SlideShare a Scribd company logo
บทที่ 1
                                   บทนําการสํ ารวจรังวัด
                         (Introduction to Surveying)


1.1      นิยามการสํารวจ
          การสารวจ (surveying) คือ ศาสตร์ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคนิคในการหาตาแหน่ง หรือการ
              ํ                                                                                ํ
กาหนดตาแหน่งต่าง ๆ ที่อยู่เหนือ บน และใตผิวโลก ดวยวิธีการระบุตาแหน่งเชิ งสัมพทธ์ (relative
 ํ        ํ                                           ้        ้                 ํ                 ั
                                                                                         ้
positioning) หรื อตําแหน่งเชิงสัมบูรณ์ (absolute positioning) โดยเทคโนโลยีที่กาวหน้าด้านต่าง ๆ ของ

การสํ า รวจในปั จ จุ บ ัน ท ํา ให้ ก ารสํ า รวจเป็ นศาสตร์ ที่ มี ล ัก ษณะพิ เ ศษ มี ค วามซับ ซ้ อ นและมี ก าร
ประยกตใชในดานต่าง ๆ มากมาย ต้ งแต่การไดมาซ่ ึ งขอมูลเชิงตาแหน่ง (spatial data) รวมไปถึงการ
      ุ ์ ้ ้                          ั            ้     ้               ํ
บริ หารจัดการขอ มูลประกอบต่าง ๆ ที่มีความสัมพนธ์เกี่ยวของกับขอมูลเชิงตาแหน่งน้ ัน ซึ่ งข้อมูล
                 ้                                      ั               ้      ้           ํ
ประกอบเหล่าน้ ี เรียกว่า ขอมูลอรรถาธิบาย (attribute data) หรือขอมูลชนิดไม่มีตาแหน่ง (non-spatial
                           ้                                                ้                ํ
data) ดวยระบบภูมิสารสนเทศ (Geographic Information System, GIS) ดังนั้น จึงใช้ชื่อ “Geomatics”
        ้
หรื อ “Geospatial Engineering” แทนคํา “Surveying” ในปัจจุบน           ั
           คํา Geomatics ยงมิไดมีการบญญติศพทที่เหมาะสมข้ ึนเป็นภาษาไทย จึงจะใชการทับศัพท์
                           ั    ้    ั ั ั ์                                            ้
โดยตรงคือ “จีออเมติกส์” ซ่ ึ งมีความหมายถึง การวดสิ่งต่าง ๆ ของโลก (measurement of the earth)
                                                 ั
เป็ นคําที่มีความหมายกว้างขวางรวมเอาแขนงวิชาการทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับการวัดเพื่อจัดเก็บข้อมูล (data
acquisitions) เช่น การสารวจดวยภาพถ่ายทางอากาศ (photogrammetry) การสารวจระยะไกล (remote
                        ํ     ้                                            ํ
sensing) การรังวดดวยดาวเทียม (Global Navigation Satellite System, GNSS) การสารวจภาคพ้ืนดิน
                   ั ้                                                              ํ
(ground surveys) การสํารวจชลศาสตร์ (hydrographic surveys) เป็ นต้น

           การสารวจรังวัด หมายถึง การวัดหาค่าตาแหน่งพิกดซ่ ึ งเป็นค่าพิกด 3 มิติ (x,y,h) หรืออยางนอย
                ํ                                 ํ                 ั       ั                    ่ ้
เป็นค่าพิกดทางราบแบบ 2 มิติ (x,y) ซึ่ งคํานวณได้จากขอมูลที่รังวดไดในสนาม ไดแก่ ทิศทาง ระยะ
            ั                                                   ้      ั ้               ้
ระหว่างจุดสองจุดและมุมระหว่างทิศทางแต่ละทิศ โดยการใช้เครื่องมือและวิธีการที่เหมาะสม ซึ่ ง
ทฤษฎีพ้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการสํารวจรังวัดจะกล่าวในหนงสือเล่มน้ ี อยางไรก็ตาม ความกาวหนาทาง
         ื                                                        ั           ่               ้     ้
เทคโนโลยีท้ ง เครื่ อ งมือ และวิธีก ารใหม่ ๆ เกิ ดข้ ึ น อยู่ต ลอดเวลา ผูศึก ษาต ้องติด ตามข่าวสารอย่า ง
              ั                                                          ้
ต่อเนื่องและสมํ่าเสมอ เพื่อให้สามารถเลือกใช้เครื่ องมือและวิธีการที่เหมาะสมกับความถูกต้องที่ตองการ้
2      การสารวจทางวิศวกรรม 1
           ํ


1.2     ประวตการสํารวจ
            ั ิ
            เท่าที่ได้มีการบนทึกในประวติศาสตร์ พบว่ามีการนําหลกการสารวจมาใชต้ งแต่ 1,400 ปี ก่อน
                              ั          ั                         ั        ํ        ้ ั
คริสต์ศกราชโดยชาวอียิปต์ในการแบ่งแปลงที่ดินเพื่อการจดเก็บภาษี และก่อนคริสต์ศกราช 120 ปี
          ั                                                     ั                          ั
ชาวกรีกไดมีการคิดคนศาสตร์ทางดานตรีโกณมิติข้ ึน เพื่อใชในการแบ่งแปลงที่ดินใหมีความถูกตองที่ดี
              ้           ้          ้                        ้                        ้      ้
ข้ ึน มีการสร้างเครื่องมือสารวจข้ ึนมาชิ้นแรกเรียกว่า ไดออปทรา (dioptra, รู ปที่ 1.1 (ก)) รวมท้ งไดมี
                                ํ                                                               ั ้
        ํ                         ํ                         ั
การกาหนดข้ นตอนในการสารวจ เพื่อใชเ้ ป็นแนวทางเดียวกนในสมยน้ น และไดมีการพฒนาการสารวจ
                  ั                                                    ั ั        ้      ั       ํ
     ่          ้ ั         ั ั ู้          ั ั
อยางเห็นไดชดในสมยโรมน ผที่เป็นที่รู้จกกนดีในตนศตวรรษ คือ Frontinus ในยุคนี้ได้มีการผลิต
                                                       ้
เครื่ องมือสํารวจสําหรับงานก่อสร้างที่เรี ยกว่า โกรมา (groma, รู ปที่ 1.1 (ข))




                         (ก) Dioptra (ภาพจาก http://www.catastro.gub.uy)




                            (ข) Groma (ภาพจาก http://mitglied.lycos.de)

                            รู ปที่ 1.1 เครื่องมือสารวจ dioptra และ groma
                                                   ํ
           ค.ศ. 1800 เป็นยคที่มีการเปลี่ยนแปลงทางดานอุตสาหกรรม ความสาคญของการกาหนดเขต
                          ุ                       ้                    ํ ั            ํ
ที่ดิน การพฒนาปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค เช่น ทางรถไฟ คลองส่งน้ า ถนน ฯลฯ มีมากข้ ึน จึงทําให้
             ั                                                  ํ
การสารวจมีบทบาทเพิ่มข้ ึน และไดมีการพฒนาเครื่องมือสารวจที่ให้ความถูกตองดีข้ ึน ที่สาคญไดมีการ
       ํ                           ้      ั           ํ              ้             ํ ั ้
พฒนาศาสตร์ของการสารวจข้ ึนเป็นระบบแบ่งเป็นการสารวจบนพ้ืนระนาบ (plane surveying) และการ
     ั                  ํ                           ํ
สารวจข้นสูง (geodetic surveying) เกิดขึ้นด้วย
   ํ     ั
บทนําการสํารวจ           3



          ปัจจุบนการสารวจไดเ้ ขามาเกี่ยวของกบทุก ๆ สิ่งใกลตวมนุษยมากข้ ึน เนื่องมาจากขอมูลส่วน
                    ั        ํ         ้   ้ ั             ้ ั   ์                      ้
ใหญ่ที่ใชกนในชีวิตประจาวนน้ น หากพิจารณาแลวจะเห็นว่า จะมีความสัมพนธ์กบขอมูลที่ตองทราบ
           ้ ั                   ํ ั ั            ้                      ั ั ้              ้
ต า แหน่ ง ว่ า อยู่ที่ ใดด้ว ย ประกอบกับการพ ฒ นาทางด้า นเทคโนโลยีค อมพิ ว เตอร์ แ ละสารสนเทศ
  ํ                                           ั
ความสามารถทางดานการประมวลผลภาพกราฟิก ทาให้ผลที่ไดจากการสารวจไดถูกนาไปใชงานอยาง
                          ้                         ํ          ้     ํ       ้ ํ          ้       ่
กวางขวาง จากเดิมที่ใชในงานวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมเพื่อการออกแบบและก่อสร้างแลว ยงถูก
    ้                          ้                                                              ้ ั
นําไปใช้ในการบริ หารจัดการทั้งในภาพรวมทุกระดับเป็ นระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ดวย    ้

1.3       ประเภทการสํ ารวจ
          1.3.1     ลักษณะงานสํ ารวจ
                   โดยทวไปงานสารวจจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามความละเอียดถูกตองของการวด
                            ั่         ํ                                                                 ้            ั
และการคํานวณ คือ
                   1.3.1.1 งานสํ ารวจขั้นสู ง (Geodetic Surveys)

                               เป็นงานสํารวจที่มีความละเอียดถูกตองสูง และคานึงถึงรูปร่างสัณฐานของ
                                                                       ้                     ํ
โลกหรือความโคงของผิวโลก (earth curvature) เขามาเกี่ยวของดวย จะใชกบพ้ืนที่ขนาดใหญ่ ดงน้ น
               ้                                          ้          ้ ้                  ้ ั                     ั ั
การคานวณต่าง ๆ จึงอยบนผิวโคง ซ่ ึ งจะใชผิวทรงรี (ellipsoid) ที่เหมาะสมแทนสัณฐานของโลกในแต่
       ํ                 ู่          ้         ้
ละพื้นที่
                   1.3.1.2 งานสํ ารวจบนพืนระนาบ (Plane Surveys)
                                                 ้
                               เป็ นงานสํ า รวจที่ ใ ช้ส มมติ ฐ านว่ า พ้ื น ที่ ที่ ท ํา การสํ า รวจเป็ นพ้ื น ระนาบ
ดังนั้น การคานวณจึงสามารถใช้สูตรทางเรขาคณิตบนพ้ืนระนาบในการคานวณได้ ทาให้ง่ายต่อการ
            ํ                                                                              ํ          ํ
                 ั
ทํางานโดยจะใช้กบพื้นที่ขนาดเล็กซึ่งความโค้งของผิวโลกไม่มีผลกระทบ
          1.3.2     ชนิดงานสํารวจ
                 งานสํารวจยังสามารถแบ่งชนิดของงานได้ตามเฉพาะเรื่ อง ๆ ได้ ดังนี้
                 1.3.2.1 งานสํ ารวจรังวัดควบคุม (Control Surveys)

