เช่ น ใน
 เสือชีต้า กระดูกจะเคลื่อนที่ได้ เร็ว
-ถ้ าอัตราส่ วน power arm/load arm สูง เช่ น ในตัว
 badger กระดูกจะรั บนาหนักได้ มาก
                         ้
Origin and insertion
-ที่ ปลายทังสองข้ างของกล้ ามเนือ
              ้                  ้
 แต่ ละมัดจะยึดติดกับกระดูก โดย
 ด้ านที่ยดติดกับกระดูกเฉย ๆ
          ึ
 (ติดกับกระดูกที่ไม่ เคลื่อนที่)
 เรี ยก origin ส่ วนปลายที่ยดกับ
                            ึ
 กระดูกที่มีการเคลื่อนไหว เรี ยก
 insertion
-Tendon ที่ origin มักจะกว้ าง ที่
 insertion มักจะแคบ เพื่อจากัด
 ความแรงในการหดตัวของ
 กล้ ามเนือเกิดขึนเฉพาะจุด
            ้      ้
กล้ ามเนือ (Muscular tissue)
            ้
กล้ ามเนือทาหน้ าที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของ
         ้
ร่ างกาย ประกอบด้ วยเซลล์ ท่ มีลักษณะยาว อาจ
                                  ี
เรี ยกเซลล์ กล้ ามเนือได้ ว่า เส้ นใยกล้ ามเนือ
                     ้                        ้
(muscle fiber) ในไซโตพลาสซึมของเส้ นใย
กล้ ามเนือมีโปรตีนที่เป็ นองค์ ประกอบที่สาคัญ 2
           ้
ชนิด คือ actin และ myosin
กล้ ามเนือแบ่ งออกได้ เป็ น 3 ชนิด
         ้
กล้ ามเนือแบ่ งออกได้ เป็ น 3 ชนิด ขึนอยู่กับตาแหน่ งที่
         ้                            ้
    พบ โครงสร้ าง และหน้ าที่ ได้ แก่
1. กล้ ามเนือเรียบ (smooth muscle)
            ้
2. กล้ ามเนือสเกเลทัล (skeletal muscle)
            ้
3. กล้ ามเนือหัวใจ (cardiac muscle)
            ้
ส่ วนประกอบของเซลล์ กล้ ามเนือจะมีช่ อเฉพาะแตกต่ างไปจาก
                             ้       ื
เซลล์ ชนิดอื่นๆ ได้ แก่
Cell membrane ของเซลล์ กล้ ามเนือ
                                ้
                    = Sarcolemma
Cytoplasm           = Sarcoplasm
Endoplasmic reticulum
                    = Sarcoplasmic reticulum
กล้ ามเนือสเกเลทัล (Skeletal muscle)
            ้
กล้ ามเนือในร่ างกายส่ วนใหญ่ เป็ นกล้ ามเนือสเกเลทัล
         ้                                  ้
กล้ ามเนือนีเ้ กาะยึดติดกับกระดูก สามารถหดตัวได้ เมื่อถูก
           ้
กระตุ้น และอยู่ภายใต้ การควบคุมของระบบประสาท
ส่ วนกลาง (voluntory muscle)
Skeletal muscle

                                                         Nucleus ของ
                                                         muscle fiber

                                                        Muscle fiber



ลักษณะของเซลล์ กล้ ามเนือเป็ นรู ปทรงกระบอก ซึ่งมีความยาวมาก เซลล์
                        ้
มีขนาดใหญ่ มีหลายนิวเคลียสเรี ยงชิดอยู่กับเยื่อหุ้มเซลล์ มีลายตามขวาง
คือ มีแถบสีจางสลับกับแถบสีเข้ ม ดังนันอาจเรี ยกกล้ ามเนือชนิดนีได้ ว่า
                                     ้                    ้     ้
กล้ ามเนือลาย (striated muscle)
         ้
ภาพตัดตามขวางของ skeletal muscle



                        Sarcolemma
                          (เยือหุ้มเซลล์ )
                              ่



 Nucleus เรียงชิดอยู่กบ sarcolemma
                      ั
การเรียงตัว
ประกอบกันเป็ นมัด
กล้ ามเนือ ้
skeleton มีเยื่อ
เกี่ยวพันหุ้มเป็ น
ขันตอน และทังมัด
  ้              ้
กล้ ามเนือจะติดต่ อ
         ้
กับเอ็นซึ่งไปยึดติด
กับกระดูก
การที่มองเห็นเซลล์ กล้ ามเนือมีลายตามขวางเนื่องจาก
                            ้
ภายใน sarcoplasm มีเส้ นใยฝอยซึ่งเป็ น
ส่ วนประกอบที่สาคัญทาให้ กล้ ามเนือหดตัวได้ เรียกว่ า
                                  ้
myofibril เป็ นจานวนมาก ใน myofibril มี
โปรตีน actin และ myosin เรียงอย่ างเป็ นระเบียบ
มองเห็นมีแถบ (band) หรือเส้ น (line) ที่ชัดและทึบ
สลับกันไปตลอด
 Sarcoplasm นอกจากมีโปรตีนสาคัญที่เกี่ยวข้ องกับกลไกการ
   ใน
หดตัวของกล้ ามเนือแล้ ว ยังมี Organelles ที่สาคัญได้ แก่
                    ้
Sarcoplamic reticulum ซึ่งคือ SER ที่เปลี่ยนไปเป็ นท่ อที่
ต่ อเนื่องกัน ล้ อมรอบกลุ่มเส้ นใยของกล้ ามเนือ ทาหน้ าที่เป็ นแหล่ งเก็บ
                                              ้
สะสม Ca2+
Sarcolemma มีโครงสร้ างที่พับซ้ อนกันเป็ นหลอดบางและยาวตาม
แนวขวาง เรี ยกว่ า Transverse tubule เป็ นทางติดต่ อจากผิว
ภายนอกของเซลล์ เข้ าไปติดต่ อกับ Sarcoplamic reticulum
 านประกอบอื่นๆภายใน Sarcoplasm ได้ แก่ RER ,
  ส่
ribosome และ Golgi complex มีอยู่เป็ นจานวนน้ อย เพราะ
เซลล์ กล้ ามเนือไม่ มีหน้ าที่เกี่ยวกับการสร้ างโปรตีน
               ้
กล้ ามเนือหัวใจ (Cardiac muscle)
            ้
กล้ ามเนือหัวใจพบแห่ งเดียวคือกล้ ามเนือที่หวใจ และ
         ้                               ้ ั
ผนังของเส้ นเลือดใหญ่ ท่ ต่อกับหัวใจ เป็ นกล้ ามเนือที่มี
                         ี                         ้
ลายเช่ นเดียวกับ skeletal muscle ต่ างกันที่
กล้ ามเนือหัวใจอยู่นอกการควบคุมของระบบประสาท
           ้
ส่ วนกลาง (Involuntory muscle) และการทางาน
เกิดขึนติดต่ อกันตลอดเวลา
      ้
เซลล์ กล้ ามเนือหัวใจประกอบด้ วย หนึ่งหรือ สอง
                      ้
นิวเคลียสอยู่ตรงกลางเซลล์ เซลล์ มีขนาดสันกว่ าเซลล์
                                           ้
กล้ ามเนือ skeleton และปลายแยกเป็ นสองแฉก
         ้
(bifurcate) ซึ่งจะไปต่ อกับเซลล์ อ่ นๆในลักษณะเป็ น
                                    ื
ร่ างแห ที่รอยต่ อของเซลล์ ด้านขวางจะยึดติดกันแน่ น มี
ลักษณะการเชื่อมโยงอย่ างซับซ้ อน เรียกว่ า
intercalated disc มองเห็นได้ ชัดเจนด้ วยกล้ อง
จุลทรรศน์ ธรรมดา
Cardiac muscle


