SlideShare a Scribd company logo
1 of 56
Download to read offline
15.1การศษกวาพศนธุศาสตร์ของเมนเดล
เมนเดลคือบิดาแห่งพศนธุศาสตร์มีชื่อเต็มฦ่าเกรเกอร์โยฮศนเมนเดล
ได้ทาการทดลองผสมพศนธุ์พืชจนนาไปสู่คฦามรู้เรื่องการถ่ายทอดลศกวณะทางพศนธุกรรม
เลือกใช้ถศ่ฦลศนเตาสาเหตุเพราะอายุสศ้นปลูกง่ายให้ลูกหลานมากโตเร็ฦมีหลายพศนธุ์
ลศกวณะของพืชทดลองที่เมนเดลมาศษกวา
มี7ลศกวณะได้แก่
- รูปร่างของเมล็ด(เรียบ-ขรุขระ) - สีของเมล็ด(เหลือง-เขียฦ)
- สีของดอก(แดง-ขาฦ) - ตาแหน่งของดอก(ลาต้น-ปลายยอด)
- รูปร่างของฝัก(อฦบ-คอด) - สีฝัก(เขียฦ-เหลือง)
- คฦามสูงของต้น(สูง-เตี้ย)
ผลการศษกวาของเมนเดล
ผลการศษกวาของเมนเดล
ลศกวณะในรุ่นพ่อแม่จะถ่ายทอดไป
ยศงรุ่นที่1 ( F1)โดยจะแสดงออก
เฉพาะลศกวณะของพ่อหรือแม่เท่านศ้น
(ถือเป็นลศกวณะเด่น)
ส่ฦนในรุ่นที่2 ( F2)จะแสดงทศ้ง
ลศกวณะของพ่อและแม่แต่มีอศตราไม่
เท่ากศนคือลศกวณะเด่น: ด้อยเท่ากศบ
3 : 1
สรุปผลการศษกวาของเมนเดล
ลศกวณะของถศ่ฦลศนเตาจะถูกคฦบคุมด้ฦยตศฦคฦบคุมที่เมนเดลเรียกฦ่า“แฟกเตอร์”
จะอยู่เป็นคู่คฦบคุมลศกวณะ2 ลศกวณะเช่นต้นสูงกศบต้นเตี้ย
แฟกเตอร์นี้จะถ่ายทอดไปจากพ่อแม่ยศงรุ่นลูก
สรุปผลการศษกวาของเมนเดล
แฟกเตอร์ที่ปรากฏในรุ่นF1จะเป็นแฟกเตอร์ที่คฦบคุมลศกวณะเด่น(Dominanttrait)
แฟกเตอร์ที่ไม่แสดงออกในรุ่นF1แต่แสดงออกในรุ่นF2จะเป็นแฟกเตอร์ที่คฦบคุม
ลศกวณะด้อย(Recessivetrait)
คฦามรู้หลศงจากการค้นพบของเมนเดล
ต่อมาได้มีการเปลี่ยนคาฦ่าแฟกเตอร์มาใช้คาฦ่า“ยีน”แทน
ยีนด้อย(RecessiveGene)จะไม่แสดงออกเมื่อเข้าคู่กศบยีนเด่น(DominantGene)
คฦามรู้หลศงจากการค้นพบของเมนเดล
นิยมใช้ตศฦพิมพ์ในภาวาอศงกฤวแทนลศกวณะต่างๆ ตศฦพิมพ์ใหญ่แทนลศกวณะเด่นและ
ตศฦพิมพ์เล็กแทนลศกวณะด้อย
ยีนที่เข้าคู่กศนจะอยู่บนโครโมโซมตาแหน่งเดียฦกศน(ตาแหน่งของยีน= โลคศสของยีน)
เรียกยีนที่อยู่ตาแหน่งเดียฦกศนนศ้นฦ่าเป็นแอลลีลต่อกศน
คฦามรู้หลศงจากการค้นพบของเมนเดล
ยีนที่เข้าคู่กศนและมีลศกวณะเหมือนกศนเรียกฦ่าฮอมอโลกศสโครโมโซม (Homologous
Chromosome)เช่นGGggส่ฦนยีนที่เข้าคู่กศนแต่มีลศกวณะไม่เหมือนกศนเรียกฦ่า
เฮเทอโรไซกศสโครโมโซม(HeterozygousChromosome)
เรียกส่ฦนที่เขียนแทนด้ฦยตศฦอศกวรฦ่า “จีโนไทป์”(Genotype)และเรียกส่ฦนที่แสดงออก
ฦ่า “ฟีโนไทป์”(Phenotype)
15.2กฎของคฦามน่าจะเป็น
ศษกวาจากการโยนเหรียญและสรุปคฦามน่าเป็นของการออกหศฦหรือก้อยของการโยน
เหรียญ1เหรียญ และการโยนเหรียญของเหรียญ2เหรียญ
การโยนเหรียญ1 เหรียญโอกาสในการออกหศฦเป็น1/2 ออกก้อยก็เป็น1/2
15.2กฎของคฦามน่าจะเป็น
การโยนเหรียญ2 เหรียญ
- โอกาสในการออกหศฦทศ้งคู่เป็นเป็น1/2x 1/2=1/4
- โอกาสออกก้อยทศ้งก็เป็น1/4
- โอกาสในการออกก้อยและหศฦหรือหศฦและก้อยก็เป็น1/4เช่นเดียฦกศน
แต่การออกก้อยและหศฦหรือหศฦและก้อยจศดเป็นลศกวณะเดียฦกศนจษงได้ค่าคฦามน่าเป็น
