SlideShare a Scribd company logo
1 of 10
Download to read offline
ATTORNEY AT LAW LICENSE
1ธีระศักดิ์ สุโชตินันท - คําฟองคดีแพง
คําฟองคดีแพง
สวนที่
1
คดีทางแพง คือคดีขอพิพาทที่มีขอขัดแยง หรือขอโตแยง หรือกลาวหากันเกี่ยวกับสิทธิ หรือหนาที่ของ
บุคคลตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวของ โดยเปนการกระทําของบุคคลใดบุคคล
หนึ่งหรือนิติบุคคลตามกฎหมายที่ทําใหเกิดความเดือดรอน รําคาญ กอความเสียหาย หรือละเมิดตอสิทธิที่มีอยู
ตามกฎหมายของบุคคลอื่น และไมสามารถตกลงกันได เปนคดีที่มีขอขัดแยง ซึ่งผูไดรับความเสียหายฟอง
บุคคลอื่นที่เปนเหตุแหงขอขัดแยงเปนจําเลยซึ่งศาลจะนัดชี้สองสถานกําหนดประเด็นขอพิพาท สืบพยาน และ
มีคําพิพากษา เรียกวา “คดีมีขอพิพาท” อยางหนึ่ง เชน ละเมิดตอสิทธิในทรัพยสิน สิทธิในชีวิต รางกาย สิทธิ
ในสิทธิในครอบครัว สิทธิในเกียรติยศ ชื่อเสียง กับคดีที่บุคคลจําเปนตองใชสิทธิทางศาล รองขอตอศาล
เพื่อใหรับรองคุมครองสิทธิของตน โดยเปนกรณีที่กฎหมายกําหนดไว ใหการกระทําบางอยาง หรือการใชสิทธิ
บางอยางจําตองไดรับอนุญาต หรือไดรับการรับรองจากศาลกอน เปนคดีที่ผูรองไมตองฟองใครเปนจําเลย
แตจําเปนตองเสนอเรื่องราวของตนตอศาล เพื่อขอใหศาลมีคําสั่งใหกระทําการอยางใดอยางหนึ่ง หรืองดเวน
กระทําการอยางใดอยางหนึ่ง หากมีคําสั่งศาลแลวไมอาจจะกระทําได ซึ่งกฎหมายกําหนดใหเสนอเรื่องราว
หรือยื่นฟองโดยทําเปนคํารอง ผูนั้นเพียงแตยื่นคํารองตอศาลแสดงเหตุผลแหงความจําเปน และความตองการ
โดยศาลจะนัดไตสวนคํารองของผูรองและมีคําสั่ง เรียกวา “คดีไมมีขอพิพาท” หรือ “คดีฝายเดียว” อีกอยางหนึ่ง
เชน การขอเปนผูจัดการมรดกของผูตาย การขอใหศาลสั่งใหเปนคนไรความสามารถ การขอใหศาลแสดงกรรมสิทธิ์
ที่ดินโดยการครอบครองปรปกษ และหากการเสนอคํารองนั้นไปกระทบสิทธิหรือโตแยงสิทธิของบุคคลอื่นบุคคล
ที่ถูกกระทบ หรือถูกโตแยงสิทธินั้นอาจโตแยง คัดคานคํารองเขามาเปนคูความในคดี มีผลทําใหคดีไมมีขอพิพาทนี้
กลายเปนคดีที่มีขอพิพาททันที
หลักการทําคําฟองคดีแพงไดกลาวไวในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง ดังนี้
มาตรา 1 (3) “คําฟอง” หมายความวา “กระบวนพิจารณาใด ๆ ที่โจทกไดเสนอขอหาตอศาลไมวาจะ
ไดเสนอดวยวาจาหรือทําเปนหนังสือ ไมวาจะไดเสนอตอศาลชั้นตน หรือชั้นอุทธรณหรือฎีกา ไมวาจะไดเสนอ
ในขณะที่เริ่มคดีโดยคําฟองหรือคํารองขอหรือเสนอในภายหลังโดยคําฟองเพิ่มเติมหรือแกไข หรือฟองแยง หรือโดย
สอดเขามาในคดีไมวาดวยสมัครใจ หรือถูกบังคับ หรือโดยมีคําขอใหพิจารณาใหม”
หลักการเขียน
001Pang.indd 1 8/6/2560 19:44:19
ATTORNEY AT LAW LICENSE
2 เตรียมสอบใบอนุญาตใหเปนทนายความ
กรณีที่ถือวาเปนคําฟอง คือ ฟองเมื่อเริ่มคดี คํารองขอแกไขเพิ่มเติมฟอง ฟองแยง คํารองสอด อุทธรณ
ฎีกาและคํารองขอใหพิจารณาคดีใหม
การที่จะถือเปนคําฟองตองเปนกระบวนพิจารณาที่โจทกไดเสนอขอหาตอศาลหากมิใชการเสนอขอหา
ตอศาลก็ไมถือเปนคําฟอง เชน คํารองของคูความที่ขอใหเรียกบุคคลภายนอกเขามาเปนคูความรวมไมมีลักษณะ
เปนคําฟอง
มาตรา 55 “เมื่อมีขอโตแยงเกิดขึ้น เกี่ยวกับสิทธิหรือหนาที่ของบุคคลใดตามกฎหมายแพง หรือบุคคล
ใดจะตองใชสิทธิทางศาล บุคคลนั้นชอบที่จะเสนอคดีของตนตอศาลสวนแพงที่มีเขตอํานาจได ตามบทบัญญัติ
แหงกฎหมายแพงและประมวลกฎหมายนี้” มาตรานี้เปนบทบัญญัติเรื่อง “อํานาจฟอง” มีหลักเกณฑดังนี้
1. ผูที่จะเปนคูความจะตองเปนบุคคลซึ่งหมายถึงบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลถาไมเปนบุคคลก็ไม
สามารถเปนคูความ (หมายถึง ผูยื่นคําฟองหรือผูถูกฟองตอศาล) ได นิติบุคคลแยกออกไดเปน 2 ประเภท คือ
นิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ไดแก สมาคม มูลนิธิ หางหุนสวนสามัญจดทะเบียนหางหุน
สวนจํากัด และบริษัทจํากัด นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายอื่น ไดแก สวนราชการ คือ กระทรวง ทบวง กรม
ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผนดิน และพระราชบัญญัติจัดตั้งหนวยงานของรัฐตาง ๆ การ
เปนนิติบุคคลประเภทนี้จะตองมีกฎหมายรองรับใหมีสถานะเปนนิติบุคคล หากไมมีสถานะเปนนิติบุคคลก็ไม
สามารถเปนคูความได กองทัพบก กองทัพเรือ หรือกองทัพอากาศ เปนนิติบุคคลโดยมีฐานะเปนกรม แตหนวย
งานที่สังกัดกองทัพบก กองทัพเรือ หรือกองทัพอากาศดังกลาว แมจะเรียกวากรม เชน กรมพระธรรมนูญ ก็ไมได
มีฐานะเปนกรมตามกฎหมายจึงไมเปนนิติบุคคล เชนเดียวกันกับศาลตาง ๆ เชน ศาลฎีกา ศาลอุทธรณ ศาลแพง
ก็ไมมีสถานะเปนนิติบุคคล หากมีขอพิพาทเกิดขึ้นตองใหสํานักงานเลขาธิการศาลยุติธรรมซึ่งเปนนิติบุคคล
เปนผูดําเนินการ สวนคณะบุคคลตาง ๆ เชน คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นตามกฎหมาย ไมมีสถานะเปนนิติบุคคล
จึงไมสามารถเปนคูความในคดีได ถาจะเปนคูความตองดําเนินการในนามของบุคคล หรือในฐานะบุคคลที่เปน
กรรมการนั้น นอกจากนี้หากคณะกรรมการตาง ๆ นั้น กระทําในนามของหนวยงานใดก็สามารถฟองหนวยงาน
นั้นได หากหนวยงานนั้นเปนนิติบุคคล โดยไมจําเปนตองฟองผูที่เปนกรรมการ
คําพิพากษาฎีกาที่ 3625/2546 โจทกเปนหางหุนสวนสามัญมิไดจดทะเบียนเปนนิติบุคคล และไมมี
กฎหมายใดกําหนดใหโจทกเปนนิติบุคคล โจทกจึงไมใชบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล และไมอาจเขามาเปน
คูความในคดีได โจทกจึงไมมีอํานาจฟอง ปญหาเรื่องอํานาจฟองเปนเรื่องอันเกี่ยวดวยความสงบเรียบรอยของ
ประชาชนแมจําเลยจะมิไดฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได
2. วิธีการเสนอคดีตอศาล คือตองมีการโตแยงสิทธิหรือหนาที่ หรือตองใชสิทธิทางศาล แยกพิจารณา
ไดดังนี้
2.1กรณีมีการโตแยงสิทธิหรือโตแยงหนาที่เปนคดีที่ตองทําเปนคําฟองเปนคดีที่มีขอพิพาทการที่จะ
พิจารณาวามีการโตแยงสิทธิหรือไม ตองดูวาใครมีสิทธิหรือมีหนาที่อยูกอนหรือไม ตามกฎหมายในสวนสารบัญญัติ
เพราะถาไมมีสิทธิหรือหนาที่ตามกฎหมายในสวนสารบัญญัติขอโตแยงก็เกิดขึ้นไมได การฟองคดีตามกฎหมาย
วิธีพิจารณานั้นเปนกระบวนการที่จะทําใหสิทธิหนาที่ที่มีอยูตามกฎหมายในสวนนั้น
001Pang.indd 2 8/6/2560 19:44:20
ATTORNEY AT LAW LICENSE
3ธีระศักดิ์ สุโชตินันท - คําฟองคดีแพง
ในกรณีที่มีสิทธิ ตองดูวาเปนสิทธิของใคร และสิทธิตามที่กฎมายบัญญัตินั้นบางอยางเปนสิทธิใชยัน
บุคคลไดทั่วไป สิทธิบางอยางใชยันไดเฉพาะบางคนเทานั้น สิทธิของบุคคลที่สามารถจะใชยันบุคคลทั่วไป เชน
สิทธิเกี่ยวกับเสรีภาพ สิทธิในทรัพยสิน สวนสิทธิบางประเภทที่เกิดขึ้นโดยอาศัยบทบัญญัติของกฎหมายใน
ลักษณะของนิติกรรม ไมกวางขวางไปใชยันกับบุคคลอื่นได จะใชยันไดแตเฉพาะคูกรณีในนิติกรรมนั้น ๆ เทานั้น
สิทธิและหนาที่ที่มีอยูนั้นอาจเปนของบุคคลคนเดียวหรือหลายคน เชน เจาของรวม เจาหนี้รวม ลูกหนี้
รวม หรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดอาจมีฐานะหลายฐานะนอกจากฐานะของตัวเองแลว อาจมีฐานะอื่นอยูดวย เชน
ฐานะของผูแทนโดยชอบธรรม หรือฐานะของผูแทนนิติบุคคล จึงตองพิจารณากอนวา สิทธิและหนาที่ของบุคคล
นั้นมีสิทธิและหนาที่ในฐานะใด หากนําสิทธิในฐานะหนึ่งมาใชในอีกฐานะหนึ่ง ตองถือวาฐานะนั้นไมมีสิทธิ เชน
นายชาติเปนผูจัดการของบริษัท นายชาติจึงมีสองฐานะ ฐานะสวนตัวกับฐานะของผูจัดการบริษัท ถามีขอโตแยง
สิทธิของบริษัท นายชาติตองใชสิทธิในฐานะผูจัดการซึ่งเปนผูแทนของบริษัท หากใชสิทธิในฐานะสวนตัว ตองถือ
วานายชาติไมมีอํานาจ เมื่อพิจารณาดูตามสิทธิถูกตองตามฐานะแลว ตองพิจารณาตอไปวามีการกระทําหรืองด
เวนการกระทําอยางหนึ่งอยางใดที่ทําใหสิทธิหนาที่ของบุคคลนั้นถูกกระทบกระเทือนอันจะทําใหเกิดความเสีย
หายในทางหนึ่งทางใดหรือไม และใครเปนผูกระทําหรืองดเวนการกระทํานั้น หลักการสําคัญที่จะตองพิจารณา
อยูที่วาเมื่อมีการกระทําหรืองดเวนการกระทําใดๆที่บุคคลนั้นไมสามารถที่จะขจัดปดเปาดวยลําพังตนเองไดแลว
จึงจะเรียกวาเปนการกระทําที่เปนการโตแยงสิทธิหรือหนาที่ การกระทําบางอยางไมใชถือวาเปนการถูกโตแยงสิทธิ
หรือหนาที่ทุกอยางไป ตองมีขนาดของการกระทําวาจะกอใหเกิดความเสียหายแกผูทรงสิทธินั้นหรือไม หากวา
การกระทําที่เจาของสิทธิสามารถปดเปาเองไดโดยไมตองอาศัยใคร ในทางกฎหมายไมถือวาเปนการโตแยงสิทธิ
หรือหนาที่ถึงขนาดที่จะตองมาใชสิทธิทางศาล กรณีที่มีการฟองคดีเพราะเหตุมีการโตแยงสิทธิหรือหนาที่นี้เมื่อ
ศาลพิจารณาคดีเสร็จ หากเปนกรณีที่ศาลจะวินิจฉัยในเนื้อหาของคดีแลว ศาลจะทําเปนคําพิพากษา ฉะนั้นคดี
ประเภทนี้จึงเริ่มตนดวยคําฟอง และสวนใหญจบลงดวยคําพิพากษา
คําพิพากษาฎีกาที่ 2204/2542 แมขณะเกิดเหตุโจทกไมใชเจาของรถยนตโดยสารคันพิพาท แตโจทก
เชารถยนตคันพิพาทจากบริษัท โจทกยอมมีสิทธิครอบครองใชประโยชนจากรถยนตที่เชามาและมีหนาที่ตอง
สงคืนรถยนตในลักษณะที่เรียบรอยแกผูใหเชา เมื่อรถยนตคันที่โจทกเชามาถูกเฉี่ยวชนไดรับความเสียหาย โจทก
ยอมเปนผูเสียหายและมีอํานาจฟองได
คําพิพากษาฎีกาที่ 5039-5041/2532 การที่จําเลยนําชี้ใหเจาพนักงานศาลทําแผนที่พิพาทในคดีอื่น
วาที่ดินพิพาทในคดีนี้เปนของจําเลยและมรดกของสามีจําเลยคนละครึ่งนั้น การกระทําของจําเลยเปนการโตแยง
สิทธิของโจทกแลว
คําพิพากษาฎีกาที่ 2850/2541 ขณะเกิดเพลิงไหม โจทกยังชําระราคาที่ดินและโรงสีขาวใหแกผูซื้อ
ไมครบตามสัญญา ผูซื้อจึงยังมิไดจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ใหแกโจทก แตโจทกไดเขาครอบครองทําประโยชน
ในที่ดินและโรงสีขาวดังกลาวตั้งแตวันทําสัญญาซื้อขายแลว โจทกจึงเปนผูมีสวนไดเสียในโรงสีขาวดังกลาว เมื่อ
โรงสีขาวเกิดเพลิงไหม โจทกยอมไดรับความเสียหาย ถือวาโจทกถูกโตแยงสิทธิในทรัพยนั้นแลว ตาม ป.วิ.พ.
มาตรา 55 โจทกจึงมีอํานาจฟองจําเลยทั้งเจ็ดซึ่งเปนผูเชาใหรับผิดได
001Pang.indd 3 8/6/2560 19:44:21
ATTORNEY AT LAW LICENSE
4 เตรียมสอบใบอนุญาตใหเปนทนายความ
2.2 กรณีจะตองใชสิทธิทางศาล เปนคดีที่ตองทําเปนคํารองขอ เปนคดีไมมีขอพิพาท การใชสิทธิทางศาล
ตองมีกฎหมายบัญญัติใหตองใชสิทธิทางศาลในเรื่องนั้น เชน การรองขอครอบครองปรปกษตามประมวลกฎหมาย
แพงและพาณิชย มาตรา 1382 การรองขอตั้งผูจัดการมรดกเปนตน ดังนั้น การเสนอคดีในกรณีบุคคลใดจะตองใช
สิทธิทางศาลนั้น มิไดหมายความวาจะใชสิทธิทางศาลไดตามอําเภอใจแตเปนเรื่องที่ตองพิจารณาวามีกฎหมาย
สารบัญญัติสนับสนุนวาเปนเรื่องจําเปนจะตองใชสิทธิทางศาล เพื่อรับรองหรือคุมครองสิทธิของตนที่มีอยูหรือ
ไมดวยคดีไมมีขอพิพาท ซึ่งเริ่มตนคดีดวยคํารองขอ ศาลวินิจฉัยคดีโดยทําเปนคําสั่ง
คําพิพากษาฎีกาที่ 1150/2517 ผูไดมาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินมีโฉนดตามประมวลกฎหมายแพงและ
พาณิชย มาตรา 1382 มีสิทธิยื่นคํารองขอฝายเดียวเพื่อใหศาลไตสวนแสดงวาตนมีกรรมสิทธิ์เฉพาะสวนในโฉนดนั้น
ไดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา 188
คําพิพากษาฎีกาที่ 1537/2514 การขอใหเพิกถอนมติที่ประชุมใหญอันผิดระเบียบตามประมวลกฎ
หมายแพงและพาณิชย มาตรา 1195 นั้น จะทําเปนคํารองขออยางคดีไมมีขอพิพาท หรือฟองเปนคดีขอพิพาท
ก็ได
คําพิพากษาฎีกาที่8504/2544การฟองขอใหรับเด็กเปนบุตรตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
มาตรา 1555 หากบิดายังมีชีวิตอยูตองเสนอคดีอยางคดีขอพิพาท คือฟองบิดาเปนจําเลยโดยทําเปนคําฟองตาม