                         คือ งานสํารวจเพื่อการจดสร้างโครงข่ายหมุดหลกฐานทางราบ (horizontal
                                                ั                      ั
                           ั                                              ั      ่
control points) และหมุดหลกฐานทางดิ่ง (vertical control points) หรือเป็นท้ งสองอยาง (full control

points) ใชเป็นหมุดอางอิงสาหรับงานสารวจอื่น ๆ
          ้         ้    ํ          ํ
4       การสารวจทางวิศวกรรม 1
            ํ

                  1.3.2.2    งานสํ ารวจภูมิประเทศ (Topographic Surveys)
                             คือ งานสํารวจเพื่อหาตาแหน่งของสิ่งต่าง ๆ บนผิวโลก ไม่ว่าจะเป็นส่ิ งที่
                                                          ํ
ปรากฏในธรรมชาติหรือสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ รวมท้ งค่าระดบความสูงของพ้ืนที่ และนามาเขียนเป็นแผน
                                                       ั       ั                       ํ
ที่ภูมิประเทศ (topographic map)
                  1.3.2.3 งานสํ ารวจแปลงทีดน (Cadastral Surveys)
                                                 ่ ิ
                             คือ งานสํารวจเพื่อกาหนดแนวเขต หรือขอบเขตที่ดิน เพื่อจดทากรรมสิทธ์ ิ
                                                     ํ                                    ั ํ
ที่ดินตามกฎหมาย
                  1.3.2.4 งานสํ ารวจทางวิศวกรรม (Engineering Surveys)

                             คือ งานสํารวจที่เกี่ยวของกบงานทางดานวิศวกรรมโครงการต่าง ๆ ได้แก่
                                                         ้ ั     ้
การวางผ ง การให้ แ นว การวางต า แหน่ ง สิ่ ง ปลู ก สร้ า งตามการออกแบบ รวมท้ ัง การสํา รวจเก็ บ
             ั                       ํ
รายละเอียดสภาพความเป็นจริงหลงจากการดาเนินงานก่อสร้างเสร็จแลว เพื่อจดทาแบบข้ นสุดทายที่
                                       ั           ํ                  ้        ั ํ            ั       ้
เรี ยกว่า “แบบก่อสร้าง” (as-built drawings)
                  1.3.2.5 การสํ ารวจชลศาสตร์ (Hydrographic Surveys)

                             คือ งานสํา รวจขอบเขตชายฝั่ ง ทะเล ความลึ ก ท้อ งน้ ํา ต่ า ง ๆ ไม่ ว่า จะเป็ น
แม่น้ า ลําคลอง ทะเลสาบ อ่างเก็บนํ้า ทะเลและมหาสมุทร เพื่อจัดทําแผนที่ร่องนํ้าใช้ในการเดินเรื อ
       ํ
                  1.3.2.6 การสํ ารวจเส้ นทาง (Route Surveys)

                             คือ งานสํารวจเพื่อการออกแบบก่อสร้างประเภทเส้นทางต่าง ๆ เช่น ถนน
คลองส่ งนํ้า อุโมงค์ การวางท่อ เป็ นต้น
                  1.3.2.7 การสํ ารวจเหมืองแร่ (Mine Surveys)

                             คื อ งานสํารวจสําหรั บการทาเหมือง ไม่ว่าจะเป็นเหมืองเปิดบนดิน หรื อ
                                                             ํ
เหมืองใตดิน้
                  1.3.2.8 การสํ ารวจงานอุตสาหกรรม (Industrial Surveys)

                             คือ งานสํารวจที่ตองการความละเอียดถูกตองสูงมากในการติดต้ งเครื่องมือ
                                               ้                    ้                           ั
อุปกรณ์ต่าง ๆ หรื อเครื่ องจักรทางด้านอุตสาหกรรมเพื่อการผลิต

1.4      ชั้นความถูกต้ องงานสํารวจ
        คุณภาพของการรังวัดในงานสํารวจ เพื่อใหไดผลลพธ์ที่สามารถนาไปใชงานตามที่ตองการเป็น
                                             ้ ้ ั             ํ      ้       ้
สิ่งสาคญอยางยง เมื่อกล่าวถึงคุณภาพงานรังวดโดยทวไปจะกล่าวถึง ความถูกตองเชิงตาแหน่ง (spatial
     ํ ั ่ ิ่                            ั     ั่                   ้      ํ
บทนําการสํารวจ       5



accuracy)      โดยไดมีการแบ่งระดบความถูกตองไว ้ 3 ระดบช้ นงาน ซ่ ึ งจะระบุถึงเครื่องมือ กรรมวิธี การ
                    ้           ั         ้          ั ั
ตรวจสอบผลการรัง วดที่ต ้องปฏิบติต ามช้ ันงานที่ใช้สําหรั บแต่ ละประเภทงาน และผลสุ ดทา ยตอ ง
                         ั          ั                                                        ้ ้
ตรวจสอบผลการรังวดที่ไดปฏิบติตามขอกาหนดแลวน้ น ว่าอยในเกณฑกาหนดของช้ นงานน้ นหรือไม่
                       ั   ้ ั        ้ ํ        ้ ั       ู่         ์ ํ           ั      ั
ท้ งน้ ี ไดมีการกาหนดรายละเอียดช้ นงานตามมาตรฐานของหน่วยงาน Federal Geodetic Control
   ั       ้     ํ                ั
Committee (FGCC) ได้แก่

        1.4.1    ระดับช้ันงานหนึ่ง (First Order)
                 เป็นมาตรฐานสูงสุดที่ใชในการควบคุมคุณภาพของงานรังวดในระดบโครงข่ายหมุด
                                        ้                                ั      ั
ควบคุมท้ งทางราบและทางดิ่ง (horizontal and vertical control network) ของประเทศ จงหวด หรือเมือง
         ั                                                                        ั ั
รวมทั้งงานวิจยด้านต่าง ๆ
             ั
        1.4.2    ระดับช้ันงานสอง (Second Order)
               เป็นมาตรฐานรองลงมาจากช้ นงานที่หน่ ึงใชในการขยายหรือเพิ่มจานวนหมุดควบคุม
                                            ั             ้                        ํ
ทางราบและทางดิ่งจากหมุดชั้นงานที่หนึ่ง เพื่อใช้เป็ นหมุดควบคุมสําหรับพื้นที่ที่เล็กกว่าเมือง
        1.4.3    ระดับช้ันงานสาม (Third Order)
              เป็นมาตรฐานที่ต่าที่สุดซ่ ึ งใชสําหรับงานโครงการพ้ืนที่เล็ก ๆ หรืองานก่อสร้างทาง
                              ํ              ้
สถาปัตยกรรมและวิศวกรรม

1.5     สั ณฐานโลก (Earth Shape)
       สั ณ ฐานของโลกมี ค วามสํา ค ญ กับ งานสํา รวจที่ ต ้อ งท า ความเข ้า ใจ จึ ง จะสามารถค า นวณ
                                   ั                           ํ                             ํ
ตาแหน่งที่อยู่บนผิวโลกไดอย่างถูกตอง เป็นที่ทราบกนว่า โลกมีสัณฐานค่อนขางเป็นรูปทรงกลมซ่ ึ ง
   ํ                     ้       ้                ั                              ้
แบนหรือยุบตวบริเวณข้ วโลก และผิวโลกมีลกษณะรูปร่างไม่แน่นอน สูง ๆ ต่า ไม่ราบเรียบ ความลาด
              ั        ั                 ั                                   ํ
ชนไม่สม่าเสมอ ดงน้ น การที่จะระบุว่าโลกมีรูปร่างสัณฐานเป็นอย่างไรน้ ันกระทาไดยาก สําหรับ
 ั      ํ          ั ั                                                               ํ ้
ศาสตร์ทางด้านการสํารวจได้นิยามสัณฐานของโลกไว้ 3 ลักษณะ (รู ปที่ 1.2) คือ
        1.5.1    สัณฐานโลกทางกายภาพ (Terrestrial Surface)
               หมายถึง เส้นขอบเขตระหว่างผิวดินหรือผิวน้ ากบอากาศรอบผิวโลก เป็นลกษณะที่
                                                        ํ ั                       ั
ปรากฏจริ งของผิวโลก ไม่สามารถนิย ามรูปร่ างได้ด้ว ยรูปทรงทางเรขาคณิต หรื อ แบบจ าลองทาง
                                                                                ํ
คณิ ตศาสตร์
6      การสารวจทางวิศวกรรม 1
           ํ

        1.5.2    สั ณฐานโลกจีออยด์ (Geoid)
                 คือ สัณฐานของโลกที่เกิดจากการจินตนาการพ้ืนผิวของน้ าทะเลมหาสมุทรแผ่ขยาย
                                                                     ํ
ต่อเนื่องเขาไปในแผนดินเป็นพ้ืนผิวเดียวกนทวโลก โดยที่ทุก ๆ จุดบนพ้ืนผิวน้ นมีค่าศกยภาพแรงโนม
            ้      ่                    ั ั่                             ั       ั           ้
ถ่วงเท่ากน โดยจะใชเ้ ป็นผิวของน้ าทะเลที่กาหนดค่าระดบเฉลี่ยเท่ากบ 0 เมตร ซึ่ งผิวดังกล่าวยงคงมี
          ั                      ํ        ํ         ั           ั                         ั
ลักษณะไม่ราบเรี ยบ แบบจําลองที่ได้จึงไม่สะดวกและยากที่จะใช้ในการคํานวณ
        1.5.3    สั ณฐานโลกรูปทรงรี (Ellipsoid)
                    คือ การใช้รู ปทรงรี ซ่ ึ งมีรูป ทรงใกล้เคียงกับจีออยด์ม ากที่สุดเป็นสัณฐานของโลก
รูปทรงรีน้ ี เกิดจากการหมุนของวงรีรอบแกนส้ ัน ทาให้สามารถใชแบบจาลองทางคณิตศาสตร์ในการ
                                                        ํ                ้   ํ
คํานวณปริ มาณต่าง ๆ ได้ เรี ยกว่า “พื้นหลักฐาน” (datum) มีการใชกนแพร่หลายและมีหลายพ้ืนหลกฐาน
                                                                     ้ ั                        ั
สามารถแบ่งได้ 2 ประเภท คือ




                                    รู ปที่ 1.2 สัณฐานของโลก
                1.5.3.1 รู ปทรงรีภูมิสัณฐาน (Terrestrial Ellipsoid)