เป็น1/4+1/4= 2/4นศ่นเอง
สรุปแล้ฦโอกาสในการเกิดหศฦทศ้งคู่: หศฦก้อย:ก้อยทศ้งคู่=1:2:1
กฎของคฦามน่าจะเป็นกศบการทดลองของเมนเดล
เหรียญ2เหรียญเปรียบได้กศบยีน(แฟกเตอร์)ของพ่อแม่
นการสืบพศนธุ์ ยีนของพ่อแม่จะแยกตศฦออกจากกศนเรียกฦ่า“เซลล์สืบพศนธุ์”
เกิดเป็นกฎข้อที่1 ของเมนเดลคือ“กฎแห่งการแยก”นศ่นเอง
และโอกาสในการเกิดหศฦทศ้งคู่: หศฦก้อย:ก้อยทศ้งคู่= 1:2:1เปรียบได้กศบลศกวณะเด่น:
ด้อยที่พบในรุ่นF2
กฎของคฦามน่าจะเป็นกศบการทดลองของเมนเดล
โอกาสในการเกิดหศฦทศ้งคู่: หศฦก้อย:ก้อยทศ้งคู่= 1:2:1
เปรียบได้กศบลศกวณะเด่น: ด้อยที่พบในรุ่นF2ที่เป็น3:1
โดยหศฦก้อยและก้อยหศฦแสดงลศกวณะเด่นเช่นเดียฦกศบหศฦทศ้งคู่นศ่นเอง
15.2กฎแห่งการแยก( Lawof Segregation)
เหรียญ2เหรียญเปรียบได้กศบยีน(แฟกเตอร์)ของพ่อแม่
ในการสืบพศนธุ์ ยีนของพ่อแม่จะแยกตศฦออกจากกศนเรียกฦ่า“เซลล์สืบพศนธุ์”
เกิดเป็นกฎข้อที่1 ของเมนเดลคือ“กฎแห่งการแยก”นศ่นเอง
15.2กฎแห่งการแยก
จากภาพจีโนไทป์ของพ่อคือGg เซลล์สืบพศนธุ์ของพ่อ(สเปิร์ม)ก็อาจจะเป็นG หรือg
จีโนไทป์ของแม่คือGg เซลล์สืบพศนธุ์ของแม่(ไข่)ก็อาจจะเป็นG หรือg
ซษ่งเป็นไปตาม กฎของคฦามน่าจะเป็นนศ่นเอง
ตศฦอย่างการหาเซลล์สืบพศนธุ์
จีโนไทป์ของพ่อ/แม่ รูปแบบของเซลล์สืบพศนธุ์
TT T
Ff F หรือf
bb b
ตศฦอย่างการหาเซลล์สืบพศนธุ์ที่มากกฦ่า1ลศกวณะ
จีโนไทป์ :BbDd
B
b
D
d
D
d
BD
Bd
bD
bd
รูปแบบของเซลล์สืบพศนธุ์
1.BD
2.Bd
3.bD
4.bd
เฉลยกิจกรรมที่15.1
จงเติมจีโนไทป์ของเซลล์ร่างกายสภาพของจีโนไทป์แบบของยีนในเซลล์สืบพศนธุ์และ
โอกาสของการเกิดเซลล์สืบพศนธุ์แต่ละแบบลงตาราง
จีโนไทป์เซลล์ร่างกาย สภาพของจีโนไทป์ เซลล์สืบพศนธุ์
WW ฮอมอไซกศส W
Ww เฮทเทอโรไซกศส W(1/2)และ w(1/2)
Tt เฮทเทอโรไซกศส T(1/2)และt(1/2)
aa ฮอมอไซกศส a
เฉลยกิจกรรมที่16.1
ถศ่ฦลศนเตาลศกวณะเมล็ดสีเหลืองเป็นลศกวณะเด่นต่อลศกวณะเมล็ดสีเขียฦในการผสมตศฦเอง
ของต้นที่มีเม็ดสีเหลืองที่เป็นเฮทเทอโรไซกศสทศ้งคู่จงหาร้อยละของลูกที่ให้เมล็ดสีเขียฦ
ตอบ โอกาสในเกิดลูกคือลศกวณะเด่น: ด้อย เป็น 3: 1ดศงนศ้นลูกที่เป็นเมล็ดสีเขียฦ
จษงคิดเป็นร้อยละ25
เฉลยกิจกรรมที่16.1
ในแมลงหฦี่กาหนดให้L เป็นยีนคฦบคุมลศกวณะปีกยาฦและl เป็นตศฦคฦบคุมลศกวณะปีก
สศ้นเมื่อผสมแมลงหฦี่ปีกยาฦและปีกสศ้นได้ลูกที่มีปีกยาฦและปีกสศ้นในอศตราส่ฦน3:1จงหา
จีโนไทป์ของพ่อแม่และลูก
ตอบ พ่อแม่ต้องมีจีโนไทป์เป็นเฮทเทอโรไซกศสทศ้งคู่ คือLl ส่ฦนลูกมีจีโนไทป์เป็นLL: Ll
: ll ในอศตราส่ฦน1:2:1
เฉลยกิจกรรมที่16.1
เมื่อนากระต่ายขนสีดาที่เป็นฮอมอไซกศส ผสมกศบกระต่ายขนสีน้าตาลปรากฏฦ่าลูกที่
เกิดขษ้นมีขนสีดาทศ้งหมด(สมมติให้Bและb แทนลศกวณะสีขน)
4.1 ข้อมูลนี้บอกอะไรแก่เราบ้าง
ตอบ ทราบฦ่าขนสีดาเป็นลศกวณะเด่นเพราะลูกมีขนเป็นสีดาทศ้งหมด
4.2จีโนไทป์ของรุ่นF1เป็นฮอมอไซกศสหรือเฮทเทอโรไซกศส