มาตรา 172 หากบิดาถึงแกความตายแลว ก็ชอบที่เสนอคดีอยางคดีไมมีขอพิพาทโดยทําเปนคํารองขอตาม มาตรา
188 (1)
ในการเสนอคดีตอศาล ไมวาคดีมีขอพิพาทหรือคดีไมมีขอพิพาท ยังมีขอพิจารณาเพิ่มเติมอีก คือ
1) ผูเสนอคดีใชสิทธิโดยสุจริตหรือไม ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 5 ที่วา
“ในการใชสิทธิแหงตนก็ดี ในการชําระหนี้ก็ดี บุคคลทุกคนตองกระทําโดยสุจริต” แตถาเปนการใชสิทธิโดยไม
สุจริตแลวผูเสนอคดียอมไมมีอํานาจฟอง
คําพิพากษาฎีกาที่ 3077/2531 โจทกสงของออกนอกราชอาณาจักรโดยมิไดเสียภาษีอากรอันเปนการ
กระทําผิดตอพระราชบัญญัติศุลกากรเปนเหตุใหจําเลยผูขนสงไมอาจออกใบตราสงใหโจทกได การที่โจทกนํา
คดีมาฟองเรียกคาเสียหายเนื่องจากจําเลยไมออกใบตราสงใหจึงเปนการใชสิทธิโดยไมสุจริต
2) เมื่อมีกฎหมายกําหนดไวเปนพิเศษวาจะฟองใครไดหรือไมไดอยางไรก็ตองเปนไปตามกฎหมายนั้น
เชน พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ 2535 มาตรา 5 บัญญัติวา “หนวยงานของรัฐ
ตองรับผิดตอผูเสียหายในผลแหงละเมิดที่เจาหนาที่ของตนไดกระทําในการปฏิบัติหนาที่ในกรณีนี้ผูเสียหายอาจ
ฟองหนวยงานของรัฐดังกลาวไดโดยตรง แตจะฟองเจาหนาที่ไมได ถาการละเมิดเกิดจากเจาหนาที่ซึ่งไมสังกัด
หนวยงานของรัฐแหงใด ใหถือวากระทรวงการคลังเปนหนวยงานของรัฐที่ตองรับผิดชอบตามวรรคหนึ่ง”
จะเห็นวาถามีการกระทําการละเมิดของเจาหนาที่ของรัฐกอใหเกิดความเสียหายตอบุคคลใด ถึงแม
ตามกฎหมายจะถือวาเจาหนาที่ของรัฐนั้นเปนผูโตแยงสิทธิของผูที่ไดรับความเสียหายจากการกระทําละเมิด
นั้นก็ตาม ผูเสียหายจะฟองเจาหนาที่เปนการสวนตัวไมไดจะตองฟองหนวยงานที่เจาหนาที่นั้นสังกัดอยูตามที่
บัญญัติไวในมาตรา 5 นี้ จะพิจารณาเฉพาะมาตรา 55 อยางเดียวไมได
001Pang.indd 4 8/6/2560 19:44:21
ATTORNEY AT LAW LICENSE
5ธีระศักดิ์ สุโชตินันท - คําฟองคดีแพง
การเสนอคดีตอศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา 55 จะตองเสนอคดีของตน
ตอศาลสวนแพงที่มีเขตอํานาจ ซึ่งจะตองพิจารณาเรื่องเขตอํานาจศาล ซึ่งการเสนอคําฟองบอกไวในมาตรา 2
“หามมิใหเสนอคําฟองตอศาลใด เวนแต
(1)เมื่อไดพิจารณาถึงสภาพแหงคําฟองและชั้นของศาลแลว ปรากฏวาศาลนั้นมีอํานาจที่จะพิจารณา
พิพากษาคดีนั้นไดตามบทบัญญัติแหงกฎหมายวาดวยพระธรรมนูญศาลยุติธรรม และ
(2) เมื่อไดพิจารณาถึงคําฟองแลว ปรากฏวาคดีนั้นอยูในเขตศาลนั้นตามบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมาย
นี้วาดวยศาลที่จะรับคําฟอง และตามบทบัญญัติแหงกฎหมายที่กําหนดเขตศาลดวย”
ตามมาตรา 2 นี้ มีขอที่จะตองพิจารณา 2 สวนคือ
1. เรื่องอํานาจศาล ซึ่งหมายถึงอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม และผูพิพากษาตามพระ
ธรรมนูญศาลยุติธรรม และตามบทบัญญัติที่จัดตั้งศาลชํานัญพิเศษตาง ๆ เชน อํานาจพิจารณาพิพากษาของศาล
จังหวัด ศาลแขวง ศาลเยาวชนและครอบครัว ศาลแรงงาน เปนตน โดยพิจารณาไดจาก
1.1 สภาพแหงคําฟอง หมายถึง ลักษณะของคดีที่โจทกประสงคจะบังคับวาเปนคดีที่มีทุนทรัพย ถามี
ทุนทรัพยแลวทุนทรัพยเทาใด ซึ่งพิจารณาไดจากตัวคําฟองของโจทก หรือคํารองขอและคําใหการของจําเลย
หรือคํารองคัดคาน
คดีมีทุนทรัพย หมายถึง คดีที่มีคําขอปลดเปลื้องทุกขอันอาจคํานวณเปนราคาเงินได คดีเชนนี้จะตองมี
คําขอบังคับที่คํานวณไดเปนตัวเงินที่แนนอนในคําฟอง เชน คดีฟองเรียกหนี้เงินกู
คดีไมมีทุนทรัพย หมายถึง คดีที่มีคําขอปลดเปลื้องทุกขอันไมอาจคํานวณเปนราคาเงินได เชน คดีฟอง
ขอใหเปดทางการภารจํายอม
สภาพแหงคําฟองนี้ มีความสําคัญตอการเสนอคําฟองไมวาในชั้นศาลใด ดังจะเห็นไดในกรณีการเสนอ
คดีในศาลชั้นตนก็ตองดูวาสภาพของคดีที่ฟองนั้นอยูในอํานาจของศาลแขวง หรือศาลจังหวัด ศาลที่มีอํานาจ
พิจารณาคดีแพง หรือคดีอาญา หรือศาลชํานัญพิเศษ หรือศาลพิเศษ หรือศาลในระบบอื่น
1.2 ชั้นของศาล ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมซึ่งแบงศาลออกเปน 3 ชั้น คือ ศาลชั้นตน ศาลอุทธรณ
ศาลฎีกา การเสนอคดีหรือฟองคดีครั้งแรกนั้นจะตองเริ่มคดีที่ศาลชั้นตนตามที่บัญญัติไวในมาตรา 170 วรรคหนึ่งวา
“หามมิใหฟอง พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีเปนครั้งแรกในศาล หรือโดยศาลอื่นนอกจากศาลชั้นตน เวนแตจะมี
กฎหมายบัญญัติไวชัดแจงเปนอยางอื่น”
2. เรื่องเขตศาล หมายถึง พื้นที่ทางภูมิศาสตรที่ศาลนั้นจะใชอํานาจไดตามที่กําหนดไวในเรื่องอํานาจ
ศาลตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ซึ่งในมาตรา 15 ไดบัญญัติเปนหลักการไววา หามมิใหศาลใชอํานาจนอก
เขตศาล ดังนั้นจึงตองดูวาแตละศาลนั้นมีเขตอํานาจของตนครอบคลุมไปถึงทองที่ใดในทางภูมิศาสตร หลักใหญ
ก็ตองอยูในมาตรา 36 แหงพระธรรมนูญศาลยุติธรรม และพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลนั้น ๆ ในการแบงเขตจะถือ
หลักตามเขตการปกครอง ศาลที่จะยื่นฟองหรือเสนอคําฟองตองพิจารณาตามมาตรา 3, 4, 4 ทวิ, 4 ตรี, 4 จัตวา,
4 เบญจ, 4 ฉ, 5 และ 7 ซึ่งยังตองพิจารณาเปนคดีไมมีขอพิพาท (จะไมกลาวถึงในสวนตรงนี้ไปเปนอีกเรื่องหนึ่ง)
และคดีมีขอพิพาท
001Pang.indd 5 8/6/2560 19:44:22
ATTORNEY AT LAW LICENSE
6 เตรียมสอบใบอนุญาตใหเปนทนายความ
ในคดีมีขอพิพาทนั้นเบื้องตนใหพิจารณาวาเปนคําฟองเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพย หรือสิทธิหรือประโยชน
อันเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพยหรือไม ถาเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพย ตองพิจารณาตามมาตรา 4 ทวิ ที่บัญญัติวา
“คําฟองเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพย หรือสิทธิหรือประโยชนอันเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพย ใหเสนอตอศาลที่
อสังหาริมทรัพยนั้นตั้งอยูในเขตศาล ไมวาจําเลยจะมีภูมิลําเนาอยูในราชอาณาจักรหรือไม หรือตอศาลที่จําเลย
มีภูมิลําเนาอยูในเขตศาล” ศาลที่จะยื่นคําฟองคดีประเภทนี้ คือ ศาลที่อสังหาริมทรัพยตั้งอยู หรือศาลที่จําเลย
มีภูมิลําเนา
โดยโจทกสามารถยื่นฟองตอศาลหนึ่งศาลใดตามที่กลาวขางตนไดโดยไมตองยื่นคํารองขออนุญาต และ
ไมตองคํานึงถึงวาโจทกจะเปนคนสัญชาติใด และมีภูมิลําเนาอยูในราชอาณาจักรหรือไม แตตองเปนกรณีที่เปน
คดีเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยเทานั้น คําวาอสังหาริมทรัพยก็มีความหมายตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
มาตรา 100 สําหรับสังหาริมทรัพยบางประเภทถึงแมจะมีบทบัญญัติของกฎหมายใหมีทะเบียนก็ไมถือวาเปน
อสังหาริมทรัพย การฟองคดีเกี่ยวกับสังหาริมทรัพยประเภทที่ตองมีทะเบียนจึงไมอยูในบังคับของมาตรานี้ อาจมี
กรณีที่ศาลซึ่งมีเขตอํานาจมีหลายศาลโจทกตองเลือกฟองที่ศาลใดศาลหนึ่ง หากโจทกฟองคดีเดียวกันหลาย
ศาลถือวาเปนการฟองซอน
คําพิพากษาฎีกาที่ 1115/2523 คดีฟองขอใหบังคับจําเลยจดทะเบียนโอนที่ดินตามสัญญาจะซื้อจะ
ขายเปนคดีเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพย
คําพิพากษาฎีกาที่ 1134/2513 ฟองขับไลจําเลยออกจากบานพิพาทและใหใชคําเสียหาย เปนคําฟอง
เกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพยตามมาตรา 4 ทวิ
คําพิพากษาฎีกาที่ 2098/2519 ฟองใหเพิกถอนการซื้อขายที่ดินที่ทําโดยไมมีอํานาจเปนที่ดินที่โจทก
ไดรับมาตามพินัยกรรมเปนการฟองเรียกที่ดินคืน เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย
คําพิพากษาฎีกาที่ 1491/2519 กรรมการบริษัทใหเชาอาคารของบริษัทโดยไมมีอํานาจบริษัทใชอาคาร
ไมไดบริษัทฟองขับไลผูเชา เปนคดีละเมิดเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยไมใชกรณีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาเชา จึงตองฟอง
ศาลในเขตที่ทรัพยตั้งอยู
สําหรับคําฟองที่ไมเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพยหรือสิทธิหรือประโยชนอันเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพย เชน
การฟองเรียกเงินที่ชําระไปตามสัญญาซื้อขายทรัพยคืน ฟองเรียกมัดจําที่ไดชําระไปตามสัญญาจะซื้อจะขาย
ฟองเรียกคาซื้อที่ดินที่คางชําระ มิใชคําฟองเกี่ยวดวยทรัพยหรือสิทธิหรือประโยชนใด ๆ อันเกี่ยวกับทรัพยที่
ซื้อขายไมเขามาตรา 4 ทวิ
คําพิพากษาฎีกาที่ 955/2537 คําฟองขอใหบังคับจําเลยไปถอนคําคัดคานการขอโอนมรดกที่โจทกยื่น
คํารองไวตอเจาพนักงานที่ดิน มิไดบงถึงการที่จะบังคับแกตัวทรัพยที่ดิน จึงไมใชคําฟองเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพย
หรือสิทธิหรือประโยชนใด ๆ อันเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพย
คําพิพากษาฎีกาที่1599/2529คําฟองกลาวหาวาจําเลยผิดสัญญาใหชดใชคาเสียหายแมเปนสัญญา
วางมัดจําซื้อที่ดินและวาจางกอสรางอาคาร เมื่อคําฟองมิไดบงถึงการที่จะบังคับแกตัวทรัพยคือที่ดินและอาคาร
ที่ปลูกสราง จึงไมเปนคําฟองเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพยสิทธิหรือประโยชนใด ๆ อันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย
001Pang.indd 6 8/6/2560 19:44:23
ATTORNEY AT LAW LICENSE
7ธีระศักดิ์ สุโชตินันท - คําฟองคดีแพง
คําฟองเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพย นอกจากจะฟองตอศาลที่อสังหาริมทรัพยตั้งอยูไดแลว โจทกก็ยังอาจ
เลือกฟองตอศาลที่จําเลยมีภูมิลําเนาอยูในเขตศาลไดดวย คําวา “ภูมิลําเนา” มีความหมายตามที่บัญญัติไวใน
ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 37 ถึง 47 สวนภูมิลําเนาของนิติบุคคลก็ตองถือตาม มาตรา 68 และ
69 ถาคําฟองนั้นไมเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพย ที่เรียกวา คําฟองเกี่ยวดวยหนี้เหนือบุคคล ตองพิจารณาตาม
มาตรา 4 (1) ที่บัญญัติวา “เวนแตจะมีบทบัญญัติเปนอยางอื่น (1) คําฟอง ใหเสนอตอศาลที่จําเลยมีภูมิลําเนา
อยูในเขตศาล หรือตอศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลไมวาจําเลยจะมีภูมิลําเนาอยูในราชอาณาจักรหรือไม” คือ
ใชแกการเสนอคําฟองที่ไมอยูในบังคับของมาตรา 4 ทวิ ถึงมาตรา 4 ฉ หากคําฟองหรือคํารองขอใดตองดวย
กรณีใดตามบทบัญญัติดังกลาว ก็ตองเสนอตอศาลตามที่บัญญัติไวในบทมาตรานั้น ๆ จะเสนอคดีตอศาลตาม
มาตรา 4 นี้ไมได ศาลที่จะยื่นคําฟองประเภทนี้ คือ ศาลที่จําเลยมีภูมิลําเนา หรือศาลที่มูลคดีเกิดขึ้น เชน
คดีฟองเรียกหนี้เงินกู คดีเชาซื้อ คดีซื้อขายสังหาริมทรัพยหนี้เหนือบุคคลที่เกิดจากสัญญา หากสัญญาเกิดขึ้นที่ใด
ถือวามูลคดีเกิดขึ้นที่ดังกลาว เชนเดียวกันหนี้ที่เกิดจากการละเมิด เหตุละเมิดเกิดขึ้นที่ใดก็ถือวามูลคดีเกิดที่นั้น
* กรณีเชาซื้อ
คําพิพากษาฎีกาที่534/2540เมื่อสัญญาเชาซื้อและสัญญาคํ้าประกันพิมพขอความครบถวนที่ภูมิลําเนา
ของบริษัทโจทกที่เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร เทากับไดจัดทําเอกสารดังกลาวขึ้น ณ สถานที่นั้น และกรรมการ
ของโจทกลงนามสนองรับคําเสนอของจําเลยที่ภูมิลําเนาของโจทกจึงเกิดสัญญาขึ้น มูลคดีในการทําสัญญาเชา
ซื้อและสัญญาคํ้าประกัน จึงเกิดขึ้นที่ภูมิลําเนาของโจทกอันอยูในเขตอํานาจของศาลแพงกรุงเทพใต
* กรณีซื้อขาย
คําพิพากษาฎีกาที่ 5483/2540 จําเลยตกลงซื้อปลาจากแพปลาของโจทกในจังหวัดสงขลา เพื่อให
สงปลาไปใหจําเลยที่จังหวัดภูเก็ต สัญญาซื้อขายเกิดขึ้นที่จังหวัดสงขลา สวนจังหวัดภูเก็ตเปนสถานที่สงและรับ
