SlideShare a Scribd company logo
1 of 66
Download to read offline
การสื บพันธ์ ุ
และการเจริญของสั ตว์
ครูสิปป์แสง สุขผล
การสื บพันธุ์
(Reproduction)
หมายถึง กระบวนการทีทาให้เกิดสิงมีชวตตัวใหม่ขนมาจากสิงมีชวต
่
่ ีิ
้ึ
่ ีิ
ชนิดเดียวกัน โดยทีสงมีชวตรุนใหม่ทเี่ กิดขึนจะทดแทนสิงมีชวตรุนเก่าที่
่ ิ่ ี ิ ่
้
่ ีิ ่
ตายไป ทาให้สงมีชวตเหลือรอดอยูได้โดยไม่สญพันธุ์
ิ่ ี ิ
่
ู
2. ความสาคัญของการสืบพันธุ์

1.ทาให้เกิดหน่ วยของสิ่งมีชีวิตขึนมาใหม่ ทดแทนชีวิตเดิมที่ตายไป
้
2.การสืบพันธุแบบอาศัยเพศทาให้เกิด ความผันแปรของลักษณะ ซึ่ง
์
เป็ นกลไกของการดารงชีวิต
3.การสืบพันธุเป็ นตัวตัดสินว่าอะไรเป็ นสิ่งมีชีวิตหรือไม่
์
3.ประเภทของการสืบพันธุ์
การสืบพันธุมี 2 วิธี คือการสืบพันธุแบบไม่
์
์
อาศัยเพศ และการสืบพันธุแบบอาศัย
์
เพศ
1.การสืบพันธุแบบไม่อาศัยเพศ (Asexual
์
Reproduction)
2.การสืบพันธุแบบอาศัยเพศ (Sexual
์
Reproduction)
สัตว์บางชนิดสามารถสืบพันธุทงแบบอาศัย
์ ั้
เพศและแบบไม่อาศัยเพศ
เช่น ไฮดรา การสืบพันธุแบบไม่อาศัยเพศ
์
ของไฮดราจะใช้วธการแตกหน่อ
ิี
4.การเพิ่มจานวนเซลล์

(cellmultiplication)
5.การสืบพันธุแบบไม่อาศัยเพศ (asexual reproduction)
์
เป็ นการสืบพันธุทไม่ตองอาศัยเซลล์สบพันธุ์ (sex cell) เป็ นการสืบพันธุทสร้าง
์ ่ี ้
ื
์ ่ี
หน่วยใหม่ขนมาจากสิงมีชวตเดิม การสืบพันธุแบบนี้พบตังแต่สงทีมชวตทียง
้ึ
่ ีิ
์
้ ิ่ ่ ี ี ิ ่ ั
ไม่เป็ นเซลล์ พวกเซลล์เดียว และพวกหลายเซลล์ไปจนถึงพืชชันสูง
้
การสืบพันธุแบบไม่อาศัยเพศสามารถแบ่งได้ดงนี้
์
ั
1. การแตกหน่ อ (BUDDING) หน่ อเดิมจะแบ่งเซลล์ได้หน่ อใหม่ (BUD) แต่ติดกับหน่ อเดิม รูปร่าง
เหมือนหน่ อเดิม แต่ขนาดเล็กกว่า พบในพืชเซลล์เดียว เช่น ยีสต์ ในพืชหลายเซลล์ เช่น มาร์
เเชนเทีย (MARCHANTIA) ซึ่งเป็ นพืชชันตาพวกตะไคร่ชนิดหนึ่ ง (หรือเรียกลิเวอร์เวิธ) และต้น
้ ่
ตีนตุกแก ต้นตายใบเป็ น ส่วนในสัตว์หลายเซลล์ ได้แก่ ไฮดรา
๊

ไฮดรา

ซัคทอเรีย

มาร์แชนเทีย
2. การแบ่งแยก (FISSION) เป็ นการสืบพันธุแบบไม่อาศัยเพศของ
์
สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น โพรโทซัว แบคทีเรีย ยีสต์ และสาหร่าย
ระหว่างที่มีการแบ่งแยกจะมีการแบ่งสารพันธุกรรมด้วย แบ่งได้ 2
ประเภท คือ
1.1 แบ่งแยกเป็ นสอง (BINARY FISSION) จากหนึ่ งเซลล์แบ่ง
ได้เป็ น 2 เซลล์ และ 4 เซลล์ต่อไปเรื่อยๆ ได้แก่ พารามีเซียม
1.2 การแบ่งแยกทวีคณ (MULTIPLE FISSION) นิวเคลียส จะ
ู
มีการแบ่งแบบไมโตซีสหลายครังได้นิวเคลียสหลายอัน แล้วจึงแบ่ง
้
ไซโตพลาซึมได้เป็ นหลายเซลล์จะเกิดในพวกสัตว์ไม่มีกระดูกสัน
หลัง เช่น ในเชื้อมาเลเรียบางระยะและในอะมีบาบางชนิดในระยะ
เป็ นตัวหนอนของฟองน้าและปลาดาวบางชนิด
การสืบพันธุแบบไบนารีฟิชชัน (binary fission) (a-b) ภาพแสดงการแบ่งตัวตามยาว (c-d) ภาพแสดงการแบ่งตัวตามขวาง
์
(Miller and Harley, 2002)
http://web.nkc.kku.ac.th/118214/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=8
Asexual reproduction by multiple fission in Amphistegina
http://www.marine.usf.edu/reefslab/pages/photoalbum.html

การแบ่งตัวแบบทวีคณพบในพวกสปอโรซัว
ู
http://web.nkc.kku.ac.th/118214/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=8
3.) พาร์ธีโนเจเนซิส (Parthenogenesis)
เช่น ตักแตนกิ่งไม้ เพลี้ย ไรน้า
๊
4 .) การงอกใหม่ (Regeneration)
ได้แก่ ดาวทะเล พลานาเรีย
5.)การสร้างสปอร์ (Spore Formation)
ได้แก่ เชื้อราไฮฟา
6.)การขาดออกเป็ นท่ อน (Fragmentation)
เช่น สาหร่ ายทะเล(สาหร่ ายสี เขียวแกมน้ าเงิน)
6.การสืบพันธุแบบอาศัยเพศ (sexual reproduction)
์
เป็ นการสืบพันธุทผลิตสิงมีชวตใหม่ขนมาด้วยการรวมตัวของหน่วย
์ ่ี
่ ีิ
้ึ
พันธุกรรมการรวมตัวของเซลล์สบพันธุเรียกว่าปฏิสนธิ (fertilization)
ื
์
กลายเป็ นเซลล์เริมต้นของสิงมีชวตรุนต่อไป
่
่ ีิ ่
รู ปแบบของการสื บพันธุ์แบบอาศัยเพศ
1. รูปแบบของการสืบพันธุในสิ่งมีชีวิตที่มีโครโมโซมเป็ นแฮพลอยด์
์
พบในสิงมีชวตพวกโพรทิส
่ ีิ
สร้างเซลล์สบพันธุทเี่ ป็ นแฮพลอยด์(แบ่งเซลล์แบบไมโทซิส)
ื
์
เกิดการ
รวมตัวของเซลล์สบพันธุ์
ื
ได้ไซโกตทีเป็ นดิพลอยด์
่
ไซโกต จะแบ่งแบบไมโอซิสได้สปอร์ทเี่ ป็ นแฮพลอยด์
เจริญเป็ น
สิงมีชวตทีมโครโมโซมเป็ นแฮพลอยด์
่ ีิ ่ ี
2. รูปแบบของการสืบพันธุในสิ่งมีชีวิตที่มีโครโมโซมเป็ นดิพลอยด์
์
พบในคน สัตว์ พืชบางชนิด เห็ดราบางชนิด และโพรโทซัว
โครโมโซมเป็ นดิพลอยด์
สร้างเซลล์สบพันธุแบบแฮพลอยด์(ไมโอซิส)
ื
์
รวมตัวของเซลล์สบพันธุ์
ื
ได้ไซโกตเป็ นดิพลอยด์
ไซโกต จะแบ่งแบบไมโทซิสเพิมจานวนเซลล์เจริญเป็ นสิงมีชวตใหม่เป็ นดิ
่
่ ีิ
พลอยด์
ไข่ (Egg)
ลักษณะกลมหรื อรี เคลื่อนที่ไม่ได้ ไข่ของสัตว์มกมีอาหารสะสมอยู่
ั
่
เพื่อเลี้ยงตัวอ่อนที่อยูภายในไข่เซลล์ไข่ส่วนมากมักจะมีสิ่งห่อหุ ม
้
เพื่อป้ องกันการกระทบกระเทือนจากสิ่ งแวดล้อม
ตัวอสุจิ (Sperm)
มีขนาดเล็กกว่าไข่มาก ส่ วนประกอบอยู่ 3 ส่ วน คือ หัว (head) ลาตัว
(body) และหาง (tail) ส่ วนหัวจะมีนิวเคลียสเป็ นส่ วนประกอบ เคลื่อนที่โดย
ใช้หางตัวอสุ จิจะมีขนาดเล็กกว่าไข่มาก และมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า และจะเคลื่อนที่
ได้เร็ วเพราะมีส่วนหางช่วยในการเคลื่อนที่เพื่อสะดวกในการเข้าผสมกับไข่
เมื่อตัวอสุจิผสมกับไข่จะเกิด การปฏิสนธิ (Fertilization) ขึน
้
การปฏิสนธิ (Fertilization) แบ่งออกเป็ น 2 ชนิด คือ