ตอบเป็นเฮเทอโรไซกศส
เฉลยกิจกรรมที่16.1
ให้นศกเรียนหารูปแบบของเซลล์สืบพศนธุ์ของจีโนไทป์ต่อไปนี้
5.1 SSHhkk  SHk,Shk
5.2 ffTTuu fTu
5.3 AaBbCc  ABC, ABc, AbC, Abc,aBC,aBc, abC,abc
5.4 GGJJMM  GJM
15.3กฎของการรฦมกลุ่มอย่างอิสระ
( Law of independent assortment)
ยีนที่อยู่เป็นคู่กศนเมื่อแยกออกจากกศนแล้ฦแต่ละยีนจะไปจศบกศบยีนอื่นใดก็ได้อย่างอิสระ
เซลล์สืบพศนธุ์จะมีการรฦมกลุ่มของหน่ฦยพศนธุกรรมที่เป็นไปอย่างอิสระ
จษงทาให้สามารถทานายผลที่เกิดขษ้นในรุ่นลูกรุ่นหลานได้
15.3กฎของการรฦมกลุ่มอย่างอิสระ
( Law of independent assortment)
จากการศษกวาของเมนเดลได้ทาการศษกวาเฉพาะลศกวณะใดลศกวณะหนษ่งเช่นศษกวาลศกวณะคฦาม
สูงเพียงอย่างเดียฦเรียกฦ่าการผสมพิจารณาลศกวณะเดียฦ(Monohybridcross)
ต่อมาได้ทาการผสมพศนธุ์2 ลศกวณะพร้อมๆกศนเช่นรูปร่างและสีของเมล็ดเรียกฦ่าการผสม
พิจารณาสองลศกวณะ(Dihybridcross)
ตศฦอย่างกฎของการรฦมกลุ่มอย่างอิสระ
ทาการผสมต้นถศ่ฦระหฦ่างถศ่ฦต้นสูง(พศนธุ์ทาง)กศบถศ่ฦต้นเตี้ยโดยให้Tแทนลศกวณะ
ต้นสูงซษ่งเป็นลศกวณะเด่นและtแทนต้นเตี้ย
ขศ้นตอนที่1: เขียนจีโนไทป์
ถศ่ฦต้นสูง(พศนธุ์ทาง) Tt ถศ่ฦต้นเตี้ย  tt
ขศ้นตอนที่2: เขียนเซลล์สืบพศนธุ์
TT เซลล์สืบพศนธุ์คือT หรือt tt เซลล์สืบพศนธุ์คือ t
ตศฦอย่างกฎของการรฦมกลุ่มอย่างอิสระ
ทาการผสมต้นถศ่ฦระหฦ่างถศ่ฦต้นสูง(พศนธุ์ทาง)กศบถศ่ฦต้นเตี้ยโดยให้Tแทนลศกวณะ
ต้นสูงซษ่งเป็นลศกวณะเด่นและtแทนต้นเตี้ย
ขศ้นตอนที่3 : จศบคู่เซลล์สืบพศนธุ์อย่างอิสระ
ถศ่ฦต้นสูง(พศนธุ์ทาง) ถศ่ฦต้นเตี้ย
T t t
Tt tt
ถศ่ฦต้นสูง(พศนธุ์ทาง) ถศ่ฦต้นเตี้ย
สรุปแล้ฦลูกที่เกิดมีโอกาสเป็นลศกวณะ
สูง: เตี้ย ในอศตราส่ฦน1: 1
ตศฦอย่างกฎของการรฦมกลุ่มอย่างอิสระ
ทาการผสมต้นถศ่ฦระหฦ่างถศ่ฦเมล็ดกลมสีเหลือง(RrYY)กศบถศ่ฦเมล็ดขรุขระสีเขียฦโดย
ให้R แทนลศกวณะกลม ซษ่งเป็นลศกวณะเด่นและ Yแทนลศกวณะสีเหลือง ซษ่งเป็นลศกวณะเด่น
ขศ้นตอนที่1: เขียนจีโนไทป์
เมล็ดกลมสีเหลือง RrYY เมล็ดขรุขระสีเขียฦ  rryy
ขศ้นตอนที่2 : เขียนเซลล์สืบพศนธุ์
RrYY เซลล์สืบพศนธุ์คือRYและrY rryy เซลล์สืบพศนธุ์คือ ry
ตศฦอย่างกฎของการรฦมกลุ่มอย่างอิสระ
ทาการผสมต้นถศ่ฦระหฦ่างถศ่ฦเมล็ดกลมสีเหลือง(RrYY)กศบ ถศ่ฦเมล็ดขรุขระสีเขียฦโดย
ให้R แทนลศกวณะกลม ซษ่งเป็นลศกวณะเด่นและ Yแทนลศกวณะสีเหลือง ซษ่งเป็นลศกวณะเด่น
ขศ้นตอนที่3 : จศบคู่เซลล์สืบพศนธุ์อย่างอิสระ
เมล็ดกลมสีเหลือง เมล็ดขรุขระสีเขียฦ
RY rY ry
RrYy rrYy
เมล็ดกลมสีเหลือง เมล็ดขรุขระสีเหลือง
สรุปแล้ฦลูกที่เกิดมีโอกาสเป็น
ลศกวณะเมล็ดกลมสีเหลือง: เมล็ด
ขรุขระสีเหลือง ในอศตราส่ฦน1 : 1
แบบฝึกหศดกฎของการรฦมกลุ่มอย่างอิสระ
ถ้าเราทาการผสมต้นถศ่ฦระหฦ่างถศ่ฦฝักเรียบสีเขียฦ(SsGg)ด้ฦยกศนเองลูกที่เกิดมา
จะมีโอกาสแสดงลศกวณะใดบ้างในอศตราส่ฦนเท่าไร
สรุปกฎ2ข้อของเมนเดล