Nucleus
อยู่กลางเซลล์




                Intercalated disc
กล้ ามเนือเรียบ (Smooth muscle)
                   ้
ในเซลล์ กล้ ามเนือเรี ยบไม่ เห็นลาย ถึงแม้ ว่าภายในเซลล์ จะมีแอกทิน และ
                 ้
ไมโอซิน แต่ การเรี ยงตัวไม่ เป็ นระเบียบเหมือนอย่ างใน skeletal
muscle และ Cardiac muscle ลักษณะเซลล์ ของกล้ ามเนือเรี ยบ        ้
เป็ นรู ปกระสวย หัวท้ ายแหลม และมีหนึ่งนิวเคลียสอยู่กลางเซลล์
                                       กล้ ามเนือเรี ยบอยู่นอกการ
                                                ้
                                       ควบคุมของระบบประสาท
                                       ส่ วนกลาง(involuntory
                                       muscle) พบได้ ท่ ีผนังของ
                                       อวัยวะภายในระบบต่ างๆของ
      nucleus                          ร่ างกาย และเส้ นเลือด
Smooth muscle
         กล้ ามเนือเรี ยบอยู่นอก
                  ้
         การควบคุมของระบบ
         ประสาทส่ วนกลาง
         (involuntory
         muscle) พบได้ ท่ ผนังี
         ของอวัยวะภายในระบบ
         ต่ างๆของร่ างกาย และ
         เส้ นเลือด
Smooth muscle ทีผนังเส้ นเลือดแดง
                ่
The structure of skeleton muscle
-skeleton muscle เกิดจากมัดของ muscle fiber
 (cell) มารวมกัน
-muscle fiberแต่ ละอันคือ 1 เซลล์ ท่ ีมีหลาย
 นิวเคลียส ที่เกิดจากหลาย ๆ เซลล์ ในระยะแรก
 มารวมกัน
-แต่ ละ muscle fiber เกิดจากมัดของ myofibrils
 มารวมกัน
-myofibrilsประกอบด้ วย myofilaments 2 ชนิด คือ
1.Thin filamentเกิดจากactin 2 สายและ regulatory
 protein (tropomyosin) 1 สาย มาพันกัน
2.Thick filament เกิดจากmyosinมารวมกันเป็ นมัด
 -การจัดเรี ยงตัวของ myofilaments ทาให้ เกิด
  light-dark band ซาๆ กัน เรี ยกแต่ ละหน่ วยที่ซา
                    ้                           ้
  กันนีว่า sarcomere (ดังรูป)
        ้
การหดตัวของกล้ ามเนือ skeleton
                    ้
 -การหดตัวของกล้ ามเนือ skeleton
                            ้
  เกิดจากการเลื่อนเข้ ามาซ้ อนกันของ
  thin filament เรี ยก sliding-filament
  model
 -การหดตัวของกล้ ามเนือเกิดโดยความ
                              ้
  กว้ างของ sarcomere ลดลง, ระยะทาง
  ระหว่ าง Z line สันลง, A band คงที่,
                     ้
  I band แคบเข้ า, H zone หายไป
 -พลังงานที่ใช้ ในการหดตัวของ
  กล้ ามเนือหลัก ๆ อยู่ในรู ปของ
            ้
  creatine phosphate
Sliding-filament model
                                   1.ส่ วนหัวของ myosin จับกับ ATP,
                                   อยู่ในรูป low-energy configuration
                                                               2.myosin head(ATPase) สลาย
                                                               ATP ได้ ADP+Pi, อยู่ในรู ป
                                                               high-energy configuration




                                                           3.myosin head เกิด cross-bridge
                                                           กับสาย actin

4.ปล่ อย ADP+Pi, myosin กลับสู่ low-energy configuration ทาให้ เกิดแรงดึง thin filament เข้ ามา
5.ATPโมเลกุลใหม่ เข้ ามาจับกับ myosin head ทาให้ myosinหลุดจาก actin, เริ่มวงจรใหม่
การควบคุมการหดตัวของกล้ ามเนือ
                                               ้

-skeleton muscle หดตัวเมื่อได้ รับการ
 กระตุ้นจาก motor neuron
-ในระยะพัก บริเวณที่เป็ นตาแหน่ งที่
 myosin มาเข้ าจับ บนสาย actin (myosin
 binding site) ถูกปิ ดด้ วยสายของ
 tropomyosin โดยการเปิ ด-ปิ ดของ
 tropomyosin ถูกควบคุมด้ วย troponin
 complex
-binding site จะเปิ ดเมื่อ Ca2+ เข้ ามาจับ
 กับ troponin
-sarcoplasmic reticulum (SR) เป็ นแหล่ งเก็บ      Motor end-plate
 Ca2+ ในเซลล์ กล้ ามเนือ   ้
-เมื่ อ action potential จาก motor neuron
 มาถึงบริเวณ synaptic terminal ทาให้ มีการ
 หลั่ง Ach ที่ neuromuscular junction, เกิด
 depolarization ที่เซลล์ กล้ ามเนือ้
-action potential แพร่ ไปยังเยื่อเซลล์ ของ
 กล้ ามเนือที่เรี ยกว่ า T (transverse) tubules
            ้
-ตาแหน่ งที่ T tubules สัมผัสกับ SR ทาให้ มี
 การหลั่ง Ca2+
-การหดตัวของกล้ ามเนือจะหยุดเมื่อ SR ปั๊ ม
                             ้
 Ca2+ จาก cytoplasm กลับเข้ ามาเก็บใน SR
สรุ ปการหดตัวของกล้ ามเนือ
                                                          ้
1.Ach หลั่ง                                  2.Action potential เคลื่อนไป T tubule
จาก neuron
จับ receptor



                                                                                     3.SR หลั่ง Ca2+


 7.tropomyosinปิ ด binding
                                                                                 4.Ca2+จับtroponin,
 site, หยุดการหดตัวของ                                                           binding silt เปิ ด
 กล้ ามเนือ
          ้