1.)การปฏิ สนธิภายใน (Internal Fertilization)
ตัวอสุจจากสัตว์เพศผูเ้ ข้าผสมกับไข่ซงยังอยูในตัวของสัตว์เพศเมีย
ิ
่ึ
่
ได้แก่ สัตว์เลียงลูกด้วยนม ปลาทีออกลูกเป็ นตัว เช่น ปลาหางนกยูง
้
่
2.)การปฏิ สนธิภายนอก (External Fertilization)
การผสมระหว่างไข่และตัวอสุจภายนอกตัวของสัตว์เพศเมีย โดย
ิ
ทีเพศผูจะปล่อยเชืออสุจออกมา และเพศเมียจะปล่อยไข่ออกมา
่
้
้
ิ
เพือผสมกับตัวอสุจิ ได้แก่ สัตว์ครึงน้าครึงบก เช่น กบ เป็ นต้น
่
่
่
ปลาต่าง ๆ และสัตว์น้าทีออกลูกเป็ นไข่ทุกชนิด
่
7.การสืบพันธุของคน
์
การสืบพันธุของคนมีการรวมตัวกันของอสุจกบเซลล์ไข่ใน
์
ิ ั
ร่างกายของเพศหญิงเกิดเป็ นไซโกต จากนันไซโกตจึงเริมแบ่ง
้
่
เซลล์และเจริญเติบโตเป็ นเอ็มบริโอ เอ็มบริโอทีมอายุเข้าสู่
ี
เดือนที่ 3 ของการตังครรภ์และเมือครบ 9 เดือน จะคลอด
้
่
ออกมาเป็ นทารก
ระบบสืบพันธุเพศชาย (Male Reproductive System)
์
เป็ นระบบทีทาหน้าทีในการสร้างเซลล์สบพันธุ์ คือ sperm และทาหน้าที่
่
่
ื
ในการนาส่ง sperm เข้าไปในอวัยวะสืบพันธุเพศหญิงเพือผสมกับเซลล์ไข่
์
่
ต่อไป นอกจากนี้ยงทาหน้าทีสร้าง hormone เพศชายอีกด้วย
ั
่

อวัยวะสืบพันธุเพศชาย ( male genital organ) อวัยวะสืบพันธุ์
์
เพศชายแบ่งออกเป็ น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ
1.อวัยวะสืบพันธุเพศชายภายนอก ( external male genital
์
organ) เป็ นอวัยวะส่วน ทีสามารถมองเห็นได้จากภายนอก
่
2. อวัยวะสืบพันธุเพศชายภายใน ( internal male genital
์
organ) เป็ นส่วนทีไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก
่
1. ลึงค์ ( penis)
2. ถุงอัณฑะ ( scrotum หรือ scrotal sec)
น้ากาม ( semen)

น้ากาม ( semen) หรือน้าอสุจของการร่วมเพศ น้ากามเกิดจากต่อม
ิ
คัลเพอร์แต่ละครังมีประมาณ 3 cm³ ประกอบด้วยของเหลวจากต่อม
้
ต่างๆ คือ เซมินลฟลูอด พรอสเทติกฟลูอดและของเหลวจากต่อมคาวเพอร์
ั
ิ
ิ
และอสุจอกประมาณ 300-500 ล้านตัว น้ากามจะมีสขาว ทึบแสง มีกลิน
ิี
ี
่
เฉพาะตัว การหลังน้ากามเกิดจากการหดและแข็งตัวของกล้ามเนื้อตามท่อและ
่
เซมินลเวซิเคิล
ั
Spermatogenic cell
Spermatogenic cell เป็ นกลุ่มของเซลล์สบพันธุเพศชายจะมีการแบ่งตัว
ื
์
และเปลียนตังแต่ spermatogonia จนกลายไปเป็ น sperm เรียก
่ ้
กระบวนการนี้วา spermatogenesis ซึงใช้เวลานานประมาณ 64 วัน
่
่
แบ่งออกเป็ นระยะต่าง ๆ ได้ 4 ระยะคือ
1.spermatocytogenesis
2.meiosis
- meiosis I เป็ นการแบ่งเซลล์จาก primary spermatocyte กลายเป็ น secondary
spermatocyte
- meiosis II เป็ นการแบ่งเซลล์จาก secondary spermatocyte กลายเป็ น
spermatid
3.spermiogenesis
4.spermiation
รูปที่ 5 ลักษณะโครงสร้างของอสุจิ
ระบบสืบพันธุเพศหญิง (Female Reproductive System)
์
อวัยวะสืบพันธุภายใน
์
อวัยวะเพศภายนอก (external genitalia)
การตกไข่และการมีประจาเดือน
8.การเติบโตของสิ่งมีชีวิต
1.การเพิ่ มจานวนเซลล์
-ในสิงมีชวตเซลล์เดียว การแบ่งเซลล์ถอว่าเป็ น
่ ีิ
ื
การสืบพันธุ์
-สิงมีชวตหลายเซลล์ การแบ่งเซลล์เป็ น
่ ีิ
การเพิมจานวนเซลล์ให้มากขึน
่
้

2. การเพิ่มขนาดเซลล์
เป็ นกระบวนการสะสมและสังเคราะห์สารอินทรียภายโมเลกุลของเซลล์ ทาให้โมเลกุลมี
์
ขนาดใหญ่ขน หรือมีการรวมกันระหว่างโมเลกุลกับโมเลกุล เป็ นผลให้เซลล์ตองขยายขนาด
้ึ
้
ตามไปด้วย
การวัดการเติบโต (mesurement of growth)
เป็นการวัดขนาดทีเพิมมากขึนทาได้หลายวิธ ี คือ
่ ่
้

1.การวัดน้าหนักที่เพิ่มขึน
้
2. การวัดความสูงที่เพิ่มขึน
้
3. การวัดปริมาตรที่เพิ่มขึน
้
4. การนับจานวนเซลล์ที่เพิ่มขึน
้
เส้นโค้งของการเติ บโต (growth curve) เส้นโค้งทีแสดงอัตราการเติบโตอาจจะ
่
วัดออกมาเป็ นหน่วยน้ าหนักทีเพิมขึนต่อหน่วยเวลาทีเปลียนไปหรือหน่วยความสูงที
่ ่ ้
่ ่
เพิมขึนต่อหน่วยเวลาทีเปลียนไป สิงมีชวตส่วนใหญ่จะมีเส้นโค้งของการเติบโตเป็นรูปตัว
่ ้
่ ่
่ ีิ
เอส (S) หรือ sigmoid curve เสมอ
3. การเปลี่ยนแปลงสภาพของเซลล์
พัฒนาการทางร่างกายของมนุษย์
4. การเกิดรูปร่างที่แน่ นอน
9.การเจริญของสิ่งมีชีวิต
ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโต
1.ศักยภาพของการถ่ายทอดลักษณะทาง
2. ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม
ั
2.1 ปจจัยทางชีวภาพ การเติบโตทีผดปกติอาจเป็ นผลมาจากสิงมีชวตที่
่ ิ
่ ีิ
ดารงชีวตอยูดวยกัน
ิ ่ ้
ั
2.2 ปจจัยทางกายภาพ
ั
2.2.1 ปจจัยเกียวกับพลังงาน ได้แก่ ความร้อน แสง เสียง เป็ นต้น
่
ั
2.2.2 ปจจัยเกียวกับสารเคมี สารเคมีทมผลต่อการเจริญเติบโต คือ
่
่ี ี
ฮอร์โมน เนื่องจากฮอร์โมน และสารทีเกียวข้องโมน จะควบคุมการทางานของ
่ ่
ระบบต่างๆ ในร่างกายให้เป็ นปกติ
การสร้ างเซลล์ สืบพันธุ์ในสั ตว์
1. ขบวนการสร้างสเปอร์ม (spermatogenesis)
2. ขบวนการสร้างไข่ (Oogenesis)
3. ชนิดของไข่
ไข่ของสัตว์ต่างๆ จาแนกได้เป็ น 4 ชนิด ตามปริมาณและการกระจายของไข่
แดง
1. ISOLECITHAL EGG เป็ นพวกที่มีไข่แดงน้ อย และกระจายทัวไปภายใน
่
เซลล์ เช่น ไข่หอยเม่น ไข่ปลาดาว และไข่สตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
ั
2. MESOLECITHAL EGG เป็ นพวกที่มีไข่แดงปานกลาง และไข่แดงมักจะอยู่
หนาแน่ นที่ขวใดขัวหนึ่ งของเซลล์ ตัวอย่างเช่น ไข่กบ
ั้
้
3. TELOLECITHAL EGG เป็ นพวกที่มีไข่แดงมาก และไข่แดงอยู่หนาแน่ น
ตัวอย่างเช่น ไข่นก ไข่ไก่ ไข่ปลา และไข่ของสัตว์เลือยคลาน
้
4.CENTROLLECITHAL EGG เป็ นพวกที่มีไข่แดงอยู่ตรงกลาง ตัวอย่าง เช่น
ไข่แมลง
4. อิทธิพลของไข่แดง
1. ขัดขวางการแบ่งเซลล์ของไข่ จากการศึกษาพบว่า บริเวณที่มีไข่แดงน้ อย
จะมีการแบ่งเซลล์และมีการเคลื่อนที่ของเซลล์มากกว่าบริเวณที่มีไข่แดงมาก
2. ไข่แดงเป็ นอาหารของตัวอ่อน
ด้านบนของไข่จะมีไข่แดงน้ อยจะมีนิวเคลียสอยู่ด้วย เรียก
บริเวณว่า “แอนิ มลโพล (animal pole) ”
ั
ส่วนด้านล่างจะมีไข่แดงสะสมอยู่มาก เรียกว่า “วีจีทลโพล
ั
(vegetal pole) ” ไข่แดงมีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตของสัตว์มาก

รูปแสดงไข่ชนิดเทโลเลซิทล(telolecithal egg)
ั
10.แบบแผนและลาดับขันตอนของการเจริญของสัตว์ชนสูง
้
ั้
การเจริญเติบโตของสัตว์ชนสูง มี 3 กระบวนการ คือ
ั้

1. การแบ่งตัวของไซโกต (Cleavage)
1.1 โฮโลบลาสติก คลีเวจ
(Holoblastic cleavage)