กฎข้อที่กฎแห่งการแยก
“ยีนที่อยู่กศนเป็นคู่จะแยกออกจากกศนในระหฦ่างการสร้างเซลล์สืบพศนธุ์โดยเซลล์สืบพศนธุ์
แต่ละเซลล์จะได้รศบเพียงแอลลีลใดแอลลีลหนษ่ง”
กฎข้อที่กฎแห่งการรฦมกลุ่มอย่างอิสระ
“ยีนที่แยกออกจากกศนจะจศดกลุ่มอย่างอิสระกศบยีนอื่นที่แยกออกจากคู่เช่นกศน”
คฦามสาเร็จของเมนเดล
เลือกถศ่ฦลศนเตาเป็นพืชทดลอง
ใช้พศนธุ์แท้มาทดสอบจะสศงเกตลูกได้ง่าย
มีการทดลองและเก็บข้อมูลถษงรุ่นที่2
อาศศยทศกวะทางคณิตศาสตร์และสถิติในการคานฦณ
ลศกวณะทศ้ง7 เป็นอิสระต่อกศน
15.4การผสมเพื่อทดสอบ(TestCross)
คือการผสมเพื่อทดสอบฦ่าลศกวณะเด่นที่พบเป็นเด่นแท้(Homologous)หรือเด่นทาง
(Heterozygous)
ตศฦที่ใช้ในการทดสอบเรียกฦ่า“ต้นทดสอบ”(Tester)
เช่นการหาฦ่าลศกวณะต้นสูงเป็นสูงพศนธุ์แท้หรือไม่ ทาได้โดยนาต้นเตี้ย(ด้อย)มาผสม
ถ้าลูกที่ได้ไม่แสดงลศกวณะด้อยเลยแสงฦ่าเป็นเด่นพศนธุ์แท้
15.4การผสมเพื่อทดสอบ(TestCross)
ตศฦอย่างการผสมเพื่อทดสอบ(TestCross)
พ่อสูง TT(เด่นแท้)
TT
แม่เตี้ยtt
tt
Tt Tt Tt Tt
สูงทศ้งหมด
ตศฦอย่างการผสมเพื่อทดสอบ(TestCross)
พ่อสูง Tt(เด่นทาง)
tT
แม่เตี้ยtt
tt
Tt Tt tt tt
ต้นสูง ต้นเตี้ย
ต้นสูง: ต้นเตี้ย=1 : 1
เฉลยกิจกรรมที่16.2
การผสมกศนระหฦ่างพืชที่มีจีโนไทป์AABBrrxaabbrrจงหา
1.1รุ่นF1มีจีโนไทป์อย่างไร
เซลล์สืบพศนธุ์ของAABBrr
A
B
B
r
r
r
r
ABr
ABr
ABr
ABr
เฉลยกิจกรรมที่16.2
การผสมกศนระหฦ่างพืชที่มีจีโนไทป์AABBrrxaabbrrจงหา
1.1รุ่นF1มีจีโนไทป์อย่างไร
เซลล์สืบพศนธุ์ของaabbrr
a b abrr
เฉลยกิจกรรมที่16.2
aabbrrAABBrr
ABr abr
AaBbrr
เฉลยกิจกรรมที่16.2
การผสมกศนระหฦ่างพืชที่มีจีโนไทป์AABBrrxaabbrrจงหา
1.2โอกาสที่จะได้รุ่นF2ที่มีจีโนไทป์เป็นaabbrrเป็นเท่าใด
หาเซลล์สืบพศนธุ์ของ รุ่นF1: AaBbrr
A
b
B r
r
r
r
ABr
Abr
aBr
abr
a
b
B
หาจีโนไทป์รุ่นF2 (นารุ่นF1 มาผสมกศน)
รุ่นF1: AaBbrr
ABr Abr aBr abr
รุ่นF1: AaBbrr
เซลล์สืบพศนธุ์
ABr Abr aBr abr
AABBrr AABbrr AaBBrr AaBbrr AABbrr AAbbrr AaBbrr Aabbrr
หาจีโนไทป์รุ่นF2 (นารุ่นF1 มาผสมกศน)
รุ่นF1: AaBbrr
ABr Abr aBr abr
รุ่นF1: AaBbrr
เซลล์สืบพศนธุ์
ABr Abr aBr abr
AABBrr AABbrr AaBBrr AaBbrr AABbrr AAbbrr AaBbrr Aabbrr
aABBrr aABbrr aaBBrr aaBbrr aAbBrr aAbbrr aabBrr aabbrr
สรุปจีโนไทป์รุ่นF2 (นารุ่นF1 มาผสมกศน)
รุ่นF1: AaBbrr รุ่นF1: AaBbrr
AABBrr AABbrr AaBBrr AaBbrr AABbrr AAbbrr AaBbrr Aabbrr
AaBBrr AaBbrr aaBBrr aaBbrr AaBbrr Aabbrr aaBbrr aabbrr
AABBrr AABbrr AABbrr AaBBrr AaBBrr AaBbrr AaBbrr
AaBbrr AaBbrrAAbbrr Aabbrr Aabbrr
aaBBrr
aaBbrraaBbrr
aabbrr
จีโนไทป์แบบaabbrrคิดเป็น1/16(ร้อยละ6.25)
เฉลยกิจกรรมที่16.2
การผสมกศนระหฦ่างพืชที่มีจีโนไทป์AABBrrxaabbrrจงหา
1.3โอกาสที่จะได้รุ่นF2ที่มีจีโนไทป์เหมือพ่อแม่ในรุ่นF1เป็นเท่าใด
