More Related Content
More from Freedom'life By-SnoOker
More from Freedom'life By-SnoOker (8)
Chapter6
- 4. 3.ประเภทของการสืบพันธุ์
การสืบพันธุมี 2 วิธี คือการสืบพันธุแบบไม่
์
์
อาศัยเพศ และการสืบพันธุแบบอาศัย
์
เพศ
1.การสืบพันธุแบบไม่อาศัยเพศ (Asexual
์
Reproduction)
2.การสืบพันธุแบบอาศัยเพศ (Sexual
์
Reproduction)
สัตว์บางชนิดสามารถสืบพันธุทงแบบอาศัย
์ ั้
เพศและแบบไม่อาศัยเพศ
เช่น ไฮดรา การสืบพันธุแบบไม่อาศัยเพศ
์
ของไฮดราจะใช้วธการแตกหน่อ
ิี
- 6. 5.การสืบพันธุแบบไม่อาศัยเพศ (asexual reproduction)
์
เป็ นการสืบพันธุทไม่ตองอาศัยเซลล์สบพันธุ์ (sex cell) เป็ นการสืบพันธุทสร้าง
์ ่ี ้
ื
์ ่ี
หน่วยใหม่ขนมาจากสิงมีชวตเดิม การสืบพันธุแบบนี้พบตังแต่สงทีมชวตทียง
้ึ
่ ีิ
์
้ ิ่ ่ ี ี ิ ่ ั
ไม่เป็ นเซลล์ พวกเซลล์เดียว และพวกหลายเซลล์ไปจนถึงพืชชันสูง
้
- 7. การสืบพันธุแบบไม่อาศัยเพศสามารถแบ่งได้ดงนี้
์
ั
1. การแตกหน่ อ (BUDDING) หน่ อเดิมจะแบ่งเซลล์ได้หน่ อใหม่ (BUD) แต่ติดกับหน่ อเดิม รูปร่าง
เหมือนหน่ อเดิม แต่ขนาดเล็กกว่า พบในพืชเซลล์เดียว เช่น ยีสต์ ในพืชหลายเซลล์ เช่น มาร์
เเชนเทีย (MARCHANTIA) ซึ่งเป็ นพืชชันตาพวกตะไคร่ชนิดหนึ่ ง (หรือเรียกลิเวอร์เวิธ) และต้น
้ ่
ตีนตุกแก ต้นตายใบเป็ น ส่วนในสัตว์หลายเซลล์ ได้แก่ ไฮดรา
๊
ไฮดรา
ซัคทอเรีย
มาร์แชนเทีย
- 8. 2. การแบ่งแยก (FISSION) เป็ นการสืบพันธุแบบไม่อาศัยเพศของ
์
สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น โพรโทซัว แบคทีเรีย ยีสต์ และสาหร่าย
ระหว่างที่มีการแบ่งแยกจะมีการแบ่งสารพันธุกรรมด้วย แบ่งได้ 2
ประเภท คือ
1.1 แบ่งแยกเป็ นสอง (BINARY FISSION) จากหนึ่ งเซลล์แบ่ง
ได้เป็ น 2 เซลล์ และ 4 เซลล์ต่อไปเรื่อยๆ ได้แก่ พารามีเซียม
1.2 การแบ่งแยกทวีคณ (MULTIPLE FISSION) นิวเคลียส จะ
ู
มีการแบ่งแบบไมโตซีสหลายครังได้นิวเคลียสหลายอัน แล้วจึงแบ่ง
้
ไซโตพลาซึมได้เป็ นหลายเซลล์จะเกิดในพวกสัตว์ไม่มีกระดูกสัน
หลัง เช่น ในเชื้อมาเลเรียบางระยะและในอะมีบาบางชนิดในระยะ
เป็ นตัวหนอนของฟองน้าและปลาดาวบางชนิด
- 10. Asexual reproduction by multiple fission in Amphistegina
http://www.marine.usf.edu/reefslab/pages/photoalbum.html
การแบ่งตัวแบบทวีคณพบในพวกสปอโรซัว
ู
http://web.nkc.kku.ac.th/118214/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=8
- 16. รู ปแบบของการสื บพันธุ์แบบอาศัยเพศ
1. รูปแบบของการสืบพันธุในสิ่งมีชีวิตที่มีโครโมโซมเป็ นแฮพลอยด์
์
พบในสิงมีชวตพวกโพรทิส
่ ีิ