มอบสินคา เมื่อจําเลยผิดสัญญา มูลความแหงคดีจึงเกิดขึ้นเนื่องจากสัญญาซื้อขายดังกลาว ศาลจังหวัดสงขลา
จึงเปนศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลยอมมีอํานาจรับฟองคดีไวพิจารณาพิพากษาไดตามมาตรา 4 (1)
* กรณีสัญญาประกันภัย
คําพิพากษาฎีกาที่ 922/2542 ตัวแทนหรือพนักงานของจําเลยไปอธิบายรายละเอียดผลประโยชนและ
เงื่อนไขของกรมธรรมให ท. ฟงที่บานในเขตทองที่อําเภอวังนํ้าเย็น จังหวัดปราจีนบุรี อยูในเขตอํานาจของศาล
จังหวัดกบินทรบุรีซึ่งเปนภูมิลําเนาของ ท. เมื่อ ท. ฟงคําอธิบายแลวจึงตกลงใจเอาประกันชีวิตกับจําเลยโดยลง
ลายมือชื่อในคําขอเอาประกันชีวิต แลวไดสงคําขอเอาประกันชีวิตไปใหสํานักงานใหญของจําเลย และจําเลย
ตกลงรับประกันชีวิตของ ท. มูลคดีจากการทําสัญญาประกันชีวิตเกิดที่ภูมิลําเนาของ ท. ดวยโจทกมีอํานาจฟอง
จําเลยตอศาลจังหวัดกบินทรบุรีไดตามมาตรา 4 (1)
* กรณีขายลดตั๋วเงิน
คําพิพากษาฎีกาที่ 7212/2545 โจทกฟองขอใหจําเลยชําระเงินตามเช็คโดยบรรยายฟองวาจําเลยที่ 2
นําเช็คที่จําเลยที่ 1 สั่งจาย มาแลกเงินสดจากโจทก เมื่อเช็คถึงกําหนดโจทกไดนําไปเขาบัญชีที่ธนาคารสาขา
ชุมแพ จังหวัดขอนแกน เพื่อเรียกเก็บเงินธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจายเงินและโจทกระบุสถานที่ตั้งบริษัทโจทกที่
001Pang.indd 7 8/6/2560 19:44:23
ATTORNEY AT LAW LICENSE
8 เตรียมสอบใบอนุญาตใหเปนทนายความ
จังหวัดขอนแกน มิไดบรรยายถึงสถานที่ตั้งแหงอื่นอีก สถานที่จําเลยที่ 2 นําเช็คมาแลกเงินสดจึงไดแก สถานที่
ที่ตั้งของโจทกซึ่งอยูในจังหวัดขอนแกน ศาลจังหวัดขอนแกนมีอํานาจรับฟองคดีของโจทกไวพิจารณาไดตาม
มาตรา 4 (1)
* กรณีสัญญาประกันชีวิต
คําพิพากษาฎีกาที่ 572/2549 จ. มีภูมิลําเนาอยูอําเภอเมืองตราด จังหวัดตราด ไดติดตอผาน ว. นาย
หนาขายประกันชีวิตของบริษัทจําเลยซึ่งมีภูมิลําเนาอยูที่จังหวัดตราด โดย ว. เปนผูกรอกขอความลงในใบคําขอ
เอาประกันชีวิตให จ. ลงลายมือชื่อในฐานะผูขอเอาประกันภัย แลวสงเอกสารนั้นไปใหจําเลยซึ่งมีสํานักงานอยูที่
กรุงเทพมหานคร พิจารณารับคําขอเอาประกันชีวิตและออกกรมธรรมใหดังนี้ การเริ่มตนทําสัญญาประกันชีวิต
จึงเกิดขึ้นที่จังหวัดตราด กรณีถือไดวามูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลจังหวัดตราดอีกแหงหนึ่งดวย โจทกจึงมีอํานาจ
ฟองคดีตอศาลจังหวัดตราดไดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง
* กรณีฟองหยา
คําพิพากษาฎีกาที่ 4443/2546 การที่โจทกจะเสนอคําฟองตอศาลใดตองเปนไปตามบทบัญญัติ มาตรา
4 (1) คือ เสนอตอศาลที่จําเลยมีภูมิลําเนาอยูในเขตศาลหรือตอศาลที่มูลคดี เกิดขึ้น ในเขตศาลไมวาจําเลยจะ
มีภูมิลําเนาอยูในราชอาณาจักรหรือไม ซึ่งคําวา “มูลคดีเกิด” ยอมหมายถึงตนเหตุอันเปนที่มาของคําฟอง
คดีนี้โจทกฟองหยาจําเลยตน เหตุของคําฟองคือเหตุหยา สวนการจดทะเบียนสมรสเปนตนเหตุของความเปน
สามีภริยา กับสถานที่จดทะเบียนสมรสจึงหาใชเปนสถานที่มูลคดีของเหตุฟองหยาเกิดตามที่โจทก อางมาในฎีกา
แตอยางใดไม เมื่อปรากฏตามคําฟองของโจทกไดความวาในระหวางสมรสโจทกจําเลยพักอาศัยอยูบานเดียวกัน
ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จําเลยไดกระทําการเปนปรปกษตอการเปนสามีภริยาโดยทํารายรางกายโจทกและขับไล
โจทกออกจากบานอันเปนเหตุฟองหยา ฉะนั้น จังหวัดนครศรีธรรมราชจึงเปนสถานที่มูลคดีของเหตุฟองหยา
เกิดทั้งปรากฏตามคําฟองวาจําเลยมีภูมิลําเนาอยูที่จังหวัดนครศรีธรรมราชโจทกจึงไมมีสิทธิฟองหยาจําเลยที่
ศาลจังหวัดพัทลุงตามบทบัญญัติกฎหมายดังกลาวขางตน
* กรณีบัตรเครดิต
คําพิพากษาฎีกาที่ 6509/2547 แมตามสําเนาใบสมัครสมาชิกบัตรเครดิตระบุวา สถานที่รับบัตรและ
สงใบเรียกเก็บเงินคือบานจําเลยที่จังหวัดราชบุรี ซึ่งเปนสถานที่มูลคดีเกิด แตในคดีแตละคดีมูลคดีอาจเกิดขึ้นได
หลายแหง คดีนี้หลังจากจําเลยผิดสัญญาใชบัตรเครดิตเปนหนี้จํานวนหนึ่ง โจทกจําเลยไดทําหนังสือรับสภาพหนี้ ซึ่ง
แมวาไมลบลางหนี้เดิมหรือเกิดหนี้ใหมแตหนังสือรับสภาพหนี้ก็เปนนิติกรรมอันชอบดวยกฎหมายมีผลผูกพัน
คูสัญญา จึงถือไดวาสถานที่ที่ทําหนังสือรับสภาพหนี้เปนสถานที่เกิดมูลคดีอีกแหงหนึ่ง เมื่อหนังสือรับสภาพหนี้
ทําที่สํานักงานใหญของธนาคารโจทกซึ่งอยูในอํานาจศาลแขวงพระโขนง อีกทั้งโจทกฟองขอบังคับตามหนังสือ
รับสภาพหนี้และแนบหนังสือรับสภาพหนี้มาทายฟองอันเปนสวนหนึ่งของฟอง การที่โจทกยื่นฟองตอศาลแขวง
พระโขนงจึงชอบดวยมาตรา 4 (1)
* กรณีโทรศัพทมือถือ
คําพิพากษาฎีกาที่ 8450/2547 คําวามูลคดีตามมาตรา 4 (1) หมายถึงตนเหตุอันเปนที่มา แหงการ
001Pang.indd 8 8/6/2560 19:44:24
ATTORNEY AT LAW LICENSE
9ธีระศักดิ์ สุโชตินันท - คําฟองคดีแพง
โตแยงสิทธิอันจะทําใหเกิดอํานาจฟองรองตามสิทธินั้น สํานักงานใหญของโจทก ซึ่งตองอยูในเขตอํานาจของศาลชั้น
ตนเปนผูพิจารณาอนุมัติสัญญาการใชบริการวิทยุคมนาคม เมื่อไดอนุมัติสัญญาแลวพรอมกันนั้นสํานักงานใหญ
ของโจทก จะเปนผูเปดสัญญาณที่อยูที่สํานักงานใหญของโจทกแลวจึงโทรศัพทแจงสํานักงานสาขา หรือตัวแทน
ของโจทกที่รับคําขอใชบริการเพื่อแจงใหจําเลยซึ่งเปนผูขอใชบริการทราบ หลังจากนั้นจําเลยก็สามารถใชบริการ
วิทยุคมนาคมตามคําขอที่ยื่นไวได การอนุมัติและการเปดสัญญาณของสํานักงานใหญของโจทกในลักษณะ เชนนี้
จึงเปนการกระทําอันใดอันหนึ่งซึ่งมีผลเปนการแสดงเจตนาสนองคําขอของจําเลยที่ไดยื่นคําขอใชบริการตอ
สํานักงานสาขา หรือตัวแทนของโจทกแมถึงจะเปนการแสดงเจตนาที่กระทําตอจําเลยซึ่งมิไดอยูเฉพาะหนา แตก็
ถือไดวาตามปกติประเพณีการตกลงทําสัญญาใหใชบริการวิทยุคมนาคมระหวางโจทกกับจําเลยที่กระทําขึ้นใน
ลักษณะเชนนี้ยอมไดเกิดเปนสัญญาขึ้นเมื่อสํานักงานใหญของโจทกไดสนองรับคําเสนอ โดยเปดสัญญาณวิทยุ
คมนาคมที่สํานักงานใหญของโจทก ซึ่งมีผลทําใหจําเลยสามารถใชบริการวิทยุคมนาคมระหวางโจทกไดแลว
โดยไมจําเปนตองมีคําบอกกลาวสนองไปถึงจําเลยผูเสนอตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 361
วรรคสอง แตประการใดอีก ดังนั้น เมื่อสัญญาการใชบริการวิทยุคมนาคมระหวางโจทกจําเลยไดเกิดขึ้นที่สํานักงาน
ใหญของโจทกซึ่งตั้งอยูในเขตอํานาจของศาลชั้นตน และโจทกฟองขอใหบังคับจําเลยชําระหนี้อันเกิดจากการใช
บริการตามสัญญาการใชบริการวิทยุคมนาคมดังกลาวยอมถือไดวาศาลชั้นตนเปนศาลหนึ่งที่มูลคดีนี้เกิดขึ้นใน
เขตอํานาจ ตามประมวลกฎหมายแพงวิธีพิจารณาความแพง มาตรา 4 (1) ศาลชั้นตนจึงเปนศาลที่มีอํานาจที่จะ
พิจารณาพิพากษาคดีนี้ได
หลักเกณฑการบรรยายฟองนั้นไดกลาวไวในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา 172 วา
“ภายใตบังคับบทบัญญัติมาตรา 57 (รองสอด) ใหโจทกเสนอขอหาของตนโดยทําเปนคําฟองเปนหนังสือยื่นตอ
ศาลชั้นตน
คําฟองตองแสดงโดยแจงชัดซึ่งสภาพแหงขอหาของโจทกและคําขอบังคับทั้งขออางที่อาศัยเปนหลัก
แหงขอหาเชนวานั้น
ใหศาลตรวจคําฟองนั้นแลวสั่งใหรับไว หรือใหยกเสีย หรือใหคืนไป ตามที่บัญญัติไวในมาตรา 18 (การ
ตรวจคําคูความ)”
จะพบวาคําฟองจะเสนอดวยวาจาหรือทําเปนหนังสือก็ได (มาตรา 1 (3)) ในการทําคําฟองนั้นโดยหลัก
แลวตองทําคําฟองเปนหนังสือ (มาตรา 172 วรรคแรก) เวนแตการทําคําฟองในคดีมโนสาเร อาจเสนอดวยวาจา
ได (มาตรา 191 วรรคแรก) ในทางปฏิบัติแมจะเปนคดีมโนสาเรการทําคําฟองทําเปนหนังสือเสมอ
เนื่องจากคําฟองเปนคําคูความที่จะตองสงใหแกคูความอีกฝายหนึ่งหรือบุคคลที่เกี่ยวของ กรณีจึงตก
อยูในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา 67 ซึ่งบัญญัติวา “เมื่อประมวลกฎหมายนี้หรือ
กฎหมายอื่นบัญญัติวา เอกสารใดจะตองสงใหแกคูความฝายใดฝายหนึ่ง หรือบุคคลที่เกี่ยวของ เชน คําคูความที่
นําโดยคําฟอง คําใหการ หรือคํารอง หรือคําขอโดยทําเปนคํารอง หมายเรียก หรือหมายอื่น ๆ คําแถลงการณ
หรือสําเนาพยานเอกสาร ฯลฯ เอกสารนั้นตองทําขึ้นใหปรากฏขอความแนชัดถึงตัวบุคคลและมีรายการตอไปนี้
001Pang.indd 9 8/6/2560 19:44:24
ATTORNEY AT LAW LICENSE
10 เตรียมสอบใบอนุญาตใหเปนทนายความ
(1) ชื่อศาลที่จะรับคําฟอง หรือถาคดีอยูในระหวางพิจารณาชื่อของศาลนั้นและเลขหมายคดี
(2) ชื่อคูความในคดี
(3) ชื่อคูความหรือบุคคล ซึ่งจะเปนผูรับคําคูความหรือเอกสารนั้น
(4) ใจความและเหตุผลถาจําเปนแหงคําคูความหรือเอกสาร
(5) วัน เดือน ป ของคําคูความ หรือเอกสาร และลายมือชื่อของเจาพนักงาน คูความหรือบุคคลซึ่งเปน
ผูยื่นหรือเปนผูสง
ในการยื่นหรือสงคําคูความ หรือเอกสารอื่นใดอันจะตองทําตามแบบพิมพที่จัดไว เจาพนักงาน คูความ
หรือบุคคลผูเกี่ยวของจะตองใชกระดาษแบบพิมพนั้น สวนราคากระดาษแบบพิมพนั้นใหเรียกตามที่รัฐมนตรี
วาการกระทรวงยุติธรรมจะไดกําหนดไว” ตามบทบัญญัติมาตรา 67 นี้ รายการในคําฟองมี 5 ประการ ดังนี้
1) ชื่อศาลที่จะรับคําฟอง หรือถาคดีอยูในระหวางพิจารณาชื่อของศาลนั้นและเลขหมายคดี
1.1) ชื่อศาลที่จะรับคําฟอง หมายความวาคําฟองที่จะเสนอตอศาลที่มีเขตเหนือคดี ในคําฟองนั้นตอง
ลงชื่อศาลที่จะนําคําฟองไปเสนอดวย เชน ศาลที่มีเขตเหนือคดี คือศาลจังหวัดอุทัยธานี คําฟองที่จะนําเสนอตอ
ศาลจังหวัดอุทัยธานี ตองลงวาศาลจังหวัดอุทัยธานี
1.2)หรือถาคดีอยูในระหวางพิจารณาชื่อของศาลนั้นและเลขหมายคดีหมายความวามีคดีอยูในระหวาง
พิจารณา หากเสนอคําฟองภายหลังเกี่ยวเนื่องกับคดีที่คางพิจารณาตอศาลที่พิจารณาคดีแรก คําฟองที่เสนอ
ภายหลังตองลงชื่อศาลที่กําลังพิจารณาคดีแรกและเลขหมายคดี เชน คดีแรกอยูในระหวางการพิจารณาของ
ศาลจังหวัดธัญบุรี หากโจทกประสงคเพิ่มเติมหรือแกไขคําฟอง คําฟองเพิ่มเติมหรือแกไขตองลงชื่อศาลจังหวัด
ธัญบุรี และเลขหมายคดีของคดีที่อยูในระหวางพิจารณา “เลขหมายคดี” หมายความวาเมื่อมีคดีขึ้นมาสูศาล
ศาลจะลงเลขเรียกวา “เลขดํา” ตามลําดับของการที่เกิดคดีขึ้นในปนั้น
2) ชื่อคูความในคดี หมายถึงชื่อตัวความคือชื่อโจทกผูยื่นคําฟองและชื่อจําเลย ผูที่โจทกยื่นคําฟองขอ
ใหเรียกเขามาเปนจําเลย กรณีโจทกจําเลยเปนนิติบุคคล ตองเรียกนิติบุคคลนั้นตามชื่อหรือตามชื่อที่จดทะเบียน
(มาตรา 68) ถาตัวความมิไดฟองคดีเองมีผูอื่นฟองคดีแทนตัวความเชนนี้จะตองระบุไวชัดเจนวาตัวความคือใคร
ผูฟองแทนเปนใคร โดยระบุชื่อตัวความไวหนาชื่อผูใชอํานาจฟองแทนไวหลัง
3) ชื่อคูความหรือบุคคลซึ่งจะเปนผูรับคําฟองนั้น ซึ่งหมายถึงจําเลยนั่นเอง โดยตองระบุชื่อจําเลย
ภูมิลําเนาหรือถิ่นที่อยูของจําเลยเพื่อจะไดสงสําเนาคําฟองและหมายเรียกใหจําเลยไดถูกตอง
4) ใจความและเหตุผล ถาจําเปนแหงคําคูความหรือเอกสาร หมายความวา นอกจากจะตองปฏิบัติตาม
รายการทั้งสามรายการขางตนแลว จะตองมีขอความในฟองนั้นวาจะฟองอยางไร กลาวคือ ตองเรียบเรียงคําฟอง
โดยมีใจความและเหตุผลตามที่จําเปนในการฟองคดีนั้น การเรียบเรียงคําฟองโดยมีใจความและเหตุผลตาม
ที่จําเปนอยางไรนั้นคงเปนไปตามที่บัญญัติไวในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา 172 วรรคสอง วา
“คําฟองตองแสดงโดยแจงชัดซึ่งสภาพแหงขอหาของโจทกและคําขอบังคับทั้งขออางที่อาศัยเปนหลักแหงขอหา
เชนวานั้น” ใจความและเหตุผลที่เราจะใสในคําฟองจึงประกอบดวย 2 ประการคือ สภาพแหงขอหาของผูที่เปน
โจทกนั้น พรอมทั้งขออางที่อาศัยเปนหลักแหงขอหาเชนวานั้น และคําขอบังคับ
001Pang.indd 10 8/6/2560 19:44:25