                         คือ รูปทรงรีพ้ืนหลกฐานที่ใชอางอิงแทนลูกโลก ซ่ ึ งจะมีจุดศูนยกาเนิดอย่ที่
                                               ั       ้ ้                           ์ ํ      ู
                                                 ั
จุดใจกลางโลก และแกนหมุนสมมาตรขนานกบแกนหมุนเฉลี่ยของโลก ดงน้ น ทุก ๆ จุดบนผิวโลกจะ
                                                                    ั ั
   ่
อยูในระบบอ้างอิงเดียวกัน
บทนําการสํารวจ     7



                         รู ปทรงรีภูมิภาค (Best-fitting Ellipsoid)
                   1.5.3.2

                         คื อ รู ป ทรงรี พ้ื น หล ัก ฐานที่ ใ ช้เ ฉพาะบริ เ วณหน่ ึ งในระดับ ภู มิ ภ าคหรื อ
ระดบประเทศ โดยเป็นรูปทรงรีที่มีพ้ืนผิวใกลเ้ คียงกบพ้ืนผิวจีออยดในบริเวณน้ น ดงน้ น ตาแหน่งของ
    ั                                                 ั               ์             ั ั ั ํ
                    ั
จุดจะมีความสัมพันธ์กนเฉพาะพื้นที่ที่ใช้พ้ืนหลักฐานเดียวกันเท่านั้น การเชื่อมโยงไปยังพื้นหลักฐานอื่น
ทําได้ดวยวิธีการแปลงพื้นหลักฐาน
       ้

1.6      การวดในงานสํารวจ (Measurements in Surveying)
             ั
                                                                                          C




                                                                                (Vertical Distance)
                 A




                                                                                    ระยะดิ่ง
                                                  ียง )
                                             ยะเอistance
                                          ระ e D            ิ่ง
                                         (Slo
                                              p       มุมด l Angle)
                               บน le)                    tica
                       ุมดtิ่งh Ang
                      ม ni                          (Ver                                   B
                     (Ze                             ระยะราบ nce)
                                                                Dista
                                                (Horizontal
                 O         มุมราบ
                        (Horizontal Angle)
                                        รู ปที่ 1.3 การวัดในงานสํารวจ
      รู ปที่ 1.3 เมื่อจุด O เป็นตาแหน่งอางอิง และจุด C เป็นตาแหน่งที่สนใจ การวดในงานสารวจ
                                  ํ      ้                   ํ                 ั      ํ
ภาคสนาม ปริ มาณที่วดได้ประกอบด้วยปริ มาณต่าง ๆ ดังนี้ คือ
                       ั
      1) ระยะเอียง (slope distance, OC)

      2) ระยะราบ (horizontal distance, OB)

      3) ระยะดิ่ง (vertical distance, CB)

      4) มุมราบ (horizontal angle)

      5) มุมดิ่ง (vertical angle)

      6) มุมดิ่งบน (zenith angle)

       จากรู ปจะเห็นว่า ปริมาณดงกล่าวแต่ละปริมาณจะมีลกษณะเป็นองคประกอบซ่ ึ งกนและกน คือ
                               ั                     ั          ์            ั    ั
สามารถคํานวณได้จากปริ มาณอื่นโดยอาศัยความสัมพันธ์ทางตรี โกณมิติ
8      การสารวจทางวิศวกรรม 1
           ํ


1.7     หน่ วยการวัด (Units of Measurement)
           ขนาดของปริมาณต่าง ๆ ที่วดไดดงกล่าวในหวขอที่ 5 จะมีหน่วยกากบการทางานทุกคร้ ัง การ
                                    ั ้ ั       ั ้                ํ ั    ํ
ทางานในปัจจุบนเป็นยุคของการทางานร่วมกน (collaborative working) ทาให้ตองมีการแลกเปลี่ยน
   ํ            ั                 ํ       ั                           ํ ้
ขอมูลซ่ ึ งกนและกน จึงจาเป็นที่ตองทราบถึงระบบการวดต่าง ๆ ที่ใชกนทวโลก รวมท้ งความสัมพนธ์
 ้          ั     ั     ํ       ้                   ั          ้ ั ั่         ั          ั
                                                                       ั
ระหว่างระบบการวัด เพื่อการแปลงหน่วยเหล่านี้ไปมา ระบบหน่วยการวัดที่ใช้กนโดยทัวไป ได้แก่
                                                                            ่
        1.7.1      หน่วยความยาว (Length)
                   1.7.1.1   ระบบเมตริก (Metric System)
        10 มิลลิเมตร (millimeters)                   =      1 เซนติเมตร (centimeter)

        10 เซนติเมตร (centimeters)                   =      1 เดซิ เมตร (decimeter)

        10 เดซิ เมตร (decimeters)                    =      1 เมตร (meter)

        10 เมตร (meters)                             =      1 เดคาเมตร (decameter)

        10 เดคาเมตร (decameters)                     =      1 เฮกโตเมตร (hectometer)

        10 เฮกโตเมตร (hectometers)                   =      1 กิโลเมตร (kilometer)

        1,000 เมตร (meters)                          =      1 กิโลเมตร (kilometer)

                   1.7.1.2   ระบบอังกฤษ (Imperial System)
        12 นิ้ว (inches)                             =      1 ฟุต (foot)

        3 ฟุต (feet)                                 =      1 หลา (yard)

        22 หลา (yards)                               =      1 เชน (chain)

        10 เชน (chains)                              =      1 เฟอลอง (furlong)

        8 เฟอลอง (furlongs)                          =      1 ไมล์ (mile)

        5,280 ฟุต (feet)                             =      1 ไมล์ (mile)

        1,760 หลา (yards)                            =      1 ไมล์ (mile)

                   1.7.1.3   ระบบไทย (Thai System)
        2 คืบ                                        =      1 ศอก

        4 ศอก                                        =      1 วา

        20 วา                                        =      1 เส้น

        400 เส้น                                     =      1 โยชน์
บทนําการสํารวจ     9



                   1.7.1.4   การเทียบหน่ วย
         1 นิ้ว (inch)                                =        2.54 เซนติเมตร (centimeters)

         1 ฟุต (foot)                                 =        30.48 เซนติเมตร (centimeters)

         1 ไมล์ (mile)                                =        1.609344 กิโลเมตร (kilometers)

         1 วา                                         =        2 เมตร (meters)

         1 เมตร (meter)                               =        2 ศอก

         1 กิโลเมตร (kilometer)                       =        25 เส้น

         1.7.2     หน่ วยมุม (Angle)
                   1.7.2.1   ระบบองศา (Degree System)
                             ระบบองศา คือ การแบ่ ง ช่ อ งรอบวงกลมที่ มี จุ ด ศูน ย ์ก ลางวงกลมเป็ นจุ ด
รองรับขนาดมุม โดยแบ่งออกเป็ น 360 ช่อง เรียกช่องละ 1 องศา (degree) และ 1 องศา แบ่งขีดย่อยอีก 60
ช่อง เรียกช่องละ 1 ลิปดา (minute) และแบ่งขีดย่อยอีก 60 ช่อง เรียกช่องละ 1 พิลิปดา (second) การ
แสดงหน่วยระบบองศาสามารถแสดงได้ 2 วิธี คือ
                             1) ระบบเลขฐานสิบ (decimal system) เป็นการแสดงในรูปทศนิยมหน่วย

องศาอย่างเดียว เช่น 28.23454325 องศา เป็ นต้น
                             2) ระบบเลขฐานหกสิบ (sexagesimal system) เป็ นการแสดงในรูปของ

องศา ลิปดา และ พิลิปดา โดยที่หน่วยพิลิปดาจะเขียนเป็นเลขฐานสิบ เช่น 28 14 ' 04.36" จะเขียนในรูป
                                                                              o




เลขฐานหกสิ บลักษณะของทศนิยม ได้เป็ น 28.140436 ซึ่งมักจะใช้ในการแสดงผลในระบบโปรแกรม
                   1.7.2.2 ระบบเกรด (Centesimal System)

                             ระบบเกรด คือ การแบ่งช่องรอบวงกลมท้ งหมด 400 ช่อง เรียกช่องละ 1
                                                                   ั
เกรด หรื อ กอน (gon) และแบ่งเป็นช่องยอยอีก 100 ช่อง เรี ยกว่า “Centesimal Minute” แต่ละช่องยงแบ่ง
                                        ่                                                       ั
อีก 100 ช่อง เรี ยกว่า “Centesimal Second”
                   1.7.2.3 ระบบเรเดยน (Radian System)
                                      ี
                             ระบบเรเดียน คือ ระบบที่มุมรอบวงกลมที่มีค่าเท่ากับ 2π เรเดียน โดยที่
                                  π   = 3.1415926535897932
                   1.7.2.4   ระบบทางทหาร (Military System)
                             ระบบทางทหาร คือ ระบบที่มุมรอบวงกลมมีค่าเท่ากับ 6,400 มิล (mils)
10   การสารวจทางวิศวกรรม 1
         ํ

               1.7.2.5   การเทียบหน่ วย
     1 องศา (degree)                             =      1.11111 กอน (gons)
                                                            1
     1 พิลิปดา (second)                          =                เรเดียน (radians)
                                                        206265

     1.7.3     หน่ วยพืนที่ (Area)
                       ้
               1.7.3.1ระบบเมตริก (Metric System)
     100 ตารางมิลลิเมตร (sq. mm)              =         1 ตารางเซนติเมตร (sq. cm)

     10,000 ตารางเซนติเมตร (sq. cm)           =         1 ตารางเมตร (sq. meter)

     100 ตารางเมตร (sq. meters)               =         1 เอเคอร์ (are)

     100 เอเคอร์ (Ares)                       =         1 เฮกตาร์ (hectare)

     10,000 (sq. meters)                         =      1 เฮกตาร์ (hectare)

     100 เฮกตาร์ (hectares)                      =      1 ตารางกิโลเมตร (sq. kilometer)

     1,000,000 ตารางเมตร (sq. meters)            =      1 ตารางกิโลเมตร (sq. kilometer)

               1.7.3.2   ระบบอังกฤษ (Imperial System)
     144 ตารางนิ้ว (sq. inches)                  =      1 ตารางฟุต (square foot)

     9 ตารางฟุต (sq. feet)                       =      1 ตารางหลา (square yard)

     4,840 ตารางหลา (sq. yards)                  =      1 เอเคอร์ (acre)

     640 เอเคอร์ (acres)                         =      1 ตารางไมล์ (square mile)

               1.7.3.3   ระบบไทย (Thai System)
     100 ตารางวา                                 =      1 งาน

     4 งาน                                       =      1 ไร่

               1.7.3.4   การเทียบหน่ วย
     1 ตารางวา                                   =      4 ตารางเมตร