                    6.ปั๊ มCa2+ กลับสู่ SR                                   5.กล้ ามเนือหดตัว
                                                                                        ้
การหดตัวของมัดกล้ ามเนือ
                                              ้
 -ในมัดกล้ ามเนือแต่ ละมัดประกอบด้ วย muscle fiber หลายเซลล์ มารวมกัน
                  ้
 -การตอบสนองต่ อแรงกระตุ้นของ muscle fiberเป็ นแบบ all-or-none (เหมือน
  neuron) และแต่ ละ muscle fiber มี threshold ในการหดตัวไม่ เท่ ากัน
 -การหดตัวของมัดกล้ ามเนือแต่ ละครั ง (single twitch) ขึนอยู่กับความแรงที่มากระตุ้น
                              ้           ้               ้
 -ถ้ ากล้ ามเนือได้ รับการกระตุ้น 2 ครั งต่ อเนื่องกัน&มีระยะห่ างพอเหมาะ จะทาให้
               ้                        ้
  ความแรงในการหดตัวครั งที่ 2 เพิ่มขึน (summation)
                            ้               ้
-Tetanus เป็ นการหด(เกร็ง)โดย
ไม่ มีการคลายตัวของกล้ ามเนือ   ้
จากการกระตุ้นถี่ๆ และต่ อเนื่อง
-Fatigue (การล้ า) เป็ นสภาพที
กล้ ามเนือหมดความสามารถใน
           ้
การหดตัว
Motor unit
-ในสัตว์ มีกระดูกสันหลัง muscle cell 1
เซลล์ จะถูกควบคุมโดย motor neuron 1
เซลล์ เท่ านัน ้
-แต่ 1 motor neuron อาจควบคุมการ
ทางาน >1 muscle cell
-Motor unit ประกอบด้ วย 1 motor
neuron และmuscle fiber ทังหมดที่
                          ้
neuron ควบคุม
-กล้ ามเนือที่ต้องการการเคลื่อนไหวที่
             ้
ละเอียดอ่ อน จะมีอัตราส่ วนระหว่ าง
motor neuron/muscle cell ต่า เช่ น
กล้ ามเนือลูกตา (1/3-4)
           ้
การหดตัวของ smooth muscle
 -smooth muscle cell พบที่อวัยวะที่
  มีลักษณะเป็ นท่ อกลวง เช่ น
  ทางเดินอาหาร, หลอดเลือด,
  อวัยวะสืบพันธุ์, iris ของลูกตา
  และท่ อของต่ อม
 -มีรูปร่ างคล้ ายกระสวย มี 1
  nucleus/1 cell การหดตัวเป็ น
  involuntary


-ไม่ มีการจัดเรี ยงตัวของactin-myosin ทาให้ ไม่ เห็นเป็ นลาย, ปลาย actin มักยึดติดกับ
  เยื่อเซลล์ , ไม่ มี SR ดังนัน Ca2+ แพร่ ผ่านเข้ ามาทางเยื่อเซลล์
                              ้
-การหดตัวจะช้ ากว่ า striated muscle แต่ การหดตัวนันจะอยู่ได้ นานกว่ า
                                                        ้
การหดตัวของ cardiac muscle

-มี 1 nucleus/1 cell เซลล์ มีการแตก
แขนง(bifurcate)และเชื่อมกับเซลล์ ข้าง
เคียงด้ วย gap junction เรี ยก intercalated
 disk
-มีการจัดเรี ยงตัวของ actin-myosin ทา
ให้ เห็นเป็ นลาย, มี SR



-cardiac muscle สามารถหดตัวได้ เองอย่ างเป็ นจังหวะ
-หัวใจสัตว์ มีกระดูกสันหลังหดตัวได้ เองเรี ยก myogenic heart (muscle-generated)
-หัวใจของกุ้ง, ปู, แมงมุม ต้ องได้ รับการกระตุ้นจาก nerve เรี ยก neurogenic heart
 (nerve-driven)
จบ
เนือหา
   ้

More Related Content

What's hot

ศ นย ควบค_มระประสาท (ต_อ)
ศ นย ควบค_มระประสาท (ต_อ)ศ นย ควบค_มระประสาท (ต_อ)
ศ นย ควบค_มระประสาท (ต_อ)Natthaya Khaothong
 
การทำงานของระบบประสาท
การทำงานของระบบประสาทการทำงานของระบบประสาท
การทำงานของระบบประสาทThitaree Samphao
 
บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร
บทที่ 4  ระบบย่อยอาหาร   บทที่ 4  ระบบย่อยอาหาร
บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร Pinutchaya Nakchumroon
 
หลอดเลือดและส่วนประกอบของเลือด
หลอดเลือดและส่วนประกอบของเลือดหลอดเลือดและส่วนประกอบของเลือด
หลอดเลือดและส่วนประกอบของเลือดWan Ngamwongwan
 
การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังการเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังสุรินทร์ ดีแก้วเกษ
 
ระบบประสาท - Nervous system
ระบบประสาท - Nervous systemระบบประสาท - Nervous system
ระบบประสาท - Nervous systemsupreechafkk
 
การเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลังการเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลังWan Ngamwongwan
 
ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน (Web)
ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน (Web)ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน (Web)
ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน (Web)Thitaree Samphao
 
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560ระบบขับถ่าย (T) 1 2560
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560Thitaree Samphao
 
ระบบสืบพันธุ์เพศชาย
ระบบสืบพันธุ์เพศชายระบบสืบพันธุ์เพศชาย
ระบบสืบพันธุ์เพศชายJanejira Meezong
 
การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังการเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังกมลรัตน์ ฉิมพาลี
 
ติวสอบเตรียมพันธุศาสตร์เทคdna
ติวสอบเตรียมพันธุศาสตร์เทคdnaติวสอบเตรียมพันธุศาสตร์เทคdna
ติวสอบเตรียมพันธุศาสตร์เทคdnaWichai Likitponrak
 
การรับรู้และตอบสนอง
การรับรู้และตอบสนอง การรับรู้และตอบสนอง
การรับรู้และตอบสนอง Thitaree Samphao
 
บทที่ 2 การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 2 การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตบทที่ 2 การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 2 การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตTa Lattapol
 

What's hot (20)

ศ นย ควบค_มระประสาท (ต_อ)
ศ นย ควบค_มระประสาท (ต_อ)ศ นย ควบค_มระประสาท (ต_อ)
ศ นย ควบค_มระประสาท (ต_อ)
 
การทำงานของระบบประสาท
การทำงานของระบบประสาทการทำงานของระบบประสาท
การทำงานของระบบประสาท
 
บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร
บทที่ 4  ระบบย่อยอาหาร   บทที่ 4  ระบบย่อยอาหาร
บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร
 
หลอดเลือดและส่วนประกอบของเลือด
หลอดเลือดและส่วนประกอบของเลือดหลอดเลือดและส่วนประกอบของเลือด
หลอดเลือดและส่วนประกอบของเลือด
 
ระบบหายใจ (Respiratory System)
ระบบหายใจ (Respiratory System)ระบบหายใจ (Respiratory System)
ระบบหายใจ (Respiratory System)
 
การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังการเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
 
ระบบประสาท - Nervous system
ระบบประสาท - Nervous systemระบบประสาท - Nervous system
ระบบประสาท - Nervous system
 
ชุดการสอนที่ 1ต่อมไร้ท่อ.ในร่างกาย
ชุดการสอนที่ 1ต่อมไร้ท่อ.ในร่างกายชุดการสอนที่ 1ต่อมไร้ท่อ.ในร่างกาย
ชุดการสอนที่ 1ต่อมไร้ท่อ.ในร่างกาย
 
ลำดับเรขาคณิต (Geometric sequence)
ลำดับเรขาคณิต (Geometric sequence)ลำดับเรขาคณิต (Geometric sequence)
ลำดับเรขาคณิต (Geometric sequence)
 
เล่มที่ 4 การเคลื่อนที่ของคน
เล่มที่ 4 การเคลื่อนที่ของคนเล่มที่ 4 การเคลื่อนที่ของคน
เล่มที่ 4 การเคลื่อนที่ของคน
 
การเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลังการเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
 
ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน (Web)
ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน (Web)ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน (Web)
ระบบน้ำเหลืองและระบบภูมิคุ้มกัน (Web)
 
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560ระบบขับถ่าย (T) 1 2560
ระบบขับถ่าย (T) 1 2560
 
ระบบไหลเวียนเลือด (Circulatory System)
ระบบไหลเวียนเลือด (Circulatory System)ระบบไหลเวียนเลือด (Circulatory System)
ระบบไหลเวียนเลือด (Circulatory System)
 