More Related Content

What's hot

พระราชบัญัญัติข้อมูลข่าวสารทางราชการ2540
พระราชบัญัญัติข้อมูลข่าวสารทางราชการ2540พระราชบัญัญัติข้อมูลข่าวสารทางราชการ2540
พระราชบัญัญัติข้อมูลข่าวสารทางราชการ2540por
 
ผู้มีอำนาจจัดการแทนยื่นฟ้องคดีอาญาแล้วตายลง จะขอดำเนินคดีอาญาต่างผู้ตายได้หรื...
ผู้มีอำนาจจัดการแทนยื่นฟ้องคดีอาญาแล้วตายลง จะขอดำเนินคดีอาญาต่างผู้ตายได้หรื...ผู้มีอำนาจจัดการแทนยื่นฟ้องคดีอาญาแล้วตายลง จะขอดำเนินคดีอาญาต่างผู้ตายได้หรื...
ผู้มีอำนาจจัดการแทนยื่นฟ้องคดีอาญาแล้วตายลง จะขอดำเนินคดีอาญาต่างผู้ตายได้หรื...อ.เป้ สิททิกรณ์ สมาร์ทลอว์ติวเตอร์
 
ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยา
ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยา
ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาbilly ratchadamri
 
กฎหมายครอบครัวการสมรส
กฎหมายครอบครัวการสมรสกฎหมายครอบครัวการสมรส
กฎหมายครอบครัวการสมรสSukit U-naidhamma
 
บุตรที่บิดาจดทะเบียนว่าเป็นบุตร กับ บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว
บุตรที่บิดาจดทะเบียนว่าเป็นบุตร กับ บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้วบุตรที่บิดาจดทะเบียนว่าเป็นบุตร กับ บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว
บุตรที่บิดาจดทะเบียนว่าเป็นบุตร กับ บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้วอ.เป้ สิททิกรณ์ สมาร์ทลอว์ติวเตอร์
 
คดีตัวอย่าง กรณ๊ทนายยื่นเกินเวลา
คดีตัวอย่าง กรณ๊ทนายยื่นเกินเวลาคดีตัวอย่าง กรณ๊ทนายยื่นเกินเวลา
คดีตัวอย่าง กรณ๊ทนายยื่นเกินเวลายัย จุ๊
 
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด กรณีสั่งทำลายไก่เพื่อป้องกันโรคระบาด แบบฟอร์มราชการจ...
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด กรณีสั่งทำลายไก่เพื่อป้องกันโรคระบาด แบบฟอร์มราชการจ...คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด กรณีสั่งทำลายไก่เพื่อป้องกันโรคระบาด แบบฟอร์มราชการจ...
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด กรณีสั่งทำลายไก่เพื่อป้องกันโรคระบาด แบบฟอร์มราชการจ...Parun Rutjanathamrong
 
การสิ้นสุดการสมรส
การสิ้นสุดการสมรสการสิ้นสุดการสมรส
การสิ้นสุดการสมรสbilly ratchadamri
 
กฎหมายในชีวิตประจำวันครั้งที่ 11
กฎหมายในชีวิตประจำวันครั้งที่ 11กฎหมายในชีวิตประจำวันครั้งที่ 11
กฎหมายในชีวิตประจำวันครั้งที่ 11AJ Por
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไปความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไปtanapongslide
 
กฎหมายครอบครัวหมั้น
กฎหมายครอบครัวหมั้นกฎหมายครอบครัวหมั้น
กฎหมายครอบครัวหมั้นSukit U-naidhamma
 

What's hot (18)

แนวข้อสอบตั๋วปี ครั้งที่ 1 ปี 54
แนวข้อสอบตั๋วปี ครั้งที่ 1 ปี 54แนวข้อสอบตั๋วปี ครั้งที่ 1 ปี 54
แนวข้อสอบตั๋วปี ครั้งที่ 1 ปี 54
 
พระราชบัญัญัติข้อมูลข่าวสารทางราชการ2540
พระราชบัญัญัติข้อมูลข่าวสารทางราชการ2540พระราชบัญัญัติข้อมูลข่าวสารทางราชการ2540
พระราชบัญัญัติข้อมูลข่าวสารทางราชการ2540
 
ผู้มีอำนาจจัดการแทนยื่นฟ้องคดีอาญาแล้วตายลง จะขอดำเนินคดีอาญาต่างผู้ตายได้หรื...
ผู้มีอำนาจจัดการแทนยื่นฟ้องคดีอาญาแล้วตายลง จะขอดำเนินคดีอาญาต่างผู้ตายได้หรื...ผู้มีอำนาจจัดการแทนยื่นฟ้องคดีอาญาแล้วตายลง จะขอดำเนินคดีอาญาต่างผู้ตายได้หรื...
ผู้มีอำนาจจัดการแทนยื่นฟ้องคดีอาญาแล้วตายลง จะขอดำเนินคดีอาญาต่างผู้ตายได้หรื...
 