1.2 เมอโรบลาสติก คลีเวจ
(Meroblastic cleavage)
สรุปขันคลีเวจ
้
คลีเวจ (cleavage) เป็นการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสของไซโกตทังในแนวดิงและ
้
่
แนวขวาง การแบ่งเซลล์ของคลีเวจมี 2 แบบ คือ
- แบ่งตลอดเซลล์ไซโกต (holoblastic cleavage)
- แบ่งไม่ตลอดเซลล์ไซโกต (meroblastic cleavage)
2. บลาสทูเลชัน (Blastulation)
บลาสทูลา (blastula) เมือไซโกตถูกแบ่งให้เล็กลงโดยไม่มการเพิมเนื้อที่
่
ี
่
เซลล์ใหม่ (blastomeres หรือ cleavage cell) ประมาณ 100 – 250 เซลล์แล้ว จะอัด
ตัวกันแน่นจนเป็ นรูปทรงกลม (spherical shape) และจะมีการเคลื่อนตัวของ
เซลล์ ทาให้เกิดช่องกลวงขึนตรงกลาง (central cavity) ภายในมีของเหลวบรรจุ
้
อยูเต็ม เรียกช่องนี้วา “ บลาสโทซีล (blastocoel) ” ซึงเป็ นลักษณะสาคัญของ
่
่
่
ระยะบลาสทูลา ส่วนชันของเซลล์ทลอมรอบบลาสโทซีลอยูเรียกว่า “ บลาสโท
้
่ี ้
่
เมียร์ (blastomere) ”
3. แกสทรูเลชัน (Gastrulation)
แกสทรูลา (gastrula) เป็นระยะทีบลาสทูลาทีมเี ซลล์เพียงชันเดียว
่
่
้
(single-layered blastula)มีการเปลียนแปลงเป็ นรูปทรงกลมทีมเี ซลล์ 2 ชัน
่
่
้
(double-layered sphere) ซึงจะเจริญเปลียนแปลงไปเป็ นทางเดินอาหาร
่
่
ในระยะนี้จะเกิดเนื้อเยือชันต่างๆ ขึน คือ เนื้อเยือชันนอก (ectoderm)
่ ้
้
่ ้
เนื้อเยือชันกลาง (mesoderm) และเนื้อเยือชันใน (endoderm)
่ ้
่ ้
การเจริญของตัวอ่อนในขันต่าง ๆ
้
11.การเจริญระยะเอ็มบริโอของกบการเจริญระยะเอ็มบริโอของกบ
ไข่กบมีลกษณะกลม ครึงบนมีสเี ทาเข้มเกือบดา ครึงล่างมีสขาวเหลืองเป็ นบริเวณ
ั
่
่
ี
ทีมไข่แดงซึงเป็ นอาหารสะสมอยูหนาแน่น
่ ี
่
่

Egg Cleavage

Morula Blastula Glastrula

การเปลียนแปลงในระยะแกสทรู ลาของเอ็มบริโอกบ
่
12. การเจริญระยะเอ็มบริโอของไก่
การเจริญระยะเอ็มบริโอของไก่
เซลล์ของไข่ไก่คอส่วนทีเรียกว่าไข่แดงเท่านัน ไข่ขาวและเปลือกไข่เป็ นส่วนประกอบที่
ื
่
้
อยูภายนอกเซลล์ ไก่มการปฏิสนธิภายในตัว(internal fertilization) เนื้อเยือทัง 3 ชันจะ
่
ี
่ ้
้
เจริญไปเป็ นอวัยวะต่างๆของไก่ นอกจากเจริญไปเป็ นอวัยวะต่าง ๆแล้วยังเจริญไปเป็ น
โครงสร้างทีอยูนอกเอ็มบริโอ (extraembryonic structure) 4 อย่างคือ โครงสร้างเหล่านี้
่ ่
จาเป็ นสาหรับสิงมีชวตทีออกลูกเป็ นไข่
่ ีิ ่
1. ถุงไข่แดง (yolk sac)
2. แอนแลนทอยส์ (allantois)
3. ถุงน้ าคร่ า (amnion) และคอเรี ยน (chorion)
4. เปลือกไข่ (shell)

แสดงการพัฒนาของเอ็มบริ โอไก่ภายในไข่ ในช่ วงเวลา
การพัฒนาของไข่ เมื่อได้ รับการผสมแล้ ว
ไข่ เมื่อได้ รับการผสมแล้วจะกลายเป็ นไซโกต (ZYGOTE) แล้ วมีการแบ่ ง
นิวเคลียสแบบไมโทซีส ไซโกตจะมีการเปลียนแปลงต่ อเนื่องกัน 4 ระยะ คือ
่
1. CLEAVAGE เริ่มจากไซโกตแบ่ งตัวจาก 1 – 2 – 4 - 8 ... จนกระทั้ง
เซลล์ มาเกาะกันเป็ นก้ อนกลมๆ เรียกว่ า โมรู ลา (MORULA)
2. BLASTULA เป็ นตัวอ่ อนในระยะทีมีการเคลือนทีของเซลล์ เพือให้ ได้
่
่ ่
่
ช่ องว่ างในตัวอ่อนเรียกช่ องว่ างนีว่า BLASTOCOEL และเรียกเซลล์ ทล้อม
้
ี่
ช่ องว่ างว่ า BLASTODERM ลักษณะของตัวอ่ อนตอนนีคล้ ายผลน้ อยหน่ า
้
3. GASTRULA เป็ นตัวอ่ อนทีต่อจากระยะ BLASTULA คือ เซลล์
่
แบ่ งตัวแล้ วเคลือนทีเ่ ข้ าข้ างในเห็นตัวอ่ อนเป็ นรู ปถ้ วย ซึ่งดูคล้ ายมีผนัง 2 ชั้น คือ
่
ชั้นนอกและชั้นในและในตอนนีจะเห็นมีช่องว่ าง 2 ช่ อง คือ BLASTOCOEL
้
และ ARCHENTERON ซึ่งช่ อง ARCHENTERON ต่ อไปจะเจริญไปเป็ น
ทางเดินอาหาร ต่ อมาจะเกิดเนือเยือแทรกระหว่ างเนือเยือชั้นนอกและเนือเยือ
้ ่
้ ่
้ ่
ชั้นใน เนือเยือที่เกิดขึนใหม่ นคอเนือเยือชั้นกลางในตอนท้ ายระยะ GASTRULA
้ ่
้
ี้ ื ้ ่
จะมีการสร้ างระบบประสาทขึน
้
Morula

Blastula

Gastrula
4. การเกิดรูปร่างของเอ็มบริโอ (embryogenesis) เป็น
การเปลียนแปลง เนื้อเยือชันต่างๆ เป็ นรูปร่างของเอ็มบริโอที่
่
่ ้
สมบูรณ์ต่อไป ซึงประกอบด้วย
่
- อวัยวะที่เปลี่ยนแปลงมาจากเนื้ อเยื่อชันนอก เช่น
้
ผิวหนัง (skin) , ส่วนของปาก , ระบบประสาท เป็ นต้น
- อวัยวะที่เปลี่ยนแปลงมาจากเนื้ อเยื่อชันกลาง เช่น
้
ระบบกล้ามเนื้อ , โครงกระดูก , ระบบขับถ่าย , ระบบสืบพันธุ์ ,ระบบ
หมุนเวียนโลหิต เป็นต้น
- อวัยวะที่เปลี่ยนแปลงมาจากเนื้ อเยื่อชันใน เช่น ระบบ
้
ทางเดินอาหาร , ระบบหายใจ , อืนๆ เป็นต้น
่
13. การเจริ ญระยะเอ็มบริ โอของคน
การเจริ ญเติบโตของทารกในครรภ์
การเจริ ญเติบโตของทารกในครรภ์ อาจแบ่งออกได้เป็ น 3 ระยะด้วยกัน คือ
1. ระยะไข่ตก (Ovulation) 2. ระยะคัพภะ (Embryo) 3. ระยะตัวอ่อน (Fetus)
รู ปแสดงการเจริญเอ็มบริโอของคนตั้งแต่ เริ่มคลีเวจครั้งแรกจนถึงคลอด
การคุ้มภัยให้ ลูกอ่ อนแบ่ งออกเป็ น 2 วิธี คือ
1. เอ็มบริ โอที่เจริ ญนอกตัวแม่ เอ็มบริ โอพวกนี้ จะต้องมีส่วนที่ช่วย
่
ป้ องกันอันตรายให้แก่เอ็มบริ โอที่อยูภายใน
เช่น ไข่ไก่ ไข่กบ
2. เอ็มบริ โอที่เจริ ญภายในตัวแม่ เอ็มบริ โอพวกนี้ จะมีความปลอดภัยสู ง
มากเพราะแม่จะเป็ นตัวคุมภัยให้
้
การเจริญเติบโตหลังระยะเอ็มบริโอของสัตว์
สัตว์บางชนิดเช่น แมลงและกบ มีการเปลียนแปลง
่
รูปร่างขณะเจริญเติบโต โดยรูปร่างขณะทีเป็ นตัวอ่อนและ
่
ตัวเต็มวัยแตกต่างกันมาก เรียกการเปลียนแปลงแบบนี้วา
่
่
เมทามอร์โฟซิส (metamorphosis)
1. เมทามอร์ โฟซิสของแมลง แบ่งออกเป็ น 4 แบบคือ
1.1 ไม่ มีเมทามอร์ โฟซิส (ametamorphosis )
ตัวอ่อนที่ฟักออกจากไข่มีรูปร่ างเหมือนกับพ่อแม่ทุกอย่าง แล้ว
ตัวอ่อนก็ค่อย ๆ เจริ ญเติบโตแล้วลอกคราบเจริ ญเป็ นตัวเต็มวัยต่อไป
เช่น แมลงสามง่าม แมลงหางดีด
1.2 มีเมทามอร์โฟซิสแบบค่อยเป็ นค่อยไป (gradual metamorphosis)
ตัวอ่อนทีฟกออกมาจากไข่มรปร่างคล้ายพ่อแม่ แต่มอวัยวะบางอย่างไม่
่ ั
ีู
ี
ครบ เช่น ไม่มปีก เมื่อแมลงโตขึนและลอกคราบปีกจะเริมงอกขึนเรียกตัวอ่อน
ี
้
่
้
ระยะนี้วา นิมฟ์ (nymph) ต่อจากนันก็จะมีการลอกคราบหลายครังและเจริญเป็น
่
้
้
ตัวเต็มวัยต่อไป เช่น ตักแตน แมลงสาบ ปลวก เหา ไร่ไก่ จักจัน
๊
่
1.3 มีเมทามอร์โฟซิสแบบไม่สมบูรณ์ (incomplete metamorphosis)
มีลกษณะคล้ายแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ขณะทีเจริญเติบโตนัน มีการ
ั
่
้
เปลียนแปลงรูปร่างมากกว่า ตัวอ่อนมักเจริญอยูในน้า หายใจด้วยเหงือกเรียกว่า
่
่
ไนแอด (naiad) ต่อจากนันตัวอ่อนจะลอกคราบขึนมาอยูบนบกและหายใจด้วย
้
้
่
ระบบท่อลม เช่น ชีปะขาว แมลงปอ
1.4 มีเมทามอร์โฟซิสแบบสมบูรณ์ (complete metamorphosis)
โดยมีการเจริญเปลียนแปลงรูปร่างของร่างกาย เป็ น 4 ขันตอน
่
้
ั
ด้วยกัน คือ ไข่ (egg) แล้วฟกเป็ นตัวอ่อนหรือตัวหนอน(larva) ซึงกินอาหาร
่
เก่งมากและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ต่อจากนันจึงเป็ นดักแด้
้
(pupa)
ั
หยุดกินอาหารมักใช้ใยหรือใบไม้หมตัวและฟกตัวอยูระยะหนึ่ง ตัวเต็มวัย
ุ้
่
(adult) ออกจากเกราะและสืบพันธุได้ต่อไป เช่น ด้วง ผีเสือ แมลงวัน ยุง ผึง
์
้
้
ไหม
รูปแสดงการเจริญเติบโตของยุง
2. เมทามอร์โฟซิสของกบ
ั
หลังจากปฏิสนธิตวอ่อนจะฟกออกจากไข่เป็นลูกอ๊อด (tadpole)ว่ายน้า
ั
และหายใจด้วยเหงือกซึงอยูภายนอก (external gill) มีการงอกขาหลังและขา
่ ่
หน้าต่อมาเปลียนแปลงรูปร่างโดยส่วนหางหดสันเข้า ขึนมาอาศัยอยูบนบก
่
้
้
่
หายใจด้วยปอดและผิวหนังแทนเหงือก อายุได้ 3 ปีสบพันธุต่อไป
ื
์
ไข่