ระบบสืบพันธุ์เพศชาย
ระบบสืบพันธุ์เพศชายระบบสืบพันธุ์เพศชาย
ระบบสืบพันธุ์เพศชาย
 
การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังการเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
 
ติวสอบเตรียมพันธุศาสตร์เทคdna
ติวสอบเตรียมพันธุศาสตร์เทคdnaติวสอบเตรียมพันธุศาสตร์เทคdna
ติวสอบเตรียมพันธุศาสตร์เทคdna
 
การรับรู้และตอบสนอง
การรับรู้และตอบสนอง การรับรู้และตอบสนอง
การรับรู้และตอบสนอง
 
บทที่ 2 การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 2 การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตบทที่ 2 การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 2 การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
 
2 hormone p_lan
2 hormone p_lan2 hormone p_lan
2 hormone p_lan
 

Viewers also liked

ระบบต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน) - Hormone system
ระบบต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน) - Hormone systemระบบต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน) - Hormone system
ระบบต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน) - Hormone systemsupreechafkk
 
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive systemระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive systemsupreechafkk
 
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต - Behaviore
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต - Behavioreพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต - Behaviore
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต - Behavioresupreechafkk
 
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasisการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasissupreechafkk
 
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
หน่วยของสิ่งมีชีวิตหน่วยของสิ่งมีชีวิต
หน่วยของสิ่งมีชีวิตsupreechafkk
 
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตsupreechafkk
 
พันธุกรรม
พันธุกรรมพันธุกรรม
พันธุกรรมsupreechafkk
 
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตบทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตฟลุ๊ค ลำพูน
 
การสลายสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน - Energy of cell
การสลายสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน - Energy of cellการสลายสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน - Energy of cell
การสลายสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน - Energy of cellsupreechafkk
 
ระบบย่อยอาหาร - Digestive system
ระบบย่อยอาหาร - Digestive systemระบบย่อยอาหาร - Digestive system
ระบบย่อยอาหาร - Digestive systemsupreechafkk
 
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตเคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตsupreechafkk
 
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไรเราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไรsupreechafkk
 
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บทรูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บทAekapoj Poosathan
 

Viewers also liked (14)

ระบบต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน) - Hormone system
ระบบต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน) - Hormone systemระบบต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน) - Hormone system
ระบบต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน) - Hormone system
 
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive systemระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
 
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต - Behaviore
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต - Behavioreพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต - Behaviore
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต - Behaviore
 
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasisการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต - Homeostasis
 
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
หน่วยของสิ่งมีชีวิตหน่วยของสิ่งมีชีวิต
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
 
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
 
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตการเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
 
พันธุกรรม
พันธุกรรมพันธุกรรม
พันธุกรรม
 
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตบทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
 
การสลายสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน - Energy of cell
การสลายสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน - Energy of cellการสลายสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน - Energy of cell
การสลายสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน - Energy of cell
 
ระบบย่อยอาหาร - Digestive system
ระบบย่อยอาหาร - Digestive systemระบบย่อยอาหาร - Digestive system
ระบบย่อยอาหาร - Digestive system
 
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตเคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
 
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไรเราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร
เราจะศึกษาวิทยาศาสตร์กันอย่างไร
 
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บทรูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
รูปแบบการเขียนรายงานโครงงาน 5 บท
 

Similar to การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต - Movement system

การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตการเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตComputer ITSWKJ
 
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตการเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตพัน พัน
 
โครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคน
โครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคนโครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคน
โครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคนnokbiology
 
การเคลื่อนที่สมช
การเคลื่อนที่สมชการเคลื่อนที่สมช
การเคลื่อนที่สมชWichai Likitponrak
 
โครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคน
โครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคนโครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคน
โครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคนWan Ngamwongwan
 
การประเมินระบบกระดูก กล้ามเนื้อและข้อ
การประเมินระบบกระดูก กล้ามเนื้อและข้อการประเมินระบบกระดูก กล้ามเนื้อและข้อ
การประเมินระบบกระดูก กล้ามเนื้อและข้อUtai Sukviwatsirikul
 
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต (1)
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต (1)การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต (1)
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต (1)Prajak NaJa
 
บทที่ 2.1 การเคลื่อนไหวของมนุษย์ ST.pdf
บทที่ 2.1 การเคลื่อนไหวของมนุษย์ ST.pdfบทที่ 2.1 การเคลื่อนไหวของมนุษย์ ST.pdf
บทที่ 2.1 การเคลื่อนไหวของมนุษย์ ST.pdfRatarporn Ritmaha
 
การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังการเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังnokbiology
 
การเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลังการเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลังสุรินทร์ ดีแก้วเกษ
 
skeletal system
skeletal systemskeletal system
skeletal systemRungsaritS
 
การเคลื่อนที่
การเคลื่อนที่การเคลื่อนที่
การเคลื่อนที่Thanyamon Chat.
 
สิ่งมีชีวิต
สิ่งมีชีวิตสิ่งมีชีวิต
สิ่งมีชีวิตtarcharee1980
 
การเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลังการเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลังnokbiology
 

Similar to การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต - Movement system (20)

การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตการเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
 
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตการเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
 
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตการเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
 
Movement
MovementMovement
Movement
 
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตการเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
 
โครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคน
โครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคนโครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคน
โครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคน
 
การเคลื่อนที่สมช
การเคลื่อนที่สมชการเคลื่อนที่สมช
การเคลื่อนที่สมช
 
โครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคน
โครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคนโครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคน
โครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของคน
 
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตการเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
 
การเคลื่อนที่
การเคลื่อนที่การเคลื่อนที่
การเคลื่อนที่
 
Skeleton
SkeletonSkeleton
Skeleton
 
การประเมินระบบกระดูก กล้ามเนื้อและข้อ
การประเมินระบบกระดูก กล้ามเนื้อและข้อการประเมินระบบกระดูก กล้ามเนื้อและข้อ
การประเมินระบบกระดูก กล้ามเนื้อและข้อ
 
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต (1)
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต (1)การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต (1)
การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต (1)
 
บทที่ 2.1 การเคลื่อนไหวของมนุษย์ ST.pdf
บทที่ 2.1 การเคลื่อนไหวของมนุษย์ ST.pdfบทที่ 2.1 การเคลื่อนไหวของมนุษย์ ST.pdf
บทที่ 2.1 การเคลื่อนไหวของมนุษย์ ST.pdf
 
การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังการเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
 
การเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลังการเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
 
skeletal system
skeletal systemskeletal system
skeletal system
 
การเคลื่อนที่
การเคลื่อนที่การเคลื่อนที่
การเคลื่อนที่
 
สิ่งมีชีวิต
สิ่งมีชีวิตสิ่งมีชีวิต
สิ่งมีชีวิต
 
การเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลังการเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
การเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
 

การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต - Movement system

  • 3. การเคลื่อนที่ของสิ่ งมีชีวต ิ  การเคลื่อนไหว เป็ นการเคลื่อนย้ายเพียงบางส่ วนของ ร่ างกาย  การเคลื่อนที่ เป็ นการเคลื่อนย้ายจากที่หนึ่ งไปยังอีกที่หนึ่ ง * การเคลื่อนที่จะต้องมีการเคลื่อนไหวด้วยเสมอ แต่การเคลื่อนไหว ไม่จาเป็ นต้องมีการเคลื่อนที่ดวย ้
  • 4. โครงร่ างสั ตว์ (animal skeleton) แบ่ งออกเป็ น 2 ประเภท คือ 1. Hydroskeleton or hydrostatic skeleton 2. Hard skeleton  2.1 Exoskeleton  2.2 Endoskeleton
  • 5. การเคลื่อนที่ของสิ่ งมีชีวตเซลล์เดียว ิ การเคลื่อนไหวโดยอาศัยการไหลของไซโทพลาสซึม อมีบา(amoeba)
  • 6. การเคลื่อนไหวของอมีบา  การเคลื่อนไหวอาศัยการไหลของไซโทพลาสซึ ม โดยแบ่งเป็ น 2 ส่ วน คือ ectoplasm(แข็ง) และ endoplasm(เหลว)  Actin และ Miosin ประกอบกันเป็ น microfilament( เป็ นเส้นใยโปรตีนเล็กๆ) หดตัวและคลายตัวได้ ทาให้เกิดการไหล ของไซโทพลาสซึม  ทาให้เกิดเท้าเทียม(pseudopodium)  การเคลื่อนที่แบบอะมีบา (amoebiod movement)  ได้แก่ อมีบา เม็ดเลือดขาว ราเมือก
  • 7. ในเซลล์ อมีบา การยื่น pseudopodium ออกไปเกิดจากการ ยืดและหดตัวของ actin filaments
  • 11. A comparison of the beating of flagella and cilia
  • 12. Microtubules เป็ นแกนของ flagellum และ cilia
  • 13.
  • 14. Centrosome containing a pair of centrioles
  • 15.
  • 16. การเคลือนทีของไฮดรา ่ ่ (Hydra)  ตีลงกา ั  เคลือบคลานเหมือนหนอน  ลอยไปตามน้ า
  • 17.
  • 19. การเคลื่อนที่ของพลานาเรี ย(planaria)  Phylum platyhelminthes  มีกล้ามเนื้ อ 3 ชนิ ด คือ circular muscle ,longitudinal muscle,oblique muscle  เคลื่อนที่ไปโดยการลอยไปตามผิวน้ าหรื อคลืบคลาน  ทางด้านล่างมีซิเลียช่วยในการโบกพัดช่วยให้เคลื่อนตัวได้ดียงขึ้น ิ่
  • 20. การเคลื่อนที่ของหนอนตัวกลม(round worm)  Phylum nematoda ได้แก่ พยาธิไส้เดือน พยาธิปากขอ พยาธิเส้นด้าย หนอนน้ าส้มสายชู  มีเฉพาะกล้ามเนื้ อตามยาวของลาตัว(longitudinal muscle)  การเคลื่อนที่ทาให้เกิดลักษณะส่ ายไปส่ ายมา
  • 22.  การเคลื่อนที่ของไส้เดือน(earth worm) - Phylum annelida - กล้ามเนื้อ 2 ชุดคือ กล้ามเนื้อวงกลม (circular muscle) อยูทางด้าน ่ นอก และกล้ามเนื้อตามยาว (longitudinal muscle) ตลอด ่ ลาตัวอยูทางด้านใน - เดือย(setae)
  • 23.
  • 25.  Phylum coelenterata  เคลื่อนที่โดยการหดตัวของ ่ เนื้อเยือที่อยูบริ เวณของร่ มและ ่ ผนังลาตัวทาให้น้ าพ่นออกมา ทางด้านล่าง
  • 29.
  • 30.
  • 31. Exoskeleton -พบในพวก mollusk และแมลง -เป็ นโครงร่ างเปลือกแข็งหุ้มอยู่ภายนอกร่ างกาย โดย ส่ วนประกอบของเปลือกเป็ นพวก crystallized mineral salt และไม่ มีเซลล์ (acellular) เช่ น แคลเซียมคาร์ บอเนต ใน mollusk, chitin ในแมลง -exoskeleton นอกจากจะทาหน้ าที่คาจุนร่ างกายแล้ ว ยัง ้ ช่ วยปองกันการสูญเสียนา ้ ้ -การเคลื่ อนไหวเกิดขึนโดยการหด-คลายตัวของกล้ ามเนือ ้ ้ ที่ยดติดกับ exoskeleton ึ
  • 32. -กล้ ามเนือทีทาให้ เกิดการเคลือนไหวมี 2 ชุด คือ ้ ่ ่ 1. Flexors ทาให้ เกิดการโค้ งงอของข้ อต่ อเมือหดตัว ่ 2. Extensors ทาให้ เกิดการยืดตัวของข้ อต่ อเมือ ่ หดตัว -กล้ ามเนือทั้งสองชุดนีจะทางานตรงข้ ามกัน เมือ ้ ้ ่ กล้ ามเนือชนิดหนึ่งหดตัว อีกชนิดหนึ่งจะคลายตัว ้ (antagonism)
  • 34. insect  Exoskeleton เป็ นสารพวกไคติน  ข้อต่อข้อแรกของขากับลาตัว แบบ ball and socket ส่ วนข้อต่ออื่นๆเป็ นแบบบานพับ  การเคลื่อนไหวเกิดจาการทางานสลับกันของกล้ามเนื้อ flexer กับ extensor เป็ นแบบ antagonism
  • 35. Moving the exoskeleton: Joints and muscle attachments Flexor = งอ Extensor = คลาย
  • 36.
  • 37.
  • 39.  มีรูปร่ างแบนเพรี ยวบาง และเมือก มีเกล็ด ช่วยลดแรงเสี ยดทาน  เมื่อกล้ามเนื้ อที่ยดติดกับกระดูกสันหลังด้านใดด้านหนึ่ งหดตัว(เริ่ ม ึ จากส่ วนหัวมาทางหาง)ทาให้เกิดการโบกพัดของครี บหาง ั ่ (cadal fin) ดันให้ตวพุงไปข้างหน้าโดยมีครี บหลัง(drosal fin) ช่วยในการทรงตัวไม่ให้เสี ยทิศทาง  เมื่อกล้ามเนื้ อที่ยดติดกระดูกสันหลังด้านหนึ่ งหดตัว(เริ่ มจากส่ วน ึ หัวมาทางส่ วนหาง)  ครี บอก(pectoral fin) และครี บตะโพก (pelvicfin) ซึ่ ง เทียบได้กบขาหน้าและขาหลังของสัตว์บก จะทาหน้าที่ช่วยพยุง ั ลาตัวปลา และช่วยให้เกิดการเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง
  • 40.
  • 41.
  • 42.
  • 43. การเคลือนที่ของเต่ าทะเล แมวน้า และสิ งโตทะเล ่  มีขาคู่หน้าที่เปลี่ยนแปลงไปมีลกษณะเป็ นพาย ที่เรี ยกว่า ฟลิบเปอร์ ั (flipper)