จีโนไทป์ของพ่อแม่ของรุ่นF2 ก็คือรุ่นF1 ได้แก่ AaBbrr
จีโนไทป์ของรุ่นF2
AABBrr AABbrr AABbrr AaBBrr AaBBrr AaBbrr AaBbrr
AaBbrr AaBbrrAAbbrr Aabbrr Aabbrr
aaBBrr
aaBbrraaBbrr
aabbrr
คิดเป็น4/16หรือ1/4 (ร้อยละ25)
เฉลยกิจกรรมที่16.2
มะเขือเทศผลสีแดงเป็นลศกวณะเด่น(R)และผลสีเหลืองเป็นลศกวณะด้อย(r)และต้นสูง
เป็นลศกวณะเด่น(T)และต้นเตี้ยเป็นลศกวณะด้อย(t)เมื่อผสมมะเขือเทศที่มีจีโนไทป์RrTT
กศบต้นที่มีจีโนไทป์ rrTtจงหาอศตราส่ฦนฟีโนไทป์และจีโนไทป์ของลูก
ขศ้นตอนที่1 : เขียนจีโนไทป์
RrTT rrTt
ขศ้นตอนที่2 : เขียนเซลล์สืบพศนธุ์
RrTTเซลล์สืบพศนธุ์คือRTและrT rrTt เซลล์สืบพศนธุ์คือ rTและrt
เฉลยกิจกรรมที่16.2
มะเขือเทศผลสีแดงเป็นลศกวณะเด่น(R)และผลสีเหลืองเป็นลศกวณะด้อย(r)และต้นสูง
เป็นลศกวณะเด่น(T)และต้นเตี้ยเป็นลศกวณะด้อย(t)เมื่อผสมมะเขือเทศที่มีจีโนไทป์RrTT
กศบต้นที่มีจีโนไทป์ rrTtจงหาอศตราส่ฦนฟีโนไทป์และจีโนไทป์ของลูก
ขศ้นตอนที่3 : จศบคู่เซลล์สืบพศนธุ์อย่างอิสระ
RrTT rrTt
RT rT rT
RrTT RrTt
สรุปแล้ฦลูกที่เกิดมีโอกาสเป็น
ผลแดงต้นสูง :ผลเหลืองต้นสูง
ในอศตราส่ฦน1 : 1
ลศกวณะจีโนไทป์
RrTT: RrTr: rrTT: rrTt
ในอศตราส่ฦน1 : 1 : 1 : 1
rt
rrTT rrTt
ผลแดงต้นสูง ผลแดงต้นสูง ผลเหลืองต้นสูง ผลเหลืองต้นสูง
เฉลยกิจกรรมที่16.2
กระต่ายขนสีดาเป็นลศกวณะเด่น(B)ขนสีน้าตาลเป็นลศกวณะด้อย(b)และขนสศ้นเป็น
ลศกวณะเด่น(S)ขนยาฦเป็นลศกวณะด้อย(s)ในการผสมระหฦ่างกระต่ายฮอมอไซกศส
ขนยาฦสีดา และฮอมอไซกศสขนสศ้นสีน้าตาล
3.1จงหาอศตราส่ฦนฟีโนไทป์ในรุ่นF1และฟีโนไทป์ในรุ่นF2
ขศ้นตอนที่1 : เขียนจีโนไทป์
ฮอมอไซกศสขนยาฦสีดา: ssBB ฮอมอไซกศสขนสศ้นสีน้าตาล :SSbb
ขศ้นตอนที่2 : เขียนเซลล์สืบพศนธุ์
ssBB เซลล์สืบพศนธุ์คือsB SSbb เซลล์สืบพศนธุ์คือ Sb
กระต่ายขนสีดาเป็นลศกวณะเด่น(B)ขนสีน้าตาลเป็นลศกวณะด้อย(b)และขนสศ้นเป็น
ลศกวณะเด่น(S)ขนยาฦเป็นลศกวณะด้อย(s)ในการผสมระหฦ่างกระต่ายฮอมอไซกศส
ขนยาฦสีดา และฮอมอไซกศสขนสศ้นสีน้าตาล
3.1จงหาอศตราส่ฦนฟีโนไทป์ในรุ่นF1และฟีโนไทป์ในรุ่นF2
ขศ้นตอนที่3 : จศบคู่เซลล์สืบพศนธุ์อย่างอิสระ
ssBB SSbb
sB Sb
SsBb
รุ่นF1เป็นกระต่าย
ขนสศ้นสีดาทศ้งหมด(SsBb)
การหารุ่นF2คือเอาF1
มาผสมกศนเอง
กระต่ายขนสศ้นสีดา
เซลล์สืบพศนธุ์ของรุ่นF1
: SsBb ได้แก่SB,Sb,sB
และsb
หาจีโนไทป์รุ่นF2 (นารุ่นF1 มาผสมกศน)
รุ่นF1: SsBb
SB Sb sB ss
รุ่นF1: SsBb
เซลล์สืบพศนธุ์
SB Sb sB sb
SSBB SSBb SsBB SsBb SSBb SSbb SsBb Ssbb
หาจีโนไทป์รุ่นF2 (นารุ่นF1 มาผสมกศน)
รุ่นF1: AaBbrr
SB Sb sB sb
รุ่นF1: AaBbrr
เซลล์สืบพศนธุ์
SB Sb sB sb
SsBB SsBb ssBB ssBb SsBb Ssbb ssBb ssbb
SSBB SSBb SsBB SsBb SSBb SSbb SsBb Ssbb
อศตราส่ฦนฟีโนไทป์ในรุ่นF1และฟีโนไทป์ในรุ่นF2
รุ่นF1: SsBb: ขนสศ้นสีดาทศ้งหมด(ร้อยละ100)
SsBB SsBb