     1 ไร่                                       =      1,600 ตารางเมตร

     625 ไร่                                     =      1 ตารางกิโลเมตร

     1 ตารางเมตร                                 =      10.76 ตารางฟุต

     1 ตารางกิโลเมตร                             =      0.3861 ตารางไมล์

     1 ตารางกิโลเมตร                             =      247.1 เอเคอร์

     1 ตารางไมล์                                 =      640 ตารางเมตร

More Related Content

What's hot

ทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning theory)
ทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning theory)ทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning theory)
ทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning theory)Chantana Papattha
 
โครงงานเว็บไซต์โทษของบุหรี่
โครงงานเว็บไซต์โทษของบุหรี่โครงงานเว็บไซต์โทษของบุหรี่
โครงงานเว็บไซต์โทษของบุหรี่
พัน พัน
 
วิธีการสอนแบบเรียนปนเล่น
วิธีการสอนแบบเรียนปนเล่นวิธีการสอนแบบเรียนปนเล่น
วิธีการสอนแบบเรียนปนเล่น
Jindarat JB'x Kataowwy
 
จิตวิทยาการเรียนรู้
จิตวิทยาการเรียนรู้จิตวิทยาการเรียนรู้
จิตวิทยาการเรียนรู้
Aoun หมูอ้วน
 
ออกแบบและเทคโนโลยี ม.5
ออกแบบและเทคโนโลยี ม.5ออกแบบและเทคโนโลยี ม.5
ออกแบบและเทคโนโลยี ม.5
ณัฐพล บัวพันธ์
 
โครงสร้างรายวิชาวิทยาศาสตร์ ป.3
โครงสร้างรายวิชาวิทยาศาสตร์ ป.3โครงสร้างรายวิชาวิทยาศาสตร์ ป.3
โครงสร้างรายวิชาวิทยาศาสตร์ ป.3Mam Chongruk
 
บทที่ 2 ปรัชญาคืออะไร
บทที่ 2 ปรัชญาคืออะไรบทที่ 2 ปรัชญาคืออะไร
บทที่ 2 ปรัชญาคืออะไร
Padvee Academy
 
ที่เก็บผลไม้
ที่เก็บผลไม้ที่เก็บผลไม้
ที่เก็บผลไม้
sekzazo
 
ทฤษฎีการเรียนรู้
ทฤษฎีการเรียนรู้ทฤษฎีการเรียนรู้
ทฤษฎีการเรียนรู้
Thunyalak Thumphila
 
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บทตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บทchaipalat
 
โครงงาน Is-กลุ่มสบู่-1-5
โครงงาน Is-กลุ่มสบู่-1-5โครงงาน Is-กลุ่มสบู่-1-5
โครงงาน Is-กลุ่มสบู่-1-5
Nontagan Lertkachensri
 
คู่มือการใช้นวัตกรรมคลื่นกลและเสียง
คู่มือการใช้นวัตกรรมคลื่นกลและเสียงคู่มือการใช้นวัตกรรมคลื่นกลและเสียง
คู่มือการใช้นวัตกรรมคลื่นกลและเสียง
โรงเรียนเทพลีลา
 
โครงงานสิ่งประดิษฐ์เหลือใช้
โครงงานสิ่งประดิษฐ์เหลือใช้โครงงานสิ่งประดิษฐ์เหลือใช้
โครงงานสิ่งประดิษฐ์เหลือใช้
thanapisit marakul na ayudhya
 
เฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียง
เฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียงเฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียง
เฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียง
โรงเรียนเทพลีลา
 
ข้อสอบพร้อมเฉลยอย่างละเอียด O net - สุขศึกษาฯ
ข้อสอบพร้อมเฉลยอย่างละเอียด O net - สุขศึกษาฯข้อสอบพร้อมเฉลยอย่างละเอียด O net - สุขศึกษาฯ
ข้อสอบพร้อมเฉลยอย่างละเอียด O net - สุขศึกษาฯSuriyawaranya Asatthasonthi
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง สารและการจำแนกสาร ชุดที่ 1 สสารและสาร
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง สารและการจำแนกสาร ชุดที่ 1 สสารและสารชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง สารและการจำแนกสาร ชุดที่ 1 สสารและสาร
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง สารและการจำแนกสาร ชุดที่ 1 สสารและสาร
Ketsarin Prommajun
 
สื่อผังมโนทัศน์
สื่อผังมโนทัศน์สื่อผังมโนทัศน์
สื่อผังมโนทัศน์
มารินทร์ จานแก้ว
 
พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่
พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่
พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่
Benjapron Seesukong
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง คลื่นกล
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง คลื่นกลชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง คลื่นกล
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง คลื่นกล
โรงเรียนห้วยแถลงพิทยาคม
 

What's hot (20)

ทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning theory)
ทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning theory)ทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning theory)
ทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning theory)
 
โครงงานเว็บไซต์โทษของบุหรี่
โครงงานเว็บไซต์โทษของบุหรี่โครงงานเว็บไซต์โทษของบุหรี่
โครงงานเว็บไซต์โทษของบุหรี่
 
วิธีการสอนแบบเรียนปนเล่น
วิธีการสอนแบบเรียนปนเล่นวิธีการสอนแบบเรียนปนเล่น
วิธีการสอนแบบเรียนปนเล่น
 
จิตวิทยาการเรียนรู้
จิตวิทยาการเรียนรู้จิตวิทยาการเรียนรู้
จิตวิทยาการเรียนรู้
 
ออกแบบและเทคโนโลยี ม.5
ออกแบบและเทคโนโลยี ม.5ออกแบบและเทคโนโลยี ม.5
ออกแบบและเทคโนโลยี ม.5
 
โครงสร้างรายวิชาวิทยาศาสตร์ ป.3
โครงสร้างรายวิชาวิทยาศาสตร์ ป.3โครงสร้างรายวิชาวิทยาศาสตร์ ป.3
โครงสร้างรายวิชาวิทยาศาสตร์ ป.3
 
บทที่ 2 ปรัชญาคืออะไร
บทที่ 2 ปรัชญาคืออะไรบทที่ 2 ปรัชญาคืออะไร
บทที่ 2 ปรัชญาคืออะไร
 
ที่เก็บผลไม้
ที่เก็บผลไม้ที่เก็บผลไม้
ที่เก็บผลไม้
 
ทฤษฎีการเรียนรู้
ทฤษฎีการเรียนรู้ทฤษฎีการเรียนรู้
ทฤษฎีการเรียนรู้
 
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บทตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
 
โครงงาน Is-กลุ่มสบู่-1-5
โครงงาน Is-กลุ่มสบู่-1-5โครงงาน Is-กลุ่มสบู่-1-5
โครงงาน Is-กลุ่มสบู่-1-5
 
บทที่ 3
บทที่ 3บทที่ 3
บทที่ 3
 
คู่มือการใช้นวัตกรรมคลื่นกลและเสียง
คู่มือการใช้นวัตกรรมคลื่นกลและเสียงคู่มือการใช้นวัตกรรมคลื่นกลและเสียง
คู่มือการใช้นวัตกรรมคลื่นกลและเสียง
 
โครงงานสิ่งประดิษฐ์เหลือใช้
โครงงานสิ่งประดิษฐ์เหลือใช้โครงงานสิ่งประดิษฐ์เหลือใช้
โครงงานสิ่งประดิษฐ์เหลือใช้
 
เฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียง
เฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียงเฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียง
เฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียง
 
ข้อสอบพร้อมเฉลยอย่างละเอียด O net - สุขศึกษาฯ
ข้อสอบพร้อมเฉลยอย่างละเอียด O net - สุขศึกษาฯข้อสอบพร้อมเฉลยอย่างละเอียด O net - สุขศึกษาฯ
ข้อสอบพร้อมเฉลยอย่างละเอียด O net - สุขศึกษาฯ
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง สารและการจำแนกสาร ชุดที่ 1 สสารและสาร
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง สารและการจำแนกสาร ชุดที่ 1 สสารและสารชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง สารและการจำแนกสาร ชุดที่ 1 สสารและสาร
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง สารและการจำแนกสาร ชุดที่ 1 สสารและสาร
 
สื่อผังมโนทัศน์
สื่อผังมโนทัศน์สื่อผังมโนทัศน์
สื่อผังมโนทัศน์
 
พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่
พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่
พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง คลื่นกล
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง คลื่นกลชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง คลื่นกล
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง คลื่นกล
 

Viewers also liked

Leap Second การปรับเวลาเพิ่มขึ้น 1 วินาที
Leap Second การปรับเวลาเพิ่มขึ้น 1 วินาทีLeap Second การปรับเวลาเพิ่มขึ้น 1 วินาที
Leap Second การปรับเวลาเพิ่มขึ้น 1 วินาทีNIMT
 
First Week
First WeekFirst Week
First Week
wirotela
 
11
1111
9789740335443
97897403354439789740335443
9789740335443
CUPress
 
The game of the generals' story
The game of the generals' storyThe game of the generals' story
The game of the generals' story
JOBERT DOMINGUEZ RONABIO
 
Introduction of gps global navigation satellite systems
Introduction of gps   global navigation satellite systems Introduction of gps   global navigation satellite systems
Introduction of gps global navigation satellite systems
DocumentStory
 

Viewers also liked (7)

Leap Second การปรับเวลาเพิ่มขึ้น 1 วินาที
Leap Second การปรับเวลาเพิ่มขึ้น 1 วินาทีLeap Second การปรับเวลาเพิ่มขึ้น 1 วินาที
Leap Second การปรับเวลาเพิ่มขึ้น 1 วินาที
 
First Week
First WeekFirst Week
First Week
 
презентация смены
презентация сменыпрезентация смены
презентация смены
 
11
1111
11
 
9789740335443
97897403354439789740335443
9789740335443
 
The game of the generals' story
The game of the generals' storyThe game of the generals' story
The game of the generals' story
 
Introduction of gps global navigation satellite systems
Introduction of gps   global navigation satellite systems Introduction of gps   global navigation satellite systems
Introduction of gps global navigation satellite systems
 

Similar to 9789740329602

ใบความรู้ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์
ใบความรู้ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ใบความรู้ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์
ใบความรู้ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์krunimsocial
 
บทที่ 1 บทนำสู่การสำรวจรังวัด
บทที่ 1 บทนำสู่การสำรวจรังวัดบทที่ 1 บทนำสู่การสำรวจรังวัด
บทที่ 1 บทนำสู่การสำรวจรังวัดChattichai
 