ลูกอ๊อด

ลูกกบ
การเจริญเอ็มบริโอของคนตังแต่เริ่มคลีเวจครังแรกจนถึงคลอด
้
้
รูปแสดงการเจริญเอ็มบริโอของคนตังแต่เริ่มคลีเวจครังแรกจนถึงคลอด
้
้

More Related Content

What's hot

แบบทดสอบ บทที่ 1 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ
แบบทดสอบ บทที่ 1 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะแบบทดสอบ บทที่ 1 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ
แบบทดสอบ บทที่ 1 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะJariya Jaiyot
 
วิทย์ ม.2 บทที่ 5 งาน กำลัง และเครื่องกลอย่างง่าย (คาน รอก พื้นเอียง ลิ่ม ล้อ...
วิทย์ ม.2 บทที่ 5 งาน กำลัง และเครื่องกลอย่างง่าย (คาน รอก พื้นเอียง ลิ่ม ล้อ...วิทย์ ม.2 บทที่ 5 งาน กำลัง และเครื่องกลอย่างง่าย (คาน รอก พื้นเอียง ลิ่ม ล้อ...
วิทย์ ม.2 บทที่ 5 งาน กำลัง และเครื่องกลอย่างง่าย (คาน รอก พื้นเอียง ลิ่ม ล้อ...ssuser920267
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทฤษฎีของแสงและอัตราเร็วแสง
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทฤษฎีของแสงและอัตราเร็วแสง ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทฤษฎีของแสงและอัตราเร็วแสง
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทฤษฎีของแสงและอัตราเร็วแสง SAKANAN ANANTASOOK
 
บทที่ 3 พลังงานไฟฟ้า
บทที่ 3  พลังงานไฟฟ้าบทที่ 3  พลังงานไฟฟ้า
บทที่ 3 พลังงานไฟฟ้าPinutchaya Nakchumroon
 
บทที่ 5 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม1
บทที่ 5 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม1บทที่ 5 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม1
บทที่ 5 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม1Yaovaree Nornakhum
 
8.ดาวในท้องฟ้าgs บอกตำแหน่งวัตถุท้องฟ้า
8.ดาวในท้องฟ้าgs บอกตำแหน่งวัตถุท้องฟ้า8.ดาวในท้องฟ้าgs บอกตำแหน่งวัตถุท้องฟ้า
8.ดาวในท้องฟ้าgs บอกตำแหน่งวัตถุท้องฟ้าWichai Likitponrak
 
ใบความรู้เรื่องแสง
ใบความรู้เรื่องแสงใบความรู้เรื่องแสง
ใบความรู้เรื่องแสงพัน พัน
 
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต Thitaree Samphao
 
บทที่ 12 การสังเคราะห์แสง
บทที่ 12  การสังเคราะห์แสงบทที่ 12  การสังเคราะห์แสง
บทที่ 12 การสังเคราะห์แสงPinutchaya Nakchumroon
 
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงานเอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงานWijitta DevilTeacher
 
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตบทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตฟลุ๊ค ลำพูน
 
บทที่ 2 การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 2 การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตบทที่ 2 การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 2 การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตTa Lattapol
 
ใบกิจกรรมที่ 2 เรื่อง กล้องจุลทรรศน์
ใบกิจกรรมที่ 2 เรื่อง กล้องจุลทรรศน์ใบกิจกรรมที่ 2 เรื่อง กล้องจุลทรรศน์
ใบกิจกรรมที่ 2 เรื่อง กล้องจุลทรรศน์Aomiko Wipaporn
 
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพPinutchaya Nakchumroon
 
แบบทดสอบดาราศาสตร์ ม.3
แบบทดสอบดาราศาสตร์ ม.3แบบทดสอบดาราศาสตร์ ม.3
แบบทดสอบดาราศาสตร์ ม.3Jariya Jaiyot
 
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธฺื๋ทางการเรียน หน่วย พลังงานไฟฟ้า
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธฺื๋ทางการเรียน  หน่วย พลังงานไฟฟ้าแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธฺื๋ทางการเรียน  หน่วย พลังงานไฟฟ้า
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธฺื๋ทางการเรียน หน่วย พลังงานไฟฟ้าdnavaroj
 

What's hot (20)

แบบทดสอบ บทที่ 1 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ
แบบทดสอบ บทที่ 1 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะแบบทดสอบ บทที่ 1 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ
แบบทดสอบ บทที่ 1 ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ
 
การสืบพันธ์
การสืบพันธ์การสืบพันธ์
การสืบพันธ์
 
วิทย์ ม.2 บทที่ 5 งาน กำลัง และเครื่องกลอย่างง่าย (คาน รอก พื้นเอียง ลิ่ม ล้อ...
วิทย์ ม.2 บทที่ 5 งาน กำลัง และเครื่องกลอย่างง่าย (คาน รอก พื้นเอียง ลิ่ม ล้อ...วิทย์ ม.2 บทที่ 5 งาน กำลัง และเครื่องกลอย่างง่าย (คาน รอก พื้นเอียง ลิ่ม ล้อ...
วิทย์ ม.2 บทที่ 5 งาน กำลัง และเครื่องกลอย่างง่าย (คาน รอก พื้นเอียง ลิ่ม ล้อ...
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทฤษฎีของแสงและอัตราเร็วแสง
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทฤษฎีของแสงและอัตราเร็วแสง ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทฤษฎีของแสงและอัตราเร็วแสง
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ทฤษฎีของแสงและอัตราเร็วแสง
 
บทที่ 3 พลังงานไฟฟ้า
บทที่ 3  พลังงานไฟฟ้าบทที่ 3  พลังงานไฟฟ้า
บทที่ 3 พลังงานไฟฟ้า
 
ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1
ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1
ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1
 
บทที่ 5 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม1
บทที่ 5 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม1บทที่ 5 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม1
บทที่ 5 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม1
 
8.ดาวในท้องฟ้าgs บอกตำแหน่งวัตถุท้องฟ้า
8.ดาวในท้องฟ้าgs บอกตำแหน่งวัตถุท้องฟ้า8.ดาวในท้องฟ้าgs บอกตำแหน่งวัตถุท้องฟ้า
8.ดาวในท้องฟ้าgs บอกตำแหน่งวัตถุท้องฟ้า
 
ใบความรู้เรื่องแสง
ใบความรู้เรื่องแสงใบความรู้เรื่องแสง
ใบความรู้เรื่องแสง
 
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต
 
บทที่ 12 การสังเคราะห์แสง
บทที่ 12  การสังเคราะห์แสงบทที่ 12  การสังเคราะห์แสง
บทที่ 12 การสังเคราะห์แสง
 
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงานเอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน
 
ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive System)
ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive System)ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive System)
ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive System)
 
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตบทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 1 ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
 
บทที่ 2 การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 2 การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตบทที่ 2 การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 2 การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต
 