Laws 100
Laws 100Laws 100
Laws 100
 
การสมรส
การสมรสการสมรส
การสมรส
 
ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยา
ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยา
ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยา
 
กฎหมายครอบครัวการสมรส
กฎหมายครอบครัวการสมรสกฎหมายครอบครัวการสมรส
กฎหมายครอบครัวการสมรส
 
บุตรที่บิดาจดทะเบียนว่าเป็นบุตร กับ บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว
บุตรที่บิดาจดทะเบียนว่าเป็นบุตร กับ บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้วบุตรที่บิดาจดทะเบียนว่าเป็นบุตร กับ บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว
บุตรที่บิดาจดทะเบียนว่าเป็นบุตร กับ บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว
 
คดีตัวอย่าง กรณ๊ทนายยื่นเกินเวลา
คดีตัวอย่าง กรณ๊ทนายยื่นเกินเวลาคดีตัวอย่าง กรณ๊ทนายยื่นเกินเวลา
คดีตัวอย่าง กรณ๊ทนายยื่นเกินเวลา
 
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด กรณีสั่งทำลายไก่เพื่อป้องกันโรคระบาด แบบฟอร์มราชการจ...
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด กรณีสั่งทำลายไก่เพื่อป้องกันโรคระบาด แบบฟอร์มราชการจ...คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด กรณีสั่งทำลายไก่เพื่อป้องกันโรคระบาด แบบฟอร์มราชการจ...
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด กรณีสั่งทำลายไก่เพื่อป้องกันโรคระบาด แบบฟอร์มราชการจ...
 
กฎหมาย
กฎหมายกฎหมาย
กฎหมาย
 
การรับมรดกของบุตรบุญธรรม
การรับมรดกของบุตรบุญธรรมการรับมรดกของบุตรบุญธรรม
การรับมรดกของบุตรบุญธรรม
 
การสิ้นสุดการสมรส
การสิ้นสุดการสมรสการสิ้นสุดการสมรส
การสิ้นสุดการสมรส
 
กฎหมายในชีวิตประจำวันครั้งที่ 11
กฎหมายในชีวิตประจำวันครั้งที่ 11กฎหมายในชีวิตประจำวันครั้งที่ 11
กฎหมายในชีวิตประจำวันครั้งที่ 11
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไปความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป
 
การหมั้น
การหมั้นการหมั้น
การหมั้น
 
กฎหมายครอบครัวหมั้น
กฎหมายครอบครัวหมั้นกฎหมายครอบครัวหมั้น
กฎหมายครอบครัวหมั้น
 
ระเบียบงานสารบรรณ
ระเบียบงานสารบรรณระเบียบงานสารบรรณ
ระเบียบงานสารบรรณ
 

More from CUPress

9789740337737
97897403377379789740337737
9789740337737CUPress
 
9789740337560
97897403375609789740337560
9789740337560CUPress
 
9789740337478
97897403374789789740337478
9789740337478CUPress
 
9789740337270
97897403372709789740337270
9789740337270CUPress
 
9789740337102
97897403371029789740337102
9789740337102CUPress
 
9789740337096
97897403370969789740337096
9789740337096CUPress
 
9789740337072
97897403370729789740337072
9789740337072CUPress
 
9789740337027
97897403370279789740337027
9789740337027CUPress
 
9789740336914
97897403369149789740336914
9789740336914CUPress
 
9789740336907
97897403369079789740336907
9789740336907CUPress
 
9789740336686
97897403366869789740336686
9789740336686CUPress
 
9789740336457
97897403364579789740336457
9789740336457CUPress
 
9789740336440
97897403364409789740336440
9789740336440CUPress
 
9789740336389
97897403363899789740336389
9789740336389CUPress
 
9789740336280
97897403362809789740336280
9789740336280CUPress
 
9789740336365
97897403363659789740336365
9789740336365CUPress
 
9789740336303
97897403363039789740336303
9789740336303CUPress
 
9789740336235
97897403362359789740336235
9789740336235CUPress
 
9789740336099
97897403360999789740336099
9789740336099CUPress
 
9789740336419
97897403364199789740336419
9789740336419CUPress
 

More from CUPress (20)