หลักการเบื้องต้นการรับรู้จากระยะไกล บทที่ 1
หลักการเบื้องต้นการรับรู้จากระยะไกล บทที่ 1 หลักการเบื้องต้นการรับรู้จากระยะไกล บทที่ 1
หลักการเบื้องต้นการรับรู้จากระยะไกล บทที่ 1
KruNistha Akkho
 
เทคโนโลยีทางภูมิศาสตร์
เทคโนโลยีทางภูมิศาสตร์เทคโนโลยีทางภูมิศาสตร์
เทคโนโลยีทางภูมิศาสตร์
chanok
 
เทคโนโลยีสารสนเทศ Work3-39
เทคโนโลยีสารสนเทศ Work3-39เทคโนโลยีสารสนเทศ Work3-39
เทคโนโลยีสารสนเทศ Work3-39
Thamonwan Phasopbuchatham
 
เอกสารประกอบการเรียน ( ชุดที่ 5 )451 file
เอกสารประกอบการเรียน ( ชุดที่ 5 )451 fileเอกสารประกอบการเรียน ( ชุดที่ 5 )451 file
เอกสารประกอบการเรียน ( ชุดที่ 5 )451 file
saintja
 
Knownledge Gis
Knownledge GisKnownledge Gis
Knownledge Gis
tanakorntanat
 
01 หลักการของงานสำรวจ
01 หลักการของงานสำรวจ01 หลักการของงานสำรวจ
01 หลักการของงานสำรวจNut Seraphim
 
เทคโนโลยีการสำรวจด้านธรณีวิทยา โยธาสาร23
เทคโนโลยีการสำรวจด้านธรณีวิทยา  โยธาสาร23เทคโนโลยีการสำรวจด้านธรณีวิทยา  โยธาสาร23
เทคโนโลยีการสำรวจด้านธรณีวิทยา โยธาสาร23
Theera Laphitchayangkul
 
ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์
ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์
ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์
PraewfulWonderwonder WonderfulWonderwonder
 
เครื่องมือทางภูมิศาสตร์2
เครื่องมือทางภูมิศาสตร์2เครื่องมือทางภูมิศาสตร์2
เครื่องมือทางภูมิศาสตร์2nasomyon13
 
เครื่องมือทางภูมิศาสตร์
เครื่องมือทางภูมิศาสตร์เครื่องมือทางภูมิศาสตร์
เครื่องมือทางภูมิศาสตร์
nasomyon13
 
Example of gis&rs applications
Example of gis&rs applicationsExample of gis&rs applications
Example of gis&rs applications
Prapaporn Boonplord
 
Spat Db 1 Intro Spat Rdbms
Spat Db 1 Intro Spat RdbmsSpat Db 1 Intro Spat Rdbms
Spat Db 1 Intro Spat Rdbmsphisan_chula
 
Syllabus 832373
Syllabus 832373Syllabus 832373
Syllabus 832373
wirotela
 
SMMS 53 Spectrum Library
SMMS 53 Spectrum LibrarySMMS 53 Spectrum Library
SMMS 53 Spectrum LibrarySunt Uttayarath
 
Clue s intro
Clue s introClue s intro
Clue s intro
Niti Iamchuen
 
ดาวเทียม(โปรดปราน กฤติมา)407
ดาวเทียม(โปรดปราน กฤติมา)407ดาวเทียม(โปรดปราน กฤติมา)407
ดาวเทียม(โปรดปราน กฤติมา)407Palm Siripakorn
 

Similar to 9789740329602 (20)

ใบความรู้ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์
ใบความรู้ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ใบความรู้ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์
ใบความรู้ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์
 
บทที่ 1 บทนำสู่การสำรวจรังวัด
บทที่ 1 บทนำสู่การสำรวจรังวัดบทที่ 1 บทนำสู่การสำรวจรังวัด
บทที่ 1 บทนำสู่การสำรวจรังวัด
 
หลักการเบื้องต้นการรับรู้จากระยะไกล บทที่ 1
หลักการเบื้องต้นการรับรู้จากระยะไกล บทที่ 1 หลักการเบื้องต้นการรับรู้จากระยะไกล บทที่ 1
หลักการเบื้องต้นการรับรู้จากระยะไกล บทที่ 1
 
เทคโนโลยีทางภูมิศาสตร์
เทคโนโลยีทางภูมิศาสตร์เทคโนโลยีทางภูมิศาสตร์
เทคโนโลยีทางภูมิศาสตร์
 
เทคโนโลยีสารสนเทศ Work3-39
เทคโนโลยีสารสนเทศ Work3-39เทคโนโลยีสารสนเทศ Work3-39
เทคโนโลยีสารสนเทศ Work3-39
 
เอกสารประกอบการเรียน ( ชุดที่ 5 )451 file
เอกสารประกอบการเรียน ( ชุดที่ 5 )451 fileเอกสารประกอบการเรียน ( ชุดที่ 5 )451 file
เอกสารประกอบการเรียน ( ชุดที่ 5 )451 file
 
Knownledge Gis
Knownledge GisKnownledge Gis
Knownledge Gis
 
01 หลักการของงานสำรวจ
01 หลักการของงานสำรวจ01 หลักการของงานสำรวจ
01 หลักการของงานสำรวจ
 
Gis
GisGis
Gis
 
เทคโนโลยีการสำรวจด้านธรณีวิทยา โยธาสาร23
เทคโนโลยีการสำรวจด้านธรณีวิทยา  โยธาสาร23เทคโนโลยีการสำรวจด้านธรณีวิทยา  โยธาสาร23
เทคโนโลยีการสำรวจด้านธรณีวิทยา โยธาสาร23
 
ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์
ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์
ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์
 
เครื่องมือทางภูมิศาสตร์2
เครื่องมือทางภูมิศาสตร์2เครื่องมือทางภูมิศาสตร์2
เครื่องมือทางภูมิศาสตร์2
 
เครื่องมือทางภูมิศาสตร์
เครื่องมือทางภูมิศาสตร์เครื่องมือทางภูมิศาสตร์
เครื่องมือทางภูมิศาสตร์
 
Example of gis&rs applications
Example of gis&rs applicationsExample of gis&rs applications
Example of gis&rs applications
 
Spat Db 1 Intro Spat Rdbms
Spat Db 1 Intro Spat RdbmsSpat Db 1 Intro Spat Rdbms
Spat Db 1 Intro Spat Rdbms
 
Syllabus 832373
Syllabus 832373Syllabus 832373
Syllabus 832373
 
SMMS 53 Spectrum Library
SMMS 53 Spectrum LibrarySMMS 53 Spectrum Library
SMMS 53 Spectrum Library
 
Clue s intro
Clue s introClue s intro
Clue s intro
 
01 coastal erosion 6 provinces
01 coastal erosion 6 provinces01 coastal erosion 6 provinces
01 coastal erosion 6 provinces
 
ดาวเทียม(โปรดปราน กฤติมา)407
ดาวเทียม(โปรดปราน กฤติมา)407ดาวเทียม(โปรดปราน กฤติมา)407
ดาวเทียม(โปรดปราน กฤติมา)407
 

More from CUPress

9789740337737
97897403377379789740337737
9789740337737
CUPress
 
9789740337560
97897403375609789740337560
9789740337560
CUPress
 
9789740337478
97897403374789789740337478
9789740337478
CUPress
 
9789740337270
97897403372709789740337270
9789740337270
CUPress
 
9789740337102
97897403371029789740337102
9789740337102
CUPress
 
9789740337096
97897403370969789740337096
9789740337096
CUPress
 
9789740337072
97897403370729789740337072
9789740337072
CUPress
 
9789740337027
97897403370279789740337027
9789740337027
CUPress
 
9789740336914
97897403369149789740336914
9789740336914
CUPress
 
9789740336907
97897403369079789740336907
9789740336907
CUPress
 
9789740336686
97897403366869789740336686
9789740336686
CUPress
 
9789740336457
97897403364579789740336457
9789740336457
CUPress
 
9789740336440
97897403364409789740336440
9789740336440
CUPress
 
9789740336389
97897403363899789740336389
9789740336389
CUPress
 
9789740336280
97897403362809789740336280
9789740336280
CUPress
 
9789740336365
97897403363659789740336365
9789740336365
CUPress
 
9789740336303
97897403363039789740336303
9789740336303
CUPress
 
9789740336242
97897403362429789740336242
9789740336242
CUPress
 
9789740336235
97897403362359789740336235
9789740336235
CUPress
 
9789740336099
97897403360999789740336099
9789740336099
CUPress
 

More from CUPress (20)

9789740337737
97897403377379789740337737
9789740337737
 
9789740337560
97897403375609789740337560
9789740337560
 
9789740337478
97897403374789789740337478
9789740337478
 
9789740337270
97897403372709789740337270
9789740337270
 
9789740337102
97897403371029789740337102
9789740337102
 
9789740337096
97897403370969789740337096
9789740337096
 
9789740337072
97897403370729789740337072
9789740337072
 
9789740337027
97897403370279789740337027
9789740337027
 
9789740336914
97897403369149789740336914
9789740336914
 
9789740336907
97897403369079789740336907
9789740336907
 
9789740336686
97897403366869789740336686
9789740336686
 
9789740336457
97897403364579789740336457
9789740336457
 
9789740336440
97897403364409789740336440
9789740336440
 
9789740336389
97897403363899789740336389
9789740336389
 
9789740336280
97897403362809789740336280
9789740336280
 
9789740336365
97897403363659789740336365
9789740336365
 
9789740336303
97897403363039789740336303
9789740336303
 
9789740336242
97897403362429789740336242
9789740336242
 
9789740336235
97897403362359789740336235
9789740336235
 
9789740336099
97897403360999789740336099
9789740336099
 

Recently uploaded

Recap JavaScript and TypeScript.pdf Recap JavaScript and TypeScript.pdf
Recap JavaScript and TypeScript.pdf Recap JavaScript and TypeScript.pdfRecap JavaScript and TypeScript.pdf Recap JavaScript and TypeScript.pdf
Recap JavaScript and TypeScript.pdf Recap JavaScript and TypeScript.pdf
NuttavutThongjor1
 
โครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิต...
โครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิต...โครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิต...
โครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิต...
SweetdelMelon
 
bio62สอวน.ชีววิทยา-ชีววิทยาปี62-ข้อสอบแข่งกัน
bio62สอวน.ชีววิทยา-ชีววิทยาปี62-ข้อสอบแข่งกันbio62สอวน.ชีววิทยา-ชีววิทยาปี62-ข้อสอบแข่งกัน
bio62สอวน.ชีววิทยา-ชีววิทยาปี62-ข้อสอบแข่งกัน
CholapruekSangkamane1
 