สร้างเซลล์สบพันธุทเี่ ป็ นแฮพลอยด์(แบ่งเซลล์แบบไมโทซิส)
ื
์
เกิดการ
รวมตัวของเซลล์สบพันธุ์
ื
ได้ไซโกตทีเป็ นดิพลอยด์
่
ไซโกต จะแบ่งแบบไมโอซิสได้สปอร์ทเี่ ป็ นแฮพลอยด์
เจริญเป็ น
สิงมีชวตทีมโครโมโซมเป็ นแฮพลอยด์
่ ีิ ่ ี
2. รูปแบบของการสืบพันธุในสิ่งมีชีวิตที่มีโครโมโซมเป็ นดิพลอยด์
์
พบในคน สัตว์ พืชบางชนิด เห็ดราบางชนิด และโพรโทซัว
โครโมโซมเป็ นดิพลอยด์
สร้างเซลล์สบพันธุแบบแฮพลอยด์(ไมโอซิส)
ื
์
รวมตัวของเซลล์สบพันธุ์
ื
ได้ไซโกตเป็ นดิพลอยด์
ไซโกต จะแบ่งแบบไมโทซิสเพิมจานวนเซลล์เจริญเป็ นสิงมีชวตใหม่เป็ นดิ
่
่ ีิ
พลอยด์
- 17. ไข่ (Egg)
ลักษณะกลมหรื อรี เคลื่อนที่ไม่ได้ ไข่ของสัตว์มกมีอาหารสะสมอยู่
ั
่
เพื่อเลี้ยงตัวอ่อนที่อยูภายในไข่เซลล์ไข่ส่วนมากมักจะมีสิ่งห่อหุ ม
้
เพื่อป้ องกันการกระทบกระเทือนจากสิ่ งแวดล้อม
- 18. ตัวอสุจิ (Sperm)
มีขนาดเล็กกว่าไข่มาก ส่ วนประกอบอยู่ 3 ส่ วน คือ หัว (head) ลาตัว
(body) และหาง (tail) ส่ วนหัวจะมีนิวเคลียสเป็ นส่ วนประกอบ เคลื่อนที่โดย
ใช้หางตัวอสุ จิจะมีขนาดเล็กกว่าไข่มาก และมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า และจะเคลื่อนที่
ได้เร็ วเพราะมีส่วนหางช่วยในการเคลื่อนที่เพื่อสะดวกในการเข้าผสมกับไข่
- 19. เมื่อตัวอสุจิผสมกับไข่จะเกิด การปฏิสนธิ (Fertilization) ขึน
้
การปฏิสนธิ (Fertilization) แบ่งออกเป็ น 2 ชนิด คือ
1.)การปฏิ สนธิภายใน (Internal Fertilization)
ตัวอสุจจากสัตว์เพศผูเ้ ข้าผสมกับไข่ซงยังอยูในตัวของสัตว์เพศเมีย
ิ
่ึ
่
ได้แก่ สัตว์เลียงลูกด้วยนม ปลาทีออกลูกเป็ นตัว เช่น ปลาหางนกยูง
้
่
- 20. 2.)การปฏิ สนธิภายนอก (External Fertilization)
การผสมระหว่างไข่และตัวอสุจภายนอกตัวของสัตว์เพศเมีย โดย
ิ
ทีเพศผูจะปล่อยเชืออสุจออกมา และเพศเมียจะปล่อยไข่ออกมา
่
้
้
ิ
เพือผสมกับตัวอสุจิ ได้แก่ สัตว์ครึงน้าครึงบก เช่น กบ เป็ นต้น
่
่
่
ปลาต่าง ๆ และสัตว์น้าทีออกลูกเป็ นไข่ทุกชนิด
่
- 22. ระบบสืบพันธุเพศชาย (Male Reproductive System)
์
เป็ นระบบทีทาหน้าทีในการสร้างเซลล์สบพันธุ์ คือ sperm และทาหน้าที่
่
่
ื
ในการนาส่ง sperm เข้าไปในอวัยวะสืบพันธุเพศหญิงเพือผสมกับเซลล์ไข่
์
่
ต่อไป นอกจากนี้ยงทาหน้าทีสร้าง hormone เพศชายอีกด้วย
ั
่
อวัยวะสืบพันธุเพศชาย ( male genital organ) อวัยวะสืบพันธุ์
์
เพศชายแบ่งออกเป็ น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ
1.อวัยวะสืบพันธุเพศชายภายนอก ( external male genital
์
organ) เป็ นอวัยวะส่วน ทีสามารถมองเห็นได้จากภายนอก
่
2. อวัยวะสืบพันธุเพศชายภายใน ( internal male genital