9789740337737
97897403377379789740337737
9789740337737
 
9789740337560
97897403375609789740337560
9789740337560
 
9789740337478
97897403374789789740337478
9789740337478
 
9789740337270
97897403372709789740337270
9789740337270
 
9789740337102
97897403371029789740337102
9789740337102
 
9789740337096
97897403370969789740337096
9789740337096
 
9789740337072
97897403370729789740337072
9789740337072
 
9789740337027
97897403370279789740337027
9789740337027
 
9789740336914
97897403369149789740336914
9789740336914
 
9789740336907
97897403369079789740336907
9789740336907
 
9789740336686
97897403366869789740336686
9789740336686
 
9789740336457
97897403364579789740336457
9789740336457
 
9789740336440
97897403364409789740336440
9789740336440
 
9789740336389
97897403363899789740336389
9789740336389
 
9789740336280
97897403362809789740336280
9789740336280
 
9789740336365
97897403363659789740336365
9789740336365
 
9789740336303
97897403363039789740336303
9789740336303
 
9789740336235
97897403362359789740336235
9789740336235
 
9789740336099
97897403360999789740336099
9789740336099
 
9789740336419
97897403364199789740336419
9789740336419
 

9789740336242

  • 1. ATTORNEY AT LAW LICENSE 1ธีระศักดิ์ สุโชตินันท - คําฟองคดีแพง คําฟองคดีแพง สวนที่ 1 คดีทางแพง คือคดีขอพิพาทที่มีขอขัดแยง หรือขอโตแยง หรือกลาวหากันเกี่ยวกับสิทธิ หรือหนาที่ของ บุคคลตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวของ โดยเปนการกระทําของบุคคลใดบุคคล หนึ่งหรือนิติบุคคลตามกฎหมายที่ทําใหเกิดความเดือดรอน รําคาญ กอความเสียหาย หรือละเมิดตอสิทธิที่มีอยู ตามกฎหมายของบุคคลอื่น และไมสามารถตกลงกันได เปนคดีที่มีขอขัดแยง ซึ่งผูไดรับความเสียหายฟอง บุคคลอื่นที่เปนเหตุแหงขอขัดแยงเปนจําเลยซึ่งศาลจะนัดชี้สองสถานกําหนดประเด็นขอพิพาท สืบพยาน และ มีคําพิพากษา เรียกวา “คดีมีขอพิพาท” อยางหนึ่ง เชน ละเมิดตอสิทธิในทรัพยสิน สิทธิในชีวิต รางกาย สิทธิ ในสิทธิในครอบครัว สิทธิในเกียรติยศ ชื่อเสียง กับคดีที่บุคคลจําเปนตองใชสิทธิทางศาล รองขอตอศาล เพื่อใหรับรองคุมครองสิทธิของตน โดยเปนกรณีที่กฎหมายกําหนดไว ใหการกระทําบางอยาง หรือการใชสิทธิ บางอยางจําตองไดรับอนุญาต หรือไดรับการรับรองจากศาลกอน เปนคดีที่ผูรองไมตองฟองใครเปนจําเลย แตจําเปนตองเสนอเรื่องราวของตนตอศาล เพื่อขอใหศาลมีคําสั่งใหกระทําการอยางใดอยางหนึ่ง หรืองดเวน กระทําการอยางใดอยางหนึ่ง หากมีคําสั่งศาลแลวไมอาจจะกระทําได ซึ่งกฎหมายกําหนดใหเสนอเรื่องราว หรือยื่นฟองโดยทําเปนคํารอง ผูนั้นเพียงแตยื่นคํารองตอศาลแสดงเหตุผลแหงความจําเปน และความตองการ โดยศาลจะนัดไตสวนคํารองของผูรองและมีคําสั่ง เรียกวา “คดีไมมีขอพิพาท” หรือ “คดีฝายเดียว” อีกอยางหนึ่ง เชน การขอเปนผูจัดการมรดกของผูตาย การขอใหศาลสั่งใหเปนคนไรความสามารถ การขอใหศาลแสดงกรรมสิทธิ์ ที่ดินโดยการครอบครองปรปกษ และหากการเสนอคํารองนั้นไปกระทบสิทธิหรือโตแยงสิทธิของบุคคลอื่นบุคคล ที่ถูกกระทบ หรือถูกโตแยงสิทธินั้นอาจโตแยง คัดคานคํารองเขามาเปนคูความในคดี มีผลทําใหคดีไมมีขอพิพาทนี้ กลายเปนคดีที่มีขอพิพาททันที หลักการทําคําฟองคดีแพงไดกลาวไวในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง ดังนี้ มาตรา 1 (3) “คําฟอง” หมายความวา “กระบวนพิจารณาใด ๆ ที่โจทกไดเสนอขอหาตอศาลไมวาจะ ไดเสนอดวยวาจาหรือทําเปนหนังสือ ไมวาจะไดเสนอตอศาลชั้นตน หรือชั้นอุทธรณหรือฎีกา ไมวาจะไดเสนอ ในขณะที่เริ่มคดีโดยคําฟองหรือคํารองขอหรือเสนอในภายหลังโดยคําฟองเพิ่มเติมหรือแกไข หรือฟองแยง หรือโดย สอดเขามาในคดีไมวาดวยสมัครใจ หรือถูกบังคับ หรือโดยมีคําขอใหพิจารณาใหม” หลักการเขียน 001Pang.indd 1 8/6/2560 19:44:19
  • 2. ATTORNEY AT LAW LICENSE 2 เตรียมสอบใบอนุญาตใหเปนทนายความ กรณีที่ถือวาเปนคําฟอง คือ ฟองเมื่อเริ่มคดี คํารองขอแกไขเพิ่มเติมฟอง ฟองแยง คํารองสอด อุทธรณ ฎีกาและคํารองขอใหพิจารณาคดีใหม การที่จะถือเปนคําฟองตองเปนกระบวนพิจารณาที่โจทกไดเสนอขอหาตอศาลหากมิใชการเสนอขอหา ตอศาลก็ไมถือเปนคําฟอง เชน คํารองของคูความที่ขอใหเรียกบุคคลภายนอกเขามาเปนคูความรวมไมมีลักษณะ เปนคําฟอง มาตรา 55 “เมื่อมีขอโตแยงเกิดขึ้น เกี่ยวกับสิทธิหรือหนาที่ของบุคคลใดตามกฎหมายแพง หรือบุคคล ใดจะตองใชสิทธิทางศาล บุคคลนั้นชอบที่จะเสนอคดีของตนตอศาลสวนแพงที่มีเขตอํานาจได ตามบทบัญญัติ แหงกฎหมายแพงและประมวลกฎหมายนี้” มาตรานี้เปนบทบัญญัติเรื่อง “อํานาจฟอง” มีหลักเกณฑดังนี้ 1. ผูที่จะเปนคูความจะตองเปนบุคคลซึ่งหมายถึงบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลถาไมเปนบุคคลก็ไม สามารถเปนคูความ (หมายถึง ผูยื่นคําฟองหรือผูถูกฟองตอศาล) ได นิติบุคคลแยกออกไดเปน 2 ประเภท คือ นิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ไดแก สมาคม มูลนิธิ หางหุนสวนสามัญจดทะเบียนหางหุน สวนจํากัด และบริษัทจํากัด นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายอื่น ไดแก สวนราชการ คือ กระทรวง ทบวง กรม ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผนดิน และพระราชบัญญัติจัดตั้งหนวยงานของรัฐตาง ๆ การ เปนนิติบุคคลประเภทนี้จะตองมีกฎหมายรองรับใหมีสถานะเปนนิติบุคคล หากไมมีสถานะเปนนิติบุคคลก็ไม สามารถเปนคูความได กองทัพบก กองทัพเรือ หรือกองทัพอากาศ เปนนิติบุคคลโดยมีฐานะเปนกรม แตหนวย งานที่สังกัดกองทัพบก กองทัพเรือ หรือกองทัพอากาศดังกลาว แมจะเรียกวากรม เชน กรมพระธรรมนูญ ก็ไมได มีฐานะเปนกรมตามกฎหมายจึงไมเปนนิติบุคคล เชนเดียวกันกับศาลตาง ๆ เชน ศาลฎีกา ศาลอุทธรณ ศาลแพง ก็ไมมีสถานะเปนนิติบุคคล หากมีขอพิพาทเกิดขึ้นตองใหสํานักงานเลขาธิการศาลยุติธรรมซึ่งเปนนิติบุคคล เปนผูดําเนินการ สวนคณะบุคคลตาง ๆ เชน คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นตามกฎหมาย ไมมีสถานะเปนนิติบุคคล จึงไมสามารถเปนคูความในคดีได ถาจะเปนคูความตองดําเนินการในนามของบุคคล หรือในฐานะบุคคลที่เปน กรรมการนั้น นอกจากนี้หากคณะกรรมการตาง ๆ นั้น กระทําในนามของหนวยงานใดก็สามารถฟองหนวยงาน นั้นได หากหนวยงานนั้นเปนนิติบุคคล โดยไมจําเปนตองฟองผูที่เปนกรรมการ คําพิพากษาฎีกาที่ 3625/2546 โจทกเปนหางหุนสวนสามัญมิไดจดทะเบียนเปนนิติบุคคล และไมมี กฎหมายใดกําหนดใหโจทกเปนนิติบุคคล โจทกจึงไมใชบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล และไมอาจเขามาเปน คูความในคดีได โจทกจึงไมมีอํานาจฟอง ปญหาเรื่องอํานาจฟองเปนเรื่องอันเกี่ยวดวยความสงบเรียบรอยของ ประชาชนแมจําเลยจะมิไดฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได 2. วิธีการเสนอคดีตอศาล คือตองมีการโตแยงสิทธิหรือหนาที่ หรือตองใชสิทธิทางศาล แยกพิจารณา ไดดังนี้ 2.1กรณีมีการโตแยงสิทธิหรือโตแยงหนาที่เปนคดีที่ตองทําเปนคําฟองเปนคดีที่มีขอพิพาทการที่จะ พิจารณาวามีการโตแยงสิทธิหรือไม ตองดูวาใครมีสิทธิหรือมีหนาที่อยูกอนหรือไม ตามกฎหมายในสวนสารบัญญัติ เพราะถาไมมีสิทธิหรือหนาที่ตามกฎหมายในสวนสารบัญญัติขอโตแยงก็เกิดขึ้นไมได การฟองคดีตามกฎหมาย วิธีพิจารณานั้นเปนกระบวนการที่จะทําใหสิทธิหนาที่ที่มีอยูตามกฎหมายในสวนนั้น 001Pang.indd 2 8/6/2560 19:44:20
  • 3. ATTORNEY AT LAW LICENSE 3ธีระศักดิ์ สุโชตินันท - คําฟองคดีแพง ในกรณีที่มีสิทธิ ตองดูวาเปนสิทธิของใคร และสิทธิตามที่กฎมายบัญญัตินั้นบางอยางเปนสิทธิใชยัน บุคคลไดทั่วไป สิทธิบางอยางใชยันไดเฉพาะบางคนเทานั้น สิทธิของบุคคลที่สามารถจะใชยันบุคคลทั่วไป เชน สิทธิเกี่ยวกับเสรีภาพ สิทธิในทรัพยสิน สวนสิทธิบางประเภทที่เกิดขึ้นโดยอาศัยบทบัญญัติของกฎหมายใน ลักษณะของนิติกรรม ไมกวางขวางไปใชยันกับบุคคลอื่นได จะใชยันไดแตเฉพาะคูกรณีในนิติกรรมนั้น ๆ เทานั้น สิทธิและหนาที่ที่มีอยูนั้นอาจเปนของบุคคลคนเดียวหรือหลายคน เชน เจาของรวม เจาหนี้รวม ลูกหนี้ รวม หรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดอาจมีฐานะหลายฐานะนอกจากฐานะของตัวเองแลว อาจมีฐานะอื่นอยูดวย เชน ฐานะของผูแทนโดยชอบธรรม หรือฐานะของผูแทนนิติบุคคล จึงตองพิจารณากอนวา สิทธิและหนาที่ของบุคคล นั้นมีสิทธิและหนาที่ในฐานะใด หากนําสิทธิในฐานะหนึ่งมาใชในอีกฐานะหนึ่ง ตองถือวาฐานะนั้นไมมีสิทธิ เชน นายชาติเปนผูจัดการของบริษัท นายชาติจึงมีสองฐานะ ฐานะสวนตัวกับฐานะของผูจัดการบริษัท ถามีขอโตแยง สิทธิของบริษัท นายชาติตองใชสิทธิในฐานะผูจัดการซึ่งเปนผูแทนของบริษัท หากใชสิทธิในฐานะสวนตัว ตองถือ วานายชาติไมมีอํานาจ เมื่อพิจารณาดูตามสิทธิถูกตองตามฐานะแลว ตองพิจารณาตอไปวามีการกระทําหรืองด เวนการกระทําอยางหนึ่งอยางใดที่ทําใหสิทธิหนาที่ของบุคคลนั้นถูกกระทบกระเทือนอันจะทําใหเกิดความเสีย หายในทางหนึ่งทางใดหรือไม และใครเปนผูกระทําหรืองดเวนการกระทํานั้น หลักการสําคัญที่จะตองพิจารณา อยูที่วาเมื่อมีการกระทําหรืองดเวนการกระทําใดๆที่บุคคลนั้นไมสามารถที่จะขจัดปดเปาดวยลําพังตนเองไดแลว จึงจะเรียกวาเปนการกระทําที่เปนการโตแยงสิทธิหรือหนาที่ การกระทําบางอยางไมใชถือวาเปนการถูกโตแยงสิทธิ หรือหนาที่ทุกอยางไป ตองมีขนาดของการกระทําวาจะกอใหเกิดความเสียหายแกผูทรงสิทธินั้นหรือไม หากวา การกระทําที่เจาของสิทธิสามารถปดเปาเองไดโดยไมตองอาศัยใคร ในทางกฎหมายไมถือวาเปนการโตแยงสิทธิ หรือหนาที่ถึงขนาดที่จะตองมาใชสิทธิทางศาล กรณีที่มีการฟองคดีเพราะเหตุมีการโตแยงสิทธิหรือหนาที่นี้เมื่อ ศาลพิจารณาคดีเสร็จ หากเปนกรณีที่ศาลจะวินิจฉัยในเนื้อหาของคดีแลว ศาลจะทําเปนคําพิพากษา ฉะนั้นคดี ประเภทนี้จึงเริ่มตนดวยคําฟอง และสวนใหญจบลงดวยคําพิพากษา คําพิพากษาฎีกาที่ 2204/2542 แมขณะเกิดเหตุโจทกไมใชเจาของรถยนตโดยสารคันพิพาท แตโจทก เชารถยนตคันพิพาทจากบริษัท โจทกยอมมีสิทธิครอบครองใชประโยชนจากรถยนตที่เชามาและมีหนาที่ตอง สงคืนรถยนตในลักษณะที่เรียบรอยแกผูใหเชา เมื่อรถยนตคันที่โจทกเชามาถูกเฉี่ยวชนไดรับความเสียหาย โจทก ยอมเปนผูเสียหายและมีอํานาจฟองได คําพิพากษาฎีกาที่ 5039-5041/2532 การที่จําเลยนําชี้ใหเจาพนักงานศาลทําแผนที่พิพาทในคดีอื่น วาที่ดินพิพาทในคดีนี้เปนของจําเลยและมรดกของสามีจําเลยคนละครึ่งนั้น การกระทําของจําเลยเปนการโตแยง สิทธิของโจทกแลว คําพิพากษาฎีกาที่ 2850/2541 ขณะเกิดเพลิงไหม โจทกยังชําระราคาที่ดินและโรงสีขาวใหแกผูซื้อ ไมครบตามสัญญา ผูซื้อจึงยังมิไดจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ใหแกโจทก แตโจทกไดเขาครอบครองทําประโยชน ในที่ดินและโรงสีขาวดังกลาวตั้งแตวันทําสัญญาซื้อขายแลว โจทกจึงเปนผูมีสวนไดเสียในโรงสีขาวดังกลาว เมื่อ โรงสีขาวเกิดเพลิงไหม โจทกยอมไดรับความเสียหาย ถือวาโจทกถูกโตแยงสิทธิในทรัพยนั้นแลว ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 โจทกจึงมีอํานาจฟองจําเลยทั้งเจ็ดซึ่งเปนผูเชาใหรับผิดได 001Pang.indd 3 8/6/2560 19:44:21