กำหนดการ “การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวแห่งชาติ ครั้งที่ 21”
กำหนดการ “การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวแห่งชาติ ครั้งที่ 21”กำหนดการ “การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวแห่งชาติ ครั้งที่ 21”
กำหนดการ “การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวแห่งชาติ ครั้งที่ 21”
Postharvest Technology Innovation Center
 
Fullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack N...
Fullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack N...Fullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack N...
Fullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack N...
NuttavutThongjor1
 
โรคทางพันธุกรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.ppt
โรคทางพันธุกรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.pptโรคทางพันธุกรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.ppt
โรคทางพันธุกรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.ppt
pakpoomounhalekjit
 

Recently uploaded (6)

Recap JavaScript and TypeScript.pdf Recap JavaScript and TypeScript.pdf
Recap JavaScript and TypeScript.pdf Recap JavaScript and TypeScript.pdfRecap JavaScript and TypeScript.pdf Recap JavaScript and TypeScript.pdf
Recap JavaScript and TypeScript.pdf Recap JavaScript and TypeScript.pdf
 
โครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิต...
โครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิต...โครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิต...
โครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิต...
 
bio62สอวน.ชีววิทยา-ชีววิทยาปี62-ข้อสอบแข่งกัน
bio62สอวน.ชีววิทยา-ชีววิทยาปี62-ข้อสอบแข่งกันbio62สอวน.ชีววิทยา-ชีววิทยาปี62-ข้อสอบแข่งกัน
bio62สอวน.ชีววิทยา-ชีววิทยาปี62-ข้อสอบแข่งกัน
 
กำหนดการ “การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวแห่งชาติ ครั้งที่ 21”
กำหนดการ “การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวแห่งชาติ ครั้งที่ 21”กำหนดการ “การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวแห่งชาติ ครั้งที่ 21”
กำหนดการ “การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวแห่งชาติ ครั้งที่ 21”
 
Fullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack N...
Fullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack N...Fullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack N...
Fullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack N...
 
โรคทางพันธุกรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.ppt
โรคทางพันธุกรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.pptโรคทางพันธุกรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.ppt
โรคทางพันธุกรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.ppt
 