์
organ) เป็ นส่วนทีไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก
่
1. ลึงค์ ( penis)
2. ถุงอัณฑะ ( scrotum หรือ scrotal sec)
- 24. น้ากาม ( semen)
น้ากาม ( semen) หรือน้าอสุจของการร่วมเพศ น้ากามเกิดจากต่อม
ิ
คัลเพอร์แต่ละครังมีประมาณ 3 cm³ ประกอบด้วยของเหลวจากต่อม
้
ต่างๆ คือ เซมินลฟลูอด พรอสเทติกฟลูอดและของเหลวจากต่อมคาวเพอร์
ั
ิ
ิ
และอสุจอกประมาณ 300-500 ล้านตัว น้ากามจะมีสขาว ทึบแสง มีกลิน
ิี
ี
่
เฉพาะตัว การหลังน้ากามเกิดจากการหดและแข็งตัวของกล้ามเนื้อตามท่อและ
่
เซมินลเวซิเคิล
ั
- 25. Spermatogenic cell
Spermatogenic cell เป็ นกลุ่มของเซลล์สบพันธุเพศชายจะมีการแบ่งตัว
ื
์
และเปลียนตังแต่ spermatogonia จนกลายไปเป็ น sperm เรียก
่ ้
กระบวนการนี้วา spermatogenesis ซึงใช้เวลานานประมาณ 64 วัน
่
่
แบ่งออกเป็ นระยะต่าง ๆ ได้ 4 ระยะคือ
- 26. 1.spermatocytogenesis
2.meiosis
- meiosis I เป็ นการแบ่งเซลล์จาก primary spermatocyte กลายเป็ น secondary
spermatocyte
- meiosis II เป็ นการแบ่งเซลล์จาก secondary spermatocyte กลายเป็ น
spermatid
3.spermiogenesis
4.spermiation
- 36. การวัดการเติบโต (mesurement of growth)
เป็นการวัดขนาดทีเพิมมากขึนทาได้หลายวิธ ี คือ
่ ่
้
1.การวัดน้าหนักที่เพิ่มขึน
้
2. การวัดความสูงที่เพิ่มขึน
้
3. การวัดปริมาตรที่เพิ่มขึน
้
4. การนับจานวนเซลล์ที่เพิ่มขึน
้
เส้นโค้งของการเติ บโต (growth curve) เส้นโค้งทีแสดงอัตราการเติบโตอาจจะ
่
วัดออกมาเป็ นหน่วยน้ าหนักทีเพิมขึนต่อหน่วยเวลาทีเปลียนไปหรือหน่วยความสูงที
่ ่ ้
่ ่
เพิมขึนต่อหน่วยเวลาทีเปลียนไป สิงมีชวตส่วนใหญ่จะมีเส้นโค้งของการเติบโตเป็นรูปตัว
่ ้
่ ่
่ ีิ
เอส (S) หรือ sigmoid curve เสมอ
- 40. การสร้ างเซลล์ สืบพันธุ์ในสั ตว์
1. ขบวนการสร้างสเปอร์ม (spermatogenesis)
2. ขบวนการสร้างไข่ (Oogenesis)
3. ชนิดของไข่
ไข่ของสัตว์ต่างๆ จาแนกได้เป็ น 4 ชนิด ตามปริมาณและการกระจายของไข่
แดง
1. ISOLECITHAL EGG เป็ นพวกที่มีไข่แดงน้ อย และกระจายทัวไปภายใน
่
เซลล์ เช่น ไข่หอยเม่น ไข่ปลาดาว และไข่สตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
ั
2. MESOLECITHAL EGG เป็ นพวกที่มีไข่แดงปานกลาง และไข่แดงมักจะอยู่
หนาแน่ นที่ขวใดขัวหนึ่ งของเซลล์ ตัวอย่างเช่น ไข่กบ
ั้
้
3. TELOLECITHAL EGG เป็ นพวกที่มีไข่แดงมาก และไข่แดงอยู่หนาแน่ น
ตัวอย่างเช่น ไข่นก ไข่ไก่ ไข่ปลา และไข่ของสัตว์เลือยคลาน
้
4.CENTROLLECITHAL EGG เป็ นพวกที่มีไข่แดงอยู่ตรงกลาง ตัวอย่าง เช่น