ssBB ssBb
SsBb
SsbbssBb ssbb
SSBB
SSBb
SsBB SsBb
SSBb
SSbb
SsBb
Ssbb
รุ่นF2 ขนสศ้นสีดา(9)
ขนยาฦสีดา(3) ขนสศ้นสีน้าตาล(3) ขนยาฦสีน้าตาล(1)
กระต่ายขนสีดาเป็นลศกวณะเด่น(B)ขนสีน้าตาลเป็นลศกวณะด้อย(b)และขนสศ้นเป็น
ลศกวณะเด่น(S)ขนยาฦเป็นลศกวณะด้อย(s)ในการผสมระหฦ่างกระต่ายฮอมอไซกศส
ขนยาฦสีดา และฮอมอไซกศสขนสศ้นสีน้าตาล
3.2ลูกที่เกิดจากการเอารุ่นF1ผสมกศบกระต่ายขนยาฦสีน้าตาลมีฟีโนไทป์อะไรบ้างและ
เป็นสศดส่ฦนเท่าใด
รุ่นF1 SsBb
ขนยาฦสีน้าตาล ssbb
เซลล์สืบพศนธุ์ ได้แก่
SB,Sb,sBและsb
เซลล์สืบพศนธุ์ ได้แก่ sb
กระต่ายขนสีดาเป็นลศกวณะเด่น(B)ขนสีน้าตาลเป็นลศกวณะด้อย(b)และขนสศ้นเป็น
ลศกวณะเด่น(S)ขนยาฦเป็นลศกวณะด้อย(s)ในการผสมระหฦ่างกระต่ายฮอมอไซกศส
ขนยาฦสีดา และฮอมอไซกศสขนสศ้นสีน้าตาล
3.2ลูกที่เกิดจากการเอารุ่นF1ผสมกศบกระต่ายขนยาฦสีน้าตาลมีฟีโนไทป์อะไรบ้างและ
เป็นสศดส่ฦนเท่าใด
รุ่นF1
SB Sb sB sb
กระต่ายขนยาฦสีน้าตาล
sb
SsBb Ssbb ssBb ssbb
สศ้นดา สศ้นน้าตาล ยาฦดา ยาฦน้าตาล
สรุปแล้ฦลูกที่เกิดมีโอกาสเป็น
ขนสศ้นสีดา: ขนสศ้นสีน้าตาล: ขน
ยาฦสีดา: ขนยาฦสีน้าตาล
ในอศตราส่ฦน1 : 1 : 1 : 1
เฉลยกิจกรรมที่16.2
แมลงหฦี่ปีกยาฦเป็นลศกวณะเด่น(L)ปีกสศ้นเป็นลศกวณะด้อย( l ) ลาตศฦสีเทาเป็นลศกวณะ
เด่น(G)ลาตศฦสีดาเป็นลศกวณะด้อย(g)ผสมระหฦ่างแมลงหฦี่ปีกยาฦลาตศฦสีเทากศบหฦี่ปีกสศ้น
ตศฦสีดาจงหาจีโนไทป์รุ่นพ่อแม่กรณีต่อไปนี้
4.1ลูกมีอศตราส่ฦน1:1
ปีกยาฦลาตศฦสีเทา: LLGGหรือLlGG
หรือLLGg หรือ LlGg
ปีกสศ้นตศฦสีดา: llgg
จากข้อมูลที่ผ่านมาถ้าเป็นLLGG ลูกจะแสดงลศกวณะเด่นทศ้งหมด
และกรณีเป็นLlGG และLLGg ลูกจะแสดงลศกวณะเด่น: ด้อยในอศตราส่ฦน1 : 1
กรณีสุดท้ายLlGg(เหมือนข้อ3.2)ลูกจะแสดงลศกวณะที่ต่างกศน4แบบในอศตราส่ฦน
1:1:1:1
แมลงหฦี่ปีกยาฦเป็นลศกวณะเด่น(L)ปีกสศ้นเป็นลศกวณะด้อย( l ) ลาตศฦสีเทาเป็นลศกวณะ
เด่น(G)ลาตศฦสีดาเป็นลศกวณะด้อย(g)ผสมระหฦ่างแมลงหฦี่ปีกยาฦลาตศฦสีเทากศบหฦี่ปีกสศ้น
ตศฦสีดาจงหาจีโนไทป์รุ่นพ่อแม่กรณีต่อไปนี้
4.1ลูกมีอศตราส่ฦน1:1
ปีกยาฦลาตศฦสีเทาLlGg
LG Lg lG lg
ปีกสศ้นตศฦสีดา: llgg
lg
LlGg Llgg llGg llgg
ยาฦ-เทา ยาฦ-ดา สศ้น-เทา สศ้นดา
สรุปแล้ฦลูกที่เกิดมีโอกาสเป็น
ปีกยาฦสีเทา:ปีกยาฦสีดา:
ปีกสศ้นสีเทา:ปีกสศ้นสีดาใน
อศตราส่ฦน1 : 1 : 1 : 1
เฉลยกิจกรรมที่16.2
แมลงหฦี่ปีกยาฦเป็นลศกวณะเด่น(L)ปีกสศ้นเป็นลศกวณะด้อย( l ) ลาตศฦสีเทาเป็นลศกวณะ
เด่น(G)ลาตศฦสีดาเป็นลศกวณะด้อย(g)ผสมระหฦ่างแมลงหฦี่ปีกยาฦลาตศฦสีเทากศบหฦี่ปีกสศ้น
ตศฦสีดาจงหาจีโนไทป์รุ่นพ่อแม่กรณีต่อไปนี้
4.2ลูกมีปีกยาฦลาตศฦสีเทาทศ้งหมด
ปีกยาฦลาตศฦสีเทา: LLGGหรือLlGG
หรือLLGg หรือ LlGg
ปีกสศ้นตศฦสีดา: llgg
ลูกมีปีกยาฦลาตศฦสีเทาทศ้งหมดคือมีลศกวณะเด่นทศ้งหมด
จากข้อมูลที่ผ่านมาถ้าเป็นLLGG ลูกจะแสดงลศกวณะเด่นทศ้งหมด(กฎของเมนเดล)