ใบกิจกรรมที่ 2 เรื่อง กล้องจุลทรรศน์
ใบกิจกรรมที่ 2 เรื่อง กล้องจุลทรรศน์ใบกิจกรรมที่ 2 เรื่อง กล้องจุลทรรศน์
ใบกิจกรรมที่ 2 เรื่อง กล้องจุลทรรศน์
 
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพ
 
สภาพสมดุลและสภาพยืดหยุ่น
สภาพสมดุลและสภาพยืดหยุ่นสภาพสมดุลและสภาพยืดหยุ่น
สภาพสมดุลและสภาพยืดหยุ่น
 
แบบทดสอบดาราศาสตร์ ม.3
แบบทดสอบดาราศาสตร์ ม.3แบบทดสอบดาราศาสตร์ ม.3
แบบทดสอบดาราศาสตร์ ม.3
 
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธฺื๋ทางการเรียน หน่วย พลังงานไฟฟ้า
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธฺื๋ทางการเรียน  หน่วย พลังงานไฟฟ้าแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธฺื๋ทางการเรียน  หน่วย พลังงานไฟฟ้า
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธฺื๋ทางการเรียน หน่วย พลังงานไฟฟ้า
 

Similar to Chapter6

การสืบพันธุ2
การสืบพันธุ2การสืบพันธุ2
การสืบพันธุ2Coverslide Bio
 
เทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์
เทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์เทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์
เทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์kanitnun
 
บทที่-5-การสืบพันธุ์.ppt
บทที่-5-การสืบพันธุ์.pptบทที่-5-การสืบพันธุ์.ppt
บทที่-5-การสืบพันธุ์.pptrathachokharaluya
 
การสืบพันธุ์และหารเจริญเติบโตของสัตว์
การสืบพันธุ์และหารเจริญเติบโตของสัตว์การสืบพันธุ์และหารเจริญเติบโตของสัตว์
การสืบพันธุ์และหารเจริญเติบโตของสัตว์สงบจิต สงบใจ
 
Lesson4animalrepro kr uwichai62
Lesson4animalrepro kr uwichai62Lesson4animalrepro kr uwichai62
Lesson4animalrepro kr uwichai62Wichai Likitponrak
 
Lec การสืบพันธุ์
Lec การสืบพันธุ์Lec การสืบพันธุ์
Lec การสืบพันธุ์bio2014-5
 
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตsupreechafkk
 
การสืบพันธุ์ของพืช
การสืบพันธุ์ของพืชการสืบพันธุ์ของพืช
การสืบพันธุ์ของพืชchiralak
 
ชีทสรุประบบสืบพันธุ์และการเจริญ 2011
ชีทสรุประบบสืบพันธุ์และการเจริญ 2011ชีทสรุประบบสืบพันธุ์และการเจริญ 2011
ชีทสรุประบบสืบพันธุ์และการเจริญ 2011Namthip Theangtrong
 
การถ่ายละอองเรณู (T)
การถ่ายละอองเรณู (T)การถ่ายละอองเรณู (T)
การถ่ายละอองเรณู (T)Thitaree Samphao
 
เซลล์พืชและเซลล์สัตว์
เซลล์พืชและเซลล์สัตว์เซลล์พืชและเซลล์สัตว์
เซลล์พืชและเซลล์สัตว์dnavaroj
 

Similar to Chapter6 (20)

การสืบพันธ์
การสืบพันธ์การสืบพันธ์
การสืบพันธ์
 
การสืบพันธุ2
การสืบพันธุ2การสืบพันธุ2
การสืบพันธุ2
 
เทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์
เทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์เทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์
เทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์
 
บทที่-5-การสืบพันธุ์.ppt
บทที่-5-การสืบพันธุ์.pptบทที่-5-การสืบพันธุ์.ppt
บทที่-5-การสืบพันธุ์.ppt
 
1
11
1
 
1 repro
1 repro1 repro
1 repro
 
Reproduction
ReproductionReproduction
Reproduction
 
Reproduction
ReproductionReproduction
Reproduction
 
การสืบพันธุ์และหารเจริญเติบโตของสัตว์
การสืบพันธุ์และหารเจริญเติบโตของสัตว์การสืบพันธุ์และหารเจริญเติบโตของสัตว์
การสืบพันธุ์และหารเจริญเติบโตของสัตว์
 
1
11
1
 
Lesson4animalrepro kr uwichai62
Lesson4animalrepro kr uwichai62Lesson4animalrepro kr uwichai62
Lesson4animalrepro kr uwichai62
 
Lec การสืบพันธุ์
Lec การสืบพันธุ์Lec การสืบพันธุ์
Lec การสืบพันธุ์
 
Lesson4 animalrepro2561
Lesson4 animalrepro2561Lesson4 animalrepro2561
Lesson4 animalrepro2561
 
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
 
การสืบพันธุ์ของพืช2
การสืบพันธุ์ของพืช2การสืบพันธุ์ของพืช2
การสืบพันธุ์ของพืช2
 
การสืบพันธุ์ของพืช
การสืบพันธุ์ของพืชการสืบพันธุ์ของพืช
การสืบพันธุ์ของพืช
 
ชีทสรุประบบสืบพันธุ์และการเจริญ 2011
ชีทสรุประบบสืบพันธุ์และการเจริญ 2011ชีทสรุประบบสืบพันธุ์และการเจริญ 2011
ชีทสรุประบบสืบพันธุ์และการเจริญ 2011
 
สืบพันธุ์
สืบพันธุ์สืบพันธุ์
สืบพันธุ์
 
การถ่ายละอองเรณู (T)
การถ่ายละอองเรณู (T)การถ่ายละอองเรณู (T)
การถ่ายละอองเรณู (T)
 
เซลล์พืชและเซลล์สัตว์
เซลล์พืชและเซลล์สัตว์เซลล์พืชและเซลล์สัตว์
เซลล์พืชและเซลล์สัตว์
 

More from Freedom'life By-SnoOker

More from Freedom'life By-SnoOker (8)

เกม Ox เสร็จ
เกม Ox เสร็จเกม Ox เสร็จ
เกม Ox เสร็จ
 
เกม Ox เสร็จ
เกม Ox เสร็จเกม Ox เสร็จ
เกม Ox เสร็จ
 
เศรษฐ เสร จ
เศรษฐ  เสร จเศรษฐ  เสร จ
เศรษฐ เสร จ
 
เศรษฐ เสร จ
เศรษฐ  เสร จเศรษฐ  เสร จ
เศรษฐ เสร จ
 
Where
WhereWhere
Where
 
เกม 4 ตัวเลือกเสร็จ
เกม 4 ตัวเลือกเสร็จเกม 4 ตัวเลือกเสร็จ
เกม 4 ตัวเลือกเสร็จ
 
เกม Ox เสร็จ
เกม Ox เสร็จเกม Ox เสร็จ
เกม Ox เสร็จ
 
เกม Ox เสร็จ
เกม Ox เสร็จเกม Ox เสร็จ
เกม Ox เสร็จ
 

Chapter6

  • 1. การสื บพันธ์ ุ และการเจริญของสั ตว์ ครูสิปป์แสง สุขผล
  • 2. การสื บพันธุ์ (Reproduction) หมายถึง กระบวนการทีทาให้เกิดสิงมีชวตตัวใหม่ขนมาจากสิงมีชวต ่ ่ ีิ ้ึ ่ ีิ ชนิดเดียวกัน โดยทีสงมีชวตรุนใหม่ทเี่ กิดขึนจะทดแทนสิงมีชวตรุนเก่าที่ ่ ิ่ ี ิ ่ ้ ่ ีิ ่ ตายไป ทาให้สงมีชวตเหลือรอดอยูได้โดยไม่สญพันธุ์ ิ่ ี ิ ่ ู
  • 3. 2. ความสาคัญของการสืบพันธุ์ 1.ทาให้เกิดหน่ วยของสิ่งมีชีวิตขึนมาใหม่ ทดแทนชีวิตเดิมที่ตายไป ้ 2.การสืบพันธุแบบอาศัยเพศทาให้เกิด ความผันแปรของลักษณะ ซึ่ง ์ เป็ นกลไกของการดารงชีวิต 3.การสืบพันธุเป็ นตัวตัดสินว่าอะไรเป็ นสิ่งมีชีวิตหรือไม่ ์
  • 4. 3.ประเภทของการสืบพันธุ์ การสืบพันธุมี 2 วิธี คือการสืบพันธุแบบไม่ ์ ์ อาศัยเพศ และการสืบพันธุแบบอาศัย ์ เพศ 1.การสืบพันธุแบบไม่อาศัยเพศ (Asexual ์ Reproduction) 2.การสืบพันธุแบบอาศัยเพศ (Sexual ์ Reproduction) สัตว์บางชนิดสามารถสืบพันธุทงแบบอาศัย ์ ั้ เพศและแบบไม่อาศัยเพศ เช่น ไฮดรา การสืบพันธุแบบไม่อาศัยเพศ ์ ของไฮดราจะใช้วธการแตกหน่อ ิี
  • 6. 5.การสืบพันธุแบบไม่อาศัยเพศ (asexual reproduction) ์ เป็ นการสืบพันธุทไม่ตองอาศัยเซลล์สบพันธุ์ (sex cell) เป็ นการสืบพันธุทสร้าง ์ ่ี ้ ื ์ ่ี หน่วยใหม่ขนมาจากสิงมีชวตเดิม การสืบพันธุแบบนี้พบตังแต่สงทีมชวตทียง ้ึ ่ ีิ ์ ้ ิ่ ่ ี ี ิ ่ ั ไม่เป็ นเซลล์ พวกเซลล์เดียว และพวกหลายเซลล์ไปจนถึงพืชชันสูง ้
  • 7. การสืบพันธุแบบไม่อาศัยเพศสามารถแบ่งได้ดงนี้ ์ ั 1. การแตกหน่ อ (BUDDING) หน่ อเดิมจะแบ่งเซลล์ได้หน่ อใหม่ (BUD) แต่ติดกับหน่ อเดิม รูปร่าง เหมือนหน่ อเดิม แต่ขนาดเล็กกว่า พบในพืชเซลล์เดียว เช่น ยีสต์ ในพืชหลายเซลล์ เช่น มาร์ เเชนเทีย (MARCHANTIA) ซึ่งเป็ นพืชชันตาพวกตะไคร่ชนิดหนึ่ ง (หรือเรียกลิเวอร์เวิธ) และต้น ้ ่ ตีนตุกแก ต้นตายใบเป็ น ส่วนในสัตว์หลายเซลล์ ได้แก่ ไฮดรา ๊ ไฮดรา ซัคทอเรีย มาร์แชนเทีย
  • 8. 2. การแบ่งแยก (FISSION) เป็ นการสืบพันธุแบบไม่อาศัยเพศของ ์ สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น โพรโทซัว แบคทีเรีย ยีสต์ และสาหร่าย ระหว่างที่มีการแบ่งแยกจะมีการแบ่งสารพันธุกรรมด้วย แบ่งได้ 2 ประเภท คือ 1.1 แบ่งแยกเป็ นสอง (BINARY FISSION) จากหนึ่ งเซลล์แบ่ง ได้เป็ น 2 เซลล์ และ 4 เซลล์ต่อไปเรื่อยๆ ได้แก่ พารามีเซียม 1.2 การแบ่งแยกทวีคณ (MULTIPLE FISSION) นิวเคลียส จะ ู มีการแบ่งแบบไมโตซีสหลายครังได้นิวเคลียสหลายอัน แล้วจึงแบ่ง ้ ไซโตพลาซึมได้เป็ นหลายเซลล์จะเกิดในพวกสัตว์ไม่มีกระดูกสัน หลัง เช่น ในเชื้อมาเลเรียบางระยะและในอะมีบาบางชนิดในระยะ เป็ นตัวหนอนของฟองน้าและปลาดาวบางชนิด
  • 9. การสืบพันธุแบบไบนารีฟิชชัน (binary fission) (a-b) ภาพแสดงการแบ่งตัวตามยาว (c-d) ภาพแสดงการแบ่งตัวตามขวาง ์ (Miller and Harley, 2002) http://web.nkc.kku.ac.th/118214/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=8
  • 10. Asexual reproduction by multiple fission in Amphistegina http://www.marine.usf.edu/reefslab/pages/photoalbum.html การแบ่งตัวแบบทวีคณพบในพวกสปอโรซัว ู http://web.nkc.kku.ac.th/118214/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=8
  • 11. 3.) พาร์ธีโนเจเนซิส (Parthenogenesis) เช่น ตักแตนกิ่งไม้ เพลี้ย ไรน้า ๊
  • 12. 4 .) การงอกใหม่ (Regeneration) ได้แก่ ดาวทะเล พลานาเรีย
  • 14. 6.)การขาดออกเป็ นท่ อน (Fragmentation) เช่น สาหร่ ายทะเล(สาหร่ ายสี เขียวแกมน้ าเงิน)
  • 15. 6.การสืบพันธุแบบอาศัยเพศ (sexual reproduction) ์ เป็ นการสืบพันธุทผลิตสิงมีชวตใหม่ขนมาด้วยการรวมตัวของหน่วย ์ ่ี ่ ีิ ้ึ พันธุกรรมการรวมตัวของเซลล์สบพันธุเรียกว่าปฏิสนธิ (fertilization) ื ์ กลายเป็ นเซลล์เริมต้นของสิงมีชวตรุนต่อไป ่ ่ ีิ ่
  • 16. รู ปแบบของการสื บพันธุ์แบบอาศัยเพศ 1. รูปแบบของการสืบพันธุในสิ่งมีชีวิตที่มีโครโมโซมเป็ นแฮพลอยด์ ์ พบในสิงมีชวตพวกโพรทิส ่ ีิ สร้างเซลล์สบพันธุทเี่ ป็ นแฮพลอยด์(แบ่งเซลล์แบบไมโทซิส) ื ์ เกิดการ รวมตัวของเซลล์สบพันธุ์ ื ได้ไซโกตทีเป็ นดิพลอยด์ ่ ไซโกต จะแบ่งแบบไมโอซิสได้สปอร์ทเี่ ป็ นแฮพลอยด์ เจริญเป็ น สิงมีชวตทีมโครโมโซมเป็ นแฮพลอยด์ ่ ีิ ่ ี 2. รูปแบบของการสืบพันธุในสิ่งมีชีวิตที่มีโครโมโซมเป็ นดิพลอยด์ ์ พบในคน สัตว์ พืชบางชนิด เห็ดราบางชนิด และโพรโทซัว โครโมโซมเป็ นดิพลอยด์ สร้างเซลล์สบพันธุแบบแฮพลอยด์(ไมโอซิส) ื ์ รวมตัวของเซลล์สบพันธุ์ ื ได้ไซโกตเป็ นดิพลอยด์ ไซโกต จะแบ่งแบบไมโทซิสเพิมจานวนเซลล์เจริญเป็ นสิงมีชวตใหม่เป็ นดิ ่ ่ ีิ พลอยด์
  • 17. ไข่ (Egg) ลักษณะกลมหรื อรี เคลื่อนที่ไม่ได้ ไข่ของสัตว์มกมีอาหารสะสมอยู่ ั ่ เพื่อเลี้ยงตัวอ่อนที่อยูภายในไข่เซลล์ไข่ส่วนมากมักจะมีสิ่งห่อหุ ม ้ เพื่อป้ องกันการกระทบกระเทือนจากสิ่ งแวดล้อม
  • 18. ตัวอสุจิ (Sperm) มีขนาดเล็กกว่าไข่มาก ส่ วนประกอบอยู่ 3 ส่ วน คือ หัว (head) ลาตัว (body) และหาง (tail) ส่ วนหัวจะมีนิวเคลียสเป็ นส่ วนประกอบ เคลื่อนที่โดย ใช้หางตัวอสุ จิจะมีขนาดเล็กกว่าไข่มาก และมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า และจะเคลื่อนที่ ได้เร็ วเพราะมีส่วนหางช่วยในการเคลื่อนที่เพื่อสะดวกในการเข้าผสมกับไข่
  • 19. เมื่อตัวอสุจิผสมกับไข่จะเกิด การปฏิสนธิ (Fertilization) ขึน ้ การปฏิสนธิ (Fertilization) แบ่งออกเป็ น 2 ชนิด คือ 1.)การปฏิ สนธิภายใน (Internal Fertilization) ตัวอสุจจากสัตว์เพศผูเ้ ข้าผสมกับไข่ซงยังอยูในตัวของสัตว์เพศเมีย ิ ่ึ ่ ได้แก่ สัตว์เลียงลูกด้วยนม ปลาทีออกลูกเป็ นตัว เช่น ปลาหางนกยูง ้ ่
  • 20. 2.)การปฏิ สนธิภายนอก (External Fertilization) การผสมระหว่างไข่และตัวอสุจภายนอกตัวของสัตว์เพศเมีย โดย ิ ทีเพศผูจะปล่อยเชืออสุจออกมา และเพศเมียจะปล่อยไข่ออกมา ่ ้ ้ ิ เพือผสมกับตัวอสุจิ ได้แก่ สัตว์ครึงน้าครึงบก เช่น กบ เป็ นต้น ่ ่ ่ ปลาต่าง ๆ และสัตว์น้าทีออกลูกเป็ นไข่ทุกชนิด ่