ไข่แมลง
4. อิทธิพลของไข่แดง
1. ขัดขวางการแบ่งเซลล์ของไข่ จากการศึกษาพบว่า บริเวณที่มีไข่แดงน้ อย
จะมีการแบ่งเซลล์และมีการเคลื่อนที่ของเซลล์มากกว่าบริเวณที่มีไข่แดงมาก
2. ไข่แดงเป็ นอาหารของตัวอ่อน
- 44. 2. บลาสทูเลชัน (Blastulation)
บลาสทูลา (blastula) เมือไซโกตถูกแบ่งให้เล็กลงโดยไม่มการเพิมเนื้อที่
่
ี
่
เซลล์ใหม่ (blastomeres หรือ cleavage cell) ประมาณ 100 – 250 เซลล์แล้ว จะอัด
ตัวกันแน่นจนเป็ นรูปทรงกลม (spherical shape) และจะมีการเคลื่อนตัวของ
เซลล์ ทาให้เกิดช่องกลวงขึนตรงกลาง (central cavity) ภายในมีของเหลวบรรจุ
้
อยูเต็ม เรียกช่องนี้วา “ บลาสโทซีล (blastocoel) ” ซึงเป็ นลักษณะสาคัญของ
่
่
่
ระยะบลาสทูลา ส่วนชันของเซลล์ทลอมรอบบลาสโทซีลอยูเรียกว่า “ บลาสโท
้
่ี ้
่
เมียร์ (blastomere) ”
- 45. 3. แกสทรูเลชัน (Gastrulation)
แกสทรูลา (gastrula) เป็นระยะทีบลาสทูลาทีมเี ซลล์เพียงชันเดียว
่
่
้
(single-layered blastula)มีการเปลียนแปลงเป็ นรูปทรงกลมทีมเี ซลล์ 2 ชัน
่
่
้
(double-layered sphere) ซึงจะเจริญเปลียนแปลงไปเป็ นทางเดินอาหาร
่
่
ในระยะนี้จะเกิดเนื้อเยือชันต่างๆ ขึน คือ เนื้อเยือชันนอก (ectoderm)
่ ้
้
่ ้
เนื้อเยือชันกลาง (mesoderm) และเนื้อเยือชันใน (endoderm)
่ ้
่ ้
- 49. 2. แอนแลนทอยส์ (allantois)
3. ถุงน้ าคร่ า (amnion) และคอเรี ยน (chorion)
4. เปลือกไข่ (shell)
แสดงการพัฒนาของเอ็มบริ โอไก่ภายในไข่ ในช่ วงเวลา
- 50. การพัฒนาของไข่ เมื่อได้ รับการผสมแล้ ว
ไข่ เมื่อได้ รับการผสมแล้วจะกลายเป็ นไซโกต (ZYGOTE) แล้ วมีการแบ่ ง
นิวเคลียสแบบไมโทซีส ไซโกตจะมีการเปลียนแปลงต่ อเนื่องกัน 4 ระยะ คือ
่
1. CLEAVAGE เริ่มจากไซโกตแบ่ งตัวจาก 1 – 2 – 4 - 8 ... จนกระทั้ง
เซลล์ มาเกาะกันเป็ นก้ อนกลมๆ เรียกว่ า โมรู ลา (MORULA)
2. BLASTULA เป็ นตัวอ่ อนในระยะทีมีการเคลือนทีของเซลล์ เพือให้ ได้
่
่ ่
่
ช่ องว่ างในตัวอ่อนเรียกช่ องว่ างนีว่า BLASTOCOEL และเรียกเซลล์ ทล้อม
้
ี่
ช่ องว่ างว่ า BLASTODERM ลักษณะของตัวอ่ อนตอนนีคล้ ายผลน้ อยหน่ า
้
3. GASTRULA เป็ นตัวอ่ อนทีต่อจากระยะ BLASTULA คือ เซลล์
่
แบ่ งตัวแล้ วเคลือนทีเ่ ข้ าข้ างในเห็นตัวอ่ อนเป็ นรู ปถ้ วย ซึ่งดูคล้ ายมีผนัง 2 ชั้น คือ
่
ชั้นนอกและชั้นในและในตอนนีจะเห็นมีช่องว่ าง 2 ช่ อง คือ BLASTOCOEL
้
และ ARCHENTERON ซึ่งช่ อง ARCHENTERON ต่ อไปจะเจริญไปเป็ น
ทางเดินอาหาร ต่ อมาจะเกิดเนือเยือแทรกระหว่ างเนือเยือชั้นนอกและเนือเยือ
้ ่
้ ่
้ ่
ชั้นใน เนือเยือที่เกิดขึนใหม่ นคอเนือเยือชั้นกลางในตอนท้ ายระยะ GASTRULA
