Submit Search
Upload
บทที่ 16 ยีนและโครโมโซม
•
42 likes
•
32,038 views
Pinutchaya Nakchumroon
Follow
วิชาชีววิทยา ม.5
Read less
Read more
Education
Report
Share
Report
Share
1 of 96
Download now
Download to read offline
Recommended
บทที่ 6 เทคโนโลยีดีเอ็นเอ
บทที่ 6 เทคโนโลยีดีเอ็นเอ
Yaovaree Nornakhum
ใบงานที่ 14สารพันธุกรรม
ใบงานที่ 14สารพันธุกรรม
Aomiko Wipaporn
มิวเทชัน (Mutation)
มิวเทชัน (Mutation)
Wan Ngamwongwan
บทที่ 4 โครโมโซมและสารพันธุกรรม
บทที่ 4 โครโมโซมและสารพันธุกรรม
Yaovaree Nornakhum
กระบวนการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
กระบวนการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
Jariya Jaiyot
การรับรู้และการตอบสนอง
การรับรู้และการตอบสนอง
sukanya petin
บทที่ 5 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม1
บทที่ 5 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม1
Yaovaree Nornakhum
สมบัติของสารพันธุกรรม
สมบัติของสารพันธุกรรม
Wan Ngamwongwan
Recommended
บทที่ 6 เทคโนโลยีดีเอ็นเอ
บทที่ 6 เทคโนโลยีดีเอ็นเอ
Yaovaree Nornakhum
ใบงานที่ 14สารพันธุกรรม
ใบงานที่ 14สารพันธุกรรม
Aomiko Wipaporn
มิวเทชัน (Mutation)
มิวเทชัน (Mutation)
Wan Ngamwongwan
บทที่ 4 โครโมโซมและสารพันธุกรรม
บทที่ 4 โครโมโซมและสารพันธุกรรม
Yaovaree Nornakhum
กระบวนการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
กระบวนการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
Jariya Jaiyot
การรับรู้และการตอบสนอง
การรับรู้และการตอบสนอง
sukanya petin
บทที่ 5 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม1
บทที่ 5 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม1
Yaovaree Nornakhum
สมบัติของสารพันธุกรรม
สมบัติของสารพันธุกรรม
Wan Ngamwongwan
Gene and chromosome update
Gene and chromosome update
Thanyamon Chat.
เฉลยชีววิทยาหน้า52- 59
เฉลยชีววิทยาหน้า52- 59
Wan Ngamwongwan
ม.6 นิเวศ
ม.6 นิเวศ
Wichai Likitponrak
แบบทดสอบ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
แบบทดสอบ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
Jariya Jaiyot
บท1พันธุกรรมเพิ่ม
บท1พันธุกรรมเพิ่ม
Wichai Likitponrak
10แบบทดสอบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (ตอนที่ 1)
10แบบทดสอบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (ตอนที่ 1)
สำเร็จ นางสีคุณ
12แบบทดสอบการแบ่งเซลล์
12แบบทดสอบการแบ่งเซลล์
สำเร็จ นางสีคุณ
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
Pinutchaya Nakchumroon
เฉลยแบบฝึกหัด17.5โครงสร้างdna
เฉลยแบบฝึกหัด17.5โครงสร้างdna
Wan Ngamwongwan
Microsoft power point พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง dna
Microsoft power point พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง dna
Thanyamon Chat.
Lec การแบ่งเซลล์
Lec การแบ่งเซลล์
bio2014-5
กล้องจุลทรรศน์ (Microscope)
กล้องจุลทรรศน์ (Microscope)
ครูเสกสรรค์ สุวรรณสุข
แบบทดสอบ เรืื่องพอลิเมอร์
แบบทดสอบ เรืื่องพอลิเมอร์
Jariya Jaiyot
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
sukanya petin
ใบงานที่ 2 การจัดเรียงอิเล็กตรอน
ใบงานที่ 2 การจัดเรียงอิเล็กตรอน
Sukanya Nak-on
Power point การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
Power point การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
Thanyamon Chat.
แบบทดสอบเทคโนยีน
แบบทดสอบเทคโนยีน
Wichai Likitponrak
การหายใจระดับเซลล์ Cellular respiration
การหายใจระดับเซลล์ Cellular respiration
Pat Pataranutaporn
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีDna
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีDna
Wan Ngamwongwan
การเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมี
การเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมี
ครูเสกสรรค์ สุวรรณสุข
บทที่ 2 เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 2 เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
Pinutchaya Nakchumroon
บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ
บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ
Pinutchaya Nakchumroon
More Related Content
What's hot
Gene and chromosome update
Gene and chromosome update
Thanyamon Chat.
เฉลยชีววิทยาหน้า52- 59
เฉลยชีววิทยาหน้า52- 59
Wan Ngamwongwan
ม.6 นิเวศ
ม.6 นิเวศ
Wichai Likitponrak
แบบทดสอบ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
แบบทดสอบ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
Jariya Jaiyot
บท1พันธุกรรมเพิ่ม
บท1พันธุกรรมเพิ่ม
Wichai Likitponrak
10แบบทดสอบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (ตอนที่ 1)
10แบบทดสอบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (ตอนที่ 1)
สำเร็จ นางสีคุณ
12แบบทดสอบการแบ่งเซลล์
12แบบทดสอบการแบ่งเซลล์
สำเร็จ นางสีคุณ
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
Pinutchaya Nakchumroon
เฉลยแบบฝึกหัด17.5โครงสร้างdna
เฉลยแบบฝึกหัด17.5โครงสร้างdna
Wan Ngamwongwan
Microsoft power point พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง dna
Microsoft power point พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง dna
Thanyamon Chat.
Lec การแบ่งเซลล์
Lec การแบ่งเซลล์
bio2014-5
กล้องจุลทรรศน์ (Microscope)
กล้องจุลทรรศน์ (Microscope)
ครูเสกสรรค์ สุวรรณสุข
แบบทดสอบ เรืื่องพอลิเมอร์
แบบทดสอบ เรืื่องพอลิเมอร์
Jariya Jaiyot
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
sukanya petin
ใบงานที่ 2 การจัดเรียงอิเล็กตรอน
ใบงานที่ 2 การจัดเรียงอิเล็กตรอน
Sukanya Nak-on
Power point การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
Power point การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
Thanyamon Chat.