More Related Content

What's hot

บท2ปฏิกิริยาเคมี
บท2ปฏิกิริยาเคมีบท2ปฏิกิริยาเคมี
บท2ปฏิกิริยาเคมีWichai Likitponrak
 
บรรยากาศ
บรรยากาศบรรยากาศ
บรรยากาศSupaluk Juntap
 
การสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอก
การสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอกการสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอก
การสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอกThanyamon Chat.
 
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1Sumarin Sanguanwong
 
การเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมี
การเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมีการเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมี
การเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมีครูเสกสรรค์ สุวรรณสุข
 
โรคทางพันธุกรรม ม.3
โรคทางพันธุกรรม ม.3โรคทางพันธุกรรม ม.3
โรคทางพันธุกรรม ม.3Wuttipong Tubkrathok
 
ระบบขับถ่าย ม.2
ระบบขับถ่าย ม.2ระบบขับถ่าย ม.2
ระบบขับถ่าย ม.2Sukanya Nak-on
 
การลำเลียงน้ำและอาหารของพืช
การลำเลียงน้ำและอาหารของพืชการลำเลียงน้ำและอาหารของพืช
การลำเลียงน้ำและอาหารของพืชThanyamon Chat.
 
Microsoft power point พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง dna
Microsoft power point   พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง dnaMicrosoft power point   พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง dna
Microsoft power point พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง dnaThanyamon Chat.
 
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช 2557
บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช  2557บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช  2557
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช 2557Pinutchaya Nakchumroon
 
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
แบบทดสอบ บทที่  6  การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรมแบบทดสอบ บทที่  6  การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรมdnavaroj
 
ระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือดระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือดWan Ngamwongwan
 
บทที่ 2 เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 2  เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตบทที่ 2  เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 2 เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตPinutchaya Nakchumroon
 
บทที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
บทที่ 1 ธาตุและสารประกอบบทที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
บทที่ 1 ธาตุและสารประกอบJariya Jaiyot
 
สมบัติของสารพันธุกรรม
สมบัติของสารพันธุกรรมสมบัติของสารพันธุกรรม
สมบัติของสารพันธุกรรมWan Ngamwongwan
 
บทที่ 4 โครโมโซมและสารพันธุกรรม
บทที่ 4 โครโมโซมและสารพันธุกรรมบทที่ 4 โครโมโซมและสารพันธุกรรม
บทที่ 4 โครโมโซมและสารพันธุกรรมYaovaree Nornakhum
 
ธาตุและสารประกอบ
ธาตุและสารประกอบธาตุและสารประกอบ
ธาตุและสารประกอบwebsite22556
 
ความร้อนกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสสาร
ความร้อนกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสสารความร้อนกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสสาร
ความร้อนกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสสารdalarat
 

What's hot (20)

บท2ปฏิกิริยาเคมี
บท2ปฏิกิริยาเคมีบท2ปฏิกิริยาเคมี
บท2ปฏิกิริยาเคมี
 
บรรยากาศ
บรรยากาศบรรยากาศ
บรรยากาศ
 
การสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอก
การสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอกการสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอก
การสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอก
 
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
 
การเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมี
การเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมีการเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมี
การเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมี
 
โรคทางพันธุกรรม ม.3
โรคทางพันธุกรรม ม.3โรคทางพันธุกรรม ม.3
โรคทางพันธุกรรม ม.3
 
ระบบขับถ่าย ม.2
ระบบขับถ่าย ม.2ระบบขับถ่าย ม.2
ระบบขับถ่าย ม.2
 
การลำเลียงน้ำและอาหารของพืช
การลำเลียงน้ำและอาหารของพืชการลำเลียงน้ำและอาหารของพืช
การลำเลียงน้ำและอาหารของพืช
 
Microsoft power point พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง dna
Microsoft power point   พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง dnaMicrosoft power point   พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง dna
Microsoft power point พันธุศาสตร์และเทคโนโลยีทาง dna
 
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช 2557
บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช  2557บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช  2557
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช 2557
 
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
แบบทดสอบ บทที่  6  การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรมแบบทดสอบ บทที่  6  การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
 
ระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือดระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือด
 
บทที่ 2 เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 2  เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตบทที่ 2  เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 2 เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
 
บทที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
บทที่ 1 ธาตุและสารประกอบบทที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
บทที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
 
สมบัติของสารพันธุกรรม
สมบัติของสารพันธุกรรมสมบัติของสารพันธุกรรม
สมบัติของสารพันธุกรรม
 
บทที่ 4 โครโมโซมและสารพันธุกรรม
บทที่ 4 โครโมโซมและสารพันธุกรรมบทที่ 4 โครโมโซมและสารพันธุกรรม
บทที่ 4 โครโมโซมและสารพันธุกรรม
 
แผนBioม.5 1
แผนBioม.5 1แผนBioม.5 1
แผนBioม.5 1
 
ธาตุและสารประกอบ
ธาตุและสารประกอบธาตุและสารประกอบ
ธาตุและสารประกอบ
 
ความร้อนกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสสาร
ความร้อนกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสสารความร้อนกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสสาร
ความร้อนกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสสาร
 
ม.6 นิเวศ
ม.6 นิเวศม.6 นิเวศ
ม.6 นิเวศ
 

More from Pinutchaya Nakchumroon

บทที่ 16 ยีนและโครโมโซม
บทที่  16  ยีนและโครโมโซมบทที่  16  ยีนและโครโมโซม
บทที่ 16 ยีนและโครโมโซมPinutchaya Nakchumroon
 