้ ่
้
ี้ ื ้ ่
จะมีการสร้ างระบบประสาทขึน
้
- 52. 4. การเกิดรูปร่างของเอ็มบริโอ (embryogenesis) เป็น
การเปลียนแปลง เนื้อเยือชันต่างๆ เป็ นรูปร่างของเอ็มบริโอที่
่
่ ้
สมบูรณ์ต่อไป ซึงประกอบด้วย
่
- อวัยวะที่เปลี่ยนแปลงมาจากเนื้ อเยื่อชันนอก เช่น
้
ผิวหนัง (skin) , ส่วนของปาก , ระบบประสาท เป็ นต้น
- อวัยวะที่เปลี่ยนแปลงมาจากเนื้ อเยื่อชันกลาง เช่น
้
ระบบกล้ามเนื้อ , โครงกระดูก , ระบบขับถ่าย , ระบบสืบพันธุ์ ,ระบบ
หมุนเวียนโลหิต เป็นต้น
- อวัยวะที่เปลี่ยนแปลงมาจากเนื้ อเยื่อชันใน เช่น ระบบ
้
ทางเดินอาหาร , ระบบหายใจ , อืนๆ เป็นต้น
่
- 54. 13. การเจริ ญระยะเอ็มบริ โอของคน
การเจริ ญเติบโตของทารกในครรภ์
การเจริ ญเติบโตของทารกในครรภ์ อาจแบ่งออกได้เป็ น 3 ระยะด้วยกัน คือ
1. ระยะไข่ตก (Ovulation) 2. ระยะคัพภะ (Embryo) 3. ระยะตัวอ่อน (Fetus)
- 58. 1. เมทามอร์ โฟซิสของแมลง แบ่งออกเป็ น 4 แบบคือ
1.1 ไม่ มีเมทามอร์ โฟซิส (ametamorphosis )
ตัวอ่อนที่ฟักออกจากไข่มีรูปร่ างเหมือนกับพ่อแม่ทุกอย่าง แล้ว
ตัวอ่อนก็ค่อย ๆ เจริ ญเติบโตแล้วลอกคราบเจริ ญเป็ นตัวเต็มวัยต่อไป
เช่น แมลงสามง่าม แมลงหางดีด
- 59. 1.2 มีเมทามอร์โฟซิสแบบค่อยเป็ นค่อยไป (gradual metamorphosis)
ตัวอ่อนทีฟกออกมาจากไข่มรปร่างคล้ายพ่อแม่ แต่มอวัยวะบางอย่างไม่
่ ั
ีู
ี
ครบ เช่น ไม่มปีก เมื่อแมลงโตขึนและลอกคราบปีกจะเริมงอกขึนเรียกตัวอ่อน
ี
้
่
้
ระยะนี้วา นิมฟ์ (nymph) ต่อจากนันก็จะมีการลอกคราบหลายครังและเจริญเป็น
่
้
้
ตัวเต็มวัยต่อไป เช่น ตักแตน แมลงสาบ ปลวก เหา ไร่ไก่ จักจัน
๊
่
- 60. 1.3 มีเมทามอร์โฟซิสแบบไม่สมบูรณ์ (incomplete metamorphosis)
มีลกษณะคล้ายแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ขณะทีเจริญเติบโตนัน มีการ
ั
่
้
เปลียนแปลงรูปร่างมากกว่า ตัวอ่อนมักเจริญอยูในน้า หายใจด้วยเหงือกเรียกว่า
่
่
ไนแอด (naiad) ต่อจากนันตัวอ่อนจะลอกคราบขึนมาอยูบนบกและหายใจด้วย
้
้
่
ระบบท่อลม เช่น ชีปะขาว แมลงปอ
- 61. 1.4 มีเมทามอร์โฟซิสแบบสมบูรณ์ (complete metamorphosis)
โดยมีการเจริญเปลียนแปลงรูปร่างของร่างกาย เป็ น 4 ขันตอน
่
้
ั
ด้วยกัน คือ ไข่ (egg) แล้วฟกเป็ นตัวอ่อนหรือตัวหนอน(larva) ซึงกินอาหาร
่
เก่งมากและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ต่อจากนันจึงเป็ นดักแด้
้
(pupa)
ั
หยุดกินอาหารมักใช้ใยหรือใบไม้หมตัวและฟกตัวอยูระยะหนึ่ง ตัวเต็มวัย
ุ้
่
(adult) ออกจากเกราะและสืบพันธุได้ต่อไป เช่น ด้วง ผีเสือ แมลงวัน ยุง ผึง
์
้
้
ไหม