  • 21. 7.การสืบพันธุของคน ์ การสืบพันธุของคนมีการรวมตัวกันของอสุจกบเซลล์ไข่ใน ์ ิ ั ร่างกายของเพศหญิงเกิดเป็ นไซโกต จากนันไซโกตจึงเริมแบ่ง ้ ่ เซลล์และเจริญเติบโตเป็ นเอ็มบริโอ เอ็มบริโอทีมอายุเข้าสู่ ี เดือนที่ 3 ของการตังครรภ์และเมือครบ 9 เดือน จะคลอด ้ ่ ออกมาเป็ นทารก
  • 22. ระบบสืบพันธุเพศชาย (Male Reproductive System) ์ เป็ นระบบทีทาหน้าทีในการสร้างเซลล์สบพันธุ์ คือ sperm และทาหน้าที่ ่ ่ ื ในการนาส่ง sperm เข้าไปในอวัยวะสืบพันธุเพศหญิงเพือผสมกับเซลล์ไข่ ์ ่ ต่อไป นอกจากนี้ยงทาหน้าทีสร้าง hormone เพศชายอีกด้วย ั ่ อวัยวะสืบพันธุเพศชาย ( male genital organ) อวัยวะสืบพันธุ์ ์ เพศชายแบ่งออกเป็ น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ 1.อวัยวะสืบพันธุเพศชายภายนอก ( external male genital ์ organ) เป็ นอวัยวะส่วน ทีสามารถมองเห็นได้จากภายนอก ่ 2. อวัยวะสืบพันธุเพศชายภายใน ( internal male genital ์ organ) เป็ นส่วนทีไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก ่ 1. ลึงค์ ( penis) 2. ถุงอัณฑะ ( scrotum หรือ scrotal sec)
  • 23.
  • 24. น้ากาม ( semen) น้ากาม ( semen) หรือน้าอสุจของการร่วมเพศ น้ากามเกิดจากต่อม ิ คัลเพอร์แต่ละครังมีประมาณ 3 cm³ ประกอบด้วยของเหลวจากต่อม ้ ต่างๆ คือ เซมินลฟลูอด พรอสเทติกฟลูอดและของเหลวจากต่อมคาวเพอร์ ั ิ ิ และอสุจอกประมาณ 300-500 ล้านตัว น้ากามจะมีสขาว ทึบแสง มีกลิน ิี ี ่ เฉพาะตัว การหลังน้ากามเกิดจากการหดและแข็งตัวของกล้ามเนื้อตามท่อและ ่ เซมินลเวซิเคิล ั
  • 25. Spermatogenic cell Spermatogenic cell เป็ นกลุ่มของเซลล์สบพันธุเพศชายจะมีการแบ่งตัว ื ์ และเปลียนตังแต่ spermatogonia จนกลายไปเป็ น sperm เรียก ่ ้ กระบวนการนี้วา spermatogenesis ซึงใช้เวลานานประมาณ 64 วัน ่ ่ แบ่งออกเป็ นระยะต่าง ๆ ได้ 4 ระยะคือ
  • 26. 1.spermatocytogenesis 2.meiosis - meiosis I เป็ นการแบ่งเซลล์จาก primary spermatocyte กลายเป็ น secondary spermatocyte - meiosis II เป็ นการแบ่งเซลล์จาก secondary spermatocyte กลายเป็ น spermatid 3.spermiogenesis 4.spermiation
  • 27.
  • 29. ระบบสืบพันธุเพศหญิง (Female Reproductive System) ์ อวัยวะสืบพันธุภายใน ์
  • 31.
  • 32.
  • 34.
  • 35. 8.การเติบโตของสิ่งมีชีวิต 1.การเพิ่ มจานวนเซลล์ -ในสิงมีชวตเซลล์เดียว การแบ่งเซลล์ถอว่าเป็ น ่ ีิ ื การสืบพันธุ์ -สิงมีชวตหลายเซลล์ การแบ่งเซลล์เป็ น ่ ีิ การเพิมจานวนเซลล์ให้มากขึน ่ ้ 2. การเพิ่มขนาดเซลล์ เป็ นกระบวนการสะสมและสังเคราะห์สารอินทรียภายโมเลกุลของเซลล์ ทาให้โมเลกุลมี ์ ขนาดใหญ่ขน หรือมีการรวมกันระหว่างโมเลกุลกับโมเลกุล เป็ นผลให้เซลล์ตองขยายขนาด ้ึ ้ ตามไปด้วย
  • 36. การวัดการเติบโต (mesurement of growth) เป็นการวัดขนาดทีเพิมมากขึนทาได้หลายวิธ ี คือ ่ ่ ้ 1.การวัดน้าหนักที่เพิ่มขึน ้ 2. การวัดความสูงที่เพิ่มขึน ้ 3. การวัดปริมาตรที่เพิ่มขึน ้ 4. การนับจานวนเซลล์ที่เพิ่มขึน ้ เส้นโค้งของการเติ บโต (growth curve) เส้นโค้งทีแสดงอัตราการเติบโตอาจจะ ่ วัดออกมาเป็ นหน่วยน้ าหนักทีเพิมขึนต่อหน่วยเวลาทีเปลียนไปหรือหน่วยความสูงที ่ ่ ้ ่ ่ เพิมขึนต่อหน่วยเวลาทีเปลียนไป สิงมีชวตส่วนใหญ่จะมีเส้นโค้งของการเติบโตเป็นรูปตัว ่ ้ ่ ่ ่ ีิ เอส (S) หรือ sigmoid curve เสมอ
  • 39. 9.การเจริญของสิ่งมีชีวิต ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโต 1.ศักยภาพของการถ่ายทอดลักษณะทาง 2. ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม ั 2.1 ปจจัยทางชีวภาพ การเติบโตทีผดปกติอาจเป็ นผลมาจากสิงมีชวตที่ ่ ิ ่ ีิ ดารงชีวตอยูดวยกัน ิ ่ ้ ั 2.2 ปจจัยทางกายภาพ ั 2.2.1 ปจจัยเกียวกับพลังงาน ได้แก่ ความร้อน แสง เสียง เป็ นต้น ่ ั 2.2.2 ปจจัยเกียวกับสารเคมี สารเคมีทมผลต่อการเจริญเติบโต คือ ่ ่ี ี ฮอร์โมน เนื่องจากฮอร์โมน และสารทีเกียวข้องโมน จะควบคุมการทางานของ ่ ่ ระบบต่างๆ ในร่างกายให้เป็ นปกติ
  • 40. การสร้ างเซลล์ สืบพันธุ์ในสั ตว์ 1. ขบวนการสร้างสเปอร์ม (spermatogenesis) 2. ขบวนการสร้างไข่ (Oogenesis) 3. ชนิดของไข่ ไข่ของสัตว์ต่างๆ จาแนกได้เป็ น 4 ชนิด ตามปริมาณและการกระจายของไข่ แดง 1. ISOLECITHAL EGG เป็ นพวกที่มีไข่แดงน้ อย และกระจายทัวไปภายใน ่ เซลล์ เช่น ไข่หอยเม่น ไข่ปลาดาว และไข่สตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ั 2. MESOLECITHAL EGG เป็ นพวกที่มีไข่แดงปานกลาง และไข่แดงมักจะอยู่ หนาแน่ นที่ขวใดขัวหนึ่ งของเซลล์ ตัวอย่างเช่น ไข่กบ ั้ ้ 3. TELOLECITHAL EGG เป็ นพวกที่มีไข่แดงมาก และไข่แดงอยู่หนาแน่ น ตัวอย่างเช่น ไข่นก ไข่ไก่ ไข่ปลา และไข่ของสัตว์เลือยคลาน ้ 4.CENTROLLECITHAL EGG เป็ นพวกที่มีไข่แดงอยู่ตรงกลาง ตัวอย่าง เช่น ไข่แมลง 4. อิทธิพลของไข่แดง 1. ขัดขวางการแบ่งเซลล์ของไข่ จากการศึกษาพบว่า บริเวณที่มีไข่แดงน้ อย จะมีการแบ่งเซลล์และมีการเคลื่อนที่ของเซลล์มากกว่าบริเวณที่มีไข่แดงมาก 2. ไข่แดงเป็ นอาหารของตัวอ่อน
  • 41. ด้านบนของไข่จะมีไข่แดงน้ อยจะมีนิวเคลียสอยู่ด้วย เรียก บริเวณว่า “แอนิ มลโพล (animal pole) ” ั ส่วนด้านล่างจะมีไข่แดงสะสมอยู่มาก เรียกว่า “วีจีทลโพล ั (vegetal pole) ” ไข่แดงมีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตของสัตว์มาก รูปแสดงไข่ชนิดเทโลเลซิทล(telolecithal egg) ั
  • 42. 10.แบบแผนและลาดับขันตอนของการเจริญของสัตว์ชนสูง ้ ั้ การเจริญเติบโตของสัตว์ชนสูง มี 3 กระบวนการ คือ ั้ 1. การแบ่งตัวของไซโกต (Cleavage) 1.1 โฮโลบลาสติก คลีเวจ (Holoblastic cleavage) 1.2 เมอโรบลาสติก คลีเวจ (Meroblastic cleavage)
  • 43. สรุปขันคลีเวจ ้ คลีเวจ (cleavage) เป็นการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสของไซโกตทังในแนวดิงและ ้ ่ แนวขวาง การแบ่งเซลล์ของคลีเวจมี 2 แบบ คือ - แบ่งตลอดเซลล์ไซโกต (holoblastic cleavage) - แบ่งไม่ตลอดเซลล์ไซโกต (meroblastic cleavage)
  • 44. 2. บลาสทูเลชัน (Blastulation) บลาสทูลา (blastula) เมือไซโกตถูกแบ่งให้เล็กลงโดยไม่มการเพิมเนื้อที่ ่ ี ่ เซลล์ใหม่ (blastomeres หรือ cleavage cell) ประมาณ 100 – 250 เซลล์แล้ว จะอัด ตัวกันแน่นจนเป็ นรูปทรงกลม (spherical shape) และจะมีการเคลื่อนตัวของ เซลล์ ทาให้เกิดช่องกลวงขึนตรงกลาง (central cavity) ภายในมีของเหลวบรรจุ ้ อยูเต็ม เรียกช่องนี้วา “ บลาสโทซีล (blastocoel) ” ซึงเป็ นลักษณะสาคัญของ ่ ่ ่ ระยะบลาสทูลา ส่วนชันของเซลล์ทลอมรอบบลาสโทซีลอยูเรียกว่า “ บลาสโท ้ ่ี ้ ่ เมียร์ (blastomere) ”