  • 45. การเคลื่อนที่ของนก  มีกระดูกที่กลวง ทาให้เบา  มีกล้ามเนื้ อที่ใช้ในการขยับปี กที่แข็งแรง - กล้ามเนื้อ pectoralis major - กล้ามเนื้อ pectoralis minor  มีถุงลม (air sac)  มีขน (feather)
  • 47. Endoskeleton -พบในสัตว์ มีกระดูกสันหลังทุกชนิด -เป็ นโครงร่ างแข็งที่แทรกตัวอยู่ในเนือเยื่อ (soft tissues) หรื อภายในร่ างกาย ้ -endoskeleton ประกอบด้ วย living and metabolizing cells (ต่ างจาก exoskeleton) แบ่ งเป็ น 1. cartilage เป็ นส่ วนประกอบของ protein collagen และ complex polysaccharide 2. bone ประกอบด้ วย collagen ปนอยู่กับ apatite (calcium and phosphate salt) -นักกายวิภาคศาสตร์ แบ่ งกระดูกออกเป็ น 2 ส่ วน 1. Axial skeleton: กระดูกกะโหลก (skull), กระดูกสันหลัง (vertebral column), กระดูกซี่โครง (rib) 2. Appendicular skeleton: เป็ นกระดูกที่ต่อออกมาจาก axial skeleton แบ่ งเป็ น 2.1 Fore-limb bone (กระดูกแขน) ยึดติดกับ axial skeleton โดยกระดูก pectoral girdle (clavicle, scapula) 2.2 Hind-limb bone (กระดูกขา) ยึดติดกับ axial skeleton โดยกระดูก pelvic girdle (ilium, sacrum, pubis, ischium)
  • 48. โครงสร้ างของกระดูก การจาแนกชนิดกระดูก 1. กระดูกแท่งยาว (long bone) ได้แก่ ต้นแขน,ปลาย แขน,ต้นขา,หน้าแข้ง,กระดูกน่อง,ไหปลาร้า 2. กระดูกแท่งสั้น (short bone) ได้แก่ ข้อมือ,ข้อเท้า 3. กระดูกแบน (flat bone) ได้แก่ กะโหลก,เชิงกราน, สะบัก,อก,ซี่โครง 4. กระดูกรู ปร่ างไม่แน่นอน (irregular bone) ได้แก่ สันหลัง,แก้ม,ขากรรไกร
  • 49. (pectoral girdle) สี น้ าเงิน คือ กระดูกแกน 80 ชิ้น ilium sacrum pubis สี เหลือง คือ กระดูกรยางค์ 126 ชิ้น ischium
  • 50.
  • 51.
  • 52. ข้ อต่ อ (articulation หรือ Joint) -ข้ อต่ อ: เป็ นบริเวณที่กระดูกมาต่ อกับ กระดูก มี synovial memebranes มาหุ้มบริเวณข้ อต่ อ เพื่อปองกันการ ้ เสียดสีระหว่ างกระดูก จะมีกระดูก อ่ อนมาทาหน้ าที่เป็ นหมอนรอง และ มี synovial fluid ทาหน้ าที่เป็ นสาร หล่ อลื่น -Ligament: เป็ นเอ็นที่ยดระหว่ าง ึ กระดูกกับกระดูก -Tendon: เป็ นเอ็นที่ยดระหว่ าง ึ กล้ ามเนือกับกระดูก ้
  • 53. ชนิดข้อต่อ 1. ข้อต่อไฟบรัส (fibrous joint) เป็ นข้อต่อที่เคลื่อนไหวไม่ได้ และมีเนื้อเยือเกี่ยวพันบางๆ ยึดกระดูกสองชิ้นไว้ หรื ออาจหุม ่ ้ ภายนอกไว้ เช่น กระดูกกะโหลกศรี ษะ 2. ข้อต่อกระดูกอ่อน (cartilagenous joint) เป็ นข้อต่อที่ เคลื่อนไหวได้เล็กน้อย เช่นข้ อต่ อระหว่ างกระดูกซี่ โครงกับ กระดูกอก ข้ อต่ อระหว่ างท่ อนกระดูกสันหลัง ข้ อต่ อระหว่ าง กระดูกเชิ งกรานซี กซ้ ายกับซี กขวาทางด้ านหั วหน่ าว 3. ข้อต่อซิลโนเวียล (sylnovial joint) เป็ นข้อต่อที่เคลื่อนไหว ได้มาก ประกอบด้วยกระดูกอย่างน้อย 2 ชิ้น
  • 54. ข้ อต่ อซิลโนเวียล (sylnovial joint) แบบต่ างๆ 1  แบบที่ 1 พบที่ใดของร่ างกาย..........  แบบที่ 2 พบที่ใดของร่ างกาย..........  แบบที่ 3 พบที่ใดของร่ างกาย.......... 2 3
  • 55. The skeleton-muscle connection -การเคลื่ อนไหวส่ วนต่ าง ๆ ของ ร่ างกายเกิดจากการทางานร่ วมกัน ของ nerves, bones, muscles -การหด-คลายตัวของกล้ ามเนือ ้ เป็ นการทางานร่ วมกันของ กล้ ามเนือ 2 ชุด ที่ทางานตรงข้ าม ้ กัน เช่ น การงอแขน :กล้ ามเนือ biceps (flexor) หดตัว ้ (เป็ น agonist) :กล้ ามเนือ triceps(extensor) คลาย ้ ตัว (เป็ น antagonist)
  • 56. The power arm-load arm concept -ในการเคลื่ อนของกระดูก จะมีกระดูกท่ อนหนึ่ง ทาหน้ าที่เป็ นจุดหมุน (falcum) -ความเร็วในการเคลื่อนที่ หรื อความสามารถใน การรองรั บนาหนักของกระดูกขึนอยู่กับ ้ ้ อัตราส่ วนของ power arm ต่ อ load arm -power arm: ระยะทางระหว่ างจุดที่กล้ ามเนือยึด ้ กับกระดูกถึงจุดหมุน -load arm: ระยะทางระหว่ างจุดหมุนถึงบริเวณที่ ใช้ ในการเคลื่อนไหว เช่ น เท้ า หรื อมือ -ถ้ าอัตราส่ วน power arm/load arm ต่า เช่ น ใน เสือชีต้า กระดูกจะเคลื่อนที่ได้ เร็ว -ถ้ าอัตราส่ วน power arm/load arm สูง เช่ น ในตัว badger กระดูกจะรั บนาหนักได้ มาก ้
  • 57. Origin and insertion -ที่ ปลายทังสองข้ างของกล้ ามเนือ ้ ้ แต่ ละมัดจะยึดติดกับกระดูก โดย ด้ านที่ยดติดกับกระดูกเฉย ๆ ึ (ติดกับกระดูกที่ไม่ เคลื่อนที่) เรี ยก origin ส่ วนปลายที่ยดกับ ึ กระดูกที่มีการเคลื่อนไหว เรี ยก insertion -Tendon ที่ origin มักจะกว้ าง ที่ insertion มักจะแคบ เพื่อจากัด ความแรงในการหดตัวของ กล้ ามเนือเกิดขึนเฉพาะจุด ้ ้
  • 58. กล้ ามเนือ (Muscular tissue) ้ กล้ ามเนือทาหน้ าที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของ ้ ร่ างกาย ประกอบด้ วยเซลล์ ท่ มีลักษณะยาว อาจ ี เรี ยกเซลล์ กล้ ามเนือได้ ว่า เส้ นใยกล้ ามเนือ ้ ้ (muscle fiber) ในไซโตพลาสซึมของเส้ นใย กล้ ามเนือมีโปรตีนที่เป็ นองค์ ประกอบที่สาคัญ 2 ้ ชนิด คือ actin และ myosin