9789740329602

  • 1. บทที่ 1 บทนําการสํ ารวจรังวัด (Introduction to Surveying) 1.1 นิยามการสํารวจ การสารวจ (surveying) คือ ศาสตร์ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคนิคในการหาตาแหน่ง หรือการ ํ ํ กาหนดตาแหน่งต่าง ๆ ที่อยู่เหนือ บน และใตผิวโลก ดวยวิธีการระบุตาแหน่งเชิ งสัมพทธ์ (relative ํ ํ ้ ้ ํ ั ้ positioning) หรื อตําแหน่งเชิงสัมบูรณ์ (absolute positioning) โดยเทคโนโลยีที่กาวหน้าด้านต่าง ๆ ของ การสํ า รวจในปั จ จุ บ ัน ท ํา ให้ ก ารสํ า รวจเป็ นศาสตร์ ที่ มี ล ัก ษณะพิ เ ศษ มี ค วามซับ ซ้ อ นและมี ก าร ประยกตใชในดานต่าง ๆ มากมาย ต้ งแต่การไดมาซ่ ึ งขอมูลเชิงตาแหน่ง (spatial data) รวมไปถึงการ ุ ์ ้ ้ ั ้ ้ ํ บริ หารจัดการขอ มูลประกอบต่าง ๆ ที่มีความสัมพนธ์เกี่ยวของกับขอมูลเชิงตาแหน่งน้ ัน ซึ่ งข้อมูล ้ ั ้ ้ ํ ประกอบเหล่าน้ ี เรียกว่า ขอมูลอรรถาธิบาย (attribute data) หรือขอมูลชนิดไม่มีตาแหน่ง (non-spatial ้ ้ ํ data) ดวยระบบภูมิสารสนเทศ (Geographic Information System, GIS) ดังนั้น จึงใช้ชื่อ “Geomatics” ้ หรื อ “Geospatial Engineering” แทนคํา “Surveying” ในปัจจุบน ั คํา Geomatics ยงมิไดมีการบญญติศพทที่เหมาะสมข้ ึนเป็นภาษาไทย จึงจะใชการทับศัพท์ ั ้ ั ั ั ์ ้ โดยตรงคือ “จีออเมติกส์” ซ่ ึ งมีความหมายถึง การวดสิ่งต่าง ๆ ของโลก (measurement of the earth) ั เป็ นคําที่มีความหมายกว้างขวางรวมเอาแขนงวิชาการทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับการวัดเพื่อจัดเก็บข้อมูล (data acquisitions) เช่น การสารวจดวยภาพถ่ายทางอากาศ (photogrammetry) การสารวจระยะไกล (remote ํ ้ ํ sensing) การรังวดดวยดาวเทียม (Global Navigation Satellite System, GNSS) การสารวจภาคพ้ืนดิน ั ้ ํ (ground surveys) การสํารวจชลศาสตร์ (hydrographic surveys) เป็ นต้น การสารวจรังวัด หมายถึง การวัดหาค่าตาแหน่งพิกดซ่ ึ งเป็นค่าพิกด 3 มิติ (x,y,h) หรืออยางนอย ํ ํ ั ั ่ ้ เป็นค่าพิกดทางราบแบบ 2 มิติ (x,y) ซึ่ งคํานวณได้จากขอมูลที่รังวดไดในสนาม ไดแก่ ทิศทาง ระยะ ั ้ ั ้ ้ ระหว่างจุดสองจุดและมุมระหว่างทิศทางแต่ละทิศ โดยการใช้เครื่องมือและวิธีการที่เหมาะสม ซึ่ ง ทฤษฎีพ้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการสํารวจรังวัดจะกล่าวในหนงสือเล่มน้ ี อยางไรก็ตาม ความกาวหนาทาง ื ั ่ ้ ้ เทคโนโลยีท้ ง เครื่ อ งมือ และวิธีก ารใหม่ ๆ เกิ ดข้ ึ น อยู่ต ลอดเวลา ผูศึก ษาต ้องติด ตามข่าวสารอย่า ง ั ้ ต่อเนื่องและสมํ่าเสมอ เพื่อให้สามารถเลือกใช้เครื่ องมือและวิธีการที่เหมาะสมกับความถูกต้องที่ตองการ้
  • 2. 2 การสารวจทางวิศวกรรม 1 ํ 1.2 ประวตการสํารวจ ั ิ เท่าที่ได้มีการบนทึกในประวติศาสตร์ พบว่ามีการนําหลกการสารวจมาใชต้ งแต่ 1,400 ปี ก่อน ั ั ั ํ ้ ั คริสต์ศกราชโดยชาวอียิปต์ในการแบ่งแปลงที่ดินเพื่อการจดเก็บภาษี และก่อนคริสต์ศกราช 120 ปี ั ั ั ชาวกรีกไดมีการคิดคนศาสตร์ทางดานตรีโกณมิติข้ ึน เพื่อใชในการแบ่งแปลงที่ดินใหมีความถูกตองที่ดี ้ ้ ้ ้ ้ ้ ข้ ึน มีการสร้างเครื่องมือสารวจข้ ึนมาชิ้นแรกเรียกว่า ไดออปทรา (dioptra, รู ปที่ 1.1 (ก)) รวมท้ งไดมี ํ ั ้ ํ ํ ั การกาหนดข้ นตอนในการสารวจ เพื่อใชเ้ ป็นแนวทางเดียวกนในสมยน้ น และไดมีการพฒนาการสารวจ ั ั ั ้ ั ํ ่ ้ ั ั ั ู้ ั ั อยางเห็นไดชดในสมยโรมน ผที่เป็นที่รู้จกกนดีในตนศตวรรษ คือ Frontinus ในยุคนี้ได้มีการผลิต ้ เครื่ องมือสํารวจสําหรับงานก่อสร้างที่เรี ยกว่า โกรมา (groma, รู ปที่ 1.1 (ข)) (ก) Dioptra (ภาพจาก http://www.catastro.gub.uy) (ข) Groma (ภาพจาก http://mitglied.lycos.de) รู ปที่ 1.1 เครื่องมือสารวจ dioptra และ groma ํ ค.ศ. 1800 เป็นยคที่มีการเปลี่ยนแปลงทางดานอุตสาหกรรม ความสาคญของการกาหนดเขต ุ ้ ํ ั ํ ที่ดิน การพฒนาปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค เช่น ทางรถไฟ คลองส่งน้ า ถนน ฯลฯ มีมากข้ ึน จึงทําให้ ั ํ การสารวจมีบทบาทเพิ่มข้ ึน และไดมีการพฒนาเครื่องมือสารวจที่ให้ความถูกตองดีข้ ึน ที่สาคญไดมีการ ํ ้ ั ํ ้ ํ ั ้ พฒนาศาสตร์ของการสารวจข้ ึนเป็นระบบแบ่งเป็นการสารวจบนพ้ืนระนาบ (plane surveying) และการ ั ํ ํ สารวจข้นสูง (geodetic surveying) เกิดขึ้นด้วย ํ ั
  • 3. บทนําการสํารวจ 3 ปัจจุบนการสารวจไดเ้ ขามาเกี่ยวของกบทุก ๆ สิ่งใกลตวมนุษยมากข้ ึน เนื่องมาจากขอมูลส่วน ั ํ ้ ้ ั ้ ั ์ ้ ใหญ่ที่ใชกนในชีวิตประจาวนน้ น หากพิจารณาแลวจะเห็นว่า จะมีความสัมพนธ์กบขอมูลที่ตองทราบ ้ ั ํ ั ั ้ ั ั ้ ้ ต า แหน่ ง ว่ า อยู่ที่ ใดด้ว ย ประกอบกับการพ ฒ นาทางด้า นเทคโนโลยีค อมพิ ว เตอร์ แ ละสารสนเทศ ํ ั ความสามารถทางดานการประมวลผลภาพกราฟิก ทาให้ผลที่ไดจากการสารวจไดถูกนาไปใชงานอยาง ้ ํ ้ ํ ้ ํ ้ ่ กวางขวาง จากเดิมที่ใชในงานวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมเพื่อการออกแบบและก่อสร้างแลว ยงถูก ้ ้ ้ ั นําไปใช้ในการบริ หารจัดการทั้งในภาพรวมทุกระดับเป็ นระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ดวย ้ 1.3 ประเภทการสํ ารวจ 1.3.1 ลักษณะงานสํ ารวจ โดยทวไปงานสารวจจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามความละเอียดถูกตองของการวด ั่ ํ ้ ั และการคํานวณ คือ 1.3.1.1 งานสํ ารวจขั้นสู ง (Geodetic Surveys) เป็นงานสํารวจที่มีความละเอียดถูกตองสูง และคานึงถึงรูปร่างสัณฐานของ ้ ํ โลกหรือความโคงของผิวโลก (earth curvature) เขามาเกี่ยวของดวย จะใชกบพ้ืนที่ขนาดใหญ่ ดงน้ น ้ ้ ้ ้ ้ ั ั ั การคานวณต่าง ๆ จึงอยบนผิวโคง ซ่ ึ งจะใชผิวทรงรี (ellipsoid) ที่เหมาะสมแทนสัณฐานของโลกในแต่ ํ ู่ ้ ้ ละพื้นที่ 1.3.1.2 งานสํ ารวจบนพืนระนาบ (Plane Surveys) ้ เป็ นงานสํ า รวจที่ ใ ช้ส มมติ ฐ านว่ า พ้ื น ที่ ที่ ท ํา การสํ า รวจเป็ นพ้ื น ระนาบ ดังนั้น การคานวณจึงสามารถใช้สูตรทางเรขาคณิตบนพ้ืนระนาบในการคานวณได้ ทาให้ง่ายต่อการ ํ ํ ํ ั ทํางานโดยจะใช้กบพื้นที่ขนาดเล็กซึ่งความโค้งของผิวโลกไม่มีผลกระทบ 1.3.2 ชนิดงานสํารวจ งานสํารวจยังสามารถแบ่งชนิดของงานได้ตามเฉพาะเรื่ อง ๆ ได้ ดังนี้ 1.3.2.1 งานสํ ารวจรังวัดควบคุม (Control Surveys) คือ งานสํารวจเพื่อการจดสร้างโครงข่ายหมุดหลกฐานทางราบ (horizontal ั ั ั ั ่ control points) และหมุดหลกฐานทางดิ่ง (vertical control points) หรือเป็นท้ งสองอยาง (full control points) ใชเป็นหมุดอางอิงสาหรับงานสารวจอื่น ๆ ้ ้ ํ ํ
  • 4. 4 การสารวจทางวิศวกรรม 1 ํ 1.3.2.2 งานสํ ารวจภูมิประเทศ (Topographic Surveys) คือ งานสํารวจเพื่อหาตาแหน่งของสิ่งต่าง ๆ บนผิวโลก ไม่ว่าจะเป็นส่ิ งที่ ํ ปรากฏในธรรมชาติหรือสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ รวมท้ งค่าระดบความสูงของพ้ืนที่ และนามาเขียนเป็นแผน ั ั ํ ที่ภูมิประเทศ (topographic map) 1.3.2.3 งานสํ ารวจแปลงทีดน (Cadastral Surveys) ่ ิ คือ งานสํารวจเพื่อกาหนดแนวเขต หรือขอบเขตที่ดิน เพื่อจดทากรรมสิทธ์ ิ ํ ั ํ ที่ดินตามกฎหมาย 1.3.2.4 งานสํ ารวจทางวิศวกรรม (Engineering Surveys) คือ งานสํารวจที่เกี่ยวของกบงานทางดานวิศวกรรมโครงการต่าง ๆ ได้แก่ ้ ั ้ การวางผ ง การให้ แ นว การวางต า แหน่ ง สิ่ ง ปลู ก สร้ า งตามการออกแบบ รวมท้ ัง การสํา รวจเก็ บ ั ํ รายละเอียดสภาพความเป็นจริงหลงจากการดาเนินงานก่อสร้างเสร็จแลว เพื่อจดทาแบบข้ นสุดทายที่ ั ํ ้ ั ํ ั ้ เรี ยกว่า “แบบก่อสร้าง” (as-built drawings) 1.3.2.5 การสํ ารวจชลศาสตร์ (Hydrographic Surveys) คือ งานสํา รวจขอบเขตชายฝั่ ง ทะเล ความลึ ก ท้อ งน้ ํา ต่ า ง ๆ ไม่ ว่า จะเป็ น แม่น้ า ลําคลอง ทะเลสาบ อ่างเก็บนํ้า ทะเลและมหาสมุทร เพื่อจัดทําแผนที่ร่องนํ้าใช้ในการเดินเรื อ ํ 1.3.2.6 การสํ ารวจเส้ นทาง (Route Surveys) คือ งานสํารวจเพื่อการออกแบบก่อสร้างประเภทเส้นทางต่าง ๆ เช่น ถนน คลองส่ งนํ้า อุโมงค์ การวางท่อ เป็ นต้น 1.3.2.7 การสํ ารวจเหมืองแร่ (Mine Surveys) คื อ งานสํารวจสําหรั บการทาเหมือง ไม่ว่าจะเป็นเหมืองเปิดบนดิน หรื อ ํ เหมืองใตดิน้ 1.3.2.8 การสํ ารวจงานอุตสาหกรรม (Industrial Surveys) คือ งานสํารวจที่ตองการความละเอียดถูกตองสูงมากในการติดต้ งเครื่องมือ ้ ้ ั อุปกรณ์ต่าง ๆ หรื อเครื่ องจักรทางด้านอุตสาหกรรมเพื่อการผลิต 1.4 ชั้นความถูกต้ องงานสํารวจ คุณภาพของการรังวัดในงานสํารวจ เพื่อใหไดผลลพธ์ที่สามารถนาไปใชงานตามที่ตองการเป็น ้ ้ ั ํ ้ ้ สิ่งสาคญอยางยง เมื่อกล่าวถึงคุณภาพงานรังวดโดยทวไปจะกล่าวถึง ความถูกตองเชิงตาแหน่ง (spatial ํ ั ่ ิ่ ั ั่ ้ ํ