  • 45. 3. แกสทรูเลชัน (Gastrulation) แกสทรูลา (gastrula) เป็นระยะทีบลาสทูลาทีมเี ซลล์เพียงชันเดียว ่ ่ ้ (single-layered blastula)มีการเปลียนแปลงเป็ นรูปทรงกลมทีมเี ซลล์ 2 ชัน ่ ่ ้ (double-layered sphere) ซึงจะเจริญเปลียนแปลงไปเป็ นทางเดินอาหาร ่ ่ ในระยะนี้จะเกิดเนื้อเยือชันต่างๆ ขึน คือ เนื้อเยือชันนอก (ectoderm) ่ ้ ้ ่ ้ เนื้อเยือชันกลาง (mesoderm) และเนื้อเยือชันใน (endoderm) ่ ้ ่ ้
  • 47. 11.การเจริญระยะเอ็มบริโอของกบการเจริญระยะเอ็มบริโอของกบ ไข่กบมีลกษณะกลม ครึงบนมีสเี ทาเข้มเกือบดา ครึงล่างมีสขาวเหลืองเป็ นบริเวณ ั ่ ่ ี ทีมไข่แดงซึงเป็ นอาหารสะสมอยูหนาแน่น ่ ี ่ ่ Egg Cleavage Morula Blastula Glastrula การเปลียนแปลงในระยะแกสทรู ลาของเอ็มบริโอกบ ่
  • 48. 12. การเจริญระยะเอ็มบริโอของไก่ การเจริญระยะเอ็มบริโอของไก่ เซลล์ของไข่ไก่คอส่วนทีเรียกว่าไข่แดงเท่านัน ไข่ขาวและเปลือกไข่เป็ นส่วนประกอบที่ ื ่ ้ อยูภายนอกเซลล์ ไก่มการปฏิสนธิภายในตัว(internal fertilization) เนื้อเยือทัง 3 ชันจะ ่ ี ่ ้ ้ เจริญไปเป็ นอวัยวะต่างๆของไก่ นอกจากเจริญไปเป็ นอวัยวะต่าง ๆแล้วยังเจริญไปเป็ น โครงสร้างทีอยูนอกเอ็มบริโอ (extraembryonic structure) 4 อย่างคือ โครงสร้างเหล่านี้ ่ ่ จาเป็ นสาหรับสิงมีชวตทีออกลูกเป็ นไข่ ่ ีิ ่ 1. ถุงไข่แดง (yolk sac)
  • 49. 2. แอนแลนทอยส์ (allantois) 3. ถุงน้ าคร่ า (amnion) และคอเรี ยน (chorion) 4. เปลือกไข่ (shell) แสดงการพัฒนาของเอ็มบริ โอไก่ภายในไข่ ในช่ วงเวลา
  • 50. การพัฒนาของไข่ เมื่อได้ รับการผสมแล้ ว ไข่ เมื่อได้ รับการผสมแล้วจะกลายเป็ นไซโกต (ZYGOTE) แล้ วมีการแบ่ ง นิวเคลียสแบบไมโทซีส ไซโกตจะมีการเปลียนแปลงต่ อเนื่องกัน 4 ระยะ คือ ่ 1. CLEAVAGE เริ่มจากไซโกตแบ่ งตัวจาก 1 – 2 – 4 - 8 ... จนกระทั้ง เซลล์ มาเกาะกันเป็ นก้ อนกลมๆ เรียกว่ า โมรู ลา (MORULA) 2. BLASTULA เป็ นตัวอ่ อนในระยะทีมีการเคลือนทีของเซลล์ เพือให้ ได้ ่ ่ ่ ่ ช่ องว่ างในตัวอ่อนเรียกช่ องว่ างนีว่า BLASTOCOEL และเรียกเซลล์ ทล้อม ้ ี่ ช่ องว่ างว่ า BLASTODERM ลักษณะของตัวอ่ อนตอนนีคล้ ายผลน้ อยหน่ า ้ 3. GASTRULA เป็ นตัวอ่ อนทีต่อจากระยะ BLASTULA คือ เซลล์ ่ แบ่ งตัวแล้ วเคลือนทีเ่ ข้ าข้ างในเห็นตัวอ่ อนเป็ นรู ปถ้ วย ซึ่งดูคล้ ายมีผนัง 2 ชั้น คือ ่ ชั้นนอกและชั้นในและในตอนนีจะเห็นมีช่องว่ าง 2 ช่ อง คือ BLASTOCOEL ้ และ ARCHENTERON ซึ่งช่ อง ARCHENTERON ต่ อไปจะเจริญไปเป็ น ทางเดินอาหาร ต่ อมาจะเกิดเนือเยือแทรกระหว่ างเนือเยือชั้นนอกและเนือเยือ ้ ่ ้ ่ ้ ่ ชั้นใน เนือเยือที่เกิดขึนใหม่ นคอเนือเยือชั้นกลางในตอนท้ ายระยะ GASTRULA ้ ่ ้ ี้ ื ้ ่ จะมีการสร้ างระบบประสาทขึน ้
  • 52. 4. การเกิดรูปร่างของเอ็มบริโอ (embryogenesis) เป็น การเปลียนแปลง เนื้อเยือชันต่างๆ เป็ นรูปร่างของเอ็มบริโอที่ ่ ่ ้ สมบูรณ์ต่อไป ซึงประกอบด้วย ่ - อวัยวะที่เปลี่ยนแปลงมาจากเนื้ อเยื่อชันนอก เช่น ้ ผิวหนัง (skin) , ส่วนของปาก , ระบบประสาท เป็ นต้น - อวัยวะที่เปลี่ยนแปลงมาจากเนื้ อเยื่อชันกลาง เช่น ้ ระบบกล้ามเนื้อ , โครงกระดูก , ระบบขับถ่าย , ระบบสืบพันธุ์ ,ระบบ หมุนเวียนโลหิต เป็นต้น - อวัยวะที่เปลี่ยนแปลงมาจากเนื้ อเยื่อชันใน เช่น ระบบ ้ ทางเดินอาหาร , ระบบหายใจ , อืนๆ เป็นต้น ่
  • 53.
  • 54. 13. การเจริ ญระยะเอ็มบริ โอของคน การเจริ ญเติบโตของทารกในครรภ์ การเจริ ญเติบโตของทารกในครรภ์ อาจแบ่งออกได้เป็ น 3 ระยะด้วยกัน คือ 1. ระยะไข่ตก (Ovulation) 2. ระยะคัพภะ (Embryo) 3. ระยะตัวอ่อน (Fetus)
  • 55.
  • 56. รู ปแสดงการเจริญเอ็มบริโอของคนตั้งแต่ เริ่มคลีเวจครั้งแรกจนถึงคลอด การคุ้มภัยให้ ลูกอ่ อนแบ่ งออกเป็ น 2 วิธี คือ 1. เอ็มบริ โอที่เจริ ญนอกตัวแม่ เอ็มบริ โอพวกนี้ จะต้องมีส่วนที่ช่วย ่ ป้ องกันอันตรายให้แก่เอ็มบริ โอที่อยูภายใน เช่น ไข่ไก่ ไข่กบ 2. เอ็มบริ โอที่เจริ ญภายในตัวแม่ เอ็มบริ โอพวกนี้ จะมีความปลอดภัยสู ง มากเพราะแม่จะเป็ นตัวคุมภัยให้ ้
  • 57. การเจริญเติบโตหลังระยะเอ็มบริโอของสัตว์ สัตว์บางชนิดเช่น แมลงและกบ มีการเปลียนแปลง ่ รูปร่างขณะเจริญเติบโต โดยรูปร่างขณะทีเป็ นตัวอ่อนและ ่ ตัวเต็มวัยแตกต่างกันมาก เรียกการเปลียนแปลงแบบนี้วา ่ ่ เมทามอร์โฟซิส (metamorphosis)
  • 58. 1. เมทามอร์ โฟซิสของแมลง แบ่งออกเป็ น 4 แบบคือ 1.1 ไม่ มีเมทามอร์ โฟซิส (ametamorphosis ) ตัวอ่อนที่ฟักออกจากไข่มีรูปร่ างเหมือนกับพ่อแม่ทุกอย่าง แล้ว ตัวอ่อนก็ค่อย ๆ เจริ ญเติบโตแล้วลอกคราบเจริ ญเป็ นตัวเต็มวัยต่อไป เช่น แมลงสามง่าม แมลงหางดีด
  • 59. 1.2 มีเมทามอร์โฟซิสแบบค่อยเป็ นค่อยไป (gradual metamorphosis) ตัวอ่อนทีฟกออกมาจากไข่มรปร่างคล้ายพ่อแม่ แต่มอวัยวะบางอย่างไม่ ่ ั ีู ี ครบ เช่น ไม่มปีก เมื่อแมลงโตขึนและลอกคราบปีกจะเริมงอกขึนเรียกตัวอ่อน ี ้ ่ ้ ระยะนี้วา นิมฟ์ (nymph) ต่อจากนันก็จะมีการลอกคราบหลายครังและเจริญเป็น ่ ้ ้ ตัวเต็มวัยต่อไป เช่น ตักแตน แมลงสาบ ปลวก เหา ไร่ไก่ จักจัน ๊ ่
  • 60. 1.3 มีเมทามอร์โฟซิสแบบไม่สมบูรณ์ (incomplete metamorphosis) มีลกษณะคล้ายแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ขณะทีเจริญเติบโตนัน มีการ ั ่ ้ เปลียนแปลงรูปร่างมากกว่า ตัวอ่อนมักเจริญอยูในน้า หายใจด้วยเหงือกเรียกว่า ่ ่ ไนแอด (naiad) ต่อจากนันตัวอ่อนจะลอกคราบขึนมาอยูบนบกและหายใจด้วย ้ ้ ่ ระบบท่อลม เช่น ชีปะขาว แมลงปอ
  • 61. 1.4 มีเมทามอร์โฟซิสแบบสมบูรณ์ (complete metamorphosis) โดยมีการเจริญเปลียนแปลงรูปร่างของร่างกาย เป็ น 4 ขันตอน ่ ้ ั ด้วยกัน คือ ไข่ (egg) แล้วฟกเป็ นตัวอ่อนหรือตัวหนอน(larva) ซึงกินอาหาร ่ เก่งมากและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ต่อจากนันจึงเป็ นดักแด้ ้ (pupa) ั หยุดกินอาหารมักใช้ใยหรือใบไม้หมตัวและฟกตัวอยูระยะหนึ่ง ตัวเต็มวัย ุ้ ่ (adult) ออกจากเกราะและสืบพันธุได้ต่อไป เช่น ด้วง ผีเสือ แมลงวัน ยุง ผึง ์ ้ ้ ไหม
  • 63. 2. เมทามอร์โฟซิสของกบ ั หลังจากปฏิสนธิตวอ่อนจะฟกออกจากไข่เป็นลูกอ๊อด (tadpole)ว่ายน้า ั และหายใจด้วยเหงือกซึงอยูภายนอก (external gill) มีการงอกขาหลังและขา ่ ่ หน้าต่อมาเปลียนแปลงรูปร่างโดยส่วนหางหดสันเข้า ขึนมาอาศัยอยูบนบก ่ ้ ้ ่ หายใจด้วยปอดและผิวหนังแทนเหงือก อายุได้ 3 ปีสบพันธุต่อไป ื ์ ไข่ ลูกอ๊อด ลูกกบ
  • 64.