พันธุกรรมกับสิ่งแวดล้อม ม.5

1. พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมม.5
บทที่ 1 พันธุกรรม

2. สืบค้นข้อมูล อภิปราย และอธิบายเกี่ยวกับลักษณะพันธุกรรม สารพันธุกรรม
และโครโมโซม
จุดประสงค์การเรียนรู้
สืบค้นข้อมูล อภิปราย และอธิบายเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะทาง
พันธุกรรม การแปรผันทางพันธุกรรม และการเกิดมิวเทชัน
อธิบายผลการคัดเลือกตามธรรมชาติ การคัดเลือกและปรับปรุงพันธุ์โดยมนุษย์
อธิบายความสาคัญและยกตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีชีวภาพในการปรับปรุงพันธุ์

3. ลักษณะทางพันธุกรรม

4. คือลักษณะที่สามารถถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น
ลักษณะทางพันธุกรรม
เช่นไข่เป็ดไม่ว่าจะฟักด้วยวิธีใดก็จะออกมามีลักษณะของเป็ด
ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตมีลักษณะที่แตกต่างกันไปตามลักษณะทางพันธุกรรม

8. ตัวอย่างลักษณะทางพันธุกรรม
ลักษณะ ลักษณะเด่น ลักษณะด้อย
เชิงผมหน้าผาก แหลม ไม่แหลม
ติ่งหู มีติ่งหู ไม่มีติ่งหู
ตา ตาชั้นเดียว ตา2ชั้น
การห่อลิ้น ห่อลิ้นได้ ห่อลิ้นไม่ได้
ผม ผมหยิก ผมตรง
จมูก จมูกโด่ง จมูกแบน
ลักยิ้ม มีลักยิ้ม ไม่มีลักยิ้ม
สีผิว ผิวดา ผิวสีอื่นๆ
มือ(ความถนัด) ถนัดขวา ถนัดซ้าย
สีตา ตาสีดา ตาสีอื่น

9. ตัวอย่างลักษณะทางพันธุกรรม

10. ตัวอย่างลักษณะทางพันธุกรรม

11. ตัวอย่างลักษณะทางพันธุกรรม

12. ตัวอย่างลักษณะทางพันธุกรรม

13. โครโมโซมและการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม

14. โครโมโซม
 เป็นส่วนเก็บข้อมูลสาหรับควบคุมลักษณะทางพันธุกรรม(DNA)
 ซึ่งสารนี้จะถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปสู่ลูกผ่านสิ่งที่เรียกว่า“เซลล์สืบพันธุ์”
โครโมโซมประกอบด้วย 2 โครมาทิดที่เหมือนกัน(คล้ายปาท่องโก๋)

15. โครโมโซม

16. โครโมโซม

17. โครโมโซม

18. ชนิดของโครโมโซม
โครโมโซมร่างกายหรือออโตโซม
 ควบคุมลักษณะต่างๆ ของร่างกาย ยกเว้นลักษณะที่เกี่ยวกับเพศ
 เซลล์ของทั้งผู้ชายและผู้หญิงจะมีออโตโซมเหมือนกันมี 22คู่

19. ชนิดของโครโมโซม
2) โครโมโซมเพศ(sexchromosome)
 เป็นโครโมโซมคู่ที่23 ทาหน้าที่ควบคุมหรือกาหนดเพศ
 ได้แก่โครโมโซมX และY โดยY มีขนาดเล็กกว่าโครโมโซมX มาก
 ซึ่งในเพศหญิงเป็นแบบXXเพศชายเป็นแบบXY

20. ชนิดของโครโมโซม

21. จานวนโครโมโซม
แต่ละสิ่งมีชีวิตมีจานวนโครโมโซมไม่เท่ากันคนเรามี23 คู่ 46 แท่ง

22. จานวนโครโมโซม

23. จีโนม(Genome)
คือสารพันธุกรรมทั้งหมดของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งๆ( ดูจากจานวนคู่เบสของDNA)

24. การแบ่งเซลล์

25. การแบ่งเซลล์
เป็นกระบวนการพื้นฐานของเซลล์สิ่งมีชีวิต
 แบ่งเป็น 2 แบบ คือ ไมโตซิส (Mitosis) และไมโอซิส (Meiosis)

26.  ไมโตซิส(Mitosis)
เป็นการแบ่งเซลล์เพื่อเพิ่มจานวนในการเจริญเติบโตในเซลล์ร่างกาย
 จะได้เซลล์ใหม่ที่มีลักษณะเหมือนเดิมทุกประการ
 อัตราการแบ่งเซลล์จาก1 เป็น2 2 เป็น4 4เป็น8 เป็นต้น

27. ขั้นตอนการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส
การจาลองตนเองของโครโมโซม
 เมื่ออยู่ในสภาวะปกติจะมีลักษณะเป็นเส้นพันกันเรียกว่า“ โครมาติน”
 จะเพิ่มเป็น2 เท่าเรียกระยะนี้ ว่าระยะอินเตอร์เฟส( Interphase)

28. โครโมโซมหดตัวสั้นลง
 โครมาตินหดตัวจนมีรูปร่างคล้ายป๋าท่องโก๋เยื่อหุ้มนิวเคลียสสลายไป
 เซนทริโอลย้ายไปอยู่ขั้วเซลล์เรียกระยะนี้ว่าระยะโพรเฟส( Prophase)

29. โครโมโซมมาเรียงตัวตรงกลางเซลล์
 โครโมโซมเลื่อนมาเรียงตรงกลางเซลล์มีการสร้างเส้นใยจากเซนทริโอล
 ไปจับที่รอยต่อของโครมาติดเรียกว่าระยะเมตาเฟส( Metaphase)

30. การแยกจากกันของโครมาติด
 เส้นใยจากเซนทริโอลดึงโครมาติดให้แยกออกจากกัน
 ได้โครโมโซม2 กลุ่ม เรียกว่าระยะแอนาเฟส( Anaphase)

31. การแบ่งเซลล์เป็น2 เซลล์
 เกิดเยื่อหุ้มนิวเคลียสล้อมรอบโครโมโซมทั้ง2 กลุ่ม โดยแบ่งไซโทพลาสซึม
 เพื่อแยกเป็น2 เซลล์เรียกว่าระยะเทโลเฟส( Telophase)

32. ขั้นตอนการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส

33. ไมโอซิส(Meiosis)
เป็นการแบ่งเซลล์เพื่อสร้างเซลล์สืบพันธุ์ซึ่งจะมีการแบ่งเซลล์2 ครั้ง
 เรียกว่าไมโอซิสI และไมโอซิสIIโดยมีการจาลองโครโมโซมแค่1 รอบ
 ทาให้เซลล์เพิ่มจานวนจาก1 เป็น4 แต่โครโมโซมเหลือแค่ครึ่งหนึ่ง

34. สาเหตุที่ต้องลดโครโมโซมลงครึ่งหนึ่ง
ในเซลล์ร่างกายจะมีโครโมโซม2 ชุด(2n)
 โดยชุดหนึ่ง(n)ได้มาจากอสุจิของพ่อและอีกชุดหนึ่ง(n)มาจากไข่ของแม่
 เมื่อเกิดการปฏิสนธิระหว่างไข่กับอสุจิก็จะมีโครโมโซมเป็น2 ชุดเหมือนเดิม

35. ไมโอซิส I

36. ไมโอซิส I

37. ไมโอซิส I