  • 4. ATTORNEY AT LAW LICENSE 4 เตรียมสอบใบอนุญาตใหเปนทนายความ 2.2 กรณีจะตองใชสิทธิทางศาล เปนคดีที่ตองทําเปนคํารองขอ เปนคดีไมมีขอพิพาท การใชสิทธิทางศาล ตองมีกฎหมายบัญญัติใหตองใชสิทธิทางศาลในเรื่องนั้น เชน การรองขอครอบครองปรปกษตามประมวลกฎหมาย แพงและพาณิชย มาตรา 1382 การรองขอตั้งผูจัดการมรดกเปนตน ดังนั้น การเสนอคดีในกรณีบุคคลใดจะตองใช สิทธิทางศาลนั้น มิไดหมายความวาจะใชสิทธิทางศาลไดตามอําเภอใจแตเปนเรื่องที่ตองพิจารณาวามีกฎหมาย สารบัญญัติสนับสนุนวาเปนเรื่องจําเปนจะตองใชสิทธิทางศาล เพื่อรับรองหรือคุมครองสิทธิของตนที่มีอยูหรือ ไมดวยคดีไมมีขอพิพาท ซึ่งเริ่มตนคดีดวยคํารองขอ ศาลวินิจฉัยคดีโดยทําเปนคําสั่ง คําพิพากษาฎีกาที่ 1150/2517 ผูไดมาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินมีโฉนดตามประมวลกฎหมายแพงและ พาณิชย มาตรา 1382 มีสิทธิยื่นคํารองขอฝายเดียวเพื่อใหศาลไตสวนแสดงวาตนมีกรรมสิทธิ์เฉพาะสวนในโฉนดนั้น ไดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา 188 คําพิพากษาฎีกาที่ 1537/2514 การขอใหเพิกถอนมติที่ประชุมใหญอันผิดระเบียบตามประมวลกฎ หมายแพงและพาณิชย มาตรา 1195 นั้น จะทําเปนคํารองขออยางคดีไมมีขอพิพาท หรือฟองเปนคดีขอพิพาท ก็ได คําพิพากษาฎีกาที่8504/2544การฟองขอใหรับเด็กเปนบุตรตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 1555 หากบิดายังมีชีวิตอยูตองเสนอคดีอยางคดีขอพิพาท คือฟองบิดาเปนจําเลยโดยทําเปนคําฟองตาม มาตรา 172 หากบิดาถึงแกความตายแลว ก็ชอบที่เสนอคดีอยางคดีไมมีขอพิพาทโดยทําเปนคํารองขอตาม มาตรา 188 (1) ในการเสนอคดีตอศาล ไมวาคดีมีขอพิพาทหรือคดีไมมีขอพิพาท ยังมีขอพิจารณาเพิ่มเติมอีก คือ 1) ผูเสนอคดีใชสิทธิโดยสุจริตหรือไม ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 5 ที่วา “ในการใชสิทธิแหงตนก็ดี ในการชําระหนี้ก็ดี บุคคลทุกคนตองกระทําโดยสุจริต” แตถาเปนการใชสิทธิโดยไม สุจริตแลวผูเสนอคดียอมไมมีอํานาจฟอง คําพิพากษาฎีกาที่ 3077/2531 โจทกสงของออกนอกราชอาณาจักรโดยมิไดเสียภาษีอากรอันเปนการ กระทําผิดตอพระราชบัญญัติศุลกากรเปนเหตุใหจําเลยผูขนสงไมอาจออกใบตราสงใหโจทกได การที่โจทกนํา คดีมาฟองเรียกคาเสียหายเนื่องจากจําเลยไมออกใบตราสงใหจึงเปนการใชสิทธิโดยไมสุจริต 2) เมื่อมีกฎหมายกําหนดไวเปนพิเศษวาจะฟองใครไดหรือไมไดอยางไรก็ตองเปนไปตามกฎหมายนั้น เชน พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ 2535 มาตรา 5 บัญญัติวา “หนวยงานของรัฐ ตองรับผิดตอผูเสียหายในผลแหงละเมิดที่เจาหนาที่ของตนไดกระทําในการปฏิบัติหนาที่ในกรณีนี้ผูเสียหายอาจ ฟองหนวยงานของรัฐดังกลาวไดโดยตรง แตจะฟองเจาหนาที่ไมได ถาการละเมิดเกิดจากเจาหนาที่ซึ่งไมสังกัด หนวยงานของรัฐแหงใด ใหถือวากระทรวงการคลังเปนหนวยงานของรัฐที่ตองรับผิดชอบตามวรรคหนึ่ง” จะเห็นวาถามีการกระทําการละเมิดของเจาหนาที่ของรัฐกอใหเกิดความเสียหายตอบุคคลใด ถึงแม ตามกฎหมายจะถือวาเจาหนาที่ของรัฐนั้นเปนผูโตแยงสิทธิของผูที่ไดรับความเสียหายจากการกระทําละเมิด นั้นก็ตาม ผูเสียหายจะฟองเจาหนาที่เปนการสวนตัวไมไดจะตองฟองหนวยงานที่เจาหนาที่นั้นสังกัดอยูตามที่ บัญญัติไวในมาตรา 5 นี้ จะพิจารณาเฉพาะมาตรา 55 อยางเดียวไมได 001Pang.indd 4 8/6/2560 19:44:21
  • 5. ATTORNEY AT LAW LICENSE 5ธีระศักดิ์ สุโชตินันท - คําฟองคดีแพง การเสนอคดีตอศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา 55 จะตองเสนอคดีของตน ตอศาลสวนแพงที่มีเขตอํานาจ ซึ่งจะตองพิจารณาเรื่องเขตอํานาจศาล ซึ่งการเสนอคําฟองบอกไวในมาตรา 2 “หามมิใหเสนอคําฟองตอศาลใด เวนแต (1)เมื่อไดพิจารณาถึงสภาพแหงคําฟองและชั้นของศาลแลว ปรากฏวาศาลนั้นมีอํานาจที่จะพิจารณา พิพากษาคดีนั้นไดตามบทบัญญัติแหงกฎหมายวาดวยพระธรรมนูญศาลยุติธรรม และ (2) เมื่อไดพิจารณาถึงคําฟองแลว ปรากฏวาคดีนั้นอยูในเขตศาลนั้นตามบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมาย นี้วาดวยศาลที่จะรับคําฟอง และตามบทบัญญัติแหงกฎหมายที่กําหนดเขตศาลดวย” ตามมาตรา 2 นี้ มีขอที่จะตองพิจารณา 2 สวนคือ 1. เรื่องอํานาจศาล ซึ่งหมายถึงอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม และผูพิพากษาตามพระ ธรรมนูญศาลยุติธรรม และตามบทบัญญัติที่จัดตั้งศาลชํานัญพิเศษตาง ๆ เชน อํานาจพิจารณาพิพากษาของศาล จังหวัด ศาลแขวง ศาลเยาวชนและครอบครัว ศาลแรงงาน เปนตน โดยพิจารณาไดจาก 1.1 สภาพแหงคําฟอง หมายถึง ลักษณะของคดีที่โจทกประสงคจะบังคับวาเปนคดีที่มีทุนทรัพย ถามี ทุนทรัพยแลวทุนทรัพยเทาใด ซึ่งพิจารณาไดจากตัวคําฟองของโจทก หรือคํารองขอและคําใหการของจําเลย หรือคํารองคัดคาน คดีมีทุนทรัพย หมายถึง คดีที่มีคําขอปลดเปลื้องทุกขอันอาจคํานวณเปนราคาเงินได คดีเชนนี้จะตองมี คําขอบังคับที่คํานวณไดเปนตัวเงินที่แนนอนในคําฟอง เชน คดีฟองเรียกหนี้เงินกู คดีไมมีทุนทรัพย หมายถึง คดีที่มีคําขอปลดเปลื้องทุกขอันไมอาจคํานวณเปนราคาเงินได เชน คดีฟอง ขอใหเปดทางการภารจํายอม สภาพแหงคําฟองนี้ มีความสําคัญตอการเสนอคําฟองไมวาในชั้นศาลใด ดังจะเห็นไดในกรณีการเสนอ คดีในศาลชั้นตนก็ตองดูวาสภาพของคดีที่ฟองนั้นอยูในอํานาจของศาลแขวง หรือศาลจังหวัด ศาลที่มีอํานาจ พิจารณาคดีแพง หรือคดีอาญา หรือศาลชํานัญพิเศษ หรือศาลพิเศษ หรือศาลในระบบอื่น 1.2 ชั้นของศาล ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมซึ่งแบงศาลออกเปน 3 ชั้น คือ ศาลชั้นตน ศาลอุทธรณ ศาลฎีกา การเสนอคดีหรือฟองคดีครั้งแรกนั้นจะตองเริ่มคดีที่ศาลชั้นตนตามที่บัญญัติไวในมาตรา 170 วรรคหนึ่งวา “หามมิใหฟอง พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีเปนครั้งแรกในศาล หรือโดยศาลอื่นนอกจากศาลชั้นตน เวนแตจะมี กฎหมายบัญญัติไวชัดแจงเปนอยางอื่น” 2. เรื่องเขตศาล หมายถึง พื้นที่ทางภูมิศาสตรที่ศาลนั้นจะใชอํานาจไดตามที่กําหนดไวในเรื่องอํานาจ ศาลตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ซึ่งในมาตรา 15 ไดบัญญัติเปนหลักการไววา หามมิใหศาลใชอํานาจนอก เขตศาล ดังนั้นจึงตองดูวาแตละศาลนั้นมีเขตอํานาจของตนครอบคลุมไปถึงทองที่ใดในทางภูมิศาสตร หลักใหญ ก็ตองอยูในมาตรา 36 แหงพระธรรมนูญศาลยุติธรรม และพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลนั้น ๆ ในการแบงเขตจะถือ หลักตามเขตการปกครอง ศาลที่จะยื่นฟองหรือเสนอคําฟองตองพิจารณาตามมาตรา 3, 4, 4 ทวิ, 4 ตรี, 4 จัตวา, 4 เบญจ, 4 ฉ, 5 และ 7 ซึ่งยังตองพิจารณาเปนคดีไมมีขอพิพาท (จะไมกลาวถึงในสวนตรงนี้ไปเปนอีกเรื่องหนึ่ง) และคดีมีขอพิพาท 001Pang.indd 5 8/6/2560 19:44:22
  • 6. ATTORNEY AT LAW LICENSE 6 เตรียมสอบใบอนุญาตใหเปนทนายความ ในคดีมีขอพิพาทนั้นเบื้องตนใหพิจารณาวาเปนคําฟองเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพย หรือสิทธิหรือประโยชน อันเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพยหรือไม ถาเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพย ตองพิจารณาตามมาตรา 4 ทวิ ที่บัญญัติวา “คําฟองเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพย หรือสิทธิหรือประโยชนอันเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพย ใหเสนอตอศาลที่ อสังหาริมทรัพยนั้นตั้งอยูในเขตศาล ไมวาจําเลยจะมีภูมิลําเนาอยูในราชอาณาจักรหรือไม หรือตอศาลที่จําเลย มีภูมิลําเนาอยูในเขตศาล” ศาลที่จะยื่นคําฟองคดีประเภทนี้ คือ ศาลที่อสังหาริมทรัพยตั้งอยู หรือศาลที่จําเลย มีภูมิลําเนา โดยโจทกสามารถยื่นฟองตอศาลหนึ่งศาลใดตามที่กลาวขางตนไดโดยไมตองยื่นคํารองขออนุญาต และ ไมตองคํานึงถึงวาโจทกจะเปนคนสัญชาติใด และมีภูมิลําเนาอยูในราชอาณาจักรหรือไม แตตองเปนกรณีที่เปน คดีเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยเทานั้น คําวาอสังหาริมทรัพยก็มีความหมายตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 100 สําหรับสังหาริมทรัพยบางประเภทถึงแมจะมีบทบัญญัติของกฎหมายใหมีทะเบียนก็ไมถือวาเปน อสังหาริมทรัพย การฟองคดีเกี่ยวกับสังหาริมทรัพยประเภทที่ตองมีทะเบียนจึงไมอยูในบังคับของมาตรานี้ อาจมี กรณีที่ศาลซึ่งมีเขตอํานาจมีหลายศาลโจทกตองเลือกฟองที่ศาลใดศาลหนึ่ง หากโจทกฟองคดีเดียวกันหลาย ศาลถือวาเปนการฟองซอน คําพิพากษาฎีกาที่ 1115/2523 คดีฟองขอใหบังคับจําเลยจดทะเบียนโอนที่ดินตามสัญญาจะซื้อจะ ขายเปนคดีเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพย คําพิพากษาฎีกาที่ 1134/2513 ฟองขับไลจําเลยออกจากบานพิพาทและใหใชคําเสียหาย เปนคําฟอง เกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพยตามมาตรา 4 ทวิ คําพิพากษาฎีกาที่ 2098/2519 ฟองใหเพิกถอนการซื้อขายที่ดินที่ทําโดยไมมีอํานาจเปนที่ดินที่โจทก ไดรับมาตามพินัยกรรมเปนการฟองเรียกที่ดินคืน เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย คําพิพากษาฎีกาที่ 1491/2519 กรรมการบริษัทใหเชาอาคารของบริษัทโดยไมมีอํานาจบริษัทใชอาคาร ไมไดบริษัทฟองขับไลผูเชา เปนคดีละเมิดเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยไมใชกรณีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาเชา จึงตองฟอง ศาลในเขตที่ทรัพยตั้งอยู สําหรับคําฟองที่ไมเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพยหรือสิทธิหรือประโยชนอันเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพย เชน การฟองเรียกเงินที่ชําระไปตามสัญญาซื้อขายทรัพยคืน ฟองเรียกมัดจําที่ไดชําระไปตามสัญญาจะซื้อจะขาย ฟองเรียกคาซื้อที่ดินที่คางชําระ มิใชคําฟองเกี่ยวดวยทรัพยหรือสิทธิหรือประโยชนใด ๆ อันเกี่ยวกับทรัพยที่ ซื้อขายไมเขามาตรา 4 ทวิ คําพิพากษาฎีกาที่ 955/2537 คําฟองขอใหบังคับจําเลยไปถอนคําคัดคานการขอโอนมรดกที่โจทกยื่น คํารองไวตอเจาพนักงานที่ดิน มิไดบงถึงการที่จะบังคับแกตัวทรัพยที่ดิน จึงไมใชคําฟองเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพย หรือสิทธิหรือประโยชนใด ๆ อันเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพย คําพิพากษาฎีกาที่1599/2529คําฟองกลาวหาวาจําเลยผิดสัญญาใหชดใชคาเสียหายแมเปนสัญญา วางมัดจําซื้อที่ดินและวาจางกอสรางอาคาร เมื่อคําฟองมิไดบงถึงการที่จะบังคับแกตัวทรัพยคือที่ดินและอาคาร ที่ปลูกสราง จึงไมเปนคําฟองเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพยสิทธิหรือประโยชนใด ๆ อันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย 001Pang.indd 6 8/6/2560 19:44:23
  • 7. ATTORNEY AT LAW LICENSE 7ธีระศักดิ์ สุโชตินันท - คําฟองคดีแพง คําฟองเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพย นอกจากจะฟองตอศาลที่อสังหาริมทรัพยตั้งอยูไดแลว โจทกก็ยังอาจ เลือกฟองตอศาลที่จําเลยมีภูมิลําเนาอยูในเขตศาลไดดวย คําวา “ภูมิลําเนา” มีความหมายตามที่บัญญัติไวใน ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 37 ถึง 47 สวนภูมิลําเนาของนิติบุคคลก็ตองถือตาม มาตรา 68 และ 69 ถาคําฟองนั้นไมเกี่ยวดวยอสังหาริมทรัพย ที่เรียกวา คําฟองเกี่ยวดวยหนี้เหนือบุคคล ตองพิจารณาตาม มาตรา 4 (1) ที่บัญญัติวา “เวนแตจะมีบทบัญญัติเปนอยางอื่น (1) คําฟอง ใหเสนอตอศาลที่จําเลยมีภูมิลําเนา อยูในเขตศาล หรือตอศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลไมวาจําเลยจะมีภูมิลําเนาอยูในราชอาณาจักรหรือไม” คือ ใชแกการเสนอคําฟองที่ไมอยูในบังคับของมาตรา 4 ทวิ ถึงมาตรา 4 ฉ หากคําฟองหรือคํารองขอใดตองดวย กรณีใดตามบทบัญญัติดังกลาว ก็ตองเสนอตอศาลตามที่บัญญัติไวในบทมาตรานั้น ๆ จะเสนอคดีตอศาลตาม มาตรา 4 นี้ไมได ศาลที่จะยื่นคําฟองประเภทนี้ คือ ศาลที่จําเลยมีภูมิลําเนา หรือศาลที่มูลคดีเกิดขึ้น เชน คดีฟองเรียกหนี้เงินกู คดีเชาซื้อ คดีซื้อขายสังหาริมทรัพยหนี้เหนือบุคคลที่เกิดจากสัญญา หากสัญญาเกิดขึ้นที่ใด ถือวามูลคดีเกิดขึ้นที่ดังกลาว เชนเดียวกันหนี้ที่เกิดจากการละเมิด เหตุละเมิดเกิดขึ้นที่ใดก็ถือวามูลคดีเกิดที่นั้น * กรณีเชาซื้อ คําพิพากษาฎีกาที่534/2540เมื่อสัญญาเชาซื้อและสัญญาคํ้าประกันพิมพขอความครบถวนที่ภูมิลําเนา ของบริษัทโจทกที่เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร เทากับไดจัดทําเอกสารดังกลาวขึ้น ณ สถานที่นั้น