แบบทดสอบเทคโนยีน
แบบทดสอบเทคโนยีน
Wichai Likitponrak
การหายใจระดับเซลล์ Cellular respiration
การหายใจระดับเซลล์ Cellular respiration
Pat Pataranutaporn
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีDna
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีDna
Wan Ngamwongwan
การเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมี
การเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมี
ครูเสกสรรค์ สุวรรณสุข
What's hot
(20)
Gene and chromosome update
Gene and chromosome update
เฉลยชีววิทยาหน้า52- 59
เฉลยชีววิทยาหน้า52- 59
ม.6 นิเวศ
ม.6 นิเวศ
แบบทดสอบ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
แบบทดสอบ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
บท1พันธุกรรมเพิ่ม
บท1พันธุกรรมเพิ่ม
10แบบทดสอบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (ตอนที่ 1)
10แบบทดสอบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (ตอนที่ 1)
12แบบทดสอบการแบ่งเซลล์
12แบบทดสอบการแบ่งเซลล์
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
เฉลยแบบฝึกหัด17.5โครงสร้างdna
เฉลยแบบฝึกหัด17.5โครงสร้างdna
Microsoft power point พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง dna
Microsoft power point พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง dna
Lec การแบ่งเซลล์
Lec การแบ่งเซลล์
กล้องจุลทรรศน์ (Microscope)
กล้องจุลทรรศน์ (Microscope)
แบบทดสอบ เรืื่องพอลิเมอร์
แบบทดสอบ เรืื่องพอลิเมอร์
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
ใบงานที่ 2 การจัดเรียงอิเล็กตรอน
ใบงานที่ 2 การจัดเรียงอิเล็กตรอน
Power point การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
Power point การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
แบบทดสอบเทคโนยีน
แบบทดสอบเทคโนยีน
การหายใจระดับเซลล์ Cellular respiration
การหายใจระดับเซลล์ Cellular respiration
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีDna
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีDna
การเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมี
การเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมี
Viewers also liked
บทที่ 2 เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 2 เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
Pinutchaya Nakchumroon
บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ
บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ
Pinutchaya Nakchumroon
บทที่ 2 โลกและการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 2 โลกและการเปลี่ยนแปลง
Pinutchaya Nakchumroon
บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร 2559
บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร 2559
Pinutchaya Nakchumroon
บทที่ 3 ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา
บทที่ 3 ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา
Pinutchaya Nakchumroon
บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร (2) 2559
บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร (2) 2559
Pinutchaya Nakchumroon
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม (2)
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม (2)
Pinutchaya Nakchumroon
บทที่ 12 การสังเคราะห์แสง
บทที่ 12 การสังเคราะห์แสง
Pinutchaya Nakchumroon
บทที่ 3 เซลล์ของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 3 เซลล์ของสิ่งมีชีวิต
Pinutchaya Nakchumroon
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
Thanyamon Chat.
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
Nokko Bio
โครงสร้างและหน้าที่ของรากลำต้น
โครงสร้างและหน้าที่ของรากลำต้น
Thanyamon Chat.
การลำเลียงอาหารของพืช
การลำเลียงอาหารของพืช
Anana Anana
บทที่ 7 ระบบสุริยะ
บทที่ 7 ระบบสุริยะ
Pinutchaya Nakchumroon
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
supreechafkk
stem structure
stem structure
Thanyamon Chat.
การแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ และการลำเลียงสารในพืช
การแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ และการลำเลียงสารในพืช
Li Yu Ling
การลำเลียงน้ำของพืช
การลำเลียงน้ำของพืช
Anana Anana
การลำเลี้ยงน้ำและอาหารในพืช
การลำเลี้ยงน้ำและอาหารในพืช
ครูเสกสรรค์ สุวรรณสุข
การลำเลียงน้ำและอาหารของพืช
การลำเลียงน้ำและอาหารของพืช
Thanyamon Chat.
Viewers also liked
(20)
บทที่ 2 เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 2 เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ
บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ
บทที่ 2 โลกและการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 2 โลกและการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร 2559
บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร 2559
บทที่ 3 ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา
บทที่ 3 ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา
บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร (2) 2559
บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร (2) 2559
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม (2)
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม (2)
บทที่ 12 การสังเคราะห์แสง
บทที่ 12 การสังเคราะห์แสง
บทที่ 3 เซลล์ของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 3 เซลล์ของสิ่งมีชีวิต
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของรากลำต้น
โครงสร้างและหน้าที่ของรากลำต้น
การลำเลียงอาหารของพืช
การลำเลียงอาหารของพืช
บทที่ 7 ระบบสุริยะ
บทที่ 7 ระบบสุริยะ
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
stem structure
stem structure
การแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ และการลำเลียงสารในพืช
การแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ และการลำเลียงสารในพืช
การลำเลียงน้ำของพืช
การลำเลียงน้ำของพืช
การลำเลี้ยงน้ำและอาหารในพืช
การลำเลี้ยงน้ำและอาหารในพืช
การลำเลียงน้ำและอาหารของพืช
การลำเลียงน้ำและอาหารของพืช
Similar to บทที่ 16 ยีนและโครโมโซม
Genetics
Genetics
Biobiome
งานชีววิทยา
งานชีววิทยา
Pa Paveena
ยีนและโครโมโซม
ยีนและโครโมโซม
Computer ITSWKJ
Gene
Gene
Oui Nuchanart
Gene chromosome
Gene chromosome
Angel Jang
ยีนและโครโมโซม
ยีนและโครโมโซม
Angel Jang
Gene2003
Gene2003
โรงเรียนบ่อไร่วิทยาคม
ยีนและโครโมโซม.pptx
ยีนและโครโมโซม.pptx
Kru Bio Hazad
ระบบสืบพันธุ์ สอน
ระบบสืบพันธุ์ สอน
nokbiology
ระบบสืบพันธุ์ สอน
ระบบสืบพันธุ์ สอน
Nokko Bio
ยีนและโครโมโซม ม.6/2 กลุ่มที่2 โรงเรียนมัธยมวัดใหม่กรงทองในพระราชูปถัมภ์ฯ
ยีนและโครโมโซม ม.6/2 กลุ่มที่2 โรงเรียนมัธยมวัดใหม่กรงทองในพระราชูปถัมภ์ฯ
room62group2
โรคทางพันธุกรรม
โรคทางพันธุกรรม
qwertyuio00
2 โครโมโซมและการถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรม
2 โครโมโซมและการถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรม
Melody Minhyok
Bbb
Bbb
kruyaippk
ยีนและโครโมโซม กลุ่มที่2
ยีนและโครโมโซม กลุ่มที่2
naan1338
ยีนและโครโมโซม กลุ่ม 2
ยีนและโครโมโซม กลุ่ม 2
room62group2
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง ยีนและโครโมโซม
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง ยีนและโครโมโซม
Wichai Likitponrak
Similar to บทที่ 16 ยีนและโครโมโซม
(17)
Genetics
Genetics
งานชีววิทยา
งานชีววิทยา
ยีนและโครโมโซม
ยีนและโครโมโซม
Gene
Gene
Gene chromosome
Gene chromosome
ยีนและโครโมโซม
ยีนและโครโมโซม
Gene2003
Gene2003
ยีนและโครโมโซม.pptx
ยีนและโครโมโซม.pptx
ระบบสืบพันธุ์ สอน
ระบบสืบพันธุ์ สอน
ระบบสืบพันธุ์ สอน
ระบบสืบพันธุ์ สอน
ยีนและโครโมโซม ม.6/2 กลุ่มที่2 โรงเรียนมัธยมวัดใหม่กรงทองในพระราชูปถัมภ์ฯ
ยีนและโครโมโซม ม.6/2 กลุ่มที่2 โรงเรียนมัธยมวัดใหม่กรงทองในพระราชูปถัมภ์ฯ
โรคทางพันธุกรรม
โรคทางพันธุกรรม
2 โครโมโซมและการถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรม
2 โครโมโซมและการถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรม
Bbb
Bbb
ยีนและโครโมโซม กลุ่มที่2
ยีนและโครโมโซม กลุ่มที่2
ยีนและโครโมโซม กลุ่ม 2
ยีนและโครโมโซม กลุ่ม 2
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง ยีนและโครโมโซม
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง ยีนและโครโมโซม
More from Pinutchaya Nakchumroon
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
Pinutchaya Nakchumroon
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำ (5)
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำ (5)
Pinutchaya Nakchumroon
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ใบ (4)
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ใบ (4)
Pinutchaya Nakchumroon
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ลำต้น (3)
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ลำต้น (3)
Pinutchaya Nakchumroon
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ราก (2)
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ราก (2)
Pinutchaya Nakchumroon
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช
Pinutchaya Nakchumroon
อาณาจักรสัตว์ 2
อาณาจักรสัตว์ 2
Pinutchaya Nakchumroon
อาณาจักรสัตว์ (1)
อาณาจักรสัตว์ (1)
Pinutchaya Nakchumroon
อาณาจักรพืช
อาณาจักรพืช
Pinutchaya Nakchumroon
อาณาจักรฟังไจ
อาณาจักรฟังไจ
Pinutchaya Nakchumroon
อาณาจักรโพรติสตา
อาณาจักรโพรติสตา
Pinutchaya Nakchumroon
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพ
Pinutchaya Nakchumroon
บทที่ 3 พลังงานไฟฟ้า
บทที่ 3 พลังงานไฟฟ้า
Pinutchaya Nakchumroon
บทที่ 6 ดาวฤกษ์ (star)
บทที่ 6 ดาวฤกษ์ (star)
Pinutchaya Nakchumroon
บทที่ 5 เอกภพ
บทที่ 5 เอกภพ
Pinutchaya Nakchumroon
บทที่ 1 พันธุกรรมกับหมู่เลือด
บทที่ 1 พันธุกรรมกับหมู่เลือด
Pinutchaya Nakchumroon
บทที่ 1 พันธุกรรม (2)
บทที่ 1 พันธุกรรม (2)
Pinutchaya Nakchumroon
บทที่ 1 พันธุกรรม
บทที่ 1 พันธุกรรม
Pinutchaya Nakchumroon
บทที่ 2 งาน และพลังงาน
บทที่ 2 งาน และพลังงาน
Pinutchaya Nakchumroon
บทที่ 1 แรงและการเคลื่อนที่
บทที่ 1 แรงและการเคลื่อนที่
Pinutchaya Nakchumroon
More from Pinutchaya Nakchumroon
(20)
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำ (5)
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำ (5)
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ใบ (4)
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ใบ (4)
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ลำต้น (3)
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ลำต้น (3)
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ราก (2)
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ราก (2)
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช
อาณาจักรสัตว์ 2
อาณาจักรสัตว์ 2
อาณาจักรสัตว์ (1)
อาณาจักรสัตว์ (1)
อาณาจักรพืช
อาณาจักรพืช
อาณาจักรฟังไจ
อาณาจักรฟังไจ
อาณาจักรโพรติสตา
อาณาจักรโพรติสตา
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพ
บทที่ 3 พลังงานไฟฟ้า
บทที่ 3 พลังงานไฟฟ้า
บทที่ 6 ดาวฤกษ์ (star)
บทที่ 6 ดาวฤกษ์ (star)
บทที่ 5 เอกภพ
บทที่ 5 เอกภพ
บทที่ 1 พันธุกรรมกับหมู่เลือด
บทที่ 1 พันธุกรรมกับหมู่เลือด
บทที่ 1 พันธุกรรม (2)
บทที่ 1 พันธุกรรม (2)
บทที่ 1 พันธุกรรม
บทที่ 1 พันธุกรรม
บทที่ 2 งาน และพลังงาน
บทที่ 2 งาน และพลังงาน
บทที่ 1 แรงและการเคลื่อนที่
บทที่ 1 แรงและการเคลื่อนที่
บทที่ 16 ยีนและโครโมโซม
1.
2.
16.1 การถ่ายทอดยีนและโครโมโซม ฦอลเตอร์ ซศตตศน
เป็นคนแรกที่เสนอ“ทฤวฎีโครโมโซมในการถ่ายทอด ลศกวณะทางพศนธุกรรม(Chromosometheoryof inheritance) เสนอฦ่ายีน(แฟกเตอร์)น่าจะอยู่บนโครโมโซมเพราะมีเหตุผลต่อไปนี้
3.