  • 60. กล้ ามเนือแบ่ งออกได้ เป็ น 3 ชนิด ขึนอยู่กับตาแหน่ งที่ ้ ้ พบ โครงสร้ าง และหน้ าที่ ได้ แก่ 1. กล้ ามเนือเรียบ (smooth muscle) ้ 2. กล้ ามเนือสเกเลทัล (skeletal muscle) ้ 3. กล้ ามเนือหัวใจ (cardiac muscle) ้
  • 61. ส่ วนประกอบของเซลล์ กล้ ามเนือจะมีช่ อเฉพาะแตกต่ างไปจาก ้ ื เซลล์ ชนิดอื่นๆ ได้ แก่ Cell membrane ของเซลล์ กล้ ามเนือ ้ = Sarcolemma Cytoplasm = Sarcoplasm Endoplasmic reticulum = Sarcoplasmic reticulum
  • 62. กล้ ามเนือสเกเลทัล (Skeletal muscle) ้ กล้ ามเนือในร่ างกายส่ วนใหญ่ เป็ นกล้ ามเนือสเกเลทัล ้ ้ กล้ ามเนือนีเ้ กาะยึดติดกับกระดูก สามารถหดตัวได้ เมื่อถูก ้ กระตุ้น และอยู่ภายใต้ การควบคุมของระบบประสาท ส่ วนกลาง (voluntory muscle)
  • 63. Skeletal muscle Nucleus ของ muscle fiber Muscle fiber ลักษณะของเซลล์ กล้ ามเนือเป็ นรู ปทรงกระบอก ซึ่งมีความยาวมาก เซลล์ ้ มีขนาดใหญ่ มีหลายนิวเคลียสเรี ยงชิดอยู่กับเยื่อหุ้มเซลล์ มีลายตามขวาง คือ มีแถบสีจางสลับกับแถบสีเข้ ม ดังนันอาจเรี ยกกล้ ามเนือชนิดนีได้ ว่า ้ ้ ้ กล้ ามเนือลาย (striated muscle) ้
  • 64. ภาพตัดตามขวางของ skeletal muscle Sarcolemma (เยือหุ้มเซลล์ ) ่ Nucleus เรียงชิดอยู่กบ sarcolemma ั
  • 65. การเรียงตัว ประกอบกันเป็ นมัด กล้ ามเนือ ้ skeleton มีเยื่อ เกี่ยวพันหุ้มเป็ น ขันตอน และทังมัด ้ ้ กล้ ามเนือจะติดต่ อ ้ กับเอ็นซึ่งไปยึดติด กับกระดูก
  • 66. การที่มองเห็นเซลล์ กล้ ามเนือมีลายตามขวางเนื่องจาก ้ ภายใน sarcoplasm มีเส้ นใยฝอยซึ่งเป็ น ส่ วนประกอบที่สาคัญทาให้ กล้ ามเนือหดตัวได้ เรียกว่ า ้ myofibril เป็ นจานวนมาก ใน myofibril มี โปรตีน actin และ myosin เรียงอย่ างเป็ นระเบียบ มองเห็นมีแถบ (band) หรือเส้ น (line) ที่ชัดและทึบ สลับกันไปตลอด
  • 67.
  • 68.  Sarcoplasm นอกจากมีโปรตีนสาคัญที่เกี่ยวข้ องกับกลไกการ ใน หดตัวของกล้ ามเนือแล้ ว ยังมี Organelles ที่สาคัญได้ แก่ ้ Sarcoplamic reticulum ซึ่งคือ SER ที่เปลี่ยนไปเป็ นท่ อที่ ต่ อเนื่องกัน ล้ อมรอบกลุ่มเส้ นใยของกล้ ามเนือ ทาหน้ าที่เป็ นแหล่ งเก็บ ้ สะสม Ca2+ Sarcolemma มีโครงสร้ างที่พับซ้ อนกันเป็ นหลอดบางและยาวตาม แนวขวาง เรี ยกว่ า Transverse tubule เป็ นทางติดต่ อจากผิว ภายนอกของเซลล์ เข้ าไปติดต่ อกับ Sarcoplamic reticulum  านประกอบอื่นๆภายใน Sarcoplasm ได้ แก่ RER , ส่ ribosome และ Golgi complex มีอยู่เป็ นจานวนน้ อย เพราะ เซลล์ กล้ ามเนือไม่ มีหน้ าที่เกี่ยวกับการสร้ างโปรตีน ้
  • 69.
  • 70. กล้ ามเนือหัวใจ (Cardiac muscle) ้ กล้ ามเนือหัวใจพบแห่ งเดียวคือกล้ ามเนือที่หวใจ และ ้ ้ ั ผนังของเส้ นเลือดใหญ่ ท่ ต่อกับหัวใจ เป็ นกล้ ามเนือที่มี ี ้ ลายเช่ นเดียวกับ skeletal muscle ต่ างกันที่ กล้ ามเนือหัวใจอยู่นอกการควบคุมของระบบประสาท ้ ส่ วนกลาง (Involuntory muscle) และการทางาน เกิดขึนติดต่ อกันตลอดเวลา ้
  • 71. เซลล์ กล้ ามเนือหัวใจประกอบด้ วย หนึ่งหรือ สอง ้ นิวเคลียสอยู่ตรงกลางเซลล์ เซลล์ มีขนาดสันกว่ าเซลล์ ้ กล้ ามเนือ skeleton และปลายแยกเป็ นสองแฉก ้ (bifurcate) ซึ่งจะไปต่ อกับเซลล์ อ่ นๆในลักษณะเป็ น ื ร่ างแห ที่รอยต่ อของเซลล์ ด้านขวางจะยึดติดกันแน่ น มี ลักษณะการเชื่อมโยงอย่ างซับซ้ อน เรียกว่ า intercalated disc มองเห็นได้ ชัดเจนด้ วยกล้ อง จุลทรรศน์ ธรรมดา
  • 73. กล้ ามเนือเรียบ (Smooth muscle) ้ ในเซลล์ กล้ ามเนือเรี ยบไม่ เห็นลาย ถึงแม้ ว่าภายในเซลล์ จะมีแอกทิน และ ้ ไมโอซิน แต่ การเรี ยงตัวไม่ เป็ นระเบียบเหมือนอย่ างใน skeletal muscle และ Cardiac muscle ลักษณะเซลล์ ของกล้ ามเนือเรี ยบ ้ เป็ นรู ปกระสวย หัวท้ ายแหลม และมีหนึ่งนิวเคลียสอยู่กลางเซลล์ กล้ ามเนือเรี ยบอยู่นอกการ ้ ควบคุมของระบบประสาท ส่ วนกลาง(involuntory muscle) พบได้ ท่ ีผนังของ อวัยวะภายในระบบต่ างๆของ nucleus ร่ างกาย และเส้ นเลือด
  • 74. Smooth muscle กล้ ามเนือเรี ยบอยู่นอก ้ การควบคุมของระบบ ประสาทส่ วนกลาง (involuntory muscle) พบได้ ท่ ผนังี ของอวัยวะภายในระบบ ต่ างๆของร่ างกาย และ เส้ นเลือด
  • 75. Smooth muscle ทีผนังเส้ นเลือดแดง ่
  • 76. The structure of skeleton muscle -skeleton muscle เกิดจากมัดของ muscle fiber (cell) มารวมกัน -muscle fiberแต่ ละอันคือ 1 เซลล์ ท่ ีมีหลาย นิวเคลียส ที่เกิดจากหลาย ๆ เซลล์ ในระยะแรก มารวมกัน -แต่ ละ muscle fiber เกิดจากมัดของ myofibrils มารวมกัน -myofibrilsประกอบด้ วย myofilaments 2 ชนิด คือ 1.Thin filamentเกิดจากactin 2 สายและ regulatory protein (tropomyosin) 1 สาย มาพันกัน 2.Thick filament เกิดจากmyosinมารวมกันเป็ นมัด -การจัดเรี ยงตัวของ myofilaments ทาให้ เกิด light-dark band ซาๆ กัน เรี ยกแต่ ละหน่ วยที่ซา ้ ้ กันนีว่า sarcomere (ดังรูป) ้