และกรรมการ ของโจทกลงนามสนองรับคําเสนอของจําเลยที่ภูมิลําเนาของโจทกจึงเกิดสัญญาขึ้น มูลคดีในการทําสัญญาเชา ซื้อและสัญญาคํ้าประกัน จึงเกิดขึ้นที่ภูมิลําเนาของโจทกอันอยูในเขตอํานาจของศาลแพงกรุงเทพใต * กรณีซื้อขาย คําพิพากษาฎีกาที่ 5483/2540 จําเลยตกลงซื้อปลาจากแพปลาของโจทกในจังหวัดสงขลา เพื่อให สงปลาไปใหจําเลยที่จังหวัดภูเก็ต สัญญาซื้อขายเกิดขึ้นที่จังหวัดสงขลา สวนจังหวัดภูเก็ตเปนสถานที่สงและรับ มอบสินคา เมื่อจําเลยผิดสัญญา มูลความแหงคดีจึงเกิดขึ้นเนื่องจากสัญญาซื้อขายดังกลาว ศาลจังหวัดสงขลา จึงเปนศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลยอมมีอํานาจรับฟองคดีไวพิจารณาพิพากษาไดตามมาตรา 4 (1) * กรณีสัญญาประกันภัย คําพิพากษาฎีกาที่ 922/2542 ตัวแทนหรือพนักงานของจําเลยไปอธิบายรายละเอียดผลประโยชนและ เงื่อนไขของกรมธรรมให ท. ฟงที่บานในเขตทองที่อําเภอวังนํ้าเย็น จังหวัดปราจีนบุรี อยูในเขตอํานาจของศาล จังหวัดกบินทรบุรีซึ่งเปนภูมิลําเนาของ ท. เมื่อ ท. ฟงคําอธิบายแลวจึงตกลงใจเอาประกันชีวิตกับจําเลยโดยลง ลายมือชื่อในคําขอเอาประกันชีวิต แลวไดสงคําขอเอาประกันชีวิตไปใหสํานักงานใหญของจําเลย และจําเลย ตกลงรับประกันชีวิตของ ท. มูลคดีจากการทําสัญญาประกันชีวิตเกิดที่ภูมิลําเนาของ ท. ดวยโจทกมีอํานาจฟอง จําเลยตอศาลจังหวัดกบินทรบุรีไดตามมาตรา 4 (1) * กรณีขายลดตั๋วเงิน คําพิพากษาฎีกาที่ 7212/2545 โจทกฟองขอใหจําเลยชําระเงินตามเช็คโดยบรรยายฟองวาจําเลยที่ 2 นําเช็คที่จําเลยที่ 1 สั่งจาย มาแลกเงินสดจากโจทก เมื่อเช็คถึงกําหนดโจทกไดนําไปเขาบัญชีที่ธนาคารสาขา ชุมแพ จังหวัดขอนแกน เพื่อเรียกเก็บเงินธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจายเงินและโจทกระบุสถานที่ตั้งบริษัทโจทกที่ 001Pang.indd 7 8/6/2560 19:44:23
  • 8. ATTORNEY AT LAW LICENSE 8 เตรียมสอบใบอนุญาตใหเปนทนายความ จังหวัดขอนแกน มิไดบรรยายถึงสถานที่ตั้งแหงอื่นอีก สถานที่จําเลยที่ 2 นําเช็คมาแลกเงินสดจึงไดแก สถานที่ ที่ตั้งของโจทกซึ่งอยูในจังหวัดขอนแกน ศาลจังหวัดขอนแกนมีอํานาจรับฟองคดีของโจทกไวพิจารณาไดตาม มาตรา 4 (1) * กรณีสัญญาประกันชีวิต คําพิพากษาฎีกาที่ 572/2549 จ. มีภูมิลําเนาอยูอําเภอเมืองตราด จังหวัดตราด ไดติดตอผาน ว. นาย หนาขายประกันชีวิตของบริษัทจําเลยซึ่งมีภูมิลําเนาอยูที่จังหวัดตราด โดย ว. เปนผูกรอกขอความลงในใบคําขอ เอาประกันชีวิตให จ. ลงลายมือชื่อในฐานะผูขอเอาประกันภัย แลวสงเอกสารนั้นไปใหจําเลยซึ่งมีสํานักงานอยูที่ กรุงเทพมหานคร พิจารณารับคําขอเอาประกันชีวิตและออกกรมธรรมใหดังนี้ การเริ่มตนทําสัญญาประกันชีวิต จึงเกิดขึ้นที่จังหวัดตราด กรณีถือไดวามูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลจังหวัดตราดอีกแหงหนึ่งดวย โจทกจึงมีอํานาจ ฟองคดีตอศาลจังหวัดตราดไดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง * กรณีฟองหยา คําพิพากษาฎีกาที่ 4443/2546 การที่โจทกจะเสนอคําฟองตอศาลใดตองเปนไปตามบทบัญญัติ มาตรา 4 (1) คือ เสนอตอศาลที่จําเลยมีภูมิลําเนาอยูในเขตศาลหรือตอศาลที่มูลคดี เกิดขึ้น ในเขตศาลไมวาจําเลยจะ มีภูมิลําเนาอยูในราชอาณาจักรหรือไม ซึ่งคําวา “มูลคดีเกิด” ยอมหมายถึงตนเหตุอันเปนที่มาของคําฟอง คดีนี้โจทกฟองหยาจําเลยตน เหตุของคําฟองคือเหตุหยา สวนการจดทะเบียนสมรสเปนตนเหตุของความเปน สามีภริยา กับสถานที่จดทะเบียนสมรสจึงหาใชเปนสถานที่มูลคดีของเหตุฟองหยาเกิดตามที่โจทก อางมาในฎีกา แตอยางใดไม เมื่อปรากฏตามคําฟองของโจทกไดความวาในระหวางสมรสโจทกจําเลยพักอาศัยอยูบานเดียวกัน ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จําเลยไดกระทําการเปนปรปกษตอการเปนสามีภริยาโดยทํารายรางกายโจทกและขับไล โจทกออกจากบานอันเปนเหตุฟองหยา ฉะนั้น จังหวัดนครศรีธรรมราชจึงเปนสถานที่มูลคดีของเหตุฟองหยา เกิดทั้งปรากฏตามคําฟองวาจําเลยมีภูมิลําเนาอยูที่จังหวัดนครศรีธรรมราชโจทกจึงไมมีสิทธิฟองหยาจําเลยที่ ศาลจังหวัดพัทลุงตามบทบัญญัติกฎหมายดังกลาวขางตน * กรณีบัตรเครดิต คําพิพากษาฎีกาที่ 6509/2547 แมตามสําเนาใบสมัครสมาชิกบัตรเครดิตระบุวา สถานที่รับบัตรและ สงใบเรียกเก็บเงินคือบานจําเลยที่จังหวัดราชบุรี ซึ่งเปนสถานที่มูลคดีเกิด แตในคดีแตละคดีมูลคดีอาจเกิดขึ้นได หลายแหง คดีนี้หลังจากจําเลยผิดสัญญาใชบัตรเครดิตเปนหนี้จํานวนหนึ่ง โจทกจําเลยไดทําหนังสือรับสภาพหนี้ ซึ่ง แมวาไมลบลางหนี้เดิมหรือเกิดหนี้ใหมแตหนังสือรับสภาพหนี้ก็เปนนิติกรรมอันชอบดวยกฎหมายมีผลผูกพัน คูสัญญา จึงถือไดวาสถานที่ที่ทําหนังสือรับสภาพหนี้เปนสถานที่เกิดมูลคดีอีกแหงหนึ่ง เมื่อหนังสือรับสภาพหนี้ ทําที่สํานักงานใหญของธนาคารโจทกซึ่งอยูในอํานาจศาลแขวงพระโขนง อีกทั้งโจทกฟองขอบังคับตามหนังสือ รับสภาพหนี้และแนบหนังสือรับสภาพหนี้มาทายฟองอันเปนสวนหนึ่งของฟอง การที่โจทกยื่นฟองตอศาลแขวง พระโขนงจึงชอบดวยมาตรา 4 (1) * กรณีโทรศัพทมือถือ คําพิพากษาฎีกาที่ 8450/2547 คําวามูลคดีตามมาตรา 4 (1) หมายถึงตนเหตุอันเปนที่มา แหงการ 001Pang.indd 8 8/6/2560 19:44:24
  • 9. ATTORNEY AT LAW LICENSE 9ธีระศักดิ์ สุโชตินันท - คําฟองคดีแพง โตแยงสิทธิอันจะทําใหเกิดอํานาจฟองรองตามสิทธินั้น สํานักงานใหญของโจทก ซึ่งตองอยูในเขตอํานาจของศาลชั้น ตนเปนผูพิจารณาอนุมัติสัญญาการใชบริการวิทยุคมนาคม เมื่อไดอนุมัติสัญญาแลวพรอมกันนั้นสํานักงานใหญ ของโจทก จะเปนผูเปดสัญญาณที่อยูที่สํานักงานใหญของโจทกแลวจึงโทรศัพทแจงสํานักงานสาขา หรือตัวแทน ของโจทกที่รับคําขอใชบริการเพื่อแจงใหจําเลยซึ่งเปนผูขอใชบริการทราบ หลังจากนั้นจําเลยก็สามารถใชบริการ วิทยุคมนาคมตามคําขอที่ยื่นไวได การอนุมัติและการเปดสัญญาณของสํานักงานใหญของโจทกในลักษณะ เชนนี้ จึงเปนการกระทําอันใดอันหนึ่งซึ่งมีผลเปนการแสดงเจตนาสนองคําขอของจําเลยที่ไดยื่นคําขอใชบริการตอ สํานักงานสาขา หรือตัวแทนของโจทกแมถึงจะเปนการแสดงเจตนาที่กระทําตอจําเลยซึ่งมิไดอยูเฉพาะหนา แตก็ ถือไดวาตามปกติประเพณีการตกลงทําสัญญาใหใชบริการวิทยุคมนาคมระหวางโจทกกับจําเลยที่กระทําขึ้นใน ลักษณะเชนนี้ยอมไดเกิดเปนสัญญาขึ้นเมื่อสํานักงานใหญของโจทกไดสนองรับคําเสนอ โดยเปดสัญญาณวิทยุ คมนาคมที่สํานักงานใหญของโจทก ซึ่งมีผลทําใหจําเลยสามารถใชบริการวิทยุคมนาคมระหวางโจทกไดแลว โดยไมจําเปนตองมีคําบอกกลาวสนองไปถึงจําเลยผูเสนอตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา 361 วรรคสอง แตประการใดอีก ดังนั้น เมื่อสัญญาการใชบริการวิทยุคมนาคมระหวางโจทกจําเลยไดเกิดขึ้นที่สํานักงาน ใหญของโจทกซึ่งตั้งอยูในเขตอํานาจของศาลชั้นตน และโจทกฟองขอใหบังคับจําเลยชําระหนี้อันเกิดจากการใช บริการตามสัญญาการใชบริการวิทยุคมนาคมดังกลาวยอมถือไดวาศาลชั้นตนเปนศาลหนึ่งที่มูลคดีนี้เกิดขึ้นใน เขตอํานาจ ตามประมวลกฎหมายแพงวิธีพิจารณาความแพง มาตรา 4 (1) ศาลชั้นตนจึงเปนศาลที่มีอํานาจที่จะ พิจารณาพิพากษาคดีนี้ได หลักเกณฑการบรรยายฟองนั้นไดกลาวไวในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา 172 วา “ภายใตบังคับบทบัญญัติมาตรา 57 (รองสอด) ใหโจทกเสนอขอหาของตนโดยทําเปนคําฟองเปนหนังสือยื่นตอ ศาลชั้นตน คําฟองตองแสดงโดยแจงชัดซึ่งสภาพแหงขอหาของโจทกและคําขอบังคับทั้งขออางที่อาศัยเปนหลัก แหงขอหาเชนวานั้น ใหศาลตรวจคําฟองนั้นแลวสั่งใหรับไว หรือใหยกเสีย หรือใหคืนไป ตามที่บัญญัติไวในมาตรา 18 (การ ตรวจคําคูความ)” จะพบวาคําฟองจะเสนอดวยวาจาหรือทําเปนหนังสือก็ได (มาตรา 1 (3)) ในการทําคําฟองนั้นโดยหลัก แลวตองทําคําฟองเปนหนังสือ (มาตรา 172 วรรคแรก) เวนแตการทําคําฟองในคดีมโนสาเร อาจเสนอดวยวาจา ได (มาตรา 191 วรรคแรก) ในทางปฏิบัติแมจะเปนคดีมโนสาเรการทําคําฟองทําเปนหนังสือเสมอ เนื่องจากคําฟองเปนคําคูความที่จะตองสงใหแกคูความอีกฝายหนึ่งหรือบุคคลที่เกี่ยวของ กรณีจึงตก อยูในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา 67 ซึ่งบัญญัติวา “เมื่อประมวลกฎหมายนี้หรือ กฎหมายอื่นบัญญัติวา เอกสารใดจะตองสงใหแกคูความฝายใดฝายหนึ่ง หรือบุคคลที่เกี่ยวของ เชน คําคูความที่ นําโดยคําฟอง คําใหการ หรือคํารอง หรือคําขอโดยทําเปนคํารอง หมายเรียก หรือหมายอื่น ๆ คําแถลงการณ หรือสําเนาพยานเอกสาร ฯลฯ เอกสารนั้นตองทําขึ้นใหปรากฏขอความแนชัดถึงตัวบุคคลและมีรายการตอไปนี้ 001Pang.indd 9 8/6/2560 19:44:24
  • 10. ATTORNEY AT LAW LICENSE 10 เตรียมสอบใบอนุญาตใหเปนทนายความ (1) ชื่อศาลที่จะรับคําฟอง หรือถาคดีอยูในระหวางพิจารณาชื่อของศาลนั้นและเลขหมายคดี (2) ชื่อคูความในคดี (3) ชื่อคูความหรือบุคคล ซึ่งจะเปนผูรับคําคูความหรือเอกสารนั้น (4) ใจความและเหตุผลถาจําเปนแหงคําคูความหรือเอกสาร (5) วัน เดือน ป ของคําคูความ หรือเอกสาร และลายมือชื่อของเจาพนักงาน คูความหรือบุคคลซึ่งเปน ผูยื่นหรือเปนผูสง ในการยื่นหรือสงคําคูความ หรือเอกสารอื่นใดอันจะตองทําตามแบบพิมพที่จัดไว เจาพนักงาน คูความ หรือบุคคลผูเกี่ยวของจะตองใชกระดาษแบบพิมพนั้น สวนราคากระดาษแบบพิมพนั้นใหเรียกตามที่รัฐมนตรี วาการกระทรวงยุติธรรมจะไดกําหนดไว” ตามบทบัญญัติมาตรา 67 นี้ รายการในคําฟองมี 5 ประการ ดังนี้ 1) ชื่อศาลที่จะรับคําฟอง หรือถาคดีอยูในระหวางพิจารณาชื่อของศาลนั้นและเลขหมายคดี 1.1) ชื่อศาลที่จะรับคําฟอง หมายความวาคําฟองที่จะเสนอตอศาลที่มีเขตเหนือคดี ในคําฟองนั้นตอง ลงชื่อศาลที่จะนําคําฟองไปเสนอดวย เชน ศาลที่มีเขตเหนือคดี คือศาลจังหวัดอุทัยธานี คําฟองที่จะนําเสนอตอ ศาลจังหวัดอุทัยธานี ตองลงวาศาลจังหวัดอุทัยธานี 1.2)หรือถาคดีอยูในระหวางพิจารณาชื่อของศาลนั้นและเลขหมายคดีหมายความวามีคดีอยูในระหวาง พิจารณา หากเสนอคําฟองภายหลังเกี่ยวเนื่องกับคดีที่คางพิจารณาตอศาลที่พิจารณาคดีแรก คําฟองที่เสนอ ภายหลังตองลงชื่อศาลที่กําลังพิจารณาคดีแรกและเลขหมายคดี เชน คดีแรกอยูในระหวางการพิจารณาของ ศาลจังหวัดธัญบุรี หากโจทกประสงคเพิ่มเติมหรือแกไขคําฟอง คําฟองเพิ่มเติมหรือแกไขตองลงชื่อศาลจังหวัด ธัญบุรี และเลขหมายคดีของคดีที่อยูในระหวางพิจารณา “เลขหมายคดี” หมายความวาเมื่อมีคดีขึ้นมาสูศาล ศาลจะลงเลขเรียกวา “เลขดํา” ตามลําดับของการที่เกิดคดีขึ้นในปนั้น 2) ชื่อคูความในคดี หมายถึงชื่อตัวความคือชื่อโจทกผูยื่นคําฟองและชื่อจําเลย ผูที่โจทกยื่นคําฟองขอ ใหเรียกเขามาเปนจําเลย กรณีโจทกจําเลยเปนนิติบุคคล ตองเรียกนิติบุคคลนั้นตามชื่อหรือตามชื่อที่จดทะเบียน (มาตรา 68) ถาตัวความมิไดฟองคดีเองมีผูอื่นฟองคดีแทนตัวความเชนนี้จะตองระบุไวชัดเจนวาตัวความคือใคร ผูฟองแทนเปนใคร โดยระบุชื่อตัวความไวหนาชื่อผูใชอํานาจฟองแทนไวหลัง 3) ชื่อคูความหรือบุคคลซึ่งจะเปนผูรับคําฟองนั้น ซึ่งหมายถึงจําเลยนั่นเอง โดยตองระบุชื่อจําเลย ภูมิลําเนาหรือถิ่นที่อยูของจําเลยเพื่อจะไดสงสําเนาคําฟองและหมายเรียกใหจําเลยไดถูกตอง 4) ใจความและเหตุผล ถาจําเปนแหงคําคูความหรือเอกสาร หมายความวา นอกจากจะตองปฏิบัติตาม รายการทั้งสามรายการขางตนแลว จะตองมีขอความในฟองนั้นวาจะฟองอยางไร กลาวคือ ตองเรียบเรียงคําฟอง โดยมีใจความและเหตุผลตามที่จําเปนในการฟองคดีนั้น การเรียบเรียงคําฟองโดยมีใจความและเหตุผลตาม ที่จําเปนอยางไรนั้นคงเปนไปตามที่บัญญัติไวในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา 172 วรรคสอง วา “คําฟองตองแสดงโดยแจงชัดซึ่งสภาพแหงขอหาของโจทกและคําขอบังคับทั้งขออางที่อาศัยเปนหลักแหงขอหา เชนวานั้น” ใจความและเหตุผลที่เราจะใสในคําฟองจึงประกอบดวย 2 ประการคือ สภาพแหงขอหาของผูที่เปน โจทกนั้น พรอมทั้งขออางที่อาศัยเปนหลักแหงขอหาเชนวานั้น และคําขอบังคับ 001Pang.indd 10 8/6/2560 19:44:25