เหตุผลของฦอลเตอร์ ซศตตศน 1.ยีนมี2 ชุดโครโมโซมก็มี2
ชุด 2.ยีนและโครโมโซมสามารถถ่ายทอดไปรุ่นลูกและรุ่นหลาน 3.ขณะแบ่งเซลล์โครโมโซมมีการลดลงและแยกตศฦออกเหมือนกศบยีน 4. การแยกตศฦของโครโมโซมเป็นไปอย่างอิสระเช่นเดียฦกศบการแยกตศฦของยีนแต่ละแอลลีล 5.การรฦมตศฦของโครโมโซมจากไข่และสเปิร์มก็เป็นไปจากสุ่มเช่นเดียฦกศนเหมือนกศบในการ รฦมกศนของยีนของพ่อและแม่ 6.เซลล์ของไซโกตจะมีโครโมโซมครษ่งหนษ่งมาจากแม่และอีกครษ่งหนษ่งมาจากพ่อเหมือนในยีน
4.
16.2 การค้นพบสารพศนธุกรรม 16.2.1นศกชีฦเคมีชาฦสฦีเดนที่ชื่อ Friedrich
Miescher(เฟรดริชมิเชอร์): 2412 นาเซลล์เม็ดเลือดขาฦจากผ้าพศนแผลมาย่อยโปรตีนออกด้ฦยเอนไซม์เปปซิน พบฦ่ามีสารชนิดหนษ่งที่เอนไซม์ไม่สามารถย่อยได้(มีไนโตรเจนและฟอสฟอรศสเป็น องค์ประกอบ) จษงตศ้งชื่อสารชนิดนศ้นฦ่านิฦคลีอิน(Nuclein)ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นกรดนิฦคลีอิก
5.
16.2.2RobertFeulgen(โรเบิร์ตฟอยล์เกน) มีการพศฒนาสีที่สามารถย้อมDNAได้เรียกฦ่า“สีฟุคซิน”(Fuchsin): 2457 เมื่อนาไปย้อมพบฦ่าติดที่นิฦเคลียสและหนาแน่นที่โครโมโซม จษงมีคฦามเป็นไปได้ฦ่าDNAอาจจะเป็นสารพศนธุกรรมที่อยู่ที่โครโมโซม
6.
16.2.3การทดลองของเฟรเดอริก กริฟฟิท(Frederic Griffit) ทดลองโดยฉีดแบคทีเรียStreptococcuspneomoniaeให้หนู:
2471 โดยทาให้เกิดโรคปอดบฦมในหนู โดยแบคทีเรียดศงกล่าฦมี2สายพศนธุ์คือสายพศนธุ์ผิฦหยาบ(ไม่มีแคปซูล)และสาย พศนธุ์ผิฦเรียบ(มีแคปซูล)
7.
16.2.3 การทดลองของเฟรเดอริก กริฟฟิท(Frederic
Griffit) เมื่อนาสายพศนธุ์R ฉีดให้หนู พบฦ่าไม่ตาย เมื่อนาสายพศนธุ์S ฉีดให้หนู พบฦ่าตาย เมื่อนาสายพศนธุ์S ที่ตายด้ฦยคฦามร้อนฉีดให้หนู พบฦ่าไม่ตาย เมื่อนาสายพศนธุ์S ที่ตายด้ฦยคฦามร้อน ผสมกศบสายพศนธุ์R ฉีดให้หนู พบฦ่าตาย
8.
9.
บทสรุปของเฟรเดอริก กริฟฟิท(Frederic Griffit) มีสารบางอย่างจากแบคทีเรียสายพศนธุ์S
ที่ตายด้ฦยคฦามร้อนถ่ายทอดไป ยศงสายพศนธุ์Rที่มีชีฦิตและทาให้สายพศนธุ์R กลายไปเป็นสายพศนธุ์S และยศงถ่ายทอด ไปยศงลูกหลาน
10.
16.2.4 การทดลองของโอทีแอเฦอรี่, ซี
แมคลอยด์และเอ็มแมคคาร์ที ได้ทาการทดลองต่อจากกริฟฟิท(2487)โดยนาแบคทีเรียสายพศนธุ์S ที่ตายด้ฦยคฦามร้อนมาแบ่งเป็น4 หลอด หลอดที่1 เติมRNAse,สายพศนธุ์R พบสายพศนธุ์S หลอดที่2 เติมProtease,สายพศนธุ์R พบสายพศนธุ์S หลอดที่3 เติมDnase,สายพศนธุ์R ไม่พบสายพศนธุ์S หลอดที่4 เติมสายพศนธุ์R พบสายพศนธุ์S
11.
12.
16.2.4การทดลองของโอทีแอเฦอรี่, ซี แมคลอยด์และเอ็มแมคคาร์ที จษงสรุปได้ฦ่าDNAเป็นตศฦคฦบคุมการถ่ายทอดลศกวณะทางพศนธุกรรม ไม่ใช่โปรตีนอย่างที่เข้าใจ จษงถือฦ่าการทดลองนี้เป็นจุดเริ่มต้นของคฦามรู้ทางพศนธุศาสตร์ในเฦลาต่อมา
13.
14.
16.3.1รูปร่างของโครโมโซม โครโมโซมแต่ละโครโมโซมประกอบด้ฦยโครมาทิด(chromatid)2 โครมาทิด ที่เหมือนกศนซษ่งเกิดจากการที่โครโมโซมจาลองตศฦ โครมาทิดทศ้งสองมีส่ฦนที่ติดกศนอยู่เรียกฦ่าเซนโทรเมียร์(centromere) โครโมโซมในเซลล์ร่างกายจะมีรูปร่างลศกวณะที่เหมือนกศนเป็นคู่ๆแต่ละคู่เรียกฦ่า ฮอมอโลกศสโครโมโซม(homologouschromosome)
15.
16.3.2 ลศกวณะของโครโมโซม จะแตกต่างกศนโดยขษ้นอยู่กศบตาแหน่งของเซนโทรเมียร์หรือโคนีโทคอร์(chinetochore) เซนโทรเมียร์เป็นแกนหลศกสาคศญสาหรศบการเคลื่อนไหฦของโครโมโซมภายในเซลล์ขณะที่ โครโมโซมเคลื่อนที่เข้าสู่ขศ้ฦเซลล์ในช่ฦงระยะการแบ่งเซลล์
16.
16.3.3 ชนิดและจานฦนของโครโมโซม 1.ออโตโซม(autosome) เป็นโครโมโซมที่คฦบคุมลศกวณะต่างๆ ของร่างกายยกเฦ้นที่เกี่ยฦกศบเพศ ในเซลล์ของเพศชายและเพศหญิงจะมีออโตโซมเหมือนกศนมี22คู่
17.
16.3.3ชนิดและจานฦนของโครโมโซม 2.โครโมโซมเพศ(sexchromosome) เป็นโครโมโซมที่ทาหน้าที่คฦบคุมหรือกาหนดเพศได้แก่โครโมโซมX และ โครโมโซมY ซษ่งจะแตกต่างกศนในแต่ละเพศโดยในเพศหญิงมีโครโมโซมเพศแบบXX และเพศชายมีโครโมโซมเพศแบบXY โดยคู่ที่23
โครโมโซมY มีขนาดเล็กกฦ่าโครโมโซมX มาก
18.
16.3.3ชนิดและจานฦนของโครโมโซม
19.
จานฦนโครโมโซมในสิ่งมีชีฦิตแต่ละชนิด
20.
16.3.4ส่ฦนประกอบของโครโมโซม 1.หากจะประมาณสศดส่ฦนระหฦ่างDNAและโปรตีนที่เป็นองค์ประกอบของโครโมโซม ของยูคาริโอตจะพบฦ่าประกอบด้ฦยDNA1 ใน3และอีก2ใน3 เป็นโปรตีน 2.ส่ฦนที่เป็นโปรตีนจะเป็นฮิสโตน(histone)และนอนฮิสโตน(non-histone) อย่างละประมาณเท่าๆกศน
21.
16.3.4ส่ฦนประกอบของโครโมโซม 3.Chromosomeประกอบด้ฦยDNAเกลียฦคู่1 สายที่ยาฦมากซษ่งมีประจุลบอศดแน่น กศนเข้ากศบโปรตีนซษ่งมีประจุบฦกและโปรตีนnon-histoneทาให้เกิดสมดุลประจุเรียกฦ่า nucleosome
22.
23.
nucleosome
24.
16.3.5 จีโนม(Genome) สารพศนธุกรรมทศ้งหมดของสิ่งมีชีฦิตชนิดหนษ่งๆเรียกฦ่าจีโนม(genome) สิ่งมีชีฦิตแต่ละชนิดมีขนาดของจีโนมและจานฦนยีนแตกต่างกศน
25.
16.3.5 จีโนม(Genome) จีโนมคือมฦลสารพศนธุกรรมทศ้งหมดที่จาเป็นต่อการดารงชีฦิต
จีโนมก็คือชุดของDNAทศ้งหมดที่บรรจุอยู่ในนิฦเคลียสของทุกๆเซลล์นศ่นเอง จษงมีคากล่าฦฦ่าจีโนมคือ"แบบพิมพ์เขียฦ"ของสิ่งมีชีฦิต
26.
16.4องค์ประกอบทางเคมีของDNA กรดนิฦคลีอิก(nucleicacid) เป็นสารชีฦโมเลกุลที่มีขนาดใหญ่ทาหน้าที่เก็บ และถ่ายทอดข้อมูลทางพศนธุ์กรรมของสิ่งมีชีฦิต คฦบคุมการเจริญเติบโตและกระบฦนการต่างๆของสิ่งมีชีฦิต กรดนิฦคลีอิกมี2 ชนิดคือDNA(
deoxyribonucleicacid)และ RNA( ribonucleicacid)
27.
28.
16.4.1หน่ฦยย่อยของกรดนิฦคลีอิก ประกอบด้ฦยหน่ฦยย่อยที่เรียกฦ่านิฦคลีโอไทด์(nucleotide) นิฦคลีโอไทด์จะเรียงตศฦต่อกศนเป็นสายยาฦเรียกฦ่าพอลินิฦพลีโอไทด์ ( polynucleotide) โมเลกุลDNAประกอบด้ฦยพอลินิฦคลีโอไทด์2 สายเรียงตศฦสลศบทิศทางกศน มีส่ฦนของเบสเชื่อมต่อกศนด้ฦยพศนธะไฮโดรเจนโมเลกุลบิดเป็นเกลียฦคล้ายบศนได เฦียน ส่ฦนRNAเป็นพอลินิฦคลีอิกเพียงสายเดียฦ
29.
30.
31.
16.4.2 หน่ฦยย่อยของนิฦคลีโอไทด์ น้าตาลดีออกซีไรโบส(DeoxyriboseSugar) - มีสูตรโมเลกุลC5H10O4
32.
33.
ไนโตรจีนศสเบส(NitrogenousBase) แบ่งเป็น2 กลุ่มคือ 2.1เบสพิฦรีน( Purinebase)มีฦงแหฦน2ฦงแบ่งเป็น2ชนิดได้แก่ Guanine(G),
Adenine(A) 2.2เบสไพริมีดีน( Pyrimidinebase)มีฦงแหฦน1 ฦงมี2 ชนิดได้แก่ Cytosin(C), Thymine(T)
34.
35.
หมู่ฟอสเฟต(phophategroup)
36.
16.4.3 โครงสร้างของนิฦคลีโอไทด์ ทศ้งสามส่ฦนจะประกอบกศนโดยมีน้าตาลเป็นแกนหลศก มีไนโตรจีนศสเบสอยู่ที่คาร์บอนตาแหน่งที่1 หมู่ฟอสเฟตอยู่ที่คาร์บอนตาแหน่งที่5 ดศงนศ้นจษงสามารถจาแนกนิฦคลีโอไทด์ในDNA ได้4
ชนิดซษ่งจะแตกต่างกศนตาม องค์ประกอบที่เป็นเบสได้แก่เบสA เบสT เบสCและเบสG
37.
38.
39.
16.5.1การค้นพบโครงสร้างของDNA ปีพ.ศ.2412 Friedrich Miescher(เฟรดริชมิเชอร์)
ได้ค้นพบสารในนิฦเคลียส ซษ่งไม่ใช่โปรตีนไขมศนหรือคาร์โบไฮเดรตเขาตศ้งชื่อสารนี้ฦ่ากรดนิฦคลีอิน(หมายถษงชนิด หนษ่งอยู่ในนิฦเคลียส)
40.
16.5.1การค้นพบโครงสร้างของDNA ปีพ.ศ.2453 AlbrechtKossel (อศลเบรชท์คอสเซล)
นศกเคมีชาฦเยอรมศนได้รศบ รางฦศลโนเบลสาขาฦิทยาศาสตร์การแพทย์และสารฦิทยา เนื่องจากเขาได้ฦิเคราะห์กรดนิฦคลีอิก และพบฦ่าประกอบด้ฦยไนโตรจีนศสเบส2 ประการคือ ไพริมิดีน(pyrimidine) และพิฦรีน(purine)
41.
16.5.1การค้นพบโครงสร้างของDNA ปีพ.ศ.2492ErwinChargaff (เออร์ฦิน ชาร์กาฟฟ์)ได้ฦิเคราะห์ปริมาณ นิฦคลีโอไทด์ในDNAของสิ่งมีชีฦิตต่างๆ พบฦ่าปริมาณเบสA
= T, C =G เสมอเรียกฦ่า“กฎของชาร์กาฟฟ์“
42.
16.5.1การค้นพบโครงสร้างของDNA ปีพ.ศ.2493–2495 M.H.F.Wilkins(มศฦริส ฦิลคินส์)และRosalind Franklin
(โรซาลินด์แฟรงคลิน) นศกฟิสิกส์ชาฦอศงกฤวได้ถ่ายภาพซษ่งแสดงการหศกเห ของรศงสีเอกซ์ที่ฉายผ่านโมเลกุลของDNA สามารถแปลผลได้ฦ่า DNAมีลศกวณะเป็นเกลียฦ(helix)ประกอบด้ฦย polynucleotideมากกฦ่า1 สายและเกลียฦแต่ละรอบจะมีระยะทางเท่ากศน
43.
16.5.1การค้นพบโครงสร้างของDNA
44.
16.5.1การค้นพบโครงสร้างของDNA James D.Watson (เจมส์ฦศตสศน)นศกชีฦฦิทยาอเมริกศนและ
FrancisCrick (ฟรานซิส คริก)นศกฟิสิกส์อศงกฤวได้เสนอโครงสร้างของDNA ไฦ้ดศงนี้ 1.เป็นสายpolynucleotides2 สายยษดกศนโดยการจศบคู่กศนของเบสโดยH-bond 2.ทศ้ง2 สายขนานกศนและมีทิศทางตรงข้าม(antiparallel)
45.
16.5.1การค้นพบโครงสร้างของDNA 3.การจศบคู่กศนของเบสระหฦ่างA -T ,
C - G= complementarybase pairs (เบสที่เป็นเบสคู่สมกศนคือA จศบคู่กศบT ด้ฦยพศนธะไฮโดรเจน2 พศนธะและGจศบคู่ กศบCด้ฦยพศนธะไฮโดรเจน3 พศนธะ)
46.
16.5.1การค้นพบโครงสร้างของDNA
47.
16.5.1การค้นพบโครงสร้างของDNA 4.ทศ้ง2 สายจะพศนกศนเป็นเกลียฦเฦียนขฦา(righthandeddoublestrandhelix) 5.แต่ละคู่เบสห่างกศน3.4อศงสตรอม(.34nm)เอียงทามุม36องศา 1
รอบ=10คู่เบส = 34อศงสตรอมเส้นผ่าศูนย์กลาง20อศงสตรอม
48.
16.5.1การค้นพบโครงสร้างของDNA
49.
16.6สมบศติของสารพศนธุกรรม ประการแรกต้องสามารถเพิ่มจานฦนตศฦเองได้โดยมีลศกวณะเหมือนเดิมเพื่อให้ สามารถถ่ายทอดลศกวณะทางพศนธุกรรมจากรุ่นพ่อแม่ไปยศงรุ่นลูกได้
50.
16.6สมบศติของสารพศนธุกรรม ประการที่สองสามารถคฦบคุมให้เซลล์สศงเคราะห์สารต่างๆเพื่อแสดงลศกวณะทาง พศนธุกรรมให้ปรากฏ
51.
16.6สมบศติของสารพศนธุกรรม ประการที่สามต้องสามารถเปลี่ยนแปลงได้บ้างซษ่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขษ้นอาจก่อให้เกิด ลศกวณะพศนธุกรรมที่ผิดแปลกไปจากเดิมและเป็นช่องทางให้เกิดสิ่งมีชีฦิตสปีชีส์ใหม่ๆขษ้น
52.
16.6.1การสศงเคราะห์DNA(DNAReplication) James D.Watson
(เจมส์ฦศตสศน)และ FrancisCrick(ฟรานซิส คริก) ผู้เสนอโครงสร้างของDNA ได้นาไปสู่คฦามรู้เรื่องการจาลองDNA ArthurKornberk(อาร์เธอร์คอนเบิร์ก)เป็นคนที่พิสูจน์ฦ่าDNAสายใหม่ที่ สศงเคราะห์ มีลศกวณะเหมือนแม่แบบทุกประการ(อศตราส่ฦนของเบส)
53.
16.6.2กระบฦนการเพิ่มจานฦน DNA(DNAReplication) 1.1DNA สามารถเพิ่มจานฦนได้โดยการจาลองตศฦเอง(selfreplication) 1.2เริ่มจากการคลายเกลียฦออกจากกศนแล้ฦใช้สายพอลินิฦคลีโอไทด์สายใดสายหนษ่ง เป็นแม่พิมพ์(template)ในการสร้างสายใหม่ขษ้นมา 1.3ดีเอ็นเอที่จาลองใหม่จะประกอบด้ฦยสายพอลินิฦคลีโอไทด์สายเดิมและสายใหม่
54.
16.6.2กระบฦนการเพิ่มจานฦน DNA(DNAReplication) 1.5หลศงสองสายคลายเกลียฦแยกออกจากกศน DNApolymerasจะสศงเคราะห์เป็น สายยาฦโดยมีทิศทางจากปลาย5’ไปยศง3’เรียกฦ่าการสร้างสายleadingstrand 1.6จากนศ้นสศงเคราะห์DNAสายใหม่เป็นสายสศ้นๆโดยมีทิศทาง3’ไปยศง5’แล้ฦใช้ DNAligaseจะเชื่อมต่อDNAสายสศ้นๆให้เป็นสายยาฦเรียกฦ่าการสร้างlagging strand
55.
16.6.2กระบฦนการเพิ่มจานฦน DNA(DNAReplication)
56.
16.6.3 รูปแบบการจาลองตศฦเองของDNA 1.แบบกษ่งอนุรศกว์(semiconservativereplication)เมื่อมีการจาลองตศฦเองของ DNAแล้ฦDNAแต่ละโมเลกุลมีพอลินิฦคลีโอไทด์สายเดิมและสายใหม่
57.
16.6.3 รูปแบบการจาลองตศฦเองของDNA 2 แบบอนุรศกว์(conservativereplication)เมื่อมีการจาลองตศฦเองของDNAแล้ฦ พอลินิฦคลีโอไทด์ทศ้งสองสายไม่แยกจากกศนยศงเป็นสายเดิมจะได้DNAโมเลกุลใหม่ที่มี สายของโมเลกุลพอลินิฦคลีโอไทด์สายใหม่ทศ้งสองสาย
58.
16.6.3 รูปแบบการจาลองตศฦเองของDNA 3.แบบกระจศดกระจาย(dispersivereplication)เมื่อมีการจาลองตศฦเองของDNA จะได้DNAที่เป็นของเดิมและของใหม่ปะปนกศนไม่เป็นระเบียบ
59.
16.6.3 รูปแบบการจาลองตศฦเองของDNA
60.
16.6.4 DNAกศบการสศงเคราะห์โปรตีน ในปี2500VernonM.Ingrame(เฦอร์นอนอินแกรม)ได้ศษกวาโครงสร้างของ ฮีโมโกลบินของคนที่เป็นโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์(Sicklecellanemia) ซษ่งเป็นผลจากการเรียงตศฦที่ผิดตาแหน่งของกรดอะมิโนเพียงหนษ่งตาแหน่ง เป็นที่มาของการศษกวาฦ่าDNAเกี่ยฦข้องกศบการสร้างโปรตีน(กรดอะมิโน)อย่างไร
61.
16.6.4 DNAกศบการสศงเคราะห์โปรตีน
62.
1.โครงสร้างของRNA RNAมีโครงสร้างคล้ายDNAประกอบด้ฦยนิฦคลีโอไทด์เรียงต่อกศน RNAในเซลล์ส่ฦนใหญ่เป็นสายเดี่ยฦ(single stranded) แต่องค์ประกอบนิฦคลีโอไทด์แตกต่างกศนที่น้าตาลและเบสโดยน้าตาลของRNA เป็นไรโบสส่ฦนเบสในRNAมียูราซิล(u)มาแทนไทมีน(T)
63.
2. ชนิดของRNA 2.1เมสเซนเจอร์อาร์เอ็นเอหรือเอ็มอาร์เอ็นเอ( messengerRNA:
mRNA) เป็นอาร์เอ็นเอที่ได้จากกระบฦนการถอดรหศส( transcription) ของสายใดสาย หนษ่งของดีเอ็นเอ ทาหน้าที่เป็นรหศสพศนธุกรรมที่ใช้ในการสศงเคราะห์โปรตีน
64.
2.2ทรานสเฟอร์อาร์เอ็นเอหรือทีอาร์เอ็นเอ ( transferRNA: tRNA)
ผลิตจากดีเอ็นเอเช่นเดียฦกศน ทาหน้าที่ในการนากรดอะมิโนต่างๆไปยศงไรโบโซมซษ่งเป็นแหล่งที่มีการสศงเคราะห์ โปรตีนในไซโทพลาซษม
65.
2.3ไรโบโซมอลอาร์เอ็นเอหรืออาร์อาร์เอ็นเอ (ribosomalRNA: rRNA) ทาหน้าที่เป็นองค์ประกอบของไรโบโซม
โดยจะรฦมกศบโปรตีนกลายเป็นหน่ฦยของไรโบโซม(smallกศบLargesubunit)
66.
3. กระบฦนการสศงเคราะห์โปรตีน 3.1การสศงเคราะห์RNA(DNATranscription) 1)พอลินิฦคลีโอไทด์สองสายของดีเอ็นเอคลายเกลียฦแยกจากกศนบริเฦณที่จะมีการ สศงเคราะห์RNA(ต้องการสศงเคราะห์โปรตีน) 2)นานิฦคลีโอไทด์ของRNAเข้าจศบกศบเบสของDNAแต่ในRNAไม่มีไทมีน(T) มียูราซิล(U)แทน
67.
3.1การสศงเคราะห์RNA(DNATranscription) 3)การสศงเคราะห์RNAเริ่มจากปลาย3’ไปยศงปลาย5’ของDNAโมเลกุลของRNA จษงเริ่มจากปลาย5’ไปยศงปลาย3’ 4)นิฦคลีโอไทด์ของRNAเชื่อมต่อกศนโดยอาศศยเอนไซม์ชื่ออาร์เอ็นเอพอลิเมอเรส ( RNApolymerase) 5)ขศ้นตอนการสศงเคราะห์RNAโดยมีDNAเป็นแม่พิมพ์นี้เรียกฦ่าทรานสคริปชศน (transcription)
68.
การสังเคราะห์ RNA (DNA
Transcription)
69.
3.2การสศงเคราะห์โปรตีน (DNATranslation) หลศงจากได้สายmRNAจากกระบฦนการDNATranscriptionแล้ฦ mRNAจะทาหน้าที่เป็นแม่แบบ เพื่อให้tRNAที่ทางานร่ฦมกศบไรโบโซมในการนา กรดอะมิโนมาต่อ
(เคลื่อนออกมาจากนิฦเคลียส) โดยกรดอะมิโนหนษ่งตศฦจะจศบกศบลาดศบเบส3 ตศฦ(3 นิฦคลีโอไทด์)ซษ่งเรียกลาดศบเบส 3 ตศฦนศ้นฦ่า“รหศสพศนธุกรรม”
70.
3.2.1รหศสพศนธุกรรม คือลาดศบของเบสบนDNAซษ่งถ่ายทอดไปยศงRNA เบสในDNAมีเพียง4
ตศฦ ส่ฦนกรดอะมิโนมีอย่างน้อย20ชนิดดศงนศ้นรหศสหนษ่งๆจะต้องประกอบด้ฦยเบสอย่าง น้อย3 ตศฦประกอบกศน และจากการคานฦณรหศสหนษ่งมีเบส3 ตศฦจะได้รหศสจานฦนถษง64รหศสด้ฦยกศนซษ่งมาก เกินพอสาหรศบกรดอะมิโนที่มีอยู่ในธรรมชาติ (20ชนิด)
71.
รหัสพันธุกรรม
72.
3.2.1รหศสพศนธุกรรม รหศสบนmRNAนี้เรียกฦ่าโคดอน ซษ่งโคดอนมีเบสคู่รฦมกศบเบสอิสระบนtRNAที่เรียกฦ่าแอนติโคดอน
73.
รหัสพันธุกรรม
74.
3.2.2กระบฦนการสศงเคราะห์โปรตีน 1)กระบฦนการเริ่มต้น ไรโบโซมหน่ฦยย่อยขนาดเล็กเข้าจศบกศบสายmRNA เป็นตศฦเร่งให้tRNAนากรดอะมิโนเมทไธโอนีน(Met)มาจศบกศบstart Codon(AUG)บนสายmRNA จากนศ้นไรโบโซมขนาดใหญ่จะเข้ามาประกบไรโบโซมขนาดเล็กเพื่อทาหน้าที่ต่อไป
75.
2) กระบฦนการต่อสาย tRNAโมเลกุลที่2นากรดอะมิโนตศฦที่2เข้ามาเรียงต่อ แล้ฦสร้างพศนธะเปปไทด์เชื่อมระหฦ่างกรดอะมิโนตศฦที่2 กศบตศฦแรก โดยไรโบโซมจะเคลื่อนที่ตามในทิศทาง5’ไป3’ เมื่อtRNAโมเลกุลที่3
นากรดอะมิโนมาต่อตศฦที่1จะหลุดออกจากสายmRNA
76.
ขั้นตอนการสังเคราะห์โปรตีนอย่างละเอียด
77.
3)กระบฦนการสิ้นสุดการสศงเคราะห์ ไรโบโซมเคลื่อนที่ต่อไปที่ละโคดอนตามลาดศบโดยเมื่อถษงตศฦ4 ตศฦ2 ก็จะหลุดถษงตศฦ5 ตศฦ3ก็จะหลุด เมื่อเคลื่อนที่มาถษงstopcodonได้แก่UAAUAGUGAจะหยุดการแปลรหศส tRNAตศฦสุดท้ายจะหลุดจากกรดอะมิโนและไรโบโซม2
หน่ฦยจะหลุดออกจากกศน
78.
สรุปขั้นตอนการสังเคราะห์โปรตีน
79.
สรุปการสศงเคราะห์โปรตีนอย่างง่ายๆ DNA mRNA Transcription การถอดรหศส Polypeptide Translation การแปลรหศส
80.
3.3การเกิด polyribosome (โพลีไรโบโซม) เกิดในสิ่งมีชีฦิตพฦกโพรคาริโอตซษ่งไม่มีเยื่อหุ้มนิฦเคลียส ปกติจะเกิดการถอดรหศสก่อน(Transcription)
แล้ฦออกจากนิฦเคลียส จษงเกิด การแปลรหศส(Translation) แต่ในโพรคาริโอตสามารถเกิดการแปลพร้อมไปกศบการถอดรหศส ทาให้เกิดสายโพลีเปปไทด์หลายสายบน mRNAหลายเส้นบนDNA
81.
82.
16.7มิฦเทชศน(Mutation) คือการเปลี่ยนแปลงลศกวณะพศนธุกรรมไปจากบรรพบุรุวโดยสามารถจะ ถ่ายทอดจากชศ่ฦอายุหนษ่งได้ แบ่งเป็น2 ระดศบคือ มิฦเทชศนระดศบโครโมโซมและมิฦเทชศนระดศบยีน
83.
16.7มิฦเทชศน(Mutation)
84.
16.7มิฦเทชศน(Mutation) โดยปกติเมื่อมีการจาลองตศฦเองของDNAจะได้DNAใหม่ที่เหมือนเดิมทุกประการ แต่บางครศ้งอาจมีคฦามผิดพลาดเช่นเบสเปลี่ยนจากชนิดเดิมเป็นเบสชนิดอื่น หรือนิฦคลีโอไทด์ขาดหายไปนิฦคลีโอไทด์มีจานฦนเพิ่มขษ้น เรียกฦ่าเป็นการเกิดมิฦเทชศนนศ่นเอง
85.
16.7.1 การเกิดมิฦเทชศนเฉพาะที่(pointmutation) 1)การแทนที่คู่เบส(base-pairsubstitution) ทาให้รหศสพศนธุกรรมเปลี่ยน ส่งผลให้กรดอะมิโนเปลี่ยนไปด้ฦยและเกิดโปรตีนต่างกศน และยศงอาจมีผลต่อฟีโนไทป์ของสิ่งมีชีฦิตด้ฦยเช่นการเกิดโรคโลหิตจางแบบซิกเคิลเซลล์
86.
1)การแทนที่คู่เบส(base-pairsubstitution)
87.
2)การเพิ่มขษ้นหรือขาดหายของนิฦคลีโอไทด์(Insertion/Deletion) คือการเพิ่มขษ้นหรือลดลงของนิฦคลีโอไทด์1-2นิฦคลีโอไทด์ จะมีผลทาให้ลาดศบกรดอะมิโนตศ้งแต่ตาแหน่งที่มีการเพิ่มขษ้นหรือลดลง และทาให้ให้ลาดศบเบสเปลี่ยนไปทศ้งหมดเรียกการเกิดมิฦเทชศนนี้ฦ่า เฟรมชิฟท์มิฦเทชศน (Frameshiftmutation)
88.
89.
16.7.2 สิ่งที่ก่อให้เกิดการกลายพศนธุ์(Mutagen) มิฦเทชศนสามารถเกิดได้เองตามธรรมชาติ(อศตราต่ามาก) แต่ถ้าเกิดโดยการชศกนา/กระตุ้นให้เกิดเรียกสิ่งนศ้นฦ่ามิฦทาเจน(Mutagen) ได้แก่รศงสีบางชนิดเช่นรศงสีเอกซ์แกมมาUVสารเคมีเช่นคฦศนบุหรี่อะฟลาท็อกซิน มีการพิสูจน์แล้ฦฦ่ามิทาเจนเป็นสาเหตุทาให้เกิดโรคมะเร็งจษงถือฦ่ามิฦทาเจนเป็น สารก่อมะเร็ง(Carcinogen)นศ่นเอง
90.
16.7.2 สิ่งที่ก่อให้เกิดการกลายพศนธุ์(Mutagen)
91.
16.7.3 คฦามผิดปกติของโครโมโซม 1.การเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างของโครโมโซม เกิดขษ้นขณะแบ่งเซลล์ เช่นบางส่ฦนขาดหายไปบางส่ฦนเกิน หรือที่ขาดหายไปกลศบมาต่อใหม่แต่สลศบด้านกศน
92.
2.การเปลี่ยนแปลงด้านจานฦนของโครโมโซม เกิดขษ้นขณะแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสเรียกฦ่า non- disjunction เกิดจากโฮโมโลกศสโครโมโซมไม่แยกออกจากกศน
93.
2.การเปลี่ยนแปลงด้านจานฦนของโครโมโซม
94.
2.การเปลี่ยนแปลงด้านจานฦนของโครโมโซม
95.
2.การเปลี่ยนแปลงด้านจานฦนของโครโมโซม
96.
2.การเปลี่ยนแปลงด้านจานฦนของโครโมโซม
Download now