  • 5. บทนําการสํารวจ 5 accuracy) โดยไดมีการแบ่งระดบความถูกตองไว ้ 3 ระดบช้ นงาน ซ่ ึ งจะระบุถึงเครื่องมือ กรรมวิธี การ ้ ั ้ ั ั ตรวจสอบผลการรัง วดที่ต ้องปฏิบติต ามช้ ันงานที่ใช้สําหรั บแต่ ละประเภทงาน และผลสุ ดทา ยตอ ง ั ั ้ ้ ตรวจสอบผลการรังวดที่ไดปฏิบติตามขอกาหนดแลวน้ น ว่าอยในเกณฑกาหนดของช้ นงานน้ นหรือไม่ ั ้ ั ้ ํ ้ ั ู่ ์ ํ ั ั ท้ งน้ ี ไดมีการกาหนดรายละเอียดช้ นงานตามมาตรฐานของหน่วยงาน Federal Geodetic Control ั ้ ํ ั Committee (FGCC) ได้แก่ 1.4.1 ระดับช้ันงานหนึ่ง (First Order) เป็นมาตรฐานสูงสุดที่ใชในการควบคุมคุณภาพของงานรังวดในระดบโครงข่ายหมุด ้ ั ั ควบคุมท้ งทางราบและทางดิ่ง (horizontal and vertical control network) ของประเทศ จงหวด หรือเมือง ั ั ั รวมทั้งงานวิจยด้านต่าง ๆ ั 1.4.2 ระดับช้ันงานสอง (Second Order) เป็นมาตรฐานรองลงมาจากช้ นงานที่หน่ ึงใชในการขยายหรือเพิ่มจานวนหมุดควบคุม ั ้ ํ ทางราบและทางดิ่งจากหมุดชั้นงานที่หนึ่ง เพื่อใช้เป็ นหมุดควบคุมสําหรับพื้นที่ที่เล็กกว่าเมือง 1.4.3 ระดับช้ันงานสาม (Third Order) เป็นมาตรฐานที่ต่าที่สุดซ่ ึ งใชสําหรับงานโครงการพ้ืนที่เล็ก ๆ หรืองานก่อสร้างทาง ํ ้ สถาปัตยกรรมและวิศวกรรม 1.5 สั ณฐานโลก (Earth Shape) สั ณ ฐานของโลกมี ค วามสํา ค ญ กับ งานสํา รวจที่ ต ้อ งท า ความเข ้า ใจ จึ ง จะสามารถค า นวณ ั ํ ํ ตาแหน่งที่อยู่บนผิวโลกไดอย่างถูกตอง เป็นที่ทราบกนว่า โลกมีสัณฐานค่อนขางเป็นรูปทรงกลมซ่ ึ ง ํ ้ ้ ั ้ แบนหรือยุบตวบริเวณข้ วโลก และผิวโลกมีลกษณะรูปร่างไม่แน่นอน สูง ๆ ต่า ไม่ราบเรียบ ความลาด ั ั ั ํ ชนไม่สม่าเสมอ ดงน้ น การที่จะระบุว่าโลกมีรูปร่างสัณฐานเป็นอย่างไรน้ ันกระทาไดยาก สําหรับ ั ํ ั ั ํ ้ ศาสตร์ทางด้านการสํารวจได้นิยามสัณฐานของโลกไว้ 3 ลักษณะ (รู ปที่ 1.2) คือ 1.5.1 สัณฐานโลกทางกายภาพ (Terrestrial Surface) หมายถึง เส้นขอบเขตระหว่างผิวดินหรือผิวน้ ากบอากาศรอบผิวโลก เป็นลกษณะที่ ํ ั ั ปรากฏจริ งของผิวโลก ไม่สามารถนิย ามรูปร่ างได้ด้ว ยรูปทรงทางเรขาคณิต หรื อ แบบจ าลองทาง ํ คณิ ตศาสตร์
  • 6. 6 การสารวจทางวิศวกรรม 1 ํ 1.5.2 สั ณฐานโลกจีออยด์ (Geoid) คือ สัณฐานของโลกที่เกิดจากการจินตนาการพ้ืนผิวของน้ าทะเลมหาสมุทรแผ่ขยาย ํ ต่อเนื่องเขาไปในแผนดินเป็นพ้ืนผิวเดียวกนทวโลก โดยที่ทุก ๆ จุดบนพ้ืนผิวน้ นมีค่าศกยภาพแรงโนม ้ ่ ั ั่ ั ั ้ ถ่วงเท่ากน โดยจะใชเ้ ป็นผิวของน้ าทะเลที่กาหนดค่าระดบเฉลี่ยเท่ากบ 0 เมตร ซึ่ งผิวดังกล่าวยงคงมี ั ํ ํ ั ั ั ลักษณะไม่ราบเรี ยบ แบบจําลองที่ได้จึงไม่สะดวกและยากที่จะใช้ในการคํานวณ 1.5.3 สั ณฐานโลกรูปทรงรี (Ellipsoid) คือ การใช้รู ปทรงรี ซ่ ึ งมีรูป ทรงใกล้เคียงกับจีออยด์ม ากที่สุดเป็นสัณฐานของโลก รูปทรงรีน้ ี เกิดจากการหมุนของวงรีรอบแกนส้ ัน ทาให้สามารถใชแบบจาลองทางคณิตศาสตร์ในการ ํ ้ ํ คํานวณปริ มาณต่าง ๆ ได้ เรี ยกว่า “พื้นหลักฐาน” (datum) มีการใชกนแพร่หลายและมีหลายพ้ืนหลกฐาน ้ ั ั สามารถแบ่งได้ 2 ประเภท คือ รู ปที่ 1.2 สัณฐานของโลก 1.5.3.1 รู ปทรงรีภูมิสัณฐาน (Terrestrial Ellipsoid) คือ รูปทรงรีพ้ืนหลกฐานที่ใชอางอิงแทนลูกโลก ซ่ ึ งจะมีจุดศูนยกาเนิดอย่ที่ ั ้ ้ ์ ํ ู ั จุดใจกลางโลก และแกนหมุนสมมาตรขนานกบแกนหมุนเฉลี่ยของโลก ดงน้ น ทุก ๆ จุดบนผิวโลกจะ ั ั ่ อยูในระบบอ้างอิงเดียวกัน
  • 7. บทนําการสํารวจ 7 รู ปทรงรีภูมิภาค (Best-fitting Ellipsoid) 1.5.3.2 คื อ รู ป ทรงรี พ้ื น หล ัก ฐานที่ ใ ช้เ ฉพาะบริ เ วณหน่ ึ งในระดับ ภู มิ ภ าคหรื อ ระดบประเทศ โดยเป็นรูปทรงรีที่มีพ้ืนผิวใกลเ้ คียงกบพ้ืนผิวจีออยดในบริเวณน้ น ดงน้ น ตาแหน่งของ ั ั ์ ั ั ั ํ ั จุดจะมีความสัมพันธ์กนเฉพาะพื้นที่ที่ใช้พ้ืนหลักฐานเดียวกันเท่านั้น การเชื่อมโยงไปยังพื้นหลักฐานอื่น ทําได้ดวยวิธีการแปลงพื้นหลักฐาน ้ 1.6 การวดในงานสํารวจ (Measurements in Surveying) ั C (Vertical Distance) A ระยะดิ่ง ียง ) ยะเอistance ระ e D ิ่ง (Slo p มุมด l Angle) บน le) tica ุมดtิ่งh Ang ม ni (Ver B (Ze ระยะราบ nce) Dista (Horizontal O มุมราบ (Horizontal Angle) รู ปที่ 1.3 การวัดในงานสํารวจ รู ปที่ 1.3 เมื่อจุด O เป็นตาแหน่งอางอิง และจุด C เป็นตาแหน่งที่สนใจ การวดในงานสารวจ ํ ้ ํ ั ํ ภาคสนาม ปริ มาณที่วดได้ประกอบด้วยปริ มาณต่าง ๆ ดังนี้ คือ ั 1) ระยะเอียง (slope distance, OC) 2) ระยะราบ (horizontal distance, OB) 3) ระยะดิ่ง (vertical distance, CB) 4) มุมราบ (horizontal angle) 5) มุมดิ่ง (vertical angle) 6) มุมดิ่งบน (zenith angle) จากรู ปจะเห็นว่า ปริมาณดงกล่าวแต่ละปริมาณจะมีลกษณะเป็นองคประกอบซ่ ึ งกนและกน คือ ั ั ์ ั ั สามารถคํานวณได้จากปริ มาณอื่นโดยอาศัยความสัมพันธ์ทางตรี โกณมิติ
  • 8. 8 การสารวจทางวิศวกรรม 1 ํ 1.7 หน่ วยการวัด (Units of Measurement) ขนาดของปริมาณต่าง ๆ ที่วดไดดงกล่าวในหวขอที่ 5 จะมีหน่วยกากบการทางานทุกคร้ ัง การ ั ้ ั ั ้ ํ ั ํ ทางานในปัจจุบนเป็นยุคของการทางานร่วมกน (collaborative working) ทาให้ตองมีการแลกเปลี่ยน ํ ั ํ ั ํ ้ ขอมูลซ่ ึ งกนและกน จึงจาเป็นที่ตองทราบถึงระบบการวดต่าง ๆ ที่ใชกนทวโลก รวมท้ งความสัมพนธ์ ้ ั ั ํ ้ ั ้ ั ั่ ั ั ั ระหว่างระบบการวัด เพื่อการแปลงหน่วยเหล่านี้ไปมา ระบบหน่วยการวัดที่ใช้กนโดยทัวไป ได้แก่ ่ 1.7.1 หน่วยความยาว (Length) 1.7.1.1 ระบบเมตริก (Metric System) 10 มิลลิเมตร (millimeters) = 1 เซนติเมตร (centimeter) 10 เซนติเมตร (centimeters) = 1 เดซิ เมตร (decimeter) 10 เดซิ เมตร (decimeters) = 1 เมตร (meter) 10 เมตร (meters) = 1 เดคาเมตร (decameter) 10 เดคาเมตร (decameters) = 1 เฮกโตเมตร (hectometer) 10 เฮกโตเมตร (hectometers) = 1 กิโลเมตร (kilometer) 1,000 เมตร (meters) = 1 กิโลเมตร (kilometer) 1.7.1.2 ระบบอังกฤษ (Imperial System) 12 นิ้ว (inches) = 1 ฟุต (foot) 3 ฟุต (feet) = 1 หลา (yard) 22 หลา (yards) = 1 เชน (chain) 10 เชน (chains) = 1 เฟอลอง (furlong) 8 เฟอลอง (furlongs) = 1 ไมล์ (mile) 5,280 ฟุต (feet) = 1 ไมล์ (mile) 1,760 หลา (yards) = 1 ไมล์ (mile) 1.7.1.3 ระบบไทย (Thai System) 2 คืบ = 1 ศอก 4 ศอก = 1 วา 20 วา = 1 เส้น 400 เส้น = 1 โยชน์
  • 9. บทนําการสํารวจ 9 1.7.1.4 การเทียบหน่ วย 1 นิ้ว (inch) = 2.54 เซนติเมตร (centimeters) 1 ฟุต (foot) = 30.48 เซนติเมตร (centimeters) 1 ไมล์ (mile) = 1.609344 กิโลเมตร (kilometers) 1 วา = 2 เมตร (meters) 1 เมตร (meter) = 2 ศอก 1 กิโลเมตร (kilometer) = 25 เส้น 1.7.2 หน่ วยมุม (Angle) 1.7.2.1 ระบบองศา (Degree System) ระบบองศา คือ การแบ่ ง ช่ อ งรอบวงกลมที่ มี จุ ด ศูน ย ์ก ลางวงกลมเป็ นจุ ด รองรับขนาดมุม โดยแบ่งออกเป็ น 360 ช่อง เรียกช่องละ 1 องศา (degree) และ 1 องศา แบ่งขีดย่อยอีก 60 ช่อง เรียกช่องละ 1 ลิปดา (minute) และแบ่งขีดย่อยอีก 60 ช่อง เรียกช่องละ 1 พิลิปดา (second) การ แสดงหน่วยระบบองศาสามารถแสดงได้ 2 วิธี คือ 1) ระบบเลขฐานสิบ (decimal system) เป็นการแสดงในรูปทศนิยมหน่วย องศาอย่างเดียว เช่น 28.23454325 องศา เป็ นต้น 2) ระบบเลขฐานหกสิบ (sexagesimal system) เป็ นการแสดงในรูปของ องศา ลิปดา และ พิลิปดา โดยที่หน่วยพิลิปดาจะเขียนเป็นเลขฐานสิบ เช่น 28 14 ' 04.36" จะเขียนในรูป o เลขฐานหกสิ บลักษณะของทศนิยม ได้เป็ น 28.140436 ซึ่งมักจะใช้ในการแสดงผลในระบบโปรแกรม 1.7.2.2 ระบบเกรด (Centesimal System) ระบบเกรด คือ การแบ่งช่องรอบวงกลมท้ งหมด 400 ช่อง เรียกช่องละ 1 ั เกรด หรื อ กอน (gon) และแบ่งเป็นช่องยอยอีก 100 ช่อง เรี ยกว่า “Centesimal Minute” แต่ละช่องยงแบ่ง ่ ั อีก 100 ช่อง เรี ยกว่า “Centesimal Second” 1.7.2.3 ระบบเรเดยน (Radian System) ี ระบบเรเดียน คือ ระบบที่มุมรอบวงกลมที่มีค่าเท่ากับ 2π เรเดียน โดยที่ π = 3.1415926535897932 1.7.2.4 ระบบทางทหาร (Military System) ระบบทางทหาร คือ ระบบที่มุมรอบวงกลมมีค่าเท่ากับ 6,400 มิล (mils)
  • 10. 10 การสารวจทางวิศวกรรม 1 ํ 1.7.2.5 การเทียบหน่ วย 1 องศา (degree) = 1.11111 กอน (gons) 1 1 พิลิปดา (second) = เรเดียน (radians) 206265 1.7.3 หน่ วยพืนที่ (Area) ้ 1.7.3.1ระบบเมตริก (Metric System) 100 ตารางมิลลิเมตร (sq. mm) = 1 ตารางเซนติเมตร (sq. cm) 10,000 ตารางเซนติเมตร (sq. cm) = 1 ตารางเมตร (sq. meter) 100 ตารางเมตร (sq. meters) = 1 เอเคอร์ (are) 100 เอเคอร์ (Ares) = 1 เฮกตาร์ (hectare) 10,000 (sq. meters) = 1 เฮกตาร์ (hectare) 100 เฮกตาร์ (hectares) = 1 ตารางกิโลเมตร (sq. kilometer) 1,000,000 ตารางเมตร (sq. meters) = 1 ตารางกิโลเมตร (sq. kilometer) 1.7.3.2 ระบบอังกฤษ (Imperial System) 144 ตารางนิ้ว (sq. inches) = 1 ตารางฟุต (square foot) 9 ตารางฟุต (sq. feet) = 1 ตารางหลา (square yard) 4,840 ตารางหลา (sq. yards) = 1 เอเคอร์ (acre) 640 เอเคอร์ (acres) = 1 ตารางไมล์ (square mile) 1.7.3.3 ระบบไทย (Thai System) 100 ตารางวา = 1 งาน 4 งาน = 1 ไร่ 1.7.3.4 การเทียบหน่ วย 1 ตารางวา = 4 ตารางเมตร 1 ไร่ = 1,600 ตารางเมตร 625 ไร่ = 1 ตารางกิโลเมตร 1 ตารางเมตร = 10.76 ตารางฟุต 1 ตารางกิโลเมตร = 0.3861 ตารางไมล์ 1 ตารางกิโลเมตร = 247.1 เอเคอร์ 1 ตารางไมล์ = 640 ตารางเมตร