  • 77. การหดตัวของกล้ ามเนือ skeleton ้ -การหดตัวของกล้ ามเนือ skeleton ้ เกิดจากการเลื่อนเข้ ามาซ้ อนกันของ thin filament เรี ยก sliding-filament model -การหดตัวของกล้ ามเนือเกิดโดยความ ้ กว้ างของ sarcomere ลดลง, ระยะทาง ระหว่ าง Z line สันลง, A band คงที่, ้ I band แคบเข้ า, H zone หายไป -พลังงานที่ใช้ ในการหดตัวของ กล้ ามเนือหลัก ๆ อยู่ในรู ปของ ้ creatine phosphate
  • 78. Sliding-filament model 1.ส่ วนหัวของ myosin จับกับ ATP, อยู่ในรูป low-energy configuration 2.myosin head(ATPase) สลาย ATP ได้ ADP+Pi, อยู่ในรู ป high-energy configuration 3.myosin head เกิด cross-bridge กับสาย actin 4.ปล่ อย ADP+Pi, myosin กลับสู่ low-energy configuration ทาให้ เกิดแรงดึง thin filament เข้ ามา 5.ATPโมเลกุลใหม่ เข้ ามาจับกับ myosin head ทาให้ myosinหลุดจาก actin, เริ่มวงจรใหม่
  • 79. การควบคุมการหดตัวของกล้ ามเนือ ้ -skeleton muscle หดตัวเมื่อได้ รับการ กระตุ้นจาก motor neuron -ในระยะพัก บริเวณที่เป็ นตาแหน่ งที่ myosin มาเข้ าจับ บนสาย actin (myosin binding site) ถูกปิ ดด้ วยสายของ tropomyosin โดยการเปิ ด-ปิ ดของ tropomyosin ถูกควบคุมด้ วย troponin complex -binding site จะเปิ ดเมื่อ Ca2+ เข้ ามาจับ กับ troponin
  • 80. -sarcoplasmic reticulum (SR) เป็ นแหล่ งเก็บ Motor end-plate Ca2+ ในเซลล์ กล้ ามเนือ ้ -เมื่ อ action potential จาก motor neuron มาถึงบริเวณ synaptic terminal ทาให้ มีการ หลั่ง Ach ที่ neuromuscular junction, เกิด depolarization ที่เซลล์ กล้ ามเนือ้ -action potential แพร่ ไปยังเยื่อเซลล์ ของ กล้ ามเนือที่เรี ยกว่ า T (transverse) tubules ้ -ตาแหน่ งที่ T tubules สัมผัสกับ SR ทาให้ มี การหลั่ง Ca2+ -การหดตัวของกล้ ามเนือจะหยุดเมื่อ SR ปั๊ ม ้ Ca2+ จาก cytoplasm กลับเข้ ามาเก็บใน SR
  • 81.
  • 82. สรุ ปการหดตัวของกล้ ามเนือ ้ 1.Ach หลั่ง 2.Action potential เคลื่อนไป T tubule จาก neuron จับ receptor 3.SR หลั่ง Ca2+ 7.tropomyosinปิ ด binding 4.Ca2+จับtroponin, site, หยุดการหดตัวของ binding silt เปิ ด กล้ ามเนือ ้ 6.ปั๊ มCa2+ กลับสู่ SR 5.กล้ ามเนือหดตัว ้
  • 83. การหดตัวของมัดกล้ ามเนือ ้ -ในมัดกล้ ามเนือแต่ ละมัดประกอบด้ วย muscle fiber หลายเซลล์ มารวมกัน ้ -การตอบสนองต่ อแรงกระตุ้นของ muscle fiberเป็ นแบบ all-or-none (เหมือน neuron) และแต่ ละ muscle fiber มี threshold ในการหดตัวไม่ เท่ ากัน -การหดตัวของมัดกล้ ามเนือแต่ ละครั ง (single twitch) ขึนอยู่กับความแรงที่มากระตุ้น ้ ้ ้ -ถ้ ากล้ ามเนือได้ รับการกระตุ้น 2 ครั งต่ อเนื่องกัน&มีระยะห่ างพอเหมาะ จะทาให้ ้ ้ ความแรงในการหดตัวครั งที่ 2 เพิ่มขึน (summation) ้ ้ -Tetanus เป็ นการหด(เกร็ง)โดย ไม่ มีการคลายตัวของกล้ ามเนือ ้ จากการกระตุ้นถี่ๆ และต่ อเนื่อง -Fatigue (การล้ า) เป็ นสภาพที กล้ ามเนือหมดความสามารถใน ้ การหดตัว
  • 84. Motor unit -ในสัตว์ มีกระดูกสันหลัง muscle cell 1 เซลล์ จะถูกควบคุมโดย motor neuron 1 เซลล์ เท่ านัน ้ -แต่ 1 motor neuron อาจควบคุมการ ทางาน >1 muscle cell -Motor unit ประกอบด้ วย 1 motor neuron และmuscle fiber ทังหมดที่ ้ neuron ควบคุม -กล้ ามเนือที่ต้องการการเคลื่อนไหวที่ ้ ละเอียดอ่ อน จะมีอัตราส่ วนระหว่ าง motor neuron/muscle cell ต่า เช่ น กล้ ามเนือลูกตา (1/3-4) ้
  • 85. การหดตัวของ smooth muscle -smooth muscle cell พบที่อวัยวะที่ มีลักษณะเป็ นท่ อกลวง เช่ น ทางเดินอาหาร, หลอดเลือด, อวัยวะสืบพันธุ์, iris ของลูกตา และท่ อของต่ อม -มีรูปร่ างคล้ ายกระสวย มี 1 nucleus/1 cell การหดตัวเป็ น involuntary -ไม่ มีการจัดเรี ยงตัวของactin-myosin ทาให้ ไม่ เห็นเป็ นลาย, ปลาย actin มักยึดติดกับ เยื่อเซลล์ , ไม่ มี SR ดังนัน Ca2+ แพร่ ผ่านเข้ ามาทางเยื่อเซลล์ ้ -การหดตัวจะช้ ากว่ า striated muscle แต่ การหดตัวนันจะอยู่ได้ นานกว่ า ้
  • 86. การหดตัวของ cardiac muscle -มี 1 nucleus/1 cell เซลล์ มีการแตก แขนง(bifurcate)และเชื่อมกับเซลล์ ข้าง เคียงด้ วย gap junction เรี ยก intercalated disk -มีการจัดเรี ยงตัวของ actin-myosin ทา ให้ เห็นเป็ นลาย, มี SR -cardiac muscle สามารถหดตัวได้ เองอย่ างเป็ นจังหวะ -หัวใจสัตว์ มีกระดูกสันหลังหดตัวได้ เองเรี ยก myogenic heart (muscle-generated) -หัวใจของกุ้ง, ปู, แมงมุม ต้ องได้ รับการกระตุ้นจาก nerve เรี ยก neurogenic heart (nerve-driven)