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม (2)
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม (2)บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม (2)
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม (2)Pinutchaya Nakchumroon
 
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตบทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตPinutchaya Nakchumroon
 
บทที่ 12 การสังเคราะห์แสง
บทที่ 12  การสังเคราะห์แสงบทที่ 12  การสังเคราะห์แสง
บทที่ 12 การสังเคราะห์แสงPinutchaya Nakchumroon
 
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำ (5)
บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช   การคายน้ำ (5)บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช   การคายน้ำ (5)
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำ (5)Pinutchaya Nakchumroon
 
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ใบ (4)
บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช   ใบ (4)บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช   ใบ (4)
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ใบ (4)Pinutchaya Nakchumroon
 
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ลำต้น (3)
บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ลำต้น (3)บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ลำต้น (3)
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ลำต้น (3)Pinutchaya Nakchumroon
 
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ราก (2)
บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ราก (2)บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ราก (2)
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ราก (2)Pinutchaya Nakchumroon
 
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช
บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืชบทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืชPinutchaya Nakchumroon
 
อาณาจักรสัตว์ 2
อาณาจักรสัตว์ 2อาณาจักรสัตว์ 2
อาณาจักรสัตว์ 2Pinutchaya Nakchumroon
 
อาณาจักรสัตว์ (1)
อาณาจักรสัตว์ (1)อาณาจักรสัตว์ (1)
อาณาจักรสัตว์ (1)Pinutchaya Nakchumroon
 
อาณาจักรฟังไจ
อาณาจักรฟังไจอาณาจักรฟังไจ
อาณาจักรฟังไจPinutchaya Nakchumroon
 
อาณาจักรโพรติสตา
อาณาจักรโพรติสตาอาณาจักรโพรติสตา
อาณาจักรโพรติสตาPinutchaya Nakchumroon
 
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพPinutchaya Nakchumroon
 
บทที่ 3 พลังงานไฟฟ้า
บทที่ 3  พลังงานไฟฟ้าบทที่ 3  พลังงานไฟฟ้า
บทที่ 3 พลังงานไฟฟ้าPinutchaya Nakchumroon
 
บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร 2559
บทที่ 4  ระบบย่อยอาหาร   2559บทที่ 4  ระบบย่อยอาหาร   2559
บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร 2559Pinutchaya Nakchumroon
 
บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ
บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศบทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ
บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศPinutchaya Nakchumroon
 
บทที่ 7 ระบบสุริยะ
บทที่ 7 ระบบสุริยะบทที่ 7 ระบบสุริยะ
บทที่ 7 ระบบสุริยะPinutchaya Nakchumroon
 
บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร (2) 2559
บทที่ 4  ระบบย่อยอาหาร (2)   2559บทที่ 4  ระบบย่อยอาหาร (2)   2559
บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร (2) 2559Pinutchaya Nakchumroon
 

More from Pinutchaya Nakchumroon (20)

บทที่ 16 ยีนและโครโมโซม
บทที่  16  ยีนและโครโมโซมบทที่  16  ยีนและโครโมโซม
บทที่ 16 ยีนและโครโมโซม
 
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม (2)
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม (2)บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม (2)
บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม (2)
 
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตบทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
 
บทที่ 12 การสังเคราะห์แสง
บทที่ 12  การสังเคราะห์แสงบทที่ 12  การสังเคราะห์แสง
บทที่ 12 การสังเคราะห์แสง
 
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำ (5)
บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช   การคายน้ำ (5)บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช   การคายน้ำ (5)
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำ (5)
 
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ใบ (4)
บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช   ใบ (4)บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช   ใบ (4)
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ใบ (4)
 
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ลำต้น (3)
บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ลำต้น (3)บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ลำต้น (3)
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ลำต้น (3)
 
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ราก (2)
บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ราก (2)บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ราก (2)
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ราก (2)
 
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช
บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืชบทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช
 
อาณาจักรสัตว์ 2
อาณาจักรสัตว์ 2อาณาจักรสัตว์ 2
อาณาจักรสัตว์ 2
 
อาณาจักรสัตว์ (1)
อาณาจักรสัตว์ (1)อาณาจักรสัตว์ (1)
อาณาจักรสัตว์ (1)
 
อาณาจักรพืช
อาณาจักรพืชอาณาจักรพืช
อาณาจักรพืช
 
อาณาจักรฟังไจ
อาณาจักรฟังไจอาณาจักรฟังไจ
อาณาจักรฟังไจ
 
อาณาจักรโพรติสตา
อาณาจักรโพรติสตาอาณาจักรโพรติสตา
อาณาจักรโพรติสตา
 
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพ
 
บทที่ 3 พลังงานไฟฟ้า
บทที่ 3  พลังงานไฟฟ้าบทที่ 3  พลังงานไฟฟ้า
บทที่ 3 พลังงานไฟฟ้า
 
บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร 2559
บทที่ 4  ระบบย่อยอาหาร   2559บทที่ 4  ระบบย่อยอาหาร   2559
บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร 2559
 
บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ
บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศบทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ
บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ
 
บทที่ 7 ระบบสุริยะ
บทที่ 7 ระบบสุริยะบทที่ 7 ระบบสุริยะ
บทที่ 7 ระบบสุริยะ
 
บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร (2) 2559
บทที่ 4  ระบบย่อยอาหาร (2)   2559บทที่ 4  ระบบย่อยอาหาร (2)   2559
บทที่ 4 ระบบย่อยอาหาร (2) 2559
 

บทที่ 15 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม