More Related Content Similar to พันธุกรรม (20) พันธุกรรม2. บทที 4 การถ่ ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
4.1 ลักษณะทางพันธุกรรม
4.2 โครโมโซมและสารพันธุกรรม
4.3 ศึกษาการถ่ ายทอดทางพันธุกรรม
4.4 การเปลียนแปลงทางพันธุกรรม
4.5 เทคโนโลยีชีวภาพ
5. 4.1 ลักษณะทางพันธุกรรม
ลักษณะทางพันธุกรรมของสิ งมีชีวิตแบ่ งออกเป็ น 2 ประเภท คือ
1.1 ลักษณะทางพันธุกรรมทีมีความแปรผันต่ อเนือง (CONTINUOUS
VARIATION) เป็ นลักษณะทางพันธุ กรรมทีมีความลดหลันกันทีละน้อย
สามารถนํามาเรี ยงลําดับกันได้ เช่น ความสู ง นําหนัก สี ผว เป็ นต้น
ิ
1.2 ลักษณะทางพันธุกรรมทีมีความแปรผันไม่ ต่อเนือง
(DISCONTINUOUS VARIATION) เป็ นลักษณะทีแบ่งเป็ น
กลุ่ม ได้อย่างชัดเจน เช่นหมู่เลือดของคน ลักษณะผิวเผือก ลักยิม ติงหู การห่อลิน
เป็ นต้น
ข้ อสั งเกต
โดยทัวไป ลักษณะทีมีความแปรผันแบบต่อเนือง เช่น สี ผว นันสิ งแวดล้อมจะ
ิ
มีอิทธิ พลต่อการแสดงลักษณะในสัดส่ วนทีมากกว่าลักษณะทีมีความแปรผันแบบ
ไม่ต่อเนือง เช่น หมู่เลือด
24. โครงสร้ าง DNA
JAMES D.WATSON และ FRANCIS H.C. CRICK ได้
ศึกษาค้นคว้ารวบรวมหลักฐานต่างๆและสรุ ปโครงสร้างของ DNA ว่ามีลกษณะ ั
ดังต่อไปนี
1. โมเลกุลของ DNA ประกอบด้วยสายสองสายทีพันกันเป็ นเกลียวคล้ายบันได
เวียน
2. แต่ละสายประกอบด้วยนิวคลีโอไทด์หลายโมเลกุลเกาะกัน
3. โมเลกุลของนิวคลีโอไทด์ แต่ละโมเลกุลประกอบด้วยส่ วนสําคัญ 3 ส่ วน คือ
กลุ่มฟอสเฟต นําตาลดีออกซี ไรโบส (DEOXYRIBOSE) และเบส
4. ระหว่างนิวคลีโอไทด์สายเดียวกันเชือมกันด้วยกลุ่มฟอสเฟต
5. สายทังสองสายเกาะกันด้วยพันธะไฮโดรเจนซึ งเป็ นพันธะทีไม่มนคงนัก
ั
ดังนันสายทังสองของ DNA จึงแยกจากกันได้ง่าย การเกาะกันของสายทังสองนี
จะใช้ดานทีเป็ นเบสเกาะกันโดย ADENINE (A) จับกัTHYMINE
้
(TP) (จับกัน 2 พันธะ) CYTOSINE(C) จับกัน GUANIN (G) (จับ
กัน 3 พันธะ)
36. 4.3 ศึกษาการถ่ ายทอดทางพันธุกรรม
่
ลักษณะทางพันธุกรรมทีถ่ายทอดโดยยีนทีอยูบนโครโมโซมร่ างกาย
(Autosome)
thalassemia
่
ลักษณะทางพันธุกรรมทีถ่ายทอดโดยยีนทีอยูบนโครโมโซมเพศ (Sex
chromosome)
Colorblindness
53. 4.4.1 MUTATION
การผ่ าเหล่ า (MUTATION)
หมายถึง การเปลียนแปลงสภาพของยีนจากยีนหนึงเป็ นอีกยีน
หนึงอย่างฉับพลัน การเปลียนแปลงนีเป็ นการเปลียนแปลงอย่างถาวร
แบ่งเป็ น 2 ระดับ คือ ระดับโครโมโซม และ ระดับยีน
สาเหตุทีทําให้เกิดมิวเทชัน ตัวกระตุนทีทําให้เกิดการกลายพันธุ์หรื อ
้
เรี ยกว่าสิ งก่อกลายพันธุ์ (MUTAGEN) ได้แก่
1.รังสี เช่น รังสี X,UV,คอสมิก,นิวตรอน,เบตา,แกมมา เป็ นต้น
2.สารเคมี เช่น โคลชิซิน ไดโคลวอส พาราควอทเป็ นต้น
56. 4.4.2 การคัดเลือกตามธรรมชาติ
Charles Darwin บิดาแห่ง
ั ิ ่
วิวฒนาการ เรี ยกสิ งมีชีวตทีอยูรอด
ทังหลายว่า เป็ นสิ งมีชีวตทีได้รับ การ
ิ
คัดเลือกตามธรรมชาติ
http://www.bio.miami.edu/dana/160/darwin.jpg
58. นกฟิ นซ์ (finches)
ดาร์วิน อนุมานว่า "...จากนกทีเดิมมีอยูเ่ พียงน้อยนิด นกชนิดหนึงมีอน
ั
ต้องปรับเปลียนตัวเพือจุดหมายทีแตกต่างกัน"
่
นกฟิ นซ์ (นกกระจาบปี กอ่อน) เป็ นนกบกชนิดเดียวทีอาศัยอยูอย่าง
แพร่ หลายบนหมู่เกาะ ด้วยเหตุทีไม่โดนล่าและไม่ตองแย่งอาหารกับนก
้
ชนิดอืน พวกมันจึงมีวิวฒนาการทีแพร่ หลายไปทัวทังหมู่เกาะ
ั
แต่ละเกาะจะมีนกฟิ นซ์เป็ นพันธุ์เฉพาะของเกาะนันๆ ซึงพัฒนาการเพือ
เอืออํานวยให้อยูรอดได้ตามสภาพแวดล้อมให้มากทีสุ ด แล้วจึงถ่ายทอด
ลักษณะทางพันธุกรรมนันให้นกรุ่ นต่อ ๆ ไป
ถ้านกชนิดใดปรับตัวไม่ได้ ก็ตองสู ญพันธุ์ไปในทีสุ ด
้
59. นกฟิ นซ์ (finches)
http://users.rcn.com/jkimball.ma.ultranet/BiologyPages/F/Finches.jpg
60. นกฟิ นซ์ (finches)
http://pages.britishlibrary.net/charles.darwin2/beagle_images/pl77.jpg
63. Theory of Natural Selection
http://www.mediaincorporated.com/html/life_and_the_theory.html
64. the Theory of Natural Selection
Synopsis: In 1831, 22-year-old Charles Darwin set sail on
a five-year survey expedition for the British Empire.
Toward the end of his journey he explored the
Galapagos Islands and studied their exotic plant and
animal life.
25 years later, this research contributed to the
development of Darwin’s theory of Natural Selection.
He was the first to offer a plausible naturalistic
mechanism that produced biological change.
Today however, as scientists uncover the incredible
complexity of life the following question arises. Does
Natural
66. ปลานิลสี แดงหรื อปลาทับทิม (Red tilapla)
ปลานิลสี แดงหรื อปลาทับทิม (Red tilapla) เกิดจากแนวพระราชดําริ ของ
่ ั
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหว ทีพระราชทานแก่ คุณธนินท์ เจียรวนนท์ แห่ง
C.P. ให้ปรับปรุ งสายพันธุ์ปลานิลทีได้รับจาก พระมกุฎราชกุมาร แห่งประเทศ
ญีปุ่ นเมือปี พ.ศ.2508
ปลานิลจิตรลดาได้ถกคัดสายพันธุ์เด่น ๆ ในปลาสกุลเดียวกันทัวโลก มีสายพันธุ์
ู
หลัก เช่น สายพันธุ์จากอเมริ กา อิสราเอล และไต้หวัน นํามาผสมข้ามพันธุ์ และ
คัดเลือกลักษณะเด่นเพือวัตถุประสงค์ในเชิงเศรษฐกิจและการพาณิ ชย์ เพือให้
เกษตรกรสามารถประกอบอาชีพได้
่ ั
จนเป็ นผลสําเร็ จ...ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหว ว่า
"ปลาทับทิม" เมือวันที 22 มกราคม 2541
70. พันธุวศวกรรม (genetic engineering)
ิ
พันธุวศวกรรม
ิ
หมายถึง กระบวนการตัดต่อยีนจากการสังเคราะห์ขึน หรื อ
สิ งมีชีวิตจากแหล่งต่าง ๆ หลายแหล่งเข้าด้วยกันตามความเหมาะสม
แล้วใส่ เข้าไปในสิ งมีชีวิตอีกชนิดหนึง (HOST) เพือให้ผลิตสาร
โปรตีนตามทีต้องการ
73. การโคลน (cloning)
การโคลน หรื อ การขยายจํานวนเซลล์หรื อ สิ งมีชีวิตทีมีลกษณะทาง
ั
พันธุกรรมเหมือนกันทุกประการ
ํ ั
เป็ นเทคนิคทีใช้ได้โดยทัวไป ไม่จาเป็ นต้องใช้กบสิ งมีชีวิตทีมียนพิเศษ
ี
ในตัวเท่านัน
ธรรมชาติมีการผลิตสิ งมีชีวิตทีมีลกษณะทางพันธุกรรมเหมือนกันอยู่
ั
แล้ว เช่น กรณี แฝดเหมือน หรื อ แฝดทีเกิดจากไข่ใบเดียวกัน
การโคลนมนุษย์ทีเกิดขึนตามธรรมชาติ กล่าวคือ ตัวอ่อนมีการแบ่งตัว
ออกเป็ นสองชีวิต หรื อ มากกว่านัน
74. Dolly
http://www.millerandlevine.com/cloning/dolly.jpg
77. cloning
http://whyfiles.org/148clone_clash/
78. การเพาะเลียงเนือเยือ (tissue culture)
การเพาะเลียงเนือเยือพืช (Plant tissue culture) เป็ นศาสตร์ดาน ้
biotechnology สาขาหนึง โดยนําเซลล์เนือเยือ หรื ออวัยวะส่ วนทีเป็ นเนือเยือเจริ ญ
ของพืชมาเลียงในอาหารสังเคราะห์ (synthetic medium) ในสภาพปราศจากเชือ
(aseptic condition) ภายใต้การควบคุมสภาวะแวดล้อมทีเหมาะสม ได้แก่
อุณหภูมิ แสงสว่าง และความชืนเป็ นต้น
โดยทัวไปการเพาะเลียงเนือเยือนิยมเนือเยือจากต้นอ่อนทีได้จากการเพาะเม็ดแบบปราศจาก
เชือ (aseptic technique) เพราะทุกชินส่ วนของต้นอ่อนสามารถนํามาใช้เป็ น
เนือเยือตังต้นในการเพาะเลียงส่ วนเนือเยือหรื อชินส่ วนต่าง ๆ ทีได้จากพืชต้องนํามาฆ่าเชือที
บริ เวณผิว (surface sterilization) ก่อนนําไปใช้ในการเพาะเลียงเนือเยือพืช
สามารถทําได้บนอาหารวุนกึงแข็ง (agar medium) และในอาหารเหลว (liquid
้
medium) ซึ งอย่างหลังนิยมทําบนเครื องเขย่า (shaker) เพือเพิมออกซิ เจนให้แก่
เซลล์หลังจากเลียงเนือเยือไปได้สกระยะเวลาหนึง ต้องมีการถ่ายเนือเยือลงอาหารใหม่
ั
(subculturing) เนืองจากอาหารเดิมลดน้อยลง และของเสี ยทีเซลล์ขบออกมาเพิมมากั
ขึน
82. Gene mapping
http://www.cgen.com/news/press/press030200back.html
83. Gene mapping
http://www.cgen.com/news/press/press030200back.html
84. Gene mapping
http://www.cgen.com/news/press/press030200back.html
88. Reference
http://www.accessexcellence.org/RC/VL/GG/ind
ex.html
http://www.ripb.ac.th/Benjaporn/the%20leason2.ht
ml?Category=javascripts
http://www.darksound.th.gs/web-d/ylan/index.htm
http://mil.citrus.cc.ca.us/cat2courses/bio104/Chapt
erNotes/Chapter08notesLewis.htm
http://www.learn.in.th/articles/biot/bio_t.html
89. Thank you
Miss Anutra Tongphoo
Major of biology
Department of science
St. Louis College Chachoengsao
90. Gregor Mendel and the Foundation
of Genetics
Gregor Johann
Mendel (1822 - 1884) was
a member of an
Augustinian order
(Monastic) in Brunn
Austria (Now part of
Czechoslovakia).
http://io.uwinnipeg.ca/~simmons/1115/cm1503/mendel.htm